สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน 138 สาวใช้ตัวแสบ 42

Now you are reading สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน Chapter 138 สาวใช้ตัวแสบ 42 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 138 สาวใช้ตัวแสบ 42

“คุณไม่ต้องพูดกับเธอให้เปลืองน้ำลายหรอก ที่รัก คุณอยากระบายก็ตบไปเลย ตบจนกว่าคุณจะเหนื่อย ต่อให้คุณต้องการที่จะให้เธอตายไปตอนนี้เลย ผมก็จะทำให้คุณได้รับความยุติธรรมมากที่สุด คุณตามที่ใจคุณต้องการเถอะ!”เย่เชินหลินลูบหัวเซี่ยชีหรั่นด้วยท่าทีที่อ่อนโยน

คำพูดที่เย่เชินหลินพูดออกมาทำเอาหวีซานซานตกใจหน้าซีดเผือดเธอรู้ดีว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นเป็นเหมือนคนบ้าคนนึง คนบ้าที่วันวันเอาแต่จะแก้แค้น เธอเกลียดหวีซานซานมากจริงๆ เกลียดจนแทบจะกินหวีซานซานได้ เย่เชินหลินพูดขนาดนั้นแล้ว ถ้าหากว่าเธอบ้าคลั่งลุกขึ้นมาฆ่าหวีซานซานจริงๆล่ะก็หวีซานซานก็คงไม่รอด

เธอมองเซี่ยชีหรั่นอย่างลุกลี้ลุกลน พูดติดๆขัดๆ “เธอ เธอคงไม่ได้คิดจะตีฉันให้ตายจริงๆใช่ไหม ยังไงพ่อฉันก็เป็นถึงท่านประธานสมาคมหอการค้าเมืองหลินเจียงนะ ถ้าฉันตายเธอก็คงไม่ได้อยู่เป็นสุขหรอก”

เซี่ยชีหรั่นยกกำปั้นขั้นมาอีกครั้ง มือเธอยังคงไม่หยุดสั่น แต่ที่น่าแปลกก็คือเมื่อเธอได้รับคำพูดและการกระทำที่อ่อนโยนของเย่เชินหลินไป เหมือนว่าเธอจะได้สติขั้นมามากเลยทีเดียว

เธอวางมือลง แต่ยังคงมองหวีซานซานอย่างเย็นชา

“ฉันจะไม่ตบตีเธอ ยิ่งไปกว่านั้นฉันจะไม่ฆ่าเธอให้ตายซะที่นี่ ฉันเชื่อว่าเสี่ยวจุนคงอยากจะให้เธอได้ชดใช้ในสิ่งที่เธอเคยทำไว้ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ฉันจะรอวันที่เธอถูกจับ และรอวันที่เธอถูกตัดสินประหารชีวิต!”

หวีซานซานโล่งอก ในใจก็คิดว่ายังดีที่รอดมาได้

รอให้เธอกลับไปก่อนเถอะ ลูกไก่ในกำมือใครกันแน่

แต่ว่าเธอกลัวเย่เชินหลินจริงๆ ยังไม่หยุดที่จะอธิบายอีกประโยค “เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงนะคะ เป็นเรื่องบัง……”

“ไสหัวออกไปซะ!”เย่เชินหลินออกคำสั่งและหันไปบอกกับส้งหลิงหลิง “ถ้าคุณยังกล้าที่จะพาผู้หญิงคนนี้เข้ามาอีกล่ะก็ คุณก็ไสหัวออกไปด้วยกันเลยนะ!”

แต่ไหนแต่ไรมาครั้งนี้เป็นครั้งที่เย่เชินหลินพูดกับเธอรุนแรงที่สุด

เขาพูดจารุนแรงขนาดนี้กับเธอนี่ถือว่าเกรงใจแล้วนะ ในขณะนั้นเธอลนลานไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะให้พูดว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหวีซานซานเลยแม้แต่น้อย เขาก็คงจะไม่เชื่อ

แต่จะบอกว่าเธอรู้หมดทุกอย่าง เขาคิดว่ามันก็ไม่จำเป็น

ที่เขาไม่ได้ไล่เธอออกไปในทันที เป็นเพราะส้งหลิงหลิงเป็นผู้หญิงที่พ่อแม่เขาถูกใจ อย่างน้อยๆเขาก็ควรที่จะไว้หน้าเธอบ้าง

ส้งหลิงหลิงถึงกับหน้าเจื่อไปเลย แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะดูน่าสมเพชหรือไม่ เธอรีบเดินไปข้างๆเย่เชินหลิน และอธิบายให้เขาฟัง “ฉันไม่รู้จริงๆว่าหวีซานซานเธอจะเป็นคนแบบนี้ ถ้าฉันรู้ ฉันจะยังคงคบกับเธอได้ยังไงล่ะคะ”

พูดจบเธอก็มองไปที่หวีซานซานที่เดินออกไปถึงหน้าประตูอย่างเฉยชา “ยังไม่รีบไปอีก?ต่อไปนี้เราไม่เคยรู้จักกัน!ถ้าฉันได้ยินว่าเธอเอาเรื่องของน้องชีหรั่นไปพูดในทางเสียเสียหายๆอีกล่ะก็ ฉันไม่เอาเธอไว้แน่!”

“ไปกินข้าวเถอะ”เย่เชินหลินพูดจบ พลางโอบไหล่เซี่ยชีหรั่นแล้วเดินนำหน้าออกไปก่อน ส้งหลิงหลิงก็เดินตามหลังไป “ฉันพึ่งทานอาหารเช้าไป ยังไม่หิว ฉันอยากกลับห้องไปพักสักครู่นึง ได้ไหมคะ?”เซี่ยชีหรั่นเงยหน้ามองเย่เชินหลินและถามเขาเบาๆ

เมื่อตะกี้นี้อารมณ์แปรปรวน เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้เธอกลับมาสงบลงได้เช่นนี้เธอเองก็คงจะทรมานไม่น้อย

ถ้าปกติแล้วเฮก็คงจะพอรับไว้ แต่ตอนนี้ ในขณะที่เขาช่วยเธอในตอนนนั้น อย่างน้อยในช่วงระยะเวลาสั้นๆนั้นทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของการที่ได้มีเขาอยู่เคียงข้าง แปลกที่เธอรู้สึกได้ว่าเขากำลังปกป้องเธอและเป็นห่วงเธอ จึงทำให้เธอกล้าที่จะบอกความคิดที่แท้จริงให้กับเขา

“งั้นก็กินทีหลังก็ได้”เขาพูดอย่างอ่อนโยน ละยังยื่นมือไม่ลูบผมเธอปล่อยเธอไปในที่สุด เขาส่งเซี่ยชีหรั่นกลับเข้าห้องด้วยสายตา และยืนกำชับกับพ่อบ้านอยู่ไม่ไกล “คุณไปดูนะว่าหวีซานซานอะไรนั่นไปแล้วหรือยัง อย่าให้เธอมาก่อเรื่องที่นี่อีก และอีกอย่างเพิ่มจำนวนเวรยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูอีกเท่าตัว ถ้าไม่พอก็ให้ผลัดกันเข้างานคุณก็จัดการการคัดเลือกคนเข้ามานะ แต่ว่าข้อมูลของพวกเขาต้องส่งให้ผมดูก่อน จะจัดการเองไม่ได้เด็ดขาด”

“ครับ คุณเย่”

ส้งหลิงหลิงหลังออกมาจากห้องรับแขก ก็ทำได้เพียงเดินตามเขาต้อยๆ ไม่กล้าพูดอะไร

เย่เชินหลินก็ทำเหมือนกับว่ามองไม่เห็นเธอ เมื่อเขาสั่งงานพ่อบ้านเสร็จเขาจึงเร่งฝีเท้าจนทำให้ส้งหลิงหลิงที่ตามติดเขาต้องวิ่งเหยาะๆแทนถึงจะตามทัน

พอเซี่นชีหรั่นเข้าห้องมาเธอก็ล็อคประตูทันที นอนมองไปบนเพดานอยู่คนเดียวบนเตียงพลางนึกไปถึงวันที่หวีซานซานได้รับการลงโทษอย่างสาสม

ตอนเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ จิ่วจิ่วมาเคาะประตูห้องเธอ บอกว่าคุณเย่ให้เธอเอาอาหารมาส่งให้กับเซี่ยชีหรั่น

“ชีหรั่น นี่คืออาหารกลางวันที่เต็มไปด้วยรักของคุณเย่เลยนะ เขาบอกว่าเธอต้องกินให้หมดเกลี้ยงเลยนะ”

จิ่วจิ่วมักจะสดใสร่าเริงแบบนี้ตลอดเลย เวลาพูดนัยน์ตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม บางครั้งเซี่ยชีหรั่นเองก็รู้สึกอิจฉาจิ่วจิ่ว

“ขอบใจนะ จิ่วจิ่ว”

“ยัยบ๊องเอ๊ย ขอบคุณอะไรกัน ฉันต่างหากที่จะต้องขอบคุณเธอ แฮ่แฮ่ เธอไม่รู้อะไรช่วงนี้นะไอ้พ่อบ้านโรคจิตนั่น มัน ทรมานฉันสารพัดเลย สักพักให้ฉันไปตัดหญ้า สักพักให้ฉันปีนขึ้นที่สูงไปเช็ดกระจก แต่ฉันก็ยอมทำ เขาทำอย่างกับว่าฉันเป็นทาสในเรือนเบี้ยยังงั้นแหละ วันนี้คุณชายพูดแล้วว่าถ้าเฮไม่ยอมไปกินข้าวที่ห้องอาหาร ฉันก็จะมารับหน้าที่คอยนำอาหารมาให้เธอเอง;ว้า เป็นการอู้งานที่เยี่ยมสุดๆไปเลย ได้คุยเล่นกับเธอ แล้วยังได้อู้งานอีก ไม่ต้องทำงานไอ้พ่อบ้านโรคจิตนั่นก็ทำอะไรฉันไม่ได้แล้ว เธอว่าดีไหม?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด