สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน 962 สาวใช้ตัวแสบ866

Now you are reading สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน Chapter 962 สาวใช้ตัวแสบ866 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 962 สาวใช้ตัวแสบ866

เมื่ออาซานได้รับข่าวว่าให้เขารีบนำตัวส้งหลิงหลิงออกจากโรงพยาบาล เมื่อคิดถึงใบหน้าอันน่าเกรงขามของประธานจง เขาก็รีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบออกไปข้างนอก มองดูบรรยากาศภายนอกที่ยังไม่สว่างนัก ก็แอบด่าเขาในใจจากนั้นก็รีบวิ่งออกไป

“ผมจะบังคับให้หล่อนออกมาดีหรือว่าต้องใช้วิธีอื่นนะ”อาซานยืนอยู่หน้าห้องของผู้ป่วย เขานั้นไม่คิดเลยว่าพอเขามาถึงโรงพยาบาล เขาจะเห็นเพียงเตียงผู้ป่วยที่ว่างเปล่า ไม่เห็นแม้แต่เงาของส้งหลิงหลิง

ในเวลานี้ส้งหลิงหลิงเพิ่งตื่นจากฝันร้าย หลังจากเข้ารับการรักษา อาการป่วยของหล่อนก็หายดีแล้ว หากมานั่งคิดให้ดี ส้งหลิงหลิงนั้นก็ควรที่จะขอบคุณเซี่ยชีหรั่น หากไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอนั้นแวะมาเยี่ยมเยือนหล่อนตลอด ส้งหลิงหลิงนั้นเชื่อว่าตนคงจะไม่ได้ตื่นจากฝันร้ายรวดเร็วเช่นนี้ หล่อนก็คงยังต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้ความฝันที่ตนนั้นสร้างขึ้น และไม่รู้ด้วยว่าจะต้องอยู่ในนั้นไปนานแค่ไหน

หล่อนเปิดหน้าต่างออก จากนั้นก็ยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่างเพียงลำพัง ระหว่างที่ลมนั้นพัดโชยมา หล่อนนั้นก็มักจะรู้สึกว่ามีใครบางคนแอบมองหล่อนอยู่ ส้งหลิงหลิงไม่แน่ใจว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนที่เย่เชินหลินส่งมาจับตาดูเธอหรือไม่ แต่หากเป็นคนของเย่เชินหลินแล้ว ก็คงจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อเธอ

ส้งหลิงหลิงพิจารณาถึงสถานะของตนเอง

หล่อนนั้นคิดอยู่นาน จากนั้นจึงตัดสินใจจากไปเพียงลำพัง อีกทั้งเร็วยิ่งดี หล่อนนั้นสังหรณ์ใจบางอย่างว่า หากหล่อนยังไม่รีบไปหล่อนก็คงจะออกไปจากตรงนี้ไม่ได้ ส้งหลิงหลิงนั้นเชื่อในสัมผัสที่หกของตนมาโดยตลอด

ส้งหลิงหลิงนั้นเปิดตู้ออกมา หยิบของที่เซี่ยชีหรั่นนั้นมอบให้กับเธอ โชคดีที่เซี่ยชีหรั่นนั้นได้เตรียมของใช้ส่วนตัวให้กับเธอ จึงทำให้ส้งหลิงหลิงนั้นหลบหนีออกจากที่นี่ได้ง่ายขึ้น

แสงแดดของช่วงกลางวันนี้ช่วงเจิดจ้า ทำให้อบอุ่นกว่าช่วงเช้ามาก จิ่วจิ่วดีใจจนรีบลากเหยนชิงเหยียนออกไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้เธอนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหยนชิงเหยียนจะรีบออกมาฝึกฝน และสามารถเดินได้เป็นปกติในเร็ววัน

เซี่ยชีหรั่นมองเงาหลังของเขาทั้งสองคนที่พยุงกันอยู่ไกลๆ เธอนั้นรู้สึกดีใจแทนจิ่วจิ่ว ดูเหมือนว่าจิ่วจิ่วนั้นจะได้เจอกับเจ้าชายของตนแล้ว

“ชีหรั่น ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?” จิ่วจิ่วนั้นรู้สึกได้ว่าเบื้องหลังของเขานั้นมีสายตาใครบางคนมองอยู่ พอหันไปดูก็พบว่าเซี่ยชีหรั่นมองเขาอยู่ไม่ไกลนัก

“ฉันอยู่คนเดียวเหงา ก็เลยมาที่นี่” เซี่ยชีหรั่นกำลังจะเดินเข้าไปดูดอกไม้ที่บานสะพรั่งเต็มสวน เซี่ยชีหรั่นก็นึกขึ้นได้ว่าส้งหลิงหลิงนั้นได้บอกให้เธอกับพ่อบ้าน มาถอนหญ้าที่นี่ทุกวัน ตอนนั้นเป็นฤดูร้อน เวลานั้นช่างผ่านไปรวดเร็วเสียจริง

“คุณชายเย่ล่ะ?ทำไมช่วงนี้ไม่เห็นเขาเลย แผนการในการมีลูกของคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ” จิ่วจิ่วถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา โดยลืมไปว่าเหยนชิงเหยียนนั้นยืนอยู่ข้างๆ

สีหน้าของเซี่ยชีหรั่นนั้นแดงก่ำ ไม่รู้ว่าจะตอบออกไปอย่างไรดี เธอนั้นนึกถึงของที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า นึกถึงชุดชั้นในสุดเซ็กซี่ ใบหน้าของเธอนั้นร้อนเผ่า จิ่วจิ่วนี่ก็จริงๆเลย เรื่องอะไรที่ไม่อยากให้พูดถึง ก็พูดอยู่นั้นแหละ คราวที่แล้วถูกเย่เชินหลินทรมานจนแทบแย่

และในเวลานี้เองจิ่วจิ่วก็รู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของเหยนชิงเหยียน เซี่ยชีหรั่นนั้นหน้าแดง อาจจะเป็นเพราะว่าเรื่องนี้เป็นความลับของผู้หญิง และเหยนชิงเหยียนนั้นก็เป็นผู้ชาย

“คุณกับเสี่ยวห้านจะหมั้นกันเมื่อไหร่?” เซี่ยชีหรั่นรีบเปลี่ยนหัวข้อเรื่องทันที ด้วยลักษณะนิสัยของจิ่วจิ่วแล้ว เธอก็ไม่อาจที่จะคาดเดาได้ว่าหล่อนนั้นจะถามอะไรขึ้นมาอีก เซี่ยชีหรั่นนั้นไม่อยากให้ตนเองต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก

“คุณพูดมาสิ”จิ่วจิ่วยื่นมือออกไปโอบเอวเหยนชิงเหยียน จากเดิมที่เป็นคนร่าเริง และเมื่อพูดถึงเรื่องแต่งงานที่เป็นเรื่องใหญ่ จิ่วจิ่วยังไม่อายที่จะพูดถึง หากดูดีๆแล้วก็จะพบว่าหูของเธอนั้นก็เริ่มแดง

เหยนชิงเหยียนนั้นมองไปที่จิ่วจิ่ว และเซี่ยชีหรั่น อย่างรวดเร็ว จนไม่มีใครสังเกตเห็น

“รอให้ผมหายดีก่อน รอให้พ่อ แม่แล้วก็พี่ชายว่างก่อนค่อยจัดการเรื่องของเรา”เมื่อเหยนชิงเหยียนพูดถึงพี่ชาย เขาก็นิ่งเงียบครู่หนึ่ง จิ่วจิ่วและเซี่ยชีหรั่นนั้นต่างก็ไม่ได้สังเกตเห็น เพราะคนหนึ่งก็อาย อีกคนหนึ่งก็ดีใจแทนเพื่อนรักที่กำลังมีความสุข

จิ่วจิ่วมองไปที่เหยนชิงเหยียนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

“หากผมยังไม่สามารถเดินได้ ผมก็คงยังให้ความสุขกับจิ่วจิ่วไม่ได้ มีเพียงแค่ผมลุกขึ้นเดินได้เท่านั้น ถึงจะสามารถขอเธอแต่งงานได้”เหยนชิงเหยียนหลบสายตาของจิ่วจิ่ว สายตาของเขานั้นมองไปที่ชั้นวางดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก

“ฉันเชื่อว่าคุณจะต้องลุกขึ้นยืนได้ในไม่ช้า”เซี่ยชีหรั่นนั้นไม่อยากให้จิ่วจิ่วรู้สึกจิตตก เพราะเธอนั้นก็หวังว่าเหยนชิงเหยียนนั้นจะหายดีในไม่ช้า เย่เฮ่าหรันกับฝู้เฟิ่งหยี นั้นจะได้สบายได้

“ชีหรั่น คุณมีธุระอะไรต่อไหม?” จิ่วจิ่วสูดหายใจเข้า ไอหมอกนั้นค่อยๆจางหายไป เธอนั้นอยากจะคุยกับชีหรั่นต่ออีกสักพัก

“ฉันอยากที่จะไปเยี่ยมส้งหลิงหลิง ไปดูว่าหล่อนนั้นหายดีแล้วหรือยัง คราวที่แล้วที่ไปเยี่ยมหล่อน ดูเหมือนว่าหล่อนนั้นอาการดีขึ้นมากแล้ว” เซี่ยชีหรั่นนั้นรู้ดีว่า การที่เธอพูดขึ้นเช่นนี้จิ่วจิ่วจะต้องด่าว่าเธออย่างแน่นอน แต่เมื่อคิดว่าการที่จิ่วจิ่วเป็นเช่นนั้นก็เพราะหวังดีกับตน ใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นก็ยิ้มอย่างอิ่มอกอิ่มใจ

จิ่วจิ่วตั้งใจที่จะปล่อยมือเหยนชิงเหยียนลง จากนั้นก็วิ่งไปหาเซี่ยชีหรั่น จากนั้นมองไปที่ศีรษะของเธอนานสองสามนาที จากนั้นก็พูดขึ้นว่า:“ชีหรั่น ฉันอยากที่จะผ่าสมองของเธอออกมาดูจริงๆ ว่าเธอนั้นยังคงปกติอยู่ไหม”

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเซี่ยชีหรั่นก็ดังขึ้น

เธอนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา เมื่อเห็นตัวอักษรที่คุ้นเคย ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

จิ่วจิ่วมองดูท่าทางของเซี่ยชีหรั่น จากนั้นก็เดาว่าใครกันนะที่โทรหาเธอ หรือว่าจะเป็นคุณชายเย่?

“แม่คะ ทำไมถึงได้โทรหาลูกกะทันหันล่ะคะ?”เซี่ยชีหรั่นถามขึ้นเบาๆ ช่วงสองสามวันมานี้ยุ่งๆ เธอจึงลืมโทรหาจ้าวเหวินอิงเมื่อสักครู่นี้ เธอยังคิดอยู่เลยว่าหลังจากที่ไปเยี่ยมส้งหลิงหลิงที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ก็จะไปบ้านตระกูลหลี่ ไปเยี่ยมจ้าวเหวินอิง

เมื่อนึกถึงจ้าวเหวินอิง แม้ว่าเซี่ยชีหรั่นจะรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขนาดไหน ก็ต้องรีบปรับอารมณ์ของตนทันที

“ชีหรั่น นานแล้วที่พวกเรานั้นไม่ได้เจอกัน วันนี้ลูกพาเย่เชินหลินมาที่บ้านได้ไหม เดี๋ยวอีกสักพักแม่จะให้คนออกไปซื้อกับข้าวที่ลูกกับเย่เชินหลินชอบทาน” ขณะที่จ้าวเหวินอิงกำลังพูดอย่างมีความสุขอยู่บนโซฟา หลี่หมิงจุ้นที่อยู่ข้างๆเธอก็มองภรรยาด้วยสายตาที่เอ็นดู ในใจก็ดีใจกับเธอด้วย

“ได้ค่ะแม่ เดี๋ยวอีกสักพักลูกจะเข้าไปค่ะ” เซี่ยชีหรั่นนั้นก็อยากที่จะเข้าไปเยี่ยมแม่ของเธอ

“แม่จะรอลูกๆมานะ”

“ค่ะแม่ แล้วเจอกันนะคะ”เซี่ยชีหรั่นนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าความสุขที่เธอนั้นแสดงออกมาทางสีหน้านั้นจะทำให้จิ่วจิ่วที่อยู่ไม่ไกลนั้นรู้สึกอิจฉา แต่เนื่องจากจิ่วจิ่วนั้นเป็นเพื่อนรักของเซี่ยชีหรั่น เมื่อเห็นเช่นนั้น หล่อนก็ดีใจกับเธอด้วย

หลังจากที่จ้าวเหวินอิงวางสายลงก็ลุกขึ้น

“ชีหรั่นบอกว่า เดี๋ยวอีกสักพักจะเข้ามา ฉันจะออกไปซื้อกับข้าวให้พวกเขาด้วยตนเอง”จ้าวเหวินอิงนั้นตัดสินใจแล้วว่าจะออกไปซื้อด้วยตนเอง

“ให้คนอื่นไปซื้อเถอะ” หลี่หมิงจุ้นอยากให้จ้าวเหวินอิงอยู่ที่นี่อีกสักพัก เขานั้นรู้ตัวดีว่าสุขภาพของตนนั้นไม่ค่อยจะดีนัก ไม่รู้ว่าวันไหนจะต้องจากโลกนี้ไป

จ้าวเหวินอิงไม่รู้ความคิดที่แท้จริงของหลี่หมิงจุ้น ตอนนี้หล่อนนั้นเป็นเพียงแม่คนหนึ่ง แม่ที่ต้องการทำให้ลูกของตนนั้นมีความสุขมากที่สุด

“ฉันไปเอง ฉันไปเอง” จ้าวเหวินอิงหยิบเสื้อคลุมมาสวม จากนั้นก็เดินไปที่หน้าชั้นวางรองเท้า

“งั้นรอผมก่อน ผมจะไปกับคุณด้วย” หลี่หมิงจุ้นคิดว่าไหนๆจ้าวเหวินอิงก็อยากที่จะออกไปด้วยตนเองแล้ว งั้นเขาก็ไปกับเธอด้วยก็แล้วกัน

จ้าวเหวินอิงพยักหน้า พอเธอนั้นเดินออกมาก็พบกับหลี่เหอไท้

“แม่ แม่จะไปไหนครับ?”หลี่เหอไท้นั้นพาต้าเฟิ่งกลับมาด้วย เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของจ้าวเหวินอิงก็เดาได้ทันทีว่าเธอนั้นกำลังจะออกไปข้างนอก

“ฉันกับพ่อของคุณกำลังจะออกไปซื้อกับข้าวข้างนอก วันนี้ชีหรั่นจะมาบ้านเรา” ขณะที่จ้าวเหวินอิงพูดถึงเซี่ยชีหรั่นใบหน้าของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยความสุข

“งั้นผมขับรถให้นะครับ พวกเราไปด้วยกันทั้งครอบครัวเลยดีกว่า”หลี่เหอไท้พูดขึ้นพลางยิ้ม:“ต้าเฟิ่ง กลับไปเล่นเถอะ”

ต้าเฟิ่งพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนรองเท้า แล้วยืนมองจ้าวเหวินอิงกับหลี่เหอไท้อยู่ที่หน้าประตู เพราะเธอนั้นก็อยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้เช่นกัน

“เหอไท้กลับมาแล้ว”หลี่หมิงจุ้นเดินออกมาเจอหลี่เหอไท้จึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย

หลี่เหอไท้นั้นรู้สึกแปลกๆ เพราะแต่ไหนแต่ไรพ่อมักจะเคร่งขรึมกับเขา

“พ่อครับ แม่บอกว่าพวกคุณจะออกไปซื้อกับข้าวข้างนอก ให้ผมขับรถให้เถอะครับ”หลี่เหอไท้หยิบกุญแจรถแล้วเดินไปที่โรงจอดรถ

เมื่อเห็นเงาหลังขนาดใหญ่ของหลี่เหอไท้ หลี่หมิงจุ้นยิ้ม เขานั้นเชื่อว่า หากเขานั้นจากโลกนี้ไปแล้ว หลี่เหอไท้ก็คงจะดูแลจ้าวเหวินอิงได้เป็นอย่างดี อีกทั้งตอนนี้ก็ยังมีเซี่ยชีหรั่นด้วย จ้าวเหวินอิงคงจะไม่เลือกที่จะตายตามเขาไปอย่างแน่นอน

หลี่เหอไท้นั้นขับรถออกมา จากนั้นก็เปิดประตูรถให้กับท่านทั้งสอง

เมื่อเซี่ยชีหรั่นคิดถึงเรื่องที่แม่ของเธอให้พาเย่เชินหลินไปกินข้าวที่บ้านด้วย เธอจึงรีบบอกลาจิ่วจิ่ว จากนั้นวางแผนที่จะไปถามเย่เชินหลิน ว่าเย็นนี้เขานั้นมีเวลาว่างไหม

ประจวบเหมาะพอดีที่พ่อบ้านนั้นเดินมาที่สวนดอกไม้

“พ่อบ้าน เห็นคุณเย่ไหม?”

“คุณนายเย่ คุณเย่เพิ่งกลับมาครับ” พ่อบ้านตอบอย่างนอบน้อม

เมื่อเซี่ยชีหรั่นนั้นทราบว่าเย่เชินหลินนั้นอยู่ที่บ้าน หลังจากลาจิ่วจิ่วแล้วก็รีบจากไป

เย่เชินหลินกลับมาแล้ว เขาจะไปที่ไหนนะ เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในช่วงนี้หรือว่าเขานั้นจะไปห้องหนังสือ?หรือว่าเขาจะไปอยู่ที่ห้องรับแขก หรือว่าเขาจะไปหาฝู้เฟิ่งหยี

เซี่ยชีหรั่นคิดว่าตนจะไปดูที่ห้องรับแขกก่อน จากนั้นค่อยถามคนรับใช้ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุด

“เชินหลิน สองสามวันมานี้เห็นลูกยุ่งๆ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”ฝู้เฟิ่งหยีถามเย่เชินหลินที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเธอนั้นรูปร่างสูงใหญ่ สูงกว่าศีรษะของเธอเสียอีก ฝู้เฟิ่งหยีถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความภูมิใจ เนื่องจากเย่เชินหลินนั้นเป็นความภูมิใจของเธอ

“ไม่มีอะไรครับแม่ แม่ดูแลตัวเองให้ดีๆนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ยิ่งอาการช่วงนี้ไม่สบายเอาได้ง่ายๆเลย”เย่เชินหลินยื่นมือออกไปโอบไหล่ของฝู้เฟิ่งหยีจากนั้นก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า เขานั้นหวังว่าฝู้เฟิ่งหยีนั้นจะดูแลตนเองเป็นอย่างดี หากเธอนั้นไม่เจ็บไข้ได้ป่วย เขาถึงจะสบายใจ

เซี่ยชีหรั่นนั้นทราบจากสาวใช้ว่าเย่เชินหลินนั้นอยู่กับแม่ของเขา เธอจึงรีบมาหาฝู้เฟิ่งหยีในทันที ประตูนั้นไม่ได้ปิด เซี่ยชีหรั่นจึงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าของตน

เธอนั้นถอยเท้าซ้ายกลับมา ฉากเบื้องหน้าของเธอนั้นอบอวนไปด้วยความรัก เธอไม่อยากที่จะทำลายบรรยากาศนี้ รอให้พวกเขาคุยกันเสร็จก่อนค่อยเข้าไปจะดีกว่า

เซี่ยชีหรั่นนั้นคิดถึงแม่ของตน และคิดถึงจงหวีฉวน แม่ของเธอนั้นสำหรับเธอแล้วเป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลก แต่พ่อของเธอนั้นเขามักที่จะหลอกใช้เธอ เมื่อนึกถึงจงหวีฉวนเซี่ยชีหรั่นนั้นก็เริ่มรู้สึกเสียใจ เธอนั้นพยายามที่จะบอกตนเองว่าอย่าได้ไปใส่ใจกับจงหวีฉวนเลย แต่ใจของเธอนั้น ก็อดที่จะเสียใจไม่ได้

เธอนั้นไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมทุกครั้งถึงสามารถหลอกใช้เธอได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร เพียงเพราะว่าเขากับเธอนั้นมีสายเลือดเดียวกันงั้นเหรอ?

เมื่อฝู้เฟิ่งหยีเห็นเซี่ยชีหรั่นยืนอยู่ด้านนอก และสังเกตเห็นสีหน้าของเธอ ในใจของหล่อนจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดคำถามขึ้นในใจ

“ชีหรั่น มาหาเชินหลินเหรอ?กลัวว่าแม่อยากฉันจะกลืนกินลูกชายของตนเองงั้นหรือ”ฝู้เฟิ่งหยีพูดขึ้นพลางยิ้ม

คำพูดของฝู้เฟิ่งหยีทำลายความคิดเมื่อสักครู่ของเซี่ยชีหรั่นจนหมดสิ้น

“ไม่ใช่ค่ะ พอดีแม่ของฉันโทรมาชวนฉันกับเชินหลินไปทานข้าวที่บ้านค่ะ” เซี่ยชีหรั่นมองไปที่เย่เชินหลินกับฝู้เฟิ่งหยีอย่างขอร้องเย่เชินหลินนั้นเป็นลูกของฝู้เฟิ่งหยีแม้ว่าจ้าวเหวินอิงจะเป็นเพียงแค่แม่ยายของเขา แต่เซี่ยชีหรั่นก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าฝู้เฟิ่งหยีจะไม่ขัดขวาง

“ไปเถอะ ไปเถอะ” ในใจก็หล่อนก็สามารถรับรู้ได้ว่าจ้าวเหวินอิงคงจะคิดถึงเซี่ยชีหรั่น

“ขอบคุณค่ะแม่”เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นอย่างนอบน้อม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด