เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 14: นักฟันพี่ปีสาม

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 14: นักฟันพี่ปีสาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นักฟันพี่ปีสาม

 

สวัสดีครับ ผมนักฟันพี่ปีสาม

 

ผม ยูกิโตะ โคโคโนเอะ และตอนนี้ก็มีคนขนานนามให้ผมว่า “นักฟันพี่ปีสาม” ไปเสียแล้ว

 

นี่มันจะไม่มากเกินไปหน่อยเรอะ? แล้วไอ้นักฟันนี่มันอะไรกัน? นี่ไปดูหนังโป๊มารึไงกัน? แล้วก็มีนักเรียนแบบนี้ในปีหนึ่ง! ขอโทษทีนะ ผมไม่ใช่แฟนของโยโกฮามะ(นักแสดงหนังAV)หรอกนะไห้ตายสิ…..

 

ในฐานะผู้ชาย ผู้ที่ได้มีนักเรียนปีสามแถมเป็นประธานกับรองประธานมาคุกเขาขอเป็นเพื่อนกับผม ผมยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็ได้กลายมาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในโรงเรียนไปเลย เหล่าข่าวลือทั้งหลายก็ได้กระจายออกไปไกลมากแล้วด้วย นั่นจึงมีคนขนานนามผมให้ว่าเป็น “นักฟันพี่ปีสาม” แต่ขอให้ผมได้บอกซะหน่อยนะ ผมน่ะไม่เคยคุกคามทางเพศอะไรกับพวกเธอเลย ผมไม่แม้แต่จะรู้วิธีใช้ไอ้(ถุง)ยางนั่นซะหน่อย แล้วก็ผมไม่ใช่คนที่มีอารมณ์ทางเพศสูงนะ แต่ผมก็มีมันเอาไว้ในประเป๋าเผื่อไว้ก่อนเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันเท่านั้นนะ รู้ไม๊? มันเป็นความจริงนะ!

 

มันมันไม่มีวีแววของ “เด็กมืดมน” เลยสักกะนิดตามแผนของผม แค่ผมเดินไปตามทางเดิน ผมก็ได้ยินผู้คนกระซิบกระซาบกันเกี่ยวกับผม ในกรณีนี้ใช้คำว่า “เพลย์บอย” ไปเลยยังมีความหมายที่เข้าใจได้มากกว่าซะอีก

 

กับการเริ่มกระจายออกไปกับชื่อที่ถูกขนานนามของผมแบบนี้ อันที่จริงมันจะต้องทำความเสียหายกับจิตใจผมได้เยอะมาก แต่ผมนั้นมีความแข็งแกร่งทางจิตใจที่เหมือนกับคาร์เมลทาไซท์(แร่อัญมณีที่แข็งกว่าเพชร) ดังนั้นผมจึงยังทนไหว

 

หลังจากเลิกเรียนแล้ว ผมก็ได้ไปชูตบาสเพียงคนเดียวในสนามบาสเก็ตบอลที่อยู่ในสวนสาธารณะ ผมไม่ได้มีความรู้สึกอยากที่จะกลับไปเล่นบาสเก็ตบอลอีกแล้ว แต่ผมรู้สึกได้ว่าร่างกายของผมนั้นทื่อลงหลังจากที่ได้เป็นสมาชิกชมรมกลับบ้าน แม้ว่าผมได้เริ่มออกมาวิ่งที่สวนสาธารณะเป็นประจำทุกวันก็ตาม แล้วการได้ชูตบาสอย่างไม่ใส่ใจอะไรก็มีผลช่วยให้จิตใจนั้นผ่อนคลายและช่วยทำให้ผมนั้นสามารถจัดระเบียบความคิดของตัวเองได้ด้วย

 

“เฮ้ ยูกิโตะ ไม่เจอกันซะนานเลย” (ฮยากุชิน)

 

ผมถูกเข้าหาจากทางด้านหลัง แล้วก็ยังมีอีกหลายคนตรงนั้นด้วย พวกเขานั้นเป็นคนคุ้นหน้าสำหรับผม แล้วคนที่ได้เรียกผมนั้นชื่อ ฮยากุชิน เขาไม่ใช่รุ่นพี่ในโรงเรียน แต่เขานั้นเป็นสมาชิกบาสเก็ตบอลของทีมข้างถนน ที่ได้มาฝึกกันที่สนามนี้ค่อนข้างบ่อย แล้วนี่ก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วย พวกเราได้พบกันในตอนผมอยู่โรงเรียนมัธยมต้นในตอนที่พวกเรานั้นออกมาฝึกด้านนอกแบบนี้ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเราก็ได้มาเล่นด้วยกันเป็นครั้งคราว

 

“นี่นายได้เข้าร่วมชมรมบาสเก็ตบอลในโรงเรียนมัธยมปลายรึเปล่าล่ะ?” (ฮยากุชิน)

 

“ไม่ละ ผมอยู่ชมรมกลับบ้าน ผมเจอไปเจออะไรมานิดหน่อยและผมก็แค่อยากที่จะยืดเส้นยืดสายน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“โอ้ แปลว่าวันนี้นายพอมีเวลาล่ะสิ? มาเล่นกัน!” (ฮยากุชิน)

 

“แน่นอน ได้เลยครับ” (ยูกิโตะ)

 

“โอเค! งันมาเริ่มแบ่งทีมกันเถอะ ยูกิโตะนายไปอยู่ทีมนั้นนะ” (ฮยากุชิน)

 

“รับทราบ” (ยูกิโตะ)

 

มันก็นานพอควรแล้วที่พวกเรานั้นไม่ได้เล่นแข่งกันกัน และผมเองก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมได้ลืมความรู้สึกนี้มานานเลยทีเดียว แล้วในคาบเรียนพละนั้นนักเรียนที่มีประสบการณ์หรือเก่งมากก็จะถูกบังคับให้ยั้งมือไม่ว่าจะกีฬาประเภทไหน มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะหาคู่ต่อสู้ได้แบบทัดเทียมกัน

 

(มันยังคงสนุกอยู่………)

 

ใช่แล้วความรู้สึก “สนุก” ที่ทำให้ได้รู้สึกยินดีที่รู้ว่าตัวเองนั้นยังคงมีความรู้สึกแบบนี้อยู่

 

————————————————————

 

 

[มุมมองของ ในห้องสภานักเรียน]

 

“เอ่อ ยูริ ฉันต้องขอโทษด้วยที่ทำให้มันต้องออกมาเป็นแบบนี้” (ไคโดะ)

 

“แล้วรุ่นพี่้บ้า ที่ทำลายชีวิตในโรงเรียนน้องชายของฉันต้องการอะไรกัน?” (ยูริ)

 

“ฉันทำมันซ้ำเดิมอีกแล้ว ที่ฉันนั้นไม่ได้ระวัง แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะถูกแพร่ออกไปแบบนี้นะ ฉันก็เข้าใจว่าเขาต้องได้รับความสนใจเยอะมากแน่” (ไคโดะ)

 

“อ๋อ นั่นมันคงเป็นเรื่องธรรมดาๆในการพูดอะไรแบบในในที่สาธารณะสินะคะ!” (ซูซุริคาว่า)

 

“ใจเย็นก่อน ซูซุริคาว่าซัง” (อาจารย์)

 

แล้วที่นี่ก็คือห้องสภานักเรียน มันไม่ได้มีงานของสภานักเรียนที่จะต้องทำที่นี่ในตอนนี้หรอก แต่ในตอนนี้ภายในห้องของสภานักเรียน มันถูกแทนที่ด้วยการประชุมกันในเรื่องของยูกิโตะ แล้วอาจารย์ฟูจิชิโระก็ได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษา อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มีบรรยากาศที่เป็นมิตร  มันเป็นบรรยากาศที่ตึงเครียดและอึดอัด

 

“เหตุผลว่าทำไมที่พวกเราได้จัดการประชุมนี้ขึ้นในวันนี้ ก็เพราะว่าฉันมีอะไรบางอย่างอยากถามเธอหน่อยนะ ยูริ” (ไคโดะ)

 

“ฉันไม่มีอะไรจะพูด” (ยูริ)

 

“อย่าทำโหดร้ายกับฉันที่อาจจะได้เป็นน้องสะใภ้เธอแบบนี้สิ” (ไคโดะ)

 

“อะไรนะ? อย่ามาตลกไปหน่อยเลย อย่าบอกฉันนะว่าเธอนั้นตั้งใจจะจับน้องชายของฉัน……..” (ยูริ)

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” (ไคโดะ)

 

“ตอบฉันสิ! อย่ามาทำเป็นหัวเราะเพื่อบ่ายเบียงนะ!” (ยูริ)

 

“ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่ยอมยกยูกิให้หรอก!” (คามิชิโระ)

 

“เขาไม่ได้เป็นของเธอซะหน่อย!” (ซูซุริคาว่า)

 

แล้วเสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วไคโดะก็หันมองไปรอบๆแล้ววกกลับมาหายูริ

 

“ใช่แล้วล่ะ แล้วนี่ล่ะก็คือเหตุผลที่ฉันต้องเรียกเธอมาที่นี่ มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากันแน่น่ะ ยูริ” (ไคโดะ)

 

“–!” (ยูริ)

 

คำพูดนั้นได้เสียบแทงเข้าที่กลางใจของยูริ แต่มันก็ไม่ใช่เพียงแค่ยูริเท่านั้น

 

“ในตอนนั้นเธอดูจะตระหนกมากเลยนะ มันก็จริงที่ฉันทำร้ายเขาไปด้วยความงี่เง่า ฉันจะต้องชดเชยในเรื่องนั้นแน่ เพื่อที่เขานั้นจะได้…….” (ไคโดะ)

 

“นี่ มุซึกิจัง? ฉันบอกเธอแล้วนะว่าอย่าทำแบบนั้น!” (มิกุโมะ)

 

“ฉันไม่แน่ใจว่าเธอกำลังพูดถึงอะไรอยู่นะยูมิ นี่มันไม่ใช่ปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันได้ ฉันเองก็บรรลุนิติภาวะแล้วด้วย…. นี่พวกเรากำลังออกนอกเรื่องกันแล้ว เอาล่ะฉันสงสัยในทัศนะคติของเธอนะ แล้วก็ยูริ บอกฉันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขา?” (ไคโดะ)

 

“ไม่ต้องเข้ามายุ่งเลย เธอกับคนอื่นๆช่วยถอยห่างจากน้องชายฉันซะ!” (ยูริ)

 

“มันจะไม่เป็นแบบนั้นแน่ ยูริ โปรดบอกฉันที!” (ไคโดะ)

 

“นี่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ รู้ไม๊” (ยูริ)

 

แล้วไคโดะ ก็ลุกขึ้นก้มหัวในจนสุด ยูริถึงกับชะงัก กลุ่มที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ต่างได้มารวมกันอยู่ที่นี่ แต่มันจะดีจริงๆหรือที่จะต้องบอกกับพวกเขา? ตามปกติแล้วฉันจะไม่บอกพวกเขา อย่างไรก็ตาม ยูริก็ยังคงเป็นกังวล เธอไม่ได้รู้ทุกสิ่ง มันอาจจะเป็นหลุมพรางหรืออาจเป็นคำบอกใบ้อยู่ในบางส่วนที่ยังไม่รู้ คำใบ้ที่อาจจะช่วยทำให้สถานะการณ์นั้นดีขึ้น แล้วก็ยังมีความเป็นไปได้ด้วยว่ายังมีคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ที่น่าจะเป็นคนที่อยู่นอกห้องนี้อีกด้วย

 

แต่นั่นก็หมายถึงว่านี่เป็นการสารภาพบาปด้วยเช่นกัน

 

“ต้องมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ พวกเธอจะต้องบอกฉันทุกอย่าง การปิดบังนั้นไม่ได้อนุญาต ถ้าพวกเธอพยายามซ่อนอะไรแม้แต่น้อย พวกเธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้น้องชายของฉันได้อีกต่อไป และก็ห้ามบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้” (ยูริ)

 

ฉันจะต้องช่วยน้องชายของฉันให้ได้ ฉันจะไม่หวั่นไหวในความมุ่งมันที่จะทำเรื่องนี้ ดังนั้นยูริ กำลังจะพูดออกไปแล้ว

 

————————————————————–

 

 

“อันไหนที่เธอชอบจ๊ะ ยูกิโตะ” (ฮิมิยามะ)

 

ผมได้เผลอปล่อยการระวังตัวและตกได้ก็เป็นเหยื่อ ในระหว่างทางที่ผมกลับบ้าน ผมก็บังเอิญเจอเข้ากับ มิซากิ ฮิมิยามะ แล้วก่อนที่ผมจะรู้ตัว ผมก็ถูกพาไปที่บ้านเธอ เธอขอให้ผมไปกับเธอด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า และพอผมพยายามที่จะปฏิเสธ เธอก็แสดงท่าทางเสียใจมากออกมาให้ ในฐานะที่ผมนั้นยกการให้เกียรติผู้หญิงนั้นจะต้องมาก่อน จึงทำให้ผมไม่มีทางเลือก

 

“งั้นผมของเค้กตรงนั้นครับ รบกวนด้วย” (ยูกิโตะ)

 

“ฟุฟุ ถ้างั้นฉันจะไปเตรียมมาให้นะ ฉันดีใจมากเลยที่ได้เจอเธอในวันนี้น่ะ” (ฮิมิยามะ)

 

บ้านของฮิมิยามะซังนั้นเปลี่ยนไปจากครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอกับเธอ พวกลังกระดาษนั้นถูกนำออกไปแล้ว และการตกแต่งภายในนั้นก็ถูกเปลี่ยนให้สมกับเป็นห้องของผู้หญิงมากขึ้น ผมเดาว่านั้นก็หมายความว่า ตัวผมมันไม่เข้ากับที่นี่เลยน่ะสิ! เธอเตรียมกาแฟมาให้พร้อมกับชิ้นเค้ก ด้วยอะไรซักอย่างเธอนั้นก็ได้นั่งลงตรงข้างๆผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ตัวเธอนั้นเอาตัวเข้ามาติดข้างผมเลย ฮิมิยามะซังนั้นได้พรมน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ด้วย ผมเชื่อย่างสนิทใจแล้วล่ะ เธอนั้นกำลังเชื้อเชิญผม นี่เธอกำลังยั่วผมอยู่ใช่ไม๊?

 

นี่น่ะอยู่ในยุคของการเว้นระยะห่างทางสังคมด้วยนะ ผมมันเป็นผู้ชายที่ออกจะน่ารัก และพื้นที่ในความเป็นส่วนตัวของผมก็ใหญ่กว่าคนอื่นๆราวสามเท่า แต่นั่นก็ไม่สำคัญสำหรับฮิมิยามะซัง ยิ่งไปกว่านั้น ผมนั้นได้แนบชิดกับต้นขาและอย่างอื่นด้วย ผมอาจต้องการที่จะทำ PCR เอาะซะในตอนนี้เลย ฮิมิยามะซังนี่จะต้องเป็นคนที่ความรู้สึกช้าอย่างแน่นอน

 

“มันน่าเบื่อที่จะต้องกินอยู่คนเดียว ใช่ไหมล่ะจ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ครับ….” (ยูกิโตะ)

 

ทำไมเธอจะต้องถามคำถามนี้กันล่ะ? นี่เป็นคำเชิญให้ผมเข้ามาเล่นกับเธอยังงั้นเรอะ? ฮิมิยามะซังอาจจะไม่ระวังว่าเธอนั้นน่ะเป็นผู้หญิงที่สวยทีเดียวนะ ผมได้เหงื่อออกไปแล้วด้วยหลังจากเล่นบาสเก็ตบอลที่เป็นแม็ชที่ดีไปกับพวกที่อายุมากกว่า แต่ในตอนนี้มันกลับทะลักออกมาอีกแล้วเป็นเหงื่อเย็นๆ ผมใช้สเปรย์ดับกลิ่นแล้วนะ แต่ผมก็กังวลอยู่ดีเนื่องจากมันอยู่ในระยะประชิด

 

“ต้องขอโทษนะครับ ผมน่ะมีแต่กลิ่นเหงื่อ เพราะผมเพิ่งจะไปออกกำลังกายมา” (ยูกิโตะ)

 

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกจ๊ะ และฉันก็ไม่ได้รังเกียจมันหรอกนะ เพราะมันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาของเด็กนักเรียนนี่” (ฮิมิยามะ)

 

เธอนั้นดูจะอารมณ์ดีมากทีเดียว นี่เธอกำลังมีความสุขที่ได้กลิ่นเหงื่อของผมงั้นเรอะ? ผมสงสัยว่าเธอนั้นอาจจะเป็นพวกคลั่งกลิ่น นี่ผมกำลังจะตกอยู่ในวิกฤตแล้ว ถ้าผมไม่ออกจากที่นี่ ผมจะต้องจมปลักถอนตัวไม่ออกอยู่ตรงนี้แน่

 

แม่ของผมเองนั้นก็เป็นคนที่สวย แต่ฮิมิยามะซังเองก็ยังเป็นคนสวยเช่นกัน คนที่สวยนั้นก็มักจะยังคงความสวยเอาไว้ได้อยู่ นี่มันไม่แฟร์เลย ในตอนแม่ของผมได้เข้ามาเยี่ยมชมห้องเรียน ผมไม่สามารถที่จะมองตาเธอได้เลยให้ตายสิ เพราะว่าเธอนั้นสวยมากจริงๆ แล้วก็ยังมีแม่ของคนอื่นๆอีกมากที่ตรงนั้น แต่ว่าแม่ของผมนั้นก็สวยที่สุด ไม่ว่าจะสักกี่ครั้งที่ผมพยายามจะมองแม่ ผมก็ยังคงเขินอายจนทำให้ไม่สามารถมองกลับไปหาได้และเริ่มที่จะจ้องมองไปด้านหน้าที่กระดานดำอย่างเดียว

 

แม่นั้นดีกับผมมาก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่วันเกิดหรือวันคริสมาส เธอก็ยังคงซื้ออะไรมาให้ผมหลายๆอย่าง ต้องขอบคุณเธอที่ทำให้ผมนั้นไม่เคยที่อยากจะต้องการอะไรเป็นพิเศษนัก มันช่วยไม่ได้ที่ผมรู้สึกแบบเดียวกันนี้กับ ฮิมิยามะซัง

 

“ยูกิโตะคุง เธออยากที่จะมาทานมื้อค่ำกับฉันไหมจ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ไม่ครับ คงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะแม่ของผมนั้นได้เตรียมมื้อค่ำเอาไว้แล้วล่ะครับ” (ยูกิโตะ)

 

“โอ้ ใช่ จริงด้วย ฉันขอโทษที่ถามนะน่าขายหน้าจัง งั้นฉันขอชวนเธอมาในครั้งอื่นจะได้ไหม? เธอจะมาไหมจ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ครับ……” ยูกิโตะ

 

คำตอบโดยทั่วไปแล้วมันต้อง ไม่ แต่ผมนั้นเป็นคนญี่ปุ่น ดังนั้นผมไม่สามารถที่จะตอบปฏิเสธไปได้ในสถานะการณ์นี้หรอก อย่างไรก็ตาม แม่ผมนั้นก็ได้ทำงานที่บ้านแล้วเมื่อไม่นานนี้ ดังนั้นเธอจึงใช้เวลาอยู่กับบ้านได้มากขึ้น และเธอก็ได้เตรียมมื้อค่ำให้กับพวกเรา แล้วเมื่อไม่นานมานี้ฝีมือการทำอาหารของผมได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่ผมนั้นได้ทำมื้อค่ำ ช่างน่าเสียดายที่ผมไม่ได้มีโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือการทำอาหารได้เหมือนวันก่อนๆแล้ว

 

พอผมกำลังจะกลับไปหลังจากได้รับการดูแลอย่างไม่คาดคิดด้วยเค้ก ฮิมิยามะก็ดูเศร้าลงไปทันทีที่เห็นผมกำลังจะกลับ ผมมั่นใจว่าเธอนั้นต้องเป็นคนที่ดีแน่ แต่ถึงความรู้สึกในเรื่องระยะห่างของผมนั้นมันพังไปแล้ว แต่ผมก็มั่นใจว่าเธอนั้นน่ะชอบผม ใช่ไม๊? (ความเข้าใจทั่วไปของคนที่ยังบริสุทธิ์) มันยากที่จะเป็นคนป๊อปปุล่า! ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยมีแฟนแต่ผมก็ยังคงเก็บมันไว้เพื่อตัวเอง

 

——————————————————————————

 

 

[มุมมองของแม่ ซากุระฮานะ โคโคโนเอะ]

 

ลูกชายของฉันกลับบ้านช้ากว่าปกตินิดหน่อยในวันนี้ ฉันได้ยินว่าเขานั้นไปหา คุณฮิมิยามะ ที่บ้านมา ที่อยู่ๆเขาก็ถูกชวนไป มันดูเหมือนเป็นเรื่องของเพื่อนบ้านแบบปกติ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่ฉันจะรู้สึกอะไรมากกว่านั้น ก็เพราะว่าเป็นเด็กผู้ชายที่ป๊อปปุล่าเลยทั้งสองด้าน ทั้งด้านดีและไม่ดี แล้วเขานั้นก็ยังเป็นคนที่โชคร้ายแต่เรื่องผู้หญิงอีกด้วย ฉันไม่รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้เป็นอย่างนั้น เขาเคยเป็นเด็กขี้สงสัยอยู่เสมอ เขานั้นไม่มั่นคงและ อารมณ์อ่อนไหว และก็เป็นฉันเองที่เป็นสาเหตุของเรื่องนั้น

 

ไม่ว่าจะสำนึกผิดอย่างไร ฉันก็ไม่สามารถข้ามมันไปได้ นิสัยของลูกฉันนั้นถูกหล่อหลอมแบบนี้มาตั้งแต่ยังเล็ก ฉันสงสัยว่าฉันนั้นได้มอบความรักไปให้กับเขาไปได้แค่ไหนกันนะ พอถึงเวลาที่ฉันได้รับรู้มัน มันก็สายเกินไปแล้ว ฉันหละหลวมเกินไปเพราะคิดว่าเป็นลูกคนที่สองของฉัน

 

[

 

“แม่ฮะ รู้ไม๊วันนี้……” (ยูกิโตะ)

 

“ขอโทษนะ ตอนนี้สายแล้ว เราค่อยมาคุยกันอีกทีในวันพรุ่งนี้นะ โอเค๊?” (แม่)

 

“โอเค” (ยูกิโตะ)

 

“วันนี้แม่จะกลับช้านะ ลูกกับพี่ของลูกกินมื้อค่ำกันไปก่อนได้ไหม?” (แม่)

 

“ครับ” (ยูกิโตะ)

 

]

 

กับความจริงที่ว่าฉันนั้นมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานและมันก็เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะทำให้งานของฉันนั้นเข้าที่เข้าทางเสียที แต่ว่ามันก็เป็นเพียงแค่ข้อแก้ตัว ในขณะที่ฉันพูดแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา ฉันก็เริ่มสังเกตเห็นได้ว่าเด็กคนนี้ได้หยุดคุยกับฉันไปเสียแล้ว ช่างงี่เง่าเสียจริง ฉันเข้าใจผิดไปด้วยซ้ำว่าเขานั้นได้เติบโตขึ้นแล้ว ฉันไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไรเลย ฉันไม่เคยมองดูลูกของฉันอย่างจริงๆจังๆเลย

 

แล้วในส่วนนั้นก็ได้ยูริเข้ามาช่วยดูแลเอาใจใส่ในฐานะของพี่สาว อันที่จริงแล้วหน้าที่ของแม่และพี่สาวนั้นมันก็แตกต่างกัน ฉันลืมไปว่าเธอนั้นไม่สามารถที่จะทำแทนฉันได้หมด ซึ่งเธอเองก็เป็นแค่เด็กเหมือนกัน แล้วผลที่ออกมาก็คือ เธอนั้นก็ได้ถึงขีดจำกัดจนมันระเบิดออกมา

 

แล้วนั่นก็เป็นตอนที่ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันนั้นขึ้น

 

หลังจากนั้น ยูกิโตะ ก็ดูราวกับเป็นคนละคน………..มีอะไรบางอย่างมันหายไป

 

จากนั้นเป็นต้นมาฉันก็เริ่มกังวล ว่าฉันนั้นปฏิบัติกับเขาได้อย่างถูกต้องหรือไม่ ไมว่าฉันจะรู้สึกอย่างไร หรือพูดอะไรออกไป ฉันก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ถูกถ่ายทอดไปถึงลูกชายของฉันได้เลย ฉันรู้สึกว่าดวงตาสีดำคู่นั้นของเขากำลังปฏิเสธฉัน

 

ในวันเกิดและวันคริสมาส ฉันเคยถามเรื่องของขวัญที่อยากได้ ยูรินั้นบอกอยู่เสมอว่าอะไรที่เธอนั้นอยากได้ แต่ทว่า ยูกิโตะ ไม่เคยขออะไรเลย เขาถึงกับลืมวันเกิดของตัวเองไปครั้งนึงเลยด้วย เขานั้นไม่สนใจในเรื่องตัวของเขาเองแล้ว เขาคงจะคิดเรื่องตัวเองน้อยเกินไป ฉันรู้สึกไปเหมือนอย่างกับว่าแม่นั้นไม่จำเป็นสำหรับเขาแล้ว

 

ฉันกลัวในเรื่องนั้น ดังนั้นฉันจึงซื้อของให้กับเขา ของที่เขาดูน่าจะอยากได้ในทุกๆโอกาส แต่สิ่งที่ฉันควรจะทำจริงๆนั้น ก็คือสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ ฉันรู้ดี…………..

 

ในตอนที่ได้ไปเยี่ยมชั้นเรียนของเขา ฉันก็ต้องตัวแข็งทื่อ ในขณะที่เด็กคนอื่นๆต่างก็เขินอายหันหลังกลับมมอง มองไปยังแม่ของพวกเขาและพูดคุยกันและกัน ส่วนยูกิโตะนั้นก็เพียงแค่มองตรงไปข้างหน้าโดยไม่เหลียวมามองเลย ไม่มีคำสนทนาจนกระทั่งฉันพูดกับเขา บางทีเขาคงคิดว่าฉันนั้นไม่ควรที่จะอยู่ตรงนี้

 

จากนั้น ฉันก็ไม่มีความสุขกับตัวเองเลย ที่ยูกิกะ ได้มาโมโหใส่ฉัน พยายามที่จะดึงเอาตัวลูกชายของฉันไป แล้วฉันก็ได้ทะเลาะกับเธอ แต่ว่าเธอเองนั้นก็พูดมีประเด็น และฉันก็ไม่สามารถที่จะเถียงได้ว่าฉันนั้นได้ปล่อยปละละเลย และไม่สามารถให้ความรักกับเขาได้มากพอ ดังนั้นลูกของฉันจึงต้องไปอยู่กับยูกิกะเป็นเวลาหนึ่งเดือน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ยูกิกะเองก็ยิ่งกังวลเกี่ยวกับยูกิโตะ หรือไม่เธอนั้นก็อาจเอาใจใส่ในตัวของเขามากจนเกินไป ไม่ว่าจะในกรณีไหน เธอนั้นก็ดูผูกพันธ์กับเขามาก เกือบที่จะเรียกได้วามันเหมือนแมวกับเจ้าของ แต่เธอนั้นยังดูน่าอันตรายอีกด้วยเนื่องจากสายตาของเธอที่ดูเป็นประกายแปลกๆ

 

มันช่วยไม่ได้ที่ฉันจะรู้สึกว่า ฮิมิยามะซังนั้นก็เป็นคนแบบเดียวกันกับน้องสาวของฉัน มันดูเหมือนว่าจะยังไม่สายไป แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ควรที่จะเผชิญหน้ากับลูกชายของฉันอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้ง ตอนนี้ฉันทำงานจากที่บ้านแล้ว ฉันสามารถที่จะใช้เวลากับลูกชายได้มากขึ้นมาก ฉันจะปล่อยโอกาสนี้ให้สูญเปล่าไปไม่ได้ ไม่ว่าจะช้าแค่ไหน ไม่ว่าจะนานแค่ไหนกว่าที่เขาจะรับเอาสิ่งที่ฉันนั้นสื่อออกไปให้ได้ ฉันก็จะไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะทำตัวสมกับเป็นแม่อีก และมอบความรักให้กับเขา! ไม่ว่ามันจะสายไปแค่ไหน

 

ฉันรู้สึกแปลกๆ ที่สัมผัสได้ถึงการแข่งขันกับฮิมิยามะซัง ฉันน่ะคือแม่ของลูก แล้วนั่นก็เป็นเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ฉันจะไม่ยอมแพ้ ความรู้สึกไม่ยั้งคิดก็ได้เอ่อขึ้นมาในหัวใจของฉัน

 

“นี่ยูกิโตะ ทำไมพวกเราไม่อาบน้ำด้วยกันสักหน่อยล่ะ?” (แม่)

 

ในขณะที่ลูกชายของฉันกำลังอาบน้ำ ฉันก็เข้าได้ไปในห้องน้ำเพื่อที่จะถูหลังให้เขา ฉันสงสัยว่าเมื่อไหร่กันนะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเราได้อาบน้ำด้วยกันเหมือนที่กำลังจะทำนี้ ฉันจะสระผมให้เขา ถูหลังเขา อะร้า ใช่แล้วแบบนั้นเลย แล้วฉันก็ได้รู้สึกถึงสายสัมพันธ์ที่จะมีมากขึ้น

 

“โอ้ พระเจ้า นี่ผมไม่สามารถที่จะได้พักแม้แต่ในบ้านของตัวเองเลยเรอะเนี่ยยยยยย!?” (ยูกิโตะ)

 

อะร้า ฉันสงสัยว่ามีอะไรผิดพลาดกันนะ?

 

แล้วเสียงร้องของลูกชายฉันก็ดังก้องไปทั่วห้องน้ำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด