เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 49: ตอนพิเศษ : ซานตาครอส ที่ไม่มีวันมา

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 49: ตอนพิเศษ : ซานตาครอส ที่ไม่มีวันมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ : ซานตาครอส ที่ไม่มีวันมา

 

“ยูกิโตะ เรากำลังจะจัดปาร์ตี้คริสต์มาส เธอจะมาด้วยไหม?” (มินากาว่า)

 

หลังเลิกเรียน ในขณะที่ผมเตรียมพร้อมที่กลับไป มินากาว่าก็ได้บอกผมว่าจะมีการจัดงานที่เกี่ยวกับลัทธิในยามคำคืนขึ้น

 

 ผมตอนนี้ก็อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แล้ว

 

 ผมว่าผมนั้นก็ดูจะโตเกินไปที่จะตื่นเต้นให้กับวันคริสต์มาสแล้วล่ะ

 

และในที่สุดวันหยุดฤดูหนาวก็จะมาถึงแล้วในวันพรุ่งนี้ แต่ทั้งโลกก็ยังคงตื่นเต้นไปกับงานวันคริสต์มาส ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงวันสิ้นปีและขึ้นปีใหม่ และมันก็เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดของปี แต่ผู้คนก็ยังอดไม่ได้ที่จะเฝ้าฝันให้ถึงวันคริสต์มาส ผมแน่ใจว่าโคโลเนล(โคโลเนล แซนเดอร์) จะต้องได้หัวเราะให้กับเรื่องนี้แน่ แล้วทำไมผู้คนถึงได้ชอบกินไก่กันจังนะ…..? [มุข KFC]

 

“นายเองก็ยังไม่มีแฟนนี่ ใช่ไหมล่ะ? งั้นก็มาสนุกด้วยกันเถอะ!” (มินากาว่า)

 

และมันก็เป็นความจริงที่ว่าผมเองนั้นยังไม่มีแผนสำหรับวันคริสต์มาสในปีนี้

 

มินากาวะและเพื่อนๆ ของเธอก็กำลังจะไปร้องคาราโอเกะ ซึ่งมีทั้งชายและหญิงในกลุ่มชั้นเรียนของพวกเรา

 

พวกเขากำลังวางแผนที่จะแลกเปลี่ยนของขวัญวันคริสต์มาสด้วยกันก็แค่นั้น และเหตุผลที่ผมนั้นไม่สามารถทนได้กับพวกคนที่เต็มไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวาพวกนี้นั้น มันก็เป็นเพราะว่ามันคือเหตุการณ์ที่ต้องห้ามสำหรับคนที่อยู่ในเงามืดอย่างผมที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมโดยเด็ดขาดน่ะสิ และถ้าหากว่าผมได้ก้าวเข้าไปในสถานที่นั้นแล้วล่ะก็ จิตวิญญาณของผมก็คงจะถูกชำระล้างเสียจนบริสุทธิ์และก็คงจะละลายหายไปเลยล่ะ

 

และในปีที่ผ่านๆมา ในบางครั้งผมก็ได้ถูกชวนให้ไปที่บ้านของซูซุริคาว่า เพื่อเข้าร่วมในงานปาร์ตี้คริสต์มาส แต่ทว่าตอนนี้ซูซุริคาว่า ก็เริ่มได้ออกเดทกับรุ่นพี่ไปแล้ว และนั่นก็เลยเป็นไปไม่ได้เลยตั้งแต่แรกที่จะต้องไป และแม้แต่ในปีที่แล้วที่ไปมันก็ได้มีบรรยากาศที่แสนจะเปราะบางขึ้น

 

อากาเนะซัง แม่ของเธอ, เรียวซัง พ่อของเธอ และทาโอริจังน้องสาวคนเล็กดูอาจจะยินดีต้อนรับผม แต่สำหรับฮินากิที่ดูจะพูดคุยโต้ตอบกับผมอย่างอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนักในฐานะเพื่อนสมัยเด็ก เลยทำให้คริสต์มาสในปีนั้นมันก็เลยอาจจะเป็นวันที่แย่ๆ เพราะเธอนั้นดูไม่มีค่อยจะมีความสุขและทำท่าอึดอัดอยู่ตลอดเวลา

 

แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ได้มีแฟนไปแล้ว และผมก็มั่นใจว่าปีนี้เธอคงจะไปสนุกกับการใช้เวลาหกชั่วโมงนี้ไปกับรุ่นพี่ของเธอ แล้วมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย และถ้าหากว่านั่นทำให้ซูซุริคาว่ามีความสุข มันก็ต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่จะทำ คนเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ควรจะแสวงหาความสุขใส่ตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปโฟกัสอยู่กับความสัมพันธ์อันไร้สาระและเลวร้าย

 

 ใช่แล้วก็เพราะว่าผมน่ะคือ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ชายผู้ที่ไม่เคยเชื่อในเรื่องซานตาคลอส

 

“ฉันเองก็ไม่รังเกียจนะ แต่ว่าฉันยังไม่ได้มีของขวัญเตรียมไว้เลย” (ยูกิโตะ)

 

“งั้นทำไมไม่ไปซื้อตอนนี้เลยล่ะ?” (มินากาว่า)

 

“ก็คิดว่าคงไม่มีใครยินดีที่จะรับของขวัญที่ฉันเลือกมาน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“เกิดอะไรขึ้นกับ…..ความมั่นใจของนายน่ะ?” (มินากาว่า)

 

“อืม ก็ฉันมักจะเลือกเป็นบัตรเงินสดตลอดเสมอน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ช่วยอย่าทำอย่างนั้นนะ ขอเถอะจริงๆนะ” (มินากาว่า)

 

ก็มันจะดีกว่าไหมล่ะ ถ้าหากได้รับบัตรเงินสดที่สามารถใช้แทนเงินได้ ซึ่งมันก็จะดีกว่าของขวัญที่ผมจะเลือกนี่ แล้วมันจะทำให้ความรู้สึกที่สนุกสนานนั้นถูกทำลายไปงั้นรึไงกัน? ครั้งนึงก็เคยมีนักกีฬาชื่อดังคนหนึ่งพูดไว้ว่า “ความจริงใจนั้นหาใช่มาจากคำพูด แต่ว่ามันเป็น(คุณ)ค่าของมัน” เพราะงั้นแหละแทนที่จะต้องบอกว่า “สุขสันต์วันคริสต์มาส!” มันจะดีกว่าไหมถ้าหากว่าได้รับเป็นบัตรเงินสดน่ะ?

 

“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันก็คงขอผ่านนะ ขอให้มีช่วงเวลาที่ดี แล้วเจอกันใหม่ปีหน้านะ” (ยูกิ)

 

แล้วผมออกจากชั้นเรียนไป ซึ่งครั้งต่อไปก็คงจะวนกลับมาอีกทีในปีหน้า

 

เพราะอย่างไรก็ตาม ในปีนี้มันก็ได้มีมีอะไรเกิดขึ้นมาอยู่มากมาย และมันก็ได้ทำให้ความสัมพันธ์รอบๆตัวผมนั้นก็เปลี่ยนไปมากด้วย

 

แต่ว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมนั้นจะเปลี่ยนไปในทันทีไม่ทางใดก็ทางหนึ่งล่ะนะ

 

 เพราะมันเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ แล้วการเปลี่ยนแปลงของผมล่ะ มันคืออะไรกัน?

 

ผมเองก็ยังคงไม่มีคำตอบ และผมก็ไม่ได้ต้องการที่จะค้นหามัน ไม่ว่ามันจะเป็นวันคริสต์มาสรึไม่ มันก็เป็นเพียงแค่วันๆเดียวเท่านั้น แล้วมันก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป

 

และตัวผมนั้นก็ยังคงเป็นคนเดียวในที่นี้ ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย

 

 ผมไม่เคยเชื่อในเรื่องซานตาคลอส และผมก็ไม่เคยสนใจเรื่องของวันคริสต์มาสด้วย

 

ผมไม่เคยต้องการอะไรมาตั้งแต่แรกแล้ว และไม่เคยเตรียมถุงเท้าเลยด้วย เพราะซานตาคลอสไม่เคยปรากฏตัวให้กับผมเลย พวกเราไม่มีปล่องไฟ ไม่มีเตาผิง จึงไม่มีทางที่ซานต้าจะเข้ามาได้ กวางเรนเดียร์ก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่ได้ ซานตาคลอสจึงเป็นเพียงแค่ชายชราผู้ลึกลับเท่านั้น

 

แม่ของผมเองก็มักจะถามผมนั้นว่ามีอะไรที่ผมอยากจะได้รึเปล่าในทุกๆปีในช่วงเวลานี้ และนั่นทำให้ผมคิดว่าเธออาจจะสนิทกับซานตาคลอสหรือเปล่ากัน หรือบางทีเธออาจเป็นคนรักเขา แต่มันก็ดูจะเป็นเพียงวิธีที่ตื้นๆแต่ก็สมเหตุสมผลในการที่เอาชนะใจเด็กๆ ซึ่งในตอนที่ผมยังเป็นเด็กนั้น ผมก็เคยประหม่าและสงสัยว่าเมื่อไรที่แม่จะแนะนำให้ผมได้รู้จักกับพ่อคนใหม่ แต่ว่าวันนั้นก็ไม่เคยมาถึง แม่ของผมเองก็ได้หย่าร้างไปแล้ว ดังนั้นมันก็ไม่ใช่การผิดศีลธรรมอะไรถ้าหากว่าเธอนั้นจะไปมีความใกล้ชิดกับซานต้า และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอนั้นควรจะไปสร้างความสัมพันธ์กับเขาต่อนะ

 

แล้วผมก็หยุดคิดถึงชายชราคนนั้นในจินตนาการทันทีที่กลับมาถึงบ้าน แต่ว่ามันก็ยังไม่มีใครกลับมาถึงบ้านเลย แม้แต่พี่สาวของผม

 

“งั้นก็คิดว่าควรจะไปที่เดินที่อาร์เขตดีก่อนกว่า” (ยูกิ)

 

แล้วการบ้านของผมในวันหยุดฤดูหนาวส่วนใหญ่ก็เสร็จไปหมดแล้ว ผมเองจึงไม่มีอะไรที่จะต้องทำแล้ว ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนชุดและตรงออกไปที่อาร์เขต

 

————————————–

 

[มุมมองของ แม่]

 

ฉันได้ยินมาว่าลูกชายของฉันนั้นจะกลับมาอยู่บ้านในคืนวันคริสต์มาสปีนี้

 

ฉันจึงรู้สึกมีความสุขมากในกับสิ่งนี้ และในระหว่างทางกลับบ้าน เท้าของฉันได้เร่งขึ้นไปอย่างไม่รู้ตัวขณะที่เดินกลับไปบ้านของฉัน

 

ในทุกๆปี ลูกชายของฉันก็มักจะได้รับเชิญไปที่บ้านซูซุริคาว่าในวันนี้ แต่ว่าปีนี้เขาไม่ได้ไป และแม้กระทั่งในตอนนี้ ที่หลังจากได้ยินถึงสาเหตุนั้นออกมาจากปากของยูริแล้วก็ตาม ฉันเองก็ยังแทบไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันคิดว่าจะไปถามกับอากาเนะซังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ว่าตัวฉันก็ลังเลและสงสัยว่ามันเหมาะสมหรือเปล่า ที่ผู้ปกครองจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องแบบนั้น แต่สิ่งเดียวที่ฉันนั้นแน่ใจก็คือ มันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ของพวกเขา และนั่นก็คือทั้งหมดที่รู้

 

 ถ้าหากมันมีอะไรที่ต้องเจ็บปวดเกิดขึ้น ฉันก็อยากที่จะช่วยเขา

 

 แต่ฉันเองก็รู้ด้วยว่านี่เป็นความปรารถนาที่ดูจะไม่สมหวัง

 

เขาไม่เคยพูดกับฉันในเรื่องอะไรเลย ไม่ว่าจะความรู้สึกใดๆที่เขานั้นมีอยู่ในใจ มันเหมือนเป็นกล่องดำที่ไม่สามารถจะเปิดออกได้อยู่เรื่อยมา เขาไม่เคยพูดอะไรกับฉันเลย ไม่เคยคาดหวังอะไรจากฉันเลย และไม่เคยขออะไรจากฉันเลย อาจคงจะเป็นความจริงที่ว่าฉันนั้นคงไม่ใช่แม่ที่ดี

 

เขาไม่เคยบอกฉันเลยว่าเขานั้นต้องการอะไรในวันเกิดหรือวันคริสต์มาส แล้วทุกๆครั้งที่ฉันถามเขา เขาจะตอบเหมือนเดิมกลับมาอยู่เสมอ

 

หลังจากเลิกงาน ฉันก็ได้แวะซื้อเค้กระหว่างทางกลับบ้าน ลูกชายของฉันดูเหมือนจะชอบขนมหวาน และนั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้เกี่ยวกับเขา

 

มันเป็นวันคริสต์มาส ที่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่บอกอะไรกับฉัน แต่ฉันก็อยากซื้ออะไรให้เขาอยู่ดี บางทีมันอาจจะดูตื้นเขินเกินไปที่จะพยายามหลอกล่อเด็กด้วยเพียงแค่สิ่งของ แต่ฉันก็ยังคงคิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้ว ที่จริงปัญหาก็คือฉันคิดอะไรไม่ออกเลยต่างหาก

 

“ของขวัญก็คือแม่ไง……?” (แม่)

 

แล้วฉันก็หน้าแดงเมื่อพูดมันออกมาเอง ที่จริงฉันก็อยากจะลองพูดออกมาดูสักครั้ง แต่ฉันก็ยังรู้สึกอายอยู่ข้างใน นี่ฉันสงสัยว่าฉันคิดอะไรอยู่ด้วยอายุปูนนี้กัน แล้วลูกชายของฉันก็คงจะต้องพูดว่า “ผมขอคืน” ออกมาด้วยใบหน้าที่นิ่งๆเรียบเฉยแน่ ถ้าเขาพูดแบบนี้กับฉัน ฉันก็คงจะต้องจะต้องตกใจมากและล้มพับไปบนเตียงจนป่วยเอาแน่

 

“ฉันจะต้องพยายามก้าวไปข้างหน้าให้ได้อย่างดีที่สุด!” (แม่)

 

 ฉันยังคงมีลูกชาย ทำให้มันเต็มที่ไปเลยวันนี้ ต้องให้ของขวัญที่ดูปลอดภัย ก็น่าจะต้องเป็นเสื้อผ้าให้เขา ฉันจะต้องไปเลือกของเจ๋งๆ! และหลังจากที่รวบรวมพลังตัวเองขึ้นแล้วฉันก็ตรงไปที่ห้างสรรพสินค้า

 

——————————————————————–

 

 

[มุมมองของ ฮินากิ] 

 

ตอนนี้ฉันอยู่คนเดียวในเกมเซ็นเตอร์ ฉันไม่อยากที่จะอยู่ในโรงเรียนหรือกลับไปที่บ้านเลย

 

วันคริสต์มาสที่ฉันนั้นเคยเฝ้าตั้งตารอคอยในทุกๆปี บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงแค่วันที่ว่างเปล่าอีกวันหนึ่ง มีเพียงการเหม่อมองที่เลือนลางและไร้จุดหมาย ฉันไม่อยากที่จะคิดเลยว่าจะมีความสัมพันธ์แบบนี้กับเขา ด้วยความคิดแบบนั้น ฉันจึงได้ออกไปจากโรงเรียนอย่างเร็วที่สุด และเมื่อฉันกลับถึงบ้านแล้ว น้องสาวคนเล็กก็ยังคงมองฉันด้วยความรู้สึกขมขื่น

 

ไม่มีทางที่ยูกิโตะจะมาที่บ้านของฉันอีกแล้ว ไม่อย่างแน่นอน และมันก็ไม่มีทางที่ฉันจะโทรหาเขาได้ ฉันไม่กล้าที่จะถามเขาว่าในตอนนี้ ว่าเขานั้นคิดอย่างไรกับฉัน แล้วฉันก็ทนไม่ไหวจึงได้ออกจากบ้านไป และฉัน ฮินากิ ซูซิริคาว่า ก็กำลังมองดูตุ๊กตาสัตว์ที่อยู่ในมุมของรางวัลอย่างเลื่อนลอย

 

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง พวกเรานั้นคงน่าจะได้ไปปาร์ตี้อยู่ที่บ้านของฉันแล้ว เหมือนอย่างที่พวกเราทำกันเมื่อปีที่แล้ว หากเพียงแต่ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรโง่ๆอย่างนี้ไป พวกเราก็คงจะได้อยู่ด้วยกัน เขาจะมีของขวัญมาให้ฉันเสมอ และมันก็ไม่ใช่แค่สำหรับฉัน แต่สำหรับครอบครัวของฉันด้วย ตัวเขามีรสนิยมที่ดีมากและฉันก็ตั้งตารอในทุกๆปี ฉันยังคงเก็บของขวัญทั้งหมดที่เขาให้ฉันมาอยู่

 

ฉันอยากที่จะขอโทษ ที่ทำให้มันเกิดเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมดนี้ และขอเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ฉันอยากที่จะเจอเขาและได้พูดคุยกับเขา ถ้าหากว่าเรายังสามารถคุยกันในที่ที่ไม่มีใครรบกวนเรา แค่พวกเราสองคน เหมือนอย่างที่พวกเราได้ทำมาโดยตลอด พวกเราก็จะน่าจะสามารถเข้าใจกันได้

 

แต่ว่าฉันก็คุยกับเขาไม่ได้ ราวกับว่าโชคชะตานั้นคอยขัดขวางไม่ให้ฉันได้ทำเช่นนั้น นี่ฉันกำลังหลีกเลี่ยงเขาไปโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า? ฉันไม่รู้ ไม่นานมานี้พวกเรายังคงสนิทกันมากอยู่เลย แต่ว่าในตอนนี้ฉันกลับรู้สึกราวกับว่าพวกเรานั้นดูห่างไกลกันมากซะยิ่งกว่าคนแปลกหน้า

 

 ดูราวจะเหมือนกับที่ใครสักคนเคยบอก ว่าเพื่อนในวัยเด็กนั้นก็เป็นเพียง แค่เพื่อน ……

 

“ฉันคิดถึงนายจัง……” (ฮิรากิ)

 

คำพูดเหล่านี้หลุดออกมาอย่างไม่รู้ตัว ถ้าอย่างงั้นฉันก็ควรที่จะต้องไปหาเขา อย่ามัวมาทำอะไรโง่ๆแบบนี้อยู่ที่นี่ ก็แค่ส่งข้อความหาเขาว่าเธอน่ะอยากพบเขา

 

แต่ว่าฉันก็กลัว ฉันกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ฉันยังสงสัยว่าตอนนี้เขานั้นคิดอย่างไร เขาคิดว่าฉันจะอยู่กับรุ่นพี่รึเปล่า? มันเป็นเหมือนกับฉลากที่แปะอยู่กับตัวฉันในฐานะคนที่ถูกเปิดเผยจนกลายเป็นความจริงที่ได้กระจายออกไปทั่วแล้ว การปฏิเสธไปว่ามันเป็นเรื่องโกหกก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ไม่ว่าฉันจะพยายามสักกี่ครั้งก็ตาม แล้วฉันก็ยังไม่ได้บอกอะไรกับคนที่ฉันอยากจะปฏิเสธเรื่องนี้มากที่สุด ฉันไม่สามารถที่จะพูดอะไรกับคนที่ฉันนั้นเชื่อใจมากที่สุด

 

 มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด สาเหตุทั้งหมดมันอยู่ที่ฉัน ที่เป็นคนงี่เง่า

 

 ถ้าอย่างนั้น ฉันต้องเปลี่ยน!

 

 เพราะฉันแน่ใจ ว่าฉันยังคงเป็นเหมือนตัวฉันอยู่เสมอแม้ในตอนนี้

 

“เฮ้นี่ ตอนนี้นายกำลังทำอะไรอยู่กันนะ?” (ฮิรากิ)

 

 แล้วฉันก็ส่งข้อความด้วยมือที่สั่นเทาของฉัน

 

 เพียงแค่ประโยคเดียว “ฉันอยากจะเจอเธอ”

 

————————————————————-

 

 

[มุมมองของ ยูกิโตะ]

 

ผมรู้สึกตื่นเต้นได้อย่างน่าประหลาดใจเลย

 

ผมก็รู้ว่าเกมแอคชั่นที่เดินไปด้านข้างแบบเก่านั้นมันช่างท้าทายมาก ไม่ว่าเกมที่ออกมาล่าสุดนั้นก็ดี แต่ว่าเกมเก่าเองนั้นก็ดีด้วยเหมือนกัน ความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเพื่อพยายามจะฆ่าผู้เล่นอย่างไร้เหตุผลนั้น ดูราวกับเป็นสิ่งที่พวกเขายอมรับไม่ได้ ก็เลยทำให้ผมเคลียร์เกมลงทั้งหมดไม่ได้ แต่ถ้าหากผมสามารถไปถึงฉากสุดท้ายได้โดยเหลือแค่เครดิตเดียว ผมก็คิดว่าผมน่ะทำได้ดีแล้ว งั้นมาตั้งเป้าหมายเพื่อที่จะแก้แค้นบอสใหญ่ในปีหน้าดีกว่า

 

มันอาจจะเป็นเพราะผมดูจะดื่มด่ำมากไปหน่อย เวลาก็เลยผ่านไปนานมากกว่าที่ผมได้คาดไว้ แล้วในทันใดนั้น ผมก็มองไปที่โทรศัพท์และได้เห็นข้อความที่ดูจะส่งมาและไม่ได้อ่านจากฮินากิ ซูซุริคาว่า ซึ่งก็นานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว มันเป็นข้อความเพียงประโยคเดียวสั้นๆที่ไม่มีคำอธิบายใดๆ

 

 ฮ่า ฮ่า เข้าใจล่ะ เธอคงส่งให้ผิดคนงั้นสินะ?

 

 มันน่าจะเป็นสิ่งที่ส่งให้กับแฟนของเธอ

 

ผมนั้นไม่มีรายชื่อเพื่อนในโทรศัพท์มากนัก ผมจึงไม่เคยได้ส่งข้อความผิดออกไป แต่ว่ามันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา พี่สาวของผมก็มักจะส่งข้อความหาผมอย่างไม่ได้ตั้งใจด้วยคำที่ดูแปลกๆ แต่มันคงจะน่าอายนะหากมีคนมาบอกชี้ให้เห็นความผิดพลาดเหล่านี้ และเธอก็คงจะรู้ตัวดีที่สุด ผมก็เลยพยายามที่จะทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่และปล่อยวางให้มันไป

 

ถ้าหากว่าเธอต้องมีเรื่องอะไรเกี่ยวที่ข้องกับผมจริงๆขึ้นมา เธอก็คงจะต้องเขียนอะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นเพื่อให้ชัดเจนในเรื่องนั้น ซึ่งมันก็มีแค่เฉพาะแฟนสาวเท่านั้นที่จะสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของเธอด้วยคำพูดง่ายๆว่า “ฉันอยากจะเจอเธอ” เมื่อกว่าชั่วโมงที่แล้ว และเธอเองก็คงจะรู้ตัวว่าได้ทำการส่งนี้พลาด แต่ก็เผื่อเอาไว้ก่อนผมนั้นก็เลยส่งข้อความไปหาเธอว่า “เธอกำลังบอกผิดคนนะ”

 

 ถึงกระนั้น มันก็ดูเหมือนว่าคู่รักนี้จะสนิทกันมากซะจนพวกเขาสามารถที่จะสื่อสารด้วยข้อความง่ายๆแบบนี้

 

 มันเทียบไม่ได้เลยกับแค่เพื่อนในสมัยเด็กคนนี้

 

———————————————–

 

 

“ผมขอคืนครับ” (ยูกิ)

 

“อะไรกัน ลูกไม่ชอบมันเหรอ?” (แม่)

 

“คือมันดูเจ๋งในแบบที่ออกนอกกรอบเกินไปไกลแล้ว!” (ยูกิ)

 

“อะไรกัน?” (แม่)

 

“โอ้ววว ผมมีความสุขมากเลย” (ยูกิ)

 

 ไม่มีที่ไหนในใจผมเลยที่มีความสุข

 

แม่กลับบ้านเร็วและตัดสินใจทำอะไรบางอย่างในวันคริสต์มาสที่บ้าน พวกเราไม่ได้มีต้นสนหรืออะไรเลย มันก็เลยเหลือแค่ทำดูพอเป็นพิธี แต่วันคริสต์มาสที่สามารถดึงดูดผู้คนให้เข้าถึงได้มากขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ?

 

พี่สาวของผมซึ่งก็ดูเหมือนกับจะเสียสติไปแล้ว ได้พูดบางอย่างที่ไม่เข้าใจออกมา เช่น “ฉันจะให้ของขวัญนาย” แต่นั่นไม่ใช่ของขวัญที่จะเอาไปขอคืนเป็นเงินกลับมาได้ ผมน่ะไม่ต้องการที่จะได้รับมันหรอกนะ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดูเหมือนแม่จะได้หันหลังกลับมามองที่ผมแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นในโลกนี้กันเนี่ย …..?

 

แล้วแม่ของผมก็ได้ให้เสื้อผ้ากับผมมา เป็นเสื้อผ้าที่แม่เคยซื้อให้ทั้งของเก่าและของใหม่ก็ยังมี แต่มันก็ทันดูสมัยมาก มันเลยเป็นเรื่องยากสำหรับคนตัวเล็กๆที่มืดมนอย่างผมจะไปสวมใส่มัน ผมไม่ได้กังวลกับเรื่องเสื้อผ้าเลยเพราะว่ายังไงผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แต่พอผมบอกเธอไปอย่างนั้น เธอก็มองผมมาด้วยสายตาที่เศร้ามาก ผมต้องขอโทษนะครับ

 

“แล้ววันนี้นายไปไหนมาน่ะ? นายถูกชวนไปงานปาร์ตี้คริสต์มาสหรือเปล่า?” (ยูริ)

 

“ผมไปอยู่ที่อาร์เขต และก็ได้สัมผัสกับเกมในยุคปี 80 น่ะ” (ยูกิ)

 

“แค่ตัวคนเดียว?” (ยูริ)

 

“อายุของผม ก็ = xปีที่ไม่มีแฟนนะ ผมไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับวันคริสต์มาสเลย” (ยูกิ)

 

“อืม.. งั้นก็ดีแล้ว ฉันจะเอาของขวัญมาให้” (ยูริ)

 

“ผมไม่ต้องการมันหรอก……” (ยูกิ)

 

“อะ-?” (ยูริ)

 

“ผมน่ะดีใจจนจะร้องไห้แล้ว” (ยูกิ)

 

“นายไม่เคยร้องไห้มาก่อนนะ” (ยูริ)

 

“ฟุฟุ บางครั้งก็ดีนะ ไอ้เรื่องแบบนี้น่ะ” (แม่)

 

 ผมก็ไม่รู้ว่าเธอดูจะมีความสุขเพราะอะไร แต่ดูเธอจะอารมณ์ดีล่ะ

 

 เธอตักเค้กทั้งก้อนเข้าปากแล้วก็เคี้ยวมัน

 

 แต่มันก็อีกครั้ง นี่แม่กับพี่สาวไม่มีใครไปไปด้วยในวันคริสต์มาสเหรอไงน่ะ?

 

 ผมน่ะหวังว่าพวกเขาจะได้มีวันคริสต์มาสที่มีความหมายมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องมีผม 

 

 คริสต์มาส เป็นเทศกาลที่ผมนั้นไม่เข้าใจเอาซะเลยจริงๆ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด