เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 37: ความปรารถนาในฤดูร้อน

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 37: ความปรารถนาในฤดูร้อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Vol. 5 : มันคือ “รัก” หรือ “บาป”

ความปรารถนาในฤดูร้อน

 

โอ้ว นี่คือฤดูร้อน! มันร้อนจัง นี่ผมเองยูกิโตะ โคโคโนเอะ

 

แล้วก็มันก็ยังไม่ใช่หรอกนะ ผมน่ะไม่ใช่เหยื่อของตั๊กแตนตำข้าวหรอก ผมน่ะเป็นมนุษย์นะ (หมายถึงจะโดนตัวเมียจับกิน)

 

เคยมีชายผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ได้เคยบอกเอาไว้ว่าวันหยุดฤดูร้อนนั้นมันสั้นเกินไป เพราะว่ายังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณจะต้องทำอยู่อีกเยอะมาก แต่ว่าผมกลับไม่คิดอย่างนั้น นี่น่ะมันเป็นสิทธิพิเศษสำหรับนักเรียนที่จะได้มีวันหยุดมากกว่าหนึ่งเดือนเชียวนะ และอย่างน้อย หลังจากที่คุณได้เป็นเข้าร่วมเป็นสมาชิกคนนึงของกลุ่มสังคมแล้ว มันจึงเป็นการยากที่จะมีวันหยุดพักยาวๆแบบนี้ เว้นเสียแต่คุณจะได้รับแจ้งจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

 

ผมหมายความว่ามันตลกจริงๆนะ กับผมที่จะหัวเราะให้กับวง Clambon [เป็นวงดนตรีวงนึงในญี่ปุ่น] และขณะที่ผมกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมก็ยังจะต้องฟังอาจารย์ซายูริ ที่กำลังพูดถึงข้อควรระวังต่างๆ สำหรับวันหยุดหน้าร้อนไปที่ละข้อๆอยู่ แล้วตอนนี้ผมก็อยู่ในโหมดของการศึกษาอย่างจริงจัง ก็เพราะผมนั้นกำลังจดจ่ออยู่กับงานที่กำลังทำอยู่

 

“โดยเฉพาะนายเลยนะ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ อย่าไปสร้างปัญหาในช่วงวันหยุดหน้าร้อนนะ! ฉันไม่อยากที่จะต้องถูกเรียกมาที่โรงเรียนในช่วงวันหยุดด้วยเหมือนกัน ฉันขอร้องนายจริงๆล่ะ” (อาจารย์ซายูริ)

 

“แต่อาจารย์ครับ ผมอยากก็เจอคุณจริงๆจนผมตัวแทบสั่นเลยล่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ก็สิบกว่าปีมาแล้วนะ ที่จะมีคนมาพูดแบบนั้นกับฉันน่ะ อย่ามาทำตัวสบายๆ ไปกับการต้องมาทรมานผู้ที่อาวุโสกว่าแบบนี้สิ” (อาจารย์ซายูริ)

 

“ก็เพียงเพราะผมนั้นได้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมอยากจะเข้าไปเกี่ยวด้วยซะหน่อยนี่ครับ” (ยูกิโตะ)

 

“ก็นะ ฉันก็รู้ล่ะ แต่ว่า…….. ยังไงก็ขอให้ช่วยอยู่อย่างสงบๆหน่อยก็ละกัน ฉันเองก็เหนื่อยเหมือนกันนะ รู้ไหม? แล้วก็ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ครูคนๆอื่นถึงได้เข้ามาทำดีกับฉันอยู่แปลกๆด้วย เหมือนอยู่ๆพวกเขาก็มาสนใจฉันขึ้นมาซะอย่างนั้น” (อาจารย์ซายูริ)

 

“แล้วมันไม่ดีเหรอครับ?” (ยูกิโตะ)

 

“นี่มันเป็นความผิดของนาย 100% เลยนะ โอเค๊? นายเข้าใจไหม? หืมมมม? เอาล่ะ ทุกคนก็ระวังตัวอย่าให้เกิดอุบัติเหตุก็แล้วกัน แล้วหลังวันหยุดฤดูร้อน ก็อย่าไปทำให้เด็กสาวที่เงียบๆเรียบร้อยๆ เปลี่ยนไปเป็นคนละกันอย่างกะทันหันซะล่ะ ถึงพวกนายจะมีอิสระที่จะเอามันออกมาใช้ แต่ช่วยให้แน่ใจด้วยนะว่าพวกนายน่ะมีการป้องกันที่ดีแล้วด้วยนะ เอาล่ะจบแค่นี้” (อาจารย์ซายูริ)

 

แล้วอาจารย์ซายูริก็ได้เดินออกจากห้องเรียนไปหลังให้คำเตือนครั้งสุดท้ายที่ฟังดูขยะแขยงและออกจะไม่พึงประสงค์ การขาดความน่าเชื่อถือของผมนี้มันช่างดูไม่มีค่าอะไรเลย และเมื่อจุดสิ้นสุดนี้กำลังใกล้จะมาถึงแล้วอยู่แล้ว แล้วในระยะสายตาผม มิเนตะ สาวแกลก็ได้เปลี่ยนที่นั่งมานั่งอยู่ข้างผม และก็ได้เข้ามาคุยกับผม

 

“นี่โคโคโนเอะ นี่นายทำอะไรอยู่มาสักพักแล้วเนี่ย? แล้วนายก็ดูจะรีบทำมากด้วยนะ” (มิเนตะ)

 

“ก็ไม่หรอก พอดีฉันเพิ่งจะทำการบ้านปิดเทอมหน้าร้อนเสร็จตะกี้น่ะ” (ยูกิโตะ)

 

แล้วผมก็หยิบเอกสารการบ้านที่พิมพ์แจก ที่ผมนั้นได้กรอกในคำตอบลงกล่องใส่คำตอบทั้งหมดแล้วขึ้นมาให้มิเนตะดู ผมน่ะเคยสงสัยว่านี้ผมจะต้องทำการบ้านมากแค่ไหนกันนะเมื่ออยู่มัธยมปลาย แต่มันก็ไม่ได้จะมีมากมายอะไรนัก ผมนั้นคาดหวังกับการบ้านเอาไว้มาก แต่มันก็ไม่เยอะซะเท่าไหร่เลย แล้วมันเป็นแค่การบ้านธรรมดาๆทั่วๆไป เช่น เอกสารชุดที่พิมพ์แจก โจทย์ชุดปัญหา และงานเรียงความ

 

“นี่วันหยุดหน้าร้อนนี้ยังไม่ทันได้เริ่มเลยนะ! มันเริ่มพรุ่งนี้นะ!” (มิเนตะ)

 

“ถ้าหากว่าเธอสงสัยล่ะก็ ฉันน่ะทำเรียงความเสร็จแล้วด้วยเหมือนกันนะ เนื่องจากฉันมักจะเตรียมรายงานที่เข้ารูปเล่มไว้แล้วอยู่ประมาณสิบเล่มเป็นสต็อกเก็บอยู่เสมอน่ะ” (ยูกิ)

 

“เอาจริงสิ……เสร็จหมดแล้ว……” (มิเนตะ)

 

การบ้านนี้มีไม่มากนักในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน แต่มันมักจะต้องมีการทำรายงานเป็นรูปเล่มอยู่เสมอ และถ้าหากคุณเขียนเอาไว้ล่วงหน้า คุณไม่จำเป็นจะต้องมาทำมันในช่วงวันหยุดแบบนี้ และก็ตั้งแต่แรกคุณไม่จำเป็นที่จะต้องอ่านหนังสือเพื่อเขียนสรุปในรายงานเล่มด้วย ก็แค่เพียงเขียนอะไรลงไปเพิ่มอย่าง “ผมรู้สึกเห็นใจในความคิดของผู้เขียน” หรืออะไรทำนองนั้น

 

ถึงจะมีบางคนที่ต้องการจะแย้งว่าพวกคนหนุ่มสาวในปัจจุบันนี้ไม่ชอบอ่านหนังสืออีกแล้ว แต่ก็แทนที่ด้วยการเพิ่มจำนวนขึ้นของนิยายบนเว็บ ก็คงเพราะด้วยเหตุนี้ คนหนุ่มสาวในสมัยนี้จึงได้เปิดรับอินเทอร์เน็ตได้มากกว่าชายและหญิงสูงอายุแล้ว ที่คงจะบอกเลยว่าก็เพราะพวกคุณมันเป็นวัยรุ่นสมัยเก่าโบราณโน้นนี่นา

 

“อะไรกัน แล้วนี่นายจะไม่ใช่ว่าจะต้องว่างในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนนี้หรอกเรอะ?” (โคยูกิ)

 

แล้วเจ้าหนุ่มหน้าใสก็เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มแหยๆ เป็นหนุ่มรูปงามที่สดใสและช่างไร้เดียงสา ดูแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นสมกับวันหยุดในหน้าร้อนที่กำลังรออยู่ข้างหน้านี้เลย

 

“อะไรล่ะนั่น? ก็ฉันมันเป็นคนโดดเดี่ยวที่มืดมนไง ไม่มีทางที่ฉันจะไม่ว่างได้หรอก!” (ยูกิโตะ)

 

“แล้วทำไหงต้องทำหน้างั้นล่ะ!” (โคยูกิ)

 

“ก็เพราะว่าฉันเคยต้องไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนน่ะ ก็นะ แล้วฉันจะต้องใช้เวลากับมันด้วยการอยู่ไปตัวคนเดียวนี่” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ฉันชักกลัวอดีตของนายแล้วนะ และอีกอย่าง ทำไมนายถึงชอบลืมฉันอยู่ตลอดเลยเนี่ย และนี่มันเป็นวันหยุดหน้าร้อนนะ ไปเที่ยวด้วยกันไหมล่ะ?” (โคยูกิ)

 

แล้วฟันขาวๆของเขาเปล่งประกาย ผมคิดอยู่พักหนึ่งล่ะนะว่าเจ้ารูปหล่อหน้าใสคนนี้ดูจะชอบผมมากเกินไปแล้วนะ และถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะดังอยู่ด้วยเหมือนกันก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่เคยได้ยินข่าวลืออะไรเกี่ยวกับเขาเลยนะ หรือมันจะเป็นไปได้ว่า…….

 

 ฮ่า ฮ่า ผมเข้าใจแล้ว นี่เขาเป็นเกย์งั้นเหรอเนี่ย……ห๊ะ?

 

ผมถึงกับตัวแข็ง ผมไม่สามารถบอกสิ่งที่คิดนี้ให้กับหนุ่มรูปหล่อหน้าใสได้หรอกนะ โคยูกิ มิโฮะที่น่าสงสาร ผมคงจะต้องอ่อนโยนกับเขาให้มากขึ้นซะแล้วสิ

 

“ขอโทษนะโคยูกิ ฉันไม่รู้ว่านายจะได้ไปยืนอยู่อีกฝากนึงของอีกฝั่งนั่น ครั้งหน้าไปย่านอิเคบุคุโระด้วยกันก็แล้วกันนะ เพราะมันมีการพัฒนาสิ่งใหม่ขื้นมาของทางออกฝั่งตะวันออกที่กำลังเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นนะ และมันก็กำลังมีการเปลี่ยนแปลงตามโลกไปอย่างมากด้วย” (ยูกิโตะ) (หมายถึงตลาด BL ของโซนนั้น)

 

“ได้เลย ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? ฉันรู้สึกเหมือนนายกำลังรู้สึกเศร้าใจกับฉันขึ้นมาอย่างกระทันหันซะงั้น แต่ฉันก็คิดว่านายคงจะต้องมีเข้าใจอะไรผิดอีกแล้วแน่ๆ” (โคยูกิ)

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล ฉันอยู่ข้างนายเอง ฉันจะไม่ปฏิเสธมันหรอก เข้มแข็งเอาไว้นะ ​​โคยูกิ” (ยูกิโตะ)

 

“คือฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นล่ะนะ แต่ก็คงโอเค” (โคยูกิ)

 

เจ้าผู้ชายที่รูปหล่อเหลาหน้าใสนี้เป็นคนใจกว้างและเปิดรับดีนะ แล้วในระหว่างการพูดคุยนี้ มิเนตะได้ร้องขอออกมา

 

“อืม โคโคโนเอะ-เซนเซ! ฉันขอลอกการบ้านของนายหน่อยจะได้ไหม? (มิเนตะ)

 

“ฉันไม่ให้ฟรีหรอกนะ” (ยูกิโตะ)

 

“นี่นายคงจะไม่รับเงินจากเพื่อนร่วมชั้นหรอกใช่ไหม……?” (มิเนตะ)

 

แล้วเธอมองมาที่ผมพร้อมกับเขย่าตัวผมอย่างพอประมาณ ก็เธอน่ะเป็นสาวแกล และดูเหมือนเธอจะเคยชินกับเรื่องแบบนี้สินะ คุคุคุ แต่มิเนตะที่แสนหวาน ผมเองก็เพิ่งได้เรียนรู้วิธีรับมือกับสาวแกลมาแล้วด้วยนะ

 

“แล้วทำไมไม่โชว์ Pant(กางเกงใน)ให้ผมดูซะล่ะ?” (ยูกิโตะ)

 

“—- อะไรนะ!?” (มิเนตะ)

 

“เดี๋ยวก่อนยูกิโตะ นายกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ!” (ฮินากิ)

 

“มะ-ไม่นะ นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” (ชิโอริ)

 

แล้วฮินากิกับชิโอริ ก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือเมื่อเห็นว่าสถานะการณ์นั้นดูจะวุ่นวาย และทั้งชั้นเรียนก็ส่งเสียงดังกระหึ่มขึ้น และก็มีนักเรียนบางคนถึงกับพิมพ์อะไรบางอย่างบนโทรศัพท์ไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดานี่ ว่าแต่นี่พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ?

 

“คุ-! ฉันจะยอมถอยหรอกนะ และวันนี้ก็เป็นที่ดีของฉันและก็ปลอดภัยที่จะให้เห็น…… นี่มันก็เพื่อวันหยุดฤดูร้อนนี่นะ ถูกไหม? ฉันทนมาได้ขนาดนี้แล้ว! ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าอยากเห็นจริงๆนะ ทุกคน โคโคโนเอะจัง!” (มิเนตะ)

 

“นี่อย่าเพิ่งจริงจังเกินไปนักสิ มิเนตะซัง!” (ฮินากิ)

 

“ยูกิ นี่นายเป็นอะไรของนายกันเนี่ย!” (ชิโอริ)

 

“พวกเธอสองคนเป็นอะไรไปน่ะ? ก็นี่น่ะเป็นข้อได้เปรียบของสาวแกลไม่ใช่เหรอ แล้วเธอก็น่าที่จะมีกางเกงสวมทับไว้ก่อน—-” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันไม่รู้ว่านะว่านายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรนะ แต่ว่าฉันค่อนข้างแน่ใจเลยว่ามันจะต้องมี Punch(ชก)ซักหน่อยก่อนล่ะ!” (ชิโอริ)

 

อาเระ? นี่ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า? ก็พี่สาวของผมบอกให้ฟังมาว่า ‘ก็นายน่ะมักจะโชคร้ายกับผู้หญิง ดังนั้น ถ้าหากไปเจอกับสาวแกลเข้ามายุ่งกับนาย นายควรขอ(Pant)กางเกงในเธอไปก่อนเลย’ โอ้… ผมเดาว่าผมคงจะได้ยินเธอผิดไปสินะ ใช่แล้วที่จริงมันก็คือ Punch(ชก) มันไม่ใช่ Pant(กางเกงใน)……. (pant ถ้าเขียนด้วยภาษาญี่ปุ่นจะหมายถึงกางเกงใน)

 

 แต่ก็ใช่ ผมไม่ได้ต้องการที่จะเห็นมันหรอกนะ โอเค๊? ผมสาบานได้นะ!

 

—————————————————

 

 

และพอผมได้กลับมาถึงบ้าน ผมก็ได้พบว่าแม่กำลังรอผมอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าจริงจัง แถมยังเป็นบรรยากาศที่หนักหน่วงทั้งๆที่ยังอยู่ในบ้านซะอีก เธอนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึมมาก บางทีอาจมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธองั้นเหรอ ผมได้ลองค้นหาดูจากความทรงจำของผมเพื่อดูว่าผมนั้นทำอะไรผิดไปหรือเปล่า แต่สิ่งที่ผมนั้นคิดได้ก็คือสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นวันนี้เองนะ ซึ่งมันก็มีมากเกินไปกว่าที่จะบอกได้ ผมนั้นไม่สามารถระบุได้เลย ผมอยากจะไปแล้วอ่ะ…..

 

“แม่มีเรื่องสำคัญจะบอกให้ลูกฟัง พอจะฟังแม่ได้ไหม?” (แม่)

 

“ได้ครับ มันคือ” (ยูกิโตะ)

 

และเธอก็ได้ดึงอะไรบางอย่างออกมา และมันเป็นแผ่นโบรชัวร์

 

“พอดีตอนนี้มีแคมเปญ GOTO(ไปเถอะ) เริ่มต้นขึ้นแล้วน่ะ ทำไมพวกเราสามคนถึงไม่ไปเที่ยวด้วยกันซะหน่อยล่ะ?” (แม่)

 

“แล้วนี่ทำไมมันถึงจะต้องทำให้เป็นบรรยากาศแบบนี้ด้วยล่ะครับเนี่ย!” (ยูกิโตะ)

 

“ก็มันเป็นครั้งแรกที่พวกเราจะได้……. ไปเที่ยวกันเป็นครอบครัว” (แม่)

 

“งั้นหรือครับ…” (ยูกิโตะ)

 

“ทริปสปาน่ะดูเป็นไง? แบบสามวันสองคืนนะ” (แม่)

 

“ผมก็คิดว่าไม่เป็นไรนะครับ” (ยูกิโตะ)

 

“จริงๆนะ? ลูกแน่ใจนะว่าต้องการจะไป นี่จะไม่กลับคำใช่ไหม?” (แม่)

 

“ทำไมแม่ต้องไม่มั่นใจอะไรขนาดนั้น….” (ยูกิโตะ)

 

“ก็เพราะ แม่มีความสุขมาก—-” (แม่)

 

แล้วที่หางตาของแม่มีก็ได้มีน้ำตาปริ่มอยู่ ซึ่งมันก็เป็นความจริงที่เราสามคนไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันมาก่อน มันเป็นเพราะว่าผมนั้นปฏิเสธพวกเขาไปซะทุกที เนื่องจากผมได้คิดว่าทั้งแม่และพี่สาวนั้นไม่ชอบผม ดังนั้นผมก็เลยคิดไปเอาเองว่ามันคงจะทำให้พวกเขาลำบากใจมากกว่าที่จะได้สนุกกับการไปเที่ยว ถ้าหากว่าผมนั้นอยู่กับพวกเขา ผมนั้นไม่ต้องการที่จะทำให้พวกเขาต้องรู้สึกไม่สบายใจ ผมมักจะอยู่บ้านเสมอในขณะที่แม่และพี่สาวนั้นเดินทางไปเที่ยวด้วยกัน แต่ผมเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องนั้นหรอกนะ

 

มันก็เพียงเพราะว่า มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้มันจะยังคงเป็นอย่างนั้นอยู่ สุดท้ายแล้วผมก็ไม่รู้ว่าแม่นั้นมีเจตนาอะไร แล้วตอนนี้ก็มีสองอารมณ์ที่กำลังขัดแย้งกัน ผมนั้นไม่รู้ว่าอันไหนถึงจะถูก แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็เริ่มที่จะคิดได้นิดหน่อยแล้วว่า ถ้าหากผมนั้นมีมันทั้ง 2 อย่างเอาไว้ บางทีผมอาจจะไม่ต้องติดแหงกอยู่กับอารมณ์เพียงแค่อย่างเดียวนี้ก็ได้ ผมนั้นอยากที่จะเชื่อว่าการดำรงอยู่ของผมจะได้รับการยอมรับ ที่จะมากพอที่จะสามารถตอบรับคำเชิญชวนได้

 

และผมเองก็ไม่เคยไปน้ำพุร้อนกับครอบครัวมาก่อนด้วย แต่ก็ถึงเวลาแล้ว ผมก็เลยตั้งตารอ เพราะบางทีผมอาจจะไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวอีกครั้งแล้วก็ได้

 

“ผมจะตั้งตารอเลยครับแม่ –โอ๊ะ หวาวา!” (ยูกิโตะ)

 

แล้วผมก็ได้ถูกกอดอีกครั้ง คนที่อยู่ในบ้านนี้มีมักจะมีนิสัยชอบการกอดกันใช่ไม๊เนี่ย?

 

——————————————————

 

 

[มุมมองของคุณแม่]

 

ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ว่าลูกชายของฉันจะตอบรับไปเที่ยวกับฉัน! ฉันดีใจมากที่ฉันได้ถามเขา ฉันมั่นใจว่าเขาจะต้องปฏิเสธมันเหมือนอย่างเคย ถึงจะไม่รู้ว่าการเปลี่ยนใจนี้มันเกิดขึ้นยังไงก็ตาม แต่ว่าตอนในนี้ฉันก็มีแต่ความสุข ฉันมีความสุข ฉันมีความสุขมาก! หัวใจของฉันนั้นเต้นแรงราวกับสาวน้อยที่กำลังเฝ้ารอคอยอะไรบางอย่างเลย

 

ฉันไม่เคยได้มีเวลาไปพักผ่อนพร้อมกันทั้งครอบครัวแบบนี้มาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ เขามักจะขอตัวไว้ก่อนเสมอ ทำไมกันล่ะ? ฉันได้ถามเขา แต่เขาไม่เคยที่จะตอบฉัน เหตุผลนั้นน่าจะละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก และมันก็น่าจะเป็นบาปของฉันที่ได้ทำให้เขานั้นต้องรู้สึกแบบนั้น มันก็เพราะฉันไม่ได้มอบความรักให้กับเขาอย่างถูกต้อง เขาจึงต้องแบกรับมันไว้

 

ไหนจะความโชคร้ายของเขาที่มีต่อผู้หญิง รวมถึงการที่เขาจะต้องเจ็บปวดอยู่เสมอนั้นก็ล้วนเป็นความผิดของฉัน ผ่านไปสิบหกปีแล้วตั้งแต่ที่เขาได้เกิดมา มันนานมากแล้วนะ แต่ฉันไม่สามารถที่จะพูดได้ว่า พวกเรานั้นได้แก้ไขความสัมพันธ์ของเราได้เรียบร้อยแล้ว ที่จริงมันยังคงบิดเบี้ยวและซับซ้อนมากจนฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานอีกนานแค่ไหนกว่าจะคลี่คลายมันได้

 

มีเพียงความหวังอันริบหรี่ว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งต่างๆนี้อาจกลับคืนมาเป็นเหมือนปกติได้ แต่ฉันก็รู้ว่าถึงแม้นั่นจะเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก เพื่อที่จะทำให้กลับไปสู่ความสัมพันธ์ที่เป็นปกติ ถึงยังนั้นฉันก็จะต้องชดใช้ให้กับช่วงตลอดเวลา 16ปีที่ผ่านมาให้ได้ มันเป็นเวลามากเกินไปที่จะชดใช้ให้มันให้กลับมาเป็นครอบครัว กับความเป็นแม่ และเพื่อให้ได้ทุกอย่างกลับคืนมา ฉันคงไม่อาจที่จะต้องใช้เวลาไปอีกสิบ 16ปีนับจากนี้ได้หรอก เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะไม่อยู่ภายใต้การดูแลของฉันอีกต่อไป และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ฉันไม่สามารถทำในสิ่งที่ปกตินั้นจะทำเหมือนกับตอนที่เขายังเป็นเด็กได้ มันมีทางเดียวก็คือการให้ความรักไปให้มากที่สุดและทุ่มเทให้มากที่สุดเท่าที่จะให้ได้แก่เขา

 

และมันก็จะเป็นอีกวันหนึ่งที่ฉันจะได้ทุ่มเทความรักและความเสน่หาทั้งหมดที่ฉันเก็บเอาไว้มาตลอด 16 ปีที่ผ่านมาแล้วได้ ความรักของครอบครัว ความรักของพ่อแม่ หรือแม้แต่ความรักแบบอื่นๆ เช่น ความรักแบบที่คุณจะทุ่มเทให้กับเพศตรงข้าม และมันก็ไม่สำคัญอีกแล้วว่าไม่ว่าจะใช้มันในรูปแบบไหน มันไม่สำคัญหรอกว่ามันจะเป็น “ความรัก” อย่างไหน ฉันไม่สนใจในข้อแตกต่างหรือความผิดแผกอีกแล้ว ฉันก็แค่จะรักในแบบที่ฉันนั้นทำได้ เพราะว่าฉันนั้นได้ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว

 

 ไม่ว่ามันจะเจ็บปวดสักแค่ไหน ไม่ว่ามันจะดูเหมือนว่าจะบ้าคลั่งสักเท่าไหร่

 

 ฉันก็ไม่อยากที่จะต้องมาเสียใจเอาทีหลังอีกต่อไปแล้ว

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด