เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 17: คู่ปรับความรักที่ดูน่ารัก

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 17: คู่ปรับความรักที่ดูน่ารัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คู่ปรับความรักที่ดูน่ารัก

 

ผมไม่รู้ว่าจะเรียกทรงผมของตัวเองว่าเป็นทรงอะไร แต่ผมคิดว่ามันไม่ได้เป็นไรหรอกนะหากพวกเขาจะเรียกผมว่าเป็นพวกหัวล้าน(ทรงเด็กนักเรียนที่ดูแก่เรียน พ้องเสียงกับคำว่าหัวล้านในภาษาญี่ปุ่น)ก็ตาม แต่มันก็ไม่เห็นเกิดเสียงอะไรในตอนที่ผมตบไปที่หัวของตัวเอง เอาเป็นว่าสรุปแล้วเหตุผลที่ผมเล่นบาสเก็ตบอลนั้นก็เป็นเพราะผมอยากจะหนีจากเรื่องที่น่าอับอาย ผมอยากจะลืมความงี่เง่าและความเข้าใจผิดที่โง่เขลาอันน่าขมขื่นของผม เพราะตอนที่ผมพยายามจะสารภาพความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนสมัยเด็กที่ผมคิดไปว่ารักผม เธอก็ได้ปฏิเสธผมเพราะเธอมีแฟนแล้ว นี่ผมคงช๊อคมากไปใช่ไม๊?

 

หลังจากนั้นไม่นานความสัมพันธ์ระหว่าง ซูซุริคาว่ากับรุ่นพี่ของเธอก็แน่นแฟ้นกันมากขึ้น ผมสงสัยว่าครั้งสุดท้ายที่ได้จับมือกับ ซูซุริคาว่า นั้นคือเมื่อไหร่กันนะ ผมจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ บางทีเราคงไม่เคยได้ทำอะไรแบบนั้นมาตั้งแต่แรก แน่นอนล่ะพวกเราไม่ได้จูบกัน และเราไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นด้วย

 

นั่นคงจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม คือจะว่ายังไงดีล่ะ แต่ผมก็ได้หมดความสนใจเพื่อนสมัยเด็กไปแล้ว เพราะความก้าวหน้าในความสัมพันธ์กับคู่ของเธอนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก บางทีพวกเขาจะทำอะไรแบบนั้นไปกันแล้วก็ได้………ดังนั้นผมก็เลยยอมแพ้ไปทั้งอย่างนั้น

 

ผ่านไปวันแล้ววันเล่าผมก็ได้รู้สึกถึงความว่างเปล่าในหัวใจของผมที่ขยายตัวออก ผมพยายามที่จะเติมเต็มมัน แต่มันก็กลับเติมไม่เต็มเสียที มันเหมือนกับถังที่ไม่มีก้น ที่ไม่มีวันเต็มแม้ว่าคุณจะเทน้ำใส่ลงไปข้างด้านบนมากมายแค่ไหนก็ตาม ทีละเล็กทีละน้อยความรู้สึกมันก็ยังคงไหลรั่วออกอยู่เรื่อยๆและค่อยๆหดหายไป

 

ผมไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรกับเรื่องนี้หรอกนะในตอนนั้น แต่อย่างไรก็ตามความมีเหตุผลของผมกลับพยายามกรีดร้องว่ามันไม่ถูกต้องที่จะต้องเป็นแบบนี้ต่อไป และนั่นก็เป็นสาเหตที่ผมได้ทุ่มเทให้กับกิจกรรมของชมรม ผมได้พัฒนาทักษะบาสเก็ตบอลของผม ผมพยายามที่จะเติมเต็มความว่างเปล่านั้นด้วยอะไรบางสิ่ง และผมก็ได้ตั้งเป้าหมายขึ้น

 

งั้นมาลองใช้ทัวร์นาเมนต์สุดท้ายนี้เป็นโอกาสในการก้าวออกไปข้างหน้าดีกว่า ในเวลานั้นผมยังคงมีความรู้สึกว่า “ชอบ” ซูซุริคาว่าอยู่ ถึงอย่างนั้นมันก็มันกลับไม่สมหวัง มันไม่จำเป็นจะต้องมายึดเหนี่ยวอยู่กับเรื่องนี้ไปตลอด แล้วตอนนี้ผมก็ได้ตั้งเป้าหมายของผมไว้แล้วเพื่อขจัดความรู้สึกเหล่านั้น

 

และแล้วในที่สุดความรู้สึก “ รัก” และ“ ความรัก” ที่มีต่อคนอื่นก็ได้หายไป มันกลายเป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถเข้าใจได้อีกต่อไป ในทุกๆวันผมรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นกำลังค่อยๆพังทลายลง ผมอยากที่จะปฏิเสธมันดังนั้นผมจึงหมกมุ่นอยู่กับบาสเก็ตบอลให้มากขึ้น แล้วตอนนั้นเองก็มีใครคนหนึ่งเข้ามาใกล้ผม คนๆนั้นคือ ชิโอริ คามิชิโระ

 

ผมสงสัยว่าเรากลายเป็นเพื่อนกันไปเมื่อไหร่กัน ผมไม่เข้าใจจริงๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป ชิโอริได้สารภาพกับผม แต่ความจริงแล้วก็คือคำสารภาพปลอม ผมไม่ได้สนใจหรอกนะพอผมได้รู้เรื่องนี้ มันไม่จำเป็นจะต้องตกใจอะไร

 

ตราบใดที่ทัวร์นาเมนท์สุดท้ายยังไม่จบลงผมก็จะไม่สามารถเริ่มต้นกับอะไรต่อได้อีก ตราบใดที่ยังไม่ลบคนที่ชื่อว่า ฮินากิ  ซูซุริคาวะ ที่ยังคงติดตรึงอยู่ใจของผมออกไป ผมก็จะไม่สามารถเผชิญหน้ากับ คามิชิโระ ได้

 

เพราะฉนั้นผมจึงยังไม่ให้คำตอบของผม ทุกอย่างจะไม่มีอะไรคืบหน้าไปจนกว่าการแข่งขันจะสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตามแขนของผมก็ได้หักก่อนการแข่งขันและทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมได้ ทุกสิ่งทุกอย่างในใจของผมครึ่งนึงได้ถูกโยนทิ้งไป และผมก็ได้ทิ้งสิ้งนี้ไปโดยไม่เปิดเผยข้อเท็จจริงใดๆ และแล้วอีกส่วนเล็กๆ ของตัวผมก็ได้แตกสลายลงไปอีกครั้ง

 

ผมสงสัยว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนไปไหม ถ้าหากว่าผมสามารถที่จะได้เข้าร่วมการแข่งขันในเวลานั้นได้ บางทีผมจะได้รับอะไรบางสิ่งบางอย่างกลับคืนมารึเปล่า? ตอนนี้ผมไม่สามารถหาคำตอบได้เลย

 

ผมส่งผ่านบอลอย่างรวดเร็วด้วยความอยากรู้ว่าไอ้ผู้ชายหน้าใสหล่อเหลาคนนี้จะเล่นได้ดีแค่ไหน ถึงได้มาลากผมให้เข้ามาเจอกับสถานการณ์นี้ ด้วยกระตือรือร้นขนาดนี้ แล้วโคยูกิ ที่รับบอลไปได้ดูราวกับจะตกใจ อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ยิ้มและขึ้นดั๊งค์ผ่านจุดป้องกันของรุ่นพี่ไปอย่างง่ายดาย เขามีความสมรรถภาพทางร่างกายเป็นอย่างมาก พวกผู้หญิงต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ ไม่ยุติธรรมเลยได้พวกคนหล่อ! เขาเป็นผู้ชายที่ดูฉูดฉาด ผมรู้ดีว่าผมกับเขานั้นย่อมที่จะเข้ากันไม่ได้

 

หลังความผิดพลาดจากการป้องกันนั้น ก็เกมก็ถูกพลิกกลับไปทันที พวกรุ่นพี่กลับมาเป็นฝ่ายบุก ผมรู้ได้ในทันทีเลยว่ารุ่นพี่ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น ที่จริงมันก็มีความแตกต่างกันมากอยู่ในเรื่องการเติบโตในด้านกายภาพระหว่างน้องใหม่ที่เพิ่งจะมาจากนักเรียนมัธยมต้น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ง่าย เนื่องจากวิธีในการเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นดูหยาบๆและไม่ได้ถูกขัดเกลามาดีพอ คุณสามารถบอกได้เลยว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อไปโดยดูจากท่าทางพวกเขา แล้วผมคิดว่านี่ก็คือระดับที่เป็นอยู่ของทีมบาสเก็ตบอลโรงเรียนนี้

 

ด้วยการเข้าไปจู่โจมอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นรบกวนจุดศูนย์ถ่วงของรุ่นพี่ที่พยายามจะขึ้นยิงไปที่ห่วง แล้วเพราะเหตุนี้ลูกบอลจึงกระดอนออกจากห่วงไปอย่างง่ายดาย การรุกและการรับก็ได้พลิกกลับไปอีกครั้ง คราวนี้ผมลองพยายามส่งบอลให้อิโตะคุง แต่เขานั้นรับไว้ไม่ได้และรีบไล่ตามบอลไป แล้วนี่ก็คือสิ่งที่ผมคิดกับตัวเอง มันคือ-

 

“เราคงไม่ต้องทำแบบนี้ต่อแล้วใช่ไหม?” (ยูกิ)

 

“ไม่ ไม่มี ไม่เอา ไม่เซ่”(มุขเล่นคำอะไรสักอย่างของญี่ปุ่น) (มิโฮะ)

 

“ฉันหมายถึงถ้าเราเล่นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะชนะนะ……” (ยูกิ)

 

“อะไรกัน? โคโคโนเอะ นี่นายดูจะยังไม่เข้าใจใช่ไหมเนี่ย” (มิโฮะ)

 

“ฉันเข้าใจสิ ฉันหมายถึงมิโฮะ… การเคลื่อนไหวของนายน่ะ นายเคยมีประสบการณ์ในการเล่นบาสเก็ตบอลมาก่อนแล้วใช่ไม๊?” (ยูกิ)

 

“นายเพิ่งมารู้เอาตอนนี้เนี่ยนะ……? ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ดีแฮะ” (มิโฮะ)

 

มันไม่มีทางเลยที่ผมจะเข้าใจความรู้สึกของไอ้หนุ่มหล่อหน้าใสคนนี้เอาซะเลย แต่ถ้าผมเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นๆตอนนี้ผมก็คงจะไม่ต้องมาเล่นบาสเก็ตบอลหรอก ก็ผมมันเป็นคนเรียนเก่งนี่

 

แม้ว่าผมจะบอกว่าเป็นเด็กเรียนเก่ง แต่จุดอ่อนอย่างหนึ่งของผมคือคำถามภาษาญี่ปุ่นที่ดูจะไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ที่จะขอให้เขียนคำตอบของความรู้สึกของผู้เขียนของข้อความที่ผมได้อ่านไป ผมได้เขียนลงในกระดาษคำตอบว่า “ไม่ใช่ว่าเธอกำลังหงุดหงิดที่ต้องเอาแต่เขียนอยู่ในห้องน้ำหรอกเหรอ?” มีครั้งนึงผมเคยโดนบอกว่างี่เง่านะ กับสิ่งที่ผมเขียนลงไปในกระดาษคำตอบนั้น ผมไม่เข้าใจ…….. ผมไม่ใช่นักจิตวิทยานี่ ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าผู้เขียนกำลังคิดอะไรอยู่?

 

มันไม่จำเป็นต้องเล่นให้ชนะครบ 2 รอบของเกมเลย พวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่ง่ายเกินไป ขนาดพวกเราที่ไม่มีการฝึกฝน แต่มากพอในด้านทักษะ ก็ดูจะมากพอไปทั้งหมดแล้ว เพียงเพราะเขาตัวใหญ่มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ เฮ้อออ……  แล้วผมถอนหายใจออกมา ผมมันไม่ได้มีแรงจูงใจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วสิ่งนี้ก็ได้ทำให้ผมนั้นรู้สึกแย่มากขึ้น

 

ผมยิงลูกบอลออกไป มันลงไปในห่วงราวกับว่ามันถูกดูดลงไป เสียงเชียร์ที่ดังในตอนนี้ได้หยุดลงไปพักนึงแล้ว เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้บรรยากาศยังคงเป็นไปอย่างคึกคัก แต่ตอนนี้มันกลับหายไปเสียแล้ว มีเพียงความเงียบและความสงบนิ่งเท่านั้นที่อยู่ในโรงยิมหลังเลิกเรียน มันเป็นการเล่นรุกอยู่ฝ่ายเดียว นี่มันเรียกว่าเป็นการเข่งไม่ได้เลยซะด้วยซ้ำ

 

“มันช่างน่าเบื่อจริงๆ……” (ยูกิโตะ)

 

ผมนั้นไม่ได้ทันสังเกตว่าเลยทุกคนในห้อง นั้นมีการกระตุกบนใบหน้าให้กับสิ่งที่ผมพูด

 

“ถ้างั้นรอบต่อไป มาเล่นแข่งกับฉันซะสิ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ” (มิโฮะ)

 

แล้วสายตาของชายไอ้หนุ่มรูปหล่อก็กำลังมองตรงมาที่ผม

 

——————————————————————

 

 

[มุมมองของ โคยูกิ มิโฮะ]

 

ผมโคยูกิ มิโฮะเคยได้รับการเชิญชวนจากชมรมกีฬาหลายๆที่ในฐานะนักเรียนที่มีทักษะด้านทางด้านกีฬาที่ยอดเยี่ยม ผมเองก็ชอบกีฬา แต่ผมก็เลือกเล่นบาสเก็ตบอลในช่วงมัธยมต้น เพราะผมก็แค่ไม่อยากที่จะต้องทำการฝึกซ้อมที่ด้านนอกในวันที่อากาศร้อนน่ะ แต่ผมก็ดันได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกตัวจริงของทีมบาสเก็ตบอลมาตั้งแต่ปีแรก และมีบทบาทอย่างสำคัญกับทีมบาสเก็ตบอล ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งทีมนึง ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นนำแห่งหนึ่งในจังหวัด ว่ากันว่าถ้าผมได้เข้าร่วมทีมพวกเราจะสามารถตั้งเป้าที่จะชนะเลิศระดับประเทศได้เลย

 

ผมไม่ได้อยากที่จะโม้หรอกนะ แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าผมนั้นเล่นกีฬาเก่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง นั่นจึงอาจเป็นเหตุผลว่าที่ว่าทำไมว่า การเผชิญหน้ากับชายคนนั้นถึงได้ทำให้ผมถึงกับต้องช๊อค มันมาจากไหนก็ไม่รู้ ในการแข่งขันระดับภูมิภาค คู่ต่อสู้ดูจะมาจากทีมที่น่าจะเป็นโรงเรียนที่ดูอ่อนแอ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จัก ที่จริงแล้วมันไม่จำเป็นต้องไปรู้ด้วยว่าพวกเขาเป็นใคร

 

เป้าหมายของเราคือการแข่งขันระดับชาติและการแข่งขันระดับภูมิภาคเป็นเพียงย่างก้าวที่ต้องย่ำผ่านไปสู่เป้าหมาย เราไม่จำเป็นต้องมากังวลอะไรเกี่ยวกับพวกเขา ไม่มีใครสงสัยในชัยชนะของพวกเราที่ดูมีความห่างชั้นมากขนาดนี้ มันควรจะเป็นแบบนั้น แต่แค่เพียงไม่กี่นาทีหลังจากการแข่งได้เริ่มต้นขึ้น พวกเราก็ถึงกับนอนก้มหน้าอยู่บนสนามทำหน้าราวกับว่ากำลังเห็นผี

 

ชายคนนั้นมองมองทั้งสนามได้ออกอย่างทะลุปรุโปร่งทั้งหมด ด้วยสายตาที่นิ่งลึกและไม่ไหวติง นิ่งราวกับว่าไม่เผยอารมณ์อารมณ์ใดๆออกมาให้เห็น เขาเป็นคนเฝ้าจุดป้องกัน แต่ทุกอย่างกลับถูกเขาควบคุมได้หมด

 

ไม่มีอะไรผ่านไปได้ ไม่มีทางผ่าน ไม่มีการตัดผ่านด้วย ไม่มีการหลอกล่อใดๆที่จะจัดการกับเขาได้ ผมที่จะกำลังดูบอลไว้ให้ดีอยู่ แต่แล้วถัดมาที่ผมรู้ก็คือลูกบอล ได้ออกไปจากมือชายคนนั้นและใช่เขาก็ส่งผ่านมันไปแล้ว ไม่มีการเตรียมการเคลื่อนไหว ไม่มีการเสดงสัญญาณที่จะทำการส่งผ่าน ไม่มีอะไรเลย แล้วเขาบดขยี้ช็อตของเราได้โดยไม่ต้องเสียเหงื่อ และเขาก็ไม่แสดงความดีใจออกมาเลย ไม่ว่าเขาจะทำคะแนนได้สักเท่าไหร่ก็ตาม ชายคนนั้นเอาแต่เก็บคะแนนอย่างเฉยเมยเหมือนเครื่องจักรที่ไร้อารมณ์ เห็นได้ชัดเลยว่ามันผิดปกติ

 

แต่ว่านั่นก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่มันแปลก ชายคนนี้เป็นผู้เล่นคนเดียวที่โดดเด่นในทีม ส่วนที่เหลือของทีมนั้นก็ไม่เท่าไหร่ มีโอกาสอยู่บ้างเล็กน้อยที่เราอาจจะชนะ แต่ว่าเราสูญเสียจิตใจที่จะสู้ไปซะแล้ว องค์ประกอบของทีมนี้มันไม่สมดุลมากเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่สามารถเทียบกับพวกเขาได้ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกต้องเราประสบกับความพ่ายแพ้ และความอัปยศอดสูก็เข้ามาหาพวกเราอย่างท่วมท้น

 

ทำไมทีมนี้ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ ทีมนี้มันเป็นยังไงกันแน่? ผมรู้สึกอับอาย ถ้าหากว่าเราไม่สามารถเอาชนะผู้ชายคนนี้ได้ พวกเราจะไม่สามารถไปจนถึงรายการแข่งขันระดับชาติได้ มันเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกหงุดหงิด เป็นครั้งแรกที่ผมมีความอันรู้สึกรุนแรงกับการที่ไม่อยากจะพ่ายแพ้ให้กับคนอื่น แล้วนี่ก็จึงเป็นครั้งแรกที่ผมได้ทุ่มเทให้กับกีฬาอย่างจริงจัง ในตอนนั้นผมได้รับเลือกให้เป็นกัปตัน การเอาชนะเขานั้นก็ได้กลายมาเป็นเป้าหมายของผม ไม่ใช่แค่เป้าหมายของผมหรอก แต่มันเป็นเป้าหมายของทั้งทีมบาสเก็ตบอลเลยด้วย

 

แต่อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งสุดท้ายในปีของฉัน พวกเราได้รับเลือกให้เล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ และได้ผ่านเข้าสู่รอบที่สามของทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ แล้วพวกเราก็ชนะ มันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่โรงเรียน และให้คนรอบๆตัวพวกเรานั้นมีความสุข

 

ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ทีมบาสเก็ตบอลของเรารู้สึกคับข้องใจ ใช่เพราะพวกเราไม่ได้เอาชนะกับผู้ชายคนนั้น แม้ว่าเราจะได้ไปจนถึงระดับชาติ แล้วมันสำคัญยังไงน่ะเหรอ? ก็เพราะพวกเราพ่ายแพ้และพวกเราก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้แก้มือกับเขา

 

แล้วด้วยความบังเอิญก็ได้ทำให้ผมนั้นมาอยู่ชั้นเดียวกับเขาตอนเข้ามัธยมปลาย นี่เขาช่างเป็นคนบ้ายิ่งกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก ผมคิดว่าคุณอาจเรียกเขาว่าเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้ก็ได้ แต่ถึงยังไงผมก็ปล่อยทิ้งเขาไว้คนเดียวไม่ได้ มีอยู่หลายครั้งที่ผมสงสัยว่านี่น่ะคือ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ คนเดียวกันหรือเปล่า แต่ว่าผ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ไม่ต้องสงสัยอีกแล้ว เป็นผู้ชายคนนี้แน่ ๆ ที่บดขยี้ผมในตอนนั้น!

 

ผมขนลุก ขนลุกไปทั้งตัวของผม มันเดือดพล่านไปด้วยความยินดี ผมอยากจะเล่นแข่งกับเขาอีกครั้ง ผมอยากที่จะได้เล่นกับเขามาโดยตลอด กับผู้ชายคนนี้ กับ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ แล้วในบรรยากาศครั้งนี้เหมือนกับตอนนั้นเลย สไตล์การเล่นของผู้ชายคนนี้ทำให้ทุกๆอย่างหายไป การแข่งขันที่ควรจะมีการเชียร์เพื่อให้กำลังใจของทั้งสองฝ่าย ตอนนี้มันมีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ครอบงำ

 

ผมไม่เคยละสายตาจากลูกบอล แต่การส่งบอลนี้มันดูราวกับว่าอยู่ๆลูกบอลก็โผล่มาตรงหน้าผม ผมอดไม่ได้ที่จะตกใจ ส่วนอิโตะ ทำพลาดไป แต่ว่ามันไม่มีอะไรที่ผมจะสามารถทำได้ เหมือนครั้งนั้น ผมอ่านอารมณ์หรือความคิดอะไรของเขาไม่ออกเลย มันเป็นไปไม่ได้เลย ด้วยความสามารถของรุ่นพี่แบบนี้ด้วยแล้ว พวกเขาไม่มีทางที่จะหยุดพวกเราได้ แล้ว ยูกิโตะก็ได้พูดอะไรบางอย่างออกมา

 

“มันช่างน่าเบื่อจริงๆ…….” (ยูกิโตะ)

 

นั่นก็คงจะจริงนั่นล่ะสำหรับผู้ชายคนนี้ แต่ว่าผมเองก็ไม่อยากเสียโอกาสนี้ไป ผมอยากเล่นกับผู้ชายคนนี้ให้นานที่สุด ดังนั้นผมจึง-

 

“ถ้างั้นรอบต่อไป มาเล่นแข่งกับฉันซะสิ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ” (มิโฮะ)

 

—————————————————————–

 

 

[มุมมองของ คามิชิโระ]

 

โคยูกิคุง ประกาศท้าดวลกับยูกิ นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ทำไมล่ะ? นึ่โคกิยูกิ ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับยูกิหรอกเหรอ? แต่น้ำตาอุ่นมันก็ได้ร่วงหล่นจากดวงตาของฉัน เพราะยูกิกลับมาเล่นบาสอีกครั้งแล้ว

 

หัวใจของฉันถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข จากการที่ได้เห็นยูกิ กลับมาเล่นบาสเก็ตบอลอีกครั้ง มันเป็นความเสียใจที่มีมานานแล้ว กับฉันที่เป็นคนทำลายอนาคตของยูกิไป ทั้งหมดมันคือความรู้สึกผิดของฉัน ฉันเคยคิดว่า ยูกิจะกลับมาเล่นบาสเก็ตบอลอีกครั้งในโรงเรียนมัธยมปลาย แต่เขากลับเลือกที่จะไปอยู่ชมรมกลับบ้านแทน

 

“เฮ้….ทำไมนายจะต้องทำมันให้หนักถึงขนาดนี้กันล่ะ?” (ชิโอริ)

 

ฉันได้เคยถามเขามาแล้วครั้งนึง คำตอบที่ได้รับกลับมามันคือความประหลาดใจ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นหัวข้อที่ไม่อยากที่จะพูดถึง แต่ยูกิก็บอกฉันโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาบอกว่ามันเป็นเพราะเขานั้นได้ถูกเพื่อนสมัยเด็กปฏิเสธมา และเขาก็กำลังพยายามที่จะก้าวข้ามมัน เขาบอกกับฉันว่านั่นน่ะคือสาเหตุที่เขาทุ่มเทให้กับมันมากถึงขนาดนี้

 

แล้วเมื่อฉันได้สารภาพความรู้สึกกับเขา เขาได้ขอให้ฉันรอจนถึงทัวร์นาเมนต์สุดท้าย ฉันมั่นใจว่านั่นคือเป้าหมายที่ยูกิตั้งเอาไว้เพื่อฉัน ยูกิอาจจะพยายามจัดความรู้สึกของเขาให้มันดีมากขึ้นหลังจากการแข่งขันครั้งนั้น

 

ฉันกลับทำลายโอกาสนั้น มันเป็นความผิดของฉัน เพราะความโง่เขลาของฉัน แล้วถ้าอย่างนั้นความรู้สึกที่มีของยูกิ กับความรู้สึกในสิ่งที่เขาน้นได้ทุ่มเทให้กับบาสเก็ตบอลหายไปไหนน่ะหรือ?

 

ฉันเองนั่นล่ะที่ฉกฉวยโอกาสนั้นออกไปจากตัวเขา บางทีเขาก็น่าจะยังมีความรู้สึกที่สักอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในตัวเขา จากที่ได้ถูกแช่แข็งค้างไว้ตั้งแต่วินาทีนั้น

 

“อะไร? นี่นายเสียสติไปแล้วรึไงเนี่ย? อย่าคิดว่าจะทำได้ทุกๆอย่าง ด้วยเพราะไอ้หน้าหล่อๆของนายนะ” (ยูกิโตะ)

 

“มันจะน่าเบื่อถ้าไม่ใช่รึไงที่นายจะต้องมาทำแบบนี้อยู่ต่อไป ใช่ไหมล่ะ?” (มิโฮะ)

 

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? วันนี้ฉันต้องกลับไปธุระบ้านเพื่อนด้วยนะ” (ยูกิโตะ)

 

“ไม่ นายมันไม่มีเพื่อนนี่!” (มิโฮะ)

 

“โอ่ย โอ่ย อย่ามายุ่งเลยนายเพลย์บอย ฉันน่ะมีเพื่อนบ้านแม่มดแสนสวยชื่อ มิซากิ ฮิมิยามะ นา” (ยูกิโตะ)

 

“นั่นมัน……เพื่อน หรือว่า……?” (มิโฮะ)

 

“ที่จริงฉันก็ไม่ได้วางแผนที่จะไปที่นั่นหรอกนะ เพราะมันอันตรายยังกับเข้าไปในป่าเลยสำหรับฉันน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“นายไม่มีแผนนี่! แล้วอย่าไปปลุกเอารสนิยมของพวกที่ชื่นชอบผู้หญิงที่แก่กว่าด้วยอายุแค่นี้ของนายสิ……” (มิโฮะ)

 

“ฉันก็ไมได้อยากจะชอบมันนี่ แต่มันช่วยไม่ได้ถ้ามันจะเกิดขึ้นอ่ะนะ” (ยูกิโตะ)

 

“อืมม ที่จริงฉันก็อยากจะให้ปฏิเสธสักหน่อยนะ แต่ก็ไม่เป็นไร ยังไงไรก็ตามนะรุ่นพี่ ผมจะขอย้ายไปทีมโน้นละกันตอนนี้ ขอใครสักคนได้โปรดมาเปลี่ยนข้างกับผมหน่อยสิ พวกคุณไม่สามารถชนะถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปได้หรอกนะ” (มิโฮะ)

 

“โอ้ เอาเถอะน่าอย่าต้องทำแบบนั้นเลย นั่นไม่ได้ทำให้ดีขึ้นหรอก” (รุ่นพี่)

 

“มันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่รุ่นพี่จะเอาชนะด้วยสภาพแบบนี้ ขอร้องล่ะครับ!” (มิโฮะ)

 

“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าฉันจะถูกทำร้ายจิตใจจากเด็กในปีหนึ่งเอานะเนี่ย เอาล่ะฉันเข้าใจแล้วเปลี่ยนกับฉันก็แล้วกัน” (รุ่นพี่)

 

“ขอบคุณมากครับ” (มิโฮะ)

 

“งั้นฉันจะย้ายไปอยู่โน่นเอง” (รุ่นพี่)

 

“แล้วทำไมทุกคนถึงไม่สนใจกับสิ่งที่ฉันบอกกันเลยล่ะเนี่ย” (ยูกิโตะ)

 

“นายน่ะดีนะ ว่าแต่นายเองก็ไม่ได้สนใจฉันด้วยไม่ใช่เหรอ?” (อิโตะ)

 

“นาย……? ใช่ อืมไม่คู่ควร” (ยูกิ)

 

“ทำไมอ่ะ?” (อิโตะ)

 

อิโตะคุง เป็นคนที่ค่อนข้างน่าสนใจแฮะ หลังจากคุยกันเสร็จ มิโฮะก็หันมามองที่ผม ตอนนี้เขาไม่ได้มีรอยยิ้มที่สดใสและหล่อเหลาตามปกติ ตอนนี้รอยยิ้มขอเขานั้นดูดุดัน รอยยิ้มของเขานั้นเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ทำไมเขาถึงเลือกที่จะมาอยู่ชมรมกลับบ้านเหมือนกับผมกันนะในเมื่อเขาเป็นคนแบบนี้?

 

“ยูกิโตะ คราวนี้ฉันจะเอาชนะนาย!” (มิโฮะ)

 

“นายเป็นพวกหัวร้อนมากไปรึเปล่าเนี่ย” (ยูกิโตะ)

 

“ยูกิโตะฉันอยากเล่นบาสเก็ตบอลกับนายนะ” (มิโฮะ)

 

“แต่ฉันไม่อยากเล่นนี่ ฉันไม่มีแรงจูงใจเอาซะเลย” (ยูกิ)

 

“แต่หากว่าเป็นนาย -!” (มิโฮะ)

 

“มันเป็นอดีตไปหมดแล้วล่ะ แล้วตอนนี้มันไม่มีค่าอะไรสำหรับฉันอีกแล้ว” (ยูกิ)

 

แล้วชายหนุ่มที่หล่อเหลาหน้าใสก็ขมวดคิ้วอยู่ครู่นึงแล้วปล่อยลมหายใจออกมา

 

“ถ้าอย่างนั้นยูกิโตะ ถ้าฉันชนะในเกมนี้ คามิชิโระ จะต้องมาเป็นของฉัน!” (มิโฮะ)

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด