สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน 891 สาวใช้ตัวแสบ 795

Now you are reading สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน Chapter 891 สาวใช้ตัวแสบ 795 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 891 สาวใช้ตัวแสบ 795

“คุณเย่ มีอะไรจะมอบหมายเหรอครับ” หลินต้าฮุยถาม

“นายไปประเทศฝานหลายนะ แล้วพาเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยไปด้วย บอกเธอว่าจะช่วยส่งกลับไปประเทศ ถ้าเธออยู่ในมือนายพวกเขาจะไม่กล้าทำอะไรนาย เมื่อถึงฝานหลายแล้วนายไปหาเจ้าชายหย่าหลุนก่อน บอกแกว่านายจะขอพบกษัตริย์ หลักฐานในมือนายจะปกป้องชีวิตของนายได้”

เย่เชินหลินแสดงสีหน้าอย่างจริงจัง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องอันตรายมาก

เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยนั้นเป็นคนถือตัวมาก แล้วเธอจะไม่อยากแก้แค้นที่ถูกกักตัวอยู่ในตงเจียงหรือ?

เมื่อหลักฐานถูกเปิดเผยเธอก็จะสูญเสียอิสรภาพทันที แล้วเจ้าชายหย่าหลุนก็จะขอบคุณพวกเขาและจะไม่ทำร้ายหลินต้าฮุย

สิ่งที่อันตรายต่อหลินต้าฮุยนั้นก็คือระหว่างการเดินทางไปมากกว่า เพราะเกรงว่าจะมีคนหักหลังเสียก่อน

“ครับ คุณเย่!” หลินต้าฮุยตอบตกลงโดยไม่ลังเล

“ต้าฮุย ภารกิจครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ นะ นายจะไม่ไปก็ได้” เย่เชินหลินพูด

ความจริงแล้วเขายังมีสติอยู่บ้างในช่วงที่สลบไป เพียงแต่ไม่มีแรงที่จะพูดกับหลินต้าฮุย

เขายังจำเรื่องที่ลูกผู้ชายอย่างหลินต้าฮุยคนนี้ร้องไห้เพื่อเขาได้ สำหรับตำแหน่งในใจของเขาแล้ว เกรงว่าหลินต้าฮุยจะสำคัญกว่าเหยนชิงเหยียนก็เป็นไปได้

หากไม่ใช่เพราะเขาได้รับบาดเจ็บ และเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยจะถูกกักอยู่ตงเจียงนานเกินไปไม่ได้ เขาคงจะไปด้วยตัวเองและไม่ยอมปล่อยให้ใครต้องมาเสี่ยงเพื่อเขาหรอก

“ผมไปเองครับ! คุณเย่!” หลินต้าฮุยพูดอย่างหนักแน่น เพราะเขาเกลียดเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยมาก เกลียดที่เธอแทบจะคร่าชีวิตเย่เชินหลินไป

เขาต้องการจะส่งเธอไปเข้าคุกด้วยตัวเอง และหลักฐานทุกอย่างนั้นเขาก็รู้ดี

เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยนั้นมีความทะเยอทะยานสูง ครั้งหนึ่งเธอเคยจะลอบสังหารเจ้าชายหย่าหลุน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และเพื่อที่จะยึดบัลลังก์ให้ได้โดยเร็วที่สุด เธอก็เคยคิดจะทำร้ายพ่อของเธอเพราะกลัวบัลลังก์จะตกอยู่ในมือของเจ้าชายหย่าหลุน

แม้ว่าพ่อลูกสองคนจะหลุดพ้นน้ำมือของเธอได้ แต่ทุกอย่างมันก็ได้ทิ้งเบาะแสไว้

นี่เป็นข้อมูลที่เย่เชินหลินต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้มา และนี่ก็เป็นวิธีเดียวที่จะห้ามไม่ให้เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยและเจ้าชายหย่าหลุนได้กลับมาตงเจียงอีก

สำหรับความโชคดีนั้นก็คือตลอดที่ผ่านมาหลินต้าฮุยได้อยู่กับเย่เชินหลิน ซึ่งก็ได้เรียนรู้ซึมซับความนิ่งสงบและความชาญฉลาดจากตัวเขา

ดังนั้น เขาจึงทำภารกิจครั้งนี้ได้สำเร็จ ทันทีที่กษัตริย์แห่งประเทศฝานหลายได้เห็นหลักฐานของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยที่พยายามทำร้ายเขา เจ้าหญิงก็ถูกส่งเข้าคุกโดยทันที

ความจริงแล้วเจ้าชายหย่าหลุนก็รักน้องสาวคนนี้มากและโดยปกติเขาจะแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการสืบทอดบัลลังก์ ถึงกระนั้นเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยก็ยังคิดจะทำร้ายเขาอยู่ดี ซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องเกลียดน้องสาวทันทีที่รู้และไม่ขัดคำสั่งของพ่อที่จะจับตัวเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยไปขัง

เซี่ยชีหรั่นเพียงต้องการใช้เวลาในการพักฟื้นและร่างกายของเธอก็ขาดสารอาหาร ซึ่งหลังจากได้รับการฉีดยาสารอาหารเข้าไปแล้วร่างกายของเธอก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

หลายวันต่อมาเธอก็ได้ดูแลเย่เชินหลินอย่างตั้งใจ

อาการบาดเจ็บของเย่เชินหลินค่อยๆคงที่ และหลังจากนั้นไม่นานหลินหลิงก็ได้ทำเรื่องขอออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านของเย่เชินหลิน

ส่วนส้งหลิงหลิงก็ได้รออยู่ที่บ้านอย่างเงียบๆ เธอคิดว่าหลังจากที่ได้บอกความลับกับเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยไปแล้วก็คงต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แน่นอน

ชะตากรรมของเซี่ยชีหรั่นอาจถึงฆาตได้ และบางทีเย่เชินหลินก็อาจจะต้อง……

แม้เธอจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะให้เย่เชินหลินต้องตาย แต่เธอคิดว่าเมื่อเย่เชินหลินตายไปแล้วลูกของเธอก็จะกลายเป็นทายาทคนเดียวของเย่เชินหลิน

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เธอก็หวังว่าเย่เชินหลินจะถูกฝังไปร่วมกับเซี่ยชีหรั่นด้วย

ซึ่งไม่คิดเลยว่าคนที่เธอหวังให้ตายแต่กลับไม่ตายสักคน และในทางกลับกัน ตอนนี้ตัวเธอเองต่างหากที่กำลังจะเผชิญหน้ากับหายนะครั้งร้ายแรง

……

เมื่อเย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นกลับถึงบ้านก็เกือบเที่ยงวันแล้ว

แสงแดดในเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของฤดูหนาวและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์มาก ด้วยตัวของเย่เชินหลินที่ได้รับบาดเจ็บ เซี่ยชีหรั่นจึงหวังอยากให้เขาหายไวๆ เมื่อกลับไปถึงบ้านแล้วเธอก็ให้พ่อบ้านช่วยนำเก้าอี้ปรับนอนมาให้เขา

“หลิน วันนี้ลมไม่แรงมาก งั้นคุณรับแสงแดดที่นี่ไปก่อนนะ” เซี่ยชีหรั่นพูดด้วยความอ่อนโยน

“อื้ม” เย่เชินหลินตอบสั้นๆ และในไม่ช้าเก้าอี้ปรับนอนก็ได้วางไว้ไม่ไกลจากขั้นบันไดทางเข้าบ้านหลังใหญ่นี้ เซี่ยชีหรั่นเตรียมเข้ามาพยุงเย่เชินหลินแต่ถูกเขาปฏิเสธไป

คุณชายเย่ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ผมหายดีแล้ว จะพยุงผมอีกทำไม?”

เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าเขาเป็นคนฟอร์มจัด แต่ไม่นึกว่าจะจัดขนาดนี้

เธอได้แต่ยิ้มแล้วตอบด้วยอารมณ์ดี “จ่ะ คุณหายดีแล้ว ฉันไม่ได้จะมาพยุงคุณ ฉันแค่จะให้คุณพยุงฉันไม่ได้เหรอ?”

ค่อยยังชั่ว ถือว่าอยู่เป็น

หลายวันที่ผ่านมานี้อย่าว่าเย่เชินหลินหดหู่ใจมากแค่ไหนเลย เพราะตอนหลับเขายังฝันว่าต้องดูแลผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เขาเองกลับขยับตัวไม่ได้เพราะมีบาดแผลในร่างกายอยู่

พ่อบ้านสั่งให้คนใช้นำเก้าอี้ปรับนอนอีกตัวมาวางไว้ข้างๆ เย่เชินหลิน เพราะเขารู้ว่าเซี่ยชีหรั่นค่อนข้างเหนื่อยล้ากับการที่ต้องดูแลเย่เชินหลินในโรงพยาบาล ดังนั้นจึงให้เซี่ยชีหรั่นได้นั่งรับแสงแดดกับเย่เชินหลินไปพร้อมกัน

ในบ้านที่เงียบสงบ เซี่ยชีหรั่นหลับตาลงและดื่มด่ำกับไออุ่นของแสงแดด

นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้รู้สึกอารมณ์ดีเช่นนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องแล้วทำให้โม่เสี่ยวหนงต้องจากที่นี่ไปเธอก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลย ซึ่งมันก็ผ่านมาเป็นว่าเวลาเกือบครึ่งปีแล้ว

เมื่อคิดถึงโม่เสี่ยวหนง หัวใจของเธอก็ผันผวนอีกครั้ง

เมื่อก่อนไม่ว่าโม่เสี่ยวหนงจะทำผิดอะไรเธอก็ไม่เคยเพิกเฉยต่อเธอเลย แต่ครั้งนี้โม่เสี่ยวหนงได้ทำร้ายจิตใจเธอจริงๆ เพราะทุกครั้งที่เธอตั้งใจจะติดต่อโม่เสี่ยวหนงเพื่อไถ่ถามไยดี เธอก็หักห้ามใจไว้ได้เมื่อนึกถึงภาพของโม่เสี่ยวหนงที่ลุกออกจากเตียงของเย่เชินหลิน

โม่เสี่ยวหนงรู้ตัวว่าตัวเองทำผิด จึงไม่กล้าคิดจะติดต่อเธอเลย

แม้ว่าเซี่ยชีหรั่นจะไม่โทรหาโม่เสี่ยวหนง แต่ในใจลึกๆ เธอก็ยังเป็นห่วงน้องสาวอยู่ ซึ่งพักนี้เธอก็ได้ขอให้โม่เสี่ยวจุนช่วยดูแลโม่เสี่ยวหนงเป็นพิเศษ

แน่นอนว่าโม่เสี่ยวจุนเข้าใจความรู้สึกของเซี่ยชีหรั่นดี เพราะถ้าไม่ใช่โม่เสี่ยวหนงทำผิดร้ายแรงเกินไปเซี่ยชีหรั่นก็คงจะไม่เพิกเฉยต่อเธอ

“สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น?” โม่เสี่ยวจุนถามเซี่ยชีหรั่น

เพราะเรื่องนี้ฟังแล้วอาจจะดูร้ายแรงเกินไป เธอจึงไม่อยากเล่าให้ใครฟังจริงๆ แต่เธอก็ทนไม่ได้สำหรับคำถามซ้ำๆ ของโม่เสี่ยวจุน และหลังจากที่ได้คิดไตร่ตรองแล้วสุดท้ายเธอก็ต้องเล่าให้เขาฟัง

ทันทีที่โม่เสี่ยวจุนได้ฟังแล้วเขาก็โกรธจนลุกเป็นไฟ และบอกกับเซี่ยชีหรั่นว่าไม่ต้องไปยุ่งกับตระกูลโม่อีก

“เสี่ยวจุน ถ้าไม่มีตระกูลโม่ฉันก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรแล้ว แต่ครั้งนี้เธอก็ทำเกินไปจริงๆ ฉันเองก็ไม่ได้คิดว่าจะให้อภัยเธออีก แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของคุณพ่อคุณแม่อยู่ดี อีกอย่างพวกเราก็เป็นคนเฝ้าดูเธอเติบโตมาตั้งแต่เด็ก จนถึงทุกวันนี้ฉันก็ยังฝันถึงเธออยู่ และทุกครั้งที่ฝันถึงเธอก็เป็นภาพที่แย่ๆ ฉันรู้สึกไม่ดีเลย ยังไงคุณช่วยดูแลเธอหน่อย ได้ไหม?”

สุดท้ายโม่เสี่ยวจุนก็ยอมรับปากเซี่ยชีหรั่นหลังจากที่เธอพยายามขอร้องไปหลายรอบ

ตั้งแต่นั้นมาข่าวทั้งหมดของโม่เสี่ยวหนงเธอก็ได้รับรู้มาจากโม่เสี่ยวจุน

โม่เสี่ยวจุนบอกว่าเธอสบายดีและเพิ่งได้ไปถ่ายทำละครโบราณเรื่องหนึ่งมา แม้ว่าเย่เชินหลินจะเกลียดเธอ แต่เขาไม่ได้ตัดอนาคตเธอไปและอาชีพการงานของเธอก็ยังคงเดิมอยู่

เซี่ยชีหรั่นจึงรู้สึกโล่งอกโล่งใจหลังจากที่ได้รับข่าวสารของเธอ

เวลาค่อยๆ ผ่านพ้นไปทีละวัน เซี่ยชีหรั่นคิดอยู่เสมอว่า หลังจากเหตุการณ์นั้นแล้วโม่เสี่ยวหนงจะคิดไตร่ตรองและรู้สึกผิดต่อตัวเองและผู้อื่นหรือไม่?

บางทีตอนนี้เธออาจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยของเธอ เธอคงกลับมาหาพี่สาวคนนี้ของเธอไปตั้งนานแล้ว

“พวกคุณไปทำงานกันเถอะ เราขออยู่เงียบๆ กันสองคนไปก่อน” เย่เชินหลินบอกกับพ่อบ้านและคนใช้ของเขา พ่อบ้านจึงมอบหมายทุกคนให้ไปทำหน้าที่ของตนต่อ

“ยัยตัวเล็ก คุณคิดอะไรอยู่?” เย่เชินหลินกระซิบถาม เซี่ยชีหรั่นส่ายหัวแล้วพูดต่อ “เปล่า ไม่ได้คิดอะไร?”

“หืม?” เย่เชินหลินสงสัย เพราะเขาไม่รู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังรู้สึกกังวลอยู่?

เขาสามารถมองเห็นสีหน้าอันเคร่งเครียดของเธอได้แม้ขณะที่เธอหลับตาอยู่

คงไม่ต้องพูดเธอก็รู้ว่าเย่เชินหลินนั้นเกลียดโม่เสี่ยวหนงมาก เธอจึงไม่ตามหาเธอและไม่จำเป็นต้องให้เขารู้เรื่องนี้อีก

แต่เมื่อเขายืนยันที่จะรู้ เธอจึงยิ้มเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นมองตาเขาแล้วพูดเบาๆ “จู๋ๆ ฉันก็คิดถึงเสี่ยวหนงขึ้นมา”

ตามที่คาดไว้ ทันทีที่เธอพูดถึงเรื่องนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

“จะคิดถึงคนอกตัญญูแบบนั้นทำไม? อย่าบอกนะว่าคุณยังติดต่อกับเธออยู่”

“เปล่าหรอก ก็ไม่ได้ติดต่อกันเลยถึงได้คิดถึงเธอไง ฉันคิดอยู่ว่าบางทีเธออาจจะกลับเนื้อกลับตัวแล้ว ถึงแม้เธอเป็นคนผิด แต่ส้งหลิงหลิงก็มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกันนะ ยิ่งตอนนี้เธอก็ยังเป็นเด็กอยู่ ตัวตนเสี่ยวหนงไม่ได้เป็นคนคิดร้ายแบบนั้นนะ เธอแค่ถูกพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอาแต่ใจมากเกินไป”

เซี่ยชีหรั่นเริ่มพูดจาแทนโม่เสี่ยวหนงโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง

แต่เขาไม่ได้ใจง่ายเหมือนเซี่ยชีหรั่น โดยปกติแล้วเขาจะให้โอกาสใครเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าหากไม่รักษามันไว้ก็อย่าหวังจะได้รับโอกาสครั้งที่สองอีก

“คุณยังอยากให้เธอมาแย่งตำแหน่งและมาแย่งผู้ชายของคุณอีกเหรอ?” เย่เชินหลินมองหน้าใบเล็กๆ ของเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เปล่า ฉันไม่ได้คิดจะติดต่อเธอหรอก”

“ถ้าวันหนึ่งเธอมาหาคุณล่ะ? คุณจะไม่สนใจเธอจริงๆ เหรอ?” เย่เชินหลินถามอีกครั้ง จนเซี่ยชีหรั่นคิดว่ามันอาจเป็นเรื่องยากสำหรับการเพิกเฉยต่อโม่เสี่ยวหนง

“ไม่ว่าจะยังไง ฉันจะไม่ยอมให้เธอมาทำลายความสัมพันธ์ของเราอีก หลิน ฉันสัญญานะ!”

สีหน้าเย่เชินหลินยังคงเคร่งเครียดอยู่ เซี่ยชีหรั่นจึงยื่นมือออกไปแตะที่คิ้วของเขาแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “พอได้แล้ว คนขี้งอน จะโกรธอะไรอีก? คุณอยากรู้เองไม่ใช่เหรอว่าฉันคิดอะไรอยู่? ฉันไม่ได้อยากติดต่อเธอจริงๆ หรอกนะ และฉันก็ไม่ได้อยากพูดถึงเธอต่อหน้าคุณด้วย”

ณ ตอนนี้ ความโกรธของเย่เชินหลินค่อยๆ หายไป เขาชอบดูสีหน้าของเธอตอนที่กลัวเขาโกรธมาก

“ไม่อยากให้ผมโกรธจริงๆ เหรอ?” เย่เชินหลินถาม

“แน่นอนสิ บาดแผลของคุณยังไม่หายดีเลย ฉันไม่อยากให้คุณโกรธอยู่แล้ว” เซี่ยชีหรั่นมองเขาด้วยสีหน้าน้อยอกน้อยใจ

เย่เชินหลินกระแอมในลำคอและชี้ไปที่ริมฝีปากของเขา

ผู้ชายคนนี้กำลังจะเล่นอะไรอยู่ เซี่ยชีหรั่นมองเขาแล้วหน้าแดงขึ้นมาทันที แม้จะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไรแต่เธอยังคงต้องแกล้งถามอีก “ทำอะไร?”

“จูบสิ จูบแล้วผมจะหายโกรธ”

“จูบอะไรของคุณ เดี๋ยวทับแผลคุณอีกทำไง?” เซี่ยชีหรั่นจะไม่ตามใจเขาอีก เพราะครั้งล่าสุดที่เขาแอบจูบเธอในโรงพยาบาลจนทำให้สัมผัสแผลของเขา แม้เขาจะบอกว่าไม่เจ็บแต่สีหน้าก็ฟ้องอย่างชัดเจน เมื่อเธอเห็นแล้วก็อดรู้สึกเจ็บปวดใจแทนเขาไม่ได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด