ชายาเคียงหทัย 301-4 บทสุดท้ายของจูเยี่ยน

Now you are reading ชายาเคียงหทัย Chapter 301-4 บทสุดท้ายของจูเยี่ยน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

​“​พระ​ชายา​ ​ระวัง​ขอรับ​!​”​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ที่​กำลัง​ยิ้ม​อย่าง​มีความสุข​ปรายตา​มองเห็น​แสงสี​เงิน​วาบ​ขึ้น​ทันใด​ ​จึง​รีบ​แผดเสียง​เตือน​ ​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ ​ทหาร​องครักษ์​ของ​จู​หลิง​คน​หนึ่ง​เห็น​ว่า​เยี​่ย​หลีก​ระ​ทำ​โดย​ไม่​เลือก​วิธี​ต่อ​จู​หลิง​ ​นัยน์ตา​ก็​ส่อง​ประกาย​อำมหิต​ ​และ​วินาที​ที่​เยี​่ย​หลีกับ​จู​หลิง​แยก​ออกจาก​กัน​ ​อาวุธ​ลับ​แสงสี​เงิน​นั้น​ก็​พุ่ง​ออก​ไป

​ขณะที่​ได้ยิน​เสียงเตือน​ของ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ ​เยี​่ย​หลีก​็​ได้ยิน​เสียง​ของ​อาวุธ​ลับ​ดัง​ขึ้น​จาก​ด้านหลัง​เช่นกัน​ ​จึง​ตวัด​กริช​ไป​ด้านหลัง​เพื่อ​ป้องกัน​อาวุธ​ลับ​นั่น​โดย​ไม่​แม้แต่​จะ​หันหน้า​ไป​ ​แต่กลับ​เห็น​จู​หลิง​ที่อยู่​ไม่​ไกล​ลอยตัว​พุ่ง​เข้ามา​ทันที​ ​เยี​่ย​หลี​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ​ขณะที่​จะ​ตั้งท่า​รับ​ด้วย​ฝ่ามือ​ ​กลับ​เห็น​ว่า​จู​หลิง​ใช้​มือ​ผลัก​ตัวเอง​ ​ทำให้​อาวุธ​ลับ​นั่น​พุ่ง​เข้าที่​อก​ของ​จู​หลิง​โดยง่าย​ดาย

​“​คุณชาย​!​”​ ​ทหาร​องครักษ์​แผดเสียง​ร้อง​ ​ยัง​ไม่ทัน​ได้​มี​ปฏิกิริยา​โต้ตอบ​ ​ศร​ธนู​ยาว​ของ​ทหาร​ตระกูล​ม่อ​ก็ได้​ทะลวง​เข้าที่​อก​ของ​พวกเขา​แล้ว

​เยี​่ย​หลี​ทรงตัว​ให้​ยืน​นิ่ง​ ​หันไป​มอง​บุรุษ​รูปงาม​เผย​ใบหน้า​ที่​ตื่นตระหนก​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​เห็น​พระ​ชายา​ไม่เป็นอะไร​ ​จึง​ถอนหายใจ​โล่งอก​แล้ว​รีบ​นำ​คน​เข้ามา​ตรวจสอบ​ผู้คน​กลุ่ม​นั้น​ว่ายั​งมี​ชีวิต​อยู่​หรือไม่​ ​เพื่อ​ป้องกัน​ไม่​ให้​อาวุธ​ลับ​โผล่​ขึ้น​ฉับพลัน​เช่นนั้น​อีก

​อาวุธ​ลับ​นั่น​เป็น​ลูกดอก​กิ่ง​หลิว​กิ่ง​หลิว​ที่​พบ​เจอ​ได้​ทั่วไป​ ​ลูกดอก​ทั้ง​เล่ม​ปัก​เข้าไป​ใน​อก​ของ​จู​หลิง​ ​เหลือ​แต่เพียง​หัว​ลูกดอก​สีฟ้า​เข้ม​ส่อง​ประกาย​วาว​ออกมา​ด้านนอก​ ​สีหน้า​ของ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​และ​เอ่ย​ ​“​ลูกดอก​อาบยาพิษ​”​ ​หลิน​หัน​มอง​จู​หลิง​ที่​ล้ม​นอน​บน​พื้น​ ​และ​พูดเสี​ยง​เรียบ​ ​“​ต่อให้​เขา​ไม่​กัน​เอาไว้​ ​ลูกดอก​ก็​ยิง​ไม่​โดน​พระ​ชายา​หรอก​”​ ​แต่เดิม​กริช​บน​มือ​ของ​เยี​่ย​หลีก​็​สามารถ​ปัด​ลูกดอก​ที่​ลอยมา​นี้​ร่วง​ตกลง​ไป​ได้​ ​แต่กลับ​ถูก​จู​หลิง​เข้ามา​รับ​ไว้​ก่อน

​ชายหนุ่ม​ที่​สง่างาม​ขยับ​ริมฝีปาก​ยิ้ม​อย่างลำบาก​ก่อน​จะ​พูด​ ​“​ข้า​แพ้​แล้ว​…​ชีวิต​นี้​ของ​ข้า​ ​ไม่​นึก​ว่า​จะ​เป็น​เช่นนี้​…​”

​เยี​่ย​หลี​พูด​อย่างสงบ​นิ่ง​ ​“​ชนะ​หรือ​แพ้​ก็​เป็นเรื่อง​ธรรมดา​ของ​ทหาร​ ​มี​แต่​ผู้​มีชีวิตรอด​เท่านั้น​ถึง​จะ​สามารถ​พลิก​เกม​ได้​ ​หาก​ตาย​ก็​เท่ากับ​ไม่​เหลือ​อะไร​อีกแล้ว​”​ ​จู​หลิง​อึ้ง​ ​แล้ว​ส่ายหน้า​ยิ้ม​ให้​นาง​ทันที​ ​“​มา​พูด​ใน​ตอนนี้​ยัง​จะ​มีความหมาย​อะไร​อีก​ ​ข้า​ไม่เคย​คิดมาก​่อน​เลย​…​ไม่​คิด​ว่า​ตัวเอง​จะ​พ่ายแพ้​เช่นนี้​…​เหมือนกับ​ที่​ข้า​ไม่เคย​คิดมาก​่อน​เลย​ว่า​เจ้า​จะ​เป็น​…​จะ​เป็น​พระ​ชายา​ติ้ง​อ๋อง​…​”

​เยี​่ย​หลี​เงียบ​ ​จู​หลิง​ยิ้ม​บาง​ๆ​ ​“​เจ้า​ไม่ต้อง​…​ไม่ต้อง​รู้สึก​ผิด​ ​ข้า​เหนื่อย​แล้ว​…​เหนื่อย​แล้ว​…​”​ ​ชัดเจน​ว่า​พิษ​ของ​ลูกดอก​กิ่ง​หลิว​ไม่ใช่​พิษ​อ่อน​ๆ​ ​ธรรมดา​แต่อย่างใด​ ​ภายใน​เวลา​ไม่นาน​ริมฝีปาก​ของ​จู​หลิง​ก็​มี​เลือด​ดำ​ไหล​ซึม​ออกมา​ ​และ​ดวงตา​ก็​ปิด​ลง​อย่าง​ช้าๆ

​เยี​่ย​หลี​มองดู​ภาพ​ของ​ศพ​ท่ามกลาง​ป่า​เบื้องหน้า​ ​มองดู​ชายหนุ่ม​สวม​ชุด​ขาวนวล​จันทร์ที​่​เปื้อน​ด้วย​รอย​เลือด​ทั้ง​กาย​ ​และ​หลับตา​ทั้งสอง​ข้าง​ลง​อย่างสงบ​ ​ก็​พลัน​รู้สึก​เย็นวาบ​เข้า​กระดูก​ ​จน​อด​ไม่ได้​ที่จะ​กอด​แขน​ตัวเอง​ไว้

​“​พระ​ชายา​ ​เดิมที​เขา​ก็​ไม่​อยาก​จะ​มีชีวิต​อยู่​แล้ว​ ​มิใช่​ความผิด​ของ​ท่าน​เลย​”​ ​หลิน​หัน​พูดเสียงต่ำ​ ​แม้ว่า​จู​หลิง​จะ​ไม่​บัง​ลูกดอก​ ​พระ​ชายา​ก็​จะ​ไม่เป็นอะไร​อย่างแน่นอน​ ​พวกเขา​ยืน​ไกล​ขนาด​นั้น​ยัง​เห็นได้ชัด​ ​จู​หลิง​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​จึง​ย่อม​ต้อง​มองออก​ ​ตั้งแต่​ตอนที่​เขา​ดึง​ดาบ​ขอ​ต่อสู้​ ​ก็ได้​เตรียมใจ​ยอมรับ​ความตาย​ไว้​แล้ว​ ​ชายหนุ่ม​ผู้​หยิ่งยโส​เช่นนี้​กลับ​ต้อง​ลิ้มลอง​กับ​ความพ่ายแพ้​อัน​หดหู่​ขนาด​นี้​ตั้งแต่​การ​รบ​ครั้งแรก​ของ​ชีวิต​ ​เขา​จึง​ไม่มีเหตุผล​ที่จะ​ให้​ตัวเอง​มีชีวิต​อยู่​ต่อไป​อีก

​“​ข้า​รู้​”​ ​เยี​่ย​หลี​พยักหน้า​พลาง​พูด​ ​“​เก็บกวาด​สนามรบ​ ​กลับ​ไป​เสริมกำลัง​แม่ทัพ​จาง​!​”

​“​ขอรับ​พระ​ชายา​”​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​รับคำ

​ใน​เมือง​เล็ก​ที่​ไกล​ออก​ไป​หลาย​สิบ​กว่า​ลี้​ ​จู​เยี​่​ยน​ที่​ไม่​สามารถ​นอนหลับ​ได้​อย่างสงบ​กลางดึก​ ​ยืน​อยู่​บน​กำแพงเมือง​ทอดสายตา​มองออก​ไป​ไกล​ ​ทันใดนั้น​ใน​ใจ​ของ​เขา​พลัน​เกิด​ความรู้สึก​หวาดหวั่น​อย่าง​ชอบกล​ ​ขณะ​เหม่อมอง​ไป​ทาง​ด้าน​ตะวันตกเฉียงใต้​ ​มุม​ปาก​ก็​สั่นระรัว​ ​และ​หยดน้ำ​ตา​ทั้งสอง​ข้าง​ค่อยๆ​ ​ไหลริน​ลง​บน​ใบหน้า​ที่​เต็มไปด้วย​ริ้วรอย​เหี่ยว​ย่น

​“​หลิง​เอ๋อร​์​…​”

​ทหาร​รักษาการณ์​ใน​เมือง​เล็ก​ของ​ซี​หลิง​บุก​โจมตี​กะทันหัน​ใน​ช่วงเวลา​ยาม​สี่​[1]​ ​แม้ว่า​ทหาร​ตระกูล​ม่อ​ชั้นผู้ใหญ่​และ​ผู้น้อย​ล้วน​เตรียมการ​เฝ้า​ระวัง​เอาไว้​แล้ว​ ​แต่ว่า​ยาม​สี่​เป็นเวลา​ที่​พวก​แม่ทัพ​ส่วนใหญ่​รู้สึก​ง่วง​หงาว​หาวนอน​พอดี​ ​แล้ว​เกิด​การบุก​โจมตี​ฉับพลัน​ขึ้น​มา​ ​จึง​ทำให้​ทหาร​ตระกูล​ม่อ​เกิด​ความ​สับสนวุ่นวาย​เล็กน้อย​ ​ทว่า​ ​อย่างไร​ก็​เป็น​ทหาร​ฉกาจ​ที่ผ่านมา​แล้ว​ร้อย​ศึก​ ​ทหาร​ตระกูล​ม่อ​ก็ได้​โต้ตอบ​อย่างรวดเร็ว​ ​และ​เริ่ม​ฆ่าฟัน​กับ​กองทัพ​ใหญ่​ซี​หลิง​ของ​จู​เยี​่​ยน​ขึ้น

​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​ ​ทำไม​จู​เยี​่​ยน​ถึง​ได้​ให้​ทหาร​ออกมา​บุก​จู่โจม​กะทันหัน​เล่า​”​ ​ด้านหลัง​กองทัพ​ใหญ่​ ​จาง​ฉี่​หลาน​จ้อง​สนามรบ​ที่อยู่​ตรงหน้า​และ​ถาม​เสียง​ขรึม​ ​เขา​ขี่ม้า​ศึก​มาค​รึ​่ง​ชีวิต​ย่อม​ดูออก​ว่า​บรรยากาศ​ทหาร​รักษาการณ์​ของ​ซี​หลิง​ตรงหน้า​เหล่านี้​ไม่​เหมือนกับ​ก่อนหน้า​นั้น​โดยสิ้นเชิง​ ​และ​รู้สึก​ได้​ชัด​ถึง​ความรู้สึก​ยอมจำนน​ต่อ​ความตาย​ ​พร้อมกับ​อยาก​จะ​พาท​หาร​ตระกูล​ม่อ​ให้​ลง​ไป​ตาย​ด้วย​ ​เมื่อ​เงยหน้า​มอง​เงา​ร่าง​ซูบ​ชรา​ที่​ยืน​นิ่ง​ตรง​อยู่​บน​กำแพงเมือง​ไกลๆ​ ​จาง​ฉี่​หลาน​ก็​มักจะ​รู้สึก​ว่า​มีเรื่อง​อะไร​ที่​เขา​ไม่รู้​เกิดขึ้น​อยู่​ตลอด​ ​ดู​จาก​ความสามารถ​และ​ประสบการณ์​ของ​จู​เยี​่​ยน​ ​เขา​จะ​ไม่​ตัดสินใจ​บุก​โจมตี​อย่าง​บุ่มบ่าม​เช่นนี้​อย่างแน่นอน

​ฉิน​เฟิง​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​กลับ​มีสี​หน้าปก​ติ​ ​และ​พูด​อย่าง​เรียบ​เฉย​ ​“​ทาง​ฝั่ง​พระ​ชายา​น่าจะ​ทำสำเร็จ​แล้ว​ ​แต่ว่า​…​พวกเรา​ยัง​ไม่ได้​รับ​ข่าวสาร​เลย​ ​เหตุใด​จู​เยี​่​ยน​ถึง​ได้ข่าว​สาร​แล้ว​ล่ะ​”

​“​สำเร็จ​หรือ​”​ ​จาง​ฉี่​หลาน​หัน​กาย​กลับ​ไป​คว้า​คอเสื้อ​ของ​ฉิน​เฟิง​ ​“​เจ้า​ยัง​ไม่ได้​บอก​ข้า​เสียที​ ​ตกลง​ว่า​พระ​ชายา​ไป​ทำ​อะไร​กัน​แน่​”​ ​ฉิน​เฟิง​ปัด​มือ​ที่​คว้า​คอเสื้อ​ของ​ตัวเอง​อย่าง​ไม่รีบร้อน​ ​“​พระ​ชายา​ไป​ตรวจสอบ​สถานที่​ที่​พวก​ทหาร​หลาย​แสน​คน​ของ​จู​หลิง​อยู่​ ​แล้วก็​…​ที่​แห่ง​นั้น​น่าจะ​มี​เสบียง​อีก​จำนวนมาก​อะไร​ทำนอง​นั้น​ ​เช่นนี้​ ​พวกเรา​ก็​ไม่ต้อง​กังวล​ปัญหา​เรื่อง​เสบียง​กับ​ความต้องการ​ของ​ทหาร​ไป​พัก​หนึ่ง​แล้ว​”

​“​ว่า​อย่างไร​นะ​”​ ​จาง​ฉี่​หลาน​ตื่นตระหนก​ ​“​พระ​ชายา​ไป​…​”​ ​ฉิน​เฟิง​ยิ้ม​พลาง​พูด​ ​“​มิเช่นนั้น​ท่าน​แม่ทัพ​คิด​ว่า​พวกเรา​เฝ้า​อยู่​ที่​เมือง​ซ่อม​ซ่อ​เช่นนี้​หลาย​วัน​เพื่อ​อะไร​กัน​เล่า​ ​ถ้าหาก​พวกเขา​ซ่อน​อยู่​ใน​เขา​ลึก​ไม่ยอม​ออกมา​ ​พวกเรา​ก็​ต้อง​ส่ง​กองทัพ​ใหญ่​จำนวน​สามสี​่​แสนนาย​เข้าไป​ ​จะ​ทำ​อะไร​พวกเขา​ได้​หรือเปล่า​ก็​ไม่รู้​ ​ตอนนี้​ไม่ใช่​ว่า​พวกเขา​ออก​กัน​มา​แล้ว​หรือ​ ​พอ​พวกเขา​ออกมา​ ​พวกเรา​ก็​สามารถ​ใช้​โอกาส​นี้​ยึด​ที่นี่​ได้​ ​แล้วก็​ ​กองทัพ​ของ​ศัตรู​จำนวน​หนึ่ง​แสนนาย​ที่​กลับ​ไป​เมื่อคืนก่อน​น่าจะ​ไม่​เหลือ​แล้ว​ ​ไม่อย่างนั้น​จู​เยี​่​ยน​คง​ไม่​บ้าคลั่ง​ได้ขนาด​นี้​”

​จาง​ฉี่​หลาน​สูด​หายใจเข้า​ลึก​ๆ​ ​เขา​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​เกือบ​ตกใจ​เพราะ​ข่าว​ที่​รับรู้​กะทันหัน​นี้​จน​พราก​ชีวิต​เขา​ไป​แล้ว​ ​แต่ว่า​นี่​…​อย่างไร​ก็​ถือว่า​เป็นข่าว​ดี​ไม่ใช่​หรือ​ ​แม้ว่า​จู​เยี​่​ยน​จะ​บ้าคลั่ง​ ​แต่​การต่อสู้​ใน​ช่วงเวลา​ที่​ท้องฟ้า​มืดมิด​ไร้​แสงไฟ​เช่นนี้​ ​เขา​ก็​ไม่จำเป็น​ต้อง​กลัว​ ​กำลัง​ทหาร​ของ​ทั้งสอง​ฝั่ง​ไม่​ต่างกัน​เท่าไร​ ​สุดท้าย​แล้ว​ใคร​ชนะ​ใคร​แพ้​ก็​พูด​ยาก​อยู่ดี

​ขณะที่​ทหาร​สอง​ฝ่าย​สู้รบ​กัน​อย่าง​วุ่นวาย​ ​ก็​มีเสียง​ดังสนั่น​มาจาก​ที่​ไกลๆ​ ​ทหาร​ตระกูล​ม่อ​ที่​คุ้นเคย​กับ​พวกเขา​ล้วน​เผย​สีหน้า​แห่ง​ความยินดี

​“​นั่น​หน่วย​อัศวิน​เมฆา​ดำ​!​ ​หน่วย​อัศวิน​เมฆา​ดำ​มา​แล้ว​!​”​ ​ทาง​ด้าน​ตะวันตกเฉียงใต้​ ​ทหาร​ขี่ม้า​สีดำ​ตะบึง​มาถึง​ราวกับ​พายุ​ ​และ​บุก​เข้ามา​กลาง​สนามรบ​อย่างว่องไว​ปาน​สายลม​ ​ไม่นาน​ ​สนามรบ​ที่​แต่เดิม​มี​กำลัง​ทหาร​เท่าเทียม​ ​ก็​ปรากฏ​ว่า​มี​ฝั่ง​หนึ่ง​ได้เปรียบ​ขึ้น​มา​ ​ที่​ด้านหลัง​ของกอง​อัศวิน​เมฆา​ดำ​ ​เยี​่ย​หลี​และ​ม่อ​ซิว​เหยา​ขี่ม้า​ตัว​เก่ง​ตะบึง​ลง​ตาม​กัน​มา​ ​แล้ว​เข้าไป​รวม​กับ​ค่ายทหาร​ตระกูล​ม่อ​อย่างรวดเร็ว

​มองเห็น​เยี​่ย​หลีก​ลับ​มา​แต่ไกล​ ​จาง​ฉี่​หลาน​ก็​รีบ​พา​คน​เข้าไป​ต้อนรับ​ ​“​พระ​ชายา​!​”

​เยี​่ย​หลีก​วาด​สายตา​มองดู​สนามรบ​ตรงหน้า​ ​เหลือบเห็น​เงา​ร่าง​แก่​ชรา​และ​โดดเดี่ยว​บน​กำแพงเมือง​ ​จึง​ชะงัก​ไป​พัก​หนึ่ง​ ​ก่อน​จะ​เอ่ย​ขึ้น​ ​“​แม่ทัพ​จาง​ไม่ต้อง​พิธีรีตอง​หรอก​ ​สถานการณ์​การ​รบ​เป็น​อย่างไรบ้าง​”​ ​จาง​ฉี่​หลาน​ยิ้ม​พูด​ ​“​พระ​ชายา​วางใจ​เถิด​ ​ถ้า​มี​หน่วย​อัศวิน​เมฆา​ดำ​เข้าร่วม​ ​ก็​สามารถ​กำจัด​ทหาร​รักษาการณ์​ของ​ซี​หลิง​ได้​อย่าง​สิ้นซาก​ก่อน​ฟ้า​สว่าง​แน่นอน​”​ ​เห็น​เยี​่ย​หลีก​ลับ​มาด​้วย​ตา​ตัวเอง​ ​ครานี​้​จาง​ฉี่​หลาน​ถึง​วางใจ​ลง​ทั้งหมด​ได้​ ​หลาย​วันก่อน​ ​ชายา​พร้อมกับ​ฉิน​เฟิง​และ​คนอื่นๆ​ ​มาบ​อก​ว่า​ ​ท่าน​อ๋อง​สั่ง​พวก​นาง​ให้​มาช​่ว​ยป​้​อง​กัน​เมือง​ด้วยกัน​ ​ทว่า​ ​หลังจากที่​พระ​ชายา​มาค​รั้ง​นั้นแล​้​วก​็​ไม่เห็น​เงา​อีก​เลย​ ​จนกระทั่ง​เมื่อ​ครู่​ถึง​จะ​รู้​ว่า​พระ​ชายา​ไป​ทำ​อะไร​ ​จึง​ทำให้​เขา​ได้​แต่​หวาดผวา​จน​หัวใจ​เต้น​ระรัว​จนถึง​ตอนนี้​ ​ก็​ถ้า​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​พระ​ชายา​แล้ว​ ​พวกเขา​จะ​รับมือ​กับ​ท่าน​อ๋อง​อย่างไร​กัน​เล่า

[1]​ ยาม​สี่​ ​หมายถึง​เวลา​ตีหนึ่ง​ถึง​ตีสาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ชายาเคียงหทัย 301-4 บทสุดท้ายของจูเยี่ยน

Now you are reading ชายาเคียงหทัย Chapter 301-4 บทสุดท้ายของจูเยี่ยน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

​“​พระ​ชายา​ ​ระวัง​ขอรับ​!​”​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ที่​กำลัง​ยิ้ม​อย่าง​มีความสุข​ปรายตา​มองเห็น​แสงสี​เงิน​วาบ​ขึ้น​ทันใด​ ​จึง​รีบ​แผดเสียง​เตือน​ ​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ ​ทหาร​องครักษ์​ของ​จู​หลิง​คน​หนึ่ง​เห็น​ว่า​เยี​่ย​หลีก​ระ​ทำ​โดย​ไม่​เลือก​วิธี​ต่อ​จู​หลิง​ ​นัยน์ตา​ก็​ส่อง​ประกาย​อำมหิต​ ​และ​วินาที​ที่​เยี​่ย​หลีกับ​จู​หลิง​แยก​ออกจาก​กัน​ ​อาวุธ​ลับ​แสงสี​เงิน​นั้น​ก็​พุ่ง​ออก​ไป

​ขณะที่​ได้ยิน​เสียงเตือน​ของ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​ ​เยี​่ย​หลีก​็​ได้ยิน​เสียง​ของ​อาวุธ​ลับ​ดัง​ขึ้น​จาก​ด้านหลัง​เช่นกัน​ ​จึง​ตวัด​กริช​ไป​ด้านหลัง​เพื่อ​ป้องกัน​อาวุธ​ลับ​นั่น​โดย​ไม่​แม้แต่​จะ​หันหน้า​ไป​ ​แต่กลับ​เห็น​จู​หลิง​ที่อยู่​ไม่​ไกล​ลอยตัว​พุ่ง​เข้ามา​ทันที​ ​เยี​่ย​หลี​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ​ขณะที่​จะ​ตั้งท่า​รับ​ด้วย​ฝ่ามือ​ ​กลับ​เห็น​ว่า​จู​หลิง​ใช้​มือ​ผลัก​ตัวเอง​ ​ทำให้​อาวุธ​ลับ​นั่น​พุ่ง​เข้าที่​อก​ของ​จู​หลิง​โดยง่าย​ดาย

​“​คุณชาย​!​”​ ​ทหาร​องครักษ์​แผดเสียง​ร้อง​ ​ยัง​ไม่ทัน​ได้​มี​ปฏิกิริยา​โต้ตอบ​ ​ศร​ธนู​ยาว​ของ​ทหาร​ตระกูล​ม่อ​ก็ได้​ทะลวง​เข้าที่​อก​ของ​พวกเขา​แล้ว

​เยี​่ย​หลี​ทรงตัว​ให้​ยืน​นิ่ง​ ​หันไป​มอง​บุรุษ​รูปงาม​เผย​ใบหน้า​ที่​ตื่นตระหนก​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​เห็น​พระ​ชายา​ไม่เป็นอะไร​ ​จึง​ถอนหายใจ​โล่งอก​แล้ว​รีบ​นำ​คน​เข้ามา​ตรวจสอบ​ผู้คน​กลุ่ม​นั้น​ว่ายั​งมี​ชีวิต​อยู่​หรือไม่​ ​เพื่อ​ป้องกัน​ไม่​ให้​อาวุธ​ลับ​โผล่​ขึ้น​ฉับพลัน​เช่นนั้น​อีก

​อาวุธ​ลับ​นั่น​เป็น​ลูกดอก​กิ่ง​หลิว​กิ่ง​หลิว​ที่​พบ​เจอ​ได้​ทั่วไป​ ​ลูกดอก​ทั้ง​เล่ม​ปัก​เข้าไป​ใน​อก​ของ​จู​หลิง​ ​เหลือ​แต่เพียง​หัว​ลูกดอก​สีฟ้า​เข้ม​ส่อง​ประกาย​วาว​ออกมา​ด้านนอก​ ​สีหน้า​ของ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​และ​เอ่ย​ ​“​ลูกดอก​อาบยาพิษ​”​ ​หลิน​หัน​มอง​จู​หลิง​ที่​ล้ม​นอน​บน​พื้น​ ​และ​พูดเสี​ยง​เรียบ​ ​“​ต่อให้​เขา​ไม่​กัน​เอาไว้​ ​ลูกดอก​ก็​ยิง​ไม่​โดน​พระ​ชายา​หรอก​”​ ​แต่เดิม​กริช​บน​มือ​ของ​เยี​่ย​หลีก​็​สามารถ​ปัด​ลูกดอก​ที่​ลอยมา​นี้​ร่วง​ตกลง​ไป​ได้​ ​แต่กลับ​ถูก​จู​หลิง​เข้ามา​รับ​ไว้​ก่อน

​ชายหนุ่ม​ที่​สง่างาม​ขยับ​ริมฝีปาก​ยิ้ม​อย่างลำบาก​ก่อน​จะ​พูด​ ​“​ข้า​แพ้​แล้ว​…​ชีวิต​นี้​ของ​ข้า​ ​ไม่​นึก​ว่า​จะ​เป็น​เช่นนี้​…​”

​เยี​่ย​หลี​พูด​อย่างสงบ​นิ่ง​ ​“​ชนะ​หรือ​แพ้​ก็​เป็นเรื่อง​ธรรมดา​ของ​ทหาร​ ​มี​แต่​ผู้​มีชีวิตรอด​เท่านั้น​ถึง​จะ​สามารถ​พลิก​เกม​ได้​ ​หาก​ตาย​ก็​เท่ากับ​ไม่​เหลือ​อะไร​อีกแล้ว​”​ ​จู​หลิง​อึ้ง​ ​แล้ว​ส่ายหน้า​ยิ้ม​ให้​นาง​ทันที​ ​“​มา​พูด​ใน​ตอนนี้​ยัง​จะ​มีความหมาย​อะไร​อีก​ ​ข้า​ไม่เคย​คิดมาก​่อน​เลย​…​ไม่​คิด​ว่า​ตัวเอง​จะ​พ่ายแพ้​เช่นนี้​…​เหมือนกับ​ที่​ข้า​ไม่เคย​คิดมาก​่อน​เลย​ว่า​เจ้า​จะ​เป็น​…​จะ​เป็น​พระ​ชายา​ติ้ง​อ๋อง​…​”

​เยี​่ย​หลี​เงียบ​ ​จู​หลิง​ยิ้ม​บาง​ๆ​ ​“​เจ้า​ไม่ต้อง​…​ไม่ต้อง​รู้สึก​ผิด​ ​ข้า​เหนื่อย​แล้ว​…​เหนื่อย​แล้ว​…​”​ ​ชัดเจน​ว่า​พิษ​ของ​ลูกดอก​กิ่ง​หลิว​ไม่ใช่​พิษ​อ่อน​ๆ​ ​ธรรมดา​แต่อย่างใด​ ​ภายใน​เวลา​ไม่นาน​ริมฝีปาก​ของ​จู​หลิง​ก็​มี​เลือด​ดำ​ไหล​ซึม​ออกมา​ ​และ​ดวงตา​ก็​ปิด​ลง​อย่าง​ช้าๆ

​เยี​่ย​หลี​มองดู​ภาพ​ของ​ศพ​ท่ามกลาง​ป่า​เบื้องหน้า​ ​มองดู​ชายหนุ่ม​สวม​ชุด​ขาวนวล​จันทร์ที​่​เปื้อน​ด้วย​รอย​เลือด​ทั้ง​กาย​ ​และ​หลับตา​ทั้งสอง​ข้าง​ลง​อย่างสงบ​ ​ก็​พลัน​รู้สึก​เย็นวาบ​เข้า​กระดูก​ ​จน​อด​ไม่ได้​ที่จะ​กอด​แขน​ตัวเอง​ไว้

​“​พระ​ชายา​ ​เดิมที​เขา​ก็​ไม่​อยาก​จะ​มีชีวิต​อยู่​แล้ว​ ​มิใช่​ความผิด​ของ​ท่าน​เลย​”​ ​หลิน​หัน​พูดเสียงต่ำ​ ​แม้ว่า​จู​หลิง​จะ​ไม่​บัง​ลูกดอก​ ​พระ​ชายา​ก็​จะ​ไม่เป็นอะไร​อย่างแน่นอน​ ​พวกเขา​ยืน​ไกล​ขนาด​นั้น​ยัง​เห็นได้ชัด​ ​จู​หลิง​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​จึง​ย่อม​ต้อง​มองออก​ ​ตั้งแต่​ตอนที่​เขา​ดึง​ดาบ​ขอ​ต่อสู้​ ​ก็ได้​เตรียมใจ​ยอมรับ​ความตาย​ไว้​แล้ว​ ​ชายหนุ่ม​ผู้​หยิ่งยโส​เช่นนี้​กลับ​ต้อง​ลิ้มลอง​กับ​ความพ่ายแพ้​อัน​หดหู่​ขนาด​นี้​ตั้งแต่​การ​รบ​ครั้งแรก​ของ​ชีวิต​ ​เขา​จึง​ไม่มีเหตุผล​ที่จะ​ให้​ตัวเอง​มีชีวิต​อยู่​ต่อไป​อีก

​“​ข้า​รู้​”​ ​เยี​่ย​หลี​พยักหน้า​พลาง​พูด​ ​“​เก็บกวาด​สนามรบ​ ​กลับ​ไป​เสริมกำลัง​แม่ทัพ​จาง​!​”

​“​ขอรับ​พระ​ชายา​”​ ​เฟิ​่ง​จือ​เหยา​รับคำ

​ใน​เมือง​เล็ก​ที่​ไกล​ออก​ไป​หลาย​สิบ​กว่า​ลี้​ ​จู​เยี​่​ยน​ที่​ไม่​สามารถ​นอนหลับ​ได้​อย่างสงบ​กลางดึก​ ​ยืน​อยู่​บน​กำแพงเมือง​ทอดสายตา​มองออก​ไป​ไกล​ ​ทันใดนั้น​ใน​ใจ​ของ​เขา​พลัน​เกิด​ความรู้สึก​หวาดหวั่น​อย่าง​ชอบกล​ ​ขณะ​เหม่อมอง​ไป​ทาง​ด้าน​ตะวันตกเฉียงใต้​ ​มุม​ปาก​ก็​สั่นระรัว​ ​และ​หยดน้ำ​ตา​ทั้งสอง​ข้าง​ค่อยๆ​ ​ไหลริน​ลง​บน​ใบหน้า​ที่​เต็มไปด้วย​ริ้วรอย​เหี่ยว​ย่น

​“​หลิง​เอ๋อร​์​…​”

​ทหาร​รักษาการณ์​ใน​เมือง​เล็ก​ของ​ซี​หลิง​บุก​โจมตี​กะทันหัน​ใน​ช่วงเวลา​ยาม​สี่​[1]​ ​แม้ว่า​ทหาร​ตระกูล​ม่อ​ชั้นผู้ใหญ่​และ​ผู้น้อย​ล้วน​เตรียมการ​เฝ้า​ระวัง​เอาไว้​แล้ว​ ​แต่ว่า​ยาม​สี่​เป็นเวลา​ที่​พวก​แม่ทัพ​ส่วนใหญ่​รู้สึก​ง่วง​หงาว​หาวนอน​พอดี​ ​แล้ว​เกิด​การบุก​โจมตี​ฉับพลัน​ขึ้น​มา​ ​จึง​ทำให้​ทหาร​ตระกูล​ม่อ​เกิด​ความ​สับสนวุ่นวาย​เล็กน้อย​ ​ทว่า​ ​อย่างไร​ก็​เป็น​ทหาร​ฉกาจ​ที่ผ่านมา​แล้ว​ร้อย​ศึก​ ​ทหาร​ตระกูล​ม่อ​ก็ได้​โต้ตอบ​อย่างรวดเร็ว​ ​และ​เริ่ม​ฆ่าฟัน​กับ​กองทัพ​ใหญ่​ซี​หลิง​ของ​จู​เยี​่​ยน​ขึ้น

​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​ ​ทำไม​จู​เยี​่​ยน​ถึง​ได้​ให้​ทหาร​ออกมา​บุก​จู่โจม​กะทันหัน​เล่า​”​ ​ด้านหลัง​กองทัพ​ใหญ่​ ​จาง​ฉี่​หลาน​จ้อง​สนามรบ​ที่อยู่​ตรงหน้า​และ​ถาม​เสียง​ขรึม​ ​เขา​ขี่ม้า​ศึก​มาค​รึ​่ง​ชีวิต​ย่อม​ดูออก​ว่า​บรรยากาศ​ทหาร​รักษาการณ์​ของ​ซี​หลิง​ตรงหน้า​เหล่านี้​ไม่​เหมือนกับ​ก่อนหน้า​นั้น​โดยสิ้นเชิง​ ​และ​รู้สึก​ได้​ชัด​ถึง​ความรู้สึก​ยอมจำนน​ต่อ​ความตาย​ ​พร้อมกับ​อยาก​จะ​พาท​หาร​ตระกูล​ม่อ​ให้​ลง​ไป​ตาย​ด้วย​ ​เมื่อ​เงยหน้า​มอง​เงา​ร่าง​ซูบ​ชรา​ที่​ยืน​นิ่ง​ตรง​อยู่​บน​กำแพงเมือง​ไกลๆ​ ​จาง​ฉี่​หลาน​ก็​มักจะ​รู้สึก​ว่า​มีเรื่อง​อะไร​ที่​เขา​ไม่รู้​เกิดขึ้น​อยู่​ตลอด​ ​ดู​จาก​ความสามารถ​และ​ประสบการณ์​ของ​จู​เยี​่​ยน​ ​เขา​จะ​ไม่​ตัดสินใจ​บุก​โจมตี​อย่าง​บุ่มบ่าม​เช่นนี้​อย่างแน่นอน

​ฉิน​เฟิง​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​กลับ​มีสี​หน้าปก​ติ​ ​และ​พูด​อย่าง​เรียบ​เฉย​ ​“​ทาง​ฝั่ง​พระ​ชายา​น่าจะ​ทำสำเร็จ​แล้ว​ ​แต่ว่า​…​พวกเรา​ยัง​ไม่ได้​รับ​ข่าวสาร​เลย​ ​เหตุใด​จู​เยี​่​ยน​ถึง​ได้ข่าว​สาร​แล้ว​ล่ะ​”

​“​สำเร็จ​หรือ​”​ ​จาง​ฉี่​หลาน​หัน​กาย​กลับ​ไป​คว้า​คอเสื้อ​ของ​ฉิน​เฟิง​ ​“​เจ้า​ยัง​ไม่ได้​บอก​ข้า​เสียที​ ​ตกลง​ว่า​พระ​ชายา​ไป​ทำ​อะไร​กัน​แน่​”​ ​ฉิน​เฟิง​ปัด​มือ​ที่​คว้า​คอเสื้อ​ของ​ตัวเอง​อย่าง​ไม่รีบร้อน​ ​“​พระ​ชายา​ไป​ตรวจสอบ​สถานที่​ที่​พวก​ทหาร​หลาย​แสน​คน​ของ​จู​หลิง​อยู่​ ​แล้วก็​…​ที่​แห่ง​นั้น​น่าจะ​มี​เสบียง​อีก​จำนวนมาก​อะไร​ทำนอง​นั้น​ ​เช่นนี้​ ​พวกเรา​ก็​ไม่ต้อง​กังวล​ปัญหา​เรื่อง​เสบียง​กับ​ความต้องการ​ของ​ทหาร​ไป​พัก​หนึ่ง​แล้ว​”

​“​ว่า​อย่างไร​นะ​”​ ​จาง​ฉี่​หลาน​ตื่นตระหนก​ ​“​พระ​ชายา​ไป​…​”​ ​ฉิน​เฟิง​ยิ้ม​พลาง​พูด​ ​“​มิเช่นนั้น​ท่าน​แม่ทัพ​คิด​ว่า​พวกเรา​เฝ้า​อยู่​ที่​เมือง​ซ่อม​ซ่อ​เช่นนี้​หลาย​วัน​เพื่อ​อะไร​กัน​เล่า​ ​ถ้าหาก​พวกเขา​ซ่อน​อยู่​ใน​เขา​ลึก​ไม่ยอม​ออกมา​ ​พวกเรา​ก็​ต้อง​ส่ง​กองทัพ​ใหญ่​จำนวน​สามสี​่​แสนนาย​เข้าไป​ ​จะ​ทำ​อะไร​พวกเขา​ได้​หรือเปล่า​ก็​ไม่รู้​ ​ตอนนี้​ไม่ใช่​ว่า​พวกเขา​ออก​กัน​มา​แล้ว​หรือ​ ​พอ​พวกเขา​ออกมา​ ​พวกเรา​ก็​สามารถ​ใช้​โอกาส​นี้​ยึด​ที่นี่​ได้​ ​แล้วก็​ ​กองทัพ​ของ​ศัตรู​จำนวน​หนึ่ง​แสนนาย​ที่​กลับ​ไป​เมื่อคืนก่อน​น่าจะ​ไม่​เหลือ​แล้ว​ ​ไม่อย่างนั้น​จู​เยี​่​ยน​คง​ไม่​บ้าคลั่ง​ได้ขนาด​นี้​”

​จาง​ฉี่​หลาน​สูด​หายใจเข้า​ลึก​ๆ​ ​เขา​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​เกือบ​ตกใจ​เพราะ​ข่าว​ที่​รับรู้​กะทันหัน​นี้​จน​พราก​ชีวิต​เขา​ไป​แล้ว​ ​แต่ว่า​นี่​…​อย่างไร​ก็​ถือว่า​เป็นข่าว​ดี​ไม่ใช่​หรือ​ ​แม้ว่า​จู​เยี​่​ยน​จะ​บ้าคลั่ง​ ​แต่​การต่อสู้​ใน​ช่วงเวลา​ที่​ท้องฟ้า​มืดมิด​ไร้​แสงไฟ​เช่นนี้​ ​เขา​ก็​ไม่จำเป็น​ต้อง​กลัว​ ​กำลัง​ทหาร​ของ​ทั้งสอง​ฝั่ง​ไม่​ต่างกัน​เท่าไร​ ​สุดท้าย​แล้ว​ใคร​ชนะ​ใคร​แพ้​ก็​พูด​ยาก​อยู่ดี

​ขณะที่​ทหาร​สอง​ฝ่าย​สู้รบ​กัน​อย่าง​วุ่นวาย​ ​ก็​มีเสียง​ดังสนั่น​มาจาก​ที่​ไกลๆ​ ​ทหาร​ตระกูล​ม่อ​ที่​คุ้นเคย​กับ​พวกเขา​ล้วน​เผย​สีหน้า​แห่ง​ความยินดี

​“​นั่น​หน่วย​อัศวิน​เมฆา​ดำ​!​ ​หน่วย​อัศวิน​เมฆา​ดำ​มา​แล้ว​!​”​ ​ทาง​ด้าน​ตะวันตกเฉียงใต้​ ​ทหาร​ขี่ม้า​สีดำ​ตะบึง​มาถึง​ราวกับ​พายุ​ ​และ​บุก​เข้ามา​กลาง​สนามรบ​อย่างว่องไว​ปาน​สายลม​ ​ไม่นาน​ ​สนามรบ​ที่​แต่เดิม​มี​กำลัง​ทหาร​เท่าเทียม​ ​ก็​ปรากฏ​ว่า​มี​ฝั่ง​หนึ่ง​ได้เปรียบ​ขึ้น​มา​ ​ที่​ด้านหลัง​ของกอง​อัศวิน​เมฆา​ดำ​ ​เยี​่ย​หลี​และ​ม่อ​ซิว​เหยา​ขี่ม้า​ตัว​เก่ง​ตะบึง​ลง​ตาม​กัน​มา​ ​แล้ว​เข้าไป​รวม​กับ​ค่ายทหาร​ตระกูล​ม่อ​อย่างรวดเร็ว

​มองเห็น​เยี​่ย​หลีก​ลับ​มา​แต่ไกล​ ​จาง​ฉี่​หลาน​ก็​รีบ​พา​คน​เข้าไป​ต้อนรับ​ ​“​พระ​ชายา​!​”

​เยี​่ย​หลีก​วาด​สายตา​มองดู​สนามรบ​ตรงหน้า​ ​เหลือบเห็น​เงา​ร่าง​แก่​ชรา​และ​โดดเดี่ยว​บน​กำแพงเมือง​ ​จึง​ชะงัก​ไป​พัก​หนึ่ง​ ​ก่อน​จะ​เอ่ย​ขึ้น​ ​“​แม่ทัพ​จาง​ไม่ต้อง​พิธีรีตอง​หรอก​ ​สถานการณ์​การ​รบ​เป็น​อย่างไรบ้าง​”​ ​จาง​ฉี่​หลาน​ยิ้ม​พูด​ ​“​พระ​ชายา​วางใจ​เถิด​ ​ถ้า​มี​หน่วย​อัศวิน​เมฆา​ดำ​เข้าร่วม​ ​ก็​สามารถ​กำจัด​ทหาร​รักษาการณ์​ของ​ซี​หลิง​ได้​อย่าง​สิ้นซาก​ก่อน​ฟ้า​สว่าง​แน่นอน​”​ ​เห็น​เยี​่ย​หลีก​ลับ​มาด​้วย​ตา​ตัวเอง​ ​ครานี​้​จาง​ฉี่​หลาน​ถึง​วางใจ​ลง​ทั้งหมด​ได้​ ​หลาย​วันก่อน​ ​ชายา​พร้อมกับ​ฉิน​เฟิง​และ​คนอื่นๆ​ ​มาบ​อก​ว่า​ ​ท่าน​อ๋อง​สั่ง​พวก​นาง​ให้​มาช​่ว​ยป​้​อง​กัน​เมือง​ด้วยกัน​ ​ทว่า​ ​หลังจากที่​พระ​ชายา​มาค​รั้ง​นั้นแล​้​วก​็​ไม่เห็น​เงา​อีก​เลย​ ​จนกระทั่ง​เมื่อ​ครู่​ถึง​จะ​รู้​ว่า​พระ​ชายา​ไป​ทำ​อะไร​ ​จึง​ทำให้​เขา​ได้​แต่​หวาดผวา​จน​หัวใจ​เต้น​ระรัว​จนถึง​ตอนนี้​ ​ก็​ถ้า​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​พระ​ชายา​แล้ว​ ​พวกเขา​จะ​รับมือ​กับ​ท่าน​อ๋อง​อย่างไร​กัน​เล่า

[1]​ ยาม​สี่​ ​หมายถึง​เวลา​ตีหนึ่ง​ถึง​ตีสาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+