เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1013 เสียงกระบี่ยามค่ำคืน + 1014 รักใคร่อ่อนโยน

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1013 เสียงกระบี่ยามค่ำคืน + 1014 รักใคร่อ่อนโยน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1013 เสียงกระบี่ยามค่ำคืน + ตอนที่ 1014 รักใคร่อ่อนโยน

ตอนที่ 1013 เสียงกระบี่ยามค่ำคืน

ไม่ต่างจากพวกเขา สนใจไปกับเฟิ่งจิ่วนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากไม่สนใจก็ต้องไปอยู่ดี แต่เดาว่าคงแบกไปทั้งที่หมดสติ

ซ่งหมิงได้ยินว่าไปเทือกเขาอเวจี ในดวงตาเขาฉายแววแปลกใจวาบผ่าน แต่กลับไม่ถามมากความ เพียงพยักหน้าตอบว่า “ข้าจะไปกับเจ้า” เขาไม่อยากอยู่ในตระกูลนี้แล้ว ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นตายไปเรียบร้อย เช่นนั้นเขาก็ควรออกไปเดินทางเรียนรู้ให้มากๆ

“เจ้าบอกลาคนในบ้านเจ้าแล้วหรือ?” เฟิ่งจิ่วถามอีก

“ข้าไปคารวะศพท่านแม่มา พวกท่านตาของข้าก็รู้เรื่อง เช่นนี้พอแล้ว”

เธอได้ยินก็พยักหน้า บอกเปรยว่า “นั่งเถอะ! กินข้าวสักมื้อก่อนค่อยไปกัน”

ดังนั้นสี่คนจึงนั่งล้อมวงกินอาหาร หลังมื้ออาหารไม่นานนักก็ออกจากเมืองไปทันที แล้วจึงขี่กระบี่มุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไป

“ไปแล้วหรือ?”

ภายในตระกูลซ่ง เมื่อบรรพบุรุษกับผู้นำตระกูลซ่งรู้ข่าวว่าพวกเขาออกเดินทางก็ผ่านไปสองสามชั่วยามแล้ว

“ขอรับ ไปกันแล้ว” ผู้นำตระกูลซ่งพยักหน้า ในใจทอดถอนใจเล็กน้อย

“ไปแล้วก็ดี ให้เขาไปฝึกวิชาข้างนอกเสียหน่อย นับเป็นเรื่องดีสำหรับเขา อีกอย่างมีภูตหมออยู่ด้วย ปกติคงไม่เกิดปัญหาใหญ่อะไรให้พวกเราเป็นห่วง” บรรพบุรุษตระกูลซ่งกล่าว เหลือบมองเขาและเอ่ยว่า “ลูกชายนอกสมรสทั้งสองของเจ้า ต้องระวังให้มากๆ หน่อย”

“ข้าคิดว่าจะส่งพวกเขาเข้าสำนักศึกษาไปร่ำเรียนและฝึกบำเพ็ญ ให้อยู่ในสำนักศึกษาสักสองสามปี” ผู้นำตระกูลซ่งเล่าแผนของตนเองออกมา

“อืม ก็ดี เรื่องนี้เจ้าจัดการเองเถอะ” กล่าวจบ บรรพบุรุษตระกูลซ่งก็เดินออกไป

หนึ่งวันผ่านไป เวลาช่วงเย็น

สถานที่แห่งหนึ่งบนเส้นทางภูเขา พวกเฟิ่งจิ่วทั้งสี่คนกำลังพักผ่อนอยู่ข้างทาง อาหารป่าที่พวกเขาล่ากลับมา รวมถึงปลาในลำธารที่จับมาถูกย่างด้วยกองไฟตรงหน้า

“พวกเจ้ากินนี่ก่อน ข้าจะไปจับมาอีกหน่อย” ซ่งหมิงเอ่ย หลังจากกินปลาตัวหนึ่งเสร็จเห็นว่าเหลือตัวเดียว จึงลุกขึ้นเดินไปยังลำธาร

“ซ่งหมิง จับมาอีกสิบกว่าตัวคงพอแล้ว” หนิงหลางตะโกนบอกพร้อมฉีกเนื้อชิ้นหนึ่งกิน จากนั้นลุกขึ้นยืน “ช่างเถอะ ข้าไปช่วยจับด้วยดีกว่า พวกเจ้ากินกันไปก่อน อย่าย่างจนไหม้ล่ะ”

เฟิ่งจิ่วกับต้วนเยี่ยทั้งสองคนนั่งล้อมวงกินอยู่ข้างๆ หยิบสุราจากในห้วงมิติออกมาดื่ม อยู่ท่ามกลางพื้นหญ้า สายลมหนาวตะวันยอแสง ทั้งสุขใจและสบายกายนัก

“คืนนี้พวกเราพักกันที่นี่ ประเดี๋ยวกางกระโจมเล็กๆ สองสามหลังก็พอ” เฟิ่งจิ่วฉีกเนื้อย่างกินพลางบอกต้วนเยี่ยที่อยู่ข้างกาย

“อืม” ต้วนเยี่ยขานรับขณะพลิกย่างเนื้อ หยิบเนื้อที่ย่างจนสุกมาวางไว้ข้างๆ แล้วเติมฟืนอีกเล็กน้อย

เมื่อราตรีมาเยือน พวกเขากางกระโจมสี่หลังเล็ก ซ้ำยังโรยผงยาไว้ด้านนอกเพื่อป้องกันงูและแมลงเข้าใกล้ เมื่อค่อยๆ ดึกดื่นค่อนคืน คนทั้งสี่ที่ดื่มสุราหลับลึกไปตามกัน จนกระทั่งกลางดึกถึงถูกเสียงมีดกระบี่กระทบกันที่แว่วมาปลุกให้ตื่นขึ้น

“ใครกัน? รบกวนคนกำลังฝันหวานกลางค่ำกลางคืน” หนิงหลางพึมพำ แล้วพลิกตัวนอนต่อไป

ต้วนเยี่ยกับซ่งหมิงตื่นขึ้นมา หลังออกจากกระโจมก็สบตากัน ก่อนจะไล่ตามเสียงการต่อสู้ไป

ส่วนทางเฟิ่งจิ่ว แม้ได้ยินว่ามีเสียงที่ไม่ค่อยสงบนักก็ไม่ไปสนใจ บนโลกนี้มีเรื่องวุ่นวายมากมาย เธอไม่ว่างไปยุ่งเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนั้น ด้านนอกกระโจมมีกลืนเมฆาคอยเฝ้าไว้ เธอจึงพักผ่อนได้อย่างวางใจยิ่ง

ท่ามกลางความมืดยามราตรี บนเส้นทางมืดมีแสงจันทร์สาดลงมารางๆ ส่องสว่างให้ทางเบื้องล่างเล็กน้อย เมื่อต้วนเยี่ยกับซ่งหมิงไล่ตามเสียงไป ก็เห็นคนพวกนั้นกำลังต่อสู้กันในยามวิกาล

………………………………………………….

ตอนที่ 1014 รักใคร่อ่อนโยน

คนชุดดำสองสามคนกำลังไล่ฆ่าสาววัยแรกแย้มสองคน แต่ผู้หญิงสองคนนั้นมีผู้อารักขาคุ้มกันอยู่ อีกทั้งมีหญิงชราปกป้องข้างกายพวกนาง แต่แม้เป็นเช่นนี้ บนร่างของพวกนางก็บาดเจ็บไม่น้อย ชุดกระโปรงโดนกิ่งไม้เกี่ยวขาดระหว่างวิ่งหนี เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะวับๆ แวมๆ

ซ่งหมิงเห็นผิวพรรณที่เผยออกมาของหญิงโฉมงามสองคนนั้น ดวงตาก็ฉายประกาย แต่บอกต้วนเยี่ยข้างๆ กันด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ยามพบความอยุติธรรมระหว่างทาง เจ้าว่าพวกเราควรชักดาบช่วยเหลือหรือไม่?”

ต้วนเยี่ยชายตามองเขา กล่าวตอบอย่างเฉยชา “ข้าไม่รู้จักเสียหน่อย คร้านจะไปช่วยผู้หญิงสองคนนั้น”

พูดแล้วก็หันหน้าเดินกลับไป ใครจะรู้ว่ากลับโดนซ่งหมิงคว้าแขนไว้ “อย่าเพิ่งไปสิ! นั่นผู้หญิงอ่อนแอสองคนนะ พวกเราเป็นผู้ชาย เห็นคนตายไม่ช่วยเหลือจะเป็นชายชาตรีได้อย่างไร ไปๆๆ”

ต้วนเยี่ยยังไม่ทันได้สติกลับมาก็ถูกลากไปข้างหน้าแล้ว ได้ยินเพียงอีกฝ่ายตะโกนลั่นว่า “ปล่อยแม่นางสองคนนั้นเสีย!”

เดิมทีพวกผู้อารักขาเห็นว่าสู้คนเหล่านั้นไม่ได้ ซ้ำร่างกายยังบาดเจ็บ จึงทิ้งหญิงสองคนกับหญิงชราและหนีไปเรียบร้อย เมื่อคนชุดดำพวกนั้นจับหญิงทั้งสองคนไว้ ซ่งหมิงก็ลากต้วนเยี่ยกระโดดออกมา

ใบหน้าเด็กน้อยของต้วนเยี่ยมืดทะมึน เขาที่ไม่คิดจะสู้โดนลากเข้าไป ครั้นเห็นกระบี่ในมือคนชุดดำพวกนั้นจู่โจมมาหา ก็ได้แต่กัดฟันถลึงมองซ่งหมิงแล้วกุมกระบี่ออกไปโจมตีคนชุดดำพวกนั้น

เหล่าคนชุดดำมีวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานขั้นกลาง หากสู้กันหนึ่งต่อหนึ่งต้วนเยี่ยไม่กลัว แต่เมื่อพวกเขาสองสามคนล้อมโจมตีมาพร้อมกัน เขารับมือไม่ไหวสักเท่าไร พอไม่ทันระวังก็โดนฟันเป็นรอยเลือดเล็กๆ สองสามแผล

เขาหลบออกไปอย่างทุลักทุเล ตามหาซ่งหมิง ทว่ามองไปคราวนี้ก็แทบโกรธจนกระอักเลือด

“แม่นางทั้งสอง พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม ไม่ต้องเป็นห่วงไป มีข้าอยู่คนพวกนั้นทำร้ายพวกเจ้าไม่ได้หรอก เฮ้อ พวกเจ้าดูสิ แขนเลือดไหลหมดแล้ว”

ซ่งหมิงประคองหญิงคนหนึ่งในนั้นไว้พลางเอ่ยถึงบาดแผลของนาง แต่สายตากลับมองหน้าอกที่วับๆ แวมๆ

“คุณชาย ขอบคุณคุณชายมากที่ช่วยชีวิต” น้ำเสียงอ่อนหวานของหญิงที่เขาประคองไว้ดังขึ้นอย่างขลาดกลัว ใบหน้างดงามของนางอาจเพราะตกใจจึงขาวซีด ในดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำตา ท่าทางบอบบางหวาดกลัวเสียจนคนเกิดความสงสารในใจ

“ไม่ต้องกลัวๆ มีข้าอยู่จะไม่เป็นไร” เขาตบหลังของหญิงสาวเบาๆ โอบไว้ในอ้อมแขนพลางปลอบประโลมและฉวยโอกาสเอาเปรียบ

หญิงคนนั้นไม่รู้ว่าเขินอายหรือหวาดกลัว ถึงได้หดตัวอยู่ในอ้อมแขนเขาโดยไม่ถอยหนี แม้แต่ผู้หญิงอีกคนที่มีหญิงชราคอยพยุงไว้ ครั้นเห็นภาพเช่นนี้ก็ไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมอะไร มองซ่งหมิงอย่างซาบซึ้งใจเช่นเดียวกับหญิงชรา

“ซ่งหมิง! ไอ้คนเจ้าชู้นี่! ยังไม่รีบเข้ามาช่วยอีก!”

ต้วนเยี่ยที่โมโหสุดฤทธิ์ด่าทอ โบกกระบี่ของผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานคนหนึ่งออกไป ก่อนอาศัยจังหวะที่ถอยหลังหลบตะโกนเสียงดัง เสียงของเขาแฝงด้วยไฟโทสะ แทบทันทีที่เปล่งเสียงออกไป แม้แต่เฟิ่งจิ่วกับหนิงหลางที่หลับอยู่ในกระโจมด้านล่างทางภูเขายังได้ยินด้วย

“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะไปช่วยเอง ไม่เป็นไร มีข้าอยู่ด้วยข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าเป็นอะไรไป”

ซ่งหมิงที่เห็นสาวงามราวกับเปลี่ยนไปเป็นอีกคน ในดวงตามีเพียงหญิงงามสองคนนั้น แม้แต่น้ำเสียงท่าทางยังเปลี่ยนไปรักใคร่อ่อนโยน ขาดก็แค่ไม่ทำให้ต้วนเยี่ยโกรธแทบตาย

“ซ่ง หมิง!”

“มาแล้วๆ!”

ซ่งหมิงรีบขานรับ หลังจากปลอบใจหญิงทั้งสองแล้วถึงค่อยชักกระบี่ยาวตรงข้างเอวออกมา และถือกระบี่เข้าจู่โจมไปทางคนชุดดำพวกนั้นด้วยท่าทางเช่นจอมกระบี่ผู้งามสง่า

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *