ยอดคุณหมอสกุลเฉินตอนที่209 สำหรับเราเป็นไปได้เหรอ?

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter ตอนที่209 สำหรับเราเป็นไปได้เหรอ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่209 สำหรับเราเป็นไปได้เหรอ?

“ฮ่าฮ่า ยังมีคนโง่แบบผมอีกเหรอครับเนี่ย?”

ฉีเล่ยคลี่ยิ้มกว้าง และอดที่จะล้อเลียนตัวเองไม่ได้

ในเนื้อหาบนหนังสือพิมพ์ได้มีการกล่าวถึงบุคคลที่นำเงินมาลงทุน ทั้งฉีเล่ยและหลี่ฮั่วเฉินดูเหมือนจะไม่คุ้นชื่อนี้นัก ‘ซานเหวินจ้าว’ แต่หากชื่อที่ถูกตีพิมพ์บนหน้าหนังสือพิมพ์เป็นชื่อ ‘คังฟาน’ ฉีเล่ยคงจะทราบถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้ทันที

ฉีเล่ยมักจะระมัดระวังตัวอยู่เสมอสำหรับทุกการเคลื่อนไหวของผู้ชายคนนี้

หากบอกว่าเป็นคังฟานที่ต้องการจะสร้างโรงเรียนแพทย์แผนจีนขึ้นมา เพื่อต้องการบูรณะศาสตร์แพทย์แผนจีนให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง แน่นอนว่าฉีเล่ยย่อมไม่มีทางที่จะเชื่อได้ลงอย่างแน่นอน สุนัขที่มักจะจ้องกินเนื้ออยู่เสมอ มีหรือที่จู่ๆจะเปลี่ยนไปกินผัก?

หลี่ฮั่วเฉินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วจึงพูดต่อว่า

“เฮ้ออ… ฉันก็หวังว่า ตัวฉันจะแค่คิดมากไปเองนะ เพราะปัจจุบันวงการแพทย์แผนจีนก็ย่ำแย่มากเกินพอแล้ว ถ้ายังมีคนมานั่งหากินกับเรื่องนี้อยู่อีก มีหวังคราวนี้คงได้ถึงคราวต้องจบสิ้นจริงๆอย่างแน่นอน”

ขณะที่ฉีเล่ยกำลังจะเอ่ยตอบ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ดังขึ้น เมื่อหยิบออกมาดูจึงพบว่า เป็นชื่อของหลินชูวโม่ ฉีเล่ยเห็นเข้าก็แทบอยากจะกดตัดสายทิ้งไปในทันที

“ผมขอตัวรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ”

ฉีเล่ยโค้งศีรษะพร้อมกับเอ่ยถขอโทษ ก่อนจะลุกขึ้นเดินผลักประตูออกไปคุยที่ห้องครัว นั่นเพราะแม่สาวคนนี้มักจะชอบพูดจาที่ชวนให้คนอื่นเข้าใจผิดอยู่เสมอ และเขาเองก็ไม่อยากให้อาวุโสหลี่ต้องมาได้ยินคำพูดระคายหูแบบนี้

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ทันทีที่กดรับสาย เสียงหวานหยดย้อยของหญิงสาวก็ดังขึ้นจากปลายสาย

“สุดหล่อจ๊ะ ทำไมถึงได้รับสายช้าจัง เดี๋ยวพี่สาวคนนี้รอจนอกแตกตายขึ้นมาจะทำยังไงล่ะจ๊ะ? แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง? เริ่มอยากมีอะไรกับฉันขึ้นมาบ้างรึยังล่ะ?”

นี่ล่ะที่น่ากลัว..

และความซวยก็บังเกิดขึ้นจริงๆ หลี่ฮั่วเฉินดันเปิดประตูเข้ามาในห้องครัวพอดี เพียงเพราะอยากดื่มน้ำเย็นๆสักแก้ว แต่กลับมาต้องได้ยินอะไรแบบนี้ เขาถึงกับดวงตาเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน พร้อมกับจ้องมองฉีเล่ยราวกับไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“กรุณาพูดจาให้มันสุภาพกว่านี้หน่อยเถอะครับ”

“อะไรกัน? ตอนนั้นพวกเรายังนอนค้างคืนด้วยกันเลย ยังมีอะไรต้องอายอีกล่ะ?”

“…”

ผู้หญิงคนนี้จงใจแกล้งเขารึเปล่า?

“นายเป็นผู้ชายประสาอะไรถึงไม่รับผิดชอบเลย ทั้งๆที่ฉันเป็นของนายแล้วแท้ๆ ทำไมยังต้องทำตัวห่างเหินแบบนี้ด้วย?”

ขณะที่หลินชูวโม่หยอกเย้าฉีเล่ยเล่นนั้น เธอสามารถคาดเดาความรู้สึกของอีกฝ่ายในขณะนี้ได้

“พี่หลิน ไม่สิ…ป้าหลิน ไม่สิ…คุณยายหลินครับ รีบๆบอกมาสักทีเถอะครับว่ามีเรื่องอะไรกันแน่? ผมสัญญาว่าเดี๋ยวจะรีบไปหา ขอแค่รีบๆเข้าเรื่องสักทีเถอะนะครับ”

ฉีเล่ยถูกเธอไล่ต้อนจนแทบอยากจะร้องไห้แล้ว

แค่นอนพักใต้ชายคาเดียวกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลับกลายเป็นว่าเธอเป็นของเขาไปแล้ว?

หรือว่าสมัยนี้มันสามารถพรากความบริสุทธิ์กันได้โดยไม่ต้องสัมผัสกันด้วยซ้ำ? แบบอยู่ห่างไม่เกินหนึ่งเมตรก็เท่ากับเสียความบริสุทธิ์แล้วงั้นเหรอ?

“ความจริงก็ไม่มีอะไรมากหรอก คืออย่างนี้…”

น้ำเสียงของหลินชูวโม่ฟังดูเย็นลงทันที เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม

“รีบมาหาฉันตอนนี้เลย ฉันมีเรื่องสำคัญมากจะต้องคุยกับนาย ที่สำคัญ มีสาวสวยคนหนึ่งที่ฉันจะต้องแนะนำให้นายรู้จัก”

“อ่าห๊ะ แล้วจะให้ไปเจอที่ไหน?”

ฉีเล่ยเอ่ยถามต่อทันที

“ที่บ้านฉันเลย นายทั้งนอนทั้งฉี่แล้วก็เคยอาบน้ำที่นี่แล้ว คงไม่ลืมง่ายๆใช่ไหม?”

“ผมจำได้ครับ”

ฉีเล่ยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาฟังดูเศร้าสร้อยเล็กน้อย

“อืมม งั้นอีกครึ่งชั่วโมงเจอกันนะ จุ๊บบ~”

“….”

หลังจากกดวางสายไปแล้ว ฉีเล่ยได้แต่นึกสงสัยว่า ผู้หญิงคนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับสมองรึเปล่า? วันๆคิดแต่เรื่องแบบนี้หรือยังไง?

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ไปหนึ่งที ก่อนจะเดินเข้าไปหาหลี่ฮั่วเฉินในห้องนั่งเล่น พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“อาวุโสหลี่ครับ ผมมีธุระด่วน ขอตัวออกไปข้างนอกก่อนนะครับ”

หลี่ฮั่วเฉินเหลือบมองไปทางหลี่ถงซีที่กำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่บนโซฟา ก่อนจะตอบกลับไปยิ้มๆว่า

“ตามสบาย อย่าลืมกลับมาทานมื้อเย็นด้วยกันล่ะ อาหารในงานเลี้ยงไม่น่าจะอยู่ท้องขนาดนั้น”

“ตกลงครับ”

ฉีเล่ยตอบตกลงทันที

เมื่อฉีเล่ยเดินเปิดประตูบ้านออกไปแล้ว หลี่ฮั่วเฉินก็รีบตรงไปหาหลี่ถงซีพร้อมกับทรุดลงนั่งข้างๆเธอ เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า

“นี่ถงซี ปู่ว่าอีกสองวันจะเดินทางไปทางใต้ เพื่อไปพบกับครอบครัวของฉีเล่ย หลานมีความเห็นยังไงบ้าง?”

“ไม่มี”

หลี่ถงซีเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงว่างเปล่า ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใด หลี่ฮั่วเฉินที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมจะกับพูดต่อว่า

“ความจริงปู่เองก็อยากให้ครอบครัวของเขาย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงด้วยกัน เขามักจะพูดถึงภรรยาอยู่บ่อยครั้ง ทั้งคู่น่าจะไม่ได้เจอหน้ากันนานแล้ว เขามักจะเย็นชาใส่ผู้หญิงทุกคนที่เข้าหา ทั้งหมดก็เพื่อไล่ผู้หญิงทุกคนให้ออกไปจากชีวิตของเขา”

“แต่สำหรับหลานมันต่างกันนะ หลานเองก็น่าจะเห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่า ฉีเล่ยเป็นห่วงเป็นใยหลานมากขนาดไหน แล้วปู่เองก็คิดว่าพวกเธอสองคนออกจะเหมาะสมกันมาก เพราะแบบนี้ยังไงล่ะ ปู่ก็เลยอยากจะไปคุยกับครอบครัวฝั่งโน้น เพื่อปรึกษาหารือว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงต่อไปดี ปู่เองก็วางแผนว่าจะเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของหลานกับฉีเล่ยให้ทางนั้นฟัง เผื่อว่าจะสามารถเจรจาหาลัพธ์ผลที่ลงตัวต่อทั้งสองฝ่ายได้ เห้ออ…เรื่องแบบนี้มันพูดยากจริงๆ แต่เอาเถอะ เดี๋ยวปู่จะเป็นคนจัดการให้เอง”

“ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับหลานแล้วล่ะถงซี หลานเองก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ นี่ก็อายุเท่าไหร่แล้ว อีกไม่กี่ปีก็ขึ้นเลขสามแล้ว ควรคิดถึงเรื่องแต่งงานได้แล้ว ฉีเล่ยเป็นผู้ชายที่หน้าตาดี นิสัยก็ดี แถมยังเป็นแพทย์ที่มีฝีมืออย่างมาก ปู่เองก็เฝ้าดูหลานมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ก็เลยกล้าพูดได้เต็มปากว่า ไม่มีผู้ชายคนไหนดีไปกว่าฉีเล่ยอีกแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินปู่ตัวเองพูดถึงขนาดนี้ หลี่ถงซีก็ถึงกับลุกขึ้นเดินหนีกลับเข้าห้องที่ชั้นสองทันที โดยไม่แม้แต่จะเหลียวมองไปทาง

ฉีเล่ยเลยแม้แต่น้อย เรื่องระหว่างเรามันยังมีความเป็นไปได้อีกเหรอ?

เขาถูกกำหนดให้เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์อย่างที่ผู้หญิงทุกคนบนโลกปรารถนา มีหรือที่เขาจะหันมาเหลียวมองผู้หญิงโง่ๆที่ป่วยทางจิตอย่างเธอ?

ฉีเล่ย ทำไมเราไม่พบกันเร็วกว่านี้นะ?

……..…

ฉีเล่ยเรียกแท็กซี่ตรงไปที่บ้านของหลินชูว และเมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านหน้าหมู่บ้าน ก็ยืนตรวจบัตรประจำตัวประชาชนของฉีเล่ยอยู่นาน ก่อนจะโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ด้านใน แล้วจึงปล่อยให้เขาเข้าไปได้

ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จะปล่อยให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้โดยสารแท็กซี่เข้ามาในหมู่บ้านหรูระดับไฮเอนด์ได้ง่ายๆ

ฉีเล่ยกดกริ่งประตูหน้าบ้านของหลินชูวโม่ไปหนึ่งครั้ง หลังจากยืนรอไม่นานนัก ก็มีเสียงรองเท้ากระทบพื้นไม้ดังออกมาจากภายในตัวบ้าน

หลินชูวโม่มาในชุดกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินและเสื้อแขนกุดสีขาว ซึ่งเสื้อแขนกุดตัวนี้นั้น เนื้อผ้าก็ช่างบางเสียจนเห็นชั้นในสีดำ และหน้าอกอันอวบอิ่มคู่นั้นได้อย่างชัดเจน และด้วยความใหญ่โตของมัน จึงได้ดันเสื้อออกมาราวกับกำลังจะปริแตก

“สุดหล่อในที่สุดก็มาสักทีนะ”

หลินชูวโม่ส่งยิ้มหวานอันทรงเสน่ห์ให้ ในอ้อมแขนของเธออุ้มแมวขนปุยตัวใหญ่ที่นอนขดอย่างเกียจคร้านไว้ และเมื่อเห็นว่ามีแขกมา มันก็เพียงแค่เหลือบตามองฉีเล่ยเล็กน้อย ก่อนจะหลับตานอนในอ้อมอกของเจ้าของต่ออย่างไม่แยแส

“ว่าไง? มีธุระสำคัญอะไร?”

ฉีเล่ยเอ่ยถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา

“ฉันยังไม่ได้บอกนายใช่ไหม?”

“บอกว่า?”

“ฉันคิดถึงนาย”

ดวงตากลมโตคู่นั้นของหลินชูวโม่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของฉีเล่ยไม่กระพริบ

ผู้หญิงคนนี้มีลูกล่อลูกชนนับพันวิธีให้สรรหาและหยิบใช้จริงๆ ฉีเล่ยรู้ดีว่า เธอพยายามส่งสายตาออดอ้อนเขาราวกับลูกแมวที่กำลังออดอ้อนให้มนุษย์ใจอ่อน หากมองเพียงผิวเผินอาจจะดูเหมือนสาวสวยใสซื่อบริสุทธิ์ที่กำลังปั้นหน้าขี้เล่นออดอ้อนอยู่

และหากใครเผลอไผลหลงเชื่อขึ้นมาจริงๆ ก็เตรียมตัวตกเป็นเหยื่อได้เลย

“ใครมางั้นเหรอ?”

ฉีเล่ยเปลี่ยนคำถามทันที พลางเหลือบสายตามองไปที่รองเท้าอีกคู่หน้าประตูบ้าน

“โอ้! พูดไปแล้วนายต้องไม่เชื่อแน่ๆ”

หลินชูวโม่แอบถอนหายใจเศร้าๆไปหนึ่งที เพราะดูเหมือนว่าฉีเล่ยจะเข้าใจเจตนาของเธอผิดไปจริงๆ

“พูดซะไม่อยากรู้เลยครับ”

ฉีเล่ยตอบกลับทันที

“สรุปมีเรื่องสำคัญอะไรที่อยากจะคุยกับผมกันแน่?”

“เอาน่า ก่อนจะเข้าเรื่องฉันต้องพานายไปพบกับเธอคนนี้ก่อน อีกฝ่ายถึงขนาดออกปากให้ฉันชวนนายมาให้ได้เชียวนะ”

หลังจากที่หลินชูวโม่พูดจบ ก็รีบดึงแขนฉีเล่ยเข้าไปในบ้านทันที เธอปล่อยแมวน้อยในอ้อมอกให้ออกไปวิ่งเล่นตามอิสระของมัน แล้วจึงเดินเข้าไปรินน้ำมายื่นให้ฉีเล่ยแก้วหนึ่ง

“ใคร?”

ฉีเล่ยนรับแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

หลินชูวโม่เหลือบมองไปทางห้องน้ำ ก่อนจะโน้มเข้าไปกระซิบข้างหูของฉีเล่ยว่า

“รอแป๊ปนึง ตอนนี้เธอกำลังเข้าห้องน้ำอยู่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดคุณหมอสกุลเฉินตอนที่209 สำหรับเราเป็นไปได้เหรอ?

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter ตอนที่209 สำหรับเราเป็นไปได้เหรอ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่209 สำหรับเราเป็นไปได้เหรอ?

“ฮ่าฮ่า ยังมีคนโง่แบบผมอีกเหรอครับเนี่ย?”

ฉีเล่ยคลี่ยิ้มกว้าง และอดที่จะล้อเลียนตัวเองไม่ได้

ในเนื้อหาบนหนังสือพิมพ์ได้มีการกล่าวถึงบุคคลที่นำเงินมาลงทุน ทั้งฉีเล่ยและหลี่ฮั่วเฉินดูเหมือนจะไม่คุ้นชื่อนี้นัก ‘ซานเหวินจ้าว’ แต่หากชื่อที่ถูกตีพิมพ์บนหน้าหนังสือพิมพ์เป็นชื่อ ‘คังฟาน’ ฉีเล่ยคงจะทราบถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้ทันที

ฉีเล่ยมักจะระมัดระวังตัวอยู่เสมอสำหรับทุกการเคลื่อนไหวของผู้ชายคนนี้

หากบอกว่าเป็นคังฟานที่ต้องการจะสร้างโรงเรียนแพทย์แผนจีนขึ้นมา เพื่อต้องการบูรณะศาสตร์แพทย์แผนจีนให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง แน่นอนว่าฉีเล่ยย่อมไม่มีทางที่จะเชื่อได้ลงอย่างแน่นอน สุนัขที่มักจะจ้องกินเนื้ออยู่เสมอ มีหรือที่จู่ๆจะเปลี่ยนไปกินผัก?

หลี่ฮั่วเฉินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วจึงพูดต่อว่า

“เฮ้ออ… ฉันก็หวังว่า ตัวฉันจะแค่คิดมากไปเองนะ เพราะปัจจุบันวงการแพทย์แผนจีนก็ย่ำแย่มากเกินพอแล้ว ถ้ายังมีคนมานั่งหากินกับเรื่องนี้อยู่อีก มีหวังคราวนี้คงได้ถึงคราวต้องจบสิ้นจริงๆอย่างแน่นอน”

ขณะที่ฉีเล่ยกำลังจะเอ่ยตอบ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ดังขึ้น เมื่อหยิบออกมาดูจึงพบว่า เป็นชื่อของหลินชูวโม่ ฉีเล่ยเห็นเข้าก็แทบอยากจะกดตัดสายทิ้งไปในทันที

“ผมขอตัวรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ”

ฉีเล่ยโค้งศีรษะพร้อมกับเอ่ยถขอโทษ ก่อนจะลุกขึ้นเดินผลักประตูออกไปคุยที่ห้องครัว นั่นเพราะแม่สาวคนนี้มักจะชอบพูดจาที่ชวนให้คนอื่นเข้าใจผิดอยู่เสมอ และเขาเองก็ไม่อยากให้อาวุโสหลี่ต้องมาได้ยินคำพูดระคายหูแบบนี้

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ทันทีที่กดรับสาย เสียงหวานหยดย้อยของหญิงสาวก็ดังขึ้นจากปลายสาย

“สุดหล่อจ๊ะ ทำไมถึงได้รับสายช้าจัง เดี๋ยวพี่สาวคนนี้รอจนอกแตกตายขึ้นมาจะทำยังไงล่ะจ๊ะ? แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง? เริ่มอยากมีอะไรกับฉันขึ้นมาบ้างรึยังล่ะ?”

นี่ล่ะที่น่ากลัว..

และความซวยก็บังเกิดขึ้นจริงๆ หลี่ฮั่วเฉินดันเปิดประตูเข้ามาในห้องครัวพอดี เพียงเพราะอยากดื่มน้ำเย็นๆสักแก้ว แต่กลับมาต้องได้ยินอะไรแบบนี้ เขาถึงกับดวงตาเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน พร้อมกับจ้องมองฉีเล่ยราวกับไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“กรุณาพูดจาให้มันสุภาพกว่านี้หน่อยเถอะครับ”

“อะไรกัน? ตอนนั้นพวกเรายังนอนค้างคืนด้วยกันเลย ยังมีอะไรต้องอายอีกล่ะ?”

“…”

ผู้หญิงคนนี้จงใจแกล้งเขารึเปล่า?

“นายเป็นผู้ชายประสาอะไรถึงไม่รับผิดชอบเลย ทั้งๆที่ฉันเป็นของนายแล้วแท้ๆ ทำไมยังต้องทำตัวห่างเหินแบบนี้ด้วย?”

ขณะที่หลินชูวโม่หยอกเย้าฉีเล่ยเล่นนั้น เธอสามารถคาดเดาความรู้สึกของอีกฝ่ายในขณะนี้ได้

“พี่หลิน ไม่สิ…ป้าหลิน ไม่สิ…คุณยายหลินครับ รีบๆบอกมาสักทีเถอะครับว่ามีเรื่องอะไรกันแน่? ผมสัญญาว่าเดี๋ยวจะรีบไปหา ขอแค่รีบๆเข้าเรื่องสักทีเถอะนะครับ”

ฉีเล่ยถูกเธอไล่ต้อนจนแทบอยากจะร้องไห้แล้ว

แค่นอนพักใต้ชายคาเดียวกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลับกลายเป็นว่าเธอเป็นของเขาไปแล้ว?

หรือว่าสมัยนี้มันสามารถพรากความบริสุทธิ์กันได้โดยไม่ต้องสัมผัสกันด้วยซ้ำ? แบบอยู่ห่างไม่เกินหนึ่งเมตรก็เท่ากับเสียความบริสุทธิ์แล้วงั้นเหรอ?

“ความจริงก็ไม่มีอะไรมากหรอก คืออย่างนี้…”

น้ำเสียงของหลินชูวโม่ฟังดูเย็นลงทันที เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม

“รีบมาหาฉันตอนนี้เลย ฉันมีเรื่องสำคัญมากจะต้องคุยกับนาย ที่สำคัญ มีสาวสวยคนหนึ่งที่ฉันจะต้องแนะนำให้นายรู้จัก”

“อ่าห๊ะ แล้วจะให้ไปเจอที่ไหน?”

ฉีเล่ยเอ่ยถามต่อทันที

“ที่บ้านฉันเลย นายทั้งนอนทั้งฉี่แล้วก็เคยอาบน้ำที่นี่แล้ว คงไม่ลืมง่ายๆใช่ไหม?”

“ผมจำได้ครับ”

ฉีเล่ยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาฟังดูเศร้าสร้อยเล็กน้อย

“อืมม งั้นอีกครึ่งชั่วโมงเจอกันนะ จุ๊บบ~”

“….”

หลังจากกดวางสายไปแล้ว ฉีเล่ยได้แต่นึกสงสัยว่า ผู้หญิงคนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับสมองรึเปล่า? วันๆคิดแต่เรื่องแบบนี้หรือยังไง?

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ไปหนึ่งที ก่อนจะเดินเข้าไปหาหลี่ฮั่วเฉินในห้องนั่งเล่น พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“อาวุโสหลี่ครับ ผมมีธุระด่วน ขอตัวออกไปข้างนอกก่อนนะครับ”

หลี่ฮั่วเฉินเหลือบมองไปทางหลี่ถงซีที่กำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่บนโซฟา ก่อนจะตอบกลับไปยิ้มๆว่า

“ตามสบาย อย่าลืมกลับมาทานมื้อเย็นด้วยกันล่ะ อาหารในงานเลี้ยงไม่น่าจะอยู่ท้องขนาดนั้น”

“ตกลงครับ”

ฉีเล่ยตอบตกลงทันที

เมื่อฉีเล่ยเดินเปิดประตูบ้านออกไปแล้ว หลี่ฮั่วเฉินก็รีบตรงไปหาหลี่ถงซีพร้อมกับทรุดลงนั่งข้างๆเธอ เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า

“นี่ถงซี ปู่ว่าอีกสองวันจะเดินทางไปทางใต้ เพื่อไปพบกับครอบครัวของฉีเล่ย หลานมีความเห็นยังไงบ้าง?”

“ไม่มี”

หลี่ถงซีเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงว่างเปล่า ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใด หลี่ฮั่วเฉินที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมจะกับพูดต่อว่า

“ความจริงปู่เองก็อยากให้ครอบครัวของเขาย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงด้วยกัน เขามักจะพูดถึงภรรยาอยู่บ่อยครั้ง ทั้งคู่น่าจะไม่ได้เจอหน้ากันนานแล้ว เขามักจะเย็นชาใส่ผู้หญิงทุกคนที่เข้าหา ทั้งหมดก็เพื่อไล่ผู้หญิงทุกคนให้ออกไปจากชีวิตของเขา”

“แต่สำหรับหลานมันต่างกันนะ หลานเองก็น่าจะเห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่า ฉีเล่ยเป็นห่วงเป็นใยหลานมากขนาดไหน แล้วปู่เองก็คิดว่าพวกเธอสองคนออกจะเหมาะสมกันมาก เพราะแบบนี้ยังไงล่ะ ปู่ก็เลยอยากจะไปคุยกับครอบครัวฝั่งโน้น เพื่อปรึกษาหารือว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงต่อไปดี ปู่เองก็วางแผนว่าจะเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของหลานกับฉีเล่ยให้ทางนั้นฟัง เผื่อว่าจะสามารถเจรจาหาลัพธ์ผลที่ลงตัวต่อทั้งสองฝ่ายได้ เห้ออ…เรื่องแบบนี้มันพูดยากจริงๆ แต่เอาเถอะ เดี๋ยวปู่จะเป็นคนจัดการให้เอง”

“ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับหลานแล้วล่ะถงซี หลานเองก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ นี่ก็อายุเท่าไหร่แล้ว อีกไม่กี่ปีก็ขึ้นเลขสามแล้ว ควรคิดถึงเรื่องแต่งงานได้แล้ว ฉีเล่ยเป็นผู้ชายที่หน้าตาดี นิสัยก็ดี แถมยังเป็นแพทย์ที่มีฝีมืออย่างมาก ปู่เองก็เฝ้าดูหลานมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต ก็เลยกล้าพูดได้เต็มปากว่า ไม่มีผู้ชายคนไหนดีไปกว่าฉีเล่ยอีกแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินปู่ตัวเองพูดถึงขนาดนี้ หลี่ถงซีก็ถึงกับลุกขึ้นเดินหนีกลับเข้าห้องที่ชั้นสองทันที โดยไม่แม้แต่จะเหลียวมองไปทาง

ฉีเล่ยเลยแม้แต่น้อย เรื่องระหว่างเรามันยังมีความเป็นไปได้อีกเหรอ?

เขาถูกกำหนดให้เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์อย่างที่ผู้หญิงทุกคนบนโลกปรารถนา มีหรือที่เขาจะหันมาเหลียวมองผู้หญิงโง่ๆที่ป่วยทางจิตอย่างเธอ?

ฉีเล่ย ทำไมเราไม่พบกันเร็วกว่านี้นะ?

……..…

ฉีเล่ยเรียกแท็กซี่ตรงไปที่บ้านของหลินชูว และเมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านหน้าหมู่บ้าน ก็ยืนตรวจบัตรประจำตัวประชาชนของฉีเล่ยอยู่นาน ก่อนจะโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ด้านใน แล้วจึงปล่อยให้เขาเข้าไปได้

ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จะปล่อยให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้โดยสารแท็กซี่เข้ามาในหมู่บ้านหรูระดับไฮเอนด์ได้ง่ายๆ

ฉีเล่ยกดกริ่งประตูหน้าบ้านของหลินชูวโม่ไปหนึ่งครั้ง หลังจากยืนรอไม่นานนัก ก็มีเสียงรองเท้ากระทบพื้นไม้ดังออกมาจากภายในตัวบ้าน

หลินชูวโม่มาในชุดกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินและเสื้อแขนกุดสีขาว ซึ่งเสื้อแขนกุดตัวนี้นั้น เนื้อผ้าก็ช่างบางเสียจนเห็นชั้นในสีดำ และหน้าอกอันอวบอิ่มคู่นั้นได้อย่างชัดเจน และด้วยความใหญ่โตของมัน จึงได้ดันเสื้อออกมาราวกับกำลังจะปริแตก

“สุดหล่อในที่สุดก็มาสักทีนะ”

หลินชูวโม่ส่งยิ้มหวานอันทรงเสน่ห์ให้ ในอ้อมแขนของเธออุ้มแมวขนปุยตัวใหญ่ที่นอนขดอย่างเกียจคร้านไว้ และเมื่อเห็นว่ามีแขกมา มันก็เพียงแค่เหลือบตามองฉีเล่ยเล็กน้อย ก่อนจะหลับตานอนในอ้อมอกของเจ้าของต่ออย่างไม่แยแส

“ว่าไง? มีธุระสำคัญอะไร?”

ฉีเล่ยเอ่ยถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา

“ฉันยังไม่ได้บอกนายใช่ไหม?”

“บอกว่า?”

“ฉันคิดถึงนาย”

ดวงตากลมโตคู่นั้นของหลินชูวโม่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของฉีเล่ยไม่กระพริบ

ผู้หญิงคนนี้มีลูกล่อลูกชนนับพันวิธีให้สรรหาและหยิบใช้จริงๆ ฉีเล่ยรู้ดีว่า เธอพยายามส่งสายตาออดอ้อนเขาราวกับลูกแมวที่กำลังออดอ้อนให้มนุษย์ใจอ่อน หากมองเพียงผิวเผินอาจจะดูเหมือนสาวสวยใสซื่อบริสุทธิ์ที่กำลังปั้นหน้าขี้เล่นออดอ้อนอยู่

และหากใครเผลอไผลหลงเชื่อขึ้นมาจริงๆ ก็เตรียมตัวตกเป็นเหยื่อได้เลย

“ใครมางั้นเหรอ?”

ฉีเล่ยเปลี่ยนคำถามทันที พลางเหลือบสายตามองไปที่รองเท้าอีกคู่หน้าประตูบ้าน

“โอ้! พูดไปแล้วนายต้องไม่เชื่อแน่ๆ”

หลินชูวโม่แอบถอนหายใจเศร้าๆไปหนึ่งที เพราะดูเหมือนว่าฉีเล่ยจะเข้าใจเจตนาของเธอผิดไปจริงๆ

“พูดซะไม่อยากรู้เลยครับ”

ฉีเล่ยตอบกลับทันที

“สรุปมีเรื่องสำคัญอะไรที่อยากจะคุยกับผมกันแน่?”

“เอาน่า ก่อนจะเข้าเรื่องฉันต้องพานายไปพบกับเธอคนนี้ก่อน อีกฝ่ายถึงขนาดออกปากให้ฉันชวนนายมาให้ได้เชียวนะ”

หลังจากที่หลินชูวโม่พูดจบ ก็รีบดึงแขนฉีเล่ยเข้าไปในบ้านทันที เธอปล่อยแมวน้อยในอ้อมอกให้ออกไปวิ่งเล่นตามอิสระของมัน แล้วจึงเดินเข้าไปรินน้ำมายื่นให้ฉีเล่ยแก้วหนึ่ง

“ใคร?”

ฉีเล่ยนรับแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

หลินชูวโม่เหลือบมองไปทางห้องน้ำ ก่อนจะโน้มเข้าไปกระซิบข้างหูของฉีเล่ยว่า

“รอแป๊ปนึง ตอนนี้เธอกำลังเข้าห้องน้ำอยู่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+