ชายาเคียงหทัย 281-1 ปฏิกิริยาของฮว่ากั๋วกง

Now you are reading ชายาเคียงหทัย Chapter 281-1 ปฏิกิริยาของฮว่ากั๋วกง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อได้ยินที่เยี่ยหลีเอ่ย ฮว่ากั๋วกงก็อึ้งไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ายังตั้งตัวไม่ทัน

ม่อซิวเหยาก็มิได้พูดอันใด ยกชาขึ้นจิบ รอดูปฏิกิริยาของฮว่ากั๋วกงเงียบๆ

ครู่ใหญ่กว่าฮว่ากั๋วกงถึงจะตั้งตัวได้ หันมองหน้าทั้งสองที่มีสีหน้าสบายๆ “นี่มันเรื่องอันใดกัน ท่านอ๋อง ท่าน…”

ม่อซิวเหยาวางถ้วยชาในมือลง เอ่ยกับฮว่ากั๋วกงอย่างขอลุแก่โทษว่า “ด้วยเพราะเกิดเรื่องขึ้นกะทันหัน จึงไม่ทันได้บอกกล่าวแก่ฮว่ากั๋วกง ข้าขอโทษด้วยจริงๆ”

อีกครู่ใหญ่กว่าฮว่ากั๋วกงจะมีปฏิกิริยาตอบรับกลับมา เขาส่งเสียงเฮ่อทีหนึ่ง ก่อนถลึงตาจ้องม่อซิวเหยาด้วยความไม่พอใจ “ผู้ใดต้องการให้ท่านขอโทษกัน ข้าเพียงแค่อยากถามท่านว่า ท่านพาตัวฮองเฮาออกมาทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุเพื่ออันใดกัน ท่านอ๋องยังคิดว่ามีคนจับตาดูตำหนักติ้งอ๋องอยู่ไม่มากพอหรือ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยี่ยหลีก็ยิ้มออกมาจางๆ “ทำให้ท่านกั๋วกงผู้เฒ่าต้องเป็นห่วงแล้ว เป็นพวกข้าเองที่ยังเด็กและยังรู้น้อย จึงกระทำอันใดผลีผลามไปบ้าง”

ฮว่ากั๋วกงระบายลมหายใจออกมา เอ่ยกับเยี่ยหลีว่า “ท่านอ๋องกับพระชายาล้วนมิใช่คนที่ทำอันใดผลีผลาม ข้าจะไม่ถามหาเหตุผลแล้ว เชิญฮองเฮาออกมาเถิด ข้าจะหาวิธีส่งนางกลับวังเอง”

เยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาหันมาสบตากัน เดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่า แค่เพียงพูดไม่กี่ประโยคก็สามารถทำให้ฮว่ากั๋วกงยอมให้พวกเขาพาตัวนางไปอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเฟิ่งจือเหยาได้เสี่ยงภัยเข้าไปพาตัวนางออกมาแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะมั่นใจว่าเฟิ่งจือเหยาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมฮองเฮาได้แล้วจริงๆ ก็ไม่อาจให้ฮว่ากั๋วกงพาตัวนางกลับไปได้

ม่อซิวเหยาหันมองไปทางฮว่ากั๋วกง แล้วเอ่ยเรียบๆ ว่า “ดังนั้นข้าถึงได้กล่าวขอโทษกับกั๋วกงผู้เฒ่าอย่างไร เกรงว่าคงยังไม่สามารถให้กั๋วกงผู้เฒ่าพาตัวนางไปได้”

“เพราะเหตุใดกัน” ฮว่ากั๋วกงขมวดคิ้วเอ่ยถาม

ที่ฮองเฮาถูกตำหนักติ้งอ๋องลักพาตัวออกมาจากวัง เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของเขาไปมากจริงๆ ที่เขารีบร้อนมาที่ตำหนักติ้งอ๋อง ก็ด้วยหวังว่าจะสามารถยืมใช้ความสามารถของตำหนักติ้งอ๋องมาสืบเรื่องนี้ได้ ไม่คิดว่าผลที่ออกมาจะเป็นเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเขากับตำหนักติ้งอ๋อง หรือเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างต้าฉู่กับซีเป่ย ที่มั่นใจได้อย่างหนึ่งก็คือว่า เรื่องนี้จะให้คนนอกรู้ไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นการติดสินใจของเขาในยามนี้จึงเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดติ้งอ๋องกับชายาติ้งอ๋องถึงได้ปฏิเสธ

เยี่ยหลีระบายลมหายใจออกมาด้วยความจนใจ ดูท่าฮว่ากั๋วกงคงจะไม่รู้เรื่องเฟิ่งจือเหยา เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหากฮว่ากั๋วกงได้ยินว่าเฟิ่งจือเหยาลักพาตัวนางออกมาโดยพลการแล้ว จะมีปฏิกิริยาเช่นไร

เยี่ยหลีนิ่งใช้ความคิด ในขณะที่นางกำลังคิดจะพูดอันใดออกมานั้น ที่ปากประตูก็มีเสียงฮองเฮาดังเข้ามาว่า “ทำให้ท่านพ่อต้องเป็นกังวลแล้ว ข้าจะกลับไปกับท่านเดี๋ยวนี้”

ทั้งสองหันมองไปที่ปากประตูพร้อมกัน เมื่อถอดผ้าคลุมตัวใหญ่ออกแล้ว ฮองเฮาที่ยังคงอยู่ในชุดหงส์สีเหลืองอร่าม ก็ปรากฏกายขึ้นที่หน้าประตู สีหน้าเรียบเรื่อยมองไม่ออกว่าในใจนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่

ฮองเฮาก้าวเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ที่ด้านนอกประตูมีเฟิ่งจือเหยาเดินตามมาอีกคน

บุรุษที่อยู่ในชุดผ้าไหมสีแดง ขอบตาทั้งสองข้างแดงก่ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและหดหู่ มองดูแล้วย่ำแย่กว่าเมื่อคืนที่ถูกฝ่ามือของม่อซิวเหยาไปเสียอีก

“เฟิ่งซานนี่เป็นอันใดไป เหตุใดสีหน้าถึงย่ำแย่เพียงนี้ เมื่อคืนไม่ได้ไปให้ท่านหมอดูหรือ” เยี่ยหลีเอ่ยปากถามขึ้นเรียบๆ

เพียงฮว่ากั๋วกงเห็นเฟิ่งจือเหยาที่เดินตามฮองเฮามา สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แต่เห็นว่าเยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาอยู่ที่นี่ด้วย ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดมาก แค่เพียงมือที่วางอยู่บนที่เท้าแขนค่อยๆ กำแน่นขึ้นเท่านั้น

หางตาเยี่ยหลีเหลือบมองไปทางฮว่ากั๋วกงทีหนึ่ง ก่อนจะส่งยิ้มให้เฟิ่งจือเหยาพลางเอ่ยถามขึ้น

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮองเฮาก็หันไปมองเฟิ่งจือเหยาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางก็เห็นว่าสีหน้าของเฟิ่งจือเหยาไม่สู้ดีนัก แต่เพราะทั้งสองมีปากเสียงกันจนนางรู้สึกไม่พอใจ นางถึงไม่ได้เอ่ยถามอันใดมาก เพียงคิดว่าเมื่อคืนเขาคงพักผ่อนไม่เพียงพอเท่านั้น ยามนี้เมื่อได้พิจารณาโดยละเอียดแล้ว ถึงได้เห็นว่าสีหน้าของเฟิ่งจือเหยาไม่สู้ดีเอาเสียเลยจริงๆ ใบหน้าเขาดูมีความอ่อนล้าและซีดขาวอย่างไม่อาจปกปิดไว้ได้มิด

“ไม่เป็นอันใด ขอบพระคุณพระชายาที่เป็นห่วง” เฟิ่งจือเหยาเอ่ยเสียงเบา

เยี่ยหลีขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ซิวเหยาลงมือกับเจ้าไม่เบานัก ไว้ให้ท่านหมอมาดูสักหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวจะทิ้งอาการบาดเจ็บเรื้อรังอันใดไว้”

เฟิ่งจือเหยานิ่งเงียบพลางก้มหน้าลง ทั้งไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ

เมื่อเยี่ยหลีเอ่ยเช่นนี้ ทั้งสองที่อยู่ ณ ที่นั้นก็เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดขึ้นมาทันที

ฮองเฮาหน้าขาวซีด ส่วนสีหน้าฮว่ากั๋วกงก็ยิ่งดูย่ำแย่ขึ้นไปอีก

ม่อซิวเหยาโบกมือเอ่ยว่า “มีเรื่องอันใด นั่งลงพูดคุยกันเถิด พี่ฮว่า ต่อให้ท่านจะกลับวังก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนกลับในเวลานี้”

การที่เขาเอ่ยเรียกว่าพี่ฮว่า ทำให้ขอบตาของฮองเฮาแดงก่ำขึ้นทันที อันที่จริงตั้งแต่นางแต่งงานไปกับม่อจิ่งฉี ม่อซิวเหยาก็ไม่เคยเรียกนางว่าพี่ฮว่าอีกเลย การเรียกขานอย่างคนธรรมดาทั่วไปเช่นนี้ กลับทำให้นางนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาอันสดใสในวัยเด็กของสาวน้อยวัยแรกแย้ม

ฮว่ากั๋วกงจับสังเกตทุกคนที่นั่งอยู่มานานแล้ว เขาถอนใจยาวออกมา โบกมือกล่าวว่า “เอาเถิด ถึงอย่างไรเรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว กลับไปช้าอีกหน่อยก็ไม่แย่ไปกว่ากันสักเท่าไรหรอก”

ฮองเฮากับเฟิ่งจือเหยาถึงได้นั่งลงซ้ายคนขวาคย

เฟิ่งจือเหยานั่งลงตรงข้ามฮว่ากั๋วกง แต่สายตากลับจ้องนิ่งไปยังฮองเฮาประหนึ่งคนที่อยู่ข้างๆ ไม่มีตัวตนอยู่กระนั้น

ฮว่ากั๋วกงเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็มิได้พูดอันใดออกมา

“กั๋วกงผู้เฒ่า ท่านคิดจะส่งฮองเฮากลับวังจริงๆ หรือ” ม่อซิวเหยาหันไปเอ่ยถามฮว่ากั๋วกงด้วยสีหน้าเรียบเฉย “กั๋วกงผู้เฒ่าน่าจะรู้ว่า ข่าวที่ฮองเฮาหายตัวไปคงแพร่ออกไปทั่ววังแล้ว ถึงแม้ยามนี้กั๋วกงผู้เฒ่าจะส่งนางกลับไปได้อย่างแนบเนียน แต่หากต่อไปประมุขคนใหม่หรือคนอื่นๆ คิดอยากหาเรื่องเล่นงานฮองเฮา เรื่องนี้จะต้องเป็นข้ออ้างที่ดีอย่างแน่นอน”

ฮว่ากั๋วกงถลึงตาใส่เฟิ่งจือเหยาอย่างหัวเสียทีหนึ่ง เขาก็เป็นชายแก่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากแล้วคนหนึ่ง เมื่อได้มาอยู่ในสถานการณ์ตรงหน้า เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอันใดขึ้น

ฮว่ากั๋วกงผินหน้าไปมองบุตรสาวที่นั่งสีหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ แล้วจึงระบายลมหายใจออกมาด้วยความจนใจ “หากไม่กลับไปแล้วจะอย่างไร หากเป็นไปได้ เหตุใดตระกูลฮว่าของพวกเราถึงจะไม่ยินดี…ความหมายของท่านอ๋อง ข้าเข้าใจแล้ว เพียงแต่ด้วยฐานะของฮองเฮาไม่เหมือนกับผู้อื่น หากในอนาคตมีคนรู้ว่าฮองเฮาไปอยู่ที่ซีเป่ย คงส่งผลเสียอย่างมากต่อชื่อเสียงและเกียรติยศของท่านอ๋องและตำหนักติ้งอ๋อง

เดิมทีจวนฮว่ากั๋วกงยินดีที่จะให้บุตรสาวแต่งงานกับม่อจิ่งฉีที่ยามนั้นยังเป็นเพียงองค์ชายเมื่อใดกัน ความรุ่งเรืองของตระกูลฮว่าอยู่ในจุดสูงสุดแล้ว ขอเพียงเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าผู้ใดขึ้นนั่งบัลลังก์ก็ยังต้องให้เกียรติตระกูลฮว่าอยู่บ้าง การเป็นชายาองค์ชายหรือแม้กระทั่งฮองเฮา สำหรับตระกูลฮว่าแล้ว ไม่เคยถือเป็นเรื่องดีมาก่อน น่าเสียดายก็เพียง…ยามนั้นอดีตฮ่องเต้เกรงว่าตระกูลฮว่ากับตำหนักติ้งอ๋องจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมากเกินไป จึงบังคับให้จับตระกูลฮว่ามัดไว้บนเรือลำเดียวกับม่อจิ่งฉีที่จะได้ขึ้นครองราชย์ต่อไป ประมุขต้องการให้ขุนนางตาย ขุนนางไม่อาจไม่ตายได้ นับประสาอันใดกับแค่การพระราชทานงานสมรส

ฮว่ากั๋วกงรับรู้มาตลอดว่าเฟิ่งจือเหยามีตัวตนอยู่ แต่เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับเฟิ่งจือเหยาจนเกินไป มิใช่เพราะเขานึกดูถูกเฟิ่งจือเหยา แต่เพราะถึงอย่างไรเฟิ่งจือเหยาก็อ่อนกว่าฮองเฮาอยู่หลายปี ยามที่ฮองเฮาออกเรือนนั้น เฟิ่งจือเหยายังไม่โตเป็นหนุ่มเลยด้วยซ้ำ ต่อให้ยามนั้นมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น เขาก็ถือเสียแค่ว่าเป็นเพียงเด็กน้อยที่ทำไปเพราะความใหลหลงเท่านั้น ดังนั้นคืนก่อนที่ฮองเฮาจะแต่งงานออกไปแล้วเฟิ่งจือเหยาลอบเข้ามาที่จวนฮว่ากั๋วกง เขาไม่เพียงไม่ให้คนจับตัวไว้ แต่กลับปล่อยให้พวกเขาได้พบหน้ากันอีกด้วย มิเช่นนั้น มีหรือที่เฟิ่งจือเหยาที่เพิ่งอายุได้สิบห้าปี จะบุกเข้าไปในจวนกั๋วกงที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ง่ายๆ

เรื่องเหล่านี้ ฮว่ากั๋วกงย่อมไม่มีทางพูดออกมา เขามองสำรวจบุรุษในชุดสีแดงตรงหน้า เฟิ่งจือเหยาที่อายุกว่าสามสิบปี ไม่ใช่เด็กหนุ่มน้อยที่เดินจากไปพร้อมความผิดหวังท่ามกลางสายฝนคนนั้นอีกต่อไป บนใบหน้าหล่อเหลามีความสุขุมและสง่างามอย่างที่ในวัยเด็กหนุ่มเขาไม่มี ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เฟิ่งจือเหยาที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับม่อซิวเหยา ยามนี้ยังไม่แต่งงานมีภรรยา แม้แต่อนุสักคนก็ยังไม่มี กับเรื่องนี้เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ฮว่ากั๋วกงย่อมรู้ดี ไม่ว่าจะมองจากมุมใด เฟิ่งจือเหยาก็เป็นตัวเลือกบุตรเขยที่น่าพอใจที่สุด น่าเสียดายก็เพียง…เขาพิจารณาบุรุษตรงหน้า ที่ถึงแม้จะผ่ายผอมอ่อนล้า แต่กลับไม่อาจบดบังความหล่อเหลาในใบหน้าไปได้ แล้วสีหน้าของฮว่ากั๋วกงก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความสงสารและจนใจ

มุมปากเยี่ยหลียกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “กั๋วกงผู้เฒ่า ตระกูลฮว่ามีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือฮ่องเต้พระองค์ใหม่หรือไม่”

ฮว่ากั๋วกงอึ้งไป ไม่คิดว่าเยี่ยหลีจะเอ่ยถามเรื่องนี้ออกมาตรงๆ แต่เมื่อเห็นม่อซิวเหยาไม่มีท่าทีอันใดเพียงจิบชาต่อไปเงียบๆ ด้วยความที่เขารู้จักตำหนักติ้งอ๋องและตัวม่อซิวเหยาเป็นอย่างดี จึงเพียงส่ายหน้าและตอบตามตรงว่า “จวนฮว่ากั๋วกง เกรงว่าต่อให้มีใจก็คงไม่มีความสามารถอยู่ดี”

ทายาทรุ่นต่อๆ มาของตำหนักฮว่ากั๋วกง ถึงแม้จะไม่มีผู้ใดที่เป็นคุณชายเจ้าสำราญ แต่ก็ไม่มีบุคคลที่มีความสามารถโดดเด่น ยามที่เขามีชีวิตอยู่ แน่นอนว่ายังพอสามารถช่วยเหลืออันใดได้บ้าง แต่ตัวเขาก็อายุกว่าแปดสิบปีแล้ว ผู้ใดเลยจะรู้ว่าจะฝืนสังขารไปได้อีกสักกี่วัน เมื่อใดก็ตามหากเขาไม่อยู่แล้ว คงไม่ได้มีเพียงตำหนักฮว่ากั๋วกงที่คอยช่วยเหลือฮ่องเต้พระองค์ใหม่เท่านั้นที่จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่อาจทำให้ตระกูลถึงขั้นล่มสลาย เกรงว่าแม้แต่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลฮว่า ก็คงถึงคราวโชคร้ายไปด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ชายาเคียงหทัย 281-1 ปฏิกิริยาของฮว่ากั๋วกง

Now you are reading ชายาเคียงหทัย Chapter 281-1 ปฏิกิริยาของฮว่ากั๋วกง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อได้ยินที่เยี่ยหลีเอ่ย ฮว่ากั๋วกงก็อึ้งไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ายังตั้งตัวไม่ทัน

ม่อซิวเหยาก็มิได้พูดอันใด ยกชาขึ้นจิบ รอดูปฏิกิริยาของฮว่ากั๋วกงเงียบๆ

ครู่ใหญ่กว่าฮว่ากั๋วกงถึงจะตั้งตัวได้ หันมองหน้าทั้งสองที่มีสีหน้าสบายๆ “นี่มันเรื่องอันใดกัน ท่านอ๋อง ท่าน…”

ม่อซิวเหยาวางถ้วยชาในมือลง เอ่ยกับฮว่ากั๋วกงอย่างขอลุแก่โทษว่า “ด้วยเพราะเกิดเรื่องขึ้นกะทันหัน จึงไม่ทันได้บอกกล่าวแก่ฮว่ากั๋วกง ข้าขอโทษด้วยจริงๆ”

อีกครู่ใหญ่กว่าฮว่ากั๋วกงจะมีปฏิกิริยาตอบรับกลับมา เขาส่งเสียงเฮ่อทีหนึ่ง ก่อนถลึงตาจ้องม่อซิวเหยาด้วยความไม่พอใจ “ผู้ใดต้องการให้ท่านขอโทษกัน ข้าเพียงแค่อยากถามท่านว่า ท่านพาตัวฮองเฮาออกมาทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุเพื่ออันใดกัน ท่านอ๋องยังคิดว่ามีคนจับตาดูตำหนักติ้งอ๋องอยู่ไม่มากพอหรือ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยี่ยหลีก็ยิ้มออกมาจางๆ “ทำให้ท่านกั๋วกงผู้เฒ่าต้องเป็นห่วงแล้ว เป็นพวกข้าเองที่ยังเด็กและยังรู้น้อย จึงกระทำอันใดผลีผลามไปบ้าง”

ฮว่ากั๋วกงระบายลมหายใจออกมา เอ่ยกับเยี่ยหลีว่า “ท่านอ๋องกับพระชายาล้วนมิใช่คนที่ทำอันใดผลีผลาม ข้าจะไม่ถามหาเหตุผลแล้ว เชิญฮองเฮาออกมาเถิด ข้าจะหาวิธีส่งนางกลับวังเอง”

เยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาหันมาสบตากัน เดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่า แค่เพียงพูดไม่กี่ประโยคก็สามารถทำให้ฮว่ากั๋วกงยอมให้พวกเขาพาตัวนางไปอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเฟิ่งจือเหยาได้เสี่ยงภัยเข้าไปพาตัวนางออกมาแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะมั่นใจว่าเฟิ่งจือเหยาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมฮองเฮาได้แล้วจริงๆ ก็ไม่อาจให้ฮว่ากั๋วกงพาตัวนางกลับไปได้

ม่อซิวเหยาหันมองไปทางฮว่ากั๋วกง แล้วเอ่ยเรียบๆ ว่า “ดังนั้นข้าถึงได้กล่าวขอโทษกับกั๋วกงผู้เฒ่าอย่างไร เกรงว่าคงยังไม่สามารถให้กั๋วกงผู้เฒ่าพาตัวนางไปได้”

“เพราะเหตุใดกัน” ฮว่ากั๋วกงขมวดคิ้วเอ่ยถาม

ที่ฮองเฮาถูกตำหนักติ้งอ๋องลักพาตัวออกมาจากวัง เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของเขาไปมากจริงๆ ที่เขารีบร้อนมาที่ตำหนักติ้งอ๋อง ก็ด้วยหวังว่าจะสามารถยืมใช้ความสามารถของตำหนักติ้งอ๋องมาสืบเรื่องนี้ได้ ไม่คิดว่าผลที่ออกมาจะเป็นเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเขากับตำหนักติ้งอ๋อง หรือเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างต้าฉู่กับซีเป่ย ที่มั่นใจได้อย่างหนึ่งก็คือว่า เรื่องนี้จะให้คนนอกรู้ไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นการติดสินใจของเขาในยามนี้จึงเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดติ้งอ๋องกับชายาติ้งอ๋องถึงได้ปฏิเสธ

เยี่ยหลีระบายลมหายใจออกมาด้วยความจนใจ ดูท่าฮว่ากั๋วกงคงจะไม่รู้เรื่องเฟิ่งจือเหยา เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหากฮว่ากั๋วกงได้ยินว่าเฟิ่งจือเหยาลักพาตัวนางออกมาโดยพลการแล้ว จะมีปฏิกิริยาเช่นไร

เยี่ยหลีนิ่งใช้ความคิด ในขณะที่นางกำลังคิดจะพูดอันใดออกมานั้น ที่ปากประตูก็มีเสียงฮองเฮาดังเข้ามาว่า “ทำให้ท่านพ่อต้องเป็นกังวลแล้ว ข้าจะกลับไปกับท่านเดี๋ยวนี้”

ทั้งสองหันมองไปที่ปากประตูพร้อมกัน เมื่อถอดผ้าคลุมตัวใหญ่ออกแล้ว ฮองเฮาที่ยังคงอยู่ในชุดหงส์สีเหลืองอร่าม ก็ปรากฏกายขึ้นที่หน้าประตู สีหน้าเรียบเรื่อยมองไม่ออกว่าในใจนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่

ฮองเฮาก้าวเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ที่ด้านนอกประตูมีเฟิ่งจือเหยาเดินตามมาอีกคน

บุรุษที่อยู่ในชุดผ้าไหมสีแดง ขอบตาทั้งสองข้างแดงก่ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและหดหู่ มองดูแล้วย่ำแย่กว่าเมื่อคืนที่ถูกฝ่ามือของม่อซิวเหยาไปเสียอีก

“เฟิ่งซานนี่เป็นอันใดไป เหตุใดสีหน้าถึงย่ำแย่เพียงนี้ เมื่อคืนไม่ได้ไปให้ท่านหมอดูหรือ” เยี่ยหลีเอ่ยปากถามขึ้นเรียบๆ

เพียงฮว่ากั๋วกงเห็นเฟิ่งจือเหยาที่เดินตามฮองเฮามา สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แต่เห็นว่าเยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาอยู่ที่นี่ด้วย ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดมาก แค่เพียงมือที่วางอยู่บนที่เท้าแขนค่อยๆ กำแน่นขึ้นเท่านั้น

หางตาเยี่ยหลีเหลือบมองไปทางฮว่ากั๋วกงทีหนึ่ง ก่อนจะส่งยิ้มให้เฟิ่งจือเหยาพลางเอ่ยถามขึ้น

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮองเฮาก็หันไปมองเฟิ่งจือเหยาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางก็เห็นว่าสีหน้าของเฟิ่งจือเหยาไม่สู้ดีนัก แต่เพราะทั้งสองมีปากเสียงกันจนนางรู้สึกไม่พอใจ นางถึงไม่ได้เอ่ยถามอันใดมาก เพียงคิดว่าเมื่อคืนเขาคงพักผ่อนไม่เพียงพอเท่านั้น ยามนี้เมื่อได้พิจารณาโดยละเอียดแล้ว ถึงได้เห็นว่าสีหน้าของเฟิ่งจือเหยาไม่สู้ดีเอาเสียเลยจริงๆ ใบหน้าเขาดูมีความอ่อนล้าและซีดขาวอย่างไม่อาจปกปิดไว้ได้มิด

“ไม่เป็นอันใด ขอบพระคุณพระชายาที่เป็นห่วง” เฟิ่งจือเหยาเอ่ยเสียงเบา

เยี่ยหลีขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ซิวเหยาลงมือกับเจ้าไม่เบานัก ไว้ให้ท่านหมอมาดูสักหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวจะทิ้งอาการบาดเจ็บเรื้อรังอันใดไว้”

เฟิ่งจือเหยานิ่งเงียบพลางก้มหน้าลง ทั้งไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ

เมื่อเยี่ยหลีเอ่ยเช่นนี้ ทั้งสองที่อยู่ ณ ที่นั้นก็เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดขึ้นมาทันที

ฮองเฮาหน้าขาวซีด ส่วนสีหน้าฮว่ากั๋วกงก็ยิ่งดูย่ำแย่ขึ้นไปอีก

ม่อซิวเหยาโบกมือเอ่ยว่า “มีเรื่องอันใด นั่งลงพูดคุยกันเถิด พี่ฮว่า ต่อให้ท่านจะกลับวังก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนกลับในเวลานี้”

การที่เขาเอ่ยเรียกว่าพี่ฮว่า ทำให้ขอบตาของฮองเฮาแดงก่ำขึ้นทันที อันที่จริงตั้งแต่นางแต่งงานไปกับม่อจิ่งฉี ม่อซิวเหยาก็ไม่เคยเรียกนางว่าพี่ฮว่าอีกเลย การเรียกขานอย่างคนธรรมดาทั่วไปเช่นนี้ กลับทำให้นางนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาอันสดใสในวัยเด็กของสาวน้อยวัยแรกแย้ม

ฮว่ากั๋วกงจับสังเกตทุกคนที่นั่งอยู่มานานแล้ว เขาถอนใจยาวออกมา โบกมือกล่าวว่า “เอาเถิด ถึงอย่างไรเรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว กลับไปช้าอีกหน่อยก็ไม่แย่ไปกว่ากันสักเท่าไรหรอก”

ฮองเฮากับเฟิ่งจือเหยาถึงได้นั่งลงซ้ายคนขวาคย

เฟิ่งจือเหยานั่งลงตรงข้ามฮว่ากั๋วกง แต่สายตากลับจ้องนิ่งไปยังฮองเฮาประหนึ่งคนที่อยู่ข้างๆ ไม่มีตัวตนอยู่กระนั้น

ฮว่ากั๋วกงเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็มิได้พูดอันใดออกมา

“กั๋วกงผู้เฒ่า ท่านคิดจะส่งฮองเฮากลับวังจริงๆ หรือ” ม่อซิวเหยาหันไปเอ่ยถามฮว่ากั๋วกงด้วยสีหน้าเรียบเฉย “กั๋วกงผู้เฒ่าน่าจะรู้ว่า ข่าวที่ฮองเฮาหายตัวไปคงแพร่ออกไปทั่ววังแล้ว ถึงแม้ยามนี้กั๋วกงผู้เฒ่าจะส่งนางกลับไปได้อย่างแนบเนียน แต่หากต่อไปประมุขคนใหม่หรือคนอื่นๆ คิดอยากหาเรื่องเล่นงานฮองเฮา เรื่องนี้จะต้องเป็นข้ออ้างที่ดีอย่างแน่นอน”

ฮว่ากั๋วกงถลึงตาใส่เฟิ่งจือเหยาอย่างหัวเสียทีหนึ่ง เขาก็เป็นชายแก่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากแล้วคนหนึ่ง เมื่อได้มาอยู่ในสถานการณ์ตรงหน้า เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอันใดขึ้น

ฮว่ากั๋วกงผินหน้าไปมองบุตรสาวที่นั่งสีหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ แล้วจึงระบายลมหายใจออกมาด้วยความจนใจ “หากไม่กลับไปแล้วจะอย่างไร หากเป็นไปได้ เหตุใดตระกูลฮว่าของพวกเราถึงจะไม่ยินดี…ความหมายของท่านอ๋อง ข้าเข้าใจแล้ว เพียงแต่ด้วยฐานะของฮองเฮาไม่เหมือนกับผู้อื่น หากในอนาคตมีคนรู้ว่าฮองเฮาไปอยู่ที่ซีเป่ย คงส่งผลเสียอย่างมากต่อชื่อเสียงและเกียรติยศของท่านอ๋องและตำหนักติ้งอ๋อง

เดิมทีจวนฮว่ากั๋วกงยินดีที่จะให้บุตรสาวแต่งงานกับม่อจิ่งฉีที่ยามนั้นยังเป็นเพียงองค์ชายเมื่อใดกัน ความรุ่งเรืองของตระกูลฮว่าอยู่ในจุดสูงสุดแล้ว ขอเพียงเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าผู้ใดขึ้นนั่งบัลลังก์ก็ยังต้องให้เกียรติตระกูลฮว่าอยู่บ้าง การเป็นชายาองค์ชายหรือแม้กระทั่งฮองเฮา สำหรับตระกูลฮว่าแล้ว ไม่เคยถือเป็นเรื่องดีมาก่อน น่าเสียดายก็เพียง…ยามนั้นอดีตฮ่องเต้เกรงว่าตระกูลฮว่ากับตำหนักติ้งอ๋องจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมากเกินไป จึงบังคับให้จับตระกูลฮว่ามัดไว้บนเรือลำเดียวกับม่อจิ่งฉีที่จะได้ขึ้นครองราชย์ต่อไป ประมุขต้องการให้ขุนนางตาย ขุนนางไม่อาจไม่ตายได้ นับประสาอันใดกับแค่การพระราชทานงานสมรส

ฮว่ากั๋วกงรับรู้มาตลอดว่าเฟิ่งจือเหยามีตัวตนอยู่ แต่เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับเฟิ่งจือเหยาจนเกินไป มิใช่เพราะเขานึกดูถูกเฟิ่งจือเหยา แต่เพราะถึงอย่างไรเฟิ่งจือเหยาก็อ่อนกว่าฮองเฮาอยู่หลายปี ยามที่ฮองเฮาออกเรือนนั้น เฟิ่งจือเหยายังไม่โตเป็นหนุ่มเลยด้วยซ้ำ ต่อให้ยามนั้นมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น เขาก็ถือเสียแค่ว่าเป็นเพียงเด็กน้อยที่ทำไปเพราะความใหลหลงเท่านั้น ดังนั้นคืนก่อนที่ฮองเฮาจะแต่งงานออกไปแล้วเฟิ่งจือเหยาลอบเข้ามาที่จวนฮว่ากั๋วกง เขาไม่เพียงไม่ให้คนจับตัวไว้ แต่กลับปล่อยให้พวกเขาได้พบหน้ากันอีกด้วย มิเช่นนั้น มีหรือที่เฟิ่งจือเหยาที่เพิ่งอายุได้สิบห้าปี จะบุกเข้าไปในจวนกั๋วกงที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ง่ายๆ

เรื่องเหล่านี้ ฮว่ากั๋วกงย่อมไม่มีทางพูดออกมา เขามองสำรวจบุรุษในชุดสีแดงตรงหน้า เฟิ่งจือเหยาที่อายุกว่าสามสิบปี ไม่ใช่เด็กหนุ่มน้อยที่เดินจากไปพร้อมความผิดหวังท่ามกลางสายฝนคนนั้นอีกต่อไป บนใบหน้าหล่อเหลามีความสุขุมและสง่างามอย่างที่ในวัยเด็กหนุ่มเขาไม่มี ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เฟิ่งจือเหยาที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับม่อซิวเหยา ยามนี้ยังไม่แต่งงานมีภรรยา แม้แต่อนุสักคนก็ยังไม่มี กับเรื่องนี้เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ฮว่ากั๋วกงย่อมรู้ดี ไม่ว่าจะมองจากมุมใด เฟิ่งจือเหยาก็เป็นตัวเลือกบุตรเขยที่น่าพอใจที่สุด น่าเสียดายก็เพียง…เขาพิจารณาบุรุษตรงหน้า ที่ถึงแม้จะผ่ายผอมอ่อนล้า แต่กลับไม่อาจบดบังความหล่อเหลาในใบหน้าไปได้ แล้วสีหน้าของฮว่ากั๋วกงก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความสงสารและจนใจ

มุมปากเยี่ยหลียกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “กั๋วกงผู้เฒ่า ตระกูลฮว่ามีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือฮ่องเต้พระองค์ใหม่หรือไม่”

ฮว่ากั๋วกงอึ้งไป ไม่คิดว่าเยี่ยหลีจะเอ่ยถามเรื่องนี้ออกมาตรงๆ แต่เมื่อเห็นม่อซิวเหยาไม่มีท่าทีอันใดเพียงจิบชาต่อไปเงียบๆ ด้วยความที่เขารู้จักตำหนักติ้งอ๋องและตัวม่อซิวเหยาเป็นอย่างดี จึงเพียงส่ายหน้าและตอบตามตรงว่า “จวนฮว่ากั๋วกง เกรงว่าต่อให้มีใจก็คงไม่มีความสามารถอยู่ดี”

ทายาทรุ่นต่อๆ มาของตำหนักฮว่ากั๋วกง ถึงแม้จะไม่มีผู้ใดที่เป็นคุณชายเจ้าสำราญ แต่ก็ไม่มีบุคคลที่มีความสามารถโดดเด่น ยามที่เขามีชีวิตอยู่ แน่นอนว่ายังพอสามารถช่วยเหลืออันใดได้บ้าง แต่ตัวเขาก็อายุกว่าแปดสิบปีแล้ว ผู้ใดเลยจะรู้ว่าจะฝืนสังขารไปได้อีกสักกี่วัน เมื่อใดก็ตามหากเขาไม่อยู่แล้ว คงไม่ได้มีเพียงตำหนักฮว่ากั๋วกงที่คอยช่วยเหลือฮ่องเต้พระองค์ใหม่เท่านั้นที่จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่อาจทำให้ตระกูลถึงขั้นล่มสลาย เกรงว่าแม้แต่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลฮว่า ก็คงถึงคราวโชคร้ายไปด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+