เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1009 ไม่รบกวนแล้ว + 1010 เหล้าพิษหนึ่งแก้ว

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1009 ไม่รบกวนแล้ว + 1010 เหล้าพิษหนึ่งแก้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1009 ไม่รบกวนแล้ว + ตอนที่ 1010 เหล้าพิษหนึ่งแก้ว

ตอนที่ 1009 ไม่รบกวนแล้ว

ผู้นำตระกูลซ่งเห็นเช่นนี้ก็ไม่ฝืนใจ แต่ยิ้มขานรับ “ได้ ข้าจะให้เขาไปโดยเร็ว จะไม่ให้คุณชายเฟิ่งรอนานไปนัก” เวลาเดียวกันยังยื่นป้ายหยกแสดงสถานะคืนให้เฟิ่งจิ่ว

ยามนี้เอง บรรพบุรุษตระกูลซ่งลุกขึ้นประสานมือเอ่ยว่า “คุณชายเฟิ่ง ต้องรบกวนท่านสั่งสอนหลานชายผู้ดื้อรั้นของข้าให้มากๆ ด้วย”

“กล่าวเกินไปแล้ว” เธอลุกขึ้นยืน สายตามองผ่านร่างคุณชายสาม มุมปากยกโค้งขึ้น ก่อนจะบอกทุกคนว่า “พวกเราจะไม่อยู่นาน เชิญ”

เวลานี้บรรพบุรุษตระกูลหลิ่วลากตัวลูกชายก้าวเข้ามา ยิ้มระรื่นมองเด็กหนุ่มที่สวมชุดแดงสะดุดตายิ่ง จากนั้นโค้งกายคารวะเบื้องหน้าเขา เอ่ยอย่างซาบซึ้งใจว่า “ข้าขอเป็นตัวแทนตระกูลหลิ่วขอบคุณคุณชายเฟิ่งไว้ ณ ที่นี้ด้วย”

ไม่มีการแถลงไขใดๆ แต่ทุกคนในห้องโถงกลับเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ ไม่ได้ขอบคุณที่เขามาสั่งสอนซ่งหมิง ทว่าขอบคุณที่เขาส่งรายงานและหลักฐานของไป๋เหลียนมาให้ตระกูลหลิ่ว ทำให้พวกเขารู้ว่าการตายของลูกสาวบ้านตนมีเบื้องลึกเบื้องหลัง

เฟิ่งจิ่วเห็นแล้วแววตาสั่นไหวเล็กน้อย ยอมรับการคารวะจากเขาโดยไม่หลบเลี่ยง แต่ปากกลับเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ผู้เฒ่าหลิ่วไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” กล่าวจบก็มองพวกต้วนเยี่ย ทั้งสองคนลุกขึ้นมาและกล่าวลากันทีละคน

“พวกเราจะไปส่งคุณชายเฟิ่งเอง”

พวกเขาเอ่ยขึ้น จากนั้นไปส่งพวกเฟิ่งจิ่วกลับด้วยตนเอง จนกระทั่งเห็นอีกฝ่ายออกไปพ้นประตูใหญ่ของจวนตระกูลซ่ง คนทั้งสี่สบตากันแล้วจึงเดินเข้าไปในจวน กลับไปยังห้องโถง

“ท่านผู้อาวุโส คุณชายเฟิ่งคนนี้เป็นใครกัน” ผู้อาวุโสหนึ่งคนในนั้นเอ่ยถามอย่างสงสัย ดูจากท่าทีที่พวกเขาสี่คนปฏิบัติต่อเฟิ่งจิ่วแล้ว ฐานะของเด็กหนุ่มคนนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!

“เรื่องนี้ค่อยว่ากัน ให้คนพาตัวไป๋ซื่อ[1]เข้ามาก่อน” บรรพบุรุษตระกูลซ่งกล่าวเสียงขรึม สั่งให้สองคนไปพาตัวคนมาจากคุกใต้ดิน

ทุกคนในห้องโถงต่างมองหน้ากัน ผ่านไปพักหนึ่ง ไป๋เหลียนที่มือเท้าเปื้อนเลือดไม่มีใครพันแผลให้ก็ถูกผู้ฝึกตนสองคนพาเข้ามา ผู้ฝึกตนถอยไปด้านหลัง ภายในห้องโถงนี้นอกจากบรรพบุรุษและผู้นำตระกูลซ่ง ผู้อาวุโสสองสามคนกับลูกชายสองคนของไป๋เหลียน ทางฝ่ายตระกูลซ่งก็มีเพียงซ่งหมิง

ส่วนทางตระกูลหลิ่วมีบรรพบุรุษกับผู้นำตระกูลหลิ่ว ร่วมด้วยผู้อาวุโสสองสามคน ยามนี้สายตาของแต่ละคนหยุดมองร่างไป๋เหลียน มองใบหน้าแก่ชราของนาง ขณะที่ใจสั่นเล็กน้อยก็ยิ่งจริงจังกว่าเดิม

“ไป๋ซื่อ สองสามวันนี้เจ้าทำเรื่องชั่วร้ายอะไรไปกันแน่ ยังไม่รีบพูดมาตามจริงอีก!” บรรพบุรุษตระกูลซ่งตะโกนเสียงเข้ม สายตาคมกริบจ้องมองไป๋เหลียนที่อยู่เบื้องล่าง

แทบจะมั่นใจได้ว่าไป๋เหลียนไปล่วงเกินภูตหมอมา แต่นางทำอะไรกันแน่ ถึงทำให้ภูตหมอโกรธจัดและจำต้องเอาคืนหนักเช่นนี้?

“ข้าเปล่า…ข้าไม่ได้ทำ…”

นางร่ำไห้ตะโกน น้ำเสียงอ่อนแรง นอนหมอบบนพื้นแม้แต่จะลุกขึ้นมายังทำไม่ได้ เมื่อเห็นแววตาไร้เยื่อใยของผู้นำตระกูลซ่ง หัวใจของนางยิ่งหนาวเย็นกว่าเดิม

นางรู้แต่แรกแล้วว่าบุรุษพึ่งพาไม่ได้ รู้ว่าบุรุษล้วนมีคุณธรรมเช่นนี้ แต่เมื่อประสบด้วยตนเองถึงเพิ่งเจ็บปวดใจ และเพิ่งรู้ว่าความรู้สึกสิ้นหวังหมดอาลัยตายอยากเป็นเช่นไร

“ปัง!”

“ยังไม่พูดอีก? คิดว่าเรื่องพวกนั้นที่เจ้าทำไปจะเก็บซ่อนไว้ได้หรือ หากเจ้าไม่ไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน เจ้าจะแก่ลงในคืนเดียวได้หรือไร?” บรรพบุรุษตระกูลซ่งตบหน้าโต๊ะอย่างแรงด้วยความโมโหพร้อมตะคอกเสียงดังสนั่น เสียงตะโกนที่โกรธเกรี้ยวแฝงความโมโหเดือดดาลไว้ แทบอยากจะตบนางให้ตายเสียเพื่อไม่ให้เป็นที่ขายหน้า

ครั้นได้ยินคำพูดนี้ ไป๋เหลียนบนพื้นร้องไห้ระงม ในที่สุดลูกชายสองคนก็ทนดูต่อไปไม่ได้ จึงเร่งฝีเท้าเข้าไปคุกเข่าข้างกายนาง ก่อนมองยังตำแหน่งที่นั่งผู้อาวุโส “ท่านปู่ ท่านพ่อ…”

………………………………………………….

ตอนที่ 1010 เหล้าพิษหนึ่งแก้ว

เพียงแต่เพิ่งเปล่งเสียงออกไปก็โดนตัดบท

“ยังไม่พูดอีกหรือ หรือเจ้าคิดจะลากลูกชายสองคนลงน้ำไปด้วย ให้พวกเขาไม่มีที่ยืนในตระกูลซ่ง?” บรรพบุรุษตระกูลซ่งตะคอกด้วยสีหน้าดุดัน จ้องไป๋เหลียนที่กำลังร่ำไห้พลางกล่าวว่า “หากไม่เล่าเรื่องทั้งหมดมา แม้แต่ลูกชายทั้งสองของเจ้าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย!”

ไป๋เหลียนได้ยินคำพูดนี้แล้ว เสียงร้องไห้ชะงักไป ก่อนจะเงยหน้ามองบรรพบุรุษตรงที่นั่งอาวุโสด้วยความตื่นตระหนก “เรื่องนี้พวกเขาไม่เกี่ยว ไม่เกี่ยวกับพวกเขาเลย…”

“เช่นนั้นก็เล่ามาให้ละเอียด!” บรรพบุรุษตระกูลซ่งแค่นเสียงหยันหนักๆ พลางจ้องมองนางด้วยสายตาคมกริบ

“ข้าจะพูด ข้าจะพูด…”

นางตะโกนร่ำไห้ นึกเสียใจภายหลังยิ่งนัก นางเล่าเรื่องที่ลูกชายคนเล็กโดนรังแกแต่ไม่มีใครออกหน้าให้ สุดท้ายยังสะอื้นไห้เอ่ยว่า “ข้าสั่งให้คนไปวางยาพวกเขา เพียงแต่เป็นยาพิษฤทธิ์ซ่อนเร้น ผ่านไปสักพักจะไม่ออกฤทธิ์ ข้าคิดว่ารอพวกเขาออกไปจากที่นี่ ต่อให้ไปตายที่อื่นข้างนอกก็คงไม่สงสัยมาถึงพวกเราทางนี้ ไม่นึกว่าคนที่ส่งไปจนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย…”

ทุกคนในห้องโถงได้ยินก็พูดไม่ออก จะคร่าชีวิตคนเพียงเพราะเรื่องวิวาทระหว่างเด็กหนุ่มสองสามคน จิตใจของนางต้องชั่วร้ายเพียงใดกัน?

“เจ้าทำความผิดร้ายแรงไว้ชีวิตไม่ได้!”

ผู้เฒ่าตระกูลหลิ่วจ้องมองนาง กล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนคนนั้นเป็นใคร ไปวางยาเขา? เจ้าไปรนหาที่ตายถึงที่ชัดๆ แต่ก็ใช่ หากเจ้าไม่รนหาที่ตาย พวกเราจะรู้ความจริงของเรื่องเมื่อปีนั้นได้อย่างไร จะว่าไปเจ้าก็หาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น”

เขากล่าวจบก็มองบรรพบุรุษตระกูลซ่ง “รู้เรื่องกันแล้ว ผู้หญิงคนนี้จะจัดการเช่นไร? พวกท่านว่ามาเถอะ”

บรรพบุรุษตระกูลซ่งมองทางลูกชาย เอ่ยว่า “นางเป็นผู้หญิงของเจ้า เจ้าจัดการเองเถอะ”

ผู้นำตระกูลซ่งได้ยินเช่นนี้ก็ครุ่นคิด มองหญิงชราด้านล่าง บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นหาความคุ้นเคยเช่นวันวานไม่พบสักนิด เขาถอนหายใจกล่าว “ไป๋ซื่อจิตใจชั่วช้า ซ้ำยังวางยาทำร้ายนายหญิง เป็นความผิดที่อภัยให้ไม่ได้ เห็นแก่ที่นางให้กำเนิดลูกชายสองคนเพื่อตระกูลซ่ง จะเหลือร่างทั้งหมดไว้ครบส่วน มอบเหล้าพิษหนึ่งแก้วแล้วกัน!”

“มะ ไม่ได้ ทะ ท่านพ่อ ยะ อย่าฆ่าท่านแม่ข้า อย่าเลยขอรับ…” คุณชายสามอ้อนวอนอย่างตื่นกลัว โขกศีรษะลงกับพื้นเสียงดัง เสียงกระแทกดังขึ้นอย่างชัดเจนในห้องโถง

“ตอนนางทำให้แม่ของข้าตาย ข้าเพิ่งอายุห้าขวบ นางทำให้แม่ข้าเจ็บป่วยทรมานมากมายเพียงนั้นก่อนจะตายไป เหล้าพิษหนึ่งแก้วนี่ไว้หน้านางเกินไปแล้วจริงๆ!” ซ่งหมิงเอ่ยด้วยเสียงทุ้มเข้ม ไม่คิดว่าพวกเขาน่าสงสารแม้แต่น้อย

ใครที่ทำร้ายเสียจนเขาขาดแม่ไปตั้งแต่เด็ก? ใครคิดจะยึดครองตำแหน่งของแม่เขา? แล้วใครที่เสพสุขกับความรุ่งเรืองมั่งคั่งในตระกูลซ่งมาหลายปีเพียงนี้? หนึ่งคำว่าตายก็เบามากไปแล้ว ยังไม่สาสมพอจะระบายความแค้นหลายปีในใจเขาได้

ไป๋เหลียนได้ยินคำพูดของผู้นำตระกูลซ่งก็ตกใจ มองเขาอย่างค่อนข้างเหม่อลอย ภายใต้สายตาของนาง ผู้นำตระกูลซ่งนึกถึงคำพูดหวานซึ้งที่เปี่ยมด้วยเสน่หาของพวกเขา ดวงตาก็แวววาวเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะละสายตาออกไป

ไป๋เหลียนเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มหมดหวัง หากบุรุษคนหนึ่งจะทิ้งเรา เช่นนั้นเขาก็ทิ้งเราไปจริงๆ หลายปีมานี้แม้นางเลี้ยงคนข้างกายไว้บ้าง แต่ในเวลาเช่นนี้กลับยังคงช่วยเหลือนางไม่ได้

นางรู้ว่าตนเองต้องตายอย่างไม่สงสัย แต่ในยามสิ้นหวังสิ่งที่มีมากกว่าคือความไม่ยอม นางหยุดร้องไห้และถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งระคนสะอื้น “คนพวกนั้นเป็นใครกันแน่ ในเมื่อจะให้ข้าตายก็ควรให้ข้าตายไปอย่างรู้แจ้ง ให้ข้าได้รู้ว่าตนเองแพ้ในเงื้อมมือของใคร”

ใครกัน? ใครเป็นคนหาหลักฐานในอดีตมา?

………………………………………………….

[1] ซื่อ หมายถึง นามสกุล ใช้เรียกผู้หญิงสมัยก่อนที่แต่งงานแล้ว โดยจะเรียกต่อนามสกุลเดิม

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *