กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม 529 ยังอยากจะเก็บชีวิตนี้เอาไว้อยู่

Now you are reading กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม Chapter 529 ยังอยากจะเก็บชีวิตนี้เอาไว้อยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซูจ้านไม่ได้ร้องจบ ร้องต่อไปไม่ได้อีก เสียงแปร่งลำคอบีบตัวกันแน่น

ฉินยาเองก็กำลังพยายามอดทนอย่างสุดชีวิต ถ้าซูจ้านร้องจบจริงๆ คาดว่าเธอคงได้เดินออกไประหว่างทางแน่

เธอคีบผักให้จงเหยียนซี ถือโอกาสเงยหน้าขึ้นมองซูจ้านไปด้วย “เสียงร้องของคุณชายท่านนี้ไม่ค่อยจะเท่าไหร่เลย อีกอย่างเพลงรักที่เก่าขนาดนี้ ฟังแล้วมันช่างทำให้คนอื่นเขารู้สึกคลื่นเหียนเสียจริง ฉันว่านะ คนอย่างคุณ ไม่ได้ต่างไปจากการหลอกลวงเด็กสาวที่ไร้ประสบการณ์เลย จริงสิ คุณบอกว่าในใจของคุณมีคนอื่นอยู่ในใจแล้ว ฉันขอถามละลาบละล้วงสักหน่อยได้มั้ยว่าคุณหลอกเธอได้ยังไงเหรอ?”

ดวงตาของซูจ้านแดงก่ำออกมา ริมฝีปากกลับยังฉีกยิ้มออกมา “คุณเห็นผมหน้าตาเหมือนกับคนหลอกลวงเหรอครับ?”

ฉินยาหั่นสเต๊กMedium rareชิ้นหนึ่ง ใส่เข้าไปในปากแล้วเคี้ยวไป เพียงไม่นานก็รู้สึกขยะแขยงมากจนอยากจะอ้วกออกมา จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ขอโทษนะคะ”

เธอใช้ส้อมจิ้มลงไปที่สเต๊กที่อยู่ในจาน “คุณดูสิ สเต๊กชิ้นนี้ด้านนอกทอดจนมีกลิ่นหอมฟุ้งออกมา สีเองก็ดูดีมาก พอกินเข้าไปชิ้นนึง หลังจากที่เคี้ยวไปแล้วถึงจะพบว่าด้านในมันสุก และยังมีกลิ่นคาวเลือดแฝงมาด้วย มันช่างน่าขยะแขยงจริงๆเลย โดนรูปลักษณ์ภายนอกหลอกไปเสียหมดเลย”

เธอส่งชิ้นนึงไปตรงหน้าของซูจ้าน ถามออกไปด้วยรอยยิ้ม “คุณว่าผู้หญิงแบบไหนถึงจะชอบกินเนื้อแบบนี้กัน?”

ซูจ้านมองจ้องไม่พูดอะไร

“แมลงวัน? ก็คงจะใช่ล่ะมั้ง เพราะถึงยังไงแมลงวันก็เป็นแมลงจำพวกที่กินไม่เลือก ไม่ว่าจะอะไรก็กินไปหมด ฉันเผลอกินผิดไปครั้งเดียว จะไม่มีทางกินไปถึงครึ่งคำแน่ๆ ฉันกลัวว่าฉันจะถูกทำให้คลื่นไส้ตายไปอย่างนั้นเสียก่อน” เธอวางเนื้อลงไปบนจาน ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ฉันน่ะ ยังอยากจะเก็บชีวิตนี้เอาไว้อยู่ ชื่นชมความสวยงามบนโลกนี้อีกเยอะ”

“ในสายตาของคุณผมเป็นคนอย่างนั้น?” มือทั้งสองข้างของซูจ้านกำหมัดแน่น

เขาถูกทิ่มแทงมาจนเจ็บจริงๆ ถี่จนเหมือนกับว่ามีของแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงมาที่หัวใจของเขา เธอใช้คำว่าขยะแขยงมาบรรยายเขา?

ในใจของเธอ รังเกียจตนไปถึงขั้นนี้แล้วงั้นเหรอ?

เขาเคยเป็นคนเลวทรามมาก่อน แต่เขาก็ไม่เคยหลอกลวงเธอ เมื่อตอนนั้นที่แต่งงานกับเธอก็ทำไปด้วยความรู้สึกที่แท้จริง

“ฉันกำลังพูดถึงสเต๊กอยู่น่ะ จะไปหมายถึงคุณได้ยังไงกันล่ะ?” ฉินยาคีบผักให้จงเหยียนซี “รีบกินหน่อย พวกเรายังต้องไปซื้อหัวไชเท้าให้หม่ามี๊หนูที่ซูเปอร์อีกนะ เดี๋ยวดึกแล้วเขาจะปิดร้านไปเสีย”

จงเหยียนเฉินก้มหน้ากิน นี่เป็นสงครามของผู้ใหญ่ เขาพูดแทรกเข้าไปไม่ได้ ความสามารถมีจำกัด สิ่งที่ช่วยได้ก็ได้ช่วยไปแล้ว ตอนนี้ขอให้ตัวเองกินให้อิ่มท้องก่อน

จงจิ่งห้าวที่มีท่าทีเป็นคนนอกมาโดยตลอด มองดูการดำเนินไปของสถานการณ์ไปเงียบๆ ชัดเจนมาก ถึงแม้ว่ากระดาษจะยังไม่เจาะทะลุออกมา แต่ต่างคนต่างก็รู้ชัดในใจกันแล้ว

จนกระทั่งคำพูดประโยคนี้ของฉินยา มันจึงได้เรียกความสนใจของเขาขึ้นมา “พวกเธอจะทำอาหารอะไรกันเหรอ?”

หรือว่าหลินซินเหยียนอยากกินเมนูอะไรที่ทำมาจากหัวไชเท้างั้นเหรอ?

“เปล่า ก็แค่ภรรยาของคุณอยากกินหัวไชเท้าสีเขียว แบบที่ยังกรอบๆอยู่” ฉินยาเองก็ไร้กำลังที่จะวิพากษ์วิจารณ์ออกไปเหมือนกัน ทำไมจู่ๆถึงได้มีรสนิยมอย่างนี้ขึ้นมา

จงจิ่งห้าว “…”

“กินข้าวเสร็จ ฉันไปกับเธอด้วยแล้วกัน” ถึงแม้ว่ารสนิยมแบนี้มันจะพิเศษไปหน่อย แต่เมื่อเมียอยากกิน ก็จะต้องสนองให้

ฉินยาตอบตกลงออกมา ภรรยาของเขาเขาไม่ตามใจแล้วใครจะตามใจ?

ผู้ชายคนอื่นมาตามใจ เกรงว่าเขาคงไม่ยอมเหมือนกัน

ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเตียงของหลินซินเหยียนขึ้นมาได้ เงยหน้าขึ้นไป “ตอนที่คุณไปครั้งหน้า ช่วยอย่าทิ้งร่องรอยเอาไว้ได้หรือเปล่า?”

เขาทิ้งร่างรอยอะไรเอาไว้? ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าห้องนอนของหลินซินเหยียนไป แตะต้องข้าวของของเธอไป ก็วางกลับที่เดิมเลยทุกอย่าง…บลาๆ เดิมทีเขาอยากจะนั่งพักอยู่ตรงขอบเตียงสักพักนึง แต่หลังจากที่หย่อนตัวลงไปบนเตียงนั้นแล้ว ก็อยากนอนสักงีบขึ้นมาเป็นพิเศษ ตลอดช่วงนี้มาเขาไม่เคยได้พักผ่อนดีๆมาก่อนเลย พอได้นอนลงไป ด้านบนเหมือนกับยังคงหลงเหลือกลิ่นอายของเธอเอาไว้อยู่ หมอนที่เธอหนุนเพียงไม่นานมันก็สามารถนอนหลับไปอย่างสงบไปเลย

ระยะเวลาที่นอนไม่ได้นาน แต่ก็ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าได้อย่างมาก ถึงแม้ว่าจะมีเพียงแค่สองชั่วโมง จิตใจสงบกว่าคืนที่นอนพลิกตัวไปมาเยอะเลย

“เธอค้นพบแล้ว?” จงจิ่งห้าวเช็ดชีสที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าลูกสาวออก เงยหน้าขึ้นมองไปทางฉินยา

“อืม ฉันโกหกออกไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร” ฉินยาเอ่ยออกมา

“ครั้งหน้าฉันจะระวัง” เขาตัดสินใจแล้วว่าต่อจากนี้ไปตอนกลางวันตอนที่หลินซินเหยียนไม่อยู่ เขาจะไปนอน บนเตียงของเธอสามารถนอนหลับได้

ฉินยาดื่มน้ำไปคำนึง “คุณอยากจะทำอย่างนี้ไปนานแค่ไหน?”

“รออีกหน่อย คงจะใกล้แล้ว” สีหน้าและน้ำเสียงของจงจิ่งห้าวต่างก็เรียบนิ่งอย่างมาก ไม่อยากจะพูดถึงประเด็นนี้เท่าไหร่นัก

กวนจิ้งยังไม่ได้โทรหาเขา ก็หมายความว่าการพิจารณาคดีของเหวินชิงยังไม่มีการตัดสินออกมา

เพราะถึงยังไงสถานะของเหวินชิงมันยังอยู่ ยิ่งเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ก็ต้องรอให้เรื่องมันค่อยๆซาลงแล้วค่อยจัดการอีกที

ฉินยาที่เป็นส่วนเกินไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ บางทีตอนนี้คงจะไม่ใช่เวลาจริงๆนั่นแหละ

หลังจากกินข้าวเย็นกันแล้ว ซูจ้านที่ไม่ได้กินอะไรเลยเป็นคนยืนขึ้นมาก่อน ไม่มองใครทั้งนั้น ไม่ได้พูดอะไรออกมาเหมือนกัน เดินออกไปอย่างนั้น

สายตาของฉินยาส่องประกายออกมาเล็กน้อย เพียงไม่นานมันก็กลับมาสงบนิ่งดังเดิม เหมือนกับมองไม่เห็น ยิ้มพลางเข้าไปจูงมือของจงเหยียนเฉิน “พวกไปกันเถอะ”

แต่จงเหยียนเฉินกลับมองไปยังเงาร่างที่เดินออกไปเพียงลำพังของซูจ้านตาปริบๆ ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกว่าคุณอาซูน่าสงสารสุดไปเลย

เฮ้อ ความรู้สึกของผู้ใหญ่มันซับซ้อนจริงๆ โตขึ้นเขาจะไม่มีความรักเด็ดขาดเลย

เขาเงยหน้าขึ้นไปมองฉินยา สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแค่กุมมือเธอกลับไปแน่น “คุณน้าเยี่ยนเยี่ยนไม่ได้ตัวคนเดียวนะ ยังมีผมอยู่นะ”

ฉินยาหันกลับมา หยิกแก้มเขาไป เด็กหน้าเหม็นคนนี้วันนี้ชักจะอบอุ่นเกินไปแล้ว ทำให้หัวใจที่เยือกเย็นไปแล้วของเธออบอุ่นขึ้นมา

“อย่าพูดคำพูดที่เจ็บช้ำใจออกมาอีก ทำไมถึงหมือนกับหม่ามี๊ไม่ผิดเลย เหมือนกับนัดกันมา ไม่เสียแรงที่ลูกชายของเธอ”

ฉินยาแสร้งทำเป็นดุออกมา กลัวว่าตัวเองอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

ออกจากร้านอาหารมา ฉินยาก็ปล่อยมือจงเหยียนเฉินออก มองไปทางจงจิ่งห้าวที่กำลังอุ้มจงเหยียนซีอยู่ “คุณพาพวกเขาทั้งสองคนไปซูเปอร์มาร์เก็ตเถอะ ฉันจะรอพวกคุณอยู่ที่ประตูทางเข้าหมู่บ้าน อย่านานไปล่ะ ฉันกลัวว่าภรรยาของคุณจะหิวเอาได้”

ตอนนี้เธออยากอยู่เงียบๆคนเดียวสักพัก

จงจิ่งห้าวส่งเสียงอืมออกมาเบาๆแล้วอุ้มจงเหยียนซีเดินไปที่รถ

จงเหยียนเฉินรู้ความอย่างมาก รู้ว่าฉินยาอารมณ์ไม่ดี จึงเอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วง “งั้นน้าขับรถคนเดียวก็ขับช้าๆหน่อยนะครับ”

ฉินยาย่อตัวนั่งลงกุมแก้มทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ จูบลงไปบนหน้าผากของเขา พลางเอ่ยออกมาว่า “ฉันจะถึงบ้านอย่างปลอดภัย”

จงเหยียนเฉินฉีกยิ้มออกมา พลางโบกมือให้เธอ จากนั้นก็วิ่งไปที่รถ จงจิ่งห้าวคาดเข็มขัดนิรภัยให้ลูกสาว เขาขึ้นรถจากอีกด้านนึง แล้วคาดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง

เขามองน้องสาวไปแวบนึง ในใจคิดว่านี่ถ้าถูกคนอื่นเห็นเข้า จะต้องคิดว่าเขาเป็นเด็กที่เก็บมาไม่ใช่ลูกแท้ๆอย่างแน่นอน

จะลำเอียงเกินไปแล้ว ในสายตามีแค่ลูกสาว

จงจิ่งห้าวเงยหน้าขึ้นมา สบเข้ากับสายตาของเขาพอดี ทั้งสองคนสบตากัน จงเหยียนเฉินเป็นคนเบือนหน้าออกไปก่อน

“มีของที่อยากได้หรือเปล่า?” จงจิ่งห้าวถาม

ลูกชายกับลูกสาวไม่เหมือนกัน จงเหยียนเฉินมีความเป็นผู้ใหญ่เกินไป ทั้งยังไม่ชอบออดอ้อน จึงไม่สามารถโอ๋ได้อย่างลูกสาว

เขาใช้หัวใจแบบเดียวกันไปรักพวกเขา แต่วิธีแสดงออกจะต่างกัน

จงเหยียนเฉินมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง “ผมอยากได้บ้าน แด๊ดดี้จะให้ผมหรือเปล่า?”

“ได้สิ” เขาพูดออกมาอย่างเด็ดขาด

“หวังว่าเจ้าตัวน้อยคลอดออกมา แด๊ดดี้จะสามารถจัดการได้อย่างเรียบร้อย ตอนที่หม่ามี๊คลอดผมกับน้องแด๊ดดี้ก็ไม่ได้อยู่ข้างๆหม่ามี๊ ครั้งนี้ ผมหวังว่าแด๊ดดี้อยู่ต้อนรับเขาด้วยกันกับพวกเรา”

จงเหยียนเฉินเบือนศีรษะออกไปอย่างซึนๆ ไม่ได้หันหน้ากลับมา

แสงจันทร์อ่อนโยน ลำแสงทอดยาว

หนังตาที่เลิกขึ้นของจงจิ่งห้าวกระตุกออกมาเล็กน้อย มองลูกชายอยู่นาน สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เปิดประตูรถขึ้นรถไป

เขารู้ว่าความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีอะไรที่มากมายไปกว่าบ้านที่ให้ความมั่นคงและความอบอุ่นสบายใจให้กับพวกเขา

ให้เวลาเขาอีกสักหน่อย

เขาอยากให้วันนั้นจะมาถึงโดยเร็ว

เพราะว่าซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไปเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ในละแวกหมู่บ้าน จงเหยียนเฉินกับจงเหยียนซีมักจะตามหลินซินเหยียนกับฉินยามาซื้อของอยู่เป็นประจำ คุ้นเคยกับที่นี่ดี รู้ว่าชั้นไหนที่ขายผักผลไม้ ชั้นไหนที่ขายเสื้อผ้าและรองเท้า ชั้นไหนที่ขายของใช้ในชีวิตประจำวัน ชั้นไหนที่ขายของกินอร่อยๆ

จงเหยียนเฉินนำทาง เพียงไม่นานพวกเขาก็เจอโซนผัก ดีที่ผักผลไม้ในตอนนี้โดยทั่วไปแล้วไม่ได้แบ่งตามฤดูกาล เพียงแค่ราคาไม่เท่ากันเท่านั้น

ตรงกันข้ามกับผักตามฤดูกาลที่จะราคาถูก ต่างก็จะถูกวางในจุดที่สะดุดตาเป็นจำนวนมาก จำนวนของนอกฤดูกาลอย่างนี้ไม่ได้เยอะมากขนาดนั้น ราคาก็ยังแพง จุดที่วางก็ไม่ได้สะดุดตามากนัก

พวกเขาเดินอยู่หลายรอบกว่าจะเจอหัวไชเท้าสีเขียวที่ห่อสำเร็จวางอยู่ข้างๆจุดที่มีผักกาดหอมวางอยู่ ใบไม่มีแล้ว เห็นแล้วไม่ได้สดอะไรมาก

เหมือนกับว่าวางมานานแล้ว ไม่มีคนซื้อ เพราะถึงยังไงหัวไชเท้านั้นจะเข้าตลาดจำนวนมากตอนฤดูหนาว และจะถูกมาก ราคานอกฤดูกาลจะเพิ่มขึ้น ทุกคนจะคิดว่ามันไม่คุ้ม ก็เลยจะไม่เลือกมันกัน ด้วยเหตุนี้เองจึงขายไม่ดี

จงจิ่งห้าวมองไปอย่างหงิกงอ ของอย่างนี้ให้ภรรยากินได้เหรอ?

“ซื้อสักหัวเถอะ” จงเหยียนเฉินเลือกหัวที่ดีที่สุดที่อยู่ด้านในนี้ ไหนๆก็มาแล้ว จะให้กลับไปมือเปล่าไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นไม่แน่ว่าหม่ามี๊กินไปครั้งนึง ครั้งต่อไปจะไม่กินอีก

ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ต้องทำอย่างนี้

เหมือนกับแจ้นมาถึงซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ขนาดนี้เพื่อมาซื้อหัวไชเท้าหัวนึง มันจะแปลกมาก ดังนั้นแล้วจงจิ่งห้าวจึงถามพวกเขาว่าอยากได้อะไรหรือเปล่า

แน่นอนว่าจงเหยียนซีไม่เกรงใจอยู่แล้ว ไปยังจุดที่ขายของกินตรงชั้นสาม กวาดเอาของมาเต็มรถเข็น จงเหยียนเฉินเอาทรานซ์ฟอร์มเมอร์รุ่นใหม่มาอันนึง

ตรงเคาน์เตอร์จ่ายตังค์คนเยอะมาก คนจำนวนไม่น้อยล้วนแล้วแต่จะเป็นคนที่มาซูเปอร์มาร์เก็ตตอนดึกกันทั้งนั้น

จงเหยียนซีรอจนร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย กระสับกระส่ายอยู่ไม่สุข

เมื่อมาถึงคิวของพวกเขาแล้วจงจิ่งห้าวก็เอาของวางไปบนเคาน์เตอร์ พนักงานแคชเชียร์แสกนไปทีละอย่างๆไป เขาหยิบไปเร็วมาก ตอนที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติก็ได้หยิบมาอยู่ในมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เขาหันหน้ากลับไปมองลูกชายกับลูกสาว

หลังจากที่จงเหยียนเฉินมองไปแล้ว ก็หันหน้ามา

ไม่ใช่ของที่เขาวางไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด