สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน 831 สาวใช้ตัวแสบ 735

Now you are reading สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน Chapter 831 สาวใช้ตัวแสบ 735 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 831 สาวใช้ตัวแสบ 735

“อ้ะ ขอโทษด้วยคุณนายเย่ เราเสียมารยาทกับเพื่อนของคุณแล้ว จะรีบไปเชิญคุณเขามา ไม่ทราบว่าคุณคนนั้นแซ่อะไร”

“เขาแซ่โม่” เซี่ยชีหรั่นตอบ

ผู้จัดการได้ยินเซี่ยชีหรั่นว่าก็รีบออกไปเรียกโม่เสี่ยวจุนด้วยตัวเอง แล้วยังขอโทษเขาด้วย

เย่เชินหลินทำเพียงปิดปากเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เอ่ยอะไรสักคำ เขาเกือบจะไม่แสดงอาการอะไรเลย สีหน้าคล้ายกับตอนที่กำลังทำงาน

ดูเหมือนว่าสัตว์ตัวผู้มักจะชอบต่อสู้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ แต่เซี่ยชีหรั่นก็รู้ว่าเขาจงใจ

จากเสื้อคู่ไปจนถึงการต้อนรับ เห็นได้ชัดว่ามันทำให้โม่เสี่ยวจุนรู้สึกด้อยกว่าเย่เชินหลิน

เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับการพูดจาไม่เหมาะสมของเธอเมื่อคืนนี้ ใครใช้ให้เธอยกย่องโม่เสี่ยวจุนว่าดีงั้นงี้กันล่ะ เธอคิดว่าคุณเย่ผู้หยิ่งผยองไม่ชอบที่จะได้ยินว่าคนอื่นดีกว่าเขา โดยเฉพาะคนที่เขามองว่าเป็นคู่แข่งหัวใจ

สีหน้าของโม่เสี่ยวจุนไม่ต่างกับของเย่เชินหลิน ทั้งสองดูเหมือนพี่น้องกันจริงๆ เซี่ยชีหรั่นส่ายหัวไปมา

“เสี่ยวจุน ทำไมไห่ฉิงฉิงไม่มาด้วยล่ะ” เซี่ยชีหรั่นไม่อยากทำให้โม่เสี่ยวจุนอึดอัดและไม่ต้องการให้เย่เชินหลินกับโม่เสี่ยวจุนพูดคุยกันเท่าไหร่ ใครจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ให้โอกาสเธอเลยและเธอไม่สามารถละมือออกจากอ้อมแขนของเขาได้

ท่ามกลางสายตาของทุกคน เซี่ยชีหรั่นไม่สามารถดึงแขนออกมาได้ เธอจึงต้องคุยกับโม่เสี่ยวจุนทั้งที่มีเย่เชินหลินอยู่ข้างๆ

“ฉิงฉิงยุ่งมากช่วงสองวันที่ผ่านมา ร้านทำผมของเธอกำลังจะเปิดสาขาใหม่” โม่เสี่ยวจุนพูดอย่างใจเย็น เขาสังเกตเห็นแล้วว่า เย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่นสวมเสื้อคู่

เซี่ยชีหรั่นเป็นคนหัวโบราณ ปกติแล้วเธอไม่ชอบเปิดเผยนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนออกไปข้างนอกด้วย เธอจะไม่สวมเสื้อผ้าคู่กับเย่เชินหลินเพราะเธอกลัวว่าจะทำให้คนโสดรู้สึกแย่

ดังนั้นเขาจึงรู้ทันทีว่ามันต้องเป็นความคิดของเย่เชินหลิน แถมในสถานการณ์เช่นนี้อีก เขาก็ย่อมเห็นว่ามีใครบางคนกำลังประกาศสงครามกับเขา

ใบหน้าของเย่เชินหลินขรึมลงอย่างอธิบายไม่ถูก ในใจคิดว่า นายนี่ดีจริงนะโม่เสี่ยวจุน ดีที่ฉันอยู่ที่นี่ ไม่งั้นนายคงคิดอยากเดทกับผู้หญิงของลำพังละสิ?

“ฉิงฉิงพึ่งตนเองได้ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว ไม่ต้องให้นายช่วยแล้วเหรอ?” เย่เชินหลินถามอย่างเย็นชา สีหน้าของโม่เสี่ยวจุนก็เย็นชามากเช่นกันและเขาก็ไม่ต่อบทสนทนากับเขาเลย

มีหลายคนเฝ้าดูอยู่ เมื่อทั้งสองคนกำลังจะเผชิญหน้ากันอีกครั้ง เซี่ยชีหรั่นก็รีบพูดด้วยรอยยิ้ม "โคมไฟร้านนี้ดูเหมือนจะเป็นธุรกิจที่ดี ฉันเชื่อว่าฉันจะน่าจะเลือกโคมไฟที่เสี่ยวหนงถูกใจได้แล้ว รีบเข้าไปกันเถอะ อย่ายืนอยู่ตรงนี้ให้เสียเวลาเลย”

ชายหนุ่มทั้งคู่กำลังสนใจเธอ ดังนั้นพอเธอพูดคำเดียว ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ทำเพียงแค่มองหน้ากันอย่างเฉยเมยจากนั้นก็หันสายตากลับมาและเดินเข้าไปด้วยกัน

“คุณนายเย่ ดูสิ คุณต้องการโคมไฟแบบไหน ผมจะแนะนำให้คุณ” ผู้จัดการร้านโคมไฟถามรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูช่างประจบและมีแววตื่นตระหนกเล็กน้อยราวกับว่าเขากลัวว่าถ้าต้อนรับได้ไม่ดีพอ เขาจะถูกริบชามข้าว

เซี่ยชีหรั่นไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับคนอื่น เธอจึงยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณค่ะ เรามาที่นี่เร็วไปหน่อย มีเวลาทั้งวันพอจะค่อยๆเดินดู เดี๋ยวเราดูเองก็ได้ค่ะ อีกอย่าง คุณควรเปิดร้านตามปกติเถอะค่ะ อย่าให้การที่เรามาที่นี่รบกวนคุณเลย"

"ไม่หรอกครับคุณนายเย่ คุณและคุณชายเย่นานๆทีจะได้มีโอกาสมาร้านของเรา เป็นเกียรติมากที่คุณมา ถ้ามีแขกคนอื่นๆมาด้วย คนเยอะเกินไปก็จะวุ่นวายเปล่าๆ สมมติมีคนเจตนาไม่ดีเข้ามา พวกเราคงรับผิดชอบไม่ไหวด้วยครับ”

เซี่ยชีหรั่นมองไปที่เย่เชินหลินและต้องการให้เขาช่วยเธอพูดว่าเธอไม่จำเป็นต้องปิดร้านโดยเฉพาะเพื่อพวกเขา ร้านโคมไฟขนาดใหญ่ขนาดนี้ไม่เปิดเลยสักวันจะสูญเสียรายได้ไปตั้งเท่าไหร่กัน

เย่เชินหลินไม่ได้มองไปที่เธอ แต่พูดกับผู้จัดการอย่างเฉยเมย "สิ่งที่คุณพูดไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล คุณไปทำงานเถอะ เราเดินดูกันเองได้"

ถ้าไม่ต้องคอยแนะนำให้พวกเขาแน่นอนว่าเป็นทางที่ดีที่สุด ผู้จัดการรู้สึกโล่งใจและกล่าวอย่างเคารพว่าเชิญดูตามสบาย มีอะไรก็เรียกเขาได้ทุกเมื่อแล้วก็ออกไป

มือของเย่เชินหลินอยู่ใกล้กับเอวของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นกังวลว่าโม่เสี่ยวจุนไม่มีความสุข เมื่อมองไปที่โคมไฟจึงไม่สามารถตั้งสมาธิได้

"เสี่ยวจุนนายว่าเสี่ยวหนงจะชอบโคมระย้าอันนี้มั้ย ดูเหมือนว่าเธอจะชอบอะไรที่ดูอลังการและแพรวพราวเป็นพิเศษ" เซี่ยชีหรั่นชี้ไปที่โคมระย้าขนาดใหญ่และถามโม่เสี่ยวจุน

โม่เสี่ยวจุนเองไม่ชอบอะไรที่ดูเว่อร์ๆ แต่อย่างที่เซี่ยชีหรั่นพูด โม่เสี่ยวหนงอาจจะชอบ เธอชอบก็โอเคเพราะโม่เสี่ยวจุนไม่ต้องการเห็นเซี่ยชีหรั่นลำบากเกินไป

เขาพูดเบาๆว่า "ไม่เลวนะ เธอน่าจะชอบ"

เย่เชินหลินแสดงอารมณ์อย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า "ผมว่าไม่สวย ไร้รสนิยม"

"เธอไม่ได้ถามความคิดเห็นของคุณ" โม่เสี่ยวจุนเอ่ยเรียบๆ

ขณะที่เย่เชินหลินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เซี่ยชีหรั่นกล่าวอย่างรีบร้อน "ฉันกำลังจะถามพอดีเลย คุณเย่ของเราค่อนข้างรสนิยมสูง ดังนั้นความคิดเห็นจึงมีความหมายมาก คุณเย่ว่ามันยังไม่ดีพอ งั้นเรามาดูกันใหม่นะ"

ไม่นานนัก ยัยตัวเล็กก็เข้าใจ แม้ว่าตาเย่จะไม่แสดงสีหน้าอะไร แต่ในใจเขาก็มีความสุขที่ชนะเกมนี้

โม่เสี่ยวจุนมองไปที่เย่เชินหลินอย่างเย็นชา คิดว่าผู้ชายคนนี้เด็กน้อยจริงๆ นี่เขาเป็นประธานบริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปจริงๆหรือ?

"หลิน คุณคิดว่าอันนี้เป็นไง คุณว่านิสัยแบบเสี่ยวหนงจะชอบอันนี้มั้ยคะ?” เซี่ยชีหรั่นทำตัวว่าง่ายครั้งนี้และถามความเห็นของเย่เชินหลินก่อน

"ได้อยู่" เย่เชินหลินบอกเพียงว่าได้อยู่เพราะเขาไม่ต้องการพูดว่าดี แต่โม่เสี่ยวจุนบอกว่ามันไม่ดี จนทำให้เขาเสียหน้า

ก่อนที่เซี่ยชีหรั่นจะถามโม่เสี่ยวจุน เขาก็พูดออกไปว่า "ผมว่าไม่ค่อยสวยเท่าไหร่"

ปรากฏว่าเขาบอกว่าได้อยู่ แต่เด็กคนนั้นก็สามารถต่อบทสนทนาได้ กวนตีนจริงๆ

เย่เชินหลินขมวดคิ้ว เขาแอบรู้สึกตลกในใจ นี่เขากลายเป็นเด็กน้อยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมนายโม่นั่นก็ยิ่งเด็กน้อยกว่าเขาอีก

เซี่ยชีหรั่นผู้ซึ่งอยากจะทำให้ทั้งสองคนปรองดองกันมาโดยตลอดมองไปที่คนนี้ทีคนนู้นทีอย่างไม่สบอารมณ์ เธอปล่อยแขนเย่เชินหลินออก แล้วพูดว่า "คุณสองคนเสียงดังมาก ฉันจะไม่ถามความเห็นของใครแล้ว ฉันรู้จักเสี่ยวหนงดีที่สุด เรื่องโคมไฟฉันจะจัดการเอง เชิญพวกคุณดื่มน้ำชาทางนู้นเลย"

ชายหนุ่มทั้งคู่มองกันไปมา สายตาของพวกเขาพูดว่าโทษนายนั่นแหละ ดูสิ เซี่ยชีหรั่นโกรธแล้วใช่มั้ย?

"คุณโม่ไปดื่มชาเถอะ ฉันจะไปกับคุณ" เย่เชินหลินกล่าว

"ฉันไม่หิวน้ำ" โม่เสี่ยวจุนก้าวเข้ามา

เซี่ยชีหรั่นทั้งโกรธและขบขัน เอ่ยว่า "คุณสองคนไปทั้งคู่แต่ฉันอยากไปดูเอง ไม่งั้นฉันจะกลับละ"

ในเวลานั้นผู้จัดการโคมไฟก็รีบตรงมาและกล่าวกับเย่เชินหลินด้วยความเคารพ "คุณเย่ครับ ไม่รู้ว่าคุณพานหาที่นี้เจอได้อย่างไร เขาขอพบคุณ"

นายพาน … เย่เชินหลินรู้แน่ว่านายพานคือใคร เขาเป็นลุงของพานหยู

พวกเขามีความร่วมมือกันบ้างในอดีตซึ่งไม่เป็นที่น่าจดจำนัก ต่อมาพานหยูเปิดเผยเซี่ยชีหรั่นในงานเลี้ยงจนทำให้เธอลำบาก เย่เชินหลินจึงตีตัวออกห่างจากคนในตระกูลพาน

นายพานคนนี้ขอพบเขาหลายครั้ง แต่เขาปฏิเสธตลอดเวลา เขาไม่คิดว่าชายคนนี้มีดีอะไร แต่เขากลับรู้ด้วยซ้ำว่าเขาพาเซี่ยชีหรั่นมาที่ร้านตะเกียงตั้งแต่เช้า

คำว่า “พาน” ทำให้เซี่ยชีหรั่นนึกถึงพานหยูโดยธรรมชาติ แม้ว่าพานหยูจะเคยทำให้เธอลำบากแต่ตอนนั้นเธอก็เป็นแฟนไห่ลี่หมิน แล้วไห่ลี่หมินชอบก็ชอบเธอเซี่ยชีหรั่น ดังนั้นเรื่องที่ไห่ลี่หมินเลิกกับพานหยูเธอยังรู้สึกผิดอยู่บ้าง

เมื่อเห็นว่าเย่เชินหลินดูเหมือนจะพูดอะไรไม่ออก เซี่ยชีหรั่นก็ยิ้มและพูดกะเย่เชินหลินว่า "หลิน ยังไงก็ฉันก็ดูโคมไฟอยู่ คุณก็สบายดีจะเจอก็ไปเจอเถอะค่ะ กว่าคนเขาจะหาเจอได้ตั้งแต่เช้านี่ไม่ง่ายเลยนะคะ”

เย่เชินหลินไม่อยากทำให้เซี่ยชีหรั่นเสียหน้าต่อหน้าคนอื่น ดังนั้นเขาจึงยังคงพูดอย่างเย็นชา "คุณปล่อยเขาเข้าไปเถอะ เราจะนั่งที่นั่นคุณช่วยบอกเขาว่าฉันมีเวลาแค่สิบนาที"

"ครับคุณเย่”

ที่ดื่มชาในร้านโคมไฟคือสถานที่นั้น เนื่องจากเย่เชินหลินต้องการคุยธุระ แน่นอนว่าโม่เสี่ยวจุนจะไม่ไปที่นั่น

"ถ้าคุณต้องการดูเอง ผมจะกลับแล้ว" โม่เสี่ยวจุนกล่าวเมื่อเย่เชินหลินเดินจากไป เซี่ยชีหรั่นไม่อยากเห็นเขาอารมณ์เสีย จึงยิ้มและพูดว่า "มาดูกับฉันกันเถอะ โคมไฟเยอะมาก ตาของฉันลายไปหมดแล้ว”

แม้ว่าเขาจะแข่งขันกับเย่เชินหลินโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ไม่ชอบที่เขาเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ของเขากับเซี่ยชีหรั่นผิด ดังนั้นเมื่อเย่เชินหลินจากไป เขาก็ไม่ต้องการอยู่นานกว่านี้

เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้และเน้นย้ำ "ที่นี่มีโคมไฟเยอะ ฉันรู้สึกตาลายแล้ว โปรดช่วยฉันดูหน่อยนะ ฉันจะหมดแรงถ้าดูคนเดียว"

โม่เสี่ยวจุนมองไปที่ดวงตาของเซี่ยชีหรั่น ไม่รู้ว่านั่นเป็นสาเหตุเพราะเธอนอนไม่หลับหรืออย่างไร ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถเปิดตาได้ เขาไม่ได้พูดอะไรมาก สายตาของเขากวาดไปที่โคมระย้าแต่ละอันเงียบๆ

"นั่น สไตล์ดูคลาสสิกมาก ความสว่างของแสงก็ดี อ่อนๆ เสี่ยวหนงคิดว่าไม่สว่างเกินไป ดูสว่างเกินไปดูใช้ไม่ได้" เซี่ยชีหรั่นชี้ไปที่โคมไฟที่อยู่ไม่ไกลแล้วกล่าวกับเขา โม่เสี่ยวจุนพยักหน้าและพูดว่า "ใช่ ไม่เลวเลย"

"ฉันจะดูจากทุกมุมแล้วถ่ายรูปส่งให้เธอสักสองสามรูป ดูว่าเธอจะชอบหรือไม่" เซี่ยชีหรั่นพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมาและเริ่มถ่ายรูปจากมุมหนึ่ง

เพื่อที่จะปรับมุม เธอจึงถอยหลัง เมื่อโม่เสี่ยวจุนสังเกตเห็นว่าเธอพิงกับขาตั้งโคมไฟ พบว่าโคมไฟอันนั้นจัดวางไว้ไม่ดีและกำลังจะตกลงมาก็สายไปแล้ว

"ระวัง!" เสียงของเย่เชินหลินดังขึ้นและจากนั้นเขาก็ก้าวจากระยะไกล

ที่ที่เย่เชินหลินดื่มชานั้นอยู่ห่างไกลออกไป ส่วนโม่เสี่ยวจุนก็อยู่ใกล้มากกว่า เขาพุ่งไปข้างหน้าจับไหล่ของเซี่ยชีหรั่นด้วยมือทั้งสองข้างและหมุนตัวไปรับ โคมไฟตกลงที่พื้นทันทีและเศษชิ้นส่วนก็กระเด็นไปทั่ว

เขาบังตัวเซี่ยชีหรั่นไว้ ถูกแก้วตีเข้าที่ไหล่และถูกเศษเจาะเข้าที่แขนของเขาจนเลือดสีแดงไหลออกมาจากหลายจุดบนร่างกาย

ใบหน้าเล็กๆของเซี่ยชีหรั่นซีดลงด้วยความตกใจ เสียงสั่นเครือรีบถามเขาว่า "เสี่ยวจุน เป็นไงบ้าง?"

"คุณเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหนมั้ย" โม่เสี่ยวจุนไม่รู้สึกว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บเลย เขาไม่ได้มองตัวเองแม้แต่น้อยแต่กลับมองตรงขึ้นไปสำรวจเซี่ยชีหรั่น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด