ชายาเคียงหทัย 294-1 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

Now you are reading ชายาเคียงหทัย Chapter 294-1 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไล่ให้ม่อจิ่งอวี๋กลับไปได้ ม่อซิวเหยาอารมณ์ดีขึ้นอย่างชัดเจน ดึงเยี่ยหลีเข้ามาในอ้อมกอดของตน ก่อนจะถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ ยิ้มพลางเอ่ย “อาหลี เจ้าว่าตาแก่พวกนั้นคิดอย่างไร ทั้งๆ ที่รู้ว่าข้าไม่มีทางยอมตกลง ยังจะส่งคนให้มาโน้มน้าวใจอีก”

เยี่ยหลีที่อิงอยู่ในอ้อมกอดเขา ยิ้มบางๆ เอ่ย “ทำไมพวกเขาถึงจะรู้ว่า เจ้าจะไม่ตอบตกลง ข้ากลับคิดว่าเดิมทีพวกเขาต้องคิดว่ามีโอกาสสูงมากที่เจ้าจะตอบตกลงละ” ท้ายที่สุดความคิดที่ว่าจวนติ้งอ๋องภักดีต่อต้าฉู่มาหลายร้อยปีได้ฝังรากลึกในจิตใจของทุกคน แม้ก่อนหน้านี้ม่อซิวเหยาจะบอกชัดเจนว่าได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับต้าฉู่แล้ว แต่หลังจากที่ม่อจิ่งฉีออกพระราชโองการสำนึกตน ในความคิดของขุนนางหลายคนต่างมองว่าทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด ในวันนี้ความจริงได้เปิดเผยอย่างชัดเจนแล้ว จวนติ้งอ๋องยังคงเป็นจวนติ้งอ๋องที่คอยปกป้องต้าฉู่

แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน ม่อจิ่งฉีสามารถขอโทษต่อหน้าคนทั้งใต้ฟ้าได้ ทว่าไม่มีใครกำหนดว่าจวนติ้งอ๋องและกองทัพตระกูลม่อจะยอมรับคำขอโทษและเลือกที่จะให้อภัย มองจากมุมนี้ บางทียังคงเป็นม่อจิ่งหลีที่มองได้ชัดเจนมากกว่า อย่างน้อยม่อจิ่งหลีไม่มีทางมาขอร้องม่อซิวเหยา ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขารู้ว่าม่อซิวเหยาจะไม่ตอบตกลง หรือเพื่อศักดิ์ศรีของตนเองก็ตาม

ม่อซิวเหยา ส่งเสียงฮึ ก่อนจะยิ้มบางๆ “ช่างเถอะ ครั้งนี้ก็ทำให้พวกเขาล้มเลิกความตั้งใจไปก็พอแล้ว”

เยี่ยหลีเงยหน้าขึ้น “แล้วทูตของซีหลิงเล่า” ม่อซิวเหยาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ให้พวกเขารออีกสักหน่อย เป็นคนคุ้นเคยของพวกเราเช่นกัน”

“เหลยเถิงเฟิงหรือ” เยี่ยหลีคิดเพียงครู่เดียว ก็รู้สถานะของผู้มาเยือนแล้ว อยากจะเจรจากับม่อซิวเหยา เจิ้นหนานอ๋องไม่มีทางส่งลูกหมาลูกแมวอย่างส่งๆ มาแน่นอน แม้ว่าตอนนี้ซีหลิงจะอยู่ในอำนาจของจวนเจิ้นหนานอ๋อง แต่สองพ่อลูกเหลยเจิ้นถิงยังคงปกป้องคนในราชวงศ์ซีหลิงได้เป็นอย่างดี ดังนั้นคนที่เชื่อใจได้ ทั้งยังมีความสามารถนี้ มีเพียงเหลยเถิงเฟิงเท่านั้น เยี่ยหลีถามอย่างสงสัย “เจ้าตัดสินใจจะตอบเหลยเถิงเฟิงอย่างไร” ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ยิ้มพลางเอ่ย “เหตุใดข้าต้องตอบเขา” เยี่ยหลีกระพริบตา “หรือว่าติ้งอ๋องไม่อยากรู้ว่า เจิ้นหนานอ๋องจะยื่นข้อเสนออะไรมาให้หรือ”

มุมปากม่อซิวเหยายกขึ้น เผยรอยยิ้มบางๆ ความเย็นชาฉายวาบขึ้นบนนัยน์ตา “ไม่เขาจะมีข้อเสนออะไร…เหลยเจิ้นถิงต่างต้องเสียใจ”

ดื่มชาไปครึ่งถ้วย ทั้งสองแอบอิงและคุยกันไปชั่วครู่ ก่อนจะสั่งให้คนไปเชิญเหลยเถิงเฟิงเข้ามา

เหลยเถิงเฟิงเป็นคนที่มาก่อนม่อจิ่งอวี๋ แม้ม่อจิ่งอวี๋จะมาทีหลังเขาเพียงก้าวเดียว ทว่าม่อซิวเหยากลับเลือกพบม่อจิ่งอวี๋ก่อน ทำให้ความมั่นใจที่จะเจรจาสำเร็จในตอนแรกของเหลยเถิงเฟิงสั่นคลอนไปบางส่วน สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ หลังจากม่อจิ้งอวี๋จากไป ม่อซิวเหยาก็ไม่ได้ขอพบเขาทันที กลับให้เขารอต่อไปอีกราวครึ่งชั่วยาม การต้อนรับเช่นนี้ทำให้เขาขาดความมั่นใจไปไม่น้อย ทว่าการฝึกฝนมาตลอดหลายปีก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์ เหลยเถิงเฟิงไม่ใช่คนมุทะลุมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นตอนที่จั๋วจิ้งได้รับคำสั่งให้มาเชิญเขา เขายังคงนั่งดื่มชาด้วยสีหน้าสงบนิ่งไม่ไหวติง

“ข้าน้อยคารวะติ้งอ๋อง คารวะพระชายา ท่านทั้งสองสง่างามกว่าตอนที่ได้พบกันที่ซีหลิงเมื่อปีที่แล้ว” เมื่อมองไปยังคนทั้งสองที่นั่งเคียงข้างกันบนบัลลังก์ เหลยเถิงเฟิงก็รู้สึกหดหู่อย่างอดไม่ได้ ทั้งสอง…เพียงแค่ความรักเดียวที่ติ้งอ๋องมีให้พระชายาติ้งอ๋อง ก็เพียวพอให้ผู้อื่นอิจฉาแล้ว แน่นอนว่า หากสามารถมีภรรยาเหมือนกับพระชายาติ้งอ๋องเช่นนี้ได้ เชื่อว่าไม่ว่าผู้ใดต่างก็ยอมรักเดียวใจเดียว แม้ภรรยาของเหลยเถิงเฟิงเองจะมีจำนวนนับไม่ถ้วน ทว่าเห็นคนทั้งสองเคียงข้างกันและคอยประคับประคองกันไปจนนิรันดร์เช่นนี้ ก็อดอิจฉาไม่ได้

เยี่ยหลียิ้ม เอ่ย “เจิ้นหนานอ๋องซื่อจื่อเชิญนั่ง ดูเหมือนว่าหลังจากที่เจอกันเมื่อปีที่แล้ว ซื่อจื่อก็ยังคงสง่างามดังเดิม จริงสิ ยินดีกับซื่อจื่อด้วยที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง ต่อไปควรจะต้องเรียกรุ่ยจวิ้นอ๋องแล้วกระมัง”

เหลยเถิงเฟิงผงะ เรื่องที่เขาได้แต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากซีหลิงเคลื่อนกำลังทหาร อีกทั้งไม่มีการประกาศอย่างโจ้งแจ้ง คิดไม่ถึงว่าเยี่ยหลีจะรู้เรื่องนี้แล้ว ช่องทางข่าวสารของพระชายาติ้งอ๋องไม่อาจดูเบาได้เลยจริงๆ แม้ว่าในใจจะตกตะลึง ใบหน้าของเหลยเถิงเฟิงกลับยังไม่ไหวติง ยิ้มบางๆ เอ่ย “ข้าน้อยละอายใจ พระชายากล่าวเกินไปแล้ว”

“เช่นนั้น…ไม่ทราบว่าที่รุ่ยอ๋องเดินทางมาไกลเช่นนี้ มีธุระอะไรหรือ” เยี่ยหลีถาม

เหลยเถิงเฟิงเหลือบไปมองชายผมขาวที่มองเยี่ยหลีด้วยรอมยิ้ม อยู่ข้างกายนาง ม่อซิวเหยาไม่ได้อยากจะเอ่ยปากอย่างเห็นได้ชัด เสมือนยกอำนาจการจัดการเรื่องนี้ให้พระชายาทั้งหมด แม้จะเป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าตำแหน่งของพระชายาติ้งอ๋องในจวนติ้งอ๋องนั้นสามารถกล่าวได้ว่าดีที่สุดในทุกราชวงศ์แล้ว แต่เหลยเถิงเฟิงยังตกใจตรงที่ว่า แม้แต่เรื่องที่สำคัญเช่นนี้ ม่อซิวเหยายังยกให้นางจัดการ

สบตากับสายตาสงบนิ่งและสง่างามของเยี่ยหลี เหลยเถิงเฟิงจึงหยุดความคิดในใจ เอ่ย “ข่าวสารจวนติ้งอ๋องรวดเร็ว คิดว่าข่าวเรื่องที่ซีหลิงเคลื่อนกำลังพลไปต้าฉู่ ติ้งอ๋องและพระชายาคงทราบแล้วใช่ไหม”

เยี่ยหลีพยักหน้า ยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไร

เหลยเถิงเฟิงถอนหายใจในใจ เอ่ย “เกรงว่าติ้งอ๋องและพระชายาคงทราบถึงสถานการณ์ของใต้ฟ้าในปัจจุบันแล้ว ข้าน้อยไม่บังอาจสอนจระเข้ว่ายน้ำ ตอนนี้ที่ชายแดนทางตอนเหนือของต้าฉู่มีเป่ยหรง ทางด้านตะวันตกมีซีหลิง แม้แต่ทางตะวันออกโจรสลัดก็สร้างปัญหาอยู่เสมอ แม้ว่าต้าฉู่จะมีดินแดนกว้างขวาง ประชากรจำนวนมาก แม้ว่าจะมีทหารแต่ไม่มีแม่ทัพ ก็ไม่อาจต้านทานการปิดล้อมของสามแคว้นได้ ตามคำสั่งของท่านพ่อ ข้าจึงมาขอคำปรึกษาจากติ้งอ๋อง สงครามครั้งนี้…ไม่ทราบว่าติ้งอ๋องตัดสินใจเช่นไร”

ม่อซิวเหยาหันข้างไปมองเขาอย่างเย็นชา สายตานี้ทำให้เหลยเถิงเฟิงรู้สึกว่าตนเองนั้นราวกับคนโง่ เขารู้อยู่แล้วว่าม่อซิวเหยาไม่มีทางบอกเขา ว่ากองทัพตระกูลม่อตัดสินใจจะทำอะไร แต่ต้องเผชิญหน้ากับคนดื้อรั้นสองคนนี้ เขาจำต้องหาเรื่องมาเปิดประเด็นมิใช่หรือ เผชิญหน้ากับสองคนนี้ เป็นคนตรงไปตรงมาถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เยี่ยหลีทำเป็นไม่เห็นความกระอักกระอ่วนของเหลยเถิงเฟิง ยิ้มก่อนจะเอ่ย “ไม่ทราบว่าเจิ้นหนานอ๋องหมายความว่าอย่างไร สงครามครั้งนี้…เข้าร่วมจะเป็นอย่างไร แล้วไม่เข้าร่วมจะเป็นอย่างไร”

เหลยเถิงเฟิงเอ่ย “จวนติ้งอ๋องตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างต้าฉู่แล้ว ท่านพ่อเชื่อว่าท่านอ๋องเป็นคนน่าเชื่อถือมาก ถ้ากองทัพตระกูลม่อเต็มใจที่จะแบ่งต้าฉู่กับทั้งสามแคว้น ย่อมไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว ทุกคนใช้ความสามารถของตนเอง หากติ้งอ๋องไม่เคลื่อนพล หลังจากที่ได้ต้าฉู่มา ซีหลิงยินดีมอบสองรัฐที่ติดกับซีเป่ยให้”

“เจิ้นหนานอ๋องใจกว้างเหลือเกิน” เยี่ยหลียิ้มพลางเอ่ยชมเชย ตอนนี้ซีหลิงมีเพียงสี่รัฐและสิบสามเมืองเท่านั้น เจิ้นหนานอ๋องเอ่ยปากเช่นนี้ก็คือ สองรัฐเท่ากับพื้นที่ครึ่งหนึ่งของซีเป่ย อีกทั้งกองทัพตระกูลม่อไม่ต้องเดินหมากเลยแม้แต่ตัวเดียว หากเป็นการทำการค้าในปกติ นี่เป็นการค้าที่ทำเงินโดยไม่ต้องเสียเงินลงทุนอย่างแน่นอน

เหลยเถิงเฟิงยิ้ม เอ่ย “นี่ถือเป็นความจริงใจของท่านพ่อและซีหลิง ขอแค่กองทัพตระกูลม่อไม่เข้าไปช่วยต้าฉู่ ต่างต่อรองได้ทุกอย่าง อีกทั้งซีหลิงและซีเป่ยลงนามข้อตกลงให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสันติตลอดไป ไม่ทราบว่าพระชายาคิดเห็นอย่างไร” เยี่ยหลีชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มบางๆ เอ่ย “ข้อเสนอที่รุ่ยอ๋องเสนอมานั้นน่าสนใจอย่างมาก…ทว่าเรื่องนี้กะทันหันเกินไป ข้าเกรงว่าจะตัดสินใจไม่ได้” เยี่ยหลีมองม่อซิวเหยาที่นอนบนขาของนางอย่างจนปัญญาและส่งสัญญาณให้เหลยเถิงเฟิง ติ้งอ๋องไม่อยากทำงาน ใครก็ห้ามไม่ได้

เหลยเถิงเฟิงทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ดีอย่างแน่นอนว่า ไม่ใช่เพราะเยี่ยหลีไม่สามารถตัดสินใจกะทันหันได้จริงๆ แต่เป็นเพราะแต้มต่อที่พวกเขามอบให้นั้นไม่เพียงพอ เหลยเถิงเฟิงกัดฟัน ก่อนจะเอ่ย “ข้าน้อยจำได้ว่าเหมืองแร่จำนวนมากในซีเป่ยต่างซื้อมาจากแคว้นอื่นๆ หนึ่งในนั้นมาจากซีหลิงเป็นส่วนใหญ่ ตราบใดที่ติ้งอ๋องตกลงที่จะไม่เข้าไปยุ่งในเรื่องนี้ การซื้อขายทั้งหมดในปีก่อนหน้านี้ จะได้รับการยกเว้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ชายาเคียงหทัย 294-1 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

Now you are reading ชายาเคียงหทัย Chapter 294-1 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไล่ให้ม่อจิ่งอวี๋กลับไปได้ ม่อซิวเหยาอารมณ์ดีขึ้นอย่างชัดเจน ดึงเยี่ยหลีเข้ามาในอ้อมกอดของตน ก่อนจะถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ ยิ้มพลางเอ่ย “อาหลี เจ้าว่าตาแก่พวกนั้นคิดอย่างไร ทั้งๆ ที่รู้ว่าข้าไม่มีทางยอมตกลง ยังจะส่งคนให้มาโน้มน้าวใจอีก”

เยี่ยหลีที่อิงอยู่ในอ้อมกอดเขา ยิ้มบางๆ เอ่ย “ทำไมพวกเขาถึงจะรู้ว่า เจ้าจะไม่ตอบตกลง ข้ากลับคิดว่าเดิมทีพวกเขาต้องคิดว่ามีโอกาสสูงมากที่เจ้าจะตอบตกลงละ” ท้ายที่สุดความคิดที่ว่าจวนติ้งอ๋องภักดีต่อต้าฉู่มาหลายร้อยปีได้ฝังรากลึกในจิตใจของทุกคน แม้ก่อนหน้านี้ม่อซิวเหยาจะบอกชัดเจนว่าได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับต้าฉู่แล้ว แต่หลังจากที่ม่อจิ่งฉีออกพระราชโองการสำนึกตน ในความคิดของขุนนางหลายคนต่างมองว่าทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด ในวันนี้ความจริงได้เปิดเผยอย่างชัดเจนแล้ว จวนติ้งอ๋องยังคงเป็นจวนติ้งอ๋องที่คอยปกป้องต้าฉู่

แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน ม่อจิ่งฉีสามารถขอโทษต่อหน้าคนทั้งใต้ฟ้าได้ ทว่าไม่มีใครกำหนดว่าจวนติ้งอ๋องและกองทัพตระกูลม่อจะยอมรับคำขอโทษและเลือกที่จะให้อภัย มองจากมุมนี้ บางทียังคงเป็นม่อจิ่งหลีที่มองได้ชัดเจนมากกว่า อย่างน้อยม่อจิ่งหลีไม่มีทางมาขอร้องม่อซิวเหยา ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขารู้ว่าม่อซิวเหยาจะไม่ตอบตกลง หรือเพื่อศักดิ์ศรีของตนเองก็ตาม

ม่อซิวเหยา ส่งเสียงฮึ ก่อนจะยิ้มบางๆ “ช่างเถอะ ครั้งนี้ก็ทำให้พวกเขาล้มเลิกความตั้งใจไปก็พอแล้ว”

เยี่ยหลีเงยหน้าขึ้น “แล้วทูตของซีหลิงเล่า” ม่อซิวเหยาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ให้พวกเขารออีกสักหน่อย เป็นคนคุ้นเคยของพวกเราเช่นกัน”

“เหลยเถิงเฟิงหรือ” เยี่ยหลีคิดเพียงครู่เดียว ก็รู้สถานะของผู้มาเยือนแล้ว อยากจะเจรจากับม่อซิวเหยา เจิ้นหนานอ๋องไม่มีทางส่งลูกหมาลูกแมวอย่างส่งๆ มาแน่นอน แม้ว่าตอนนี้ซีหลิงจะอยู่ในอำนาจของจวนเจิ้นหนานอ๋อง แต่สองพ่อลูกเหลยเจิ้นถิงยังคงปกป้องคนในราชวงศ์ซีหลิงได้เป็นอย่างดี ดังนั้นคนที่เชื่อใจได้ ทั้งยังมีความสามารถนี้ มีเพียงเหลยเถิงเฟิงเท่านั้น เยี่ยหลีถามอย่างสงสัย “เจ้าตัดสินใจจะตอบเหลยเถิงเฟิงอย่างไร” ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ยิ้มพลางเอ่ย “เหตุใดข้าต้องตอบเขา” เยี่ยหลีกระพริบตา “หรือว่าติ้งอ๋องไม่อยากรู้ว่า เจิ้นหนานอ๋องจะยื่นข้อเสนออะไรมาให้หรือ”

มุมปากม่อซิวเหยายกขึ้น เผยรอยยิ้มบางๆ ความเย็นชาฉายวาบขึ้นบนนัยน์ตา “ไม่เขาจะมีข้อเสนออะไร…เหลยเจิ้นถิงต่างต้องเสียใจ”

ดื่มชาไปครึ่งถ้วย ทั้งสองแอบอิงและคุยกันไปชั่วครู่ ก่อนจะสั่งให้คนไปเชิญเหลยเถิงเฟิงเข้ามา

เหลยเถิงเฟิงเป็นคนที่มาก่อนม่อจิ่งอวี๋ แม้ม่อจิ่งอวี๋จะมาทีหลังเขาเพียงก้าวเดียว ทว่าม่อซิวเหยากลับเลือกพบม่อจิ่งอวี๋ก่อน ทำให้ความมั่นใจที่จะเจรจาสำเร็จในตอนแรกของเหลยเถิงเฟิงสั่นคลอนไปบางส่วน สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ หลังจากม่อจิ้งอวี๋จากไป ม่อซิวเหยาก็ไม่ได้ขอพบเขาทันที กลับให้เขารอต่อไปอีกราวครึ่งชั่วยาม การต้อนรับเช่นนี้ทำให้เขาขาดความมั่นใจไปไม่น้อย ทว่าการฝึกฝนมาตลอดหลายปีก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์ เหลยเถิงเฟิงไม่ใช่คนมุทะลุมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นตอนที่จั๋วจิ้งได้รับคำสั่งให้มาเชิญเขา เขายังคงนั่งดื่มชาด้วยสีหน้าสงบนิ่งไม่ไหวติง

“ข้าน้อยคารวะติ้งอ๋อง คารวะพระชายา ท่านทั้งสองสง่างามกว่าตอนที่ได้พบกันที่ซีหลิงเมื่อปีที่แล้ว” เมื่อมองไปยังคนทั้งสองที่นั่งเคียงข้างกันบนบัลลังก์ เหลยเถิงเฟิงก็รู้สึกหดหู่อย่างอดไม่ได้ ทั้งสอง…เพียงแค่ความรักเดียวที่ติ้งอ๋องมีให้พระชายาติ้งอ๋อง ก็เพียวพอให้ผู้อื่นอิจฉาแล้ว แน่นอนว่า หากสามารถมีภรรยาเหมือนกับพระชายาติ้งอ๋องเช่นนี้ได้ เชื่อว่าไม่ว่าผู้ใดต่างก็ยอมรักเดียวใจเดียว แม้ภรรยาของเหลยเถิงเฟิงเองจะมีจำนวนนับไม่ถ้วน ทว่าเห็นคนทั้งสองเคียงข้างกันและคอยประคับประคองกันไปจนนิรันดร์เช่นนี้ ก็อดอิจฉาไม่ได้

เยี่ยหลียิ้ม เอ่ย “เจิ้นหนานอ๋องซื่อจื่อเชิญนั่ง ดูเหมือนว่าหลังจากที่เจอกันเมื่อปีที่แล้ว ซื่อจื่อก็ยังคงสง่างามดังเดิม จริงสิ ยินดีกับซื่อจื่อด้วยที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง ต่อไปควรจะต้องเรียกรุ่ยจวิ้นอ๋องแล้วกระมัง”

เหลยเถิงเฟิงผงะ เรื่องที่เขาได้แต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากซีหลิงเคลื่อนกำลังทหาร อีกทั้งไม่มีการประกาศอย่างโจ้งแจ้ง คิดไม่ถึงว่าเยี่ยหลีจะรู้เรื่องนี้แล้ว ช่องทางข่าวสารของพระชายาติ้งอ๋องไม่อาจดูเบาได้เลยจริงๆ แม้ว่าในใจจะตกตะลึง ใบหน้าของเหลยเถิงเฟิงกลับยังไม่ไหวติง ยิ้มบางๆ เอ่ย “ข้าน้อยละอายใจ พระชายากล่าวเกินไปแล้ว”

“เช่นนั้น…ไม่ทราบว่าที่รุ่ยอ๋องเดินทางมาไกลเช่นนี้ มีธุระอะไรหรือ” เยี่ยหลีถาม

เหลยเถิงเฟิงเหลือบไปมองชายผมขาวที่มองเยี่ยหลีด้วยรอมยิ้ม อยู่ข้างกายนาง ม่อซิวเหยาไม่ได้อยากจะเอ่ยปากอย่างเห็นได้ชัด เสมือนยกอำนาจการจัดการเรื่องนี้ให้พระชายาทั้งหมด แม้จะเป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าตำแหน่งของพระชายาติ้งอ๋องในจวนติ้งอ๋องนั้นสามารถกล่าวได้ว่าดีที่สุดในทุกราชวงศ์แล้ว แต่เหลยเถิงเฟิงยังตกใจตรงที่ว่า แม้แต่เรื่องที่สำคัญเช่นนี้ ม่อซิวเหยายังยกให้นางจัดการ

สบตากับสายตาสงบนิ่งและสง่างามของเยี่ยหลี เหลยเถิงเฟิงจึงหยุดความคิดในใจ เอ่ย “ข่าวสารจวนติ้งอ๋องรวดเร็ว คิดว่าข่าวเรื่องที่ซีหลิงเคลื่อนกำลังพลไปต้าฉู่ ติ้งอ๋องและพระชายาคงทราบแล้วใช่ไหม”

เยี่ยหลีพยักหน้า ยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไร

เหลยเถิงเฟิงถอนหายใจในใจ เอ่ย “เกรงว่าติ้งอ๋องและพระชายาคงทราบถึงสถานการณ์ของใต้ฟ้าในปัจจุบันแล้ว ข้าน้อยไม่บังอาจสอนจระเข้ว่ายน้ำ ตอนนี้ที่ชายแดนทางตอนเหนือของต้าฉู่มีเป่ยหรง ทางด้านตะวันตกมีซีหลิง แม้แต่ทางตะวันออกโจรสลัดก็สร้างปัญหาอยู่เสมอ แม้ว่าต้าฉู่จะมีดินแดนกว้างขวาง ประชากรจำนวนมาก แม้ว่าจะมีทหารแต่ไม่มีแม่ทัพ ก็ไม่อาจต้านทานการปิดล้อมของสามแคว้นได้ ตามคำสั่งของท่านพ่อ ข้าจึงมาขอคำปรึกษาจากติ้งอ๋อง สงครามครั้งนี้…ไม่ทราบว่าติ้งอ๋องตัดสินใจเช่นไร”

ม่อซิวเหยาหันข้างไปมองเขาอย่างเย็นชา สายตานี้ทำให้เหลยเถิงเฟิงรู้สึกว่าตนเองนั้นราวกับคนโง่ เขารู้อยู่แล้วว่าม่อซิวเหยาไม่มีทางบอกเขา ว่ากองทัพตระกูลม่อตัดสินใจจะทำอะไร แต่ต้องเผชิญหน้ากับคนดื้อรั้นสองคนนี้ เขาจำต้องหาเรื่องมาเปิดประเด็นมิใช่หรือ เผชิญหน้ากับสองคนนี้ เป็นคนตรงไปตรงมาถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เยี่ยหลีทำเป็นไม่เห็นความกระอักกระอ่วนของเหลยเถิงเฟิง ยิ้มก่อนจะเอ่ย “ไม่ทราบว่าเจิ้นหนานอ๋องหมายความว่าอย่างไร สงครามครั้งนี้…เข้าร่วมจะเป็นอย่างไร แล้วไม่เข้าร่วมจะเป็นอย่างไร”

เหลยเถิงเฟิงเอ่ย “จวนติ้งอ๋องตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างต้าฉู่แล้ว ท่านพ่อเชื่อว่าท่านอ๋องเป็นคนน่าเชื่อถือมาก ถ้ากองทัพตระกูลม่อเต็มใจที่จะแบ่งต้าฉู่กับทั้งสามแคว้น ย่อมไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว ทุกคนใช้ความสามารถของตนเอง หากติ้งอ๋องไม่เคลื่อนพล หลังจากที่ได้ต้าฉู่มา ซีหลิงยินดีมอบสองรัฐที่ติดกับซีเป่ยให้”

“เจิ้นหนานอ๋องใจกว้างเหลือเกิน” เยี่ยหลียิ้มพลางเอ่ยชมเชย ตอนนี้ซีหลิงมีเพียงสี่รัฐและสิบสามเมืองเท่านั้น เจิ้นหนานอ๋องเอ่ยปากเช่นนี้ก็คือ สองรัฐเท่ากับพื้นที่ครึ่งหนึ่งของซีเป่ย อีกทั้งกองทัพตระกูลม่อไม่ต้องเดินหมากเลยแม้แต่ตัวเดียว หากเป็นการทำการค้าในปกติ นี่เป็นการค้าที่ทำเงินโดยไม่ต้องเสียเงินลงทุนอย่างแน่นอน

เหลยเถิงเฟิงยิ้ม เอ่ย “นี่ถือเป็นความจริงใจของท่านพ่อและซีหลิง ขอแค่กองทัพตระกูลม่อไม่เข้าไปช่วยต้าฉู่ ต่างต่อรองได้ทุกอย่าง อีกทั้งซีหลิงและซีเป่ยลงนามข้อตกลงให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสันติตลอดไป ไม่ทราบว่าพระชายาคิดเห็นอย่างไร” เยี่ยหลีชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มบางๆ เอ่ย “ข้อเสนอที่รุ่ยอ๋องเสนอมานั้นน่าสนใจอย่างมาก…ทว่าเรื่องนี้กะทันหันเกินไป ข้าเกรงว่าจะตัดสินใจไม่ได้” เยี่ยหลีมองม่อซิวเหยาที่นอนบนขาของนางอย่างจนปัญญาและส่งสัญญาณให้เหลยเถิงเฟิง ติ้งอ๋องไม่อยากทำงาน ใครก็ห้ามไม่ได้

เหลยเถิงเฟิงทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ดีอย่างแน่นอนว่า ไม่ใช่เพราะเยี่ยหลีไม่สามารถตัดสินใจกะทันหันได้จริงๆ แต่เป็นเพราะแต้มต่อที่พวกเขามอบให้นั้นไม่เพียงพอ เหลยเถิงเฟิงกัดฟัน ก่อนจะเอ่ย “ข้าน้อยจำได้ว่าเหมืองแร่จำนวนมากในซีเป่ยต่างซื้อมาจากแคว้นอื่นๆ หนึ่งในนั้นมาจากซีหลิงเป็นส่วนใหญ่ ตราบใดที่ติ้งอ๋องตกลงที่จะไม่เข้าไปยุ่งในเรื่องนี้ การซื้อขายทั้งหมดในปีก่อนหน้านี้ จะได้รับการยกเว้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ชายาเคียงหทัย 294-1 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

Now you are reading ชายาเคียงหทัย Chapter 294-1 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไล่ให้ม่อจิ่งอวี๋กลับไปได้ ม่อซิวเหยาอารมณ์ดีขึ้นอย่างชัดเจน ดึงเยี่ยหลีเข้ามาในอ้อมกอดของตน ก่อนจะถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ ยิ้มพลางเอ่ย “อาหลี เจ้าว่าตาแก่พวกนั้นคิดอย่างไร ทั้งๆ ที่รู้ว่าข้าไม่มีทางยอมตกลง ยังจะส่งคนให้มาโน้มน้าวใจอีก”

เยี่ยหลีที่อิงอยู่ในอ้อมกอดเขา ยิ้มบางๆ เอ่ย “ทำไมพวกเขาถึงจะรู้ว่า เจ้าจะไม่ตอบตกลง ข้ากลับคิดว่าเดิมทีพวกเขาต้องคิดว่ามีโอกาสสูงมากที่เจ้าจะตอบตกลงละ” ท้ายที่สุดความคิดที่ว่าจวนติ้งอ๋องภักดีต่อต้าฉู่มาหลายร้อยปีได้ฝังรากลึกในจิตใจของทุกคน แม้ก่อนหน้านี้ม่อซิวเหยาจะบอกชัดเจนว่าได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับต้าฉู่แล้ว แต่หลังจากที่ม่อจิ่งฉีออกพระราชโองการสำนึกตน ในความคิดของขุนนางหลายคนต่างมองว่าทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด ในวันนี้ความจริงได้เปิดเผยอย่างชัดเจนแล้ว จวนติ้งอ๋องยังคงเป็นจวนติ้งอ๋องที่คอยปกป้องต้าฉู่

แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน ม่อจิ่งฉีสามารถขอโทษต่อหน้าคนทั้งใต้ฟ้าได้ ทว่าไม่มีใครกำหนดว่าจวนติ้งอ๋องและกองทัพตระกูลม่อจะยอมรับคำขอโทษและเลือกที่จะให้อภัย มองจากมุมนี้ บางทียังคงเป็นม่อจิ่งหลีที่มองได้ชัดเจนมากกว่า อย่างน้อยม่อจิ่งหลีไม่มีทางมาขอร้องม่อซิวเหยา ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขารู้ว่าม่อซิวเหยาจะไม่ตอบตกลง หรือเพื่อศักดิ์ศรีของตนเองก็ตาม

ม่อซิวเหยา ส่งเสียงฮึ ก่อนจะยิ้มบางๆ “ช่างเถอะ ครั้งนี้ก็ทำให้พวกเขาล้มเลิกความตั้งใจไปก็พอแล้ว”

เยี่ยหลีเงยหน้าขึ้น “แล้วทูตของซีหลิงเล่า” ม่อซิวเหยาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ให้พวกเขารออีกสักหน่อย เป็นคนคุ้นเคยของพวกเราเช่นกัน”

“เหลยเถิงเฟิงหรือ” เยี่ยหลีคิดเพียงครู่เดียว ก็รู้สถานะของผู้มาเยือนแล้ว อยากจะเจรจากับม่อซิวเหยา เจิ้นหนานอ๋องไม่มีทางส่งลูกหมาลูกแมวอย่างส่งๆ มาแน่นอน แม้ว่าตอนนี้ซีหลิงจะอยู่ในอำนาจของจวนเจิ้นหนานอ๋อง แต่สองพ่อลูกเหลยเจิ้นถิงยังคงปกป้องคนในราชวงศ์ซีหลิงได้เป็นอย่างดี ดังนั้นคนที่เชื่อใจได้ ทั้งยังมีความสามารถนี้ มีเพียงเหลยเถิงเฟิงเท่านั้น เยี่ยหลีถามอย่างสงสัย “เจ้าตัดสินใจจะตอบเหลยเถิงเฟิงอย่างไร” ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ยิ้มพลางเอ่ย “เหตุใดข้าต้องตอบเขา” เยี่ยหลีกระพริบตา “หรือว่าติ้งอ๋องไม่อยากรู้ว่า เจิ้นหนานอ๋องจะยื่นข้อเสนออะไรมาให้หรือ”

มุมปากม่อซิวเหยายกขึ้น เผยรอยยิ้มบางๆ ความเย็นชาฉายวาบขึ้นบนนัยน์ตา “ไม่เขาจะมีข้อเสนออะไร…เหลยเจิ้นถิงต่างต้องเสียใจ”

ดื่มชาไปครึ่งถ้วย ทั้งสองแอบอิงและคุยกันไปชั่วครู่ ก่อนจะสั่งให้คนไปเชิญเหลยเถิงเฟิงเข้ามา

เหลยเถิงเฟิงเป็นคนที่มาก่อนม่อจิ่งอวี๋ แม้ม่อจิ่งอวี๋จะมาทีหลังเขาเพียงก้าวเดียว ทว่าม่อซิวเหยากลับเลือกพบม่อจิ่งอวี๋ก่อน ทำให้ความมั่นใจที่จะเจรจาสำเร็จในตอนแรกของเหลยเถิงเฟิงสั่นคลอนไปบางส่วน สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ หลังจากม่อจิ้งอวี๋จากไป ม่อซิวเหยาก็ไม่ได้ขอพบเขาทันที กลับให้เขารอต่อไปอีกราวครึ่งชั่วยาม การต้อนรับเช่นนี้ทำให้เขาขาดความมั่นใจไปไม่น้อย ทว่าการฝึกฝนมาตลอดหลายปีก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์ เหลยเถิงเฟิงไม่ใช่คนมุทะลุมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นตอนที่จั๋วจิ้งได้รับคำสั่งให้มาเชิญเขา เขายังคงนั่งดื่มชาด้วยสีหน้าสงบนิ่งไม่ไหวติง

“ข้าน้อยคารวะติ้งอ๋อง คารวะพระชายา ท่านทั้งสองสง่างามกว่าตอนที่ได้พบกันที่ซีหลิงเมื่อปีที่แล้ว” เมื่อมองไปยังคนทั้งสองที่นั่งเคียงข้างกันบนบัลลังก์ เหลยเถิงเฟิงก็รู้สึกหดหู่อย่างอดไม่ได้ ทั้งสอง…เพียงแค่ความรักเดียวที่ติ้งอ๋องมีให้พระชายาติ้งอ๋อง ก็เพียวพอให้ผู้อื่นอิจฉาแล้ว แน่นอนว่า หากสามารถมีภรรยาเหมือนกับพระชายาติ้งอ๋องเช่นนี้ได้ เชื่อว่าไม่ว่าผู้ใดต่างก็ยอมรักเดียวใจเดียว แม้ภรรยาของเหลยเถิงเฟิงเองจะมีจำนวนนับไม่ถ้วน ทว่าเห็นคนทั้งสองเคียงข้างกันและคอยประคับประคองกันไปจนนิรันดร์เช่นนี้ ก็อดอิจฉาไม่ได้

เยี่ยหลียิ้ม เอ่ย “เจิ้นหนานอ๋องซื่อจื่อเชิญนั่ง ดูเหมือนว่าหลังจากที่เจอกันเมื่อปีที่แล้ว ซื่อจื่อก็ยังคงสง่างามดังเดิม จริงสิ ยินดีกับซื่อจื่อด้วยที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง ต่อไปควรจะต้องเรียกรุ่ยจวิ้นอ๋องแล้วกระมัง”

เหลยเถิงเฟิงผงะ เรื่องที่เขาได้แต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากซีหลิงเคลื่อนกำลังทหาร อีกทั้งไม่มีการประกาศอย่างโจ้งแจ้ง คิดไม่ถึงว่าเยี่ยหลีจะรู้เรื่องนี้แล้ว ช่องทางข่าวสารของพระชายาติ้งอ๋องไม่อาจดูเบาได้เลยจริงๆ แม้ว่าในใจจะตกตะลึง ใบหน้าของเหลยเถิงเฟิงกลับยังไม่ไหวติง ยิ้มบางๆ เอ่ย “ข้าน้อยละอายใจ พระชายากล่าวเกินไปแล้ว”

“เช่นนั้น…ไม่ทราบว่าที่รุ่ยอ๋องเดินทางมาไกลเช่นนี้ มีธุระอะไรหรือ” เยี่ยหลีถาม

เหลยเถิงเฟิงเหลือบไปมองชายผมขาวที่มองเยี่ยหลีด้วยรอมยิ้ม อยู่ข้างกายนาง ม่อซิวเหยาไม่ได้อยากจะเอ่ยปากอย่างเห็นได้ชัด เสมือนยกอำนาจการจัดการเรื่องนี้ให้พระชายาทั้งหมด แม้จะเป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าตำแหน่งของพระชายาติ้งอ๋องในจวนติ้งอ๋องนั้นสามารถกล่าวได้ว่าดีที่สุดในทุกราชวงศ์แล้ว แต่เหลยเถิงเฟิงยังตกใจตรงที่ว่า แม้แต่เรื่องที่สำคัญเช่นนี้ ม่อซิวเหยายังยกให้นางจัดการ

สบตากับสายตาสงบนิ่งและสง่างามของเยี่ยหลี เหลยเถิงเฟิงจึงหยุดความคิดในใจ เอ่ย “ข่าวสารจวนติ้งอ๋องรวดเร็ว คิดว่าข่าวเรื่องที่ซีหลิงเคลื่อนกำลังพลไปต้าฉู่ ติ้งอ๋องและพระชายาคงทราบแล้วใช่ไหม”

เยี่ยหลีพยักหน้า ยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไร

เหลยเถิงเฟิงถอนหายใจในใจ เอ่ย “เกรงว่าติ้งอ๋องและพระชายาคงทราบถึงสถานการณ์ของใต้ฟ้าในปัจจุบันแล้ว ข้าน้อยไม่บังอาจสอนจระเข้ว่ายน้ำ ตอนนี้ที่ชายแดนทางตอนเหนือของต้าฉู่มีเป่ยหรง ทางด้านตะวันตกมีซีหลิง แม้แต่ทางตะวันออกโจรสลัดก็สร้างปัญหาอยู่เสมอ แม้ว่าต้าฉู่จะมีดินแดนกว้างขวาง ประชากรจำนวนมาก แม้ว่าจะมีทหารแต่ไม่มีแม่ทัพ ก็ไม่อาจต้านทานการปิดล้อมของสามแคว้นได้ ตามคำสั่งของท่านพ่อ ข้าจึงมาขอคำปรึกษาจากติ้งอ๋อง สงครามครั้งนี้…ไม่ทราบว่าติ้งอ๋องตัดสินใจเช่นไร”

ม่อซิวเหยาหันข้างไปมองเขาอย่างเย็นชา สายตานี้ทำให้เหลยเถิงเฟิงรู้สึกว่าตนเองนั้นราวกับคนโง่ เขารู้อยู่แล้วว่าม่อซิวเหยาไม่มีทางบอกเขา ว่ากองทัพตระกูลม่อตัดสินใจจะทำอะไร แต่ต้องเผชิญหน้ากับคนดื้อรั้นสองคนนี้ เขาจำต้องหาเรื่องมาเปิดประเด็นมิใช่หรือ เผชิญหน้ากับสองคนนี้ เป็นคนตรงไปตรงมาถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เยี่ยหลีทำเป็นไม่เห็นความกระอักกระอ่วนของเหลยเถิงเฟิง ยิ้มก่อนจะเอ่ย “ไม่ทราบว่าเจิ้นหนานอ๋องหมายความว่าอย่างไร สงครามครั้งนี้…เข้าร่วมจะเป็นอย่างไร แล้วไม่เข้าร่วมจะเป็นอย่างไร”

เหลยเถิงเฟิงเอ่ย “จวนติ้งอ๋องตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างต้าฉู่แล้ว ท่านพ่อเชื่อว่าท่านอ๋องเป็นคนน่าเชื่อถือมาก ถ้ากองทัพตระกูลม่อเต็มใจที่จะแบ่งต้าฉู่กับทั้งสามแคว้น ย่อมไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว ทุกคนใช้ความสามารถของตนเอง หากติ้งอ๋องไม่เคลื่อนพล หลังจากที่ได้ต้าฉู่มา ซีหลิงยินดีมอบสองรัฐที่ติดกับซีเป่ยให้”

“เจิ้นหนานอ๋องใจกว้างเหลือเกิน” เยี่ยหลียิ้มพลางเอ่ยชมเชย ตอนนี้ซีหลิงมีเพียงสี่รัฐและสิบสามเมืองเท่านั้น เจิ้นหนานอ๋องเอ่ยปากเช่นนี้ก็คือ สองรัฐเท่ากับพื้นที่ครึ่งหนึ่งของซีเป่ย อีกทั้งกองทัพตระกูลม่อไม่ต้องเดินหมากเลยแม้แต่ตัวเดียว หากเป็นการทำการค้าในปกติ นี่เป็นการค้าที่ทำเงินโดยไม่ต้องเสียเงินลงทุนอย่างแน่นอน

เหลยเถิงเฟิงยิ้ม เอ่ย “นี่ถือเป็นความจริงใจของท่านพ่อและซีหลิง ขอแค่กองทัพตระกูลม่อไม่เข้าไปช่วยต้าฉู่ ต่างต่อรองได้ทุกอย่าง อีกทั้งซีหลิงและซีเป่ยลงนามข้อตกลงให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสันติตลอดไป ไม่ทราบว่าพระชายาคิดเห็นอย่างไร” เยี่ยหลีชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มบางๆ เอ่ย “ข้อเสนอที่รุ่ยอ๋องเสนอมานั้นน่าสนใจอย่างมาก…ทว่าเรื่องนี้กะทันหันเกินไป ข้าเกรงว่าจะตัดสินใจไม่ได้” เยี่ยหลีมองม่อซิวเหยาที่นอนบนขาของนางอย่างจนปัญญาและส่งสัญญาณให้เหลยเถิงเฟิง ติ้งอ๋องไม่อยากทำงาน ใครก็ห้ามไม่ได้

เหลยเถิงเฟิงทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ดีอย่างแน่นอนว่า ไม่ใช่เพราะเยี่ยหลีไม่สามารถตัดสินใจกะทันหันได้จริงๆ แต่เป็นเพราะแต้มต่อที่พวกเขามอบให้นั้นไม่เพียงพอ เหลยเถิงเฟิงกัดฟัน ก่อนจะเอ่ย “ข้าน้อยจำได้ว่าเหมืองแร่จำนวนมากในซีเป่ยต่างซื้อมาจากแคว้นอื่นๆ หนึ่งในนั้นมาจากซีหลิงเป็นส่วนใหญ่ ตราบใดที่ติ้งอ๋องตกลงที่จะไม่เข้าไปยุ่งในเรื่องนี้ การซื้อขายทั้งหมดในปีก่อนหน้านี้ จะได้รับการยกเว้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ชายาเคียงหทัย 294-1 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

Now you are reading ชายาเคียงหทัย Chapter 294-1 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไล่ให้ม่อจิ่งอวี๋กลับไปได้ ม่อซิวเหยาอารมณ์ดีขึ้นอย่างชัดเจน ดึงเยี่ยหลีเข้ามาในอ้อมกอดของตน ก่อนจะถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ ยิ้มพลางเอ่ย “อาหลี เจ้าว่าตาแก่พวกนั้นคิดอย่างไร ทั้งๆ ที่รู้ว่าข้าไม่มีทางยอมตกลง ยังจะส่งคนให้มาโน้มน้าวใจอีก”

เยี่ยหลีที่อิงอยู่ในอ้อมกอดเขา ยิ้มบางๆ เอ่ย “ทำไมพวกเขาถึงจะรู้ว่า เจ้าจะไม่ตอบตกลง ข้ากลับคิดว่าเดิมทีพวกเขาต้องคิดว่ามีโอกาสสูงมากที่เจ้าจะตอบตกลงละ” ท้ายที่สุดความคิดที่ว่าจวนติ้งอ๋องภักดีต่อต้าฉู่มาหลายร้อยปีได้ฝังรากลึกในจิตใจของทุกคน แม้ก่อนหน้านี้ม่อซิวเหยาจะบอกชัดเจนว่าได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับต้าฉู่แล้ว แต่หลังจากที่ม่อจิ่งฉีออกพระราชโองการสำนึกตน ในความคิดของขุนนางหลายคนต่างมองว่าทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด ในวันนี้ความจริงได้เปิดเผยอย่างชัดเจนแล้ว จวนติ้งอ๋องยังคงเป็นจวนติ้งอ๋องที่คอยปกป้องต้าฉู่

แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน ม่อจิ่งฉีสามารถขอโทษต่อหน้าคนทั้งใต้ฟ้าได้ ทว่าไม่มีใครกำหนดว่าจวนติ้งอ๋องและกองทัพตระกูลม่อจะยอมรับคำขอโทษและเลือกที่จะให้อภัย มองจากมุมนี้ บางทียังคงเป็นม่อจิ่งหลีที่มองได้ชัดเจนมากกว่า อย่างน้อยม่อจิ่งหลีไม่มีทางมาขอร้องม่อซิวเหยา ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขารู้ว่าม่อซิวเหยาจะไม่ตอบตกลง หรือเพื่อศักดิ์ศรีของตนเองก็ตาม

ม่อซิวเหยา ส่งเสียงฮึ ก่อนจะยิ้มบางๆ “ช่างเถอะ ครั้งนี้ก็ทำให้พวกเขาล้มเลิกความตั้งใจไปก็พอแล้ว”

เยี่ยหลีเงยหน้าขึ้น “แล้วทูตของซีหลิงเล่า” ม่อซิวเหยาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ให้พวกเขารออีกสักหน่อย เป็นคนคุ้นเคยของพวกเราเช่นกัน”

“เหลยเถิงเฟิงหรือ” เยี่ยหลีคิดเพียงครู่เดียว ก็รู้สถานะของผู้มาเยือนแล้ว อยากจะเจรจากับม่อซิวเหยา เจิ้นหนานอ๋องไม่มีทางส่งลูกหมาลูกแมวอย่างส่งๆ มาแน่นอน แม้ว่าตอนนี้ซีหลิงจะอยู่ในอำนาจของจวนเจิ้นหนานอ๋อง แต่สองพ่อลูกเหลยเจิ้นถิงยังคงปกป้องคนในราชวงศ์ซีหลิงได้เป็นอย่างดี ดังนั้นคนที่เชื่อใจได้ ทั้งยังมีความสามารถนี้ มีเพียงเหลยเถิงเฟิงเท่านั้น เยี่ยหลีถามอย่างสงสัย “เจ้าตัดสินใจจะตอบเหลยเถิงเฟิงอย่างไร” ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ยิ้มพลางเอ่ย “เหตุใดข้าต้องตอบเขา” เยี่ยหลีกระพริบตา “หรือว่าติ้งอ๋องไม่อยากรู้ว่า เจิ้นหนานอ๋องจะยื่นข้อเสนออะไรมาให้หรือ”

มุมปากม่อซิวเหยายกขึ้น เผยรอยยิ้มบางๆ ความเย็นชาฉายวาบขึ้นบนนัยน์ตา “ไม่เขาจะมีข้อเสนออะไร…เหลยเจิ้นถิงต่างต้องเสียใจ”

ดื่มชาไปครึ่งถ้วย ทั้งสองแอบอิงและคุยกันไปชั่วครู่ ก่อนจะสั่งให้คนไปเชิญเหลยเถิงเฟิงเข้ามา

เหลยเถิงเฟิงเป็นคนที่มาก่อนม่อจิ่งอวี๋ แม้ม่อจิ่งอวี๋จะมาทีหลังเขาเพียงก้าวเดียว ทว่าม่อซิวเหยากลับเลือกพบม่อจิ่งอวี๋ก่อน ทำให้ความมั่นใจที่จะเจรจาสำเร็จในตอนแรกของเหลยเถิงเฟิงสั่นคลอนไปบางส่วน สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ หลังจากม่อจิ้งอวี๋จากไป ม่อซิวเหยาก็ไม่ได้ขอพบเขาทันที กลับให้เขารอต่อไปอีกราวครึ่งชั่วยาม การต้อนรับเช่นนี้ทำให้เขาขาดความมั่นใจไปไม่น้อย ทว่าการฝึกฝนมาตลอดหลายปีก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์ เหลยเถิงเฟิงไม่ใช่คนมุทะลุมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นตอนที่จั๋วจิ้งได้รับคำสั่งให้มาเชิญเขา เขายังคงนั่งดื่มชาด้วยสีหน้าสงบนิ่งไม่ไหวติง

“ข้าน้อยคารวะติ้งอ๋อง คารวะพระชายา ท่านทั้งสองสง่างามกว่าตอนที่ได้พบกันที่ซีหลิงเมื่อปีที่แล้ว” เมื่อมองไปยังคนทั้งสองที่นั่งเคียงข้างกันบนบัลลังก์ เหลยเถิงเฟิงก็รู้สึกหดหู่อย่างอดไม่ได้ ทั้งสอง…เพียงแค่ความรักเดียวที่ติ้งอ๋องมีให้พระชายาติ้งอ๋อง ก็เพียวพอให้ผู้อื่นอิจฉาแล้ว แน่นอนว่า หากสามารถมีภรรยาเหมือนกับพระชายาติ้งอ๋องเช่นนี้ได้ เชื่อว่าไม่ว่าผู้ใดต่างก็ยอมรักเดียวใจเดียว แม้ภรรยาของเหลยเถิงเฟิงเองจะมีจำนวนนับไม่ถ้วน ทว่าเห็นคนทั้งสองเคียงข้างกันและคอยประคับประคองกันไปจนนิรันดร์เช่นนี้ ก็อดอิจฉาไม่ได้

เยี่ยหลียิ้ม เอ่ย “เจิ้นหนานอ๋องซื่อจื่อเชิญนั่ง ดูเหมือนว่าหลังจากที่เจอกันเมื่อปีที่แล้ว ซื่อจื่อก็ยังคงสง่างามดังเดิม จริงสิ ยินดีกับซื่อจื่อด้วยที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง ต่อไปควรจะต้องเรียกรุ่ยจวิ้นอ๋องแล้วกระมัง”

เหลยเถิงเฟิงผงะ เรื่องที่เขาได้แต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากซีหลิงเคลื่อนกำลังทหาร อีกทั้งไม่มีการประกาศอย่างโจ้งแจ้ง คิดไม่ถึงว่าเยี่ยหลีจะรู้เรื่องนี้แล้ว ช่องทางข่าวสารของพระชายาติ้งอ๋องไม่อาจดูเบาได้เลยจริงๆ แม้ว่าในใจจะตกตะลึง ใบหน้าของเหลยเถิงเฟิงกลับยังไม่ไหวติง ยิ้มบางๆ เอ่ย “ข้าน้อยละอายใจ พระชายากล่าวเกินไปแล้ว”

“เช่นนั้น…ไม่ทราบว่าที่รุ่ยอ๋องเดินทางมาไกลเช่นนี้ มีธุระอะไรหรือ” เยี่ยหลีถาม

เหลยเถิงเฟิงเหลือบไปมองชายผมขาวที่มองเยี่ยหลีด้วยรอมยิ้ม อยู่ข้างกายนาง ม่อซิวเหยาไม่ได้อยากจะเอ่ยปากอย่างเห็นได้ชัด เสมือนยกอำนาจการจัดการเรื่องนี้ให้พระชายาทั้งหมด แม้จะเป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าตำแหน่งของพระชายาติ้งอ๋องในจวนติ้งอ๋องนั้นสามารถกล่าวได้ว่าดีที่สุดในทุกราชวงศ์แล้ว แต่เหลยเถิงเฟิงยังตกใจตรงที่ว่า แม้แต่เรื่องที่สำคัญเช่นนี้ ม่อซิวเหยายังยกให้นางจัดการ

สบตากับสายตาสงบนิ่งและสง่างามของเยี่ยหลี เหลยเถิงเฟิงจึงหยุดความคิดในใจ เอ่ย “ข่าวสารจวนติ้งอ๋องรวดเร็ว คิดว่าข่าวเรื่องที่ซีหลิงเคลื่อนกำลังพลไปต้าฉู่ ติ้งอ๋องและพระชายาคงทราบแล้วใช่ไหม”

เยี่ยหลีพยักหน้า ยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไร

เหลยเถิงเฟิงถอนหายใจในใจ เอ่ย “เกรงว่าติ้งอ๋องและพระชายาคงทราบถึงสถานการณ์ของใต้ฟ้าในปัจจุบันแล้ว ข้าน้อยไม่บังอาจสอนจระเข้ว่ายน้ำ ตอนนี้ที่ชายแดนทางตอนเหนือของต้าฉู่มีเป่ยหรง ทางด้านตะวันตกมีซีหลิง แม้แต่ทางตะวันออกโจรสลัดก็สร้างปัญหาอยู่เสมอ แม้ว่าต้าฉู่จะมีดินแดนกว้างขวาง ประชากรจำนวนมาก แม้ว่าจะมีทหารแต่ไม่มีแม่ทัพ ก็ไม่อาจต้านทานการปิดล้อมของสามแคว้นได้ ตามคำสั่งของท่านพ่อ ข้าจึงมาขอคำปรึกษาจากติ้งอ๋อง สงครามครั้งนี้…ไม่ทราบว่าติ้งอ๋องตัดสินใจเช่นไร”

ม่อซิวเหยาหันข้างไปมองเขาอย่างเย็นชา สายตานี้ทำให้เหลยเถิงเฟิงรู้สึกว่าตนเองนั้นราวกับคนโง่ เขารู้อยู่แล้วว่าม่อซิวเหยาไม่มีทางบอกเขา ว่ากองทัพตระกูลม่อตัดสินใจจะทำอะไร แต่ต้องเผชิญหน้ากับคนดื้อรั้นสองคนนี้ เขาจำต้องหาเรื่องมาเปิดประเด็นมิใช่หรือ เผชิญหน้ากับสองคนนี้ เป็นคนตรงไปตรงมาถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เยี่ยหลีทำเป็นไม่เห็นความกระอักกระอ่วนของเหลยเถิงเฟิง ยิ้มก่อนจะเอ่ย “ไม่ทราบว่าเจิ้นหนานอ๋องหมายความว่าอย่างไร สงครามครั้งนี้…เข้าร่วมจะเป็นอย่างไร แล้วไม่เข้าร่วมจะเป็นอย่างไร”

เหลยเถิงเฟิงเอ่ย “จวนติ้งอ๋องตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างต้าฉู่แล้ว ท่านพ่อเชื่อว่าท่านอ๋องเป็นคนน่าเชื่อถือมาก ถ้ากองทัพตระกูลม่อเต็มใจที่จะแบ่งต้าฉู่กับทั้งสามแคว้น ย่อมไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว ทุกคนใช้ความสามารถของตนเอง หากติ้งอ๋องไม่เคลื่อนพล หลังจากที่ได้ต้าฉู่มา ซีหลิงยินดีมอบสองรัฐที่ติดกับซีเป่ยให้”

“เจิ้นหนานอ๋องใจกว้างเหลือเกิน” เยี่ยหลียิ้มพลางเอ่ยชมเชย ตอนนี้ซีหลิงมีเพียงสี่รัฐและสิบสามเมืองเท่านั้น เจิ้นหนานอ๋องเอ่ยปากเช่นนี้ก็คือ สองรัฐเท่ากับพื้นที่ครึ่งหนึ่งของซีเป่ย อีกทั้งกองทัพตระกูลม่อไม่ต้องเดินหมากเลยแม้แต่ตัวเดียว หากเป็นการทำการค้าในปกติ นี่เป็นการค้าที่ทำเงินโดยไม่ต้องเสียเงินลงทุนอย่างแน่นอน

เหลยเถิงเฟิงยิ้ม เอ่ย “นี่ถือเป็นความจริงใจของท่านพ่อและซีหลิง ขอแค่กองทัพตระกูลม่อไม่เข้าไปช่วยต้าฉู่ ต่างต่อรองได้ทุกอย่าง อีกทั้งซีหลิงและซีเป่ยลงนามข้อตกลงให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสันติตลอดไป ไม่ทราบว่าพระชายาคิดเห็นอย่างไร” เยี่ยหลีชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มบางๆ เอ่ย “ข้อเสนอที่รุ่ยอ๋องเสนอมานั้นน่าสนใจอย่างมาก…ทว่าเรื่องนี้กะทันหันเกินไป ข้าเกรงว่าจะตัดสินใจไม่ได้” เยี่ยหลีมองม่อซิวเหยาที่นอนบนขาของนางอย่างจนปัญญาและส่งสัญญาณให้เหลยเถิงเฟิง ติ้งอ๋องไม่อยากทำงาน ใครก็ห้ามไม่ได้

เหลยเถิงเฟิงทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ดีอย่างแน่นอนว่า ไม่ใช่เพราะเยี่ยหลีไม่สามารถตัดสินใจกะทันหันได้จริงๆ แต่เป็นเพราะแต้มต่อที่พวกเขามอบให้นั้นไม่เพียงพอ เหลยเถิงเฟิงกัดฟัน ก่อนจะเอ่ย “ข้าน้อยจำได้ว่าเหมืองแร่จำนวนมากในซีเป่ยต่างซื้อมาจากแคว้นอื่นๆ หนึ่งในนั้นมาจากซีหลิงเป็นส่วนใหญ่ ตราบใดที่ติ้งอ๋องตกลงที่จะไม่เข้าไปยุ่งในเรื่องนี้ การซื้อขายทั้งหมดในปีก่อนหน้านี้ จะได้รับการยกเว้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+