เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 64: ฮิโกะโบชิ กับ โอริฮะเมะ ที่พบกันไม่ได้

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 64: ฮิโกะโบชิ กับ โอริฮะเมะ ที่พบกันไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฮิโกะโบชิ กับ โอริฮะเมะ ที่พบกันไม่ได้
(เป็นตัวละครในเรื่องเล่าของเทศกาล ทานาบาตะ ที่ทางช้างเผือกแยกทั้งสองไม่ให้ได้อยู่ด้วยกัน)

 

[มุมมองของ ยูกิกะ]

 

“…..ใช่ ขอบคุณนะ……–แล้วไว้เจอกันจ๊ะ ยูริจัง” (ยูกิกะ)

 

 แล้วฉันก็วางสายไปหลังจากที่ได้โทรหาหลานสาวของฉัน

 

 เหงื่อนั้นไหลออกมาเนื่องจากอากาศที่ร้อน ฉันก็เลยไปเปิดเครื่องปรับอากาศ จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาและจิบชาข้าวบาร์เลย์

 

……มันคงไม่ง่ายเอาซะเลยสำหรับยูริจัง

 

หลานสาวของฉัน ยูริ เป็นลูกสาวของพี่สาวของฉัน และดูเหมือนว่าเธอนั้นจะกำลังมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก เธอได้ไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนพร้อมกันทั้งครอบครัว แต่ก็ดูเหมือนว่ามีเรื่องเกิดขึ้นมาอีกซะนี่

 

ฮ่าาา.……. เขานี่ช่างเป็นเด็กที่ถูกปัญหาชื่นชอบเอาซะจริงๆ

 

 ทันทีที่ฉันได้ละสายตาจากเขาไปแม้เพียงแค่ครู่เดียว เขาก็มักจะได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการที่แปลกประหลาดอยู่เสมอ

 

 และกว่าที่ฉันนั้นจะรู้เรื่อง มันก็มักจะจบลงไปแล้ว นี่น่ะเป็นสิ่งที่ฉันนั้นไม่ชอบในตัวของเขาเอาซะเลย

 

แล้วก็ดูเหมือนว่ายูริ จะได้ลองพยายามจะเข้าหายูกิ ในหลายๆทาง แต่ก็ดูเหมือนมันจะไม่เกิดผลเลย ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย แต่มันก็ยากอยู่แล้วที่จะคืบหน้าไปได้ในช่วงแรก แต่ฉันเองนั้นก็ไม่เคยได้ยินเรื่องการไปเที่ยวพักผ่อนพร้อมกันทั้งครอบครัวนี้มาก่อน มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นหดเข้าใกล้กันมามากขึ้น

 

 -นี่คงจะเป็นจุดเริ่มต้น จากนี้ไปพวกเราน่าจะได้ก้าวไปข้างหน้ากันซะที

 

สิ่งต่างๆนั้น ก็ค่อยๆเริ่มดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย สิ่งที่เคยเป็นภาพเชิงลบที่ไม่รุ้จะอธิบายอย่างไรได้นั้น ในตอนนี้มันก็ได้กลายเป็นศูนย์ไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการเพิ่มเติมอะไรใหม่ๆขึ้นมาได้ อย่าเพิ่งได้วางใจไป มันยังไม่มีอะไรที่ได้เริ่มต้นจริงๆเลย

 

มันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่มีแค่ระหว่างพี่สาวของฉันกับยูกิ ที่พวกเขาเท่านั้นที่รู้ ฉันเองก็แน่ใจว่ายูริเองนั้นก็เหมือนกัน และยูกิก็คงจะไม่บอกเรื่องนั้นให้กับใครๆ ให้ได้ต้องมาเกี่ยวข้องและรับรู้ และถึงแม้หากเขาทำอะไรไปจริง เขานั้นก็ย่อมที่จะไม่ยอมบอกกับพวกเธอแน่

 

 เป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่า จะต้องทำอะไรในตอนนี้

 

 จนท้ายที่สุดแล้ว ยูกินั้นก็ดูจะไม่ยึดติดกับใครเลย

 

 เขานั้นไม่ได้ต้องการ หรือคาดหวังอะไรจากใครๆ

 

 ด้วยความจริงที่ว่ายูกินั้นได้พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงแค่สิ่งหนึ่งที่เขาต้องจ่ายไปเท่านั้น

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าเขานั้นไม่สามารถที่จะไปให้ไกลกว่าจุดนั้นได้ อนาคตกับคนอื่นๆนั้นยังไม่มีอยู่จริงในชีวิตประจำวันของยูกิ ยูกิเพียงแค่พยายามที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่ก็ล้มเหลว และทุกครั้งที่เขาล้มเหลว เขายังคงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เขาดูจะไม่สามารถหลุดพ้นมันไปได้ ถึงแม้ว่าฉันนั้นจะเป็นคนที่เริ่มต้นทุกอย่างไว้เอง แต่ว่าทุกอย่างจากจุดนั้น ก็มีแต่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันหลายต่อหลายครั้ง แล้วมันยังเกิดขึ้นต่อเนื่องกันเป็นชุด

 

ยังคงไม่มีความไว้วางใจหรือความเชื่อมั่นในใคร และถึงแม้ว่าจะเคยมี มันก็ไม่เหมือนกับความไว้วางใจหรือความเชื่อมั่นปกติต่อไปอีกแล้ว เพราะขนาดคนที่เขาไว้ใจ พวกเธอก็ดันไปทรยศต่อเขา แต่ยูกินั้นก็จะไม่รู้สึกอะไรหรือเจ็บปวดอะไร เพราะเขาได้เชื่อมั่นไปแล้วว่า มันเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว มันคล้ายๆกับการถอดใจ ซึ่งคุณจะเอาแต่คิดว่าทุกอย่างเป็นความผิดของคุณเท่านั้น

 

 ไม่สำคัญเลยว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง หรือแม้แต่คนรัก

 

ถ้าหากยังเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป ถึงแม้ว่าจะได้มีใครบางคนอยู่เคียงข้าง ยูกิ ที่แม้จะไม่ทรยศเขาไปจนวันตาย การรับรู้ของเขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง นั่นคือกฎของโลกที่ยูกิจังตั้งไว้

 

 นั่นเป็นวิธีที่ “สามัญสำนึก” ของยูกินั้นกำลังทำงานในตอนนี้

 

 โลกของยูกิถูกกำหนดไปด้วย “สามัญสำนึก” เช่นนี้

 

 เขาจะแค่ไม่มีความสุขเหรอ? หรือว่าจะแค่โชคร้าย? ไม่อาจรู้ได้เลย แต่ยูกิจังก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนโยนและมีสามัญสำนึกที่แตกต่างไปก็เท่านั้น

 

 ซึ่งก็คงบอกได้เพียงคำเดียวว่า มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เลวร้ายและโหดร้ายมาก

 

ถึงอย่างนั้น ฉันเองก็กำลังก้าวออกไปข้างหน้า เพียงเพราะตัวฉันได้ตระหนักแล้วว่าความรู้สึกที่ฉันได้รับมานั้น ไม่ใช่ความเกลียดชังนั้นพรรค์นั้น แต่มันกลับเป็นความความปรารถนาดี มันจึงเป็นโอกาสที่ฉันนั้นกำลังรอคอย

 

“ฉันสงสัยว่า…… กาลิเลโอ จะรู้สึกแบบนี้หรือเปล่านะ” (ยูกิกะ)

 

 แล้วฉันก็หัวเราะเยาะให้กับจินตนาการอันไร้สาระนี้ เป็นอะไรที่ออกจะดูเกินจริงมากเกินไป

 

อย่างไรก็ตาม กาลิเลโอผู้ซึ่งได้สืบสานเจตจำนงของโคเปอร์นิคัส และสนับสนุนทฤษฎี Geocentric และเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนความเชื่อของเขาที่ว่าโลกนั้นหมุนรอบตัวเองไปเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นหลังจากถูกศาลศาสนาพิจารณาคดีปฏิเสธไปแล้ว

 

สามัญสำนึกนั้นเป็นสิ่งที่แข็งแกร่ง มันเข้มแข็งมากจนแม้เมื่อแสดงหลักฐานไปก็ยังไม่ยอมยอมรับอย่างดื้อรั้น เช่นเดียวกับการโต้วาทีเชิงปรัชญา แทนที่จะเป็นการโต้เแย้งไปตามข้อเท็จจริง บางครั้งผู้คนก็เชื่อในแต่สิ่งที่ตัวเองสะดวกใจเท่านั้น และสำหรับยูกิ มันไม่ใช่เรื่องของความสะดวกเลยด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องของความปกติในชะตากรรมที่ไม่อาจอธิบายได้ และไม่มีเหตุผลอื่นใดเลย

 

 จึงเป็นการยากที่จะล้มล้าง “สามัญสำนึก” นั้น

 

 คนญี่ปุ่นที่อยู่อย่างสงบสุขซึ่งจะไม่ได้พกพาอาวุธอีกต่อไปหลังจากยุคล่าดาบ ก็เลยไม่เข้าใจ “สามัญสำนึก” ของสังคมปืนเช่นกัน

 

 พวกเรานั้นไม่รู้จัก “สามัญสำนึก” ที่ยูกิได้ฝึกฝนมาจนถึงตอนนี้ บางทีอาจคงมีเพียงผู้ที่สามารถเอาชนะชะตากรรมนั้นได้ ถึงจะสามารถเดินเคียงข้างเขาได้

 

 อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมของยูกิก็กลับมีแต่สิ่งรบกวนในช่วงนี้

 

 ดูราวกับกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโชคชะตาที่กำลังใกล้เข้ามา—-

 

—————————————————————————————————————-

 

 

 

แล้วเสียงกลองไทโกะก็ดังขึ้น ในขณะที่ดนตรีของเทศกาลก็ได้บรรเลงทำนองอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา ผู้คนเดินผ่านแผงขายของ บางคนถือศาลเจ้าพกพามาด้วย และคนอื่นๆ ต่างก็เต้นรำ คนทุกเพศทุกวัย ชายและหญิง ผู้ใหญ่ เด็ก และสภาพสตรี การบรรเลงสดที่ไม่มีข้อติอะไรเลย ยอมรับเลยว่านี่น่ะเป็นการบรรเลงชั้นยอด ทุกคนดูสนุกสนาน ทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม -ยกเว้นแค่ผม

 

ผมย้ายที่ไปที่ขอบข้างทางเพื่อไม่ให้ขวางทางและรออยู่ที่จุดนัดพบอย่างงุนงง แล้วผมก็ดูเวลาจากนาฬิกาและพบว่านี่ก็เป็นเวลาประมาณ 18.00 น. ซึ่งดอกไม้ไฟนั้นจะเริ่มเวลา 19.00 น. แต่ว่าเวลานัดพบที่ฮินางิระบุเอาไว้น่ะคือ 17.30 น. มันเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว และผมยังไม่เห็นหรือเจอเธอเลย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผมนั้นรอมาเกือบชั่วโมงแล้วเพราะผมมาถึงตอนประมาณ 5 โมงเย็น

 

กลิ่นของคาวลอยมาจากแผงลอย ผมก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็น ผมตอนนี้กำลังหิวโหย ผมจึงซื้อทาโกะยากิ และก็ได้กินเข้าไป แต่ว่าผมนั้นไม่สามารถที่จะไปเดินดูแผงขายของรอบๆได้เลยจริงๆ ดังนั้นมันจึงเป็นช่วงเวลาที่ว่าง

 

 ยังคงไม่มีวี่แววของฮินางิ ผมก็รู้ตัวว่านี่ก็คงต้องพอแล้ว

 

 …… เธอผิดนัดผมไปแล้วงั้นเหรอ?

 

แล้วพอเมื่อผมนั้นนึกย้อนกลับไป ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พวกเพื่อนร่วมชั้นชายและหญิงได้เชิญผมไปงานปาร์ตี้ และผมนั้นก็เป็นคนเดียวที่ได้รับคบอกให้ไปพบกันคนละที่ ซึ่งไม่ว่าจะรอนานแค่ไหนก็ไม่มีใครมา ผมก็ไม่ได้รับสายจากใครจนกระทั่งหลังจากที่ผมได้กลับถึงบ้าน พอวันรุ่งขึ้นพอผมไปถึงโรงเรียน พวกเขาก็หัวเราะกันและบอกผมว่ามันเป็นแค่เรื่องล้อเล่นตลกๆ -บ้าเอ๊ย

 

และหลังจากนั้น ผมก็ได้เพิกเฉยต่อพวกเขาราวกับว่าพวกเขานั้นไม่มีตัวตนอยู่จริง แล้วตอนนี้ผมเองก็จำใบหน้าหรือชื่อพวกเขาไม่ได้แล้วด้วย ผมก็ไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้ตั้งใจนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ พวกเขาก็กลับมาเปลี่ยนทัศนคติกันเอาในภายหลัง โดยที่มันก็เป็นแค่การหาข้อแก้ตัวโง่ๆเท่านั้น แต่ผมก็ไม่ได้ยินเสียงของคนเหล่านั้นที่ไม่มีตัวตน มันเป็นความคิดที่สมบูรณ์แบบ หลังจากนั้น และก็ยังคงจะมาเป็นจนถึงเทศกาลที่มาในวันนี้

 

 มันช่างเป็นเวลาที่น่าเบื่อมาก แต่ผมก็มั่นใจว่าฮินากิไม่ใช่คนแบบนั้น

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมรู้จักคือฮินากิในอดีต ไม่ใช่ฮินากิในปัจจุบัน คนเราเปลี่ยนแปลงได้ หรือเรียกได้ว่าเป็นผมคนเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลง ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเหตุผลที่แท้จริงของเรื่องนี้น่ะมันคืออะไร ถึงแม้ว่าเราจะห่างเหินกันมาระยะหนึ่งแล้วและเพิ่งจะได้เริ่มคุยกันอีกครั้งด้วยเหตุผลอะไรหลายๆอย่างก็เถอะ

 

“โคโคโนเอะ?” (???)

 

 ผมถูกเรียกหยุดไว้ แต่คนที่เรียกผมนั้นกลับไม่ใช่ฮินากิ ซูซูริคาวะ ซึ่งก็ไม่ใช่ผู้หญิงตั้งแต่แรกซะด้วยซ้ำ

 

“……ใครน่ะ?” (ยูกิ)

 

“อย่ามาทำลืมว่าฉันเป็นใครสิ! เราอยู่ห้องเดียวกันนะ!” (ทาคาฮาชิ)

 

“ฉันล้อเล่นน่า คอนโดะ” (ยูกิ)

 

“ไอ้บ้านั่นมันใครกัน? ทาคาฮาชิ! คาซึนาริ ทาคาฮาชิ นี่ก็ผ่านมาได้ประมาณ 4 เดือนแล้วนะ……” (ทาคาฮาชิ)

 

“เยี่ยมๆ นายก็คือ คาซึนาริ ทากาฮาชิ ใช่ไหมล่ะ ฉันจำนายได้” (ยูกิ)

 

“เอาจริงๆ……?” (ทาคาฮาชิ)

 

“นายคือ คาซึนาริ ทากาฮาชิ คนที่เล่นในทีมแบดมินตัน ฉันรู้จักนายน่า” (ยูกิ)

 

“ฉันอยู่ทีมฟุตบอลเฟ้ย……” (ทาคาฮาชิ)

 

“นายคือ คาซึนาริ ทากาฮาชิ แล้วนายก็กำลังเล่นให้กับทีมฟุตบอล ฉันรู้” (ยูกิ)

 

“นี่นายกำลังเก็บข้อมูลโดยให้ฉันบอกนายก่อนสินะ……” (ทาคาฮาชิ)

 

 ช่างเป็นผู้ชายที่ร่าเริง แต่ว่าเขานั้นไม่เหมือนผม คาซึนาริ ทากาฮาชิ ไม่ได้อยู่แค่คนเดียวที่ด้านหลังยังมีอีก อืมคู่ชายหญิง

 

 อืม……ใครนะ?

 

“นี่นายเลี้ยงต้อยงั้นเหรอเนี่ย?” (ยูกิ)

 

“อะไรของนายเนี่ย! มันคงแย่เอานะถ้าจะเป็นงั้นน่ะ นี่น่ะคือน้องสาวของฉัน ทาจิบานะ มาทักทายกันสิ” (ทาคาฮาชิ)

 

“……สวัสดีค่ะ” (ทาจิบานะ)

 

แล้วเธอก็ไปกำที่ชายเสื้อของทาคาฮาชิ ก่อนจะรีบซ่อนไปด้านหลังนิดหน่อยเพื่อมองดูเด็กผู้ชายที่มองกลับมามาที่เธอ เธอนั้นสวมชุดยูกาตะซึ่งเหมาะกับเธอมาก ซึ่งก็ดูไม่เหมือนการมาออกเดทอย่างแน่นอน หากถ้ามันเป็นการเดท ผมคงได้มีเคืองเอาหลายๆเรื่องเลยล่ะ

 

“ทาคาฮาชิ เป็นพี่ชายของหนูค่ะ……” (ทาจิบานะ)

 

“ทาจิบานะน่ะอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่สอง พอดีแม่ของฉันไม่ว่าง แล้วเนื่องจากว่าเป็นช่วงเทศกาล ฉันเลยพาเธอมาด้วยน่ะ” (ทาคาฮาชิ)

 

“อ้อ เข้าใจแล้วล่ะ เอานี่ฉันจะให้ขนมเธอนะ” (ยูกิ)

 

แล้วผมก็หยิบเอาขนมออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ทาจิบานะจัง เพื่อเป็นการแสดงและบ่งบอกถึงความสนิทสนมให้ของผม ซึ่งเธอก็รับมันไปโดยไม่ลังเล เธอดูจะขี้อายเล็กน้อย แต่เธอก็ดูเป็นเด็กที่ดีและซื่อตรง

 

“แล้ว ทำไมนายถึงมาที่นี่ล่ะ โคโคโนเอะ?” (ทาคาฮาชิ)

 

“ฉันเองก็คิดว่าพวกเราควรจะได้เจอกันแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่น่ะ” (ยูกิ)

 

“อะไรกัน? มีคนอื่นอีกเยอะเลยนะจากชั้นเรียนของเราที่มาที่นี่น่ะ ฉันน่ะเห็นซากุระอิกับคนอื่นๆ กำลังพาชาคาโดะไปก่อนหน้านี้ด้วย” (ทาคาฮาชิ)

 

“เอลิซาเบธ? ฉันแค่หวังว่าชาคาโดที่อยู่แต่ในเงาจะไม่ละลายหายไปซะก่อนน่ะนะ” (ยูกิ)

 

“ฉันคิดมาอยู่ตลอดเลยน่ะแต่ ใครคือเอลิซาเบธน่ะ…..?” (ทาคาฮาชิ)

 

“นี่ ทาจิบานะจัง ดึงที่ตรงนี้สิ มันเป็นธงสากลน่ะ” (ยูกิ)

 

“ว้าว! สุดยอด!” (ทาจิบานะ)

 

“นั่นมันอะไรน่ะ?” (ทาคาฮาชิ)

 

แล้วพอทาจิบานะจัง ดึงเชือกที่ออกมาจากกระเป๋าของผม ธงพับสากลก็หลุดกางออกมาอย่างไม่สะดุด ผมนั้นซื้อมันมาด้วยความอยากรู้ที่ร้านค้าที่ผมนั้นแวะระหว่างทางที่นี่ ถึงแม้ว่ามันดูเป็นของที่ไร้ประโยชน์ แต่กลับกลายเป็นว่ามีประโยชน์อย่างไม่คาดคิด ตาของทาจิบานะจังนั้นเป็นประกาย มั่นใจได้เลยว่าจะต้องเป็นที่ถูกใจของเด็กๆแน่นอน

 

“พี่น้องทาคาฮาชิ นี่จะไปแล้วเหรอ?” (ยูกิ)

 

“อย่าพูดถึงพวกเขาเหมือนเราเหมือนเป็นพี่น้องแดงและเขียวงั้นเซ่ะ(ล้อมาริโอ้กับลุย์จิ) ก็พวกเราอยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารอพาร์ตเมนต์น่ะ เพราะงั้นพวกเราจึงสามารถดูดอกไม้ไฟได้จากระเบียงเลยล่ะ นี่โคโคโนเอะ กำลังออกเดทกับใครบางคนหรืออะไรรึเปล่า? โทษทีนะ ที่พวกเราเข้ามาขัดจังหว่ะ ใช่รึเปล่า?” (ทาคาฮาชิ)

 

“ไม่ ฉันเองก็กำลังจะไปแล้วอยู่เหมือนกัน” (ยูกิ)

 

“อย่างนั้นหรือ? อ้อ เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งเห็นซูซูริคาวะด้วยนะ แต่ว่าเธออยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง…… เดี๋ยวสิ หรือนั่นน่ะเพื่อจะมากับซาซูริคาวะงั้นเหรอ?” (ทาคาฮาชิ)

 

“—ดูเหมือนว่าฉันคิดผิดไป” (ยูกิ)

 

“อะไร? เกิดอะไรขึ้น—” (ทาคาฮาชิ)

 

“ฉันหิวแล้ว แล้วฉันจะต้องกลับบ้านล่ะ แล้วเจอกันนะ ทาจิบานะจัง” (ยูกิ)

 

 มันคงเสียเวลาที่จะอยู่ในสถานที่นี้ต่อไป ดอกไม้ไฟนั้นก็กำลังจะเริ่มแล้ว แต่ว่าผมก็ไม่อยากจะดูคนเดียว ผมคงจะไปที่ร้านอาหารและกลับบ้าน

 

 ถ้าหากผมลองใตรตรองคิดถึงคำพูดของ คาซูนาริ ทาคาฮาชิ แล้วล่ะก็ คำตอบก็จะออกมาหาผมเหมือนตามปกติ

 

 ฮ่า ฮ่า ผมเข้าใจแล้วแล้ว เธอน่ะส่งให้ผิดคนไม่ใช่เหรอไงน่ะ?

 

 การติดต่อที่มาจาก ฮินากิ นั้นไม่ได้จะส่งถึงผมตั้งแต่แรกใช่ไหมล่ะ

 

มันก็มีโอกาศอยู่มากที่เธอเข้าใจผิดโดยการที่ตั้งใจจะชวนคนอื่น แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงไม่ส่งมาแก้กับผมเมื่อผมตอบกลับไป แต่บางทีเธอนั้นก็อาจจะไม่รู้ว่ามันมาจากผมก็ได้

 

ก็ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้นะ ไม่ว่าจะมาดูอีกสักกี่ครั้งแล้ว แต่ถ้าฮินากิไม่อยู่และเธอยังไปช่วงเทศกาลฤดูร้อนกับคนอื่นอยู่ล่ะก็ การที่เธอจะมาอยู่ตรงหน้าผมนั้นก็คงจะไม่ใช่ มันคงผิดธรรมชาติไปเยอะ นั่นก็คือคำตอบ พอลองมาคิดดูแล้ว ก็มีอยู่หลายครั้งในอดีตที่ฮินากิส่งข้อความที่ดูไม่ค่อยเข้าใจมาหาผม

 

 ผมนั้นก็ควรที่จะตระหนักได้ถึงมันซะก่อนหน้านี้ละน้า

 

 –มันไม่มีทางอยู่แล้วที่ฮินากิซึ่งโบกมือลาให้ผมในวันนั้น จะกลับมาชวนผมไปเที่ยวเทศกาลฤดูร้อน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด