เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 12: ของหวานหลังอาชญากรรม

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 12: ของหวานหลังอาชญากรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ของหวานหลังอาชญากรรม

 

เค้กที่ทำออกมาจำนวนจำกัดมันช่างอร่อยยิ่งนัก มันมีเพียงแค่ของจำนวนจำกัดเท่านั้นเองเหรอที่อร่อยน่ะ แล้วผมก็บรรลุเป้าหมายหลักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วผมก็คงจะต้องกลับไปโรงเรียนในตอนบ่าย มันคงจะไม่มีใครคิดหรอก ว่าผมนั้นน่ะจะโดดเรียนมาเดินเล่นอยู่แถวนี้

 

ยังมีอีกหลายสถานที่ในบริเวนอ่าวนี้ ผมนั้นอาจจะเดินไปช๊อบปิ้งที่ห้าง นั่งชิงชาสวรรค์ หรือไม่ก็ไปสถานีออกอากาศวิทยุโทรทัศน์โดยไม่มีจุดประสงค์อะไร เป็นทริปส่วนตัวของผมที่ดูสนุกสนานหลังจากที่ได้ออกมาไกลจากทุกสิ่ง มันก็ยังเป็นการได้มาผ่อนคลายแม้ว่าจะได้เจอกับ สถานที่จัดแสดงสินค้านานาชาติที่ปราศจากผู้คน ซึ่งมันก็อยู่ในช่วงเวลาที่กำลังเปลี่ยนจากช่วงโอบ้ง(วันไหว้บรรพบุรุษ) กับวันหยุดปีใหม่ แสงแดดในฤดูใบไม้ผลิที่พร่างพราว กลิ่นของทะเลที่ทำให้ผมได้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า

 

ผมทอดสายตาไปยังทะเลที่ตีม้วนเป็นเกลียว และสาดซัดมาอย่างเป็นมิตร ในขณะที่ผมกำลังมองดูอยู่นั้น ผมก็เริ่มที่ละจมอยู่กับคว่ามคิดของตัวเอง  เขาว่ากันว่าคลื่นทะเลที่ซัดสาดมันสามารถที่จะนำเอาสิ่งที่เคยสูญหายไปแล้วนั้นให้กลับมา เช่นกระเป๋าตังค์ในญี่ปุ่นนั้นสามารถนำกลับคืนมาได้ราว60% เลยทีเดียวเลย แล้วผมจะสามารถได้สิ่งที่ผมหายไปแล้วกลับคืนมาได้รึเปล่ากันนะ?

 

บางจุดในชีวิตที่ผ่านมาของผมนั้น ผมศูนย์เสียความสามารถที่จะมี “ความรัก” ไป ผมนั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนหน้านี้ หรือในตอนนี้? ผมมองกลับไปยังความทรงจำของผม แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้ ผมไม่แน่ใจว่าผมนั้นได้ทำหายไปในระหว่างการเดินทางในชีวิตของผมหรือไม่ ที่ซึ่ง “ความรัก”ของผมนั้นได้หายไป? จะมีสักวันนึงไหมที่ผมจะได้มันกลับมา?

 

หลังจากที่ผมได้ทำ “ความรัก” ของผมตกหล่นไป ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไปเลย ผมหยุดสนใจว่าผู้คนนั้นจะมองผมยังไง หรือใครจะคิดอย่างไรกับผม ถ้าหากว่ามันไม่ใช่ความเกลียดหรือความชิงชัง ผมไม่ได้สนใจว่าความรู้สึกของคนอื่นที่มีให้กับผมนั้นจะเป็นอย่างไร และผมก็ไม่มีความรู้สึกอะไรเหล่านั้นส่งกลับไปให้กับพวกเขาด้วยเช่นกัน

 

แต่มันดูจะไม่ถูกต้อง….มันไม่ควร…..มันเคยมีบางเวลาที่ผมนั้นมี “ความชื่นชอบ” ให้กับใครบางคน และในตอนนี้ผมก็ได้ทำ”ความชื่นชอบ”นั้นหล่นหายไปอีก ผมไม่มีคุณสมบัติที่จะไปเผชิญหน้ากับใครได้อีกต่อไป ไม่ว่าอีกฝ่ายนั้นจะให้ความรู้สึกแบบไหนมาให้ ผมก็ไม่สามารถที่จะให้ความรู้สึกกลับไปในแบบที่พวกเขานั้นส่งมาให้ได้

 

ไม่ว่าพวกเขานั้นจะส่ง “ความรัก” มาให้ผมมากสักแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถที่จะหวนหลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ เพราะผมไม่สามารถที่จะส่งความรู้สึกที่เรียกว่า “ความรัก” กลับไปได้  ซึ่งมันควรที่จะอยู่เหนือไปกว่าความรู้สึกอื่นใด ไม่แม้แต่จะสร้าง “ความรัก” ขึ้นมาให้กับพวกเขาได้ ผมรู้ ว่ามันเป็นสิ่งที่ผมนั้นทำได้แย่มาก

 

ดังนั้น ผมจึงควรที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทุกๆคน อย่างน้อยก็จนกว่าผมนั้นจะสามารถที่จะได้คืนในสิ่งที่ผมทำหายไปกลับมา ผมควรที่จะต้องหลบอยู่ในเงา

 

“นั่นล่ะคือสิ่งที่ผมคิด…..” (ยูกิโตะ)

 

ผมไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆนะ มันขัดกับความตั้งใจของผม มันก็แปลกทีเดียว ที่มีคนมากมายอยากจะเข้ามาหาผม ด้วยความสัตย์จริงนะผมรู้สึกว่ามันน่ารำคาญมากกับตัวผมที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ที่ผมนั้นเอาแต่ทำร้ายคนอื่น

 

ทันใดนั้น ผมก็มองไปที่โทรศัพท์ของผม มันมีข้อความเข้ามาพอสมควร คงเพราะผมที่อยู่ๆก็โดดเรียนโดยที่ไม่บอกอะไรใครนี้ บางทีอาจจะมีคนเป็นห่วงแล้วพยายามจะติดต่อมาหาผม แล้วทำไมถึงไม่สนใจพวกเขาไปเลยซะล่ะ? ทำไมถึงพวกเขาถึงพยายามเข้าหาผมกัน? นี่มันดูไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย มันไม่มีอะไรดีที่จะต้องมาเป็นห่วงผมเอาเลยนะ แล้วนั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงได้มาอยู่ตรงนี้

 

“เฮ้อออ……..” (ยูกิโตะ)

 

อารมณ์หดหู่ของผมก็พลันกลับคืนมา ผมไม่มีแรงจูงใจที่จะกลับไปโรงเรียนในตอนบ่ายนี้เอาซะเลย

 

——————————————————-

 

 

[มุมมองในห้องเรียน]

 

“ขอโทษนะคะ ที่นี่มีคนชื่อโคโคโนเอะ อยู่ในห้องนี้ใช่ไหม?” (ไคโดะ)

 

มันเป็นช่วงเวลาพักเที่ยง อยู่ๆก็มีผู้มาเยือนที่ห้องเรียน 1-B

 

“ประธานกับ รองประธานนักเรียน?” (???)

 

นั่นคือสมาชิสภานักเรียน มุสึกิ ไคโดะ กับ ยูมิ มิกุโมะ นั่นเอง ไคโดะ นั้นเป็นประธานนักเรียน ที่ได้มีโอกาสได้ออกไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าทุกๆคนอยู่หลายครั้ง ใบหน้าของเธอจึงเป็นที่คุ้นเคยแม้แต่กับนักเรียนปีหนึ่ง ตอนนี้ต่างก็ได้สงสัยกันว่าทำไมประธานนักเรียนนี้จะมาตามหานักเรียนปีหนึ่งไปเพื่ออะไรกัน เธอนั้นไม่ใช่คนที่ประเภทจะออกไปเดินมาต่อหน้าเพื่อหานักเรียนชั้นปีหนึ่งอยู่แล้วโดยไม่มีเหตุผล ซากุราอิ นั้นเป็นคนเดียวที่ตอบสนองให้กับคำถามนั้น

 

“ดูเหมือนว่าโคโคโนเอะ เค้าจะไม่เข้าเรียนในวันนี้นะคะ นี่คุณมีธุระอะไรกับเขากันรึคะ?” (ซากุราอิ)

 

“ดูท่าโคโคโนเอะ เค้าคงจะโดดเรียนแล้วล่ะ” (มิเนตะ)

 

คำพูดเสริมของมิเนตะก็ได้เข้ามา

 

“อะไรนะ? นี่เขาไม่อยู่ที่นี่เหรอ? ไม่ นั่นมันแปลกนะ เขาควรที่จะต้องมาที่โรงเรียนแล้วตั้งแต่เช้าสิ” (ไคโดะ)

 

“นี่มันแย่แล้วล่ะ มุสึกิจัง นี่มัน…..” (มิกุโมะ)

 

ทางด้านอาจารย์ฟูจิชิโระ ก็ได้บอกว่าเธอเองนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรจากเขาด้วยเช่นกัน

 

“เราจะทำยังไงกันดีล่ะ? บางทีเขาอาจจะ…..” (ไคโดะ)

 

“รุ่นพี่คะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?” (ฮินากิ)

 

“ผมเองก็อยากรู้ด้วยเหมือนกัน ผมพยายามติดต่อเขาแล้ว แต่ดูเขาจะไม่ยอมรับมันเอาซะเลยน่ะ” (มิโฮะ)

 

ซูซุริคาว่า และไคโดะ ก็ร่วมวงสนทนาด้วย

 

“ต้องขอโทษด้วยนะ นี่ไม่ใช่อะไรที่จะสามารถเอามาคุยข้างนอกแบบได้นี้ ยูมิ รีบไปที่ห้องพักครูที่กันเถอะ” (ไคโดะ)

 

“ได้ พวกเราจะต้องรีบแล้วล่ะ” (มิกุโมะ)

 

แล้วในห้องก็ได้ตกอยู่ในความเงียบจากที่รุ่นพี่ทั้งสองคนได้รีบออกไปด้วยการกระทำอย่างรีบเร่ง แล้วบรรยากาศในห้องเรียนก็ถูกครอบงำไปด้วยความรู้สึกที่ว่า มันจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

“ฉันเองก็จะไปกับพวกเค้าด้วย” (มิโฮะ)

 

โคยูกิ ก็โพร่งออกมาเพื่อที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม นักเรียนบางคนถึงกับวิ่งตามเขาที่ได้ตามหลังรุ่นพี่ทั้งสองคนไปด้วย

 

—————————————————————–

 

 

[มุมมองในห้องพักครู]

 

“อาจารย์ฟูจิชิโระคะ! ต้องขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะการพักนะคะ อาจารย์พอจะได้ข่าวอะไรของโคโคโนเอะบ้างไหมคะ” (ไคโดะ)

 

แลวประตูห้องพักครูก็ได้ถูกเปิดขึ้นอย่างแรง และฟูจิชิโระที่กำลังนั่งนำเอาขนมปังเข้าปากไปเคี้ยวอยู่ก็สำลัก

 

–แค๊ก แค๊ก นี่มันอะไรกันน่ะ ไคโดะ? โคโคโนเอะไปทำอะไรไว้งั้นรึ? (ฟูจิชิโระ)

 

“”มันเป็นความผิดของพวกเราค่ะ!”” (มิกุโมะ กับ ไคโดะ)

 

“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว อย่ามาเขย่ากันสิ! ใจเย็นก่อน นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น?” (ฟูจิชิโระ)

 

“อาจารย์ได้ยินอะไรมาจากโคโคโนะเอะบ้างไหมคะ? ที่วันนี้เขาไม่เข้าเรียนน่ะค่ะ?” (ไคโดะ)

 

“เฮ้อออ เขาก็เป็นแค่เด็กมีปัญหา ที่เขาเพิ่งจะขาดเรียนไปโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้านั่นล่ะ” (ฟูจิชิโระ)

 

“ไม่ ไม่ ไม่ เขาควรจะมานี่ตั้งแต่เช้าแล้วนะคะ” (ไคโดะ)

 

“ช่วยค่อยๆบอกมาที่จะได้ไม๊! ว่ามันเกิดอะไรกันขึ้นน่ะ?” (ฟูจิชิโระ)

 

แล้วทั้งสองคนก็เล่าให้กับอาจารย์ ซายูริ ฟูจิชิโระ ฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า แล้วการแสดงออกของ ฟูจิชิโระ ก็พลันดูขมขึ่นขึ้นทันที แล้วเหล่าทั้งอาจารย์และนักเรียนในห้องนั้นทั้งหลายต่างก็ได้ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยทั้งหมด รวมถึงโคยูกิกับคนอื่นๆที่ตามมาถึงแล้วเช่นกัน แต่ไคโดะนั้นไม่ได้รู้ตัวเลย

 

“นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่เข้าเรียนในวันนี้สินะ? ถึงงั้นพวกเธอก็โชคดีที่มันจบลงแค่เป็นเรื่องเข้าใจผิดนะ เพราะมันอาจจะเลยเถิดไปเป็นอะไรที่ร้ายแรงกว่านั้น เขาอาจถูกไล่ออกจากโรงเรียนได้เลยนะ” (ฟูจิชิโระ)

 

“มันเป็นความผิดของพวกเราทั้งหมดค่ะ เขาไม่ได้ทำอะไรที่ผิดเลยค่ะ!” (มิกุโมะ)

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากเขานั้นถูกสอบแล้วว่าเขาเป็นเป็นผู้บริสุทธิ์ล่ะก็ พวกเธอก็จะมีปัญญาเอาซะเองด้วยนะ” (ฟูจิชิโระ)

 

“อาจารย์คะ พวกเราควรจะทำอย่างไรกันดี? อาจารย์พอจะคิดออกไหมคะว่าเขาน่าจะไปอยู่ที่ไหนคะ?” (มิกุโมะ)

 

“ถ้าเรื่องนั้น ฉันก็จะยกเลิกการขาดเรียนโดยไม่ได้แจ้งของเขาก่อน แต่ว่าเขาก็ไม่ได้บอกอะไรฉันด้วยเช่นกัน บางที ยูริ โคโคโนะเอะ อาจจะรู้อะไรบางอย่าง–” (ฟูจิชิโระ)

 

“โคโคโนเอะ- นี่เขาเป็นน้องชายของ ยูริ โคโคโนเอะ เหรอ!” (ไคโดะ)

 

“มุสึกิ ไปกันเถอะ!” (มิกุโมะ)

 

“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว อย่าเพิ่งรีบร้อนไป เดี๋ยวฉันจะเรียกตัว ยูริซัง มาทีนี่เอง” (ฟูจิชิโระ)

 

แล้วสถานะการณ์อันไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้นมาอย่างกระทันหัน จึงยิ่งสร้างความสับสนอลหม่านให้มากยิ่งขึ้นไปอีก

 

——————————————————————-

 

 

[มุมมองของ มุสึกิ ไคโดะ]

 

นี่มันไม่ดี นี่มันไม่ดี นี่มันไม่ดีแล้ว!

 

ครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่กันนะที่ฉันต้องมาตกอยู่ในสภาพตื่นตระหนกแบบนี้? ไม่ นี่มันอาจจะเป็นครั้งแรกของฉันในชีวิตเลย ความวิตกกังวลที่หมุนตีอยู่ภายในอกของฉัน ในช่วงพักเที่ยงฉันไปยังห้องเรียนของเขาเพื่อที่จะทำการขอโทษอย่างเป็นทางการ ฉันค้นหาเขาจากใบหน้าของเขาที่อยู่ในความทรงจำกับสมุดรายชื่อของนักเรียน และก็พบว่าชั้นเรียนของเขานั้นก็คือ 1-B และชื่อของเขาก็คือยูกิโตะ โคโคโนเอะ

 

ฉันไม่สามารถที่จะเอาคำพูดสุดท้ายของเขานั้นออกไปจากหูได้เลย หัวใจของฉันมันบีบแน่นไปด้วยความกลัวราวกับว่าฉันได้ทำในสิ่งที่น่ากลัวที่สุดออกไป ฉันรู้สึกว่าตัวของฉันกำลังสั่นเทาเนื่องจากสงสัยว่าฉันได้บิดเบือนความยุติธรรมของเขาไปแล้วรึเปล่า แล้วถ้าฉันทำนั่นก็แปลว่าฉันไม่สามารถที่แก้ไขได้แล้ว

 

ถึงฉันจะเป็นประธานสภานักเรียนก็เถอะ ฉันไม่ควรที่จะทำร้ายนักเรียนแทนที่จะปกป้องพวกเขา ฉันนั้นเชื่อในความยุติธรรม ฉันนั้นพยายามที่จะทำให้ดีมันทั้งมนุษย์ธรรมและความถูกต้องมาตลอด จนถึงจุดนึงที่ผู้คนต่างก็เริ่มเข้ามาอยู่รอบตัวของฉัน ต่างชื่นชมฉัน และตอนนี้ฉันก็ได้รับการเสนอให้รับตำแหน่งประธานสภานักเรียน อย่างไรก็ตามฉันก็เพียงแค่ดำเนินชีวิตไปตามความยุติธรรมที่ฉันนั้นเชื่อมั่นเท่านั้น แล้วผลของมันก็ได้ทำให้ฉันต้องมายืนอยู่ตรงจุดนี้

 

แต่ว่านี่เป็นครั้งแรก ที่ฉันรู้สึกว่าความยุติธรรมของฉันกำลังถูกสั่นคลอน ฉันประหลาดใจมากที่ได้รู้ว่าตำแหน่งที่รับมานั้นมันมีจุดเปราะบางอะไรได้ขนาดนี้ มันเป็นความกลัวที่ว่าความยุติธรรมของฉันจะไปทำลายความยุติธรรมของคนอื่นๆ

 

เขานั้นไม่ได้ทำอะไรผิด การกระทำของเขานั้นถือเป็นความยุติธรรมด้วยตัวมันเอง ฉันเองก็ไม่ได้คิดว่าฉันได้ทำผิดไปเช่นกัน ถ้าหากว่าได้ไปพบเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้กับฉัน ฉันก็คงที่จะต้องทำมันลงไปเหมือนเขาอย่างไม่ลังเลแน่ ถึงอย่างนั้น มันก็ยังคงเป็นความผิดของฉันและตราปาบที่ไม่ได้คิดตริตรองให้รอบคอบพอ ที่ไม่ยอมที่จะรับฟัง มันเป็นเพียงเพราะจิตใจอันคับแคบขอฉัน และมันเป็นการทำร้ายเขาอยู่ฝ่ายเดียว

 

ฉันต้องรับผิดชอบในเรื่องนั้น หรือไม่อย่างนั้นฉันก็คงที่จะไม่สามารถที่จะปฏิบัติตัวตามความยุติธรรมของตัวเองได้อีกต่อไป ความยุติธรรมของฉันมันจะต้องไม่ไปทำให้ความยุติธรรมของคนอื่นต้องแปดเปื้อน

 

แล้วที่เขาไม่ได้มาโรงเรียนในวันนี้ มันก็เป็นความผิดของฉัน แน่นอนล่ะ ก็เพราะว่าฉันได้ทำให้เขาต้องเจ็บปวดนี่ แล้วตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่กัน? นี่เขายังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ไหม? เขาจะสิ้นหวังหรือไม่? เขาจะเกลียดชังตัวฉันรึเปล่า? ฉันกลัว…..ฉันกลัวที่จะต้องเจอเขา ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอยากจะขอร้องเขา—–

 

———————————————————————-

 

 

[มุมมองของ ยูมิ มิกุโมะ]

 

ไม่มีใครสักคนช่วยฉัน ไม่มีใครที่จะมองมาที่ฉัน มันไม่มีเจ้าชายอยู่ในโลกนี้ที่จะมาช่วยฉัน ความเป็นจริงบอกกับฉันอย่างนั้น

 

จนกระทั่ง มิสุกิ ได้มาถึง ฉันกำลังโดนลวนลามโดยใครบางคนที่ไม่รู้จัก มือของเขาแตะเข้ามาที่ก้นของฉันในในตอนแรก แล้วค่อยๆมากขึ้นๆ แล้วจากมือที่อยู่นอกกระโปรงก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้านในกระโปรง และมือนั้นก็ค่อยๆแตะตรงชั้นใน แล้วตอนนี้ก็เริ่มที่จะเข้ามาในชั้นในแล้ว ราวกับว่าเขานั้นกำลังสนุกสนานกับที่ได้เห็นฉันนั้นกำลังตัวสันเทา มันเป็นความรู้สึกที่ไม่พึงปรารถนาจากการที่ได้สัมผัสกับผิวโดยตรง

 

(ฉันเกลียด……สกปรก…….ผู้ชายน่ากลัว……….ใครก็ได้ช่วยฉันที!)

 

ถ้าฉันสามารถส่งเสียงของฉันออกไปแบบนั้นได้ ฉันก็คงที่จะไม่ต้องมาอยู่ในสภานะการณ์แบบนี้ คนอื่นๆมักจะหัวเราะเยาะว่าฉันนั้นเป็นคนขี้ขลาด ก่อนที่ฉันจะได้รู้ตัว ฉันก็สร้างความคิดที่จะไม่เชื่อในตัวผู้ชายขึ้นมา และไม่สามารถที่จะพูดได้อย่างปกติกับเพศตรงข้าม

 

ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังคงไม่มีทางเลือกที่จะหนีจากความเป็นจริง โดยหวังว่าจะมีสักหนนึง เหมือนกับในหนังสือการ์ตูนมังงะ ที่จะมีเจ้าชายเข้ามาช่วยเหลือฉัน แล้วมิซึกิ ก็จับคนที่น่าจะเป็นพวกลวนลามฉันได้ นั่นเป็นนักเรียนจากโรงเรียนเดียวกัน มันแปลกมากที่จะมีคนอย่างนั้นอยู่ในโรงเรียน แล้วความกลัวก็เข้าจู่โจมฉัน แล้วฉันควรจะทำไงดี? ฉันคงจะต้องกลัวกับการไปโรงเรียนแล้วรึนี่

 

แต่ว่าเขานั้นไม่ใช่คนร้าย มันง่ายที่จะนึกออกถ้าหากฉันทำตัวให้ใจเย็นลงก่อน ซึ่งก็อย่างที่บอกไป ไม่มีใครใส่ชุดนักเนียนอยู่รอบตัวฉันเลย มือที่สัมผัสฉันอยู่นั้นมันดูกำยำ เป็นมือของผู้ใหญ่ มันคงเป็นเขาไปไม่ได้ ฉันนั้นรู้ดีกว่าใคร ฉันควรที่จะบอกมุสึกิในทันที ว่ามันไม่ใช่เขา แต่เป็นคนอื่นที่มาลวนลามฉัน

 

เขาพยายามที่จะเข้าช่วยฉัน ทำไมถึงทำแบบนั้น? เขายังคงมีอยู่ในโลกนี้ เจ้าชายที่อยากจะเข้ามาช่วยฉัน!

 

เมื่อลองมองย้อนกลับไป ความรู้สึกที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ฉันไม่ได้รู้สึกขยะแขยงหรือกลัวแล้ว ความจริงมันตรงกันข้ามกันเลย ฉันอยากจะคุยกับเขาให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะรู้จักเขาให้มากขึ้น ความรู้สึกแบบนั้น ฉันไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร แต่ก็นั่นล่ะคือสาเหตุที่ทำให้ฉันรู้สึกเสียใจกับความโง่เขลาที่เกิดจากการกระทำของฉันที่ไม่ได้ทำอะไรออกไปเลย

 

ฉันต้องการที่จะขอโทษเขา

 

แล้วตอนที่พวกเราได้ไปที่ห้องเรียนเขาพร้อมกับมุซึกิ ก็พบว่าเขานั้นไม่ได้มาโรงเรียน ทั้งที่เขานั้นขึ้นรถไฟและสวมเครื่องแบบ งั้นเหตุผลเดียวที่เขาไม่ได้มาก็เพราะว่าพวกเรา แล้วความรู้สึกของฉันมันก็แย่ลง แย่ลงมากขึ้นมากขึ้น เขาบอกว่าเขานั้นจะไม่เข้ามาช่วยฉันอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่ได้ต้องการที่จะให้เขาคิดแบบนั้น แต่พอฉันมองเข้าไปที่ตาของเขาแล้ว—

 

—————————————————————-

 

 

[มุมมองของ ยูริ โคโคโนเอะ]

 

“นี่พวกเธอทำอะไรลงไปกับเขากัน!” (ยูริ)

 

“ยูริซัง ใจเย็นก่อน! เธอพอะจะติดต่อกับยูกิโตะได้บ้างไหม?” (ฟูจิชิโระ)

 

“ทำไมพวกคุณถึงไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้ล่ะ!” (ยูริ)

 

“แล้วนี่พวกเธอไม่ได้มาโรงเรียนด้วยกันหรอกเหรอ?” (ฟูจิชิโระ)

 

“เขาไปที่บ้านของน้าและก็นอนค้างที่นั่นเลย โอ้ย พระเจ้า!” (ยูริ)

 

ฉันโกรธมาก ฉันโกรธพวกรุ่นพี่งี่เง่าพวกนี้ ทำไมพวกสภานักเรียนถึงเป็นคนแบบนี้กัน? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่น่ะเป็นประธานสภานักเรียน! นี่มันเกิดขึ้นอีกแล้ว มีคนไปทำให้เขาต้องเจ็บอีกแล้ว เหมือนกับที่ฉันเคยทำ ราวกับว่ามันย้อนกลับมาหาตัวฉันเองอีกครั้ง ฉันเร่งรีบตัวเองให้กดโทรศัพท์ไปหาเขา ถ้าหากว่าฉันเป็นคนโทร เขาก็จะต้องรับสายแน่ หลังจากที่เสียงเรียกเข้าดังผ่านไปไม่กี่ครั้ง สายนั้นก็ถูกรับอย่างง่ายดายต่างจากที่ฉันกังวล

 

“ยูกิโตะ นายอยู่ที่ไหนกันน่ะ?” (ยูริ)

 

“ก็ทะเล?” (ยูกิโตะ)

 

“เดี๋ยวก่อนนะ……ทะเลงั้นเหรอ?” (ยูริ)

 

แล้วรอบๆในบริเวณนั้นก็เริ่มมีความตื่นตระหนกเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เพราะมันไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะโดดเรียนไปเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสภานะการณ์ในตอนนี้ มันไม่ได้ช่วยให้จินตนาการออกมาเป็นเรื่องดีได้เลย

 

“ฉันเข้าใจว่านายคงไม่ได้คิดที่จะกระโดดลงไปในทะเลหรอกใช่ไหม?” (ยูริ)

 

ฉันรู้สึกได้ถึงความเครียดที่เกิดขึ้นในห้องพักอาจารย์ได้เลย ไม่ใช่แค่อาจารย์โฮมรูม ฟูจิชิโระ แต่รวมถึงอาจารย์คืนอื่นๆที่กำลังเฝ้าติดตามต่างก็ถึงกับกลั้นใจ

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เธอนี่ตลกจัง” (ยูกิโตะ)

 

“นี่มันไม่ใช่เรื่องน่าขำนะ!” (ยูริ)

 

“ก็เพราะว่าผมยังตามหาสิ่งที่ผมทำหายไปไม่เจอเลย ผมก็เลยคิดว่ามันน่าจะดีกว่าที่จะไปต่อ อ่อผมมีของฝากที่ให้คุณด้วยนะ” (ยูกิโตะ)

 

“ของฝากอะไรกัน? แล้วที่จริงนี่นายไปไกลแค่ไหนกันแน่?” (ยูริ)

 

“ก็ผมมันเป็นเด็กมีปัญหานี่ ดังนั้นมันก็ไม่เป็นอะไรหรอก” (ยูกิโตะ)

 

“นี่นายหมายความว่ายังไงที่ว่าเป็น “เด็กมีปัญหา” กันน่ะ? นายยังไม่ทันได้ทำอะไรผิดเลยนะ” (ยูริ)

 

“เด็กมีปัญหาเหรอ? ดูท่านี่ฉันเองก็น่าจะทำร้ายเขาด้วยเหมือนกัน……..” (ฟูจิชิโระ)

 

ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาที่จะต้องมานั่งกังวลในเรื่องที่ฟูจิชิโระ ที่เป็นอาจารย์โฮมรู้ได้พึมพำออกเมื่อกี้นี้แล้ว

 

“ยังไงก็ตาม สถานที่จัดแสดงสินค้านานาชาตินี้ก็ปิดแค่ในวันหยุดช่วงไว้บรรพบุรุษกับปีใหม่เท่านั้น” (ยูกิโตะ)

 

“นี่นายพูดเรื่องอะไรของนายกันเนี่ย? ยังไงก็แล้วแต่ ฉันได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วนะ นายแน่ใจนะว่ายังโอเค….? นายจะกลับมาแน่ๆใช่ไหม…..?” (ยูริ)

 

“รอช่วยรอผมแค่ที่โรงเรียนก็พอ ผมจะพยายามที่จะรบกวนคุณให้น้อยที่สุดนะ” (ยูกิโตะ)

 

“ที่โรงเรียน? เดี๋ยว…. นี่นายหมายความว่ายังไง? หรือบางทีนายจะ…..” (ยูริ)

 

“มันยังเร็วเกินไปที่ผมจะกลับไปในตอนนี้” (ยูกิโตะ)

 

“อะไรนะ? ฉันเข้าใจแล้ว! แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะสื่อนะ” (ยูริ)

 

“โอเค ผมจะวางสายแล้วนะ” (ยูกิโตะ)

 

แล้วสายโทรศัพท์ก็ถูกวางไป ฉันยืนอึ้ง ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยแม้จะเป็นตอนนี้

 

“อะ เฮ้ ยูริซัง เธอดูตระหนกไปนะ เธอเป็นอะไรรึเปล่า?” (???)

 

“เขาน่ะกลับไปแล้วตอนนี้” (ยูริ)

 

“อา เข้าใจละ” (???)

 

“เขาบอกว่าเขากำลังจะกลับบ้าน ฉันคิดว่าพรุ่งนี้เขาจะกลับมาโรงเป็นเป็นปกติ ทำไมพวกเราไม่รอเขาจนถึงวันพรุ่งนี้เพื่อที่จะฟังจากปากเขากันล่ะ? มันไม่มีอะไรที่ฉันจะทำให้พวกคุณได้แล้วในวันนี้” (ยูริ)

 

“ยูริ ฉันขอโทษด้วยจริงๆ!” (ไคโดะ)

 

“ฉันขอโทษ!” (มิกุโมะ)

 

“จะไม่มีวันให้อภัยพวกเธอหรอกนะ” (ยูริ)

 

แล้วฉันออกออกจากห้องพักครูโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย ตรงนี้ยังมีพวกเพื่อนร่วมห้องของยูกิโตะอยู่ด้วย แต่ฉันก็ไม่ได้ยินในสิ่งที่พวกเขาคุยกันอีกแล้ว คำพูดสุดท้ายของน้องชายของฉันนั้นยังคงทำให้ต้องขบคิดอยู่ในสมองของฉัน มันก็อย่างที่ฉันได้คิดไว้ จากที่ได้เห็นทัศนคติของเขาแล้วนั้น ฉันก็สังหรใจว่าไอ้เรื่องแบบวันนั้นมันจะวกกลับมาหาอีกครั้ง

 

ฉันยังคงจำคำพูดเหล่านั้นได้ดี ความรู้สึกที่ยังคงติดอยู่ในหัวใจของฉัน น้ำเสียงเหนื่อยล้าที่เขาพูดและคำที่พูดที่หลุดรอดออกมาจากปากเขา ด้วยคำพูดที่ได้พูดกันเพียงแค่เล็กน้อยในบทสนทนาที่พวกเราได้เพิ่งคุยกันแค่นี้ มันจึงยากที่จะทำให้เข้าใจในความรู้สึกที่แท้จริงของเขากับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้ เขาขอให้ฉันรอในเพียงแค่ช่วงระยะเวลาในโรงเรียนมัธยมปลาย หากเป็นแบบนั้นก็เท่ากับว่าเวลาที่กำหนดเอาไว้ก็คือ 3ปีจนกว่าจะจบการศึกษา แล้วหลังจากนั้นมันคงจะสายเกินไป

 

ฉันจะต้องทำมัน ฉันจะต้องทำ……

 

ใบหน้าที่คุ้นเคยของ ฮินากิ ซูซุริคาว่า ที่น้องชายของฉันเริ่มดีขึ้นได้หลังจากที่เข้าไปปฏิสัมพันธ์ได้ดีกับเธอ ฉันก็โล่งใจนะ ฉันเคยคิดไปว่าฉันคงจะพอเชื่อใจในตัวเธอได้ ฉันก็รู้สึกว่าน้องชายของฉันนั้นก็น่าจะได้กลับมาเป็นเหมือนดังเดิมได้……..แต่ก็ไม่มันแย่ลงไปกว่าเดิมอีก และเพราะอย่างนั้นเพื่อนสมัยเด็กที่ซึ่งควรจะอยู่เคียงข้างเขานั้น ก็ควรที่จะหายไปซะ

 

จากนั้นเขาก็ได้ไปเล่นบาสเก็ตบอลเพื่อที่จะได้ลืมเรื่องของเธอ และในตอนนั้นผู้หญิงที่ชื่อชิโอริ คามิชิโระ ก็ได้เข้าไปประคับประคองน้องชายของฉัน พวกเขานั้นเริ่มค่อยๆที่จะรู้จักกันและกันมากขึ้น ฉันหวังว่าเธอนั้นคงจะเป็นคนนั้นที่ใช่ แต่แล้วเธอก็กลับทำร้ายน้องชายของฉันได้มากมายซะแทน เธอนั้นก็ควรที่จะหายไปเช่นกัน

 

ฉันไม่ได้คาดคิดเลยว่าแม้แต่ประธานสภานักเรียนก็ยังเข้ามาร่วมมีส่วนในการทำให้เขาต้องเจ็บช้ำน้ำใจไปด้วย แต่ฉันก็ยังสงสัยนะว่าทำไมเหล่าผู้หญิง ซึ่งรวมฉันเข้าไปด้วย จะต้องมาอยู่รอบๆตัวเขากัน อะไรที่น้องชายของฉันนั้นต้องการมันไม่ใช่ใครที่จะเข้าไปทำร้ายเขา

 

ฉันไม่สามารถที่จะเชื่อใครได้อีกต่อไปแล้ว….. มันจะต้องไม่เป็นใครอื่นอีกต่อไป มันคงจะต้องเป็นฉันเท่านั้น!

 

ฉันได้ทำการตัดสินใจ และเริ่มออกเดินตรงกลับไปยังชั้นเรียน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด