ยอดคุณหมอสกุลเฉินตอนที่270 วันสุดท้าย

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter ตอนที่270 วันสุดท้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่​270 วันสุดท้าย​

ฉีเล่ย​ไม่รู้​ว่า​เลย​ว่า​วัน​เวลา​ได้​ล่วงเลย​ผ่าน​ไป​นาน​เท่าไหร่​แล้ว​ จึงไม่รู้​ว่า​ใน​ตอนนี้​ ยัง​เหลือ​เวลา​อีก​เท่าไหร่​ที่​หนอน​กู่​จะเติบโต​เต็ม​วัย​จาก​ที่​เขา​ได้​คาด​การ​ไว้​ สิ่งที่​ฉีเล่ย​ทำได้​อย่าง​เดียว​ใน​ตอนนี้​ก็​คือ​ ต้อง​เร่ง​ออกจาก​ยอดเขา​แห่ง​นี้​ให้ได้​โดยเร็ว​ที่สุด​

แต่​ฉีเล่ย​ก็​ไม่กล้า​คาดหวัง​อะไร​มาก​ ก่อนหน้านี้​เขา​ได้​เห็น​ว่า​ถ้ำหิน​ถูก​ปิด​กับ​ตา​ตัวเอง​ ระหว่างทาง​ที่​เดิน​ไป​ตาม​ทาง​นั้น​ เขา​จึงไม่กล้า​คาดหวัง​มาก​นัก​

แต่​สวรรค์​ก็​ไม่ได้​โหดร้าย​กับ​เขา​เสีย​ทีเดียว​ ไม่รู้​ว่า​เป็น​เพราะ​ที่ผ่านมา​ ถ้ำแห่ง​นี้​ถูก​ควบคุม​โดย​ผู้​บำเพ็ญพรต​หยิน​หยาง​หรือไม่​? เพราะ​หลังจากที่​เขา​เสียชีวิต​ ประตู​หิน​ที่​ปิดปาก​ถ้ำก็ได้​อันตรธาน​หาย​แล้ว​ และ​ก่อนที่​ฉีเล่ย​จะเดิน​มาถึงหน้า​ปาก​ถ้ำ เขา​ก็ได้​กลิ่นอาย​บริสุทธิ์​ของ​อากาศ​จาก​ภายนอก​ที่​โชย​เข้ามา​

นี่​ต่างหาก​จึงจะเป็น​สภาพแวดล้อม​ที่​เหมาะกับ​เขา​!

ฉีเล่ย​ได้​แต่​แอบ​คิด​พร้อมกับ​ยิ้ม​ออกมา​ด้วย​ความ​ดีอกดีใจ​ และ​เมื่อ​เดิน​ออกจาก​ถ้ำไป​ได้​แล้ว​ เขา​ก็​ยืน​บิดขี้เกียจ​ ยืดเส้นยืดสาย​ พร้อมกับ​สูด​เอา​อากาศ​บริสุทธิ์​ด้านนอก​เข้าไป​อย่าง​ตะกละตะกลาม​

แต่​หลังจากนั้น​ ฉีเล่ย​ก็​เพิ่ง​รู้สึกตัว​ว่า​ รอบ​ๆถ้ำแห่ง​นี้​ได้​กลายเป็น​หลุม​ขนาดใหญ่​ ราวกับ​ถูก​คน​ทิ้ง​ระเบิด​ใส่อย่างนั้น​ล่ะ​

“เป็น​แบบนี้​ได้​ยังไง​…”

ใน​ระหว่าง​ที่​ฉีเล่ย​กำลัง​ครุ่นคิด​ว่า​ มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น​บริเวณ​ถ้ำแห่ง​นี้​กัน​แน่​? จู่ๆ ความคิด​หนึ่ง​ก็​ผุด​ขึ้น​มาใน​หัว​ของ​เขา​ แต่​เป็น​เพราะ​ไม่มีเวลา​ที่จะ​มานั่น​ครุ่นคิด​อะไร​มาก​ ฉีเล่ย​จึงรีบ​ก้าว​เดินลง​จาก​เขา​ไป​ในทันที​

เป็น​เพราะ​ครั้งนั้น​ฉีเล่ย​ถูก​หนู​หยาง​ม่วง​วิ่งไล่​ใน​ยามค่ำคืน​ เขา​เอง​ก็​เอาแต่​ตั้งหน้าตั้งตา​วิ่ง​อย่าง​เดียว​เท่านั้น​ เพื่อ​หวัง​เอาชีวิต​รอด​จาก​การ​ไล่ล่า​ของ​หนู​หยาง​ม่วง​ ด้วยเหตุนี้​ ต่อให้​เขา​จะวิ่ง​ถือ​ไฟฉาย​ส่อง​ไป​ตลอดทาง​ แต่​เขา​ก็​ไม่สามารถ​จด​จำได้​ว่า​ ตัวเอง​วิ่งหนี​ไป​ทาง​ไหน​บ้าง​

เวลานี้​ สิ่งเดียว​ที่​ฉีเล่ย​ต้อง​ทำ​ก่อน​สิ่งอื่น​ก็​คือ​ หาทาง​กลับ​ลง​เขา​ทาง​เดิม​ให้​ได้เสีย​ก่อน​

ฉีเล่ย​เดิน​หา​ทางลง​เขา​อยู่​นาน​มากกว่า​ครึ่ง​ชั่วโมง​ ในที่สุด​ เขา​ก็​ค้นพบ​เส้นทาง​ที่​เขา​ปีน​ขึ้น​มาจนได้​ ฉีเล่ย​ไม่รอ​ช้า รีบรุด​เดินลง​เขา​ไป​ตาม​เส้นทาง​เดิม​ทันที​

และ​เมื่อ​ลง​มาถึงเนินเขา​ที่พัก​ค้างคืน​ก่อนหน้า​ ฉีเล่ย​ก็​พบ​ว่า​เต็นท์​ที่​เขา​กาง​ไว้​ก่อนหน้านี้​ได้​หาย​ไป​แล้ว​ บางที​อาจ​เป็น​อาจารย์​ของ​เขา​เก็บ​กลับ​ไป​แล้ว​ก็ได้​

เมื่อ​เห็น​เช่นนั้น​ ฉีเล่ย​จึงได้​เดินลง​เขา​ต่อไป​ทันที​ และ​กลับ​ไป​ยัง​ที่​ที่​เขา​พบ​เจอ​กับ​ชาวบ้าน​ สถานที่​ที่​เขา​ได้​ฝาก​ของ​บางส่วน​ไว้​ก่อน​จะเดิน​ขึ้น​เขา​มา และ​ใน​ตอนนั้น​เอง​ เขา​จึงได้​รู้​วัน​เวลา​ที่​แท้จริง​

“พ่อ​หนุ่ม​ เธอ​ขึ้น​เขา​ไป​เป็นเวลา​ตั้ง​สอง​วัน​กว่า​แล้ว​ ไม่รู้ตัว​เลย​รึ​ไงห๊ะ?”​

ชาวบ้าน​ที่​พูดคุย​กับ​ฉีเล่ย​อยู่​นั้น​ เห็น​เสื้อผ้า​ที่​ขาดวิ่น​ของ​เขา​อยู่​ใน​สภาพ​ที่​ไม่สามารถ​ปกปิด​เนื้อตัว​ได้​แบบ​นั้น​ อีก​ทั้ง​ยัง​เห็น​รอย​บาดแผล​เต็ม​เนื้อ​เต็มตัว​ไป​หมด​ จึงรู้สึก​สงสาร​ และ​รีบ​ไปหา​เสื้อผ้า​เก่าๆ​ของ​ตัวเอง​มาให้​ทันที​ พร้อมกับ​เอ่ยปาก​ถามด้วย​สีหน้า​เห็นอกเห็นใจ​

“เอา​ๆ เอา​เสื้อผ้า​ของ​ฉัน​ไป​ใส่ซะก่อน​ แล้ว​นี่​ไป​เจอ​อะไร​เข้า​ล่ะ​ถึงได้​มีสภาพ​แบบนี้​?!”

ก่อนหน้านี้​ ฉีเล่ย​คิด​แต่ว่า​ต้อง​รีบ​ลง​จาก​เขา​ให้​เร็ว​ที่สุด​ จึงไม่ทัน​นึกถึง​สภาพ​ของ​ตัวเอง​ใน​ตอนนี้​ แต่​เมื่อ​ถูก​เอ่ย​ทัก​ขึ้น​มา ฉีเล่ย​ถึงได้​รู้ตัว​ และ​รีบ​เอ่ย​ขอบคุณ​อีก​ฝ่าย​ด้วย​สีหน้าท่าทาง​เขินอาย​ จากนั้น​จึงรีบ​รับ​เสื้อผ้า​ไป​เปลี่ยน​ทันที​ หลังจาก​เปลี่ยน​เสื้อผ้า​เรียบร้อย​แล้ว​ ก็​รีบ​เก็บ​ของ​กลับ​ออก​ไป​ทันที​

จาก​ที่​ฉีเล่ย​คำนวณ​ไว้​คร่าวๆ​ด้วยตัวเอง​ หนอน​กู่​เหล่านั้น​น่าจะ​โต​เต็ม​วัย​พร้อม​ใช้งาน​ใน​ช่วง​ดึก​ของ​วันพรุ่งนี้​ หรือไม่​ก็​วัน​มะรืน​เป็น​อย่าง​ช้า นั่น​หมายความว่า​เขา​ยังมี​เวลา​อีก​หนึ่ง​วัน​

“ขอบคุณ​ครับ​ ผม​ไป​ก่อน​นะ​ครับ​ พอดี​ผม​รีบ​”

ฉีเล่ย​รีบ​เก็บ​ข้าว​เก็บ​ของ​ของ​ตัวเอง​โดย​ไม่สนใจ​อะไร​ทั้งนั้น​ แต่​ใน​ระหว่าง​ที่​กำลังจะ​หันหลัง​เดิน​ออก​ไป​นั้น​ ชาย​คน​เดิม​ก็​ร้อง​ตะโกนเรียก​เขา​ไว้​ก่อน​

“อ่​อ.​. นี่​ๆพ่อ​หนุ่มอย่า​เพิ่ง​รีบร้อน​ไป​ ฉัน​ลืม​บอก​เธอ​ไป​เรื่อง​หนึ่ง​! ก่อนหน้านี้​มีคน​มาถามหา​เธอ​ด้วย​ล่ะ​ เขา​อยากรู้​ว่า​เธอ​ลง​เขา​มารึ​ยัง​? ดู​จาก​สีหน้าท่าทาง​ของ​เขา​แล้ว​ เขา​ดู​เป็นห่วง​เป็น​ใย​เธอ​มาก​เลย​นะ​รู้​มั๊ย?”​

“เป็น​ชาย​สูงอายุ​รึเปล่า​ครับ​?”

“อืมม​ ใช่ๆ”

ฉีเล่ย​รู้​ได้​ทันที​ว่า​เป็น​ใคร​

เมื่อ​ออก​มาจาก​สถานที่​ฝาก​ของ​แห่ง​นั้น​แล้ว​ ฉีเล่ย​ก็​เดินทาง​ไป​ยัง​โรงแรม​เล็ก​ๆแห่ง​หนึ่ง​ใน​เมือง​ และ​หลังจาก​สอบถาม​พนักงาน​โรงแรม​จน​ได้ความ​แล้ว​ ฉีเล่ย​ก็​เดิน​ขึ้นไป​ยัง​ห้องพัก​ห้อง​หนึ่ง​

“เฮ้อ​.. ในที่สุด​เธอ​ก็​ลง​เขา​มาสักที​สินะ​! ว่าแต่​เธอ​เห็น​สภาพ​บริเวณ​เนินเขา​บ้าง​มั๊ย? ​แล้ว​นี่​เธอ​ปลอดภัย​ดี​รึเปล่า​ฉีเล่ย?”​

เป่ย​ฉวน​เทียน​เอ่ย​ถามขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เจือ​ด้วย​ความวิตกกังวล​

ฉีเล่ย​ได้​แต่​พยักหน้า​ พร้อม​ตอบกลับ​ไป​ด้วย​น้ำเสียง​เจือ​หัวเราะ​ “ไม่ต้อง​ห่วง​ผม​หรอก​ครับ​อาจารย์​ ขากลับ​ผม​ผ่าน​เส้นทาง​นั้น​ก็​จริง​ แต่​โชคดี​ที่​ไม่ได้รับ​อันตราย​อะไร​เลย​”

ระหว่าง​ที่​พูด​นั้น​ ฉีเล่ย​ก็ได้​พยายาม​ปกปิด​บาดแผล​ตาม​ร่างกาย​ของ​ตัวเอง​ เพื่อ​ไม่ให้​อีก​ฝ่าย​ล่วงรู้​

“เฮ้อ​.. ไม่ต้อง​มาหลอก​ฉัน​ก็ได้​ แค่​เห็น​เสื้อผ้า​ที่​เธอ​สวมใส่​อยู่​ใน​ตอนนี้​ ฉัน​ก็​พอ​จะคาดเดา​ได้​แล้ว​ว่า​ มัน​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​เธอ​บ้าง​?”

เป่ย​ฉวน​เทียน​ตอบกลับ​ด้วย​สีหน้าที่​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ความเมตตา​ปราณี​

“เอาล่ะ​ๆ ใน​เมื่อ​เธอ​ไม่อยาก​จะเล่า​ ฉัน​ก็​จะไม่บังคับ​ นี่​เป็น​ตั๋ว​เครื่องบิน​กลับ​เจียง​ห​ลิง​ไฟลท์​สุดท้าย​ของ​คืนนี้​ ฉัน​รู้​ว่า​เธอ​ร้อนใจ​กับ​เรื่อง​นี้​มาก​ ก็​เลย​จัดเตรียม​ไว้​ให้​ล่วงหน้า​ รีบ​ๆไป​ได้​แล้ว​”

เมื่อ​ตอนที่​ฉีเล่ยพบ​กับ​เป่ย​ฉวน​เทียน​บน​เนินเขา​นั้น​ เขา​ก็ได้​บอกเล่า​ความ​หนักใจ​ของ​ตนเอง​ให้​กับ​ชาย​ชรา​ฟัง แม้ว่า​หลังจากนั้น​ เป่ย​ฉวน​เทียน​จะไม่รู้​ชะตากรรม​ของ​ฉีเล่ย​ แต่​เขา​ก็ได้​จัดเตรียม​ใน​สิ่งที่คิด​ว่า​สมควรจะ​ต้อง​ทำให้​กับ​เขา​ไว้​ล่วงหน้า​

“ขอบคุณ​ท่าน​อาจารย์​มาก​ครับ​”

ฉีเล่ย​รู้สึก​ซาบซึ้งใจ​จน​ถึงกับ​น้ำตา​รื้น​

ถึงแม้ว่า​ฉีเล่ย​จะรู้สึก​ซาบซึ้ง​ใน​สิ่งที่​เป่ย​ฉวน​เทียน​ทำให้​กับ​ตนเอง​ แต่​เขา​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​มาก​ไป​กว่า​คำ​ว่า​ขอบคุณ​ และ​เพียงแค่​พยักหน้า​ ก่อน​จะเดิน​ออกจาก​ห้อง​ไป​

ความจริง​แล้ว​ ยังมี​คำถาม​อีก​มากมาย​อยู่​ใน​ใจที่​ฉีเล่ย​อยาก​จะเอ่ย​ถามชาย​ชรา​ แม้ว่า​เป่ย​ฉวน​เทียน​จะพูด​ออกมา​เอง​ว่า​ ยอมรับ​ใน​พรสวรรค์​ด้าน​การแพทย์​ที่​ล้ำเลิศ​ของ​ฉีเล่ย​ว่า​เหนือกว่า​ตน​ แต่​ในแง่​ของ​ประสบการณ์​ชีวิต​ที่ผ่านมา​หลาย​ทศวรรษ​ของ​เขา​นั้น​ เป็น​สิ่งที่​ฉีเล่ย​เอง​ก็​ไม่อาจ​เทียบ​ได้​

คำถาม​ต่างๆ​ใน​ใจของ​เขา​เวลานี้​ล้วน​เกี่ยวกับ​ ผู้​บำเพ็ญพรต​หยิน​หยาง​ พลัง​หยิน​หยาง​ ลูกแก้ว​ม่วง​ และ​อีก​หลาย​ๆเรื่อง​ลี้ลับ​ที่อยู่​ภายใน​เขา​หง​ห​ยา​ซาน​

แม้ว่า​ภูเขา​แห่ง​นี้​จะได้​ขึ้นชื่อว่า​เป็น​เขา​ลูก​หนึ่ง​ใน​เมือง​ห​ยู​หนาน​ แต่​ฉีเล่ย​กลับ​รู้สึก​ว่า​ ภูเขา​ลูก​นี้​ต้อง​ไม่ใช่ภูเขา​ธรรมดาๆ​อย่าง​แน่นอน​

แต่​ถึงอย่างนั้น​ เนื่องจาก​ภารกิจ​ที่​ค้ำคอ​อยู่​ ฉีเล่ย​จึงได้​แต่​แบก​ความสงสัย​ และ​คำถาม​เหล่านั้น​กลับ​ไป​เจียง​ห​ลิง​ด้วย​

ใน​ระหว่างทาง​ที่​กลับ​นั้น​ ฉีเล่ย​ได้​ผ่าน​ร้าน​เสื้อผ้า​แห่ง​หนึ่ง​ เขา​จึงได้​เข้าไป​ซื้อ​เสื้อผ้า​ชุด​ใหม่​สวมใส่​ เพราะ​ถึงอย่างไร​เขา​ก็​ไม่รู้สึก​ดี​นัก​ที่จะ​ต้อง​สวมใส่​เสื้อผ้า​ของ​คนอื่น​ไป​แบบนี้​

จนกระทั่ง​เวลา​สี่ทุ่ม​ตรง​ เครื่องบิน​ที่จะ​บิน​ไป​เจียง​ห​ลิง​ไฟลท์​สุดท้าย​ก็​ทะยาน​ออกจาก​สนามบิน​ และ​ไป​ถึงเมือง​เจียง​ห​ลิง​ใน​ราว​ตีหนึ่ง​กว่า​ของ​เช้าวัน​ถัดไป​

ก่อนที่จะ​ออกเดินทาง​กลับ​เจียง​ห​ลิง​นั้น​ ฉีเล่ย​ได้​โทร​บอก​หลิน​ชูว​โม่ให้​ช่วย​จัดเตรียม​รถ​มารอ​รับ​เขา​ที่​สนามบิน​ด้วย​ เพราะ​การ​เรียก​รถแท็กซี่​ที่​สนามบิน​เป็นเรื่อง​ที่​ค่อนข้าง​ยุ่งยาก​ และ​เสียเวลา​นาน​มาก​ เขา​จึงไม่ต้องการ​ที่​ปล่อย​เวลา​อัน​มีค่า​ของ​ตัวเอง​ให้​สูญเสีย​ไป​กับ​เรื่องไร้สาระ​พวก​นี้​

วันนี้​เป็น​วันสุดท้าย​!

ฉีเล่ย​รู้สึก​ตื่นเต้น​อย่าง​มาก​ เขา​คิดไม่ถึง​ว่า​ วันหนึ่ง​ตัวเอง​จะต้อง​กลาย​มาเป็น​เหมือน​ฮีโร่​ใน​หนัง​ ที่​ต้อง​ออกมา​ปกป้อง​ชีวิต​ผู้คน​บน​โลก​ใบ​นี้​

แต่​ถึงอย่างนั้น​ นับตั้งแต่​ที่​เขา​ได้​กลาย​มาเป็น​แพทย์​แผน​จีน​ด้วย​ความบังเอิญ​นั้น​ เขา​ก็​รู้ดี​อยู่​ใน​ใจว่า​ ภารกิจ​ของ​ตนเอง​นับ​จากนี้​ก็​คือ​การ​ช่วยเหลือ​ และ​รักษา​ผู้คน​บน​โลก​ใบ​นี้​

หลาย​วัน​ที่ผ่านมา​ เพื่อ​ตามหา​หญ้า​ท้อ​ให้​พบ​ ฉีเล่ย​ถึงกับ​อดหลับอดนอน​จน​ไม่ได้​พักผ่อน​เลย​ แต่​นับว่า​ยัง​โชคดี​ที่​มีช่วงเวลา​ที่​เขา​หมดสติ​ ซึ่งนับว่า​ช่วงเวลา​นั้น​เอง​ที่​ร่างกาย​ของ​เขา​ได้​เข้าสู่​โหมด​ของ​การพักผ่อน​บ้าง​

ไม่อย่างนั้น​ หาก​อดหลับอดนอน​ติดต่อกัน​หลาย​ๆวัน​แบบนี้​ มีหวัง​เขา​คง​ต้อง​เสียชีวิต​ ก่อนที่จะ​สามารถ​ไป​ช่วย​คน​ที่​เจียง​ห​ลิง​ให้​ปลอดภัย​ได้​

คนขับรถ​ที่​หลิน​ชูว​โม่จัดเตรียม​มาให้​กับ​ฉีเล่ย​นั้น​ ได้​รอคอย​เขา​อยู่​ที่​ประตู​ทางออก​วีไอพี​ หลังจากที่​ลง​จาก​เครื่อง​แล้ว​ ฉีเล่ย​ก็​รีบ​เดิน​ไป​ขึ้นรถ​ และ​มุ่งหน้า​กลับ​ไปหา​ซือ​ไถที่​โรงแรม​ในทันที​

ก่อนที่จะ​ออกเดินทาง​นั้น​ ฉีเล่ย​บอก​กับ​ซือ​ไถเพียงแค่​ว่า​ หาก​มีเรื่อง​อะไร​ ซือ​ไถสามารถ​โทร​หา​เขา​ได้​ตลอดเวลา​ แต่​ตอนนี้​ โทรศัพท์มือถือ​ของ​เขา​ได้​ถูก​ผู้​บำเพ็ย​พรต​หยิน​หยาง​ทำลาย​ทิ้ง​ตั้งแต่​อยู่​บน​ยอดเขา​หง​ห​ยา​ซาน​แล้ว​ เขา​จึงตั้งใจ​ที่จะ​ไป​พบ​กับ​ซือ​ไถที่​โรงแรม​แทน​

“ประธาน​ฉีก​ลับ​มาแล้ว​เหรอ​ครับ​!”

เมื่อ​เจ้าหน้าที่​รักษา​ความปลอดภัย​ของ​โรงแรม​เห็น​ฉีเล่ย​ที่​หายหน้า​หาย​ตา​ไป​สอง​สามวัน​ ในที่สุด​ก็​กลับมา​แล้ว​ จึงรีบ​เดิน​เข้าไป​ทักทาย​ด้วย​สีหน้า​ตื่นเต้น​ดีใจ​

“อ้าว​.. ปกติ​คุณ​อยู่​กะ​กลางวัน​ไม่ใช่เหรอ​? แล้ว​ทำไม​วันนี้​ถึงได้มา​เข้ากะ​กลางคืน​ได้​ล่ะ​?”

ฉีเล่ย​ร้องถาม​กลับ​ไป​ด้วย​ความสงสัย​

“ครับผม​! แต่​ผม​เพิ่ง​ย้าย​มาทำ​กะ​ดึก​ได้​แค่​สอง​สามวัน​เอง​ครับ​ แต่​รับรอง​ได้​ว่า​ ภารกิจ​ที่​ประธาน​ฉีฝากฝัง​ไว้​ ผม​ยัง​ทำหน้าที่​อย่าง​ไม่ขาดตกบกพร่อง​เลย​ครับ​ รับรอง​ได้​ว่า​คุ้ม​กับ​ค่าจ้าง​แน่​…”

เจ้าหน้าที่​รักษา​ความปลอดภัย​เอ่ย​ตอบ​พร้อมกับ​ยิ้ม​กว้าง​

“ดีมาก​! ตอนนี้​คุณตา​คน​นั้น​ก็​คงจะ​อยู่​ใน​ห้อง​สินะ​? ไม่น่าจะ​มีปัญหา​อะไร​ใช่มั๊ย?”​

“ห๊ะ?! ​คุณตา​น่ะ​เหรอ​?!”

สีหน้า​ของ​เจ้าหน้าที่​รักษา​ความปลอดภัย​เปลี่ยนเป็น​ประหลาดใจ​ขึ้น​ในทันที​ พร้อมกับ​ร้องถาม​ออกมา​ด้วย​น้ำเสียง​ตกใจ​

“ก็​ประธาน​ฉีส่งคน​มารับ​ไป​แล้ว​นี่​ครับ​? เมื่อ​สอง​วันก่อน​นี่เอง​…”

“อะไร​นะ​?!”

ฉีเล่ย​ร้อง​ตะโกน​ออกมา​เสียงดัง​ด้วย​ความตกใจ​!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด