เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 45: ช่วงเวลาของการหลอมละลาย

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 45: ช่วงเวลาของการหลอมละลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ช่วงเวลาของการหลอมละลาย

 

“ขอโทษนะจ๊ะ? ที่ต้องให้เธอมาด้วยแบบนี้เพื่อที่จะช่วยฉันน่ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมขอโทษนะครับ ที่ไม่สามารถช่วยเหลือคุณให้ดีกว่านี้ได้ เรามาทำ BTO(Build to Order หรือบ้านเราเรียกคอมฯประกอบนั่นล่ะ) และสั่งประกอบมันกันเถอะครับ” (ยูกิ)

 

“ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องคอมพิวเตอร์สักเท่าไหร่ ถ้าอย่างนั้นขอฝากไว้ให้ยูกิโตะคุงด้วยนะจ๊ะ” (ฮิมิยามะ)

 

แล้วผมได้ไปที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้ากับฮิมิยามะซังมา แต่ว่าพวกเราต้องจากไปโดยไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์นั้นได้ เพราะว่าฮิมิยามะซังเลือกที่จะซื้อคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ แต่ว่าเธอนั้นก็ไม่เจอเครื่องที่เหมาะกับจุดประสงค์ของเธอเลยในร้าน

 

“แต่ว่านี่มันที่เค้าเรียกกันว่า Gaming PC ใช่ไหมจ๊ะ? ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจะมีอยู่ไปทั่วทุกที่เลยน่ะ ฉันเองก็ไม่ได้เล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ ดังนั้นฉันก็เลยไม่ได้ค่อยจะสนใจเรื่องเกี่ยวกับประสิทธิภาพสักเท่าไหร่นะ” (ฮิมิยามะ)

 

“มันก็ยากที่จะจินตนาการว่าฮิมิยามะซังกำลังไปไล่ยิงใส่หัวศัตรูในเกม FPS(First Person Shooting) นะครับ……” (ยูกิ)

 

มันออกจะเป็นเรื่องสยองนิดๆนะที่ได้เห็นสาวอายุขนาดนี้ที่ดูจะเป็นผู้สงบเสงี่ยม คือฮิมิยามะซัง จะไปโดนพ่นไฟและตะโกนใส่ในห้องสนทนาและไล่ยิงทุกๆคนในเกม FPS น่ะ ผมคิดว่าอาจจะต้องทำให้มีคนกันเครียดบ้างเลยล่ะ กับด้านมืดของฮิมิยามะที่จะออกไปแบบนั้น แต่ผมก็ดีใจนะที่เธอไม่เป็นอย่างนั้น ผมน่ะหวังว่าเธอจะไม่ต้องไปทำจริงๆกับสถานการณ์อย่างนั้นในอนาคตนะ

 

“แต่ว่าทำไมมันจะต้องมีแสงไฟอะไรที่ดูเจิดจ้าขนาดนั้นด้วยล่ะ? มันมีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้หรือเปล่าจ๊ะ ยูกิโตะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ก็มันเป็นไปตามทฤษฎีของ เดโคโทระ น่ะครับ” (ยูกิ)

 

“เดโคโทระ?” (ฮิมิยามะ) [TL: ในญี่ปุ่นคือไฟตกแต่งรถบรรทุก แต่เป็นสำหรับพีซี ถ้าบ้านเราเรียกของแต่ง RGB]

 

“มันเป็นหนึ่งในความเข้าใจผิดที่คิดว่ามันจะดูเจ๋งที่จะมีแสงไฟน่ะครับ” (ยูกิ)

 

“มันก็แค่แสงจริงๆ เหรอ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ครับมันก็แค่แสง” (ยูกิ)

 

“มันมีความหมายอะไรกับเธอด้วยหรือเปล่าจ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“การไม่เอาใจใส่นี่มันก็อาจะดูโหดร้ายในบางครั้งเหมือนกันนะครับ” (ยูกิ)

 

และนั่นเป็นเหตุผลที่(?) หลังตัดใจจากเครื่อง Gaming PC พวกเราก็ได้ตัดสินใจสั่งซื้อแบบ BTO ไป ส่วนฮิมิยามะซังนั้นไม่ได้รู้สึกถึงความโรแมนซ์ของคอมพิวเตอร์ที่ส่องแสงแวววาวเอาซะเลย เธอนั้นก็แค่ต้องการจะใช้โปรแกรม Office และ PowerPoint เท่านั้นเอง และเธอไม่คุ้นเคยกับตลาดพวกนี้ แล้วเธอเองก็ยังมีงบประมาณที่ดูเหลือเฟือมาก ดังนั้นเธอจึงไม่ได้มีปัญหาอะไรในการเลือกซื้อเลย

 

และทั้งหมดนั่นก็ดีแล้ว แต่ผมก็มีคำถามง่ายๆ ว่าทำไมจู่ๆ ฮิมิยามะซังจึงอยากจะใช้คอมคอมพิวเตอร์ขึ้นมาล่ะ

 

“ทำไมถึงอยู่ๆอยากจะได้คอมพิวเตอร์ขึ้นมาอย่างกระทันหันล่ะครับ?” (ยูกิ)

 

“อืม.. ก็เพราะฉันคิดว่าฉันเองก็ต้องก้าวต่อไปข้างหน้าและไม่ติดอยู่กับที่ตลอดไปน่ะจ๊ะ” (ฮิมิยามะ)

 

แล้วเธอก็มองมาที่ผมด้วยสายตาที่อ่อนโยน ในระหว่างทางกลับบ้าน ฮิมิยามะซังซึ่งเดินอยู่ข้างๆผม ก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดี ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ตาม

 

“ผมเข้าใจครับ เพราะผมเองก็คิดเหมือนกัน” (ยูกิ)

 

“นายคงไม่ได้เข้าใจมันมากนัก ใช่มั้ยล่ะ ยูกิโตะคุง? ฉันไม่คิดว่าเธอไม่ควรจะตอบออกมาอย่างไม่ใส่ใจกับคำตอบของเธอนะ” (ฮิมิยามะ)

 

“มันก็ตลกนะครับ คุณก็แค่ไม่เข้าใจในเรื่องมารยาททางสังคมสินะครับ? การสนทนากับผู้หญิงมันก็ควรจะเป็นมิตรและส่งเสริมไม่ใช่หรือครับ ไม่อย่างนั้นคุณก็จะแค่ยืนยันมันไปซะทุกอย่าง……!” (ยูกิ)

 

“นั่นไม่ใช่ว่าคิดไปเองหรือจ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“คุณอย่ามาคาดหวังให้เด็กผู้ชายตัวเล็กๆอย่างผมที่มืดมนจะเป็นคนที่เข้าสังคมได้ดีสิครับ” (ยูกิ)

 

นอกจากนี้ อีกฝ่ายยังเป็นศัตรูตามธรรมชาติของผมก็คือฮิมิยามะซัง มันไม่ใช่เป็นการกล่าวเกินจริงนะ มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ขนของผมนั้นจะลุกขึ้นชูชัน ผมคงจะไม่ได้บอกคุณเรื่องนี้ก่อนหน้า แต่ว่าผมน่ะกำลังถูกกอดแนบชิดกับอกนี้ นี่หน้าอกของเธอมันกระทบผมอยู่น๊ะ ฟู่วววววววววว!

 

“นี่เธอมีแฟนแล้วรึยังล่ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมไม่เคยมีแฟนหรอก และผมจะขอประท้วงอย่างจริงจังกับคำถามใดๆที่เป็นการล่วงละเมิดทางเพศนะครับ” (ยูกิ)

 

“โอ้ คุณพูดแบบนั้น – เธอแน่ใจนะว่าเธอน่ะ ไม่ต้องการที่จะให้ฉันคุกคามเธออย่างจริงจังน่ะ? (ฮิมิยามะ)

 

และพอฮิมิยามะซังขยับร่างกาย ความรู้สึกที่ได้รับจากแขนเธอก็ดูจะนุ่มนวลกว่าเมื่อก่อนมาก ความอบอุ่นของผิวหนังมนุษย์นั้นสามารถส่งมาให้รู้สึกได้ผ่านเสื้อผ้าที่บางๆนี้

 

“งั้นฉันจะถอดมันออกมาน๊ะ ♪” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมจะขอคุกเข่าลงกราบอย่างที่สุด ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยคร้าบบบ” (ยูกิ)

 

“มันก็ถูกของเธอนะ เธอน่ะอยากสัมผัสมันโดยตรงใช่ไหมล่ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“มันเป็นการตีความที่แย่มาก นี่มันหลอกลวง!” (ยูกิ)

 

แล้วแขนของผมก็ได้ถูกจับเอาไว้แน่น และผมก็ไม่สามารถที่จะขยับไปไหนได้ แล้วในขณะที่ผมโดนทำแบบนี้ ผมก็รู้สึกได้ถึงการสัมผัสแบบนั้นโดยตรง

 

“ไม่เป็นไรจ๊ะ นี่น่ะเป็นการขอบคุณสำหรับวันนี้ เธอตัดสินใจไว้ได้เลยว่ามันไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอกนะจ๊ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“นี่มันเป็น 2out  9innings แล้วไม่ใช่เร้อ” (ยูกิ) (แปลว่าสถานะการณ์วิกฤติหลังชนฝาในเกมของเบสบอล)

 

“มันก็น่าอายเกินกว่าจะทำที่ข้างนอกนะ ไว้ไปทำกันที่บ้านนะ โอเคไหม?” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมรู้สึกว่าความเข้าใจซึ่งกันและกันของพวกเรามันคงจะเป็นแค่ภาพลวงตาสินะ” (ยูกิ)

 

“อุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุ” (ฮิมิยามะ)

 

แล้วท้ายที่สุดคนเรามันก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่โง่เขลาที่ไม่อาจจะเข้าใจซึ่งกันและกันได้ ชะตากรรมของผมกำลังจะถูกชี้ขาด และขณะที่ผมกำลังใช้สมองหาวิธีที่จะหนีออกจากสถานการณ์นี้ ผมก็ได้ยินเสียงของฮิมิยามะซัง ซึ่งผมน่ะมั่นใจว่าเธอคงจะไม่รู้ตัวแน่ว่าผมได้ยิน

 

“ฉันว่าเธอน่ะจะคงน่าจะดังในหมู่สาวๆเลยสินะ?” (ฮิมิยามะ)

 

คำพูดนั้นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ แล้วก็ดูไม่มีเจตนาอะไรอยู่เบื้องหลัง ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังสงสัยว่าเป็นเพราะผมนั้นจะต้องมีส่วนอะไรที่จะต้องเป็นกังวลในนั้นด้วยหรือเปล่า?

 

“มันไม่จริงหรอกครับ และผมเองก็ไม่ต้องการที่จะเป็นที่ป๊อปปุล่าด้วย ผมน่ะเลือกได้เพียงคนเดียว และถ้าหากเลือกใครในขณะที่ผมยังยอมรับไม่ได้ ผมก็คงจะไม่ทำให้คนนั้นมีความสุขได้หรอกครับ” (ยูกิ)

 

“….ยูกิโตะคุง?” (ฮิมิยามะ)

 

มันก็มีบางคนที่สามารถคบกับคนหลายๆคนได้อย่างสบายใจ ถ้าหากคุณจะบอกว่านั่นมันเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง คุณก็อาจจะพูดถูก แต่ว่าผมไม่มีพรสวรรค์แบบนั้น และผมก็ไม่สามารถที่จะทำตัวไร้เดียงสาเหมือนกับพระเอกฮาเร็มได้

 

 ถ้าผมยังไม่สามารถรู้สึกรักใครคนนั้นได้ ผมก็ไม่คู่ควรที่จะได้รับความรักจากเธอ

 

ผมแน่ใจว่ามันจะวิเศษมากที่หากในอนาคตนั้นพวกเธอจะต้องพบเจอกับใครอื่นของพวกเธอ ฮิรากิ ชิโอริ และประธานผู้หมกมุ่น เพราะพวกเเธอไม่ควรจะต้องมาเจอกับคนที่เอาแต่ทำร้านคนอื่นอย่างผม ผมมั่นใจว่าพวกเขาจะต้องพบคนที่ห่วงใยพวกเธออย่างจริงใจที่สุดได้ ซึ่งต่างจากผม เพราะผู้หญิงเหล่านี้มีเสน่ห์ในแบบนั้น

 

ถ้าหากความรักจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทิศทางของอารมณ์นั้นจะต้องชี้ไปในทิศทางเดียวกันล่ะก็ ผมก็จะไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของใครได้เลย เป็นเหมือนกับถนนสำหรับรถวิ่งทางเดียวที่ไม่สามารถจะเจอรถสวนมาได้

 

“ไม่มีอะไรหรอกครับ กลับบ้านกันเถอะ” (ยูกิ)

 

ผมสลัดความคิดนี้ของผมออกไป ผมจะสามารถตอบสนองต่อใครบางคนได้หรือเปล่านะ? มันไม่มีประโยชน์ที่จะไปฝันให้กับจินตนาการแบบนี้เอาซะเลย

 

“เธอก็ยังคงแข็งแกร่งเหมือนวันนั้นเลยนะ แต่ความแข็งแกร่งนั้นกลับต้องมาเป็น…” (ฮิมิยามะ)

 

ฮิมิยามะซังเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างในขณะที่เธอจับแขนผมไว้แน่น แม้จะเป็นช่วงกลางฤดูร้อน แต่ร่างกายของเราก็ยังถูกเบียดติดกันอย่างแนบแน่น ผมสงสัยนะว่าคนที่ทุกข์ทรมานกับความหนาวบนภูเขาหิมะจะต้องมาอยู่ใกล้ชิดกันขนาดนี้ด้วยหรือเปล่า

 

“ขอบคุณครับ (คือขอพื้นเว้นช่องว่างหน่อย)” (ยูกิ)

 

“นั่นน่ะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่เธอคิดจริงๆ ใช่ไหมล่ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมน่ะเป็นคนซื่อสัตย์นะ ผมจะเอามือปิดปากและเก็บความจริงมันเอาไว้อยู่ในนั้น” (ยูกิ)

 

“ฟุฟุฟุ ฉันไม่อยากจะเห็นเทพแห่งท้องทะเล โอเซียนัส จะต้องอาเจียนเอาหรอกนะจ๊ะ” (ฮิมิยามะ)

 

คือมันเห็นได้ชัดว่าทำให้เดินได้ยาก แต่มันก็ชัดเจนแล้วว่านั่นน่ะมันไม่สำคัญสำหรับฮิมิยามะซังเลย และขณะที่พวกเราเดินผ่านโซนอาเขตไป ฮิมิยามะซังก็ได้หยุดที่หน้าร้านค้าทั่วไป

 

“ยูกิโตะคุง ไปดูรอบๆนี้กันหน่อยไหม?” (ฮิมิยามะ)

 

“ได้ครับ ผมเองก็ไม่มีกระเป๋าอะไรด้วย ดังนั้นผมยินดี” (ยูกิ)

 

ร้านค้านี้ไม่ใหญ่มาก แต่ก็เต็มไปด้วยของเก่าและของชิ้นเล็กๆกระจุกกระจิก มันทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นเพราะผมเองไม่คุ้นเคยกับของพวกนี้

 

คงไม่ต้องบอกเลยว่า ผมน่ะไม่มีอุปกรณ์ตกแต่งภายในใดๆในห้องของผม ห้องมันโหวงเหวงเกินไป แต่ว่าตอนนี้ก็ได้ชินกับมันแล้วก็เลยไม่รู้สึกรำคาญอะไร แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมของใช้ส่วนตัวของพี่สาวและแม่ของผม ถึงได้มีเพิ่มขึ้นในห้องของผมเมื่อไม่นานมานี้ ทำไมพวกเธอถึงไม่เอาพวกเครื่องสำอางของพวกเธอกลับไปที่ห้องของตัวเองกันละเนี่ย? และอันที่จริงพวกเธอกำลังประสบปัญหาในการซื้อหมอนใหม่อยู่รึเปล่า ถึงได้เอามาและวางทิ้งไว้บนเตียงของผม นี่ห้องของผมเป็นหอพักรวมเรอะเนี่ย?

 

“เสื่อรองสำหรับรับทานอาหารกลางวันอันนี้ดูดีนะ ฉันคิดว่าฉันจะซื้อน่ะ แล้วยูกิโตะคุงมีอะไรที่อยากได้หรือเปล่าจ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“คือผมไม่มีรสนิยมในการซื้อของพวกนี้น่ะครับ” (ยูกิ)

 

“แปลกใจจัง ก็ดูเหมือนเธอจะรู้เรื่องไปซะทุกๆอย่างเลยนะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ไม่มีคนที่เป็นแบบนั้นหรอกครับ” (ยูกิ)

 

มันช่างน่าเศร้าใจที่ผมนั้นไม่มีความรู้สึกอะไรเกี่ยวกับสุนทรียศาสตร์กับเรื่องพวกนี้เลย แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็คิดว่าสีดำนั้นน่าจะเป็นสีที่ใช่สำหรับทุกสิ่ง ก็ผมมันเป็นแค่ไอ้บ้าที่มืดมนนะ! ไหนจะเสื้อผ้าและอื่นๆอีก มันก็มีแค่เสื้อเจอร์ซีย์กับชุดนอนรึ? ผมรู้สึกว่าก็เหมือนๆกันหมดนั่นล่ะ

 

“งั้นมาลองดูว่าเราจะหาอะไรซื้อไว้เป็นของที่ละลึกได้บ้างไหม…… โอ้ แล้วนี่ล่ะยูกิโตะคุง? เราจะได้มีแก้วที่เข้าชุดกันนะ” (ฮิมิยามะ)

 

“นั่นมันก็ออกจะ…” (ยูกิ)

 

มันเป็นแก้วคู่ พวกมันเป็นแก้วที่เข้าคู่กันคู่หนึ่ง และมันก็จะค่อนข้างผิดปกติล่ะนะถ้าหากพวกเราได้ใช้มันด้วยกัน นี่มันเป็นเรื่องผิดปกติมากสำหรับผม และฮิมิยามะก็กำลังจะทำเช่นนี้ เห็นไม๊ว่านี่น่ะมันออกจะมากเกินไปแล้ว แถมพนักงานก็มองมาที่ผมด้วยว่าสายตาประมาณ “นี่คนพวกนี้กำลังคบกับงั้นเหรอเนี่ย……?”

 

“ก็ฉันเพิ่งย้ายเข้าบ้านไม่นานมานี่ ดังนั้นฉันก็เลยยังไม่ได้เตรียมของสำหรับรับแขก ฉันคงจะต้องเริ่มเตรียมรับพวกเขาทีไปละเล็กละน้อย แต่ก่อนอื่น ฉันต้องให้ยูกิโตะคุงไปก่อนเนอะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ไม่ ผมจะไม่ไป” (ยูกิ)

 

“อ้าว จะไม่มาเหรอ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมคงไม่สามารถไปที่ห้องผู้หญิงวัยดึกได้……” (ยูกิ)

 

“นี่ฉันอยู่คนเดียวนะ ดังนั้นฉันจะโล่งใจมาเลยถ้าเธอมาน่ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ก็อพาร์ทเมนต์นั้นมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีอยู่ไม่ใช่หรือครับ?” (ยูกิ)

 

“มันก็เป็นแค่การรักษาความปลอดภัยไม่ใช่ผู้ที่จะคุ้มครองนี่ ยูกิโตะคุง แล้วเธอก็อยากจะสัมผัสฉันใช่ไหมล่ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ครับ” (ยูกิ)

 

 – แล้วผมก็ต้องยอมแพ้ให้กับแรงกดดันจากรอยยิ้มของเธอ (เหรออออ ไม่ใช่ว่าคำท้ายประโยคสุดท้ายนั่นเรอะ?)

 

 

และหลังจากออกมาจากร้านขายของชำ ผมก็ได้รับเชิญให้ขึ้นไปที่ห้องของฮิมิยามะซัง

 

ผมเสร็จงานหลักในเรื่องรายการสั่งซื้อคอมพิวเตอร์ในขณะสนทนากับเธอไปด้วย ผมก็ได้รับฟังความต้องการของเธอและรวบรวมข้อมูลส่วนต่างๆ เอาไว้ในโทรศัพท์ของผม เธอน่ะไม่ได้สนใจเรื่องประสิทธิภาพเอาซะเลยจริงๆ และมันก็เลยทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเลือกจอภาพให้มีใหญ่ขึ้นเพื่อจะได้ใช้งานได้ง่ายขึ้น

 

“ผมเองก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะถามหรือเปล่านะ แต่คุณคิดจะเอามันไปทำอะไรกันน่ะครับ” (ยูกิ)

 

 แล้วร่างกายของฮิมิยามะซังก็กระเด้งขึ้นมาเลย

 

“ฉันกำลังคิดจะไปเป็นครูน่ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมไม่ยักจะรู้เลย” (ยูกิ)

 

“ฉันก็เลยคิดว่าฉันน่าจะต้องใช้มันทำสื่อการสอนหรืออะไรทำนองนั้นน่ะ ฉันเคยถามคำถามไปมากมายให้กับคนที่เป็นครูที่อยู่รอบตัวเลยนะ แต่ว่าตอนนี้ฉันคิดคงจะได้เวลาต้องทำเองแล้ว”

 

“แล้วคุณสอนวิชาอะไรครับ” (ยูกิ)

 

“มันเป็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาน่ะฉันคิดว่า ฉันยังคงชอบพวกเด็กๆ……. ฉันก็เลยแค่อยากลองทำมันดูอีกสักครั้งนึงน่ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ถ้าหากได้คุณเป็นครูของผม ผมคิดว่าผมก็คงจะสามารถก้าวหน้าได้ไปได้อีกนะครับ” (ยูกิ)

 

“จ๊ะ……?” (ฮิมิยามะ)

 

เธอยิ้มให้ แต่เธอก็ดูเป็นกังวลเล็กน้อยด้วยเช่นกัน กับปฏิกิริยาที่ไม่คาดคิดนี้ ราวกับว่ากำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่าง หรือราวกับเรียกร้องขอการให้อภัย แล้วฮิมิยามะซังก็ได้ถามมันออกมาเพื่อขอคำตอบ

 

“นี่ฉันมีคุณสมบัติที่จะสอนคนอื่นได้ใช่ไหม ยูกิโตะคุง?” (ฮิมิยามะ)

 

ผมสงสัยว่าผมนั้นอยู่ในสถานะที่จะตอบคำถามนั้นได้หรือเปล่า? ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้ถามผม แต่ดวงตาของเธอนั้นก็ดูจริงจัง และผมก็รู้สึกว่าถ้าผมตอบว่าไปว่าผมไม่มีคุณสมบัติที่จะตอบในตอนนี้ มันก็น่าจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสิ่งที่ฮิมิยามะซังกำลังตัดสินใจแน่

 

“ผมแน่ใจ ผมมั่นใจครับ ผมมั่นใจว่าฮิมิยามะซังที่ใจดีนี้ มีความสามารถมากพอที่จะสอนพวกเขา” (ยูกิ)

 

“ฉ- ฉันขอโทษ! ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องมาเห็นส่วนที่น่าอายของฉัน ……” (ฮิมิยามะ)

 

แล้วอยู่น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา ผมจึงรีบเข้าไปเช็ดมันด้วยผ้าเช็ดหน้า ผมคิดว่าการตัดสินใจนี้น่าจะสำคัญกับฮิมิยามะซังมาก

 

ฮิมิยามะซังเป็นคนใจกว้างและเปิดรับ เธอน่าจะเป็นครูที่ได้รับความไว้ใจสำหรับเด็กประถม เพราะเห็นเธอไปสอนที่โรงเรียนกวดวิชาอยู่สัปดาห์ละสองครั้ง แต่เมื่อได้เห็นน้ำตาของเธอแล้ว ผมก็รู้สึกได้ว่ามันคงเป็นทางเลือกที่สำคัญสำมากหรับเธอ

 

“คุณทำได้ดีมากแล้วครับ ฮิมิยามะซัง” (ยูกิ)

 

“ขอขอบคุณนะ” (ฮิมิยามะ)

 

“เย๊อย!?” (ยูกิ)

 

ผมนั้นถูกฉกเอาไปกอดไว้แน่น สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลโดยตรง ความรู้สึกนี้มันไม่ดีแล้ว! ยังไม่เลิกอีกรึเนี่ย! อันที่จริงแล้วนี่เธอมากอดผมทำไมล่ะ มันเป็นเรื่องปกติในชีวิตของผมที่จะต้องได้รับการกอดฟรีทุกวันเรอะ

 

“ไม่มีผลอะไร มันต้องไม่มีผลกระทบอะไร” (ยูกิ)

 

ในขณะที่ผมพยายามหยุดความคิดด้วยความมีเหตุผลของตัวเอง จากการข้ามแม่น้ำรูบิคอนไป ผมก็นึกไปถึงความสำคัญของเขื่อนป้องกันคลื่นสูง ซึ่งถ้าเหตุผลมันได้พังลงไปก็คือเป็นอันจบ

 

หลังจากนั้นผมก็ได้ถูกกอดเอาไว้เป็นเวลาสิบนาที

 

แล้วผมก็ได้บรรลุถึงระดับใหม่ของการตรัสรู้ ผมคือผู้ก่อตั้ง ยูกิโตะ โคโคโนเอะ

 

“เธอจะไปแล้วเหรอ? ฉันน่ะอยากจะขอบคุณเธอมากเลยนะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมกลัวว่าผมจะเหนื่อยเกินไปถ้าคุณจะทำน่ะนะ” (ยูกิ)

 

“อะร๊า อะร๊า? นี่คาดหวังอะไรอยู่เหรอจ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ถ้าผมพูดออกไป ผมคงจะต้องถูกแบนเอาแน่” (ยูกิ)

 

“ฉันไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไรหรอกนะ แต่จะเอาเข้าปากสักหน่อยไหมจ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“โอ่ย! นี่ผมหวังว่าคงจะไม่มีใครเฝ้าดูเราอยู่หรอกนะ!” (ยูกิ) (ล้อรายการ Monitoring)

 

 ทั้งหมดที่ผมทำได้ก็คือการสวดภาวนา นี่ผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว

 

“ขอบคุณมากนะสำหรับวันนี้ ตอนนี้ฉันเบาใจไปได้หน่อยแล้วล่ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้ยินนะครับ แต่ผมก็สงสัยอยู่ตลอดว่าเครื่องวัดความชื่นชอบของคุณเนี่ยเสียหรือเปล่า” (ยูกิ)

 

“ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรออกมา ความชอบของฉันก็จะมีแต่เพิ่มขึ้นจ๊ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“นั่นมันเป็น BUG นะ คุณจะต้องรีบแก้มันซะ” (ยูกิ)

 

ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ฮิมิยามะซังดูจะถูกใจผมเอาซะมาก พวกเราเพิ่งจะเจอกันได้ไม่นาน แต่ดูเหมือนเธอจะชอบผมเอามากเลยนะนี่ พูดตามตรง ในแง่ของความถี่ที่เธอส่งข้อความทางโทรศัพท์ให้ผม ของฮิมิยามะซังเนี่ยแซงหน้าเจ้าหน้าหนุ่มหล่อหน้าใสไปเลยล่ะ

 

”ช่วยโทรหาผมเมื่อคอมพิวเตอร์ของคุณส่งมาถึงด้วยนะครับ ผมจะได้มาตั้งค่าให้” (ยูกิ)

 

“รบกวนด้วยจ๊ะ โอ้ แต่เธอก็สามารถมาได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องลังเลเลยนะจ๊ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ไม่ ผมทำไม่ได้” (ยูกิ)

 

“เธอจะต้านทานฉันได้นานอีกแค่ไหนกันนะ? ฟุฟุฟุฟุ” (ฮิมิยามะ)

 

“โอ้ ชิท โอ้ชิท โอ้-ชิท” (ยูกิ)

 

ให้ตายเถอะ แล้วในขณะที่ผมกำลังตัวสั่นราวกับกบที่ถูกงูจ้อง โทรศัพท์ของฮิมิยามะซังก็ดังขึ้น

 

“งั้นผมขอตัวกลับบ้านก่อนล่ะครับ” (ยูกิ)

 

“โอ้ ยูกิโตะคุง ฉันขอโทษนะ ไว้เจอกันใหม่คราวหน้าจ๊ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“โอเคครับ” (ยูกิ)

 

ผมจึงขอใช้ประโยชน์จากจังหวะนี้และชิ่งหนีล่ะ ผมจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้! เมื่อผมกำลังสวมรองเท้าที่ประตูทางเข้า เธอนั้นก็ดูจะมีปัญหากับการที่ผมจะกลับ แล้วผมก็โบกมือให้เธอ และเมื่อผมกำลังจะเดินออกจากประตู ฮิมิยามะซังก็รับโทรศัพท์นั้น

 

“ค่ะ สวัสดีค่ะ นั่นใครคะ?” (ฮิมิยามะ)

 

ผมสงสัยว่าน่าจะเป็นคนที่ผมก็ไม่รู้จัก ไม่มีทางที่ผมจะอยู่แอบฟังหรอกนะ และในจังหวะที่ผมกำลังจะจากไป ผมก็สังเกตเห็นว่าน้ำเสียงของฮิมิยามะซังนั้นเปลี่ยนไป

 

“—-เอ๊ะ มิกิยะซัง?” (ฮิมิยามะ)

 

ผมคิดว่าผมได้ยินคำพูดนั้นชัดเจน และผมก็จำได้ว่าฮิมิยามะซังได้เคยพูดถึงชื่อนั้นกับผมมาก่อนด้วยครั้งหนึ่ง…… ผมน่ะไม่ได้จำอะไรไปมากไปกว่านั้นแล้ว และก็ได้ออกจากที่นั่นไปอย่างที่กำลังจะทำ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด