จารใจรัก 64-2 โรคระบาดในหลินอัน

Now you are reading จารใจรัก Chapter 64-2 โรคระบาดในหลินอัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อทั้งสองเดินออกไปไกลแล้ว เซี่ยฟางหวาก็เรียกซื่อฮว่ามาสั่งงาน “ไปตรวจสอบดูว่าหลินอันผิดปกติจริงหรือไม่ มีเค้าลางว่าเกิดโรคห่าระบาดหรือไม่ นอกจากนี้ไปตรวจดูสถานการณ์ข้างกายฝ่าบาทด้วย” 

 

 

           “เจ้าค่ะ” ซื่อฮว่ารีบออกไป 

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องส่งฮองเฮาเสด็จกลับแล้วก็มาที่เรือนลั่วเหมยอีกครั้ง 

 

 

           เซี่ยฟางหวาลบแป้งบนใบหน้าออกแล้ว กำลังนั่งจัดกระถางต้นเชียนเค่อไหลอยู่ในห้องรับรอง 

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องพินิจมองนางแล้วก็โล่งอก “เมื่อครู่ตอนเห็นเจ้าข้ายังตกใจตาม” หยุดชั่วครู่แล้วลดเสียงเบาลง “เจ้าว่าเรื่องนี้เป็นข่าวปลอมที่สายลับราชสำนักปล่อยออกมาหรือไม่ เพื่อจงใจสร้างแผนลวง” 

 

 

           “ยังไม่แน่ชัด ข้าให้คนไปสืบข่าวดูแล้ว” เซี่ยฟางหวาส่ายหน้า 

 

 

           “ไม่ให้หยุดพักสักวันเดียวเลยจริงๆ” พระชายาอิงชินอ๋องนวดคลึงหว่างคิ้ว 

 

 

           เซี่ยฟางหวาเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด 

 

 

           “ก่อนเจิงเอ๋อร์ออกไปได้บอกว่าหรือไม่ว่าจะกลับมาเมื่อไร” พระชายาอิงชินอ๋องถาม 

 

 

           “บอกว่าจะกลับตอนเย็น” เซี่ยฟางหวาตอบ 

 

 

           “หลังอุทกภัยใหญ่ผ่านไป หากจัดการไม่ดีต้องก่อให้เกิดโรคห่าระบาดเป็นแน่ หากเกิดขึ้นจริงๆ สำหรับเมืองหลวงหนานฉินในตอนนี้ถือเป็นเรื่องผีซ้ำด้ำพลอย หวังว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ความจริง มิฉะนั้นคงเกี่ยวพันกับอีกหลายชีวิต” พระชายาอิงชินอ๋องกล่าว 

 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้าแล้วกล่าวเสียงเบา “เหยียนเฉินเดินทางไปพร้อมท่านพี่ด้วย หากท่านพี่ติดอยู่ที่หลินอัน เขาก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย ท่านแม่วางใจเถิด มีเหยียนเฉินอยู่ด้วย ถึงแม้เกิดโรคระบาดขึ้นที่หลินอันก็ย่อมควบคุมได้แน่นอน” 

 

 

           “จริงด้วย ข้าลืมคุณชายเหยียนเฉินไปเสียสนิท” พระชายาอิงชินอ๋องดีใจ ทว่าก็กลับมากังวลอีกครั้ง “ฟังว่าเขามีฐานะเป็นพระมาตุลาแห่งเป่ยฉี เป็นน้องชายแท้ๆ ของอวี้กุ้ยเฟย เป็นทายาทตระกูลอวี้ ฐานะนี้…หากว่า…” 

 

 

           “ถึงแม้เขาเป็นคนตระกูลอวี้แห่งเป่ยฉี เป็นพระมาตุลา แต่ก็ไม่ได้เห็นชีวิตคนอื่นเป็นผักปลา ไม่ยอมมองดูโรคห่าระบาดโดยไม่ช่วยเหลือแน่นอน ในเมื่อข้าให้เขาเดินทางไปพร้อมท่านพี่ด้วย เขาก็เป็นคนที่ข้าไว้เนื้อเชื่อใจ” เซี่ยฟางหวาส่ายหน้ายืนยัน  

 

 

           “เป็นคนที่เจ้าไว้เนื้อเชื่อใจก็ดี เช่นนี้ข้าเองก็เบาใจลงแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงเหลียนเอ๋อร์มากเกินไป”  

 

 

พระชายาอิงชินอ๋องพยักหน้า  

 

 

           “ในเมื่อฉินเจิงให้ท่านพี่พาน้องไป เขาย่อมดูแลนางอย่างดีแน่นอน ท่านวางใจเถิด” เซี่ยฟางหวาบอก 

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องผงกศีรษะ 

 

 

           ทั้งสองพูดคุยเรื่อยเปื่อยพักหนึ่ง ซื่อฮว่าก็เดินเข้ามา มองพระชายาอิงชินอ๋องก่อนแวบหนึ่ง 

 

 

           “ท่านแม่ไม่ใช่คนอื่น สืบข่าวได้ความว่าอย่างไร บอกมาเถอะ” เซี่ยฟางหวายกมือสั่ง 

 

 

           “เรียนคุณหนู เกี่ยวกับสถานการณ์ที่หลินอัน ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวใดเจ้าค่ะ แต่สืบข่าวสถานการณ์ในเมืองหลวงมาได้บ้าง ก่อนที่ฝ่าบาททรงส่งคนมาเรียกท่านเข้าวังหลวง ทรงได้รับรายงานด่วนจากสายลับราชสำนักจริง ต่อมาพอท่านมิได้เข้าวัง หลังจากอู๋กงกงกลับไปทูลรายงานต่อฝ่าบาท พระองค์ก็ทรงส่งคนไปตามฮองเฮามา ตรงกับที่ฮองเฮาตรัสทุกประการเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่ารายงาน 

 

 

           “ยังมีอีกหรือไม่” เซี่ยฟางหวาพยักหน้า 

 

 

           ซื่อฮว่าพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ไม่นานอวี้เชียนอ๋องเพิ่งเข้าวังหลวง ตอนนี้กำลังเข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่เจ้าค่ะ” 

 

 

           “อวี้เชียนอ๋อง?” พระชายาอิงชินอ๋องสมทบ “เขาไม่ใช่ว่ากำลังตามหาหลานชายอยู่หรือ ไฉนถึงเข้าวังหลวงไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทได้ เข้าเฝ้าด้วยเรื่องใด สืบความได้หรือไม่” 

 

 

           “อวี้เชียนอ๋องกับฝ่าบาทสนทนากันลับๆ ในวัง ไล่บ่าวรับใช้ออกมาทั้งหมดเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าส่ายหน้า 

 

 

           “ตอนนี้ยังหาลูกชายของฉินอี้ไม่พบ สถานที่สุดท้ายไม่ชัดเจน ฟังว่าหลังเกิดเรื่อง จวนอวี้เชียนอ๋องก็ทำการค้นหาตลอดมา” พระชายาอิงชินอ๋องบอก “ตั้งแต่เกิดคดีต่อเนื่องทั้งในและนอกเมืองหลวงอย่างคดีค่ายใหญ่เขาตะวันตก หมอหลวงซุนถูกสังหาร ใต้เท้าหานถูกสังหาร คดีอารามลี่อวิ๋น คดีองค์หญิงใหญ่ถูกลอบทำร้าย เรื่องนี้กลับถูกมองข้ามไปแล้ว” พระชายาอิงชินอ๋องกล่าว “ตอนนี้เขาเข้าวังหลวง ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องใด” 

 

 

           “เจ้าลองไปตรวจสอบสถานการณ์พักนี้ของจวนอวี้เชียนอ๋องดู” เซี่ยฟางหวาไตร่ตรองพักหนึ่งก็สั่งงานซื่อฮว่า 

 

 

           ซื่อฮว่าขานรับแล้วเดินออกไป 

 

 

           “ตั้งแต่พระชายาอวี้เชียนอ๋องเข้าเมืองมา และมาขอร้องข้าที่จวนอิงชินอ๋อง ข้าก็ไม่ได้พบนางอีกเลย” พระชายาอิงชินอ๋องครุ่นคิดแล้วกล่าวขึ้น “ตอนนี้ยังมีเวลาอยู่ ข้าไปเยี่ยมนางที่จวนอวี้เชียนอ๋องสักหน่อยดีกว่า” 

 

 

           “ท่านแม่คิดเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน แม้เราให้การช่วยเหลือ แต่ไม่ได้ช่วยตามหาเด็กจนพบ ถึงไปเยี่ยมก็เป็นเรื่องปกติ” เซี่ยฟางหวายิ้มพลางพยักหน้า 

 

 

           “เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนก่อน ข้าจะไปจวนอวี้เชียนอ๋องสักครู่” พระชายาอิงชินอ๋องลุกขึ้น เอ่ยทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป 

 

 

           หลังพระชายาอิงชินอ๋องออกไปแล้ว เซี่ยฟางหวาก็กลับเข้าห้อง เอนตัวนอนบนตั่งตัวนิ่มอย่างเกียจคร้าน หลับตาพักผ่อนต่อจากเมื่อครู่ 

 

 

           ไม่นานซื่อฮว่าก็กลับมารายงานต่อเซี่ยฟางหวา “คุณหนู ระยะนี้จวนอวี้เชียนอ๋องตามหาตัวเด็กไปทั่วตลอดเวลา กำลังคนที่จวนอวี้เชียนอ๋องนำมาที่เมืองด้วยต่างเคลื่อนไหวทั้งหมด นอกจากเข้าวังไปขอร้องฝ่าบาท ยังร้องขอความช่วยเหลือจากตระกูลทั่วไปมากมาย จวนอิงชินอ๋องกับจวนจงหย่งโหวของเราก็เป็นส่วนหนึ่ง พวกเขายังขอร้องจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายและขวา จวนหย่งคังโหว และจวนใหญ่ที่มีการไปมาหาสู่กับ 

 

 

อวี้เชียนอ๋องด้วย หลายจวนต่างช่วยตามหาตัวเด็กไม่มากก็น้อยตลอดหลายวันนี้” 

 

 

           “เจ้าว่าเด็กคนนี้หายตัวไปถูกจังหวะหรือไม่” เซี่ยฟางหวาพลันหรี่ตาลง เอ่ยถามซื่อฮว่า  

 

 

           “คุณหนูหมายความว่าอย่างไร” ซื่อฮว่ามึนงง 

 

 

           “ข้าหมายความว่า หลังเด็กคนนี้หายตัวไป ทั้งในและนอกเมืองหลวงต่างเกิดคดีต่อเนื่องกัน เพราะเด็กคนนี้หายไป นอกจากวังหลวง จวนอิงชินอ๋อง จวนจงหย่งโหว ยังมีจวนใหญ่ในเมืองต่างช่วยกันส่งกำลังคนออกตามหาไม่มากก็น้อย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็อธิบายได้ว่า ทุกฝ่ายที่มีอำนาจทั้งในและนอกเมืองหลวงต่างมีการเคลื่อนไหวพร้อมกัน ทำให้การปิดคดีครั้งนี้ค่อนข้างยาก ไม่พบเบาะแสใดให้สาวไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังเลย”  

 

 

เซี่ยฟางหวาตอบ 

 

 

           “คล้ายเป็นเช่นนี้ คุณหนู หากท่านไม่พูด บ่าวก็คงมองไม่ออก” ซื่อฮว่ากระจ่างแจ้ง 

 

 

           เซี่ยฟางหวามีสีหน้านิ่งขรึมเล็กน้อย “หากเมื่อครู่ไม่ได้ให้เจ้าไปสืบดูการเคลื่อนไหวในวังหลวงพอดี ประจวบเหมาะที่อวี้เชียนอ๋องเข้าวัง ข้าก็แทบลืมจวนอวี้เชียนอ๋องไปแล้ว เบื้องหน้าเนื่องจากจวนอวี้เชียนอ๋องสูญเสียทายาทไปซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ทุกฝ่ายต่างตามหาตัวเด็กคนนี้ เรื่องใหญ่เช่นนี้ทำให้เกิดหมอกควันลอยเป็นเกลียวขึ้นไป ทำให้หลายคนคิดว่าจวนอวี้เชียนอ๋องยังเอาตัวเองไม่รอดในบางเรื่อง คงไร้อำนาจร่วมผสมโรง ควรวางตัวอยู่นอกสถานการณ์ ทว่าดัน…” 

 

 

           “คุณหนู ท่านจะบอกว่าการเคลื่อนไหวในเมืองหลวงระยะนี้ มีจวนอวี้เชียนอ๋องวางแผนอยู่เบื้องหลังหรือ” ซื่อฮว่ากระซิบเสียงเบา 

 

 

           “ถ้าไม่ได้วางแผนลับก็คงคอยผสมโรง” สายตาของเซี่ยฟางหวาเยือกเย็นลง “เจ้าไปหาอวี้จั๋ว บอกเขาไปหาฉินเจิง รายงานเรื่องนี้ให้ฉินเจิงทราบ เรื่องภายในวังหลวง ถึงแม้ปิดประตูคุยกันทำให้พวกเราสืบความไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉินเจิงสืบไม่ได้ อย่างไรเขาก็โตมาในวังหลวง” 

 

 

           “บ่าวจะไปประเดี๋ยวนี้” ซื่อฮว่าได้ยินเช่นนั้นก็รีบเดินออกไป 

 

 

           ไม่นานอวี้จั๋วก็ออกจากเรือนลั่วเหมย 

 

 

           เซี่ยฟางหวาพักสายตาอีกพักหนึ่งก่อนตะโกนเรียกขึ้น “ซื่อม่อ” 

 

 

           “คุณหนู” ซื่อม่อขานรับแล้วเดินเข้ามา 

 

 

           “เจ้าไปสืบดูว่าพักนี้หลี่มู่ชิงทำอะไรอยู่” เซี่ยฟางหวาสั่งงาน 

 

 

           “เจ้าค่ะ” ซื่อม่อกลับออกไป 

 

 

           พักใหญ่ต่อมาซื่อม่อก็กลับมารายงาน “คุณหนู ตั้งแต่กลับจากค่ายใหญ่เขาตะวันตกวันนั้น คุณชายหลี่แห่งจวนเสนาบดีฝ่ายขวากับท่านอ๋องน้อยไปยังจวนหมอหลวงซุนและกรมอาญาด้วยกัน ต่อมาท่านก็ออกจากเมืองด้วยเรื่องท่านหญิงจินเยี่ยนและท่านหญิงน้อยเยี่ยน จากนั้นพอทราบว่าเกิดเรื่องขึ้นกับท่าน ท่านอ๋องน้อยก็ฝากงานในมือทั้งหมดให้คุณชายหลี่ หลายวันนี้คุณชายหลี่มิได้อยู่เฉย หากแต่ตรวจสอบคดีเหล่านี้อยู่ ทว่าคล้ายกับไม่มีความคืบหน้าเลย วันนี้ท่านอ๋องน้อยอยู่ที่กรมอาญา เขาอยู่ที่ศาลต้าหลี่เจ้าค่ะ” 

 

 

           “หลี่หรูปี้เล่า” เซี่ยฟางหวาถามอีก 

 

 

           “ตั้งแต่คุณหนูหลี่ออกจากวังก็เก็บตัวอยู่ในจวน ไม่ออกมาพบปะผู้คน อยู่สวดมนต์กับฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวาเจ้าค่ะ” ซื่อม่อตอบ 

 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้าก่อนยกมือไล่นาง 

 

 

           ซื่อม่อเดินออกไป 

 

 

           ครึ่งชั่วยามถัดมาอวี้จั๋วก็กลับมารายงานขึ้นที่นอกหน้าต่างเสียงเบา “พี่สะใภ้ ข้าไปหาท่านพี่แล้ว เขาบอกว่าทราบแล้ว และบอกให้ท่านรักษาตัวให้ดี อย่าเป็นกังวล” 

 

 

           เซี่ยฟางหวาตอบ “อืม” แล้วถามต่อ “เท่านี้หรือ ไม่ได้บอกอย่างอื่นแล้ว” 

 

 

           “เขากำลังยุ่ง หลังฟังจบก็เพียงพยักหน้าแล้วบอกว่าทราบแล้ว ไม่ได้บอกสิ่งใดอีก” อวี้จั๋วเกาศีรษะ  

 

 

           เซี่ยฟางหวาไม่ส่งเสียงใดอีก 

 

 

           อวี้จั๋วผละตัวออกจากนอกหน้าต่าง กลับไปทำงานของตัวเอง 

 

 

           เวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม พระชายาอิงชินอ๋องก็กลับมาแล้วตรงมายังเรือนลั่วเหมยด้วยความรีบร้อน เมื่อเห็นเซี่ยฟางหวาก็กล่าวด้วยสีหน้าย่ำแย่มาก “พระชายาอวี้เชียนอ๋องผิดปกติ หลานชายหายตัวไปยังหาไม่พบ คนเป็นย่าก็ควรกินอาหารไม่ลง ผอมซูบลงทุกวันไม่ใช่หรือ ยังมีกระจิตกระใจมาเรียนจัดดอกไม้อีกรึ ตอนข้าไปถึงประจวบเหมาะกับที่พระชายาอวี้เชียนอ๋องกำลังเรียนจัดดอกไม้พอดี ดูสบายใจไร้กังวลเช่นนี้ หากไม่ใช่ว่าหลานชายหายไปแล้วนางเลือดเย็นไร้หัวใจ เช่นนั้นเรื่องที่เด็กหายตัวไปก็เป็นเรื่องโกหก เดิมทีเด็กไม่ได้หายตัวไป ไม่รู้ว่าวางแผนใดลับหลังกันแน่” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด