เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 63: ความหดหู่ของเทพธิดา

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 63: ความหดหู่ของเทพธิดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ความหดหู่ของเทพธิดา

 

[ มุมมองของผีสาวอ้วก ]

 

“……น……ฟู่วาาาา…….” (โยวไค)

 

ฉันพยายามยกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้น นี่ฉันลืมปิดผ้าม่านสินะ แสงแดดถึงส่องผ่านหน้าต่างมา รู้สึกปวดหัวราวกับโดนก้อนอิฐทุบ แล้วฉันก็ขมวดคิ้วให้กับอาการปวดหัวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้ และผละออกจากที่นอน

 

 ฉันสงสัยว่า……นี่ฉันอยู่ที่ไหน

 

ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน ความเข้าใจในสถาณการณ์ดูจะต่ำไปกว่าปกติหน่อย อาการแบบนี้ฉันน่ะรู้จักดี เพราะฉันเองก็เคยมีประสบการณ์ที่คล้ายกันนี้มาแล้วสองสามครั้งในอดีต ก็อายอยู่นะที่จะยอมรับมัน แต่ดูท่าฉันน่าจะมีอาการเมาค้างล่ะ

 

แล้วสติของฉันค่อยๆกลับมามากขึ้น ข้างนอกอากาศก็สดใส มันเป็นวันนึงของฤดูร้อนที่สดใส เหงื่อที่ออกมาทั้งคืนของฉันทำให้หลังเปียกโชกไปทั้งแผ่นหลัง

 

ฉันที่ได้วันหยุดพักผ่อนหนึ่งวันเพื่อมาแช่น้ำพุร้อนเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าหลังจากเสร็จสิ้นโปรเจ็กต์ได้ทำมา แล้วมันก็เป็นงานอดิเรกของฉันที่จะชอบเดินทางไปคนเดียว ถ้าหากฉันได้อยู่กับใครซักคนก็คงจะดี แต่ฉันก็คงทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะถ้าฉันอยู่คนเดียว ฉันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องขนบางๆนี้ไง (คนแปล: ห๊ะ อะไรนะ?)

 

ฉันได้ใช้เวลาไปกับการแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนและเพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่มอันโอชะ ฉันคิดว่าฉันคงจะตื่นเต้นไปหน่อย สาเกท้องถิ่นที่ได้ตั้งตารอนั้นทั้งกรุบ เนียนนุ่ม และดื่มง่าย และท้ายที่สุดฉันก็ดื่มมันจนมากเกินไป ปริมาณแอลกอฮอล์คงจะสูงกว่าที่คิดเอาไว้ และฉันน่าจะต้องเมาเอามากแน่ๆ

 

แล้วฉันค้นกระเป๋าชุดและก็เจอโทรศัพท์ของฉัน มันเย็นและแข็ง นี่ฉันสงสัยว่าฉันเผลอหลับไปพร้อมกับโทรศัพท์ในกระเป๋าชุดของฉันหรือใช่รึเปล่า……

 

ฉันมองไปรอบ ๆ และก็เจอว่านี่เป็นที่ที่คุ้นเคย มันคือห้องที่ฉันพักอยู่ แต่ฉันกลับไม่รู้ว่าฉันนั้นกลับมาได้ยังไง เมื่อคืนฉันไม่ได้ไปร้านสะดวกซื้อมาหรอกหรอ……? ความทรงจำที่เหลือของฉันมันค่อนข้างจะเลือนลาง

 

“—-!?” (โยวไค)

 

แล้วความรู้สึกที่น่าขนลุกนั้นก็เข้ามา ฉันสะดุ้งขึ้นโหยงโดยจินตนาการถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุด

 

ฉันสัมผัสร่างกายของฉันด้วยด้วยการลูบไปทั่ว ฉันยังคงสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับที่ฉันใส่ตอนออกไปกลางคืน กางเกงในของฉันเปียกโชกทำให้ฉันรู้สึกไม่สบาย ฉันสลัดอาการปวดหัวที่น่ารำคาญนี้ออกไปและพยายามบิดหมุนหัวของฉันไปรอบๆ

 

สัมผัสหน้าท้องลงไปยังส่วนล่าง ฉันไม่ได้รู้สึกไม่ดีตรงไหน แล้วฉันก็เอาตบหน้าอกอย่างโล่งใจ ฉันคิดว่าฉันน่าหลบหลีกสิ่งเลวร้ายที่สุดไปได้ ดูแล้วไม่มีวี่แววว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉันตรงไหน แต่ถ้ามองดีๆ จะเห็นว่าฉันยังใส่เสื้อผ้าที่เปื้อนอาเจียนอยู่ และชุดชั้นในของฉันก็อยู่ในสภาพเลอะเกินกว่าที่จะยังสวมใส่ต่อได้

 

ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าไอ้ความรู้สึกเย็นในกางเกงขาสั้นของฉันนั้นมาจากไหน ฉันเองก็อายุมากพอที่จะรู้มากขึ้น มันไม่ตลกเอาซะเลย โชคดีนะที่ไม่มีใครอยู่ ในทางกลับกัน อาจเป็นเพราะว่าฉันนั้นมาเที่ยวคนเดียวจึงปล่อยปละอะไรไปหลายๆอย่างได้เยอะ……

 

แต่ถึงจะเมาแค่ไหนก็ไม่อยากที่จะนอนไปทั้งๆแบบนี้ แม้แต่จะใส่ชุดยูกาตะเอาไว้ก็เถอะ และถ้าฉันต้องไปนอน อย่างน้อยฉันก็จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

 

แล้วฉันก็ยืนขึ้นอย่างกระสับกระส่าย แทนที่จะนอนอยู่บนฟูก ฉันกลับรู้สึกเหมือนถูกวางเอาไว้บนฟูกมากกว่า

 

“มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ……?” (โยวไค)

 

และจินตนาการอันไม่พึงประสงค์ของฉันก็เริ่มขยายขึ้น ฉันคิดว่าฉันน่าจะอยู่กับใครอีกสักคนเมื่อวานนี้ ถ้าฉันนึกออกได้ มันก็น่าจะทำให้ความทรงจำของฉันที่เหลือนั้นกลับมา

 

ไม่มีทางที่คนอื่นจะรู้ว่าฉันนั้นพักอยู่ตรงไหนของโรงแรม ถ้าเขารู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน ไม่มีทางหรอกที่ฉันจะบอกพวกเขาได้ เป็นไปไม่ได้ที่โรงแรมหรือโรงแรมขนาดเล็กจะปล่อยข้อมูลให้ไปยังบุคคลที่สาม หากเป็นกรณี นี้มันก็คงไม่น่าจะแปลกใจอะไรหากเป็นฉันเองที่คนเชิญเขามาเอง

 

 กลับไปตรวจร่างกายตัวเองอีกครั้ง

 

 อย่างน้อยฉันก็ไม่น่าจะทำอะไรแบบนั้น …… ใช่ไหมนะ?

 

ฉันสงสัยว่าเขาได้ถอดเสื้อผ้าของฉันออกหรือเปล่า กางเกงชั้นในของฉันยังเปียกอยู่และกลิ่นก็แรง ฉันแค่หวังว่าเขาคนนั้นจะไม่เกิดอารมณ์หรอกนะ

 

แล้วฉันเริ่มมั่นใจในตัวเองน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าฉันนั้นอยู่ในสภาพมึนเมา ก็ไม่น่าจะแปลกใจเลยถ้าเขาทำอย่างนั้น ถ้าเป็นแบบนั้นก็มีโอกาสอยู่ แต่ก็โชคดีที่ฉันตอนนี้อารมณ์ดีอยู่ แต่ว่านั่นก็ไม่ได้ช่วยเป็นการปลอบใจเลย

 

กรณีแบบนี้มันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะกระทั่งเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ไอ้ที่ฉันเป็นอยู่ ก็ได้เกิดขึ้นคล้ายๆกับตอนนี้ แต่นั่นเป็นกรณีที่ฉันถูกยุให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถ้าหากฉันเมาแล้วชวนคนอื่นมาร่วมกันกับฉัน มันก็ไม่มีทางเลยที่ฉันจะหาข้อแก้ตัวใดๆได้

 

เหงื่อเย็นๆไหลลงมาตามสันหลังของฉัน มันดูเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ถ้าฉันนั้นหมดสติไป ฉันก็จะไม่รู้อะไรได้เลยเลยแม้แต่วินาทีเดียว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรกับฉันโดยตรงก็เถอะ ถึงฉันก็ไม่รู้ว่าเขานั้นมีตัวตนจริงหรือเปล่าก็ตาม

 

แล้วทันใดนั้น ฉันก็สังเกตเห็นถุงพลาสติกที่วางอยู่บนโต๊ะ ข้างในมีอาหารเสริม เครื่องดื่ม และน้ำแร่จากร้านสะดวกซื้อ มันเป็นของแบบเดียวกันกับที่ฉันพยายามซื้อเมื่อคืนนี้ แต่จำไม่เห็นได้ว่าไปซื้อมาเลย

 

“นี่เขา……ช่วยดูแลฉันเหรอ?……ไม่มีทาง” (โยวไค)

 

 มันจะเป็นไปได้ยังไงกันกับคนที่คุณไม่เคยเจอกันมาก่อน?

 

เขาไม่ทำอะไรเลย ไม่ขออะไรตอบแทน เขาแค่ดูแลและจากไป ฉันรู้ดีว่าคนดีแบบนี้น่ะไม่มีอยู่จริง และจากการงานที่ทำนี้ ฉันก็ได้รับรู้ถึงความอัปลักษณ์ของผู้คนจนรู้สึกน่าขยะแขยง จากมุมมองที่พอจะทำความเข้าใจได้ สิ่งนี้อาจเป็นการเตรียมเพื่อมาเป็นข้อแก้ตัวอย่างหนึ่ง

 

ฉันพยายามนึกถึงความเป็นไปได้หลายๆอย่าง พวกเขาอาจถอดเสื้อผ้าของฉันและถ่ายรูปฉันไว้ หรือถ้าพวกเขารู้ตัวว่าฉันนั้นเป็นใคร พวกเขาสามารถสร้างรายได้อีกเล็กน้อยโดยส่งมันไปยังนิตยสารรายสัปดาห์

 

ถ้าหากเป็นคนธรรมดา ฉันก็คงจะแค่ถูกปฏิบัติเหมือนกับเป็นเหยื่อ แต่ถ้าหากเป็นการรั่วไหลของคนดัง มันก็มักจะถูกใช้เป็นความบันเทิงอีกรูปแบบหนึ่ง มันมักจะมีหัวข้อข่าวที่ว่ามาไม่ขาดแทบทุกวันอย่างเช่นบทสนทนาและรูปถ่ายที่หลุดมา

 

แน่นอน ฉันเองเคยชินกับการจัดการกับคนพวกนี้และทำให้พวกเขาได้ชดใช้การกระทำของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองจะทำเป็นไม่สนใจว่าตัวเองจะตกเป็นเป้าหมายหรือเปล่าสิเนี่ย

 

และถ้าเมื่อภาพรั่วถูกปล่อยออกมา การสั่งให้ลบไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันจะยังคงอยู่ในมือของใครบางคนอยู่อีกเสมอ และความจริงนั้นก็จะไม่มีวันหายไป คนรอบข้างก็จะมองคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มันเป็นราคาที่แพงเกินกว่าที่จะจ่าย

 

 กับวันหยุดที่ฉันอุตสาห์ตั้งตารอ ก็กลับกลายเป็นหายนะ ในบางทีนี่ก็อาจสร้างปัญหาให้กับคนอื่นได้อีกหลายคน

 

ฉันทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าและชุดชั้นในที่สกปรกไปด้วยใจที่หน่วงๆ เลยตัดสินใจจะลงไปแช่บ่อน้ำพุร้อนเพื่อทำให้ตัวเองสดชื่นขึ้น และนั่นคือทั้งหมดที่ฉันนั้นคิดออก

 

มันไม่มีจุดสิ้นสุดของความเป็นไปได้ที่เลวร้ายไปจนถึงที่สุดของฉันที่จะสามารถจินตนาการออกได้ บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ และถึงแม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม มันจะเป็นเพียงความสัมพันธ์แค่คืนเดียว และตราบใดเท่าที่มันไม่เปิดเผยออกมา มันก็จะไม่มีปัญหาใดๆ

 

 สำหรับตอนนี้ ฉันตัดสินใจแล้ว

 

 ฉันออกจากห้อง โดยพยายามลากเท้าที่หนักอึ้งของฉันไป

 

——————————————————————————

 

 

[มุมมองของ ยูกิโตะ]

 

เค้าว่ากันว่าคนทั่วไปนั้นเริ่มได้เพลิดเพลินไปกับการอาบน้ำสาธารณะกันในสมัยเอโดะ และเกิดตำนานอันโด่งดังจากเที่ยวบินของโยชิสึเนะ จากฮิราอิซูมิ ไปยังฮอกไกโดทางตอนเหนือ และจนในที่สุดก็ไปมองโกเลีย โดยมีการกล่าวกันว่าถูก “มินาโมโตะ โนะ โยริโทโมะ” นั้นไล่ติดตาม

 

ระหว่างทาง โยชิสึเนะก็ได้เจอกับบ้านที่ปลายสุดของทางผ่านไปอาคาบาเนะ ที่ซึ่งเขาได้มีการสร้างอ่างอาบน้ำไว้สำหรับเขาเอง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นามสกุลของครอบครัวจึงได้กลายมาเป็น “ฟุโระ” และทำให้ชื่อของสถานที่แห่งนั้นก็ได้กลายเป็น “ฟุโระ” ไปด้วย

 

 สิ่งที่ผมกำลังพยายามจะบอกก็คือพวกคนญี่ปุ่นมักชอบอาบน้ำมากจนอยากจะอาบน้ำแม้ในขณะที่พวกเขากำลังวิ่งเลยด้วยซ้ำ

 

และก่อนที่จะได้เวลาจากไป ครอบครัวโคโคโนเอะจึงได้ทำการลงแช่น้ำพุร้อนอีกครั้งและได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ แต่แม่และพี่สาวก็ยังคงไม่ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อน การอาบน้ำของพวกผู้หญิงนี่ช่างใช้เวลานานจริงๆ

 

การเดินทางนี้เป็นไปอย่างราบรื่นดี จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรีบร้อน ผมเองก็คิดว่าผมก็ควรที่ใช้เวลาของตัวเองเหมือนกัน ผมจึงรออย่างสบายๆ ที่ทางเข้าพร้อมนมรสกาแฟหนึ่งถ้วย

 

 เมื่อวานนี้ช่างเป็นวันที่ลำบาก แม่ของผมก็ได้ตื่นขึ้นในระหว่างนั้นและเข้าร่วมด้วยกัน จึงทำให้การถามคำถามไล่ต้อนของพี่สาวผมก็ไม่มีประเด็นอะไรเพิ่มอีก

 

มันเป็นเรื่องในอดีตอันแสนไกลไปแล้ว มันไม่มีประโยชน์ที่จะขุดฟื้นมันขึ้นมาในตอนนี้ และผมเองก็ยังคงไม่รู้ว่ามันคืออะไรจนสุดท้าย หรือว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าหากว่าผมนั้นไม่ได้ทำในสิ่งที่ผมได้ทำไปแล้วล่ะก็ ผมนั้นก็อาจที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายของผมนั้นได้ไปแล้ว

 

 ――ด้วยเป้าหมายที่ว่าคือ ผมนั้นอยากจะที่จะหายตัวไป

 

ผมนั้นไม่รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ถึงอย่างนั้น ผมก็มีทางเลือกแค่สองทางในวันนั้น แต่ว่าตอนนี้ผมนั้นคงทำไม่ได้ ผมไม่สามารถเลือกทางใดทางหนึ่งได้ มันคงอาจจะเป็นเพราะว่าผมนั้นอ่อนแอลง

 

แต่มันก็เป็นเรื่องแบบนั้น แล้วผมนั้นก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้เห็นแม่ของผมเข้าไปด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นบ่อน้ำพุร้อน แต่ก็เป็นห้องอาบน้ำในห้อง ดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาอะไร นั่นก็น่าจะไม่ใช่ปัญหา แต่ก็นั่นล่ะ มันไม่ใช่ประเด็นเลยนะ!

 

มันยังคงมีแต่ความเสี่ยงที่จะคอยเพิ่มขึ้นอยู่ในทุกๆวัน มันยังไม่ถึงขั้นที่จะเป็นออกมาเป็น Beta เลย(ล้อพวก Game’ Dev)……ถึงแม้ว่าความเหนื่อยล้าทางร่างกายจะหมดไปแล้ว แต่ความอ่อนล้าทางจิตใจกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

ตามที่แม่ของผมนั้นว่ามา เธอนั้นต้องการจะอาบน้ำกับผมและล้างตัวผม ผมนั้นรู้สึกขอบคุณสำหรับความใจดีของเธอนะ แต่พี่สาวของผมก็รับบทบาทนี้ไปแล้ว และก็ทำให้ผมอารมณ์ไม่ดีหลังจากนั้น ผมนั้นน่ะถูกล้างไปทั้งตัว ซึ่งมันก็ไม่ได้ดูเหมาะกับนักเรียนชายมัธยมปลายเลยสักนิด แต่ผมก็ถูกล้างมากเกินไป จนผิวของผมนั้นสะอาดจนเปล่งประกายเลย

 

 แล้วทันใดนั้นเอง ก็มีผู้หญิงที่ดูคุ้นๆเดินเข้ามาทางผม

 

 นั่นก็คือ—– โยวไค น่ะเอง!

 

 ผมก็สงสัยว่าเธอจะมาแช่น้ำพุร้อนหรือเปล่า ผมจึงส่งเสียงทักเธอไป

 

“เอ่อ ยังรู้สึกสบายดีใช่ไหมครับ?” (ยูกิ)

 

“……!? ฉัน ……?” (โยวไค)

 

“ใช่ เมื่อคืนดูเหมือนคุณจะเมามาก” (ยูกิ)

 

“!? -เดี๋ยวก่อนนะ ฉันเหมือนจะจำหน้าของคุณได้ลางๆ จาก…….” (โยวไค)

 

แน่ใจนะว่าจำผมไม่ได้ ผมเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์นี้มาก่อน แต่ผมก็เคยได้ยินมาว่าคนเรามักจะที่สูญเสียความทรงจำหลังจากที่ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมากจนเกินไป ผมจะต้องพยายามระวังให้มากขึ้นในตอนที่ผมนั้นโตแล้ว

 

“ผมพยายามให้คุณเปลี่ยนชุด แต่ก็ทำให้ไม่ได้น่ะ” (ยูกิ)

 

“เมื่อวานคุณทำอะไรฉันเนี่ย?” (โยวไค)

 

“อะไรกัน? ก็คุณนั่นแหล่ะเป็นคนทำนะ” (ยูกิ)

 

“—-ฉันว่าแล้ว! มันเป็นฉันเองที่เป็นคนทำ ……” (โยวไค)

 

แล้วเธอก็อยู่ในอาการที่ดูตื่นตระหนก สงสัยจังว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอตื่นตระหนกมาก ดวงตาของเธอนั้นดูมีแววฉลาดเฉียบแหลม ไม่เหมือนกับเมื่อคืนก่อน ผมจึงอดนึกไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงสิ่งที่แตกต่างอย่างแรงมากจากในรูปลักษณ์ที่ดูสง่างามของเธอ

 

 ผมเดาว่าเธอนั้นน่าจะมีอายุยี่สิบปลายๆ หรือสามสิบต้นๆ หลังจากที่ผมสังเกตเธอดีๆอีกครั้ง

 

“มันก็เป็นประสบการณ์ที่แย่มากจริงๆนั่นแหล่ะ คุณก็ควรจะเสียใจ” (ยูกิ)

 

“……? เดี๋ยวก่อนนะ นี่นายยังไม่บรรลุนิติภาวะ ……ใช่ไหม?” (โยวไค)

 

“ใช่ แต่แล้วมันยังไงล่ะครับ?” (ยูกิ)

 

“……นี่ฉัน …… ทำบ้าอะไร……. เฮ้ นี่เมื่อวานฉันเป็นคนชวนนายไปหรือเปล่า?” (โยวไค)

 

“ก็คุณเล่นบังคับให้ผมช่วยจับคุณไปแบบนั้นเองนี่ แล้วนี่คุณจำอะไรไม่ได้บ้างเลยเหรอ?” (ยูกิ) (ตอนจับแบกหลัง)

 

“—-?!” (โยวไค)

 

แล้วเธอก็ทรุดตัวลงคุกเข่า ผมได้ยินเสียงพึมพำของเธอออกมาว่า “กฎหมายคุ้มครองและพัฒนาเยาวชน ……” “หากพวกเขาไม่รู้ ……” และ “แม้แต่หลักฐาน …….” ผมว่าผมได้ยินเธอพูดแบบนั้นนะ นี่เธอกำลังพูดถึงอะไรเนี่ย?

 

“นาย โทรศัพท์ เอาโทรศัพท์ของนายมาให้ฉัน!” (โยวไค)

 

“ครับ? เพื่ออะไรน่ะ?” (ยูกิ)

 

“ฉันจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง แต่ฉันรู้ว่ามันไม่ดี แต่ก็ปล่อยมันไว้ไม่ได้ นายไม่ได้ถ่ายหรือทำอะไรไป หรือบางที ถ่ายวีดีโออะไรไว้ ใช่ไหม?” (โยวไค)

 

“ไม่ ผมไม่ได้ถ่าย” (ยูกิ)

 

“โทษที แต่ฉันไม่เชื่อใจนาย ขอฉันดูโทรศัพท์ของนายหน่อย” (โยวไค)

 

“ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นนะ” (ยูกิ)

 

“ถ้าอย่างนั้นนายก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบังนี่ ก็แค่เปิดให้ฉันดู!” (โยวไค)

 

นี่ผมกำลังถูกบังคับให้เชื่อฟังโดยไม่มีข้อโต้แย้งงั้นเหรอ ผมจึงรีบคิดหาหนทางว่านี่น่ะจะเป็นความคิดไม่ดีหรือเปล่า แล้วผมก็ยื่นโทรศัพท์ให้หล่อน เพราะเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังมีปัญหา

 

เธอแย่งมันออกจากมือของผมและเริ่มจัดการมันด้วยตัวเอง

 

“ไม่มีการล็อค……. ภาพมัน……อะไรน่ะ? ไม่มีอะไรเลย……? ทำไมนายถึงไม่มีแม้แต่ภาพเดียว?” (โยวไค)

 

“ก็มันมาของมันแบบนั้นนี่” (ยูกิ)

 

“นายจะต้องส่งมันไปที่คอมพิวเตอร์หรืออะไรอย่างอื่นแน่” (โยวไค)

 

“ทำไมคุณถึงต้องอยากให้มันเป็นเรื่องโกหกกันด้วยเนี่ย?” (ยูกิ)

 

“ก็เพราะว่ามัน…….” (โยวไค)

 

แล้วภาพเดียวที่ผมได้ทำการบันทึกไว้เกี่ยวกับ โมฟุฟุฟุ ของอาจารย์ซันโจจิ ก็ได้ถูกโอนไปยังไดรฟ์ USB เพื่อความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมันอันตราย คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาบนโลกนี้ อย่างการมาถึงของสังคม IoT ที่ทุกอย่างเชื่อมต่ออยู่กับอินเทอร์เน็ต มันจึงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเข้าไปอีกด้วย

 

ผมยูกิโตะ โคโคโนเอะ ชายผู้ไม่เคยพลาดโอกาสที่จะจัดการความเสี่ยงไว้ก่อน โดยการบันทึกลงในอุปกรณ์ออฟไลน์ของเขาเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน

 

“ฉันก็ไม่ต้องการที่ให้เกิดอะไรขึ้นกับนายนะ การจัดการน่ะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าฉันเองมีเรื่องของตัวเองด้วย” (โยวไค)

 

แต่แล้วโทรศัพท์ของผมได้หลุดมือจากผู้หญิงคนนั้นขณะที่เธอพยายามจะเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง มีเสียงแตกเกิดขึ้นและหน้าก็จอแตกอย่างยับเยิน ในยุคของสมาร์ทโฟนนี้ ถึงจะใช้ความแข็งแกร่งของกระจกเทมเปอร์แล้วก็ยังคงจะไม่แข็งแกร่งอย่างที่คิดนัก

 

“…………” (ยูกิ)

 

“ฉ-ฉันขอโทษ! ฉันจะจ่ายชดใช้ให้เอง—-” (โยวไค)

 

ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ใช้โทรศัพท์บ่อยนัก แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เห็นหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองพัง เพียงแต่ไม่ใช่ผมที่เป็นคนทำมัน ผมหยิบมันขึ้นมาและตรวจสอบ แผงหน้าจอสัมผัสยังทำงานได้ดี แต่ก็มองหน้าจอได้ลำบากเลยล่ะ

 

“—-ยูกิโตะ คนๆ นั้นเป็นใครน่ะ?” (ยูริ)

 

 แล้วผมก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลังผม แม่และพี่สาวของผมได้กลับออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนแล้ว

 

“นี่คือโยวไค BBA ที่ทำหน้าบึ้งน่ะ” (ยูกิ)

 

[TL: BBA= คำแสลงสำหรับหญิงแก่ อารมณ์ประมาณ มนุษย์ป้า]

 

“……โยวไค? อ้อ ที่เมื่อวานนายพูดถึงนี่เอง—-” (โยวไค)

 

“เหวออออออออ แแแแแแแแแแแม่!” (ยูกิ)

 

“โยช โยช ขอแม่กอดหน่อยน่า” (แม่)

 

“นี่ผมลดการระวังตัวไปสินะ ” (ยูกิ)

 

ปัญหาทั้งหมดนี้ที่ผมได้เผชิญมันเกิดมาจากเมื่อคืนนี้ ซึ่งที่แรกมันยังคงไร้การการตอบสนองใดๆ  แต่แล้วตัวผมวันนี้ก็ถูกจับมาพันกันยุ่งเหยิง และไหนจะหน้าจอโทรศัพท์ของผมก็พังเอาอีก ที่สุดแล้วแม้แต่คนที่สุภาพอ่อนโยนอย่างผมก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคืองบ้าง

 

แล้วผมได้อธิบายสถานการณ์ให้แม่และคนอื่นๆ ฟัง ผมบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องอาเจียนที่พ่นบนออกมาต่อหน้าของผมและไหนจะเรื่องที่ไม่ค่อยจะโสภาบนหัวผม แล้วใบหน้าของเธอได้เปลี่ยนเป็นสีขาวไม่ใช่สีฟ้า ก็ตามนั้นแหล่ะ แล้วในขณะเดียวกัน ที่ตาของพี่สาวผมกลับค่อยๆดูเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ

 

“ที่ผมกำลังบอกคุณก็คือผมน่ะไม่ได้บันทึกภาพ แต่ว่าคุณก็ไม่เชื่อผมเลย แล้วคุณจะยังทำโทรศัพท์ของผมแตกอีก……” (ยูกิ)

 

“นั่นแหล่ะเป็นเหตุผลที่ฉันบอกนายเสมอน่ะว่าให้ระวังผู้หญิงแปลกหน้า นั่นคือสิ่งที่โลกนี้เป็น นายเข้าใจไหม? นี่นายเข้าใจใช่ไหม? และถ้าทำอย่างนั้นได้ นายก็จะได้รับการตอบแทนกลับจากพี่สาวคนโปรดของนายนะ” (ยูริ)

 

“ครับ” (ยูกิ)

 

ผมทำเฉยต่อสิ่งที่เธอพูดซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจไป และตอบอย่างตรงไปตรงมา ทั้งหมดที่ผมจะต้องทำก่อนก็คือไตร่ตรองเรื่องในเรื่องตรงหน้านี้ซะก่อน ขนาดสุนัขก็ยังเดินไปชนเสาเอาได้ แล้วถ้าหาผมฝืนเดินไปก็จะต้องเจอกับปัญหาแน่ ผมน่ะจำมันไว้ แต่แล้วผมจะละเลยมันไปแล้วซะจริงๆนี่ ……

 

“ว่าแต่ นี่คุณจะทำอะไรกับน้องชายฉันน่ะ? หา?” (ยูริ)

 

“ฉันขอโทษ! ฉันไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น แล้วฉันจะจ่ายมันให้ ฉันไม่รู้ว่าคุณอยู่กับครอบครัวของคุณ……” (โยวไค)

 

“อืมมม… ……. ฉันคิดว่าฉันเคยเห็นคุณที่ไหนมาก่อนนะ ……” (แม่)

 

“แม่รู้จักเธอด้วยเหรอครับ?” (ยูกิ)

 

“แม่รู้จักเธอเหรอ?” (ยูริ)

 

“มันไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว……” (แม่)

 

นอกจากความเกลียดชังที่ออกมาจากพี่สาวผมแล้ว คุณแม่ก็ยังทำสีหน้าครุ่นคิด จากนั้น ราวกับว่าเธอนึกอะไรบางสิ่งออกได้ สีหน้าของเธอก็พลันดูสว่างขึ้นในทันที

 

“ฉันจำได้แล้ว! ฉันเคยเห็นแต่ในนิตยสาร ฉันคิดว่ามันคือ……เทพีแห่งวิชาชีพกฎหมาย!” (แม่)

 

“โยวไค BBA ที่ทำหน้าบูดบึ้ง คนนี้คือเทพธิดางั้นเหรอครับ?” (ยูกิ)

 

“นี่เป็นเทพธิดาประเภท โยวไค BBA ทำหน้าบูดบึ้งงั้นเหรอคะแม่?” (ยูริ)

 

 ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่พี่สาวก็ดูจะตามน้ำไป ว่าแต่นี่เธอเป็นเทพธิดาได้ยังไง?

 

“ก็เธอน่ะเป็นทนายความที่กำลังมาแรงเลยนา และเธอก็มักจะถูกนำไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ในหน้านิตยสารน่ะจ๊ะ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเรียกเธอได้ว่าเป็นมาดอนน่าของโลกแห่งกฎหมาย” (แม่)

 

 แล้วข้อเท็จจริงที่น่าประหลาดใจนี้ก็ได้ถูกเปิดเผย

 

 ทนายความ? โยวไคอ้วกต่อหน้าที่เป็น BBA? ดูเธอแล้วก็ไม่ค่อยจะดูเป็นแบบนั้นได้เลย

 

“โยวไคกับเทพธิดา ……? เธอเป็นนักกฎหมายด้วยเหรอ?…… เทพธิดา…… กลับชาติมาเกิด?…… ไม่สิ อาจารย์เทพธิดา……” (ยูกิ)

 

 -มันโดนผมสุดๆเลยล่ะคำนี้

 

“ฉันเข้าใจละ สั้นๆก็คือ เมกะเซ็น–!” (ยูกิ)

 

[TL: Megami= เทพธิดา; Sensei=อาจารย์—>MegaSen=เมกะเซ็น]

 

“หยุดเลยนะ” (โยวไค)

 

“ครับ” (ยูกิ)

 

 เนื่องจากผมกลัว ©(ลิขสิทธิ์) ดังนั้นผมจะพยายามตัดลดมันให้เหลือสั้นที่สุด

 

 

“นี่ฉันก็เพิ่งนึกออกนะ ว่าเธอน่ะชื่อ คูอง โคซึคาตะ” (แม่)

 

——————————————————————————————–

 

 

 

[ มุมมองของ คูอง โคซึคาตะ ]

 

“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้อยากจะให้เธอต้องรอเลย” (คูอง)

 

“ไม่หรอก ฉันเองเพิ่งมาที่นี่เอง นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เจอเธอน่ะ” (ลูกพี่ลูกน้อง)

 

“ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องออกมาเป็นเพื่อน พอดีฉันอยากคุยกับเธอ เป็นเรื่องบางอย่างน่ะ” (คูอง)

 

มันเป็นเวลาสองวันแล้วที่ฉันได้กลับมาจากการไปเที่ยวคนเดียว ฉันได้มาพบกับลูกพี่ลูกน้องของฉันที่ร้านกาแฟที่มีห้องส่วนตัว ฉันเลือกห้องส่วนตัวเพราะว่าอยากจะคุยโดยไม่ต้องกังวลอะไรรอบข้าง

 

“เอ้านี่คือของที่ระลึกจากทริปนี้ ฉันลองดูแล้วมันอร่อยมากเลยล่ะ” (คูอง)

 

“โอ้เย้ ขอขอบคุณนะ เดี๋ยวฉันจะเอาไปฝากต่อให้คนอื่นๆเอง” (ลูกพี่ลูกน้อง)

 

ฉันทำงานที่ถูกสั่งเอาไว้แล้วเสร็จจากในที่ทำงานที่เหมาะสม แล้วในตอนเวลาอาหารกลางวัน ฉันก็ได้สั่งอาหารและเครื่องดื่มราคาไม่แพงนักจากนั้นจึงได้เวลาหยุดพัก

 

“นี่ไปแช่น้ำพุร้อนมาอีกแล้วเหรอ?” (ลูกพี่ลูกน้อง)

 

“ใช่ฉันไป บ่อน้ำพุร้อนเองก็ยอดเยี่ยม แต่ว่านั่นมันก็ ……” (คูอง)

 

“เธอบอกว่ามีคำถามใช่ไหม? แต่ฉันก็ไม่คิดว่าจะช่วยตอบอะไรได้หรอกนะ……” (ลูกพี่ลูกน้อง)

 

ฉันกับลูกพี่ลูกน้องสนิทสนมกันและมักจะพูดคุยกันบ่อยๆ พวกเรามักจะส่งข้อความหากัน ถึงแม้ว่าพวกเราจะอายุต่างกันเยอะก็ตาม แต่ลูกพี่ลูกน้องของฉันนั้นก็เป็นผู้ฟังที่ดี เธอเองก็รักฉันและทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข

 

ฉันเองก็ต้องการถามคำถามบางอย่างกับเธอ แต่ว่าที่สำคัญที่สุด ฉันต้องการให้เธอฟังคำบ่นของฉัน ฉันพูดเรื่องพวกนี้กับเด็กๆที่ออฟฟิศไม่ได้จริงๆ ยกเว้นเฉพาะเพื่อนร่วมชั้น หรือลูกพี่ลูกน้องของฉันคนนี้เท่านั้น เป็นเพราะว่าพวกเขาต่างก็ถือเป็นพรรคพวกของฉัน ฉันจึงสามารถที่จะเปิดเผยความอัปยศนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร

 

หากพูดถึงความอัปลักษณ์ของตัวเองก็เหมือนกับการพูดวิจารณ์ถึงผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น ฉันคงไม่สามารถผ่อนคลายได้เว้นแต่ฉันจะเป็นคนบอกมันเอง แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่งคิดก็ยิ่งค้นพบว่าตัวเองนั้นได้ทำเรื่องโง่ๆ ที่ห่างไกลจากตัวตนปกติของฉันมากขึ้นไปอีก

 

ถ้าฉันยอมรับฟังเขาให้ดีๆอย่างถูกต้อง ทั้งที่ทั้งหมดที่ฉันได้ทำไปก็เป็นเรื่องแย่ๆพออยู่แล้ว แล้วยังจะไปเข้าใจเขาผิดและเข้าหาเขาด้วยความเคลือบแคลงสงสัยแถมยังไปโทรศัพท์ของเขาเสียหายอีก ข้อเท็จจริงอันนี้ถึงกับทำให้ฉันรู้สึกเวียนหัวเอาเลยล่ะ

 

เขาต้องได้มาเจอกับปัญหา รวมทั้งมาพาฉันกลับจากอาการมึนเมาซึ่งฉันเองก็รู้สึกขอบคุณ แล้วก็ไม่ได้ทำผิดอะไร มันไม่มีอะไรที่ฉันจะต้องกลัวตั้งแต่แรกเลย คิดว่านี่มันก็เป็นความจริงด้วยเช่นกัน เขาน่ะไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนกับครอบครัว และก็แน่นอนไม่มีทางที่เขาจะพาผู้หญิงเข้ามาในห้องของพวกเขาได้

 

ถึงกระนั้นฉันก็แย่ที่สุดในทุกๆ ด้าน สิ่งเดียวที่เขาจะรู้สึกก็คือความไม่สบายและรังเกียจ ที่จริงแล้ววิธีที่พี่สาวของเขานั้นมองมาที่ฉันนั้นมันก็ช่างดุดันมาก และเธอก็พูดได้ถูกต้องจริงๆ แล้วพวกเขานั้นก็รู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันแน่ใจว่าพวกเขาต้องรังเกียจฉัน และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันนั้นเป็นพวกสร้างภาพที่อยู่บนแค่อินเทอร์เน็ต

 

 ฉันจะต้องจ่ายค่าโทรศัพท์ที่ฉันได้ทำพัง แล้วนั่นก็คือที่จะต้องชดใช้ให้ เพราะถ้าฉันไม่จ่าย ฉันเองก็จะถูกฟ้อง มันเป็นอย่างน้อยที่สุด

 

แล้วนอกจากนั้น ฉันเองก็ต้องขอโทษเขาอย่างจริงใจเพื่อให้เขานั้นรู้สึกดีขึ้น ฉันก็จะไปขอโทษอย่างเป็นทางการในภายหลัง ไม่ว่าเขาจะพูดว่าอะไรมา ฉันก็จะก้าวข้ามมันไปให้ได้

 

หากมันจะไปทำให้เขาสูญเสียความเมตตาที่เขามี ฉันมันก็คงเหมือนคนที่ตาบอด คนที่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้โดยไม่มีคิดถึงอะไรตอบแทนนั้นน่ะมีค่ามาก แล้วในงานประเภทนี้ที่ทำ มันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เราได้มองเห็นด้านแย่ๆ ของมนุษย์ในชีวิตประจำวัน นั่นคือเหตุผลที่ก่อนที่ฉันจะได้รู้สึกตัว ฉันก็ได้กลายเป็นคนขี้ระแวงไปเสียแล้ว

 

มันเป็นการยากที่มนุษย์จะใสบริสุทธิได้ดั่งสายธารที่ใสสะอาด มันจึงมีค่ามาก และไม่ควรถูกทำให้เกิดมลทิน แต่ถึงอย่างนั้น ถึงแม้จะได้เจอคนที่มีคุณลักษณะของผู้ที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาเช่นนี้ มันจึงยังคงไม่รู้สึกว่ามันมีอยู่จริงเลยสำหรับฉัน

 

“เธอก็เลยอาเจียนใส่หน้าเขา…… นี่มันแย่มาก” (ลูกพี่ลูกน้อง)

 

“ก็มันเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ฉันเสียต้องใจจริงๆนะ แล้วฉันชอบดื่มแต่ก็พยายามหลีกเลี่ยงแล้ว ถึงจะเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ควรดื่มแบบนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่านี่จะสามารถทำให้เธอพอจะเชื่อได้ไหมน่ะ” (คูอง)

 

“ทั้งหมดที่ฉันจะพูดก็ได้คือช่วยระวังตัวไว้หน่อย แต่ฉันเองก็ไม่เคยคิดว่าเลยว่าเธอน่ะจะทำผิดพลาดได้ขนาดนี้” (ลูกพี่ลูกน้อง)

 

“ฉันเองก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเหมือนกัน…… แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดน่ะ” (คูอง)

 

 ……คงไม่ต้องบอกเธอหรอกมั้งว่า ไม่รู้จะมีสตรีมหลุดไปบ้างรึเปล่าน่ะ?

 

ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน แต่ความหยิ่งทะนงของฉันในฐานะผู้ใหญ่จึงปฏิเสธมัน แต่อย่างไรก็ตามฉันก็ทำได้แค่ขอบคุณเขาที่พาฉันไปที่ห้องโดยไม่มีการเรียกร้องอะไรแม้แต่อย่างเดียว (ถึงแม้ว่าฉันอาจะคิดว่าเขาจะเรียกร้องมันออกมาจริงๆก็เถอะ)

 

สำหรับเขา เขาไม่สามารถที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันได้ และก็มีเพียงฉันคนเดียวในห้อง ฉันเองก็ไม่เห็นมีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทิ้งเอาไว้ตามลำพัง แถมบนโต๊ะก็ยังมีน้ำแร่หนึ่งขวดและอาหารเสริมที่ช่วยสลายแอลกอฮอล์ซึ่งฉันจำไม่ได้ว่าซื้อมา ซึ่งมันก็คงเป็นสิ่งที่เขาเตรียมไว้ให้ฉัน

 

นี่ฉันจะทำอย่างไรดีล่ะ …… ที่ดันไปทำให้กับคนที่ได้ดูแลฉันซะอย่างนี้? ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ฉันได้รับความทุกข์จากการที่รู้สึกเกลียดชังตัวเองที่เลวร้ายได้ขนาดนี้ ฉันไม่สามารถนำมันเข้าไปเกี่ยวกับงานของฉันได้ แล้วนี่ก็คือเหตุผลที่ฉันอยากจะระบายมันออกไป

 

“แต่เขาก็เป็นเด็กที่แปลกนะ ทีแรกน่ะเขาเรียกฉันว่าโยวไค” (คูอง)

 

“โยวไค? นั่นฟังดูน่าสนใจดีนะ” (ลูกพี่ลูกน้อง)

 

“ฉันยังไม่ทันได้บอกชื่อของฉันออกไปน่ะ และก็ใช่ แม่ของเขารู้จักฉัน และตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็ดันเรียกฉันว่าอาจารย์เทพธิดาด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ซึ่งนั่นน่ะทำให้ฉันต้องรู้สึกอายเลยล่ะ ฉันเองก็หวังว่าเธอเองคงจะไม่เรียกชื่ออะไรแปลกๆ กับฉันนะ” (คูอง)

 

“……อาจารย์เทพธิดา? เอฉันมีความรู้สึกเดจาวูอย่างแรงยังไงก็ไม่รู้สิ…….” (ลูกพี่ลูกน้อง)

 

“ก็มีบางอย่างที่ฉันอยากจะถามเธอน่ะ เขานั้นน่ะเป็นน้องใหม่ ซึ่งเขาได้ไปโรงเรียนมัธยมเดียวกับเธอนะ” (คูอง)

 

“อย่างนั้นหรอกเหรอ? เดี๋ยวนะแป๊บนึง นี่ทำไมจู่ๆฉันก็รู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้นะเนี่ย” (ลูกพี่ลูกน้อง)

 

“เขาน่ะชื่อยูกิโตะ โคโคโนเอะ” (คูอง)

 

“——!?” (ลูกพี่ลูกน้อง)

 

ฉันน่ะได้ให้นามบัตรของฉันกับครอบครัวของเขาไปแล้ว และได้ขอข้อมูลติดต่อของเขามา ด้วยการนี้ ฉันจึงได้รู้ว่าเขาน่ะบังเอิญเรียนมัธยมปลายเดียวกันกับลูกพี่ลูกน้องของฉัน แต่มันก็มีนักเรียนจำนวนมากอยู่ที่นั่น ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกพี่ลูกน้องของฉันนั้นจะรู้จักกับเขาหรือเปล่า แต่ฉันก็ยังอยากคุยกับเธอวันนี้เพราะคิดว่ามันอาจพอช่วยอะไรได้บ้าง

 

“…… อาจารย์……เทพธิดา – รุ่นพี่…… ปีแรก…… น้อง ใหม่ ……” (ลูกพี่ลูกน้อง)

 

“เป็นอะไรไปน่ะเคียวกะ? ถ้าเธอรู้อะไรบางอย่าง มันก็จะดีมากเลยนะถ้าเธอจะสามารถบอกฉันได้น่ะ” (คูอง)

 

 แล้วด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เคียวกะ โซมะ ลูกพี่ลูกน้องของฉันก็เอาแต่คร่ำครวญพร้อมกับดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

 

[TL: เคียวกะ โซมะ เป็นเทพธิดาแห่งบันไดฉุกเฉินหลังตึกสำหรับคนที่ลืมอ่ะนะ]

 

—————————————————————————–

 

 

 

“คือผมรู้ว่ามันกะทันหัน แต่ว่าผมน่ะต้องการให้ติดตั้งล็อคที่ห้องของผมนะ” (ยูกิ)

 

“ปฏิเสธ” (ยูริ)

 

“…… แม่ขอโทษ นี่พวกเรารบกวนลูกมากไปงั้นเหรอ?” (แม่)

 

“ไม่ ไม่ใช่เลย” (ยูกิ)

 

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีจ๊ะ ถ้าหากว่าลูกอยากทำอะไรในห้องคนเดียวก็แค่บอกมานะจ๊ะ” (แม่)

 

“ตกลงครับ” (ยูกิ)

 

“ฉันจะทำให้นายเอง” (ยูริ)

 

“!? ไม่ใช่ว่าผมจะได้อยู่คนเดียวหรอกเหรอ” (ยูกิ)

 

“อะร๊า อะร๊า อะร๊า แม่ไม่ใส่ใจหรอก ไม่ใส่ใจเลยจ้า” (แม่)

 

 แม่ของผมนั้นใจกว้างมาก ผมชักจะสงสัยว่านี่คือสิ่งที่เรียกกันทั่วไปว่าเป็นพวกเปิดรับหรือเปล่า

 

 แต่ว่าทำไมพวกเธอถึงชอบมาอยู่ในห้องของผมกันล่ะ?

 

 ห้องของผมนี่กลายเป็นสถานที่นัดพบไปแล้วรึไงเนี่ย แล้วนี่น่ะอยากจะออกไปล่าสัตว์กับผมใช่ไหม? (มันเล่นมุขอะไรใครบอกที?)

 

ผ่านไปไม่กี่วันตั้งแต่เที่ยวบ่อน้ำพุร้อน ผมก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับการที่คนในครอบครัวจะมักมาเยี่ยมเยือนที่ห้องผมอยู่ตลอด ผมจึงพยายามยืนกรานที่จะรักษาความเป็นส่วนตัวไว้บ้าง แต่ว่าเรื่องของผมนั้นก็ถูกปฏิเสธตีตกหมด แล้วจำนวนไอ้สิ่งของส่วนตัวที่ไม่ใช่ของผมนั้นก็ทะยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี่ทำไมพวกเธอถึงไม่กลับไปที่ห้องของพวกเธอกันเล่า?

 

“ไปดูหนังในห้องนั่งเล่นกันไหมครับ?” (ยูกิ)

 

“มาออกกำลังกายด้วยริงคอนฯกันเถอะ นายช่วยสอนฉันได้ไหม?” (ยูริ) (ริงฟิต ของ NS)

 

“ผมไม่คิดว่านี่จะเป็นการตอบคำถามของผมนะ” (ยูกิ)

 

ไม่ว่ารูปแบบจะเป็นแบบไหน ผมก็มั่นใจว่าผมจะไม่ยุ่งกับความลำบากหรอกนะ นี่น่ะเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะพยายามบ่อนทำลายความแข็งแกร่งทางจิตใจของผม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม บางครั้งผมก็รู้สึกอยากจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและปล่อยทิ้งตัวเองไป แต่ถ้าหากผมทำ ผมก็มั่นใจว่าผมคงจะไม่สามารถกลับมาลุกขึ้นได้อีกครั้งแน่

 

“……หืม?” (ยูกิ)

 

แล้วผมก็ได้รับข้อความบนโทรศัพท์ที่มีหน้าจอที่แตกแล้ว ที่จริงผมก็ได้บอกไปว่ามันก็แค่ต้องซ่อม LCD เท่านั้น แต่ BBA ที่มีใบหน้าอันลึกลับหรือที่รู้จักว่า เมกะเซ็น ก็ได้ปฏิเสธที่จะรับฟังโดยบอกว่าเธอจะขอจ่ายเงินเต็มจำนวนสำหรับค่าเครื่อง ดังนั้นผมจึงจัดการเลื่อนกำหนดให้เปลี่ยนไปเป็นวันอื่นแทน

 

 แล้วผมก็พยายามดูเนื้อหาของข้อความที่ได้รับ

 

“—-เทศกาลฤดูร้อนไหม? สองปีผ่านมาแล้วนะ” (ฮินางิ)

 

 แล้วชื่อผู้ที่ส่งมานั้นก็คือ ฮินากิ ซูซูริคาว่า

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด