เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 42: ความคลุมเคลือ

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 42: ความคลุมเคลือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ความคลุมเคลือ

 

นักเรียนที่ยังคงมาโรงเรียนในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน โดยทั่วไปก็มักจะแบ่งออกได้เป็นสามประเภท โดยจะเป็นพวกกิจกรรมของชมรม พวกเรียนเสริม หรือไม่ก็พวกคณะกรรมการสภานักเรียน ถึงผมเองนั้นเคยล้มเหลวมาแล้วกับเรื่องการใช้ชีวิตมาก่อน แต่เนื่องจากคะแนนสอบของผมนั้นดีมาก ดังนั้น ถ้าหากว่าผมจะต้องมาโรงเรียน มันก็คงจะเป็นเรื่องกิจกรรมของชมรมหรือไม่ก็เรื่องของกรรมการสภานักเรียน แต่เนื่องจากว่าผมเองก็ไม่ได้เป็นกรรมการอะไรนั่น นั่นก็เลยจะต้องหมายถึงกิจกรรมของชมรมอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผมนั้นกำลังอยู่ที่ห้องของสภานักเรียน

 

แล้วนี่มันก็ยังอยู่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ที่โรงเรียนก็เลยไม่ได้มีอะไรที่เข้มงวดเหมือนปกตินัก และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราที่กำลังนั่งอยู่ในห้องของสภานักเรียน และสามารถกินไอศครีมและพูดคุยกันไปด้วยได้ แต่ก็แน่นอนล่ะว่าพวกเราไม่ได้มาอยู่ที่นี่โดยที่ไม่มีธุระอะไร

 

“ความบังเอิญนี่มันช่างน่ากลัวจังนะ…. แต่ฉันว่า บางทีคุณอาจจะมีความสุขที่จะ–” (ยูมิ)

 

“ยูมิ โอเน่จัง” (ยูกิ)

 

“ฮ๊ะ! มะ ไม่นะ อย่าทำอย่างนั้นสิ ……นี่มันไม่ดีสำหรับหัวใจของฉันเลยนะ! แล้วฉันจะให้เงินค่าขนมกับคุณนะ” (ยูมิ)

 

แล้วเธอก็ได้ให้ผมมา 100 เยน ผมจึงกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แล้วผมจะซื้อเครื่องดื่มคืนรุ่นพี่ในภายหลังก็ละกัน และที่ข้างหน้าผม รุ่นพี่มิกุโมะก็กำลังเดินกระวีกระวาด วนไปมาและหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดง รอยยิ้มที่ดูเขินอายของเธอนี้มันช่างเจิดจ้ายิ่งนัก เมื่อไม่นานมานี้พวกผู้หญิงรอบๆตัวผมนั้นก็ดูจะกดดันผมมากเกินไป แต่กับรุ่นพี่นี้ ผมกลับอยู่ด้วยได้อย่างสบายใจ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่หลุดแนวคิดความเป็น “โมเอะ” ไปสักหน่อยก็เถอะ

 

“แล้วทำไมคุณถึงเข้ากันไม่ได้กับตาลุงนั่นล่ะ?” (ยูกิ)

 

“มันก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอก แล้ว…….. พวกเขาก็ดีกับฉันด้วยนะ แต่ฉันก็ยังสงสัยอยู่ ฉันไม่แน่ใจว่าฉันนั้นยอมรับมันได้แล้วรึเปล่าน่ะ ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะว่าฉันนั้นก็ยังเป็นแค่เด็กน่ะ” (ยูมิ)

 

“นี่คุณไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานใหม่นี้งั้นเหรอ?” (ยูกิ)

 

“ไม่ ไม่หรอก พอแม่มาบอกว่าจะแต่งงานใหม่ ฉันเองก็สนับสนุนเธอนะ ดูเหมือนเธอจะมีความสุขหลังจากที่เธอเริ่มได้คบกับชิอุนซัง แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ฉันก็ตกใจมากที่ได้รู้ว่ามันเป็นเพราะเรื่องชู้สาวน่ะ” (ยูมิ)

 

ผมได้ยินมาว่าพวกรุ่นพี่กำลังมีงานที่จะต้องทำ เพื่อเตรียมการสำหรับงานเทศการของโรงเรียน และก็มาโรงเรียนกันเป็นบางวันแบบนี้ ผมจึงมั่นใจว่าไคโดะที่ได้ไปที่ห้องพักครูก็น่าจะกลับนี่มาในไม่ช้านี้

 

แล้วผมก็ถามรุ่นพี่มิกุโมะเกี่ยวกับเรื่องของตาลุงคนนั้น ถ้าหากว่าตาลุงนั้นพาผมไป มิกุโมะกับผมก็จะกลายมาเป็นพี่น้องกัน เมื่อผมได้บอกพี่สาวไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็ได้แสดงความเกลียดชังต่อคำว่า “พี่สาวต่างแม่” ออกมาอย่างผิดปกติอย่างมาก นี่มันอะไรกันน่ะ อะไรทำให้เธออารมณ์เสียได้ถึงขนาดนั้นกันได้ล่ะนี่?

 

ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมตาลุงถึงไม่สนิทสนมกับรุ่นพี่มิกุโมะ ดังนั้นผมก็เลยมาที่นี่เพื่อที่จะสอบถาม ผมได้ยินมาว่าเรื่องทั้งหมดนั้นมันเริ่มขึ้น เมื่อเขาได้เรียกชื่อจริงของรุ่นพี่ในการสนทนาในครอบครัวของเขา ตาลุงที่ได้ใช้ชื่อสกุลเดียวกัน ก็ได้พยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ของเขากับลูกสาวบุญธรรม แต่ยิ่งผมได้ยินเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งฟังดูเหมือนเรื่องที่ดูตื้นเขินมากขึ้นเท่านั้น

 

“ฉันเองไม่คิดเลยว่าจะเป็นคุณนะ ยูกิโตะ แล้วนี่อยากจะย้ายไปอยู่กับฉันไหม?” (ยูมิ)

 

“ยูมิ โอเน่จัง” (ยูกิ)

 

“ก็นั่นล่ะถึงได้ทำไม มู่! โม่ว! ฉันทำไมได้……ฉันยังทำใจยอมรับมันไม่ได้ ……งั้นฉันจะให้เงินค่าขนมกับคุณนะ” (ยูมิ)

 

แล้วผมก็ได้เงินมาอีก 100 เยนจากเธอ และปากของรุ่นพี่ก็ดูจะขยับในลักษณะบู้บี้ไปมา ปฏิกิริยาของพี่สาวคนนี้ของผมนั้นช่างดูชื่นใจมากซะจนผมอดไม่ได้ที่จะทำสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป

 

แต่ถึงอย่างนั้นผมเองก็ยังเป็นแค่คนนอก และในมุมมองของแม่ของรุ่นพี่แล้ว ผมก็คงเป็นคนที่นำแต่ความรำคาญมาให้ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาบอกกับผมเอาตอนนี้ ที่มันจะต้องทำให้แม่ของผมก็ต้องอารมณ์เสียมากด้วยเช่นกัน

 

“แต่ก็ถูกแล้วล่ะ ใช่แล้ว ฉันเองก็ไม่คิดว่ามันจะได้ผลด้วยเหมือนกันนะ” (ยูมิ)

 

แล้วรุ่นพี่มิกุโมะก็ได้ฝืนยิ้มมาให้ผมอย่างลำบาก รุ่นพี่บอกว่าเธอนั้นยังเด็ก แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลย ประเด็นคือทุกอย่างเป็นเพียงความบุ่มบ่ามโดยไม่คิดของตาลุงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ไม่ได้ทำให้ใครนั้นมีความสุขเลย คนเดียวที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้น่ะคือตาลุงนั่นล่ะ และก็คงอาจเป็นเพราะว่า เขาเป็นคนที่เข้ากันกับแม่ของผมไม่ได้ จึงได้เลิกรากันไป แต่ถ้าหากเขาต้องการเริ่มต้นความสัมพันธ์กับแม่ของรุ่นพี่ อย่างน้อยเขาก็ควรที่จะต้งมีวิธีการจัดการความสัมพันธ์ให้ได้อย่างเหมาะสมด้วย

 

 ตาลุงนั้นได้ทำร้ายใครบางคนไปโดยไม่รู้ตัว

 

 ซึ่งมันก็เหมือนกันกับผม—-

 

ผมนั้นอดไม่ได้ที่จะคิดว่าเราอาจจะเป็นพ่อลูกกันจริงๆก็ได้ หากเป็นอย่างนี้ ผมก็คงจะไม่น้อยหน้าไปกว่ากันนักหรอก ความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนมันจะต้องทำให้ใครบางคนไม่มีความสุขเอาได้ การเลื่อนคำตอบไปแบบนี้มันไม่ได้มีความหมาย มันไม่ต่างอะไรไปกับการให้แค่ความความหวังเลย

 

“แต่ฉันก็มั่นใจว่ามันคงจะต้องสนุกนะ ถ้าหากว่าได้มาอยู่ด้วยกัน ก็เพราะฉันเองเป็นลูกคนเดียว ฉันจึงคิดอยากที่จะมีพี่หรือน้องมาโดยตลอดน่ะ” (ยูมิ)

 

“ไม่จริงสักหน่อย ผมเองแทบจะไม่ได้คุยกับพี่สาวเลยจนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้” (ยูกิ)

 

“งั้นเหรอ? ก็เห็นเหมือนพวกคุณดูจะเข้ากันได้ดี ……” (ยูมิ)

 

“—เธอน่ะเกลียดผมมาสักพักก่อนแล้วน่ะ” (ยูกิ)

 

จะพยายามแต่งเติมยังไงมันก็ยังคงเป็นความจริง ถึงหากจะไม่ใช่เธอ มันก็คงจะไม่เกิดเรื่องจากสิ่งที่เธอได้ทำหรอกนะ ความสัมพันธ์ของผมกับพี่สาวของผมก็ยังคงอยู่ในสภานะที่ยุ่งเหยิง ถึงแม้ว่าจะมีการปรับใจกันไปได้แล้วบ้าง แต่เราก็ยังห่างไกลจากการเป็นดัง “พี่น้องทั่วไป” อันที่จริงผมน่ะรู้สึกว่าเรานั้นดูจะห่างไกลกันมากขึ้นไปอีก แล้วนี่ผมพอจะทำอะไรกับมันได้บ้างไหมนะ?

 

ถึงยังไงก็ตาม ก็ขอได้โปรดช่วยรับฟังผมหน่อยก็ยังดี เพราะแม้กระทั่งเมื่อไม่นานนี้ เตียงในห้องของผมที่ควรเป็นเตียงเดี่ยว แต่ว่าก็ไม่รู้เพราะอะไร พี่สาวของผมถึงได้ยื่นเรื่องไปให้กับแม่ของผมโดยตรง และจากนั้นก็ได้เตียงขนาดควีนไซส์มาแทนที่ ก่อนที่จะถึงวันหยุดหน้าร้อนเอาซะอีก แม่เองก็บอกว่าแค่ ใช่แล้วล่ะ แล้วเธอก็ดูจะตื่นเต้นในเรื่องนี้ด้วย ก็คงต้องขอบคุณเธอล่ะนะ ที่ตอนนี้ผมน่ะมีเตียงขนาดใหญ่อยู่ในห้องของตัวเองซึ่งกว้างเพียงพอสำหรับผู้ใหญ่สองคนที่จะลงไปนอน

 

แต่มันก็เป็นความจริงที่ห้องของผมนั้นดูกว้างขวาง ก็เพราะว่าผมนั้นแทบจะไม่มีของใช้ส่วนตัวเลย แต่ทำไมผมถึงจะต้องการเตียงที่มันใหญ่ขนาดนี้กันล่ะ? พอผมต้องการคำตอบ เธอนั้นก็พูดว่า “ก็จะได้ทำให้เรานอนด้วยกันได้สบายขึ้นใช่ไหมล่ะ” ช่างเป็นคำตอบที่ไร้ความปราณีเสียนี่กะไร และเธอยังบอกต่อไปอีกว่า “และตอนนี้นายก็สามารถขยับได้อย่างคล่องตัวหรือแรงขึ้นได้แล้วล่ะนะ” ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจว่าพวกเธอน่ะหมายถึงอะไร อะไรที่พวกเธอหมายถึงกับไอ้การเคลื่อนไหวที่รุนแรงบนเตียงกันล่ะเนี่ย?

 

ผมเองมันก็เป็นแค่คนตัวเล็กๆ และความไม่ยั้งคิดของพี่สาวผมเองก็เรียกได้ว่าอยู่คนละระดับกับผม ผมน่ะอยากจะไปยื่นหนังสือร้องเรียนเรื่องนี้ให้กับศูนย์บริการลูกค้ามันซะเลย แต่เนื่องจากพี่สาวของผมถูกระบุเป็นผู้ติดต่อ ผมจึงไม่อาจที่จะแย้งอะไรได้ ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่กันแน่! นี่ห้องของผมนะ มันกลายเป็นห้องนอนของคู่แต่งงานไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ผมนั้นสับสนเหมือนกับนักผจญภัยที่โดนเวทเมดาปานีโจมตีเข้าใส่ (เมดาปานี เวทมนต์ที่ทำให้จิตใจสับสนของเกม ดราก้อนเควส)

 

เอาล่ะกลับมาที่หัวข้อตอนนี้กันต่อ ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าทำไมพี่สาวของผมถึงทำในสิ่งที่เธอทำกับผมไปในตอนนั้น ผมนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเธอถึงได้อยากจะปิดระยะห่างระหว่างพวกเรากันในตอนนี้ บางทีพวกเรากำลังแค่พยายามหลีกเลี่ยงการไปแตะต้องโดนเนื้อในของแต่ละคนกัน แล้วเธอก็คงจะรู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ในปัจจุบัน ที่สร้างขึ้นมาจากโดยไม่แตะต้องเนื้อในของกันและกันนั้น ในที่สุดมันก็จะนำไปสู่การล่มสลายที่ร้ายแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อถึงจุดหนึ่ง ผมคงจะต้องเผชิญหน้ากับพี่สาวของผมให้ได้อย่างเหมาะสม ถ้าหากพวกเราไม่ทำ พวกเราก็จะไม่มีวันเป็น “พี่น้องธรรมดา” กันได้ไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน

 

“ฉันน่ะไม่ค่อยถูกกับ…… ผู้ชาย บางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันนั้นกลัวชิอุนซังน่ะ” (ยูมิ)

 

“แต่ตอนนี้คุณกำลังคุยกับผมอย่างปกติเลยนะ” (ยูกิ)

 

“ก็คุณคือคนพิเศษน่ะ คุณพยายามช่วยฉันในครั้งนั้น” (ยูมิ)

 

“มันก็เป็นแค่ความพยายาม และผมก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” (ยูกิ)

 

“ถึงอย่างนั้น! ฉันก็ต้องขอโทษ ทั้งที่คุณพยายามช่วยฉัน ฉันแค่อยากจะขอโทษอีกครั้งสำหรับความตั้งใจที่ดีของคุณ คุณเห็นไหมฉันน่ะ ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยในตอนที่ฉันอยู่กับมุซึกินั่นน่ะ” (ยูมิ)

 

แล้วรุ่นพี่ก้มศีรษะให้ลงสุด ผมยังไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย แล้วมันก็อึดอัดนะที่ต้องมารับการคำนับแบบนี้ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อต้องให้มาขอบคุณสักหน่อย มันไม่มีอะไรที่รุ่นพี่ควรจะต้องเป็นกังวล แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังโค้งคำนับผมมาแบบนี้ กับบุคลิคลักษณะแบบนี้ของรุ่นพี่มิกุโมะนี่ มันก็คงจะเพียงพอที่จะเรียกได้ว่าเป็นเซนต์ได้ล่ะนะ

 

“ผมขอเรียกคุณว่าเซนต์ได้ไหมครับ” (ยูกิ)

 

“มันน่าอายออกนะ! แล้วฉันก็ไม่ต้องการที่จะถูกขับไล่หรืออยากจะให้คุณมาล้อเลียนหรอกนะ” (ยูมิ) (ล้อโนเวลที่เป็นแนวนักบุญถูกขับไล่)

 

“ผมเข้าใจแล้ว ยูมิ โอเน่จัง” (ยูกิ)

 

“หยุดนะ! นี่คุณกำลังทำให้ฉันประหม่าแล้ว! แต่เรียกฉันแบบนั้นอีกสักครั้งก็ได้นะ ถ้าคุณต้องการน่ะ นี่ฉันจะให้เงินค่าขนมกับคุณ” (ยูมิ)

 

แล้วผมได้เงินเพิ่มขึ้นอีก 100 เยน ซึ่งตอนนี้ก็เป็นรายได้เสริมรวม 300 เยน แล้วผมจะคืนมันให้รุ่นพี่ของผมอีกทีละกัน

 

“โอ้ ขอบคุณที่อยู่รอนะ! ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ทำไมวันนี้ไม่มาบ้านฉันล่ะ ไม่ต้องห่วง บ้านของฉันนั้นก็ออกจะอยู่ไกลจากที่นี่น่ะ จะไม่มีใครที่จะรู้จักมาตำหนินายได้หรอก ถึงแม้นายจะส่งเสียงดังขึ้นไปอีกสักก็เถอะหน่อยน่ะ!” (เคอิโดะ)

 

“แล้วเจอกันนะ ยูมิ โอเน่จัง พอดีมีกิจกรรมชมรมกำลังรอผมอยู่แล้วน่ะ” (ยูกิ)

 

“อะ-อืม! ฉันหมายถึงช่วยหยุดมันทีนะ! แล้วฉันจะให้เงินค่าขนมกับคุณอีกก็ได้!” (ยูมิ)

 

 และพอเมื่อรุ่นพี่ที่บ้าตัญหานั้นกลับมา ผมก็กระโดดหนีไปเหมือนกับกระต่ายป่าและตรงไปที่โรงยิมทันทีเลยล่ะ

 

——————————————————————-

 

 

“ขอบคุณนะยูกิ! ให้ฉันได้ตอบแทนนายสักอย่างหนึ่งนะ” (ชิโอริ)

 

“ก็นี่มันวันเกิดเธอไม่ใช่เหรอ? อย่ากังวลไปเลย” (ยูกิ)

 

เสียงของเธอดังกังวานและแก้มของเธอกำลังแดงก่ำ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนี่ช่างสดใสซะจนฉันอยากจะหันหน้าหนีไปจากเธอซะเลยล่ะ

 

และหลังจากทำกิจกรรมในชมรมเสร็จ ชิโอริก็ได้ขอให้ผมพาเธอไปช่วยเลือกซื้อรองเท้าวิ่งที่ห้าง เราก็เลยต้องไปที่นั่น ราคานั้นก็อยู่ที่ประมาณ 15,000 เยน แต่เนื่องจากว่าผมมันก็ไม่มีงานอดิเรกอะไรจึงถือว่ามันเป็นราคาแค่เล็กน้อยที่จะต้องจ่ายไป และนอกจากนี้ ของขวัญวันเกิดมันก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะต้องให้โดยต้องมาคาดหวังว่าจะได้รับรางวัลอะไรกลับมาสักหน่อย

 

พวกเรายังคงเดินไปรอบๆร้านเสื้อผ้า ดวงตาของชิโอรินั้นเป็นประกายเจิดจ้า ผมรู้สึกสดชื่นเลยล่ะเมื่อได้เห็นดวงตาของชิโอริเป็นประกาย เพราะผมเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน

 

“คราวหน้าฉันควรจะให้อะไรกลับไปให้กับยูกิดีล่ะ สำหรับวันเกิดนายน่ะ!” (ชิโอริ)

 

“ฉันก็ไม่ได้ต้องการอะไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง” (ยูกิ)

 

“ม-นั่นไม่ดีนะ ฉันก็จะเป็นแค่ฝ่ายเดียวที่ได้รับของมาน่ะสิ” (ชิโอริ)

 

“งั้นก็อาจจะได้นะเมื่อถึงเวลาน่ะ” (ยูกิ)

 

“ได้เลย ฉันสัญญา!” (ชิโอริ)

 

ชิโอริดูมีสีหน้าหงุดหงิด แต่ว่าผมเองก็ไม่เคยรับรู้ถึงวันเกิดตัวเองเลย มันก็เลยดูจะไม่ได้ทำร้ายผม เอาจริงๆนะ ผมนั้นไม่เคยต้องการอะไรเป็นพิเศษเลย ดังนั้นในทุกๆปีกว่าผมจะรู้ได้ก็หลังจากที่มีคนมาบอกก็เท่านั้น

 

“คามิชิโระซัง?” (ซูซูกิ)

 

ในขณะที่เรากำลังเดินคุยกันอยู่ในห้าง ชิโอริก็ได้ถูกหยุดไว้ ผมสงสัยว่าพวกเขากำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากกิจกรรมชมรมเหมือนเราหรือเปล่า มันเป็นกลุ่มคนที่มีอยู่หลายคน และก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาข้างหน้าราวกับว่าถูกผลักออกมา

 

“รุ่นพี่ซูซูกิ ……?” (ชิโอริ)

 

ชื่อนั้นฟังดูคุ้นๆ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าจะต้องเป็นคนที่มาสารภาพกับชิโอริแน่ เขาน่าจะเป็นนักเรียนปีที่สองในทีมเบสบอลและเป็นเอซที่ดูมีศักยภาพมาก ผมเองก็ไม่เคยพบเขามาก่อน ดังนั้นผมจึงไม่สามารถเข้าไปขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขาได้

 

“นี่คุณกำลังเดทอยู่เหรอ คามิชิโระซัง” (ซูซูกิ)

 

“ไม่ ฉันไม่ใช่! ยูกิเพิ่งจะไปซื้อของกับฉันมา แต่มันไม่ใช่การเดทนะ” (ชิโอริ)

 

“คุณคือ……. โอ้ นายคือโคโคโนเอะ นี่เอง” (ซูซูกิ)

 

 ผมยังคงเงียบอยู่ แต่รุ่นพี่ก็เริ่มที่จะคุยกับผม

 

นี่คุณเป็นผู้นำเทรนด์ในการยกเลิกการแนะนำตัวเองก่อนใช่ไหมเนี่ย?

 

“นี่นายออกจะโด่งดังนะ ฉันเคอิจิ ซูซูกิ ปีสอง นายกับคามิชิโระซังกำลังเดทกันอยู่เหรอ?” (ซูซูกิ)

 

“ผมก็แค่มาช่วยเธอไปเลือกของที่ร้านน่ะ” (ยูกิ)

 

“พูดตามตรง ฉันไม่คิดอะไรมากเกี่ยวกับนายหรอกนะ ถึงแม้ว่าความจริงนายมันจะทำตัวเด่นเกินไปน่ะ” (ซูซูกิ)

 

“รุ่นพี่ ยูกิไม่ใช่คนแบบนั้นนะ!” (ชิโอริ)

 

“ฉันยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ คามิชิโระซัง คุณยังไม่ได้คบกับใครใช่ไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันคิดว่าฉันก็น่าจะมีโอกาส คราวที่แล้วฉันสารภาพกับคุณแล้วถูกปฏิเสธ แต่ฉันก็จะทำให้คุณหันกลับมาให้ได้” (ซูซูกิ)

 

“ฉัน-ฉันทำไม่ได้! ฉันคิดว่าฉันก็จะปฏิเสธคุณอีก!” (ชิโอริ)

 

“ฉันชอบเธอจริงๆนะ” (ซูซูกิ)

 

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันกำลังจะบอก……” (ชิโอริ)

 

คนกลุ่มใหญ่นั้นซึ่งก็คือเพื่อนๆของรุ่นพี่ก็หัวเราะกันออกมาอย่างช่วยไม่ได้ รุ่นพี่ซูซูกินั้นดูมีสายตาที่ตรงไปตรงมา วิธีที่เขาแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมานั้นมันช่างสง่างาม แต่ในขณะเดียวกัน แม้ว่าเธอเคยปฏิเสธเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ว่าการเข้ามาห้อมล้อมเธอด้วยกลุ่มคนแบบนี้และสารภาพกับเธออีกครั้ง ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังกดดันเธอ และให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนขี้ขลาด แล้วชิโอริล่ะ นี่เขาไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำเหรอว่าเธอไม่ชอบเขาน่ะ?

 

“มันป่วยการน่ะ ชิโอริ กลับบ้านกันเถอะ โอเค?” (ยูกิ)

 

“อะไรนะ ยูกิ? ขอโทษนะรุ่นพี่!” (ชิโอริ)

 

“อะโอ่ย เดี๋ยวก่อน!” (ซูซูกิ)

 

และพอดูแล้วว่าคงจะตามฟังเขาต่อไปไม่ไหว ผมก็เลยบังคับเพื่อยุติการสนทนา และผมก็ยักไหล่แล้วเดินไปยังทางออกกับชิโอริ ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่ารุ่นพี่ซูซูกิเป็นคนแบบไหน แต่ผมน่ะสงสัยว่าเขาจะต้องมารังควานคนที่เขาชอบแบบนี้ได้ยังไงกัน ถ้าหากยอมแพ้ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่มันดูไม่ยุติธรรมเลยที่เขาจะต้องไปไล่ต้อนเธอเอาแบบนั้น

 

“ขอบคุณนะยูกิ” (ชิโอริ)

 

“ก็เธอเป็นที่ป๊อปปุล่านี่นะ” (ยูกิ)

 

“มันฟังดูเหน็บแนมนะ ที่นายพูดน่ะ ใช่ไหม?” (ชิโอริ)

 

“ฉันไม่เคยมีแฟนนะ……” (ยูกิ)

 

“–ถ้าแค่!” (ชิโอริ)

 

หลังจากที่เดินออกไปนอกห้างได้ไม่นาน ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใสก็มืดลงในทันใด เมฆคิวมูโลนิมบัสก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วปกคลุมท้องฟ้าในฤดูร้อน และเมื่ออากาศที่เคยได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ถูกทำให้อากาศเย็นลง เมฆคิวมูโลนิมบัสก็จะพัฒนาต่อไปอย่างรวดเร็วและสภาพบรรยากาศนั้นจะไม่เสถียรอีกต่อไป ฟ้าร้องลั่นและฝนเริ่มตกลงมาในชั่วพริบตา ภัยธรรมชาติอย่างกะทันหันในฤดูร้อนนั้นคาดเดาได้ยากมาก และก็แน่นอน ผมนั้นไม่มีร่ม

 

 

“นี่มันฝนกองโจรงั้นเหรอ? แรงจูงใจของยูกิโตะ โคโคโนเอะ ถูกลดลงไป10 ชิโอริ ไปกันเถอะ!” (ยูกิ)

 

“ใช่แล้ว ยูกิมาที่บ้านฉันสิ มันใกล้กว่านะจากที่นี่น่ะ!” (ชิโอริ)

 

แล้วฝนที่เริ่มตกลงมาก็ค่อยๆแรงขึ้น มันตกกระทบพื้นยางมะตอยหนักมาก จนผมแทบไม่ได้ยินเสียงของชิโอริที่อยู่ถัดจากผมเลยล่ะ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด