เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 9: ทาสอุปกรณ์อิเลคโทรนิค 2

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 9: ทาสอุปกรณ์อิเลคโทรนิค 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทาสอุปกรณ์อิเลคโทรนิค 2

 

[มุมมองของ ฮิรางิ ซูซุริคาว่า]

 

สิบนาทีผ่านไป สามสิบนาทีผ่านไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองชั่วโมงผ่านไป ฉันได้แต่นั่งเฝ้ามองหน้าจอของโทรศัพท์ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่หลังจากมื้อค่ำจนฉันไปอาบน้ำเสร็จ เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่ ข้อความของฉันมันก็ยังคงไม่ถูกอ่าน

 

(นี่หมายความว่าข้อความของฉันมันไม่มีค่าที่จะอ่านเลยเหรอ……?)

 

คำถามนี้ไม่ยอมหลุดออกไปจากหัวของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนหากว่าฉันพูดออกไปดังๆแล้ว มันก็เหมือนกับยอมรับฟังมันด้วยตัวของตัวเองก็แค่นั้น ฉันรู้อยู่แล้วล่ะดังนั้นฉันก็เลยไม่ได้พูดออกไปดังๆ  กับไอ้ความรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจนี้ ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อก่อนพวกเราเคยคุยกันได้อย่างเป็นกันเองอยางสบายใจ………… แต่ว่าตอนนี้พวกเราไม่แม้กระทั่งจะสามารถสื่อสารผ่านกันผ่านอุปกรณ์ดิจิตอลได้เลยด้วยซ้ำ…….

 

มันเป็นการรอการตัดสินใจ ฉันกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในมือแล้วเฝ้ารอให้ถึงเวลา ฉันดูคล้ายกับตกเป็นทาสของอุปกรณ์อิเลคโทรนิค ที่อารมณ์ของฉันนั้นได้ถูกควบคุมเอาไว้ด้วยโทรศัพท์ แล้วนี่ก็เป็นเวลา 11:00PM แล้ว ฉันจะต้องไปนอน ฉันจะต้องไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้ด้วย

 

ฉันจะดูเป็นยังไงเมื่อได้เจอกับยูกิโตะกันนะ? ฉันจะสามารถเข้าไปถามเขาได้ไหมว่าทำไมถึงไม่สนใจฉัน? ไม่มีทางเลยที่ฉันจะทำได้ ถ้าหากเขาบอกว่ามันเป็นเพราะเขาไม่ชอบฉันแล้วล่ะก็ มันก็คงจะจบสิ้น เราแทบจะไม่มีสายใยแห่งความสัมพันธ์ใดๆที่มีต่อกันไว้เลย นอกเหนือไปจากการเป็นเพื่อสมัยเด็กเท่านั้น

 

อันที่จริงพวกเรานั้นเป็นเพื่อนร่วมห้อง ที่คิดว่านี่ก็น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เชื่อโยงฉันกับยูกิโตะเอาไว้ได้ แต่ฉันก็รู้หากสายใยอันแสนเปราะบางนั้นมันขาดลงเมื่อไหร่ พวกเราก็คงจะกลายเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าอย่างแน่นอน

 

มันช่วยไม่ได้ที่ฉันนั้นเกลียดนิสัยของตัวเอง มันช่วยไม่ได้ที่ฉันจะเกลียดตัวของตัวเอง หากเพียงแค่ฉันสามารถส่งผ่านความรู้สึกไปได้อย่างซื่อตรงล่ะก็ มันก็จะไม่ต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา………….

 

ฉันไม่ที่อยากจะต้องเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้น ฉันถูกดุด่า ถูกโกรธ ถูกเยาะเย้ย จากครอบครัวของฉัน และน้องสาวที่ชื่นชอบยูกิโตะ ที่ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมยกโทษให้ฉัน ฉันไม่สามารถแม่แต่จะแย้งอะไรพวกเขาได้เลย ที่พวกเขาได้พูดว่าฉันมันเป็นผู้หญิงที่งี่เง่า แต่อันที่จริงฉันมันทั้งงี่เง่าและโงงมเลยล่ะ

 

ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังรักเขามาก แล้วฉันก็ยังไม่ได้บอกกับเขาไปเลยว่าฉันนั้นรู้สึกอย่างไรกับเขา หรืออะไรที่ฉันอยากจะบอกกับเขาอีกสักครั้งนึง นี่มันก็เที่ยงคืนแล้ว ฉันดูไปที่โทรศัพท์ของตัวเองอีกครั้งนึง แล้วข้อความที่ฉันส่งไปก็ยังคงไม่ถูกอ่านอยู่ดี

 

————————————————————————————-

 

 

มันมีเรื่องลึกลับอยู่อันนึงที่ว่าผู้หญิงนั้นไม่สามารถอ่านแผนที่ได้ แต่ว่าผมกลับรู้สึกหลงทางในชีวิตของตัวเอง ถ้าหากว่าผมมีแผนที่แล้วล่ะก็ผมก็คงจะไม่ต้องมาหลงอยู่อย่างนี้ แต่ก็โชคร้ายที่มันไม่มีแผนที่สำหรับชีวิตของผม ผมยังคงหลงทางอยู่

 

จนท้ายที่สุด แม้ว่าผมจะคิดต่อไปให้อีกนานสักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะคิดออกว่ามันมีปัญหาอยู่ที่ตรงไหนในทฤษฏีที่ว่า มันไม่จำเป็นจะต้องมีสมาร์ทโฟนสำหรับผมกัน

 

มันน่าขำนะ ผมน่ะเป็นคนเก่งเรื่องการเรียน ถึงผมจะดูเป็นคนแบบนี้ก็เถอะนะ ในตอนสมัยโรงเรียนมัธยมต้นนั้นผมถึงกับเรียนด้วยตัวเองในเวลาว่างด้วยล่ะ มันก็เนื่องจากผมนั้นก็เป็นนักเรียนธรรมดาๆคนนึง ผมก็เลยเอาบรรดาเอางานที่ได้จากที่โรงเรียนมาและตั้งใจเรียงจัดลำดับความสำคัญอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้มันกระทบกับเวลาของครอบครัวด้วย

 

คะแนนของผมเองก็ไม่เคยต่ำไปกว่า 400 เลย ในห้าวิชาทั้งหมด และผมก็อยู่ในลำดับที่เป็นเลขหลักเดียวอยู่เป็นประจำด้วยคะแนนราวๆ 450 ถึงแม้ว่าต่อให้เพิ่มจำนวนวิชาขึ้นไปจนถึง 10 วิชาเลยก็เถอะ มันก็ไม่น่าจะมีอะไรที่ทำให้ผิดแตกต่างไปจากนี้นักหรอก

 

ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ยังคงไม่สามารถไขปริศนานี้ออก ผมก็เลยคิดเหมาไปเลยว่ามันก็คือความลึกลับที่ไม่มีวิธีที่จะไขปริศนาได้ เพื่อที่จะไขปริศนานี้ให้ออกบางทีผมคงจะต้องขอความช่วยเหลือจากเหล่าผู้มีพลังจิตที่มีความสามารถอันลึกลับ แต่โชคไม่ดีเลย มันยากที่จะไปหาพวกเขาให้เจอได้สักคนนึงในวงกลุ่มเพื่อนเล็กๆของผม ถ้าที่จริงแล้วผมมีพลังอะไรแบบนั้นขึ้นมาล่ะก็ ผมก็คงที่จะสามารถไขปริศนาที่เรียกว่าผู้หญิงได้ล่ะนะ

 

“ยูกิโตะ นี่นายดูมีรอยดำรอบตานายชัดมากจริงๆนะ แล้วก็ทำไมนายจะต้องเอาจุกนมเด็กมาใส่ปากไว้ด้วยละเนี่ย?” (มิโฮะ)

 

มิโฮะ โคยูกิ เจ้ารูปหล่อหน้าใสที่รู้จักกันดีว่ามีเพื่อเยอะและกว้างขวางมาก บางทีเขาอาจจะพอรู้จักกับคนที่มีพลังพิเศษสักคนสองคนก็เป็นได้

 

“ก็เมื่อวานน่ะ แม่ไม่ยอมปล่อยให้ฉันไปเลยนี่ เธอบอกว่าจะนอนกับฉันให้ได้เพราะเธอเป็นกังวลเกี่ยวกับตัวฉันน่ะ ดังนั้นเธอก็เลยกอดฉันไว้แน่น แล้วฉันก็กลายเป็นหมอนข้างของเธอไป และฉันก็ได้กลับไปเป็นทารกอีกรอบน่ะ บาบูห์[เสียงเด็กทารก]” (ยูกิโตะ)

 

“มันเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันล่ะนั่น? มันเกิดอะไ……… ไม่ ฉันว่าไม่ควรจะถามจะดีกว่า ฉันชักจะรู้สึกกลัวที่จะต้องถามแล้วสิ” (มิโฮะ)

 

“ฉันคิดนะ ถ้าหากลองจินตนาการว่าฉันกลับไปเป็นทารกนั้นจะเป็นยังไง มันอาจจะช่วยให้พบกับความเป็นจริงก็ได้ แต่มันก็เหมือนดูจะเปล่าประโยชน์ซะนี่” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ฉันควรจะว่ายังไงดี?………เพื่อนที่ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยของฉันคนนี้ ยิ่งค่อยๆน่าประทับใจมากขึ้นไปเรื่อยๆเลยนะเนี่ย” (มิโฮะ)

 

ยูกิโตะ โคโคโนเอะ (16ปี) อยู่ในคราบทารก ที่ได้สูดกลิ่นอันหอมหวานจากตัวแม่ ผมเองก็ประหม่านะ ที่ผมจะไม่สามารถที่จะขยับได้เลยแม้แต่นิดในตอนนั้น ราวกับปลาทูน่าที่ถูกแช่แข็ง แล้วผมก็ได้ใช้เวลาทั้งคืนไปกับความทุขทรมาณนั่น แล้วตอนนี้ผมก็ได้ดึงเอาจุกนมออกจากปากมาเก็บไว้ เพราะมันทำให้ยากที่จะพูดคุย

 

“ขอบใจนะ ฉันน่ะนอนไม่พอโดยสิ้นเชิงเลยล่ะ แล้วถ้าหากนายรู้จักใครสักคนที่มีพลัง EPS ก็ช่วยบอกแนะนำให้กับฉันทีเถอะ” (ยูกิโตะ)

 

“ไม่ ฉันไม่มี! ก็แค่ให้นายได้รับรู้ไว้นะ ฉันน่ะมีแต่เพื่อนที่สุขภาพแข็งแรงดี โอเค๊?” (มิโฮะ)

 

“ไม่หรอก มันไม่ใช่ในตอนที่ฉันยังอยู่รอบๆตัวนายน่ะนะ” (ยูกิโตะ)

 

“นี่นายเริ่มที่จะทำให้ฉันกลัวอีกแล้วนา” (มิโฮะ)

 

การนอนไม่พอได้เริ่มส่งผลกับความคิดของผมเข้าซะแล้วสิ สมองของผมต้องการน้ำตาล พุดดิ้ง พุดดิ้ง พุดดิ้ง แล้วผมก็ยังคงวางโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้โดยไม่ได้แตะต้องเลยแม้แต่น้อย แต่ในตอนนี้มันทำให้แม่ผมนั้นร้องไห้ ดูแล้วผมคงจะไม่สามารถจะยกเลิกได้สินะ ผมแน่ใจเลยล่ะว่าแม่จะไม่ยอมปล่อยให้ผมทำอย่างเด็ดขาด

 

อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นสักครั้งนึงล่ะนะ ที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับประสบการณ์ของความเป็นอิสระภาพ แล้วตอนนี้ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะว่า ผมจะต้องกลับไปเป็นทาสอีกครั้งนึง

 

————————————————————————————————

 

 

ถึงแม้ว่าตัวของ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ เองจะยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ตาม แต่เขานั้นก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งในหัวข้อหลักของห้อง 1-B ไปแล้ว ในฐานะชายผู้ที่ทำเรื่องผิดปกติในทันทีตั้งแต่วันแรกที่ได้เขามาในโรงเรียน เขาเป็นได้รับความสนใจจากเพื่อนร่วมห้องหลายๆคนด้วย ในฐานะชายผู้ซึ่งก่อปัญญามากมายขึ้นในห้องเรียนในแต่ละวัน

 

เมื่อใดก็ตามที่ยูกิโตะ โคโคโนเอะ เริ่มพูดขึ้น เพื่อนร่วมห้องส่วนใหญ่จะรอฟังเขา นึ่ก็คือสาเหตุมีกลุ่มบางกลุ่มในชั้นเรียน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กผู้หญิงที่ชื่นชอบเรื่องรักๆใคร่ๆ มักจะมารวมตัวกันอยู่ใกล้ๆกับ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ

 

ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับเรื่องของความรัก แล้วเป็นเพราะยูกิโตะ โคโคโนเอะ เรื่องแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องลำดับชนชั้นของโรงเรียนของชั้นเรียนในห้องนี้ จึงได้พังพลายลงไปอย่างสิ้นเชิง

 

เป็นที่รู้กันว่าหากมีเด็กผู้หญิงสองคนนั้นที่ทุกคนก็รู้ว่าใครได้เข้าไปใกล้กับยูกิโตะ โคโคโนเอะแล้วล่ะก็ ความตึงเครียดก็จะก่อตัวขึ้นมาในห้องเรียนทันที

 

อย่างไรก็ตามในสถานะการณ์ที่ตึงเครียดแบบนี้ มันก็เลยยิ่งส่งผลให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าไปสอบถามในรายละเอียดโดยตรง และทำให้เกิดความสนใจที่พุ่งตรงไปเขานั้นยิ่งกลับมีมากขึ้นไปอีก ยูกิโตะ โคโคโนเอะ คือชายคนที่ปฏิบัติตัวราวกับเป็นเหมือนนึงในบทละครดร่าม่าตอนบ่าย

 

เขาก็ยังคงเป็นหัวข้อหลักให้กับกลุ่มสนทนาของห้องแชท ที่แม้แต่ตัวยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็โดนชวนเข้าไปด้วย แต่ที่พวกเขาทำได้ก็เพียงแค่คุยกันไปโดยที่เจ้าตัวนั้นไม่ได้รับรู้อะไรด้วยเลย แถมในนั้นก็ยังมีหมวดย่อยที่ชื่อ “ยูกิโตะ โคโคโนเอะ” ที่จะคอยรายงานการเคลื่อนไหวของเขารายวันเป็นประจำ แล้วเมื่อมีคนชี้ให้รู้ว่า ยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นก็คือน้องชายของ ยูริ โคโคโนเอะที่เป็นนักเรียนปี2 มันก็ยิ่งทำให้น่าตื่นเต้นกันมากขึ้น

 

ดังนั้น นึ่จึงเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับความตั้งใจของเขา ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ผู้ที่เรียกตัวเองว่า “ผู้มืดมนและโดดเดี่ยว” ซึ่งกำลังตกอยู่ในความสนใจเป็นอย่างมาก แต่เขากลับไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย และเขาเองก็ไม่ได้สนใจด้วยเลย เขาเป็นตัวตนที่ไร้ซึ่งความกังวลโดยสิ้นเชิง

 

“ยูกิ ทำไมนายถึงไม่ตอบรับ? นี่นายเกลียดชั้นมากขนาดนั้นเลย……….หรือ…………?” (คามิชิโระ)

 

มันเป็นเวลาก่อนที่จะเริ่มเรียนคาบเช้า ความตึงเครียดก็ได้แผ่เข้าปกคลุมห้องเรียนของชั้นนี้ไปเรียบร้อย นั่นไงล่ะ ทันทีเลยเห็นไม๊ มันเป็นความเข้าใจกันดีอยู่แล้วของคนอื่นๆที่เป็นเพื่อนร่วมห้อง เพราะรู้ว่านี่คือ ชิโอริ คามิชิโระ เธอนั้นเป็นที่เด็กผู้หญิงที่ป๊อบปุล่า และมีนิสัยร่าเริงและเข้าถึงง่ายกับทุกๆคน

 

เพราะหลังจากเริ่มเปิดเทมเวลาก็ได้ผ่านมานานพอควรแล้ว ก็เลยทำให้บุคลิคลักษณะนิสัยของคามิชิโระ ที่ตามปกตินั้นจะเป็นที่รู้จักกันโดยไปทั่วว่าเป็นคนแบบไหน นั่นจึงทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่านี่สิ่งที่ คามิชิโระ กำลังแสดงออกไปให้กับยูกิโตะ โคโคโนเอะ ในสภาพแบบนี้มันคือกันแน่

 

และก็ถ้าเธอเข้าหา ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ในสภาพแบบนี้ มันจะต้องเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่ามันจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน

 

————————————————————————————-

 

 

“–? นี่เธอกำลังพูดถึงอะไรกันน่ะ?” (ยูกิโตะ)

 

“ก็นายไม่ยอมรับสายฉันนี่ ฉันรู้นะว่านายนะเกลียดฉัน……….-แต่ว่า!” (คามิชิโระ)

 

“คามิชิโระ ใจเย็นๆก่อน นี่เธอคงได้รับ DHA ไม่ก็ EPA[กรด Omega3] ไม่เพียงพอนะ ฉันแนะนำให้เธอควรไปหาปลาน้ำเงินกินนะ แม็คเคอร์เรลก็ใช้ได้ ฉันน่ะกินปลาน้ำเงินไปเยอะเลยล่ะ ที่แขนหักตอนนั้นน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“–ตอนนั้น  ……………….ฉันขอโทษจริงๆนะในเรื่องนั้น!” (คามิชิโระ)

 

แล้ว ชิโอริ คามิชิโระ ก็ได้ร้องไห้ออกมา มันดูเหมือนผมจะไปทำร้ายใครบางคนเข้าให้อีกแล้ว ทำให้เธอต้องร้องไห้ด้วย มันเหมือนกับแม่ของผมเมื่อวานนี้เลย ผมเดาว่ามันคือสิ่งที่เรียกว่าการย้อนเหตุการณ์เมื่อวานให้กลับมาใช่มะ?

 

แต่ในตอนนี้ ผมไมได้รู้อะไรเรื่องเลยสักกะนิด ผมไม่แม้แต่จะรู้ว่าไอ้เรื่องที่คามิชิโระ กำลังพูดถึงนั้นมันคืออะไรด้วยซ้ำ นี่สินะคือสิ่งที่เค้าว่าเป็นผู้หญิงประเภทที่เปลี่ยนแปลงไปตามคลื่นสัญญาณวิทยุน่ะ? นี่มีทาสอุปกรณ์อิเลคโทรนิคอยู่ตรงนี้ด้วยเรอะ? ผมไม่แน่ใจว่านี่จะเป็นความผิดของผมไหม แต่ผมก็ไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และปัญหานี้ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวผม

 

แล้วนี่ผมจะต้องทำยังไงกับสถานะการณ์นี้ดีล่ะ? แล้วสิ่งที่ถูกต้องที่ผมควรจะพูดให้กับพวกเธอมันคืออะไรกัน? ผมไม่รู้ ซึ่งผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ? ทั้งเมื่อวานแล้วก็วันนี้ ผมไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด

 

อาาา ใช่แล้ว พอลองมาคิดู อะไรที่ผมทำกับแม่เมื่อวานกันล่ะ? อะไรที่แม่ทำกับผมล่ะ? ผมคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน ซึ่งมันทำให้ผมมีความทรงจำที่ดีเลยรู้ป่ะ!

 

ผมไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร แต่ในตอนนั้น ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอันอบอุ่นที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างของผม ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันคือความรู้สึกที่เรียกว่าอะไร แต่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี แล้วผมก็หยิบเอาจุกนมขึ้นมาดูดโดยไม่สนใจ

 

แล้วก็นั่นล่ะว่าทำไม ผมถึงได้เข้าไปกอดคามิชิโระ

 

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร การปฏิเสธสายงั้นเหรอ? ฉันไม่เคยทำแบบนั้นเลยนะ” (ยูกิโตะ)

 

“อะไรน่ะ?…….นี่ ยูกิ!” (คามิชิโระ)

 

ดวงตาของเธอแดงและท่วมท้นไปด้วยน้ำตา อย่างไรก็ตามใบหน้าที่ซึดเซียวของคามิชิโระ ก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วมันก็ไม่มีทางหรอกนะที่ผมน่ะจะปฏิเสธสายของเธอที่โทรหา ก็เพราะไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องปฏิเสธสายในเมื่อผมมีเพียงแค่ครอบครัวและผู้ให้บริการเท่านั้นแหล่ะที่จะโทรมาหา

 

ผมไม่ค่อยจะได้ใช้โทรศัพท์สักเท่าไหร่ ดังนั้นผมก็เลยไม่แม้แต่จะรู้เลยว่าจะทำการบล๊อคสายเรียกเข้าทำยังไงด้วยซ้ำ ผมน่ะตามพวกอุปกรณ์อิเลคโทรนิคได้ไม่ทันหรอก มันเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์นะที่คนหนุ่มสาวในปัจจุบันนี้จะสามารถใช้งานพวกอุปกรณ์เหล่านี้ได้…………

 

“แต่ แต่ว่า! ฉันพยายามโทรหานาย แต่สุดท้ายนายก็ไม่รับเลย……” (คามิชิโระ)

 

“โทรหาเหรอ? ก็แค่ให้เธอได้รู้ไว้นะ ว่าฉันน่ะไม่ได้ใช้โทรศัทพ์ของฉันอีกต่อไปแล้วล่ะ มันไม่มีเลยแม้แต่แบตเตอรี่ด้วย” (ยูกิโตะ)

 

“เอ๋? อะไรนะ? ทำไมล่ะ?” (คามิชิโระ)

 

“ก็เพราะว่า ฉันน่ะไม่ได้เป็นทาสอุปกรณ์อิเลคโทรนิคอีกต่อไปแล้วไง” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันขอโทษนะ ฉันไม่รู้เลยว่านายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่………ถ้างั้นนายก็ไม่ได้ปฏิเสธสายเพราะว่านายเกลียดฉันใช่ไหม…..?” (คามิชิโระ)

 

“ฉันบอกเธอไปแล้วนะ ว่าฉันไม่มีวันทำแบบนั้นน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“–!?” (คามิชิโระ)

 

 

แล้วตัวของคามิชิโระ ก็ดูจะสะดุ้งขึ้นมานิดหน่อย คงเพราะผมเอามือไปลูบที่หลังของเธอคล้ายกับที่แม่ได้ทำกับผมเมื่อวานนี้ ทำให้ผมรู้สึกราวกับเป็นผู้ปกครองที่กำลังดูแลลูกน้อย

 

แล้วนี่ผมมีลูกไปแล้วในอายุแค่นี้ตั้งแต่เมื่อไหรนิ? ฮาย ผมเป็นพ่อของคามิชิโระครับ  มันฟังแล้วดูผิดศึลธรรมโดยไม่จำเป็นยังไงก็ไม่รู้สิ แต่ตัวเธอนั้นก็เต็มไม้เต็มมือดีแล้วก็นุ่มด้วย กลิ่นซิตรัสหอมที่ลอยมาพลอยทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นด้วยเช่นกัน

 

“ยังไงก็ตาม ใจเย็นก่อนนะ ถ้าเธอมีอะไรจะบอก ก็บอกมาได้เลย บาบูห์” (ยูกิโตะ)

 

“ก็ ฉันคิดว่าฉันจะยังคงขออยู่ข้างยูกิ ตลอดไป………..” (คามิชิโระ)

 

“บาบู่ห์-บาบูห์-บาบู๊ห์?” (ยูกิโตะ)

 

“ทำไมนายต้องดูดจุกนมด้วยล่ะ………?” (คามิชิโระ)

 

“มันเป็นเหตุผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้น่ะ ผมได้กลับไปเป็นทารกอีกครั้งแล้ว” (ยูกิโตะ)

 

“ฮ่าฮ่า ฉันไม่รู้เลยว่านายพูดถึงอะไรน่ะ” (คามิชิโระ)

 

“เธอรู้สึกดีขึ้นรึยัง?” (ยูกิโตะ)

 

“อืม ขอบคุณนะ” (คามิชิโระ)

 

ต่างอย่างสิ้นเชิงกับการแสดงออกที่ดูเศร้าศร้อยของเธอเมื่อกี้ที่ก่อนจะเข้าไปกอด ในตอนนี้เธอดูค่อนข้างเขินอาย ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมนะ เธอน่าจะสงบลงแล้วล่ะมั้งตอนนี้? แล้วผมก็เอาจุกนมออกไป

 

ยังไงซะวิธีการสอนของแม่นี่ช่างสมบูรณ์แบบ ผมคงไม่สามารถที่จะรับสถานะการณ์นี้ด้วยตัวเองได้แน่ ไอ้ผมนั้นก็เคยไม่มีลูกซะด้วยสิ แต่ว่ามันก็ยังผ่านมาได้ด้วยการเลียนแบบการกระทำของแม่ผมในช่วงเวลานั้น มันเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองที่จะต้องทำให้เด็กๆนั้นหยุดร้องไห้ พอกลับบ้านไปเห็นทีผมจะต้องกราบบูชาคุณแม่สักหน่อยแล้วสิ

 

“รู้ไม๊….ฉันจะพูดล่ะ! ฉันจะขอบอกให้อย่างชัดเจนไปเลยตอนนี้!” (ซูซุริคาว่า)

 

แล้วประตูห้องเรียนก็ถูกเปิดออกมาดังปัง นี่เธอมาได้ก่อนเวลาแฮะ มันไม่เหมือนตามปกติของเธอที่มักจะมาให้ถึงในนาทีสุดท้ายเสมอ ใช่แล้วคนที่เข้ามาก็คือนักเรียนดีเด่น ที่เป็นอดีตเพื่อนสมัยเด็กของผม แล้วตอนนี้เธอก็ดูเหมือนจะมีอาการไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ด้วย

 

“ยู  กิ  โตะ…..?” (ซูซุริคาว่า)

 

แล้วฮิรางิ ซูซุริคาว่า ที่เพิ่งจะโพล่งอะไรบางอย่างออกมาก็ได้ทำหน้าตกตะลึงและทรุดลงไปที่ตรงจุดนั้น

 

—————————————————————————————–

 

 

[มุมมองของ ชิโอริ คามิชิโระ]

 

ฉันโทรหาเขาด้วยความมุ่งมั่น แต่ว่าไมมีเสียงตอบรับอะไรเลย ไม่ว่าจะพยายามลองอีกสักกี่ครั้ง ก็ไม่สามารถที่จะโทรหาได้ โทรศัพท์มันไม่ยอมเชื่อมต่อ มีเพียงแค่เสียง ตื๊ดตื๊ดๆ [สัญญาณสายไม่ว่าง] ที่น่าสงสัยให้ได้ยินเป็นจังหวะถี่ๆ ทีแรกฉันคิดไปว่าฉันน่าจะอยู่ในจุดอับสัญญาณรึเปล่า

 

แต่พอถึงกลางคืน พอฉันก็ได้โทรอีก หรือว่าบางทีอาจะมีไฟดับที่เสาสัญญาณ? ฉันรอไปอีกสัพพักแล้วก็ลองใหม่ สายที่ต่อก็ยังคงไปไม่ถึง ความรู้สึกไม่สบายใจก็ได้ค่อยๆคืบเข้ามาครอบงำจิตใจของฉัน จะเป็นไปไหมว่าเขาบล๊อคเบอร์ฉัน?

 

ฉันไม่สามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่ามันเป็นแบบนั้น แต่มันก็ยังคงมีความเป็นไปได้อยู่ดี อันที่จริงมันก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะบล๊อคสายฉันนะ ฉันคิดว่ายูกิโตะ คงจะไม่อยากที่จะคุยกับฉันแล้วหลังจากที่ฉันได้ทำเรื่องนั้นกับเขา มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่ปฏิเสธสายของฉัน ถ้าหากมีบางคนที่ฉันเกลียดจนถึงจุดนึงฉันเองก็ไม่อยากที่จะให้พวกเค้านั้นโทรมา ถึงจะโทรหาฉัน ฉันก็จะต้องเลือกที่จะปฏิเสธสายไปเช่นกัน

 

มันไม่มีประโยชน์ มันสายเกินไปแล้ว แล้วฉันก็จมลงไปอยู่ในความมืดลึกมากขึ้น ดวงตาของฉันก็พลันมืดมนด้วยความสิ้นหวัง ฉันหยุดร้องไห้ไม่ได้ ฉันร้องไห้เสียใจเสียจนหมดแรงจนหลับไป

 

พอฉันได้ไปถึงโรงเรียนในวันถัดมา ตาของฉันจับจ้องเกาะไปที่เขาในทันที วันนี้เขาก็ยังคงคุยอยู่กับโคยูกิอยู่เหมือนเดิม ฉันหวังว่าฉันจะสามารถคุยกับเขาได้อย่างสบายใจเหมือนอย่างที่โคยูกิคุยกับเขา เหมือนกับวันวาน…….พอได้คิดถึงมันแล้ว น้ำตาที่ฉันคิดว่าได้เหือดหายไปหมดแล้วจากเมื่อวานก็กลับเอ่อล้นขึ้นมาที่ตาของฉันอีกครั้ง

 

แรงขับที่เต็มด้วยความรู้สึกราวกับเป็นตัวกระตุ้น กำลังผลักดันให้ฉันนั้นก้าวออกไปข้างหน้าและโยนคำพูดเหล่านั้นใส่ยูกิ

 

“ยูกิ ทำไมนายถึงไม่ตอบรับ? นี่นายเกลียดชั้นมากขนาดนั้นเลย……….หรือ…………?” (คามิชิโระ)

 

ถ้าเขาบอกว่าเกลียดฉันก็ช่างมันเถอะ ฉันคงจะต้องหายไปจากจิตใจของเขาอย่างสมบูรณ์ แม้เขาอยู่ในใจของฉันแต่ว่ามันคงไม่มีอีกแล้วสำหรับเขา คำพูดที่สั่นไหวก็ได้ออกไปจากปากและร่างกายที่สั่นเทา ฉันไม่ได้อยากที่จะถามเขา แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่ ฉันก็เลยต้องพูดมันออกไป

 

ฉันแน่ใจว่าเข้าจะต้องบอกกลับมาว่าเขานั้นเกลียดฉัน ความคิดที่ว่ามานั้นมันเต็มอยู่ในใจของฉัน แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาจากเขานั้นมัน………

 

อะไรกัน? มันเกิดอะไรขึ้น? หัวของฉันตอนนี้เต็มไปด้วยความว่างเปล่า ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันกำลังพูดถึงอะไรอยู่ ก่อนที่ฉันจะรู้สึกตัว ฉันก็ถูกยูกิกอดกลางห้องเรียนในตอนเช้า

 

แต่ฉันไม่มีเวลาที่จะไปกังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นแล้ว ฉันรู้สึกมีความสุขและเขินอายที่เขานั้นไม่ได้ปฏิเสธสายของฉัน

 

มันช่างอบอุ่นจัง ฉันสงสัยว่ามีใครทำแบบนี้กับฉันครั้งสุดท้ายเหมือนไหร่กัน มันคงจะต้องเป็นตอนที่ฉันยังเล็กๆนั่นล่ะ แล้วฉันก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยความรู้สึกที่ปลอดภัย มีอะไรบางอย่างที่อบอุ่นค่อยๆออกมาปกคลุมหัวใจที่เย็นชาของฉัน ไม่นานนักฉันก็ได้รู้ตัวว่ามันคือความอ่อนโยนของเขานั่นเอง

 

ยูกิได้สอนฉัน แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าความหมายของการหลุดออกเป็นอิสระจากการเป็นทาสนั้นคืออะไร แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ใช้โทรศัพท์นั้นอีกแล้ว เขาแค่ทิ้งมันไว้โดยไม่มีใครไปเหลี่ยวแลมันอีก

 

ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ แต่มันก็คงจะเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับยูกิ ที่จะทำสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดอยู่แล้ว เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่มีหลักการใดๆ มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ จริงๆนะ มันไม่มีอะไรที่จะมาแยกยูกิไปจากฉันอยู่แล้ว

 

แล้วแสงสว่างก็เริ่มเปล่งประกายขึ้นในหัวใจที่ดำมืดของฉัน ฉันยังคงมีความหวัง และฉันคิดว่าฉันจะสามารถฟื้นฟูสิ่งที่สูญเสียไปในครั้งนั้นได้ เขาอ่อนโยน และเขาก็ยังคงเป็นสุภาพบุรุษเหมือนเดิม

 

ฉันยังสงสัยว่า มันพอจะเป็นไปได้ที่เขาอาจจะกลับมาชอบฉันในวันข้างหน้าไหม ฉันน่ะเป็นนักสู้นะ นั่นล่ะคือเหตุผลที่ฉันได้พูดออกไป ฉันได้พูดคำที่ฉันคิดว่าคงจะไม่ได้พูดออกมาอีกต่อไปซะแล้ว

 

ฉันจะไม่ทรยศความรู้สึกของตัวเองอีกแล้วในครั้งนี้ ฉันจะต้องบอกออกไปว่า “ฉันรักนาย”

 

“รู้ไม๊….ฉันจะพูดล่ะ! ฉันจะขอบอกให้อย่างชัดเจนไปเลยตอนนี้!” (ซูซุริคาว่า)

 

ในจังหวะนั้นเอง ฮิรางิ ซูซุริคาว่า ก็ได้เขามาถึงห้องเรียน ฉันไม่ต้องการที่จะแพ้ให้กับคนอย่างเธอ ฉันไม่อย่ากจะพ่ายแพ้ให้กับใครทั้งนั้น ฉันนั้นชดใช้ความรู้สึกผิดมามากพอแล้ว ดังนั้นฉันจึงมองไปที่หน้าของเขาและยิ้มให้ ฉันไม่ต้องการที่จะหายไปจากใจของเขา ฉันไม่ต้องการที่จะลืมความอบอุ่นในตอนนี้ ครั้งนี้ล่ะ ฉันจะต้องเผชิญหน้ากับมัน!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด