จารใจรัก 66-1 ถึงตายก็ไม่แต่ง

Now you are reading จารใจรัก Chapter 66-1 ถึงตายก็ไม่แต่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ข้าไม่ยอม!” ฉินเจิงเห็นเซี่ยฟางหวาออกจากห้อง ม่านมุกไหวส่งเสียงแผ่วเบาเมื่อนางเดินผ่าน เขาตะโกนเสียงดัง 

 

 

           เซี่ยฟางหวาแสร้งไม่ได้ยิน ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เมื่อออกมาข้างนอกแล้วก็ตะโกนเรียก “ซื่อฮว่า!” 

 

 

           “คุณหนู” ซื่อฮว่าขานรับพร้อมปรากฏตัวขึ้น 

 

 

           “เตรียมพร้อมแล้วหรือยัง” เซี่ยฟางหวาถาม 

 

 

           ซื่อฮว่ามองเข้าไปข้างในแวบหนึ่งก่อนพยักหน้าเชื่องช้า 

 

 

           “ในเมื่อพร้อมแล้วก็ออกเดินทางประเดี๋ยวนี้” เซี่ยฟางหวาพูดพลางก็ข้ามธรณีประตูออกไป 

 

 

           “คุณหนู ท่านกับท่านอ๋องน้อย…” ซื่อฮว่าเดินตามนาง เอ่ยถามเสียงเบาอย่างลังเล 

 

 

           นางได้ยินเหตุการณ์ในห้องเมื่อครู่อยู่บ้าง 

 

 

           “เขาจะมอบหนังสือหย่าให้ข้า” น้ำเสียงของเซี่ยฟางหวาติดเย็นชา “ต่อไปเราไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว เว้นเสียแต่เหตุการณ์จำเป็น ห้ามเอ่ยถึงเขาต่อหน้าข้าโดยเด็ดขาด” 

 

 

           “คุณหนู” ซื่อฮว่าสีหน้าเปลี่ยนไป หลุดอุทานด้วยความตกใจ 

 

 

           เซี่ยฟางหวาไม่เอื้อนเอ่ยคำใดอีกราวกับไม่อยากเหลือเยื่อใยแม้แต่น้อย เร่งฝีเท้าออกจากเรือนลั่วเหมย 

 

 

           “เซี่ยฟางหวา เจ้าหยุดประเดี๋ยวนี้!” เมื่อนางเดินมาถึงทางเข้าเรือนลั่วเหมย ฉินเจิงก็ตะโกนขึ้นอีก น้ำเสียงเจือความเสียใจอย่างยิ่ง  

 

 

           เซี่ยฟางหวาหันกลับไปมองก่อนตวัดฝ่ามือแผ่วเบา หมอกสีทะมึนลอยเข้าไปในห้องผ่านทางหน้าต่าง 

 

 

           เสียงของฉินเจิงอื้ออึงอยู่ในลำคอ เอ่ยคำใดไม่ออกอีกแล้ว เขาดิ้นรนสุดความสามารถ แต่ไม่ว่าออกแรงอย่างไร วิทยายุทธ์ที่มีก็ไม่อาจทำลายมันได้ ควันสีทะมึนกลุ่มนั้นมัดตัวเขาจนขยับเขยื้อนมิได้ 

 

 

           เขาลนลานจนนัยน์ตาแดงก่ำ ไฟโทสะแล่นโจมตีหัวใจ ร่างกายล้มลงกับพื้นดัง ตึง! 

 

 

           ร่างเขาชนกับโต๊ะเก้าอี้พอดี โต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาดตามแรงชน เกิดเสียงดังสนั่นลั่น 

 

 

           “คุณหนู ท่านอ๋องน้อยเขา…” ซื่อฮว่าสะดุ้งโหยง รีบเอ่ยขึ้น  

 

 

           เซี่ยฟางหวามีสีหน้าเรียบเฉย หันหลังเดินออกจากเรือนลั่วเหมย 

 

 

           ซื่อฮว่ายังอยากพูดต่อ ทว่าเห็นเซี่ยฟางหวาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว นางหันกลับไปมองพวกซื่อม่อที่ตามหลังมา ซื่อม่อส่ายหน้าให้นาง สื่อว่าให้เชื่อฟังคุณหนู นางจึงได้แต่เงียบลงแล้วเดินตามเซี่ยฟางหวาออกจากเรือนลั่วเหมย 

 

 

           อวี้จั๋วกับหลินชีได้ยินเสียงก็วิ่งออกมา เห็นหลังไวๆ ของเซี่ยฟางหวาที่เดินออกไป ทั้งสองมองหน้ากัน รับรู้ได้ถึงความผิดปกติจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้อง 

 

 

           เมื่อมาถึงห้องกลางก็พบโต๊ะล้มระเนระนาด ฉินเจิงสลบอยู่บนพื้น 

 

 

           ทั้งสองรีบรุดหน้าเข้าไป คนหนึ่งเรียก “ท่านพี่” คนหนึ่งเรียก “ท่านอ๋องน้อย” ทว่าเรียกเท่าไรก็ไม่มีการตอบสนอง 

 

 

           “เจ้าเฝ้าท่านพี่ไว้ก่อน ข้าจะไปตามพี่สะใภ้” อวี้จั๋วสั่งงานหลินชีแล้วรีบวิ่งออกไป 

 

 

           เขาวิ่งออกจากเรือนลั่วเหมยไปยังหน้าประตูจวน ตามมาหาเซี่ยฟางหวาที่กำลังขึ้นม้าทัน วิ่งกระหืดกระหอบไปขวางทาง “พี่สะใภ้ ท่านพี่ล้มลงไปกับพื้น สลบไม่ได้สติ พวก…พวกท่าน…” 

 

 

           “เขาแค่หมดสติไปชั่วคราว ไม่น่าร้ายแรงนัก ถ้าเจ้าไม่สบายใจก็ไปตามหมอหลวงมาตรวจดูได้” เซี่ยฟางหวามองเขาพร้อมกล่าวเสียงเรียบ 

 

 

           “พี่สะใภ้ แล้วท่าน…ท่านจะไปไหน” อวี้จั๋วแม้อายุน้อย แต่ก็สัมผัสได้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่ปกติ 

 

 

           “ข้าจะไปเมืองหลินอัน” เซี่ยฟางหวาพลิกกายขึ้นม้า นั่งหลังตรงสง่า กวาดตามองประตูใหญ่สีแดงเข้มของจวนอิงชินอ๋องและป้ายเดินทอง จากนั้นก็กล่าวกับเขา “ในเมื่อเจ้ามาแล้วก็ช่วยไปบอกพระชายาแทนข้าด้วยว่า ข้ากับฉินเจิงมีความรักลึกซึ้งทว่าวาสนาน้อย ได้เป็นลูกสะใภ้ของนางไม่กี่วัน ถือว่าเป็นบุญวาสนาที่ข้าได้สะสมมาหลายชาติ พระราชโองการหย่าร้างของฝ่าบาทน่าจะใกล้มาถึงจวนอิงชินอ๋องแล้ว เมื่อมีการเผยแพร่พระราชโองการ ขออย่าให้พระชายาขัดขวาง ข้าตัดสินใจดีแล้ว” 

 

 

           “หย่า…หย่าร้าง” อวี้จั๋วตกใจจนหน้าซัดทันที 

 

 

           เซี่ยฟางหวาไม่พูดมากความ หนีบขาสองข้างเข้ากับท้องม้า ม้าใต้ร่างยกเท้าทั้งสี่มุ่งหน้าออกจากหน้าจวนอิงชินอ๋องทันที 

 

 

           พวกซื่อฮว่า ซื่อม่อ ผิ่นจู๋ ผิ่นเซวียนแปดคนขี่ม้าตามนางออกไป 

 

 

           เสียงกีบเท้าม้าดังต่อเนื่องตลอดถนนทั้งสาย ยิ่งเป็นช่วงกลางคืนยิ่งกังวานมาก 

 

 

           “พี่สะใภ้!” อวี้จั๋วตะโกนเรียกไล่หลัง ทว่าเซี่ยฟางหวาไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เพียงชั่วพริบตาก็ไปจากถนนเส้นนี้ เสียงกีบเท้าม้ามุ่งไปยังประตูเมืองและยิ่งไกลออกไป เขาทำอะไรไม่ถูกชั่วขณะ ตั้งสติได้แล้วก็คว้าตัวคนเฝ้าประตูมาตะโกนบอกด้วยความลนลาน “รีบไปตามหมอหลวงมา” 

 

 

           คนผู้นั้นก็ทราบว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจึงรีบพยักหน้า ก่อนวิ่งไปยังสำนักหมอหลวง 

 

 

           อวี้จั๋ววิ่งแจ้นไปยังเรือนหลัก 

 

 

           เหตุการณ์เซี่ยฟางหวาออกจากเรือนลั่วเหมยมุ่งไปยังหน้าประตูจวนอิงชินอ๋อง อิงชินอ๋องกับพระชายาที่อยู่เรือนหลักย่อมทราบข่าวแล้ว ทั้งคู่ที่เตรียมตัวพักผ่อนพลันลุกขึ้นออกมานอกห้อง 

 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องเปิดประตูเรียกชุนหลัน “รีบไปถามดูว่าเกิดอะไรขึ้น” 

 

 

           ชุนหลันขานรับ ทว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว อวี้จั๋วก็วิ่งกระหืดหระหอบมายังเรือนหลัก เมื่อเห็นพระชายาอิงชินอ๋องก็รีบตะโกนขึ้น “พระชายา รีบไปดูเถิด ท่าไม่ดีแล้ว” 

 

 

           “ท่าไม่ดีอย่างไร เจ้าค่อยๆ พูด” พระชายาอิงชินอ๋องรีบถาม 

 

 

           อวี้จั๋วหอบหายใจ ก่อนเล่าเรื่องฉินเจิงสลบไปในห้อง เขารีบตามออกไป และคำพูดที่เซี่ยฟางหวาฝากตนมาบอกให้พระชายาอิงชินอ๋องฟัง  

 

 

           “อะไรนะ! ฝ่าบาทจะทรงออกพระราชโองการหย่าร้าง เพราะเหตุใด หวาเอ๋อร์…นางบอกเช่นนี้จริงหรือ เกิดอะไรขึ้น” พระชายาอิงชินอ๋องฟังจบก็ตัวสั่น ใบหน้าก็ซีดขาว 

 

 

           อวี้จั๋วส่ายหน้า เขาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงพูดว่า “ข้ากับหลินชีอยู่ข้างนอก ได้ยินท่านพี่กับพี่สะใภ้ทะเลาะกันด้วยเรื่องใดมิทราบดังแว่วมาจากในห้อง จากนั้นท่านพี่ก็สลบไป พี่สะใภ้นำสาวใช้ทั้งหมดออกไปแล้ว” 

 

 

           “เร็วเข้า! สั่งคนตามหวาเอ๋อร์ไป” พระชายาอิงชินอ๋องรีบกล่าว 

 

 

           “พระชายา บ่าวคิดว่าช่วยท่านอ๋องน้อยแล้วสอบถามเรื่องราวก่อนดีกว่า ท่านอ๋องน้อยมิได้ห้ามพระชายาน้อย ถึงเราส่งคนไปแล้วจะห้ามได้หรือ หรือพระชายาจะไปตามเอง” ชุนหลันเองก็ตกใจเมื่อได้ยินว่าฉินเจิงสลบไป นางเห็นฉินเจิงมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ย่อมเป็นห่วงไม่น้อยจึงรีบเอ่ยขึ้น 

 

 

           “ข้าไปตามเองก็ย่อมได้” พระชายาอิงชินอ๋องยกกระโปรงเดินออกไป พลางออกคำสั่งด้วยความรีบร้อน “เตรียมม้า ข้าจะไปตามเอง” 

 

 

           “เจ้าอย่าเพิ่งลนลาน ชุนหลันพูดถูกแล้ว ช่วยฉินเจิงฟื้นขึ้นมาก่อนเถิด ดูว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วค่อยว่ากัน” อิงชินอ๋องเดินตามหลังมาแล้วคว้าแขนพระชายาไว้  

 

 

           “ท่านอ๋อง หวาเอ๋อร์ชอบเจิงเอ๋อร์ ข้าเป็นสตรีนั้นเข้าใจดีอย่างยิ่ง แม้เจิงเอ๋อร์ยิงธนูสามดอกใส่นาง นางก็ยังยืนกรานที่จะออกเรือนกับเขา ความรักเช่นนี้ สตรีใดในใต้หล้ากล้าทำบ้าง จะต้องเกิดเรื่องใดขึ้นเป็นแน่ วันนี้นางยังปกติดีอยู่เลย ไม่มีทางพูดเช่นนี้แล้วจากไปอย่างไร้เหตุผลแน่นอน” พระชายาดึงมืออิงชินอ๋องออก “เจ้ารอที่จวน รีบตามหมอหลวงมาช่วยเจิงเอ๋อร์ ข้าจะนำคนไปตามหวาเอ๋อร์เอง หากยังช้าไปกว่านี้ นางคงออกจากเมืองไปแล้ว ฟ้ามืดเช่นนี้ หากเกิดเรื่องขึ้นจะทำเช่นไร” 

 

 

           “ข้าไปตามเองดีกว่า” อิงชินอ๋องเสนอตัวแทน 

 

 

           “หวาเอ๋อร์สนิทใจกับข้า ถ้าท่านเป็นคนไปตาม ถึงนางมีเรื่องใดก็คงไม่ยอมบอกท่าน ข้าไปเองดีกว่า”  

 

 

พระชายาอิงชินอ๋องพูดพลางก็ออกจากเรือนหลัก ขณะเดียวกันก็สั่งงาน “รีบไปเตรียมม้า นำตงชิงม้าเร็วที่สุดในโรงม้าออกมา” 

 

 

           “ขอรับ” สี่ซุ่นรีบวิ่งออกไป 

 

 

           ชุนหลันเป็นคนสนิทประจำตัวพระชายาอิงชินอ๋อง เมื่อพระชายายืนกรานว่าจะไปตามเอง นางก็รีบตามออกไปเช่นกัน ขณะเดียวกันก็เอ่ยบอกอิงชินอ๋อง “ท่านอ๋อง ท่านรีบไปเรือนลั่วเหมยเถิด ช่วงนี้ท่านอ๋องน้อยร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ท่านสอบถามให้ทราบแน่ชัดก็พอแล้ว อย่าพาลโมโหใส่ท่านอ๋องน้อยอีกคนเลย” 

 

 

           “ข้ารู้แล้ว เจ้าดูแลพระชายาด้วย” อิงชินอ๋องโบกมือไล่ 

 

 

           ชุนหลันพยักหน้าแล้วรีบออกไป 

 

 

           ไม่นานพระชายาอิงชินอ๋องก็ขี่ม้าเร็วออกจากจวน ผู้คุ้มกันจวนกองหนึ่งติดตามอารักขาอยู่เบื้องหลัง ทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังประตูเมือง 

 

 

           จวนอิงชินอ๋องเคลื่อนไหวโดยไม่ปิดบัง ในเวลาไม่นานจวนต่างๆ ก็ทราบข่าว 

 

 

           ชั่วเวลานั้นหลายคนเกิดคำถามคาใจ มิทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่จวนอิงชินอ๋อง เกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยฟางหวาและฉินเจิง 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด