เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 27: ผู้บรรลุและก้าวผ่านความทุกข์ในเรื่องผู้หญิง

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 27: ผู้บรรลุและก้าวผ่านความทุกข์ในเรื่องผู้หญิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้บรรลุและก้าวผ่านความทุกข์ในเรื่องผู้หญิง

 

“เราไม่ได้อยากที่จะมีนักเรียนอย่างเธอในโรงเรียนนี้หรอกนะ!” (อาจารย์ซันโจจิ)

 

แล้ววันนี้ ดัชนีหุ้นนิเคอิก็ได้ดิ่งลงเป็นวันที่สามติดต่อกัน แต่ว่าผมยูกิโตะ โคโคโนเอะ ผู้ที่ชอบซื้อหุ้นในช่วงขาลง ก็ถึงเวลาที่จะได้ช้อนซื้อแล้ว ผมได้ส่งอีเมลถึงยูกิกะ พร้อมด้วยรายการหุ้นที่ผมต้องการไปให้เธอช่วยซื้อในทันที ในกรณีนี้หากคุณสงสัยล่ะก็ มันก็คือเงินส่วนตัวของผมที่เอาไปใช้ในการซื้อมันน่ะ

 

แต่แล้วผมก็ยังคงกลับมาเป็นคนเดิมในแบบของผม ผมน่ะมั่นใจเลย ว่ามันคงจะต้องรู้สึกแปลกเอาแน่ๆ ถ้าหากอยู่ๆผมก็กลับกลายไปเป็นยูกิโตะ โคโคโนเอะ ที่เอาจริงเอาจัง แล้วผมนั้นก็ยังสบายดีกับสิ่งที่ผมนั้นเป็นอยู่ในตอนนี้ และนั่นก็คือสิ่งที่ผมนั้นได้เป็นอยู่มาตลอด แล้วมันไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องรีบร้อนเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรในตอนนี้ เพราะทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของตัวผมนั้นมันก็ยังต้องถูกเชื่อมโยงกันอยู่ดี

 

แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างในวันนี้ ผมได้ถูกเรียกตัวไปที่ห้องแนะแนวนักเรียน โดยอาจารย์เรียวกะ ซันโจจิ ซึ่งอาจารย์ซันโจจิเป็นอาจาย์ที่มีชื่อเสียงมาก เธอเป็นคนสวยที่ดูฉลาดและใส่แว่น และสายตาอันเฉียบคมน่ายำเกรงของเธอก็กำลังทิ่มแทงมาที่ผม ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าทำไมผมถึงได้ถูกเรียกมา ผมไม่รู้เลยว่าทำไมถึงถูกเรียกจริงๆนะ แต่มันดูจะเป็นเรื่องประจำตามปกติสำหรับผม แต่สัมผัสได้ว่ามันมันน่าจะพิเศษขึ้นไปมากกว่าตามปกติ แล้วกับไอ้คำที่ว่าอยากที่เป็น คนธรรมดาๆ มันจะไปมีความหมายว่ายังไงล่ะกันเนี่ย?…… โธ่โว้ย!

 

รู้สึกว่าผมนั้นดูจะถูกเรียกว่า เป็นเด็กนักเรียนที่ไม่ดีนะ แต่พอผมมองไปที่อาจารย์ซันโจจิแล้ว ก็ต้องพบกับกลิ่นอายอันแสนเซ็กซี่ของอาจารย์ซันโจจิ ลอยคลุ้งอยู่ในห้อง เธอที่ไม่ได้ติดกระดุมเสื้อเม็ดแรกของเธอเอาไว้ ราวกับว่าในห้องนี้มันให้ความรู้สึกที่ร้อน นี่ล่ะคือความย้อนแย้งของเธอที่สามารถสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนเลย อีกอย่างแล้วทำไมเธอถึงต้องใส่กระโปรงสั้นที่รัดเปรี๊ยะ แถมยังนั่งไขว่ห้างด้วยเนี่ย นี่มันก็เลยมีอะไรบางอย่างที่ไม่สมควรที่จะมองข้ามไปได้เลยล่ะ…… หือ สีดำ อ่อ วันนี้เป็นวัน Black Friday ที่คงจะมีทั้งความยินดีและความน่าละอาย สินะ

 

“นี่ฟังนะ เธอต้องเลิกจากการแสดงประพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรมในที่สาธารณะซะ! มาเดี๋ยวฉันจะเป็นคนสั่งสอนเธอเอง” (อาจารย์ซันโจจิ)

 

แล้วนี่ตัวอาจารย์ไม่ได้ทำผิดศีลธรรมในที่สาธารณะด้วยหรือไงกันเนี่ย? และนี่ก็ยังคงเป็นคำถามที่เข้ามาค้างอยุูในหัวของผม แต่ผมก็เลือกที่จะกลืนมันลงไป ผมน่ะไม่ได้รู้สึกลำบากที่จะต้องพูดมันออกไปหรอกนะ แต่เพราะตอนนี้สายตาของผมมันกำลังมัวง่วนอยู่กับงานเฉลิมฉลองอยู่น่ะสิ (นี่ยังดูอยู่อีกเรอะ!) แล้วผมก็อยากจะซื่อสัตย์กับความปรารถนาของตัวผมแบบนี้ต่อไปอีกสักหน่อย แต่แล้วในทันใดนั้น ประตูห้องแนะแนวนักเรียนก็ถูกเปิดออกมาอย่างแรง

 

“นี่คุณกำลังทำอะไรน่ะ!” (ยูริ)

 

“อาจารย์ซันโจจิคะ เขาทำอะไรลงไปรึไงคะ!” (ไคโดะ)

 

แล้วพี่สาวของผม กับ ประธานนักเรียน และคนอื่นๆ ก็ได้ทะยอยตามกันเข้ามา ดวงตาของอาจารย์ซันโจจิ ก็กลายเป็นจุดเมื่อจู่ๆ ก็มีผู้ที่บุกรุกเข้ามา

 

“นี่มันอะไรกันเนี่ยพวกเธอ” (อาจารย์ซันโจจิ)

 

“ก็คุณกำลังพยายามจะทำอะไรอยู่ล่ะคะ อาจารย์” (ยูริ)

 

“ฉันกำลังสั่งสอนให้กับนักเรียนที่มีปัญหา…” (อาจารย์ซันโจจิ)

 

“โคโคโนเอะ เค้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!” (ไคโดะ)

 

“แล้วนี่มันเป็นการสอนแบบไหนกัน ดูเหมือนอาจารย์ก็แค่จะกดดันเขานี่” (ยูริ)

 

และพอพี่สาวของผมได้ให้อาจารย์ซันโจจิดูรูปที่เธอได้ถ่ายไว้ถ่ายในโทรศัพท์ เธอถึงกับทำหน้ากระตุก ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมยูริ ถึงได้เป็นห่วงเอามากขนาดนี้ อาจารย์ซันโจจิน่ะออกจะเป็นครูที่ยอดเยี่ยมที่เอาใจใส่นักเรียนของเธอนา และตัวเธอเองก็ดูจะไม่น่าจะเป็นคนประเภทที่จะถูกพวกเธอนั้นเกลี้ยกล่อมเอาได้ง่ายๆด้วย ในตอนนี้คุณอาจสงสัย ว่าทำไมตาของผมถึงได้ถูกปิดอยู่ในตอนนี้ ก็เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่ผมน่ะเป็นเด็กมีปัญหา มันก็เลยไม่น่าแปลกใจที่อาจารย์ซันโจจิจะเรียกผมมาที่นี่ แต่จากประสบการณ์ของผมแล้ว เรื่องนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าจะต้องกังวลสักหน่อย

 

“เดี๋ยวเราจะมีปัญหาเอานะ อาจารย์ซันโจจิ!” (อาจารย์ใหญ่)

 

“ทำไมอาจารย์ใหญ่ ถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ?” (อาจารย์ซันโจจิ)

 

แล้วอยู่ๆอาจารย์ใหญ่ก็ตามเข้ามา สีหน้าของเขานั้นดูเปลี่ยนไปมาก เขาหอบหายใจราวกับว่าเขากำลังตื่นตระหนกอยู่

 

“แล้วนี่คุณมีหลักฐานในสิ่งที่เขาทำลงไปหรือเปล่า?” (อาจารย์ใหญ่)

 

“ไม่ค่ะ แต่เขาก็เป็นคนที่สร้างปัญหา……” (อาจารย์ซันโจจิ)

 

“มันไม่สมควรที่จะเรียกเขาสั่งสอนทั้งๆที่เรื่องก็ยังไม่ชัดเจนแบบนี้นะอาจารย์ซันโจจิ! แล้วก็ต้องขอโทษด้วยนะโคโคโนเอะ แต่ได้โปรดเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวและอย่าเพิ่งเอาบอกใครเกับเรื่องนี้ที นะๆๆ!” (อาจารย์ใหญ่)

 

กับอาจารย์ใหญ่ที่ดูสิ้นหวังคนนี้ นี่เมื่อกี้นี้ผมก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังมองมาที่ผมแบบไหนขึ้นมาเลยแฮะ ซึ่งก็คงไม่ใช่ในแบบที่เขามองกับพวกนักเรียนทั่วไปแน่ มันคงจะไม่เป็นการพูดเกินจริงไปนัก ที่จะบอกว่าโรงเรียนนี้มันกำลังเริ่มที่จะตกต่ำลงแล้ว มันเป็นความจริงที่ไม่พึงปรารภนาในด้านการศึกษาเชียวล่ะ

 

“ฟังนะ อาจารย์ซันโจจิ ถ้าหากว่าคุณทำอะไรกับเขาไปมากกว่านั้น ไม่ใช่แค่ฉัน แต่คุณก็อาจถูกลงโทษเอาตอนไหนก็ได้ด้วย ช่วยโปรดระวังการกระทำของคุณให้มากกว่านี้หน่อยเถอะ! ขอร้องล่ะอาจารย์ซันโจจิ!” (อาจารย์ใหญ่)

 

“นี่มันจะมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอคะ อาจารย์ใหญ่? นี่เราไม่ควรที่จะมีนักเรียนมาทำแบบนั้นได้นะ” (อาจารย์ซันโจจิ)

 

“มันไม่ว่างพอจะมาอธิบายเรื่องนี้แล้วนะ!” (อาจารย์ใหญ่)

 

และก่อนที่ผมจะรู้ตัว ผมก็ได้กลายเป็นคนที่ทรงอิทธิพลมาก แล้วอะไรคือการลงโทษที่ว่ากันล่ะนี่? ถ้าหากนักเรียนมีอำนาจแบบนั้น มันก็ออกจะน่ากลัวเกินไปนา ระบบการศึกษาของญี่ปุ่นคงจะต้องประสบกับปัญหาอย่างหนักแน่นอน

 

“เอาล่ะ เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ” (ยูริ)

 

แล้วผมก็ถูกพี่สาวลากออกไป โดยปกติแล้วไอ้ความโกลาหลแบบนี้มันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับผม ถึงแม้ว่าผมจะสูญเสียความแข็งแกร่งทางจิตใจที่สร้างจากนาโนเมทัลแล้วก็เถอะนะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกสิ่งที่ผมนั้นได้ประสบมามาจนถึงตอนนี้จะกลับไปเป็นศูนย์เลยสักหน่อย ผมนั้นไม่ได้อ่อนแอที่จะต้องมาเจ็บปวดกับอะไรกับมันแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เพราะผมยังคงเป็นผม และผมก็ได้มาอยู่ที่ตรงจุดนี่แล้ว

 

——————————————————

 

 

[มุมมองในห้อง 1-B พักกลางวัน]

 

ก็อย่างที่ได้ว่าไปก่อนหน้านั้น และในตอนนี้ผมก็กำลังเลียริมฝีปากอยู่

 

ในห้องเรียน 1-B ตอนนี้ก็กำลังเกิดดราม่าขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

“ยูกิโตะ ฉันทำอาหารกลางวันให้นายด้วยนะ อยากจะมากินกับฉันไหม?” (ฮินากิ)

 

“ถึงเธอจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ฉันก็มีข้าวกล่องของแม่ฉันที่เป็นของโปรดอยู่นะ…….” (ยูกิโตะ)

 

“ก็นั่นไงมันถึงเป็นเหตุผลที่ฉันถึงทำมาน้อยๆน่ะ” (ฮินากิ)

 

“ยูกิ ขอฉันนั่งกินด้วยได้ไหม” (ชิโอริ)

 

“พวกเธอนี่น่ารำคาญจังเลยนะ เราไม่ต้องการพวกเธอหรอก ฉันจะเป็นคนที่กินกับเขาเอง” (ยูริ)

 

“ทำไมพี่ถึงได้มาอยู่ที่นี่กันล่ะเนี่ย?” (ยูกิโตะ)

 

“ก็แน่นอน เพราะฉันก็จะมากินข้าวกับนายนี่ ใช่ไหมล่ะ? (ยูริ)

 

“ผมคงพูดอะไรไม่ได้ในเรื่องที่อยู่ๆก็มากันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้หรอก” (ยูกิโตะ)

 

แล้วตอนนี้ก็ได้มีเหล่าพายุไต้ฝุ่นกำลังพัดอยู่รอบตัวผม พี่สาวผมคือไต้ฝุ่นหมายเลข 12 ฮิรากินั้นหมายเลข 10 และชิโอริเป็นหมายเลข 11 ในทุกวันนี้ พี่สาวของผมก็มักจะมาที่ห้องเรียนของของผมอยู่บ่อยๆ บางครั้งเพื่อนๆ ของเธอก็มาด้วยกันกับเธอ ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม โดยทั่วไปผมเองก็มักที่จะมีปัญหากับฮินากิกับชิโอริอยู่แล้วด้วย เพราะว่าช่วงนี้ทั้งสองคนก็ได้มากินข้าวกลางวันกับผมบ่อยอยู่เหมือนกัน

 

“ยูกิโตะ คุณอยู่หรือเปล่า?” (มิกุโมะ)

 

“ยูกิโตะ โคโคโนเอะ เธอพอจะให้พวกเราเข้าร่วมวงด้วยได้ไหม?” (ไคโดะ)

 

“ถ้านายไม่ว่าอะไร ฉันขอร่วมกินข้าวกลางวันกับนายนะ” (โทโจ)

 

และเมื่ออุณหภูมิบนผิวของมหาสมุทรนั้นสูงขึ้นเนื่องจากความร้อนที่สะสม กระแสลมหมุนวนก็ได้ถูกสร้างขึ้นในทะเล มันจึงทำให้เกิดเมฆคิวมูโลนิมบัสขึ้นมา และก็ได้ก่อตัวกลายเป็นพายุไต้ฝุ่น และพื้นที่รอบๆ ตัวผม ซึ่งตอนนี้มันเรียกว่าฮอตสปอตในโรงเรียนก็มักจะมีพายุเกิดขึ้นอยู่เสมอ แล้วก็ไม่มีทางที่จะมีไต้ฝุ่นเข้ามาเพียงแค่ลูกเดียวเข้ามาหาผม ประธานสภานักเรียน รุ่นพี่มิกุโมะ และรุ่นพี่โทโจ ก็กำลังเรียกหาผม หรือก็คือไต้ฝุ่นหมายเลข 13 หมายเลข 14 และหมายเลข 15

 

“เอ่อ โคโคโนเอะคุง อยู่แถวนี้รึเปล่า?” (โซมะ)

 

“ระ รุ่นพี่โซมะ!? ผมจะไปตามเขาให้เดี๋ยวนี้ครับ” (???)

 

แล้วไต้ฝุ่นก็ยังคงมีมาต่ออย่างเนื่องอย่างไม่จบไม่สิ้น เอาล่ะ แล้วก็มีคนที่คอยที่จะเป็นลำดับที่ 16 อยู่ด้วย และเพื่อนร่วมห้องก็ได้เข้ามาเรียกผมด้วยความเร่งรีบ ว่าแต่รุ่นพี่โซมะนี่คือใครกันหว่า? ผมรู้สึกเหมือนจะคุ้นๆอย่างกับเคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับกับเธอมาก่อนนะ แต่ผมก็จำอะไรไม่ได้เลย

 

“นี่นายรู้จักรุ่นพี่โซมะด้วยเรอะ? มันเกิดอะไรขึ้นกับวิธีการสร้างเพื่อนของนายกันเนี่ย?” (มิโฮะ)

 

“ไม่นา ฉันจำไม่ได้เลยในสมองที่กำลังเปิดกว้างนี้ของฉันน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“ยูกิโตะ นี่ดูเหมือนนายจะทั้งดีขึ้นแล้วก็แย่ลงไปพร้อมๆกันเลยนะเนี่ย” (มิโฮะ)

 

แล้วเจ้าหนุ่มรูปงามก็ได้ทำสีหน้าตกตะลึง และตอนนี้พวกเราก็เป็นสมาชิกในทีมบาสเก็ตบอลแล้ว ซึ่งจากเดิมเคยมีสมาชิกเพียงเก้าคน แต่ในตอนนี้กลับเติบโตขึ้นเป็นยี่สิบแล้ว ผมเดาว่านี่คงเป็นเพราะชิโอริกับเจ้าหนุ่มหน้าใสคนนี้นั่นล่ะ ผมน่ะมั่นใจเลยว่ามันไม่ใช่ความผิดของผมนะ ไม่ มันไม่ใช่ ใช่มั้ยเนี่ย?

 

แล้วสรุปว่าใครกันคือรุ่นพี่โซมะกันล่ะ! แล้วผมจึงได้ออกเดินไปหาเธออย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก

 

“อะไรกัน นี่รุ่นพี่อามาเทราสึไม่ใช่เหรอเนี่ย” (ยูกิโตะ)

 

“นี่นายเอาจริงดิ? นี่เธอจะไม่พยายามจำชื่อฉันจริงๆ เลยใช่ไม๊?” (โซมะ)

 

“ไม่เป็นไรครับ!” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ฉันโกรธมากนะ! ฉันหงุดหงิดแล้วด้วย แต่ว่าฉันก็หงุดหงิดมาตลอดทางที่เดินมาที่นี่เลย!” (โซมะ)

 

“แล้วเป็นอะไรรึเปล่าคุณอามาเทราสึ? ถ้าหากคิดจากการที่อามาเทราสึนั้นเป็นคนเก็บตัว มันก็น่าจะเห็นใจนะครับ ที่เธอเป็นคนโดดเดี่ยวของรุ่นก่อนน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ฉันไม่ได้โดดเดี่ยว โอเค๊!? แล้วนี่เป็นอะไรของนาย ถึงได้ไม่ยอมจะฟังฉันบ้างเลยเนี่ย!? ถึงอย่างนั้นก็เถอะเห็นว่าช่วงหลังๆนี้ นายดูจะเปล่งประกายกว่าแต่ก่อนด้วย– คือฉันหมายถึง ช่าย ใช่ ใช่แล้ว ช่วงนี้นายไม่ค่อยมาหาฉันเพื่อกินข้าวกลางวันเลยนะ นี่นายเบื่อที่จะอยู่กับฉันไรเปล่า?” (โซมะ)

 

และแล้วชั้นเรียนในตอนนี้ก็ได้ตกอยู่ในเงียบงันที่ราวกับถูกแช่แข็ง เฮ้ มันเกิดอะไรขึ้น? นี่มันเป็นมื้อเที่ยงที่ควรจะมีความสุข สนุกสนานกัน รู้ไม๊? และในที่นี้ ผมก็ได้ยินเสียงที่พูดขึ้นมาลอยๆว่า “แม้แต่รุ่นพี่โซมะ……” แต่ผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจมันนักหรอกนะ

 

“โอ้วว นี่มันมีแค่ผมรึเปล่าที่จะไม่มีโอกาสไปที่กินอะไรไหนได้อย่างที่ตัวผมอยากเนี่ย หรือนี่ผมกำลังถูกพันธนาการหน่วงเหนี่ยวไว้……” (ยูกิโตะ)

 

“ไม่เอาน่า ก็ฉันเหงานี่” (โซมะ)

 

“นี่เธอน่ะ ยัยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ กลับไปที่ชั้นเรียนของเธอเลยนะ!” (ยูริ)

 

“โอ้ ยูริ โคโคโนเอะ? นี่เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ?” (โซมะ)

 

“กรรรรรรรร!” (ยูริ)

 

อันที่จริงตอนนี้ พี่สาวของผมก็ยิ่งดูเหมือนสุนัขคลั่งมากขึ้นไปอีก ส่วนผมน่ะเป็นแมวนะ เหมี๊ยว!

 

“นี่ยูกิโตะ นายมีความสัมพันธ์แบบไหนกับรุ่นพี่โซมะน่ะ?” (ฮินากิ)

 

“ใช่แล้ว ยูกิ นายไปเจอกับเธอได้ยังไงน่ะ?” (ชิโอริ)

 

แล้วพวกเธอสองคนนี้ก็ส่งเสียงเอะอะขึ้นมาด้วยเช่นกัน พอมีพวกรุ่นพี่เข้าร่วมด้วยแล้ว ตอนนี้ผมจึงถูกรายล้อมไปด้วยคนกลุ่มใหญ่เลยล่ะ

 

“โคโคโนเอะ ทำไมวันนี้เธอไม่ลองมาที่บ้านฉันล่ะ? พ่อแม่ของฉันตอนนี้น่ะอยู่ต่างจังหวัด ฉันอยากจะให้เธอมา—-” (ไคโดะ)

 

“นี่!! ฉันจะไม่ยอมให้เธอพูดมันออกมาหรอกนะ” (มุกิโมะ)

 

“ฉันจะมอบมันกับให้เธอ—” (ไคโดะ)

 

“นี่เธอ เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย!?” (มุกิโมะ)

 

ฉันจะมอบมันกับให้เธอ⁉︎ นี่ยังมีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วยนะ⁉︎ แต่โดยปกติแล้ว รุ่นพี่มิกุโมะนั้นคนขี้อายและทำตัวเงียบๆ แต่การที่เธอนั้นรู้ และจากการแสดงออกของเธอ จึงทำให้ดูยังกับมีความเป็นสิงโตแอบซ่อนอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งพอคิดขึ้นมาทีไรก็ได้แต่สงสัยทุกทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผมที่นั่งอยู่ตรงนี้กัน⁉︎ ผมน่ะยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนจนถึงตอนนี้เลยนะ แล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาด้วย……แต่พวกตาใสๆ ที่อยู่รอบตัวผมนั้นต่างก็ไม่ยอมที่จะผมทำอะไร นี่ผมไม่รู้ว่าจะต้องไปยังไงต่อแล้วเนี่ย⁉

 

ไม่มีทาง ไม่มีทาง ไม่มีทางน่าหรือว่านี่น่ะมันคือ…….

 

แล้วผมก็ได้รับรู้ถึงอะไรบางที่สำคัญ

 

“นี่ซากุระอิ ฉันมีคำถามจะถามเธอหน่อยน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“เอ๊ะ…… อะไรน่ะโคโคโนเอะ? นี่ฉันรู้สึกว่าฉันไม่สมควรที่จะมาถูกถามในตอนนี้เอาซะเลยนะ” (ซากุระอิ)

 

แล้วผมก็กวาดตามองไปรอบๆ เป็นวงกลม นี่ถ้าผมคิดผิด มันก็น่าจะเป็นความอัปยศไปตลอดชีวิต แต่ว่าผมต้องการที่จะแก้ไขปัญหานี้

 

“—- นี่หรือบางทีฉันอาจะเป็นที่ป๊อปปุล่ารึเปล่าเนี่ย?” (ยูกิโตะ)

 

“นี่นายเอาจริงดิ!?” (ซากุระอิ)

 

แล้วทั้งชั้นก็ได้ส่งเสียง ชิส์ ใส่ผม

 

งั้นเองเหรอ นี่ผมนั้นเป็นที่ป๊อปปุล่าสินะ……

 

—————————————————-

 

 

นี่มันก็เลยเป็นวันที่ลำบากวันนึงเลยล่ะ แต่ผมคงจะพูดได้เลยว่ามันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับผม วันนี้ตัวผมไม่มีกิจกรรมชมรมอะไรหลังเลิกเรียน และผมก็เลยกลับบ้านให้เร็วขึ้น เพื่อจะไปซื้อของกับแม่เพื่อเอามาทำอาหารมื้อค่ำ ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นครอบครัวที่มีกันแค่ 3 คน แต่พวกเรายังคงมีของที่จะไปช้อปปิ้งกันอยู่อีกมาก และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้การไปช่วยถือถุงหิ้วนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญของการตอบแทนบุญคุณ แล้วในขณะที่ผมกำลังเดินกลับบ้านพร้อมกับแม่ที่กำลังอารมณ์ดี ผมก็ได้พบเข้ากับฮิมิยามะซัง

 

“โอ้ ซากุระฮานะซัง และเธอก็ด้วยนะ ยูกิโตะคุง สวัสดีตอนเย็นจ๊ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“นี่คุณมาช้อปปิ้งด้วยเหรอครับ ฮิมิยามะซัง” (ยูกิโตะ)

 

“พอดีฉันกำลังจะกลับบ้านแล้วน่ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ถ้างั้นผมจะช่วยถือของให้ครับ” (ยูกิโตะ)

 

“ขอโทษนะ ลำบากเธออยู่ตลอดเลย” (ฮิมิยามะ)

 

“มันก็แค่มือข้างเดียว ไม่เป็นไรหรอกครับ” (ยูกิโตะ)

 

“ฟุฟุ เธอนี่น่ารักมากเลยนะ” (ฮิมิยามะ)

 

และนี่ก็คือแม่มดที่ฟื้นคืนชีพมาในยุคปัจจุบัน ฮิมิยามะซัง ที่ได้ใช้ร่างกายมาสัมผัสตัวผมไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ที่ตอนนี้นิ้วมือของเธอก็ได้มาลูบไล้ผมไปรอบๆ อย่างแผ่วเบา แล้วตามปกติ มันจะต้งไม่มีช่องให้สำหรับความประมาทและไม่มีที่ว่างสำหรับความผิดพลาด แต่ด้วยความมือของผมนั้นเต็มไปด้วยถุงใส่ของแบบนี้ จึงไม่มีทางที่หลบไปไหนได้พ้น แต่ก็น่าแปลกที่แม่ของผมได้เข้ามาช่วยผม

 

“อืม…….ขอโทษนะ ลูกชายของฉันดูจะไม่ชอบมันนะคะ มันดูแปลกๆ” (แม่)

 

“โอ้ ฉันขอโทษด้วยนะ ว่าแต่เธอไม่ว่าอะไรใช่ไหมจ๊ะ ยูกิโตะ? ก่อนหน้านี้ เธอก็ยังซบหน้าอกฉันอยู่เลยนี่” (ฮิมิยามะ)

 

“หน้าอก!? นี่คุณหมายถึงอะไรที่ว่า “หน้าอก” น่ะ? นี่ไม่ได้ทำอะไรลงไปใช่ไหม!?” (แม่)

 

“ทำไมคุณถอด… ชุดชั้นในของคุณ ถ้าคุณไม่ถอดสีพี๊ชนั้นของคุณ …… มันก็จะไม่ทำให้เห็นหน้าอกนี่ใช่ไม๊!?” (ยูกิ)

 

“ฟุฟุฟุ… ยูกิโตะ เธอนี่ก็เป็นผู้ชายนี่นะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ยูกิโตะ เกิดอะไรขึ้น? ถ้าอยากจะทำแบบนี้ ก็มาทำกับแม่สิ!” (แม่)

 

“—ฮ๊ะ! ประวัติศาสตร์อันดำมืดนี้ ผมคิดว่าผมลบมันไปแล้วนะ?! (ยูกิโตะ)

 

“ฉันยินดีเสมอสำหรับเธอนะจ๊ะ ยูกิโตะคุง” (ฮิมิยามะ)

 

“นี่มันคือบททดสอบของแม่มดสินะ……” (ยูกิโตะ)

 

เอ่อมันไม่ใช่การทดสอบของแม่มด แต่เป็นบททดสอบของแม่ใช่ไหมนี่? ผมได้แต่คิดสงสัยอยู่ในสมอง แล้วก็ราวกับจะเป็นการพิสูจน์มัน ก็ได้มีตัวละครที่มาถึงเพิ่มขึ้น มันเกิดอะไรขึ้นกับวันนี้กันเนี่ย? นี่มันจะเกินขีดจำกัดของผมแล้วนะ! พอทีเถ๊อะ!

 

“เฮ้! ยูกิจัง!” (ยูกิกะ)

 

“ยูกิกะซัง?” (ยูกิโตะ)

 

“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ยูกิกะ มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ? (แม่)

 

“ก็ฉันอยากเจอยูกิจัง จนทนไม่ไหวแล้วน่ะ” (ยูกิกะ)

 

“อะไรน๊ะ?” (ยูกิโตะ)

 

แล้วแววตาของแม่เปลี่ยนไปเป็นคนเย็นชาในทันที ทั้งที่ในช่วงนี้ไม่มีวี่แววว่าจะมีการทะเลาะกันของพี่น้อง แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผมน่ะอยากให้พวกเขาเข้ากันได้ดีนะ ถ้าหากเป็นไปได้

 

“อาเระ คนๆนี้?” (ฮิมิยามะ)

 

“อืมม คุณรู้จักกับพี่สาวฉันใช่ไหมนี่…… ฉันชื่อยูกิกะ โคโคโนเอะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” (ยูกิกะ)

 

“อย่างนี้นี่เอง ฉันหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้นะ ฉันชื่อมิซากิ ฮิมิยามะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ค่ะ ว่าแต่คุณมาทำอะไรในที่แบบนี้กันล่ะ?” (ยูกิกะ)

 

“ฉันก็แค่มามอบความรักให้กับยูกิโตะของฉัน เท่านั้นเอง” (ฮิมิยามะ)

 

แล้วการเคลื่อนไหวของยูกิกะซังหยุดชะงักไป และเธอก็หันไปเผชิญหน้ากับฮิมิยามะซังด้วยรอยยิ้มที่ดูตึงๆและหัวเราะคิกคัก

 

“ยูกิจังน่ะเป็นของฉันนะคะ!” (ยูกิกะ)

 

“ไม่ เขาไม่ใช่นะ! นี่เขากลายเป็นของๆยูกิกะตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ? ยูกิโตะเป็นลูกของฉันนะ” (แม่)

 

“ใจเย็นๆก่อนกันก่อน นี่ยูกิโตะ เธอจะบอกให้ฉันเอาเปิดหน้าอกออกมาอีกก็ได้นะ โอเค๊?” (ฮิมิยามะ)

 

และสุดท้าย มันก็ไม่ใช่แค่การลูบตัวของผมอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นการถูกคุณฮิมิยามะเข้ามากอดจากทางด้านหลัง นี่คุณบ้าไปแล้ว ฮิมิยามะซัง! แต่คำสวดอ้อนวอนของผมก็ดูเหมือนจะส่งไปไม่ถึงเธอเลย และทั้งคุณแม่และยูกิกะซังก็ได้มีริ้วเส้นสีฟ้าขึ้นอยู่บนหน้าผากของพวกเธอ

 

“ยูกิโตะ เรารีบหนีไปจากผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ที่นิสัยไม่ดีนี้กันเถอะ!” (แม่)

 

“ใช่แล้ว ยูกิจังจะต้องไปที่นัดพบกันกับฉันนะ!” (ยูกิกะ)

 

“นี่เธอกำลังพูดอะไรกับลูกของฉันกันเนี่ย ยูกิกะ?” (แม่)

 

“ก็ยูกิจัง เป็นเหมือนลูกของฉันเหมือนกันนี่” (ยูกิกะ)

 

“นี่เธอทำไมถึงได้ดูแปลกไปกว่าเดิมอีกเนี่ย!” (แม่)

 

“ฉันไม่แปลกหรอกใช่ไหมจ๊ะ? แล้วตกลงเธอชอบใครมากกว่ากันล่ะ ยูกิจัง?” (ยูกิกะ)

 

แล้วคำถามต้องห้ามก็ได้ถูกปลดปล่อยออกมา มันเฉียบคมราวกับเวทมนตร์อันยิ่งใหญ่ที่ปลดปล่อยออกมาเพื่อผนึกราชาปีศาจโดยการแลกกับชีวิตของเขา มันจะเกิดอะไรขึ้นกับผมกัน ถ้าหากว่าผมดันไปตอบคำถามนั้นเข้าให้ แล้วผมจะได้กลับไปที่โบสถ์ไหมนี่……. (แซวเกม RPG ตายแล้วกลับไปโบสถ์)

 

“ยูกิโตะ ต้องเป็นฉันใช่ไหมล่ะ? เพราะว่าฉันเป็นแม่ของลูก…” (แม่)

 

“นี่เธอคิดว่ามันเป็นอย่างที่พูดจริงๆเหรอ? แต่แน่นอน ฉันต่างหากคือคนที่เธอควรรักที่สุดนะ ยูกิจัง!” (ยูกิกะ)

 

“นี่ฉันจะยอมให้เธอทำทุกอย่างที่เธออยากจะทำกับฉันเลยนะ พ่อ-รูป-หล่อ, อุฟุฟุฟุ” (ฮิมิยามะ)

 

สถานการณ์นี้มันคืออะไรกันเนี่ย? ความวุ่นวายนี้มันคืออะไรกัน?

 

และพอมันมาถึงจุดนี้ ผมก็รู้สึกเหมือนกับเป็นคนโง่และเริ่มหัวเราะออกมา

 

ผมนั้นเคยมีปัญหามากมายมาในอดีต แต่วันนี้ผมคิดว่าผมคงพูดได้เลยว่าผมนั้นน่ะได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ตั้งแต่เช้า ก็มีผู้หญิงหลายคนพยายามจะยุ่งเกี่ยวกับผม ผมนั้นน่ะเคยคิดไปว่าตัวเองโชคร้ายในเรื่องผู้หญิง แต่มาในวันนี้มันทำให้ผมนั้นรู้แล้วว่า ถึงแม้ผมจะมีโชคในเรื่องผู้หญิง แต่มันก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่ดี

 

ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากด้านลบ จนในที่สุดมันก็ลดลงกลับไปที่ศูนย์เท่านั้น และนี่คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างผมกับสาวๆนับจากนี้เป็นต้นไป

 

แต่ถึงยังไง

 

อืมม ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไม…..

 

 

 

 

 

“หรือว่านี่ คือช่วงเวลาสิ้นสุดแห่งความทุกข์ของเรื่องผู้หญิง……” (ยูกิโตะ)

 

 

 

 

 

 

แล้วผมยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็เป็นผู้ชายที่ได้บรรลุและก้าวผ่านความทุกข์ในเรื่องผู้หญิงมาได้สำเร็จ

 

และบางทีความรักของผมนั้นอาจจะกำลังได้มีโอกาสเริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้งก็ได้…….

 

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป..…?

 

จบ Vol. 3.

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด