ยอดคุณหมอสกุลเฉินตอนที่272 เข้มแข็งกว่าที่คิด

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter ตอนที่272 เข้มแข็งกว่าที่คิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่​272 เข้มแข็ง​กว่า​ที่​คิด​

เมื่อ​ดู​จาก​แผนผัง​การ​วาง​เวร​ยาม​ภายในบ้าน​แล้ว​ ทำให้​ฉีเล่ย​ได้​รู้​ว่า​ เส้นทาง​เดิม​ที่​เขา​วางแผน​ที่จะ​ใช้ลักลอบ​เข้าไป​ใน​บ้าน​นั้น​ ดูเหมือน​จะมีช่องโหว่​อยู่​มากมาย​

นี่​ถ้าห​ลี่​ถงซีไม่ปรากฏตัว​ขึ้น​เสีย​ก่อน​ แน่นอน​ว่า​ เขา​จะต้อง​ตกอยู่ในอันตราย​อย่าง​แน่นอน​

ตอนนี้​ดูเหมือน​จะมีเวลา​เหลืออยู่​ไม่ถึงสิบ​สามชั่วโมง​ด้วยซ้ำ​ ก็​จะเป็นเวลา​ที่​หนอน​กู่​เติบโต​เต็ม​วัย​แล้ว​ และ​หาก​ปล่อย​ให้​หนอน​กู่​เติบโต​เต็ม​วัย​ได้เสีย​ก่อน​ ประสิทธิภาพ​ของ​หญ้า​ท้อ​ก็​คงจะ​ลดลง​ไป​มาก​ทีเดียว​ และ​คงจะ​ใช้กำ​จด​มัน​ได้​ลำบาก​มากขึ้น​

เป็น​เพราะ​สถานการณ์​บน​เขา​หง​ห​ยา​ซาน​ใน​ตอนนั้น​ ค่อนข้าง​น่ากลัว​และ​อันตราย​ต่อ​ชีวิต​มาก​ ฉีเล่ย​จึงสามารถ​ถอน​หญ้า​ท้อ​กลับมา​ได้​เพียงแค่​ต้น​เดียว​

จาก​สภาพ​ของ​หญ้า​ท้อ​ในเวลานี้​ ดูเหมือนว่า​ ประสิทธิภาพ​ของ​มัน​ใน​ช่วง​สูงสุด​จะเหลือ​อีก​เพียงแค่​สอง​ชั่วโมง​เท่านั้น​ หาก​เลย​เวลานี้​ไป​ ประสิทธิภาพ​ของ​มัน​ก็​จะค่อยๆ​ลดลง​ตามลำดับ​

และ​เวลานี้​ เวลา​สำหรับ​ฉีเล่ย​ก็​กำลัง​เริ่ม​นับ​ถอยหลัง​!

ฉีเล่ย​ศึกษา​และ​พยายาม​จดจำ​ตำแหน่ง​การ​วาง​เวร​ยาม​ภายในบ้าน​จน​ขึ้นใจ​แล้ว​ จากนั้น​ จึงได้​หยิบ​ค้อน​ไม้เล็ก​ๆออกมา​ แล้ว​เริ่ม​ทำการ​ทุบ​ต้น​หญ้า​ท้อ​ให้​แหลก​ละเอียด​ ก่อน​จะทำการ​คั้น​เอา​น้ำ​ของ​มัน​ออกมา​จน​มีลักษณะ​คล้าย​กับ​น้ำผลไม้​

หลังจาก​ได้​น้ำ​หญ้า​ท้อ​มาแล้ว​ ฉีเล่ย​ก็​นำ​ไป​ผสม​กับ​ยา​ของ​ตนเอง​ให้​เข้ากัน​จนกระทั่ง​กลาย​เป็นผง​ แล้วจึง​นำ​ผล​หญ้า​ท้อ​นี้​บรรจุ​ลง​ไป​ใน​ขวด​เล็ก​ๆ เมื่อ​ทุกอย่าง​เรียบร้อย​ดีแล้ว​ เวลา​ของ​ฉีเล่ย​ก็​เหลือ​อีก​เพียงแค่​หนึ่ง​ชั่วโมง​เท่านั้น​

ฉีเล่ย​ไม่ได้​ใช้เส้นทาง​สวน​ด้านหลัง​เหมือน​ที่​ตั้งใจ​ไว้​ตั้งแต่แรก​ เพราะ​บริเวณ​นั้น​กลับเป็น​บริเวณ​ที่​มีการ​คุ้มกัน​แน่นหนา​มาก​จุด​หนึ่ง​ เขา​จึงได้​เดิน​เลี่ยง​ไป​อีก​ทาง​ตามที่​ห​ลี่​ถงซีเขียน​แผนที่​ไว้​ให้​ แล้วจึง​ค่อยๆ​ปีน​ขึ้นไป​บน​กำแพง​ และ​พบ​ว่า​ด้านล่าง​มีบันได​ที่​หญิงสาว​เตรียม​ไว้​ให้​พาด​รอ​อยู่​

แต่​ปัญหา​ใหญ่​ก็​คือ​ หนอน​กู่​ทั้งหมด​อยู่​ภายใน​ห้อง​ชั้นสอง​ คำถาม​คือ​ เขา​จะขึ้นไป​บน​นั้น​ได้​อย่างไร​?

ฉีเล่ย​นึกถึง​บริเวณ​ที่​ซือ​ไถเคย​ใช้เป็นที่​ซ่อนตัว​อยู่​ก่อนหน้านี้​ และ​ที่นั่น​ก็​ดูเหมือน​จะเป็น​เส้นทางลัด​ที่​สามารถ​ทะลุ​เข้าไป​ภายใน​บริเวณ​ชั้นสอง​ของ​บ้าน​ได้​พอดี​ เส้นทาง​ลับนี้​เป็น​เส้นทาง​ที่​ซือ​ไถได้​แอบ​ทำ​ไว้​สำหรับ​ใช้หลบหนี​ และ​หาก​เส้นทาง​นั้น​ยัง​ไม่ถูก​ใคร​ค้นพบ​เข้า​จน​ถูก​ปิด​ไป​ เขา​ก็​จะสามารถ​หา​วิธี​ที่จะ​ขึ้นไป​ยัง​ระเบียง​ชั้นสอง​ของ​ห้อง​นั้น​ได้​

และ​หาก​สามารถ​เข้าไป​ถึงบริเวณ​ระเบียง​ห้อง​ได้​ เขา​ก็​มั่นใจ​ว่า​จะสามารถ​เข้าไป​ภายใน​ห้อง​ เพื่อ​จัดการ​โรย​ผง​หญ้า​ท้อ​นี้​ลง​ไป​ใน​ภาชนะ​เลี้ยง​หนอน​กู่​ได้​

เพียง​แค่นี้​ ก็​นับว่า​เขา​ได้​ปฏิบัติภารกิจ​ครั้งนี้​สำเร็จ​แล้ว​!

ฉีเล่ย​ใช้เวลา​ใน​การ​ค่อยๆ​แอบ​ย่อง​ไป​ตาม​เส้น​ทางลับ​นั้น​อยู่​นาน​ จนกระทั่ง​ผ่าน​ไป​ราว​ครึ่ง​ชั่วโมง​ ในที่สุด​เขา​ก็​สามารถ​ขึ้นไป​ยืน​อยู่​บน​ระเบียง​ชั้นสอง​ของ​ห้อง​ดังกล่าว​ได้​ และ​ตอนนี้​ เวลา​ก็ได้​นับ​ถอยหลัง​ไป​เรื่อย​ ฉีเล่ย​จึงมีเวลา​เหลือ​อีก​ไม่มาก​นัก​

เมื่อ​ขึ้น​มายืน​อยู่​บน​ระเบียง​ได้​แล้ว​ หลังจากที่​มอง​เข้าไป​ภายใน​ห้อง​ ฉีเล่ย​ก็​พบ​ผู้คน​มากมาย​ยืน​เฝ้าอยู่​หน้า​ประตู​ แต่​สายตา​ของ​พวกเขา​นั้น​กลับ​ดู​ราวกับ​ไร้​ชีวิต​

และ​ในที่สุด​ ฉีเล่ย​ก็​พบ​โอกาสดี​ที่จะ​ลงมือ​ เป็นจังหวะ​ที่​ทุกคน​ไม่ได้​สนใจ​ที่จะ​มอง​มาทาง​หน้าต่าง​ ฉีเล่ย​จึงฉวยโอกาส​นี้​เปิด​ขวด​ยา​ที่​เตรียม​ไว้​ แล้ว​กระโดด​ผ่าน​หน้าต่าง​เข้าไป​ใน​ห้อง​ และ​รีบ​ทำการ​โรย​ผง​หญ้า​ท้อ​ที่อยู่​ใน​ขวด​ลง​ไป​จน​หมด​

และ​ใน​ช่วงเวลา​นั้น​ ก็​ดูเหมือน​จะเหลือ​เวลา​อีก​เพียงแค่​สามนาที​เท่านั้น​ หาก​พ้น​เวลานี้​ไป​ ประสิทธิภาพ​ของ​หญ้า​ท้อ​ก็​จะลดลง​ตามลำดับ​

ฉะนั้น​แล้ว​ ประสิทธิภาพ​ของ​หญ้า​ท้อง​ใน​ช่วง​เวลานี้​ จึงนับว่า​ยังอยู่​ใน​ช่วง​ที่​มีประสิทธิภาพ​สูงสุด​ ใน​ช่วง​วินาที​แห่ง​ความเป็นความตาย​นี้​ ในที่สุด​ฉีเล่ย​ก็​สามารถ​ปฏิบัติภารกิจ​สำคัญ​ของ​ตนเอง​ได้​สำเร็จ​เสร็จสิ้น​

ฉีเล่ย​จ้องมอง​ภาพ​ที่​เกิดขึ้น​ตรงหน้า​ใน​ตอนนี้​ด้วย​ความรู้สึก​ตื่นเต้น​ดีใจ​อย่าง​ที่สุด​ เพราะ​นี่​เป็น​ภาพ​ที่​เขา​อยาก​จะเห็น​มาก​ที่สุด​!

แต่​ในขณะที่​ฉีเล่ย​กำลัง​ยืน​อิ่มอกอิ่มใจ​กับ​ภาพ​ที่​ปรากฏ​อยู่​ตรงหน้า​อยู่​นั้น​ จู่ๆ เสียง​สัญญาณเตือนภัย​ภายใน​ห้อง​เลี้ยง​หนอน​กู่​ก็​ดัง​ขึ้น​ ทำให้​ภายในบ้าน​หลัง​นั้น​เกิด​ความโกลาหล​ขึ้น​มาทันที​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ที่​ชั้นล่าง​ของ​บ้าน​

“แย่​แล้ว​!”

และ​ใน​จึงหวะ​นั้น​เอง​ ฉี่เลย​จึงเพิ่ง​รู้สึกตัว​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​?

ภายใน​ห้อง​นั้น​มีการ​ติดตั้ง​กล้องวงจรปิด​ไว้​ ตอนที่​ฉีเล่ย​เดิน​เข้าไป​ใน​ตอนแรก​นั้น​สัญญาณยัง​ไม่ดัง​ อาจ​เป็น​เพราะ​ยัง​ไม่ใคร​พบเห็น​ แต่​เมื่อ​ใคร​บางคน​พบ​เห็นภาพ​ของ​เขา​จาก​กล้องวงจรปิด​เข้า​ จึงได้​กด​สัญญาณเตือนภัย​ภายในบ้าน​ขึ้น​

ใน​ตอนนี้​ อย่า​ว่าแต่​คน​เป็น​ร้อย​เลย​ เพียงแค่​ต้องสู้​แบบ​หนึ่ง​ต่อ​สิบ​เขา​ก็​ไม่ปรารถนา​ที่จะ​ต้อง​เผชิญ​อยู่แล้ว​ ด้วยเหตุนี้​ ทันทีที่​ได้ยิน​เสียง​สัญญาณเตือนภัย​ดัง​ขึ้น​ ด้วย​สัญชาติ​ญาณ เขา​จึงรีบ​กระโดด​หนี​ออก​ทาง​หน้าต่าง​เหมือน​ครั้งก่อน​ทันที​

แต่​คิดไม่ถึง​ว่า​ บริเวณ​บันได​บ้าน​ด้านล่าง​นั้น​จะมีคน​เฝ้าอยู่​มากมาย​ขนาด​นี้​ และ​ทันทีที่​ฉีเล่ย​กระโดด​ลง​ไป​ถึงพื้น​ ผู้คน​เสมือน​ไร้​วิญญาณ​กลุ่ม​นั้น​ก็ได้​วิ่ง​กรู​กัน​ออกมา​ไล่ล่า​ฉีเล่ย​ทันที​

“โกย​สิจะรอ​อะไร​!”

ฉีเล่ย​ร้องบอก​ตัวเอง​พร้อมกับ​ออกแรง​วิ่ง​อย่าง​สุด​ชีวิต​ อาจจะ​พูด​ได้​ว่า​ นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เขา​วิ่ง​ได้​เร็ว​ที่สุด​ใน​ชีวิต​ก็​เป็นได้​!

แม้ว่า​กลุ่มคน​ที่​วิ่ง​ไล่ตาม​เขา​มานั้น​จะเหมือนกับ​คน​ไร้​จิตวิญญาณ​ไร้​ซึ่งสติ​ แต่​อัตรา​ความเร็ว​ใน​การ​วิ่ง​ของ​พวกเขา​นั้น​กลับ​สูงอย่าง​น่าอัศจรรย์​ แต่​ใน​จังหวะ​จวนเจียน​ที่​ฉีเล่ย​กำลังจะ​ถูก​คน​กลุ่ม​นั้น​จับตัว​ไว้​ได้​ ก็​มีมือ​ปริศนา​เอื้อม​ออกมา​ดึง​ร่าง​ของ​เขา​เข้าไป​ใน​ดง​ไม้ข้างๆ​เสีย​ก่อน​

แม้กลุ่มคน​พวก​นี้​จะสามารถ​วิ่ง​ได้​รวดเร็ว​มาก​ก็​จริง​ แต่​ก็​ดู​ราวกับ​ร่าง​ไร้​วิญญาณ​ไร้สติ​ไร้​ความนึกคิด​ เมื่อ​พบ​ว่า​ฉีเล่ย​ได้​หายตัว​ไป​แล้ว​ ก็​ล่า​ถอยกลับ​ไป​ทันที​โดย​ไม่คิด​ที่จะ​ตามหา​

เมื่อ​เห็น​คน​กลุ่ม​นั้น​เดิน​จากไป​แล้ว​ ฉีเล่ย​ก็​ถึงกับ​หายใจ​เหนื่อยหอบ​รุนแรง​ขึ้น​มาทันที​

“อันตราย​มาก​จริงๆ​”

ท้องฟ้า​เริ่ม​ทอ​แสงสว่าง​ขึ้น​บ้าง​แล้ว​ และ​หาก​เขา​ลงมือ​ช้าไป​กว่า​นี้​อีก​เพียงแค่​นิดเดียว​ ผลลัพธ์​ที่​ตามมา​คง​ยาก​เกิน​กว่า​ที่จะ​จินตนาการ​ได้​แน่​

“ฮู้ว..​ โคตร​อันตราย​เลย​!”

เมื่อ​นึกถึง​เหตุการณ์​ที่​เพิ่ง​เกิดขึ้น​เมื่อ​ครู่​ ฉีเล่ย​ก็​ถึงกับ​ต้อง​พ่นลม​ออกจาก​ปาก​ พร้อมกับ​พึมพำ​ออกมา​เบา​ๆ

“หึ​! ยัง​จะกล้า​พูด​อีก​เหรอ​? ขืน​ฉัน​มาช้ากว่า​นี้​อีก​นิดเดียว​ รับรอง​ได้​ว่า​นาย​ได้​ไป​ดีอกดีใจ​กับ​ยมบาล​แน่​ นี่​ถ้านาย​รีบ​ๆออก​มาจาก​ห้อง​นั้น​ทันที​ ก็​คงจะ​ไม่ต้อง​พบ​เจอ​สภาพ​แบบ​เมื่อ​ครู่​แน่​!”

ห​ลี่​ถงซีซึ่งเป็น​คน​ฉุด​ฉีเล่ย​ออก​มาจาก​อันต​รายได้​อย่าง​ทันท่วงที​ กรอก​ตา​มอง​ค้อน​เล็กน้อย​ก่อน​จะเอ่ย​ถามออก​ไป​ว่า​

“แล้ว​นี่​เป็น​ยังไง​? ทุกอย่าง​เรียบร้อย​ดีแล้ว​ใช่มั๊ย?”​

ฉีเล่ย​พยักหน้า​ แล้วจึง​ย้อนถาม​หญิงสาว​กลับ​ไป​ทันที​ “อืม​ม.. ทีนี้​จะบอก​ได้​รึ​ยัง​ว่า​ คุณ​แอบ​เข้ามา​อยู่​ที่นี่​ได้​ยังไง​?”

ฉีเล่ย​ไม่เข้าใจ​ว่า​ ถ้าห​ลี่​ถงซีเป็นสมาชิก​ของ​องค์กร​นี้​เช่นเดียวกับ​คนอื่นๆ​จริง​ เพราะเหตุใด​เธอ​ถึงได้​มีสภาพ​ที่​แตกต่าง​จาก​คน​เหล่านั้น​อย่าง​สิ้นเชิง​!

“ตอนนั้น​.. ตอนที่​ฉัน​ยังอยู่​ปักกิ่ง​…”

หลังจาก​ภารกิจ​สำคัญ​ได้​เสร็จสิ้น​ลง​แล้ว​ ก็​ไม่มีเรื่องด่วน​อะไร​ให้​ต้อง​กังวลใจ​อีก​ ห​ลี่​ถงซีจึงได้​อาศัย​โอกาส​นี้​เล่าเรื่อง​ทั้งหมด​ที่เกิด​ขึ้นกับ​เธอ​ให้​ฉีเล่ย​ฟัง

หลังจากที่​แยก​กับ​ฉีเล่ย​ไป​แล้ว​ ก็​มีใคร​บางคน​มาหา​เธอ​..

ห​ลี่​ถงซีไม่รู้จัก​คน​ๆนั้น​ และ​ไม่รู้​ฐานะ​ที่​แท้จริง​ของ​เขา​ แต่​ตอนนั้น​เธอ​รู้​เพียงแค่​ชื่อ​ปลอม​ของ​เขา​ที่​ใช้ชื่อว่า​หลิว​จื้อ ​ แผนการ​ของ​คน​ๆนี้​ก็​คือ​ วางแผน​หลอกล่อ​ให้​ห​ลี่​ถงซีไป​ที่​เจียง​ห​ลิง​ โดยที่​ตัว​เธอ​เอง​ก็​ไม่รู้​ว่า​จะถูก​นำ​ตัว​ไป​ที่​องค์กร​ๆหนึ่ง​

สมาชิก​ทุกคน​ของ​องค์กร​แห่ง​นี้​ ล้วนแล้วแต่​ถูก​ซิ่ว​เอ๋อ​ใช้หนอน​กู่​ควบคุม​ และ​ทุกคน​จะถูก​ปิดกั้น​สติสัมปชัญญะ​ไว้​อย่าง​สมบูรณ์​ มีเพียง​ซิ่ว​เอ๋อ​และ​อี้​ชาเท่านั้น​ที่จะ​สามารถ​ควบคุม​ และ​สั่งการคน​พวก​นี้​ได้​

และ​ตอนนี้​เอง​ ฉีเล่ย​จึงเพิ่ง​เข้าใจ​ว่า​ เพราะอะไร​คน​พวก​นั้น​จึงดู​ราวกับ​พวก​ผีดิบ​ที่​ไร้​จิตวิญญาณ​

แต่​เป็น​เพราะ​ห​ลี่​ถงซีกิน​ยา​ป้องกัน​ไว้​ก่อน​ เธอ​ก็​เลย​ไม่ได้รับ​อันตราย​ หรือ​ถูก​ปิดกั้น​สติสัมปชัญญะ​เหมือน​เช่น​คนอื่นๆ​ได้​

และ​นับแต่​นั้น​มา ห​ลี่​ถงซีก็​เริ่ม​เฝ้าสังเกต​ดู​การกระทำ​ของ​ซิ่ว​เอ๋อ​กับ​อี้​ชา จนกระทั่ง​ล่วงรู้​จุดประสงค์​ที่​แท้จริง​ของ​คน​ทั้งสอง​ และ​แผนการ​ทั้งหมด​ที่​ทั้งคู่​วาง​ไว้​

เป็น​เพราะ​ทั้งคู่​มั่นใจ​ว่า​ สมาชิก​ใน​องค์กร​ทั้งหมด​ล้วน​ถูก​ปิดกั้น​สติสัมปชัญญะ​ไว้​หมด​แล้ว​ พวกเขา​จึงพูด​และ​กระทำการ​ทุกอย่าง​ต่อหน้า​สมาชิก​อย่าง​เปิดเผย​ โดย​ไม่ได้คิด​ที่จะ​ระมัดระวัง​เลย​แม้แต่น้อย​ จึงทำให้​ห​ลี่​ถงซีได้​ล่วงรู้​แผนการ​ของ​พวก​มัน​ทั้งหมด​

“ห๊ะ?! ​อย่า​บอก​นะ​ว่า​คุณ​ตัดสินใจ​ทำ​เรื่อง​นี้​เพียง​คนเดียว​?!”

ฉีเล่ย​ร้องถาม​ออกมา​ด้วย​ความ​ตกอกตกใจ​

ห​ลี่​ถงซีกรอก​ตา​มอง​บน​ พร้อมกับ​ย้อนถาม​กลับ​ไป​ว่า​“แล้ว​นาย​คิด​ยังไง​?”

ความจริง​แล้ว​ ห​ลี่​ถงซีต้องการ​ที่จะ​กัน​ฉีเล่ย​ให้​ออกห่าง​จาก​เรื่อง​นี้​ และ​ไม่ต้องการ​ให้​เขา​เข้ามา​ยุ่งเกี่ยว​ แต่​ใน​เมื่อ​ฉีเล่ย​ถลำตัว​เข้ามา​ยุ่ง​กับ​เรื่อง​นี้​จนได้​ และ​นับวัน​ก็​ยิ่ง​ถลำลึก​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ จนกระทั่ง​ดูเหมือนว่า​จะไม่มีทาง​ไป​พ้น​จาก​เรื่อง​นี้​ได้​อย่าง​แน่นอน​ ห​ลี่​ถงซีจึงจำเป็นต้อง​เปลี่ยน​แผน​

“และ​นี่​คือ​เหตุผล​ทั้งหมด​ที่​นาย​มาพบ​ฉัน​ที่นี่​ยังไง​ล่ะ​!”

ห​ลี่​ถงซีพูด​ประโยค​สุดท้าย​ขึ้น​ เป็นการ​จบ​บทสนทนา​ของ​ตนเอง​

“ไม่พบ​เจอกัน​หลาย​วัน​ ผม​คิดไม่ถึง​จริงๆ​ว่า​คุณ​จะเข้มแข็ง​มาก​ขนาด​นี้​”

ฉีเล่ย​พึมพำ​ออกมา​ด้วย​ใบหน้า​เปื้อน​ยิ้ม​ แต่​ห​ลี่​ถงซีกลับ​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​แววตา​สิ้นหวัง​

“แต่​ฉัน​มีลางสังหรณ์​ว่า​ วันหน้า​จะเกิด​เรื่องใหญ่​แบบนี้​ขึ้น​อีก​!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด