เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 46: เด็กชาย แก้ว Part 1

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 46: เด็กชาย แก้ว Part 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เด็กชาย แก้ว Part 1

 

[มุมมองบุคคลอื่น]

 

“ฉันไม่ได้โกรธเธอหรอกนะจ๊ะ แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องผิดที่ไปขโมยของจากคนอื่น เธอก็รู้ใช่ไหมจ๊ะ? ก็แค่ขอโทษออกมาตรงนี้เอง ตกลงนะ?” (ฮิมิยามะ)

 

เธอได้พูดออกมาเบาๆ ดูเหมือนกับเป็นการสอนเขา และครูซันโจจิก็ได้พยักหน้าว่า “ใช่” เสียงที่ไพเราะของเธอนั้นเพราะมากถึงทำให้หูของเขาถึงกับสั่น แต่ว่ายูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็ได้ปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

 

“มันไม่ใช่ผมฮะ” (ยูกิ)

 

“แล้วทำไมมันถึงอยู่ที่โต๊ะของโคโคโนเอะล่ะจ๊ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมก็ไม่รู้” (ยูกิ)

 

 และเนื่องจากเขานั้นไม่รู้จริงๆ เขาจึงทำได้เพียงตอบแบบนั้น

 

 ครูฝึกงานช่วยสอนที่อยู่ข้างหน้าของครูซันโจจิถึงกับมีสีหน้าที่งุนงง

 

มันควรจะจบลงด้วยการขอโทษแบบง่ายๆ จากเด็กชายที่ชื่อยูกิโตะ โคโคโนเอะ อันที่จริงแล้ว เธอนั้นไม่ได้โกรธอะไรเลย เธอก็แค่มีความสุขที่เขานั้นให้ความสนใจเธอ และนั่นเป็นเหตุผลที่ มิซากิ ฮิมิยามะ ผู้ที่ผ่านการฝึกด้านการให้การศึกษาเริ่มที่จะเสียใจกับวิธีที่เธอปฏิบัติต่อเขาในห้องเรียนอย่างไม่คิดให้ดีเสียก่อน

 

“บ้าน่ะ! โคโคโนเอะคุง ทำไมถึงไม่บอกพวกเรามาตรงๆ สิ่งที่เธอทำมันคือการขโมยนะ มันเหมือนกับการขโมยของในร้าน มันเป็นอาชญากรรม เมื่อเธอโตขึ้นแล้ว ตำรวจจะจับเธอได้นะ!” (ซันโจจิ)

 

“ผมเข้าใจ แต่ผมก็ไม่ได้เป็นคนทำ” (ยูกิ)

 

“โคโคโนเอะ!” (ซันโจจิ)

 

“ครูเรียวกะคะ ได้โปรดใจเย็นๆก่อน ฉันเองก็ไม่ได้โกรธ และฉันมั่นใจว่าโคโคโนเอะ จะต้องเข้าใจถ้าฉันบอกเขา ใช่ไม๊จ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมก็ไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร แต่ว่าผมไม่ได้ทำ” (ยูกิ)

 

“ยอมรับตามตรงนะ! ไม่งั้นฉันจะโทรหาพ่อแม่ของคุณ!” (ซันโจจิ)

 

“งั้นก็เอาเลยฮะ” (ยูกิ)

 

“โคโคโนเอะ!” (ซันโจจิ)

 

เด็กชายที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าเรียวกะ ซันโจจิ จะขึ้นเสียงของเธอแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ตัวเลยว่าเขาทำอะไรผิด มันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องสั่งสอนเด็กให้รู้จักแยกแยะสิ่งถูกผิด ครูไม่ใช่แค่คนที่จะสอนแค่การศึกษาให้ความรู้เท่านั้น

 

เรียวกะ ซันโจจิเชื่อว่ามันเป็นหน้าที่ของเธอในฐานะครูที่จะช่วยเหลือและชี้แนะเด็กๆ ให้เติบโตขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้นและมีอนาคตที่สดใส แล้วก้าวแรกสู่สิ่งนั้นก็คือในโรงเรียนประถม

 

ครูระดับประถมศึกษาจะต้องปฏิบัติตกับนักเรียนเหมือนกับเป็นครอบครัว ซึ่งต่างจากในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่นักเรียนจะต้องตระหนักรู้ถึงการใช้ชีวิตร่วมกันในกลุ่มและความสัมพันธ์แบบลำดับชั้นมากขึ้น ซึ่งมันจะเป็นสิ่งที่ค่อยๆเพิ่มเข้มข้นขึ้นในแต่ละชั้นที่สูงขึ้น

 

ของใช้ส่วนตัวของมิซากิ ฮิมิยามะ ซึ่งมาทำหน้าที่ในชั้นเรียนนี้ในฐานะนักศึกษาฝึกงาน ได้ถูกพบที่โต๊ะของยูกิโตะ โคโคโนเอะ มันถูกเจอเมื่อพบว่ามันตกลงมาจากโต๊ะของยูกิโตะ โคโคโนเอะ ในขณะที่นักเรียนก็ได้ถือมันขึ้นมาระหว่างเวลาทำความสะอาด มันไม่ได้เป็นของแพงเลยและมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจำเป็นต้องใช้ มันเป็นเพียงแค่ตลับเล็กๆ ที่มีกระจกติดไว้ด้านใน ที่ดูจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์แต่งหน้าด้วยซ้ำ

 

เดาเอาว่าแรงจูงใจของเขาคือ การที่เขาอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวมิซากิ ฮิมิยามะ ดังนั้นเขาจึงหยิบของใช้ส่วนตัวของเธอออกมา ครูนั้นถือเป็นความพิเศษกับเฉพาะสำหรับเด็กชายและเด็กหญิงในช่วงวัยเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น ที่ถือว่าเป็นความประทับใจแรก เช่นเดียวกับที่พวกเขาเรียกครูเหมือนกับแม่ของพวกเขา ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่พวกเขาจะมีความชอบเล็กน้อยสำหรับตัวพวกเขาเอง

 

และนั่นก็เป็นเหตุผลตั้งแต่แรกของทั้งเรียวกะ ซันโจจิ และมิซากิ ฮิมิยามะ ที่ยังคงมีความรู้สึกคิดอะไรแค่เล็กๆน้อยเกี่ยวกับตัวเขา พอหลังเลิกเรียน เธอก็ถามเขาที่ SH(เกี่ยวกับชั่วโมงการอบรมสั่งสอน) ระหว่างจะกลับบ้าน เขาก็แค่ต้องพูดคำเดียวว่า “ผมขอโทษ” แล้วเธอก็จะหัวเราะและลูบหัวเขาพร้อมพูดว่า “อย่าทำอีกนะ” และนั่นมันก็ควรจะเป็นจุดสิ้นสุดของเรื่องนี้ มันควรจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ เป็นแค่เรื่องที่น่าขำ

 

อย่างไรก็ตาม ตรงกันข้ามกับแผนที่ว่านั้น เขาปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เขาปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขานั้นผิดเลย แล้วนี่มันก็เลยกลายเป็นเรื่องที่แตกต่างไป ในฐานะผู้ให้การศึกษา เธอจะต้องแนะนำนักเรียนไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตราบใดที่ยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นยังไม่รู้ว่าการขโมยของจากคนอื่นมันเป็นเรื่องผิด เขาอาจจะทำแบบเดียวกันนี้อีกได้ในอนาคต

 

หากเป็นเช่นนั้น ชีวิตของเขาจะมืดมนและกลายเป็นคนทำผิด ในฐานะครูประจำชั้นและผู้ให้การศึกษา เรียวกะ ซันโจจิ นั้นรู้สึกรับผิดชอบกับภารกิจที่จะไม่ยอมปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น และมิซากิ ฮิมิยามะก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

 

และนั่นคือสิ่งที่พวกเธอบอกได้บอกกับเขาเสมอ แต่ไม่ว่าจะพูดไปสักกี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยขอโทษเลย ตรงกันข้าม เขาปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดของเขา เธอเริ่มหงุดหงิดและขึ้นเสียงทีละน้อย แต่ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็รับสิ่งที่ถูกส่งมาเอาไว้และเก็บซ่อนอารมณ์บนใบหน้าของเขาไว้ได้โดยไม่แสดงอะไรออกมาเลย

 

“งั้นฉันจะติดต่อพวกเขาจริงๆแล้วนะ! โอเคมั้ย?” (ซันโจจิ)

 

“คุณนี่ดื้อจัง” (ยูกิ)

 

“ครูเรียวกะ ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น……” (ฮิมิยามะ)

 

“ถ้าเราไม่สามารถทำให้เขายอมฟังพวกเราได้ เราก็ต้องขอให้พ่อแม่ของเขาดุเขา สิ่งที่โคโคโนะทำเป็นอาชญากรรม ถ้าเขายังเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป ตัวเขาเองจะต้องลำบากในอนาคตอย่างแน่นอน” (ซันโจจิ)

 

“แต่ว่า……” (ฮิมิยามะ)

 

“ครูมิซากิ ความเมตตาของคุณนั้นก็ถือเป็นเรื่องถูกนะคะ แต่มันยังไม่เพียงพอที่จะเป็นครู เธอน่ะอยากเป็นครูที่ดีไม่ใช่เหรอ?” (ซันโจจิ)

 

“ใช่……. ฉันรักพวกเด็กๆ” (ฮิมิยามะ)

 

“งั้นก็ต้องจะระวังเอาไว้ให้มากด้วย” (ซันโจจิ)

 

“ใช่ มัน……. ฉันไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่……” (ฮิมิยามะ)

 

พวกเขายังคงอยู่กลางวง SH ส่วนพื่อนร่วมชั้นทุกคนยังคงอยู่ในห้องเรียน ขณะที่เซสชั่น SH ดำเนินต่อไป ฮินากิก็กำลังรออยู่นอกห้องเรียนด้วยสีหน้ากังวลใจ

 

“คุณพูดเรื่องของคุณเสร็จแล้วรึยังฮะ? ผมอยากจะกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพราะว่าฮิจังกำลังรอผมอยู่” (ยูกิ)

 

“ฉันยังพูดไม่จบนะ! ก็แค่ยอมรับมันซะ!” (ซันโจจิ)

 

“ผมต้องยอมรับอะไร?” (ยูกิ)

 

“โคโคโนเอะ เธอก็รู้นะ การขโมยของคนอื่นมันผิด สิ่งที่คุณทำคือการขโมย มันผิดมาก” (ซันโจจิ)

 

“ผมรู้แล้วฮะ แต่ผมก็ไม่ได้ทำ ก็เลยไม่รู้จะพูดอะไร” (ยูกิ)

 

“ครูมิซากิ ไปติดต่อพ่อแม่ของเขากันเถอะ” (ซันโจจิ)

 

“ครูเรียวกะ……. นั่นเป็นวิธีเดียวเท่านั้นเหรอ……” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมจะไปได้หรือยังฮะ? ฮิจังกำลังรอผมอยู่ ดังนั้นผมจะกลับบ้านแล้ว” (ยูกิ)

 

SH ซึ่งควรจะจบลงในเวลาไม่นาน มันก็กลับกลายเป็นแย่ลงและเริ่มเต็มไปด้วยความไม่สงบ เด็กบางคนอาจจะเบื่อกับ SH ที่ยืดเยื้อนี้ และเริ่มตะโกนว่า “ขโมย ขโมย!” ถึงตอนนี้เรียวกะ ซันโจจิ และมิซากิ ฮิมิยามะ เริ่มรู้สึกเสียใจมากซะแล้วที่มาพูดถึงเรื่องนี้ที่นี่ มันเป็นความผิดพลาดอย่างสมบูรณ์

 

เด็กประถมนั้นมีความอ่อนไหวมาก สิ่งที่ควรจะเป็นเพียงแค่เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่ควรจะจบลงตรงนั้นได้แล้ว แต่มันจะกลับฝังแน่นในความทรงจำของเพื่อนร่วมชั้นเพราะพวกเขาใช้เวลานานมากไป หากความคิดที่ว่า “ยูกิโตะ โคโคโนเอะเป็นหัวขโมย” แพร่กระจายไปในชั้นเรียน ก็จะมีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การกลั่นแกล้งได้

 

ที่จริงพวกเขาควรจะเรียกเขาเข้าไปในห้องพักครูหรือในห้องเรียนที่ว่าง และจัดการกับเขาเป็นการส่วนตัว ซึ่งมันจะได้ช่วยให้เขาจะไม่ถูกทำร้ายจากการถูกเปิดเผยด้วยวิธีแบบนี้ เขาจะต้องเจ็บปวดอย่างที่สุดแน่นอน แม้ว่าเขาจะแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม มันเป็นความผิดพลาดที่มาขอให้เขานั้นยอมรับต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นของเขา หากพวกเธอถามเขาเพียงลำพังในที่อื่น เขาก็อาจจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ซันโจจิคิดว่าเขาแค่ดื้อรั้น เขาก็แค่อาย แต่เธอรู้ดีว่าการที่พวกเธอขาดการรับมือที่ดีทำให้เขาต้องทำเช่นนั้น

 

เรียวกะ ซันโจจิก็ยังคงเป็นครูที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีทางที่เธอจะทำทุกอย่างได้ถูกต้อง เธอขมวดคิ้วอย่างรู้สึกไม่เข้าใจในตัวเอง เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตัดสินใจว่าไม่ควรดำเนินเรื่องนี้ต่อไปอีกแล้ว

 

“โคโคโนเอะคุง กลับบ้านไปบอกพ่อแม่เธอซะนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น” (ซันโจจิ)

 

ไม่ใช่ว่าซันโจจิจะไม่ชอบยูกิโตะ โคโคโนเอะ เขาเป็นลูกศิษย์ที่มีคุณค่าและมีค่ามากสำหรับเธอ เขาเป็นเด็กที่มีอนาคต อันที่จริง เธอกำลังทำสิ่งนี้ก็เป็นเพราะเธอนั้นเป็นห่วงเขา เรียวกะ ซันโจจิ และมิซากิ ฮิมิยามะ ได้จ้องมองตามด้านหลังของ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ขณะที่เขานั้นเดินออกจากห้องเรียนไปโดยหวังว่าเขาจะเข้าใจในความรู้สึกของพวกเขา

 

————————————————-

 

 

[มุมมองของ ยูกิโตะ วัยประถม]

 

“ฉันขอโทษ ฮิจัง ฉันมาสาย” (ยูกิ)

 

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แต่มันแย่มาก! ยูจังไม่มีวันทำแบบนั้นแน่!” (ฮิ นากิ)

 

ผมไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งหมดนั้นนะ ส่วนฮินากิ ก็กำลังเฝ้าดูทั้งหมดนั้นจากโถงทางเดิน และเธอก็ส่งเสียงบ่นพึมพำๆ ที่มือซ้ายของเธอยกขึ้นและลง ซึ่งตรงกันข้ามกับมือขวาที่เธอกำมืออยู่ เธอดูเหมือนจะแสดงความโกรธของเธอออกมา

 

“เธอเชื่อฉันไหม ฮิจัง” (ยูกิ)

 

“แน่นอนฉันเชื่อ! ก็เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กนะ ฉันรู้ว่ายูจังไม่มีวันทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้” ( ฮินากิ)

 

“ขอบคุณนะฮิจัง” (ยูกิ)

 

“ฮิฮิ” ( ฮินากิ)

 

แล้วหัวใจของยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็รู้สึกเหมือนส่องสว่างขึ้นเมื่อเธอแสดงออกบนใบหน้าของเธอแบบนั้นขณะที่เธอยิ้ม

 

“ฉันไม่รู้ว่าทำไมมันถึงอยู่ในโต๊ะเรียนของฉัน ……” (ยูกิ)

 

“ฉันก็ไม่รู้ ฉันสงสัยว่าคนที่หยิบมันขึ้นมาคิดว่าจะต้องของเป็นยูจัง รึเปล่า?” ( ฮินากิ)

 

“ใช่ แต่ก็มีแค่ผู้หญิงเท่านั้นที่มีอะไรแบบนั้นใช่ไหม” (ยูกิ)

 

“แม่เองก็มีด้วย!” ( ฮินากิ)

 

“ใช่ไม๊ล่ะ?” (ยูกิ)

 

พวกเขาสองคนไปและกลับจากโรงเรียนอยู่ด้วยกันเสมอ และในขณะที่พวกเขากำลังเดินพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่นานนักพวกเขาก็ไปถึงที่หมายเป็น มันเป็นเรื่องที่ทำอยู่ประจำ ถึงอย่างนั้นยูกิโตะ โคโคโนอะ ก็ชอบช่วงเวลาแบบนี้ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมาก

 

 ทันใดนั้น เขารู้สึกว่ามีบางอย่างติดอยู่ในใจและก็หยุดเดิน

 

“ฮ๊ะ?” (ยูกิ)

 

“มีอะไรเหรอ ยูจัง?” ( ฮินากิ)

 

“ครูมิซากิบอกกับฉันว่ามันหายไปหลังเลิกเรียนเมื่อวานนี้” (ยูกิ)

 

“อย่างงั้นเหรอ?” ( ฮินากิ)

 

“ใช่ แต่ก็แปลก เมื่อวานฉันกลับบ้านกับฮิจัง แบบนี้นี่” (ยูกิ)

 

“เราเล่นมาที่สวนสาธารณะด้วยกันนี่” ( ฮินากิ)

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขโมยมันไม่ได้ ใช่ไหม?” (ยูกิ)

 

ถ้าของถูกขโมยไปเมื่อวานหลังเลิกเรียน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะเป็นคนทำ

 

“ใช่แล้ว! ยูจังอยู่กับฉัน” (ยูกิ)

 

“ตอนที่ฉันจะกลับบ้านกับฮิจัง เราผ่านร้านค้าไปตามปกตินะ และเราก็ได้พบกับปู่ของยามาโมโตะด้วย” ( ฮินากิ)

 

ถ้าคุณเดินไปตามถนนที่มีคนพลุกพล่าน คุณก็จะต้องเจอได้พบกับผู้คนมากมายเลย มีเพื่อนบ้านที่พาสุนัขไปเดินเล่น เจ้าของร้าน คนแปลกหน้า และคนรู้จัก หากเป็นอยางนี้ ทุกคนที่ได้เจอผมเมื่อวานนี้จะพิสูจน์ได้ว่าผมน่ะไม่ใช่ผู้กระทำความผิด

 

“งั้นฉันจะไปทำบันทึกสิ่งที่ทำของฉันในตอนที่ฉันกลับบ้าน” (ยูกิ)

 

“นี่จะทำอะไรน่ะ ยูจัง?” ( ฮินากิ)

 

“ใช่ ฮิจัง วันนี้ฉันขอไม่เล่นกับเธอได้ไหม” (ยูกิ)

 

“ฉันจะช่วยเธอด้วย!” ( ฮินากิ)

 

“ไม่ต้องห่วง ฮิจัง อีกแป๊บก็ค่ำแล้ว เรามาเล่นกันต่อกันวันหลังนะ” (ยูกิ)

 

“เข้าใจแล้ว……” ( ฮินากิ)

 

ผมทวินเทลคู่ของเธอห้อยลงมาราวกับจะเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงอารมณ์ของเธอ  ฮินากิน่ะเป็นผู้หญิงที่เข้าใจได้ง่าย

 

 พอกลับมาถึงบ้าน มือที่กำกันไว้แน่นก็ถูกปล่อยออกจากกันที่ดูเหมือนราวกับจะเสียดาย

 

ความรู้สึกเหงาเบาๆก็เข้ามาหาผม ความอบอุ่นจากมือของเธอซึ่งมากขึ้นกว่าเล็กน้อยในอุณหภูมิของร่างกาย ดูราวกับจะบอกเขาว่า มันไม่เป็นไรเขาจะต้องอยู่ที่นี่และเขาจะไม่ต้องหายไป นั่นเป็นเหตุผลที่ ยูกิโตะ โคโคโนอะ รู้สึกถึงความรักในช่วงเวลานี้

 

“ไปก่อนนะ ฮิจัง เจอกันพรุ่งนี้” (ยูกิ)

 

“ใช่ ยูจัง ไปก่อนนะ!” ( ฮินากิ)

 

 ทั้งหมดที่ผมคิดเอาไว้ก็คือ ผมหวังว่าเราจะจับมือกันแบบนี้ได้ตลอดไป

 

—————————————————-

 

 

[มุมมองของ แม่ + ยูกิโตะ + บุคคลที่สาม] 

 

มันเป็น เวลา 20.00 น. มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

 

ยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นรู้ดีว่ามันเกี่ยวกับเรื่องอะไร แม่ของเขา ซากุระฮานะ โคโคโนเอะ ก็อยู่บ้านเช่นกัน

 

ขณะที่รับสาย สีหน้าของซากุระฮานะ โคโคโนเอะก็ค่อยๆดูสับสน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่อยู่ปลายสายอีกฝากก็คือครูประจำชั้นของเขา เรียวกะ ซันโจจิ

 

พี่สาวของเขา ยูริ โคโคโนเอะ ก็กำลังเฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยท่าทางสงสัย

 

เมื่อวางสายแล้ว ซากุระฮานะก็พูดขึ้นด้วยความสงสัยเป็นการเริ่มต้น พวกเขานั้นไม่ได้คุยกันที่บ้านมากนัก ตรงกันข้ามเลยซะอีก พวกเขาแทบไม่ค่อยได้คุยกันเลย ยกเว้นแต่เรื่องที่จำเป็นเท่านั้น

 

ทั้งหมดก็เป็นเพราะซากุระฮานะ โคโคโนเอะ และเธอนั้นก็รู้ดี และบางทีนั่นเลยป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะปฏิบัติหรือพูดคุยกับลูกชายสุดที่รักของเธอ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ อย่างไรดี เธอไม่รู้ว่าจะจัดการกับเด็กคนนี้อย่างไร

 

และนั่นเป็นสาเหตุที่เธอทำให้มันเกิดเป็นเรื่องผิดพลาด

 

ทั้งๆที่เธอนั้นไม่เคยจะตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นเลย และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการจะบอกด้วย

 

“ยูกิโตะ ลูกรู้ใช่ไม๊ ว่าเป็นครูประจำชั้นที่โทรศัพท์มาน่ะ ไปขโมยของครูที่มาฝึกมาเหรอ?” (แม่)

 

“นั่นปะไร” (ยูริ)

 

 ยูริพึมพำ ขมวดคิ้วและไม่ดูจะไม่พยายามปิดบังลักษณะนิสัยเจ้าเล่ห์ของเธอ

 

“ผมไม่ได้ขโมยนะ” (ยูกิ)

 

“แต่นั่นคือสิ่งที่ครูบอกนะ วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? ลูกบอกแม่ได้ไหม? ถ้าลูกต้องการอะไรก็บอกแม่ได้นะ แม่จะซื้อทุกอย่างที่ลูกต้องการ อย่าไปขโมยอะไรเลยนะ ตกลงไหม?” (แม่)

 

“ไม่นะ นั่นมัน—!” (ยูริ)

 

 ยูริ ดูพยายามจะบอกห้ามอะไรบางและดูราวกับตื่นตระหนก แต่ว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว

 

“ผมเข้าใจ ผมรู้ว่าแม่ต้องไม่เชื่อผม” (ยูกิ)

 

ยูกิโตะ โคโคโนเอะ พึมพำกับตัวเอง มันก็เป็นแค่เพียงเรื่องของความเป็นจริงเท่านั้น

 

ไม่มีการแปรเปลี่ยน ไม่มีอารมณ์ มีแต่ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ในตามปกติ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อซากุระฮานะและยูริได้ยินคำพูดเหล่านั้น พวกเธอจึงได้เข้าใจดีว่ามันเป็นความผิดพลาด แล้วเธอก็ได้ตระหนักแล้วว่าเธอได้ทำผิดพลาดแล้วอีกครั้ง มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าสิ่งแรกที่พวกเธอจะต้องทำก็คือการเลือกใช้คำพูดให้ถูกต้อง

 

“ผมขอโทษสำหรับปัญหาที่ผมทำให้แม่ครับ แต่ผมไม่ได้ขโมยอะไรเลย และผมก็ไม่ต้องการอะไรด้วย ผมจะเป็นคนแก้ไขมันทันที” (ยูกิ)

 

แล้วเขาลุกขึ้นจากห้องนั่งเล่นและกลับไปที่ห้องของเขา

 

“ดะ-เดี๋ยวก่อน! ลูกเข้าใจผิดแล้ว แม่แค่อยากจะฟังสิ่งที่ลูกพูด ผม่ไม่ได้ตั้งใจจะสงสัยลูกนะ—!” (แม่)

 

“ยูกิโตะ ฉันเชื่อนาย! ฉันรู้ว่านายจะไม่ทำแบบนั้น” (ยูริ)

 

“คุณไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเองให้เชื่อผมก็ได้” (ยูกิ)

 

“ฉันไม่ได้บังคับนะ! ฉันเชื่อในตัวนายเสมอ!” (ยูริ)

 

“อย่างนั้นหรือ ขอบคุณมากครับ” (ยูกิ)

 

ทัศนคติของเขามันช่างตรงกันข้ามกับคำพูดของเขา เขาหันกลับไปและเลือกที่จะไม่พูดอะไรอีก ในขณะที่เขาเดินจากไป มีแต่เพียงความเงียบงันเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในที่นี้

 

 โดยที่ยังไม่ได้ทันรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งพวกเธอก็ทำได้แต่เพียงตกตะลึงเท่านั้น

 

———————————————————-

 

 

[มุมมองของ แม่]

 

บางทีถ้าหากฉันเชื่อเขาตั้งแต่แรก เขาก็น่าจะบอกอะไรกับฉันบ้าง บางทีเขาอาจจะขอความช่วยเหลือ เขาบอกว่าเขานั้นไม่ได้ขโมยอะไรเลย แล้วมันหมายความว่าอย่างไร? เป็นความเข้าใจผิด?

 

นั่นคือสิ่งที่ฉันควรจะถามลูกชายของฉัน และมันเป็นหน้าที่ของฉันในฐานะผู้ปกครองที่จะต้องเติมเต็มส่วนที่ขาด อย่างไรก็ตาม ฉันกลับคิดว่าลูกชายของฉันเป็นคนขโมยมัน ในฐานะแม่ฉันควรจะต้องอยู่เคียงข้างเขา แต่ฉันกลับทรยศเขาไปแบบนี้อีกครั้งแล้ว

 

มันสายไปแล้วที่จะเสียใจ “ผมรู้ว่าแม่ต้องไม่เชื่อผม” เขาพึมพำ ฉันสงสัยว่าเขาคิดว่าฉันซึ่งเป็นแม่ของเขาควรจะเชื่อเขาอยู่แล้วตั้งแต่แรกหรือเปล่า? และในความเป็นจริง เขาไม่ได้เชื่อใจฉัน ฉันทำได้แค่คิดไปอย่างถากถางว่าลูกชายนั้นรู้จักตัวฉันดีเสียมากกว่าอีก

 

“ทำไมต้องเป็นแบบนี้อยู่เสมอ เสมอ เสมอเลย!” (ยูริ)

 

แล้วยูริก็กลับไปที่ห้องของเธอด้วยความโกรธ

 

ความหงุดหงิดของยูรินั้นไม่สามารถที่จัดการได้แล้ว ยูริเองก็ได้รับความเจ็บปวดจากเหตุบาดเจ็บสาหัสนั้นด้วยเช่นกัน

 

 ความสัมพันธ์ในครอบครัวกำลังแตกสลาย

 

ฉันเป็นคนทำมัน มันไม่มีการรวมตัวอยู่ด้วยกันแบบครอบครัว ฉันไม่สามารถแม้แต่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงของฉันออกมาได้ตลอด และฉันก็ตกอยู่ในวงล้อที่วนไปมาของฉันอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าฉันจะรักเขามากก็ตาม

 

“เขาจะเป็นคนจัดการมันให้เรียบร้อยในไม่ช้า……นี่ฉันจะทำยังไงดี?” (แม่)

 

ลูกชายของฉันเป็นคนที่ยึดมั่นในคำพูดของเขาเสมอ ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและฉันแน่ใจว่าเขาจะลงเอยด้วยการทำมันด้วยตัวเขาเองอีกครั้ง เขาไม่ไว้ใจฉัน ซึ่งเขาไม่ได้ไว้ใจเลย หากเป็นอย่างนี้ ฉันจะอยู่ที่นี่เพื่ออะไร? ฉันจะทำอะไรให้กับเขาได้บ้าง

 

“แม่จะทำอะไรให้ลูกได้ถ้าลูกยังไม่เชื่อถือฉันด้วยซ้ำ? ……” (แม่)

 

 คนเป็นแม่จะไปอ่อนแอได้ยังไงกัน?

 

“ยูกิโตะ……” (แม่)

 

 แล้วฉันก็เอ่ยชื่อเด็กชายแสนน่ารักของฉัน แต่ก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่ให้ตอบกลับเลย

 

——————————————————-

 

 

 

“โยช!” (ยูกิ)

 

 ผมก็ช่วยไม่ได้นะ แต่ก็ได้ทำท่ายื่นแขนและชี้นิ้วแปลกๆออกไป (ล้อเกมทนาย)

 

แล้วผมก็บันทึกกิจกรรมของเมื่อวานโดยเขียนออกมาจากความทรงจำลงในกระดาษวาดรูปสำรองของผม ผมเขียนรายละเอียดว่าผมกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน และอยู่กับใครในช่วงเวลานั้นของวัน ไม่ใช่แค่หลังเลิกเรียนด้วย และวิธีนี้ผมจะได้พิสูจน์ว่าผมนั้นไม่ใช่ผุ้ทำความผิด และถ้าผมถามคนที่ผมพบเป็นครั้งคราวได้ มันก็คงจะชัดเจนว่าผมจะไม่สามารถไปขโมยอะไรหลังเลิกเรียนได้

 

ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนวางมันไว้บนโต๊ะและเพื่อจุดประสงค์อะไร แต่เขารู้ว่าไม่ใช่ตัวเขา และนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

 

“ฉันมีฮิจังอยู่ด้วย คงต้องขอบคุณสำหรับเรื่องนี้” (ยูกิ)

 

เหตุผลที่ผมได้ตัดสินใจทำสิ่งนี้ก็เพราะว่า ฮินากิ ซูซุริคาว่า ที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของผม ที่เชื่อในตัวผม เธอเป็นคนเดียวที่เชื่อในตัวผม ดังนั้นผมจึงต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผม

 

 โลกนี้เต็มไปด้วยศัตรูเสมอ

 

 แต่ถึงอยางนั้น ถึงแม้จะมีเพียงคนเดียวที่เชื่อในตัวผม ผมก็จะสามารถอยู่ได้

 

บุคคลอันล้ำค่าซึ่งเปรียบเสมือนอัญมณีที่มีอยู่ราวกับเมล็ดพืชเพียงเม็ดเดียวในถิ่นทุรกันดาร ความอบอุ่นจากมือที่เขาจับไว้นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ไม่ยอมแพ้ในการใช้ชีวิตต่อไป

 

ยูกิโตะ โคโคโนเอะที่กำลังจะผล่อยหลับไป นั้นรู้สึกดีที่เขาแก้ปัญหาได้แล้ว หรือเปล่านั้น ก็ยังไม่มีใครรู้ได้

 

 

 และเจตนาร้ายก็มักจะเกิดขึ้นมาอย่างไม่มีใครรู้ตัวเสมอ และมันก็ไม่เคยปล่อยให้เขาหนีพ้น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด