ยอดคุณหมอสกุลเฉินตอนที่248 หญิงชายแปลกประหลาด

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter ตอนที่248 หญิงชายแปลกประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่248 หญิงชายแปลกประหลาด

ชายหญิงเผ่าเหมี่ยวที่ดูเหมือนคู่รักดูจะไม่สนใจสายตาของใครๆเลย แม้จะถูกผู้คนรอบตัวจ้องมองเสื้อผ้าที่ทั้งคู่สวมใส่ด้วยความสนอกสนใจ แต่พวกเขาทั้งสองก็เพียงแค่ยิ้มให้โดยไม่พูดอะไร

หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากถงเซียวเซียว ฉีเล่ยจึงรีบรุดไปที่ซิงหัวพลาซ่าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

“สองคนนั้นนั่งอยู่บนม้านั่งตรงหน้านายนั่นน่ะ! เห็นรึเปล่า?”

จากคำพูดของถงเซียวเซียวที่ดังมาจากปลายสาย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายอยู่ในมุมที่มองเห็นร่างของฉีเล่ยได้อย่างชัดเจน

ฉีเล่ยเก็บโทรศัพท์มือถือ แล้วจึงเดินตรงเข้าไปหาชายหญิงคู่หนึ่งที่สวมใส่ชุดพื้นเมืองอย่างชนเผ่าเหมี่ยว และยิ่งเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังของวิชากู่จากคนทั้งสองรุนแรงมายิ่งขึ้น

“ในที่สุดก็มาแล้วสินะ!”

สิ่งที่ฉีเล่ยไม่คาดคิดก็คือว่า ชายหญิงคู่นี้จะมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่มีท่าทีประหลาดใจ หรือตกอกตกใจเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังดูคล้ายกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่า ฉีเล่ยจะต้องมาหาพวกเขาอย่างแน่นอน

“พวกคุณสองคนรู้จักผมเหรอครับ?”

ฉีเล่ยเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ และแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ? เมื่อคืนพวกเราสองคนก็ได้ดูรายการที่คุณให้สัมภาษณ์ ทักษะการแพทย์ของคุณยังทำให้พวกเราสองคนรู้สึกทึ่งมากทีเดียว ในฐานะที่คุณเป็นประธานสภาแพทย์แผนจีน ดูเหมือนว่าวันข้างหน้าพวกเราคงจะมีโอกาสได้พบเจอกันมากขึ้นกว่านี้”

ชายหญิงชาวเหมี่ยวหันไปยิ้มให้กัน จากนั้น ฝ่ายชายก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า

“ผมชื่อว่าอี้ชา ส่วนนี่ก็ภรรยาของผมเอง เรียกเธอว่าซิ่วเอ๋อก็ได้”

‘อี้ชากับซิ่วเอ๋องั้นเหรอ?!’

ความจริงแล้ว ฉีเล่ยรู้สึกว่าชื่อของชายหญิงชาวเหมี่ยวคู่นี้ออกจะฟังดูตลกนิดหน่อย

“ถ้านึกอยากจะหัวเราะ ก็หัวเราะได้เลยนะครับ เพราะชื่อของพวกเราสองคนออกจะฟังดูแปลกๆ ใครได้ยินก็มักจะมีท่าทีแบบนี้ทั้งนั้นล่ะ แต่ชื่อนี้พ่อแม่ของเราเป็นคนตั้งให้ จะให้ทำยังไงได้ล่ะใช่ไหม?”

ฉีเล่ยพยักหน้า กระทั่งผ่านไปราวสองสามนาที เขาก็เริ่มปรับตัวได้ และรู้ว่าควรจะพูดคุยอะไรกับชายหญิงคู่นี้ดี

“แล้วพวกคุณสองคนมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ?”

ฉีเล่ยจ้องมองสองสามีภรรยาตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา จนหลงลืมจุดประสงค์เดิมของตนเอง

“พวกเราสองคนน่ะเหรอ? ก็มาเที่ยวน่ะสิ เจียงหลิงเป็นเมืองที่น่าอยู่ แล้วก็มีทัศนียภาพที่ค่อนข้างสวยงามมาก ทำไมเหรอ? หรือถ้าพวกเราสองคนอยากมาเที่ยวที่นี่จะต้องขออนุญาตคุณก่อน?”

หลังจากเอ่ยตอบไปแล้ว ชายที่ชื่ออี้ชาก็ย้อนถามฉีเลยต่อ “หรือคุณคิดว่าพวกเราสองคนจะมาทำอะไรไม่ดีที่นี่งั้นเหรอครับ?”

เดิมที ฉีเล่ยรีบร้อนมาที่นี่เพราะตั้งใจจะมาบีบคั้นเอาความจริงจากชายหญิงเผ่าเหมี่ยวคู่นี้ว่า กำลังคิดจะทำเรื่องไม่ดีอะไรในเจียงหลิง และด้วยการกระทำของชายหญิงคู่นี้ก่อนหน้า เขาย่อมมีวิธีที่จะบีบให้คนทั้งคู่เปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมาได้ไม่ยาก แล้วจึงค่อยจัดการในคราวเดียว

แต่ด้วยรอยยิ้มใสซื่อที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของคนทั้งคู่ กลับทำให้ฉีเล่ยออกจะลำบากใจที่จะพูดอะไรออกมาตรงๆ

“คุณทั้งสองเป็นคนชาวเผ่าเหมี่ยวใช่ไหมครับ?”

“ใช่! ไม่ทราบว่าคุณฉีก็เป็นคนเผ่าเหมี่ยวเหมือนกันเหรอครับ?”

ฉีเล่ยดูเหมือนจะไปต่อไม่ถูกจริงๆ เขายังมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดออกมาตรงๆ แต่คำตอบซื่อๆของชายคนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังชกกำปั้นลงไปในสำลี ที่ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไป กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาเลยแม้แต่น้อย

“อี้ชากับซิ่วเอ๋องั้นเหรอครับ? ได้ครับ ผมจะจดจำชื่อของพวกคุณทั้งสองคนไว้ และถ้ามีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นในเจียงหลิงอีก ผมจะต้องไปหาพวกคุณสองคนอย่างแน่นอน!”

สำหรับคนธรรมดาทั่วไปนั้น วิชากู่เป็นสิ่งที่พวกเขายากจะรับมือได้ และหากถูกพบช้าเกินไป ต่อให้ตัวเขามาพบเห็นเข้าด้วยตัวเอง ก็คงยากที่จะช่วยเหลือได้ทันการ

“คุณฉี ผมไม่เข้าใจคำพูดของคุณจริงๆนะครับ นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่? ผมต้องขอโทษจริงๆนะที่จะต้องบอกกับคุณว่า ถึงแม้คุณจะเป็นถึงประธานสภาแพทย์แผนจีนก็จริง แต่สำหรับพวกเราแล้ว ฐานะของคุณดูเหมือนจะยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ”

หลังจากชายเผ่าเหมี่ยวพูดจบแล้ว ทั้งสองคนก็ได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน แล้วจึงก้าวเดินจากไปทันที แต่ในระหว่างที่ชายหญิงคู่นี้เดินผ่านฉีเล่ยไปนั้น หญิงที่ชื่อว่าซิ่วเอ๋อก็ได้กระซิบข้างหูฉีเล่ยว่า

“เรื่องแปลกประหลาดที่คุณฉีพูดถึง…”

หลังจากนั้นหญิงเผ่าเหมี่ยวก็เอื้อมมือของเธอออกมาตบที่ไหล่ของฉีเล่ยเบาๆ พร้อมกับพูดต่อว่า “ทางที่ดี ฉันว่าคุณควรเอาตัวเองให้รอดก่อนจะดีกว่า”

จากนั้น เธอก็ได้เดินยิ้มออกไป

ฉีเล่ยรู้สึกว่าการกระทำของของชายหญิงเผ่าเหมี่ยวคู่นี้ออกจะดูแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก และไม่รู้ว่าในระยะเวลาช่วงสั้นๆที่สนทนากันนั้น ทั้งคู่ได้ลงมือทำอะไรลงไปบ้าง แต่ทันทีที่ฉีเล่ยได้พบเห็นชายหญิงคู่นี้ มันทำให้เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้

หลังจากยืนคุยกับฉีเล่ยในบริเวณลานกว้างเปิดโล่งของทางพลาซ่าแล้ว ทั้งสองคนก็เดินไปเรียกรถ แล้วจากไป…

ฉีเล่ยรู้สึกได้ว่า การที่ชายหญิงคู่นี้จงใจสวมชุดพื้นเมืองของชนเผ่าเหมี่ยวมาเดินเล่นอยู่ภายในพลาซ่าแห่งนี้ เพราะต้องการที่จะมารอพบเขาโดยเฉพาะ

และหลังจากที่ได้พูดคุยกับฉีเล่ยสองสามประโยค ทั้งสองคนก็ได้จากไปในทันที และท่าทีที่ดูซื่อๆของชายหญิงคู่นี้ ก็ทำให้ฉีเล่ยเผลอตัวไปจนลืมระมัดระวังตัวไปครู่หนึ่ง

“นี่! นายได้เห็นใบหน้าพวกเขาสองคนนั่นแล้ว เป็นยังไงบ้าง?”

หลังจากที่มั่นใจว่าสองสามีภรรยาออกไปจากซิงหัวพลาซ่าแล้ว ถงเซียวเซียวรีบวิ่งเข้าไปหาฉีเล่ย พร้อมกับสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที

แม้ว่าฉีเล่ยจะอยู่ในสภาวะงุนงงเมื่อได้พบเจอกับชายหญิงคู่นี้ในตอนแรก แต่แน่นอนว่า ใบหน้าของทั้งสองคนยังคงประทับอยู่ในความทรงจำของเขาแนบแน่น

ฉีเล่ยไม่ได้ตอบคำถามถงเซียวเซียว แต่ได้ย้อนถามกลับไปว่า “นี่เซียวเซียว สองสามวันหลังจากนี้คุณมีงานอะไรรึเปล่า?”

ถงเซียวเซียวรีบเปิดตารางงานของตนเองดูทันที และรีบโทรเช็คกับผู้จัดการของเธอให้แน่นอนอีกที จากนั้นจึงได้บอกกับฉีเล่ยไปว่า

“สองวันหลังจากนี้ไม่มีงาน แต่หลังจากนั้นฉันมีงานต้องไปเดินแฟชั่นโชว์”

“งั้นก็ดีเลย สองวันนี้คุณอยู่ช่วยงานผมก่อนจะได้ไหม?”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ฉีเล่ยสังหรณ์ใจอย่างแรงว่า สองสามีภรรยาคู่นี้ไม่น่าจะใช่คนดีอย่างแน่นอน และเมื่อนึกได้ว่า เมื่อครู่ก่อนที่จะจากไปนั้น หญิงชาวเหมี่ยวได้ใช้มือตบที่ไหล่ของเขาเบาๆ ทำให้เขาฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบหันไปสำรวจไหล่ข้างนั้นของตนเองทันที

และหลังจากคลำดูอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็พบกระดาษโน้ตสีเหลืองติดอยู่ที่ไหล่ของตนเอง บนกระดาษโน้ตแผ่นนั้นมีตัวอักษรอยู่สองสามบรรทัดที่เขียนบอกไว้อย่างชัดเจน

-คุณฉี พวกเรารู้ว่าคุณกำลังตามหาพวกเราสองคนอยู่ จึงได้ตั้งใจมาพบคุณที่นี่ ขอบอกตามตรงว่า พวกเราได้เห็นคุณช่วยชีวิตของชายชราคนนั้นตรงบันไดหนีไฟ และที่พวกเรามาเจียงหลิงครั้งนี้ก็ด้วยเหตุผลส่วนตัว ขอเพียงคุณไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเรา พวกเราก็จะทำเหมือนไม่เคยพบเจอคุณมาก่อนเช่นกัน แต่ถ้าคุณยังดึงดันที่จะเข้ามายุ่งเรื่องของพวกเราให้ได้ เราก็จะไม่ปล่อยคุณไว้เหมือนกัน-

แม้ว่าจะเป็นเพียงประโยคบอกกล่าวธรรมดาๆ แต่ฉีเล่ยกลับสัมผัสได้ถึงการข่มขู่คุกคามที่ค่อนข้างรุนแรง

ในข้อความที่หญิงชาวเหมี่ยวทิ้งไว้ให้ฉีเล่ยนั้น ดูเหมือนจะบ่งบอกไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า นี่เป็นเรื่องบาดหมางระหว่างพวกเขาทั้งคู่กับชายชราคนนั้น แต่เพราะความบังเอิญ ทำให้ฉีเล่ยได้เข้าไปแทรกแซงและขัดขวางเรื่องนี้เข้า

และด้วยเหตุนี้เอง ทั้งคู่จึงเลือกที่จะมารอพบฉีเลยที่ซิงหัวพลาซ่า เพื่อบอกกล่าวและตักเตือน

มีคนไม่มากนักที่รู้เรื่องเกี่ยวกับวิชากู่ของชนเผ่าเหมี่ยว แต่ในเมื่อทั้งสองคนตั้งใจมาเจียงหลิงเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง แม้นี่จะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับฉีเล่ยโดยตรง แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นกับคนเจียงหลิง และรู้สึกว่าเขามีหน้าที่ที่จะต้องสะสางเรื่องที่เป็นอันตรายเช่นนี้

และวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือ ต้องขับไล่ชายหญิงชราคู่นี้กลับไปที่เผ่าเหมี่ยวของตัวเองตามเดิม

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างนั้นหรือ?

………..

ในระหว่างที่ฉีเล่ยกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น คู่สามีภรรยาในชุดชนเผ่าดูแปลกประหลาดในสายตาของผู้อื่น ก็กำลังนั่งอยู่เบาะหลังของแท็กซี่คันหนึ่ง และกำลังชื่นชมทัศนียภาพของแม่น้ำในเจียงหลิงพร้อมกับหัวเราะกันอย่างมีความสุข

“พวกคุณสองคนคงจะมาเจียงหลิงเป็นครั้งแรกสินะครับ? เมืองของเรามีร้านอาหารอร่อยๆขึ้นชื่ออยู่สองสามร้าน ถ้าพวกคุณสนใจ ผมสามารถแนะนำให้ได้นะครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด