จารใจรัก 68-2 หากพบอีกจะสังหาร

Now you are reading จารใจรัก Chapter 68-2 หากพบอีกจะสังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสนาบดีฝ่ายขวาไตร่ตรองดูแล้วก็ยังไม่เข้าใจ เขานวดคลึงหว่างคิ้ว “ตอนนี้เกิดอุทกภัยใหญ่ในหนานฉิน หลายพื้นที่ประสบภัย เดิมทีรัชทายาทเดินทางไปยังเมืองหลินอัน ตอนนี้กลับต้องติดอยู่ที่นั่นเพราะโรคห่าระบาด โดยปกติหากเกิดเรื่องวุ่นวายในราชสำนัก ย่อมไม่อาจหละหลวมได้ ทว่าฝ่าบาทกลับทรงผิดปกติไป มีพระบัญชาให้หยุดงานสามวัน เรื่องนี้ทำให้ทุกคนไม่เข้าใจ” พูดจบก็ยกมือปัด “ช่างเถอะ ในเมื่อเดาไม่ออกก็สังเกตสถานการณ์ไปก่อนแล้วกัน”

 

 

           หลี่มู่ชิงพยักหน้า

 

 

           “ยามนี้น้องสาวเจ้าน่าจะยังไม่เข้านอน เจ้าไปถามนางพร้อมกับข้าเถอะ เด็กคนนี้มีความคิดเป็นของตนเองมาตั้งแต่เล็ก บางทีอาจอาศัยจังหวะที่เราไม่ทันสังเกตกระทำบางสิ่งไปก็เป็นได้ ถึงอย่างไรนางก็ดื้อรั้น ทั้งชอบฉินเจิงมาตั้งหลายปี” เสนาบดีฝ่ายขวากล่าวอีก

 

 

           หลี่มู่ชิงครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้า “ท่านพ่อไปถามเองเถิด ลูกว่าจะออกจากเมืองอีกรอบ”

 

 

           “หืม” เสนาบดีฝ่ายขวามองเขา

 

 

           “ข้าเป็นห่วงเซี่ยฟางหวา ช่วงนี้เกิดคดีขึ้นติดต่อกันในเมืองหลวง จากการตรวจสอบคาดว่าจะมุ่งเป้ามาที่นาง ตอนนี้นางออกจากเมืองไปกลางดึก หากมีคนประสงค์ร้ายกับนาง นางเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง แม้มีความสามารถอยู่บ้าง แต่กลัวว่าจะถูกวางแผนตลบหลัง” หลี่มู่ชิงถอนหายใจ

 

 

           “ฉินเจิงกับนางเป็นสามีภรรยากัน เขายังไม่ออกไปตามนาง แล้วเจ้าจะไปทำไม” เสนาบดีฝ่ายขวาได้ยินแล้วก็ไม่เห็นด้วย ขมวดคิ้วตั้งตรง

 

 

           “ตอนนี้ฉินเจิงกับนางไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว” หลี่มู่ชิงตอบ “พระราชโองการของฝ่าบาทออกมาแล้ว มีพระบัญชาให้ติดประกาศบอกใต้หล้าทุกหนแห่ง พรุ่งนี้เช้าทุกคนคงทราบเรื่องการหย่าร้างโดยทั่วกันแล้ว”

 

 

           “ถึงเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่อนุญาต!” เสนาบดีฝ่ายขวาบอกอย่างเด็ดขาด “ก่อนหน้านี้ตอนที่นางกับฉินเจิงเพียงข้องแวะกัน เจ้าเข้าไปร่วมแย่งชิงด้วย ข้าเห็นแก่ที่พวกเขาถอนหมั้นกันแล้ว จิตใจแห่งความริษยาต่างมีด้วยกันทุกคน ข้าอาบน้ำร้อนมาก่อน รู้จักความรู้สึกเหล่านั้นดี ในเมื่อเจ้าชอบนางข้าก็เลยไม่ห้าม แล้วแต่เจ้าจะตัดสินใจ แต่ตอนนี้สตรีที่ถูกหย่าร้างแล้วนั้นไม่เหมาะสมกับเจ้าอีกต่อไป เจ้าล้มเลิกความคิดนั้นเสียเถอะ”

 

 

           “ท่านพ่อ ท่านคิดอันใดเล่า ลูกมิได้มีความคิดเช่นนั้น แต่เพราะเคยบอกกับเซี่ยฟางหวาไว้ว่าหากนางมีเรื่อง ข้าจะปกป้องนางในฐานะพี่ชาย ยิ่งไปกว่านั้นข้ากับพี่จื่อกุยก็สนิทสนมกันดี ตอนนี้พี่จื่อกุยไม่อยู่ เกิดเรื่องกับนางเช่นนี้ข้าย่อมควรออกไปดู ไม่ควรนิ่งดูดาย วิญญูชนควรรักษาสัจจะ นี่เป็นสิ่งที่ท่านพ่อสอนลูกตลอดมา” หลี่มู่ชิงฝืนยิ้ม

 

 

           “เจ้า…” เสนาบดีฝ่ายขวาเถียงมิได้ ถลึงตามองหลี่มู่ชิง

 

 

           หลี่มู่ชิงคำนับต่อเขาอย่างลึกซึ้ง “ท่านพ่อโปรดอนุญาตลูกออกไปด้วยเถิด” หยุดเว้นช่วงแล้วกล่าวต่อ “ฉินเจิงไม่ยอมบอกสาเหตุที่จะสังหารน้อง หากข้าพบเซี่ยฟางหวา นางอาจบอกข้าก็เป็นได้ บางทีอาจแก้ไขปมนี้ มิฉะนั้นหรือว่าจะต้องให้น้องหลบหนีฉินเจิงไปตลอดชีวิตจริงๆ อยู่ในเมืองเหมือนกัน แม้น้องไร้เจตนานั้นแล้ว แต่จะหลบเลี่ยงอย่างไรเล่า แม้หลบได้เวลาหนึ่ง แต่จะหลบได้ไปตลอดชีวิตหรือ”

 

 

           เสนาบดีฝ่ายขวาไตร่ตรองพักหนึ่งก่อนยกมือไล่ “ช่างเถอะ เจ้าเองก็พูดถูก เช่นนั้นเจ้าไปเถอะ ฟ้ามืดดึกดื่นแล้วนำคนไปมากหน่อย ระวังตัวด้วย”

 

 

           “ขอบคุณท่านพ่อ” หลี่มู่ชิงไม่มัวล่าช้าอีก ออกจากห้องหนังสือทันที

 

 

           หลังออกมาจากห้องหนังสือเขาก็สูดหายใจเต็มปอด มองฟ้ายามรัตติกาลแวบหนึ่ง ก่อนมุ่งหน้าไปที่หน้าประตูจวนโดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า

 

 

           ไม่นานเขาก็นำผู้คุ้มกันออกจากจวนเสนาบดีฝ่ายขวา มุ่งไปยังประตูเมือง

 

 

           เสนาบดีฝ่ายขวาอยู่ที่ห้องหนังสือต่ออีกพักหนึ่ง เขาถอนหายใจออกมา ก่อนเดินไปยังเรือนของหลี่หรูปี้

 

 

           หลี่หรูปี้กำลังอ่านตำราภายใต้แสงตะเกียง เมื่อเห็นเสนาบดีฝ่ายขวามาหาก็รีบลุกขึ้นยืน “ท่านพ่อ ดึกมากแล้ว ไฉนท่านถึงยังไม่พักผ่อนอีก”

 

 

           เสนาบดีฝ่ายขวามองนางยืนอยู่ภายใต้แสงตะเกียง ทรวดทรงสะโอดสะอง แลดูอ่อนโยนมีสติปัญญา ใบหน้างดงามอย่างยิ่ง บุตรีเช่นนี้หายากในระยะหมื่นลี้ ทว่าฉินเจิงดันไม่ชายตามอง ไม่เพียงแต่ฉินเจิงเท่านั้น แต่รัชทายาทเองก็หาได้ชายตามองไม่ เทียบกันกับเซี่ยฟางหวาแล้ว แม้สตรีตรงหน้าเป็นบุตรสาวของตน เขาเองยังต้องยอมรับว่าเซี่ยฟางหวานั้นไม่ว่าจะด้วยรูปลักษณ์หรือนิสัยที่ติดตัวมาแต่กำเนิด แท้จริงแล้วเหนือกว่าบุตรสาวตนขั้นหนึ่ง แต่หากเอ่ยถึงนิสัย เขาคิดว่าเซี่ยฟางหวาเทียบบุตรสาวตนมิได้ เซี่ยฟางหวาดูอ่อนโยน แต่ในความเป็นจริงแล้วมีนิสัยเข้มแข็ง เพียงแต่ภายนอกดูอ่อนแอจนบดบังความเข้มแข็งในตัวนางก็เท่านั้น หากเอ่ยถึงการสร้างความปรองดองในบ้าน เขาก็คิดว่าบุตรสาวตนเหนือกว่า

 

 

           ทว่าฉินเจิงกับฉินอวี้ต่างเป็นบุรุษโดดเด่นมากพรสวรรค์ ทั้งเกิดมาในสถานที่สูงส่งที่สุดในใต้หล้า โตมาในวังหลวงตั้งแต่เด็ก อย่าว่าแต่โฉมสะคราญในหกตำหนักของฝ่าบาทเลย ถึงเป็นหญิงงามในเมืองก็ได้พบเจอมานับไม่ถ้วน บุตรสาวซึ่งเพียบพร้อมรอบด้านในตระกูลใหญ่เช่นนี้ พวกเขาเห็นมาจนเบื่อแล้ว ต่อให้ขนมชั้นดีมาวางอยู่ตรงหน้าก็เป็นเพียงแค่ของเล็กๆ น้อยๆ สำหรับพวกเขาเท่านั้น แต่เซี่ยฟางหวานั้น ไม่ว่าอากัปกิริยาหรือนิสัยใจคอต่างโดดเด่นมีเอกลักษณ์ ดังนั้นเมื่อเทียบกับบุตรสาวตระกูลใหญ่ในเมืองแล้ว นางจึงเป็นดั่งหงส์ในฝูงกา

 

 

           วีรบุรุษที่แท้จริงย่อมหมายปองสตรีที่ควบคุมยาก

 

 

           เขายืนหน้าประตูพักหนึ่ง ระงับอารมณ์แล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ไฉนดึกป่านนี้แล้วยังไม่นอนอีก”

 

 

           “ยังไม่ดึกมาก ลูกนอนไม่หลับ จึงหาตำรามาอ่านสักพักหนึ่ง” หลี่หรูปี้ยิ้มแล้วส่ายหน้า

 

 

           เสนาบดีฝ่ายขวาพยักหน้า “คราวหลังอ่านตำราแค่ตอนกลางวันก็พอ อย่าล่วงเลยจนดึกดื่นเพียงนี้” พูดจบก็เดินมานั่ง

 

 

           หลี่หรูปี้สั่งสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาแล้วรินน้ำชาให้เสนาบดีฝ่ายขวาด้วยตัวเอง

 

 

           เสนาบดีฝ่ายขวาจิบน้ำชาแล้ววางถ้วยลง จากนั้นก็เอ่ยถามเข้าประเด็น “ปี้เอ๋อร์ ช่วงนี้เจ้าได้ทำสิ่งใดบ้างหรือไม่”

 

 

           หลี่หรูปี้เป็นคนฉลาด ทราบดีว่าเสนาบดีฝ่ายขวามาหาในยามนี้ต้องมีธุระกับนางเป็นแน่ นางส่ายหน้าแล้วถามด้วยความสงสัย “ท่านพ่อมาหาลูกดึกเช่นนี้มีเรื่องใดหรือ ช่วงนี้นอกจากสวดมนต์กับท่านแม่แล้ว ลูกก็มิได้ทำสิ่งใดเลย”

 

 

           “จริงหรือ” เสนาบดีฝ่ายขวาถาม

 

 

           “มิกล้าปิดบังท่านพ่อ” หลี่หรูปี้พยักหน้ายืนยัน

 

 

           เสนาบดีฝ่ายขวาพินิจมองหลี่หรูปี้พักหนึ่ง พบว่าแววตานางซื่อตรง เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ

 

 

           “เกิดเรื่องใดขึ้น เกี่ยวกับลูกหรือ ท่านพ่อโปรดอธิบายให้กระจ่าง” หลี่หรูปี้มองหยั่งเชิง

 

 

           เสนาบดีฝ่ายขวาลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเล่าถ้อยคำที่ฉินเจิงฝากหลี่มู่ชิงมาบอกให้นางฟัง

 

 

           “นี่เพราะเหตุใด” หลี่หรูปี้ฟังจบก็สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นซีดขาวเล็กน้อย

 

 

           เสนาบดีฝ่ายขวาส่ายหน้า

 

 

           “ลูกตระหนักได้นานแล้วว่าต้องตัดใจจากท่านอ๋องน้อยเจิง ตอนนี้ไร้เยื่อใยแล้ว ความจริงลูกนับถือเซี่ยฟางหวามาก รู้ตัวว่านางดีกว่า แต่ว่า…ระยะนี้ลูกไม่คิดว่าได้ไปล่วงเกินเขา” หลี่หรูปี้ตัวสั่น

 

 

           เสนาบดีฝ่ายขวาเห็นนางไม่คล้ายเสแสร้งจึงปวดใจอยู่บ้าง กล่าวด้วยความนิ่งขรึม “คืนวันนี้เซี่ยฟางหวานำสาวใช้ทั้งแปดไปจากจวนอิงชินอ๋องกะทันหัน พอออกจากเมืองแล้ว พระชายาอิงชินอ๋องก็นำคนไล่ตามไปด้วย ทั้งสองเพิ่งจะออกไปไล่หลังกัน คนในจวนอิงชินอ๋องก็ไปตามหมอหลวงมาตรวจฉินเจิง หลังหมอหลวงกลับ พระราชโองการหย่าร้างที่ฝ่าบาทเป็นผู้ทรงออกก็มาเผยแพร่ที่จวนอิงชินอ๋อง ฉินเจิงเดือดจัด บุกเข้าวังหลวง จากนั้นพี่ชายเจ้าก็รอพบเขาระหว่างกลับจากวัง เขาพูดประโยคนี้กับพี่ชายเจ้า ด้วยความที่พี่ชายเจ้ารู้จักฉินเจิงมาตั้งแต่เด็ก จึงกล้ายืนยันว่าตอนฉินเจิงเอ่ยถึงเจ้านั้นมีจิตสังหารแรงกล้ามาก ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่นอน”

 

 

           หลี่หรูปี้ฟังด้วยใบหน้าซีดขาว ความหวาดกลัวบังเกิดขึ้นในใจ

 

 

           “มีแต่ข้อสงสัยเต็มไปหมด คิดไม่ตกโดยแท้ ในเมื่อเจ้าก็ไม่ทราบสาเหตุ เช่นนั้นตอนนี้ก็ไม่ต้องสนใจ พี่ชายเจ้าออกจากเมืองไปแล้ว รอเขาถามเซี่ยฟางหวาดูว่านางพูดเช่นไร ตอนนี้รอข่าวจากเขาไปก่อน ช่วงนี้เจ้าก็อยู่สวดมนต์กับแม่เจ้าที่จวนต่อไปก่อนแล้วกัน” เสนาบดีฝ่ายขวาบอก

 

 

           “ลูกจะทำตามที่ท่านพ่อบอก” นัยน์ตาหลี่หรูปี้คลอไปด้วยม่านน้ำตา ทว่ายังกลั้นไว้สุดแรง

 

 

           เสนาบดีฝ่ายขวาเห็นนางเป็นเช่นนี้ ทราบดีว่าเรื่องนี้กระทบกับนางมากกว่าเรื่องที่ฝ่าบาทกับฮองเฮาทรงวางพิษกามารมณ์กับฉินเจิง เขาลุกขึ้นยืนแล้วบีบไหล่นาง “เด็กดี ลำบากเจ้าแล้ว”

 

 

           หลี่หรูปี้ส่ายหน้า

 

 

           “อย่าคิดมากเลย รีบพักผ่อนเถอะ!” เสนาบดีฝ่ายขวาปลอบใจอีกครั้ง ก่อนออกจากเรือนของหลี่หรูปี้

 

 

           หลังเสนาบดีฝ่ายขวากลับออกไป หลี่หรูปี้ก็โถมตัวลงบนเตียง ซ่อนใบหน้าในผ้าห่มแล้วสะอื้นร้องไห้ ทว่ากลับสะกดกลั้นไม่กล้าส่งเสียงออกมา เสียใจอย่างถึงที่สุด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด