ยอดคุณหมอสกุลเฉิน 37 คลื่นถาโถม (4)

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter 37 คลื่นถาโถม (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 37 คลื่นถาโถม (4)

 

ทันทีที่เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งน้องเขยของตนเองล้มลงไปกับพื้นแบบนั้น หลู่ฉีเว่ยก็ถึงกับโมโหเขาร้องตะโกนข่มขู่ใส่หน้าฉีเล่ยเสียงดัง

“ที่นี่เป็นสถานที่ราชการ แกกล้าเข้ามาทําร้ายเจ้าหน้าที่แบบนี้แกต้องได้รับการลงโทษอย่างสาสมแน่!”

ฉีเล่ยเองก็ร้องตะโกนตอบกลับไปด้วยความโมโหเช่นกัน “แล้วเจ้าหน้าที่ราชการมีสิทธิ์อะไร ถึงได้ใช้กระบองทําร้ายประชาชนมือเปล่าได้?”

ฉีเล่ยซึ่งขุ่นเคืองใจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ ตั้งแต่บีบบังคับให้เขาต้องลงทะเบียนอยู่ที่ประตูทางเข้าแล้ว เขาจึงตอบโต้กลับไปอย่างไม่ปราณี

 

“หึ! ยังจะกล้าพูดอีกเหรอ? แกปลอมแปลงเอกสาร แอบอ้างเป็นแพทย์พิเศษแถมยังทําร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่แบบนี้ วันนี้แกไม่รอดคุกแน่!”หลู่ฉีเว่ยตะคอกใส่หน้าฉีเล่ยด้วยความโมโหอย่างมาก

ฉีเลยได้แต่คิดในใจด้วยความเดือดดาลอย่างที่สุดแพทย์พิเศษมันจะวิเศษวิโสอะไรนักเชียว! นึกว่าฉันอยากจะเป็นมากนักหรือยังไง?

ฉีเลยลุกขึ้นเดินไปหยิบจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากาง พร้อมกับชี้ให้หลู่ฉีเว่ยดู “คุณบอกว่าจดหมายฉบับนี้เป็นของปลอมใช่มั้ย?”

 

“ใช่! ฉันพูดเอง แล้วแกจะทําไม?”

แต่ยังไม่ทันที่หลู่ฉีเว่ยจะพูดจบประโยคดีด้วยซ้ํา เขาก็ได้ยินเสียงฉีกกระดาษดังขึ้น และเวลานี้ ฉีเล่ยก็ได้ฉีกจดหมายฉบับนั้นออกเป็นชิ้นเล็กลิ้นน้อยก่อนจะโยนเศษกระดาษทั้งหมดลงกับพื้นพร้อมกับร้องตวาดใส่หน้าหลู่ฉีเว่ย

 

“งั้นก็ดี! คุณจําคําพูดของคุณไว้ให้ดีล่ะผมหวังว่าคุณจะหาคําอธิบายที่มีเหตุผลไปตอบคณะกรรมการประจํามณฑลได้เ”

หลังจากได้ฟังคําพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจของฉีเล่ยหมู่ฉีเว่ยก็ถึงกับใจเสียขึ้นมาทันทีและอดที่จะหวาดระแวงไม่ได้

“หรือจดหมายฉบับนั้นจะเป็นของจริง?

“ไม่! เป็นไปไม่ได้! ยังไงก็เป็นไปไม่ได้! คุณเกาโทรถามผู้อํานวยการจางที่สํานักงานประจํามณฑลแล้วนี่ไม่น่ามีอะไรผิดพลาด!”

ไอ้บ้านี่คงจะหลอกให้ฉันกลัวแน่ๆ!?

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หมู่ฉีเว่ยจึงรีบหันไปสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เหลืออีกสามคนทันที

“ยังจะยืนนิ่งกันอยู่ทําไมอีก? รีบๆไปจับตัวเขาไปส่งตํารวจได้แล้ว!”

 

ปกติแล้ว เครื่องแบบของพวกเขา มักจะสร้างความหวาดกลัวให้กับคนธรรมดาทั่วไปได้ไม่น้อย แต่กับฉีเล่ยเวลานี้ พวกเขากลับกล้าๆกลัวๆเพราะรู้ว่าชายหนุ่มสามารถหักแขนหักขาตนเองได้ด้วยการขยับตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“แกระวังตัวให้ดีเถอะ! แกกล้าทําให้ฉันอยู่ในสภาพนี้อย่าหวังว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ!”

 

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดิมร้องตะโกนข่มขู่ฉีเลยแม้ภายในใจจะหวาดกลัวไม่น้อยก็ตาม แต่เพื่อกู้หน้าตนเองเขาได้ใช้วิทยุสื่อสารเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาเพิ่ม

และเพียงแค่เวลาสั้นๆ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกหลายสิบนายก็วิ่งกรูกันเข้ามาในห้อง และหนึ่งในนั้นก็ถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห

“แกกล้าทําถึงขนาดนี้เชียวเหรอ? อย่าคิดว่าจะได้กลับออกไปอีกเลย!”

ในเวลานั้นเอง เกาว่านฮุยที่ยืนใจเต้นแรงจนหัวใจแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ก็ได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า

 

“พระเจ้า! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?”

 

หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแรงของฉีเล่ยเมื่อครู่ เกาว่านฮุยจึงได้หันไปร้องตะโกนสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดทันที

 

“เร็วเข้า! เข้าทั้งหมดนั่นล่ะ! ล้อมจับเขาไว้ให้ได้ อย่าให้หนีไปได้เชียวอีกไม่นานตํารวจก็คงจะมาถึงแล้วล่ะ!”

ดูเหมือนฉีเล่ยจะไม่ยอมออกไปจากที่นี่แน่ เขาลากเก้าอี้ที่วางอยู่ใกล้ตัวเข้ามานั่ง พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ถ้าไม่เชื่อ พวกคุณก็โทรไปสอบถามผู้อํานวยการจ้าว ที่โรงพยาบาลทหารเดี๋ยวนี้ได้เลย แล้วถ้าไม่มีคําอธิบายที่เหมาะสม ผมจะไม่ออกไปจากที่นี่เด็ดขาด!”

 

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เข้ามาดูเหตุการณ์ ถึงกับอดรนทนไม่ได้จนต้องตวาดเล่ยกลับไปว่า “นี่แกคิดว่าแกเป็นใคร ถึงได้อ้างผู้อํานวยการจ้าว?ช่างวอนคุกวอนตารางจริงๆ”

ทางด้านเกาว่านฮุยนั้น ได้แต่ยืนมองฉีเลยที่นั่งนิ่งอย่างสง่างามอยู่ด้านใน โดยไม่มีทีท่าหวาดกลัว หรือบ่งบอกว่าอยากจะหนีไปจากที่นี่เลยแม้แต่น้อย

เขาเคยพบเจอมิจฉาชีพมาก็มาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เคยพบเห็นมิจฉาชีพที่ถูกจับได้ กลับมีสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่ง ไม่กระโตกกระตากหรือแสดงท่าที่หวาดหวั่นออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เพราะเท่าที่เขาพบเห็นมาปานนี้คงจะต้องรีบวิ่งหนีหางจุกตูดไปแล้ว!

 

เวลานี้ เกาว่านฮุยได้แต่นึกดีใจที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายมากไปกว่านี้ นอกจากมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บนายหนึ่งเท่านั้น ไม่อย่างนั้นแล้วสถานการณ์คงจะเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่มาก

 

แม้จะยังรู้สึกหวาดกลัวฉีเล่ยอยู่บ้าง แต่เกาว่านฮุยก็ได้ร้องตะโกนสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกครั้ง

“เร็วเข้า! เข้าไปล้อมจับเขาไว้ให้ได้!”

สถานีตํารวจอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก และหลังจากได้รับแจ้งผู้กํากับตั้งผนก็รีบเดินทางมาที่กรมอนามัยด้วยตัวเองทันที เมื่อขึ้นบันไดมาก็พบคนยืนอออยู่เต็มทางเดินไปหมด และแต่ละคนก็มีสีหน้าท่าทางโมโหไม่น้อย

ผู้กํากับตั้งผนเดินแหวกฝูงชนเข้าไป ปากก็ร้องตะโกนว่า “หลีกทางหน่อยครับ! หลีกทางให้เจ้าหน้าที่ตํารวจเข้าไปหน่อย!”

ผู้คนที่พากันมุงอยู่เต็มทางเดินนั้น ต่างก็พากันแยกเป็นสองฝั่งเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ตํารวจได้สามารถเดินเข้าไปได้อย่างสะดวก

“หมอนี่มันไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากที่ไหนกัน ถึงได้กล้าเข้ามาก่อเรื่องในนี้ได้?”

ตั้งผนล้วงกุญแจมือออกมาจากเอว พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าท่าทางดุดัน ปากก็พึมพําออกมาด้วยความสงสัย

เขาเคยพบเห็นมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาไม่น้อยแต่ละคนล้วนเป็นชายชรามีหนวดเคราขาวโพลน และด้วยเหตุผลข้อนี้ตั้งผนจึงคิดว่าไม่มีความจําเป็นที่จะต้องใช้กระบอง

แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้อง ภาพของชายฉกรรจ์ร่างกายกํายําที่กําลังนอนร้องคร่ําครวญอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด และชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสง่างามนั้น กลับทําให้เขาตกอกตกใจไม่น้อย

ผู้กํากับตั้งผนจึงรีบคว้ากระบองมาจากมือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายหนึ่ง ปากก็ร้องตะโกนออกไปว่า

 

“นี่คือเจ้าหน้าที่ตํารวจ คุณถูกจับกุมตัวแล้ว ลุกขึ้นเอามือประสานไว้ที่หลังคอแล้วนั่งยองๆลงกับพื้นเดี๋ยวนี้!”

ผู้กํากับทั้งผินก็ไม่ต่างจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก่อนหน้านี้ที่มาถึงก็ใช้กระบองชี้หน้าชายหนุ่ม และกล่าวหาฉีเล่ยเป็นอาชญากรในทันที ในขณะเดียวกันกระบองในมือของตั้งผน ก็ฟาดลงใส่ร่างของเล่ยโดยไม่ทันได้สอบถามอะไรเช่นกัน..

 

ฉีเลยเห็นกระบองที่ฟาดลงมาใสร่างตน จึงได้เงื้อมือขึ้นจับไว้ทัน

ผู้กํากับตั้งผนถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห “นี่แกกล้าขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตํารวจเชียวเหรอ? ไม่กลัวกฎหมายบ้างหรือยังไง?”

ระหว่างที่พูดนั้น เท้าของหนึ่งของผู้กํากับทั้งผืนก็ได้ถีบเข้าที่ท้องน้อยของฉีเลย พร้อมกับแอบคิดอยู่ในใจว่า

 

ไอ้โจรชั่ว! วันนี้ฉันจะซัดแกให้น่วมเลยคอยดูแกรู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว!”

 

นี่เลยหมุนตัวหลบเล็กน้อย ก่อนจะยกเท้าเตะเข้าที่สีข้างของผู้กํากับตั้งผืนทันทีเช่นกัน!

 

“พระเจ้า!”

เสียงร้องอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นพร้อมกัน แล้วจู่ๆผู้กํากับตั้งผินก็รู้สึกร่างกายชาไปครึ่งท่อนทันที แล้วร่างของเขาก็ลอยละลิวไปกลางอากาศก่อนจะร่วงลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง..

“ไอ้สารเลว! นี่แกกล้าทําร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตํารวจเชียว

เหรอ?”

 

ผู้กํากับตั้งผนร้องคํารามออกมาด้วยความโมโหก่อนจะหันไปตวาดใส่คนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่

 

“แล้วพวกคุณมายืนมุงดูอะไรกัน?”

 

“ผมรู้สึกประทับใจในตัวคุณมากจริงๆคุณตํารวจ!”

 

ฉีเล่ยเอ่ยชมด้วยน้ําเสียงเย็นชา ก่อนจะพูดต่อว่า “เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน หมวกบางใบเมื่อสวมไปแล้ว คิดจะถอดออกกลับถอดยากหรือบางที่อาจไม่สามารถถอดออกได้อีกเลยก็เป็นได้”

เวลานี้ ผู้กํากับทั้งผืนได้แต่นึกเสียใจที่ไม่ได้นําเจ้าหน้าที่ตํารวจมาด้วยคงจะดีไม่น้อย หากเขาสามารถจับตัวผู้ชายคนนี้ไปสอบสวนที่สถานที่ตํารวจได้

แต่ผู้ชายคนนี้กลับร้ายกาจกว่าที่เขาคิดไว้มาก!

 

แต่ในเมื่อตั้งผืนได้ขึ้นมาเป็นถึงผู้กํากับ แน่นอนว่าเขาต้องมีความสามารถและเฉลียวฉลาดพอควร เวลานี้ในใจก็ได้แต่คิดว่าเพราะเหตุใดชายหนุ่มตรงหน้าเวลานี้ ถึงได้ต้องหลอกคนอื่นๆว่าตนเองเป็นแพทย์พิเศษด้วย?

นั่นเพราะการเที่ยวปลอมตัวเป็นหมอเก่งๆ ไปหลอกลวงเงินทองจากคนร่ําคนรวยน่าจะง่ายกว่าการแอบอ้างเป็นแพทย์พิเศษของกรมอนามัยแบบนี้

 

แต่อีกใจหนึ่งก็แอบคิดว่า หากชายหนุ่มคนนี้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงการได้เป็นแพทย์พิเศษง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือถึงได้เป็นกันตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น? แพทย์พิเศษไม่จําเป็นต้องเป็นหมอที่ผ่านประสบการณ์และทักษะทางการแพทย์ที่ช่ําชองอย่างนั้นหรือ?

 

จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดารายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี้ขี้เหนียวเหลือเกินแม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทนจนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง

 

อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐีบุตรชายของจ้าวฟูบุคคลที่ร่ํารวยที่สุดในโลกแต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอดบังเอิญไปเฉียวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่งจนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตํารวจ ระหว่างนั้นเอง ก็มีมือดีแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ทําให้เกิดเป็นประเด็นข้อถกเถียงกันยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงของตระกูล จ้าวสู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อํานาจเงินตราเพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียนขับไล่ออกจากตระกูลจ้าวและให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจํานวน 200,000 หยวนเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลได้อีกครั้ง

 

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจําต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัดจน ในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนครบตามที่กําหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือการแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา!

 

เรื่อง : ลูกเขยยอดนักฆ่า

เขาคือนักฆ่าอันดับหนึ่งในโลกของวงการทหารรับจ้างฉายาของเขาคือ “นักฆ่าอาซูร่า”

 

ศัตรูได้ยินเพียงแค่ชื่อของเขา ก็ถึงกับหวาดกลัวจนหัวหด!!

เขามีทักษะทางด้านการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชา“เก้าเข็มเปิดนภา” ทักษะทางการแพทย์ที่ล้ําเลิศอย่างไร้ที่ติของเขานี้ ได้ช่วยชีวิตของผู้คนในสนามต่อสู้ไว้ได้มากมายอย่างนักไม่ถ้วน

และด้วยความบังเอิญ เขาได้กลายมาเป็นลูกเขยของตระกูลที่มั่งคั่งตระกูลหนึ่ง

หลายคนอาจคิดว่าการเป็นลูกเขยในตระกูลที่ร่ํารวยมั่งคั่งเช่นนี้ คงจะต้องทนอยู่อย่างอัปยศอดสูและถูกเหยียดหยามสินะ?

แต่มิใช่หลินหนาน!! เขาคือลูกเขยที่พ่อตารักยิ่งและกลายเป็นลูกเขยผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองนี้!

 

เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร

 

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด

จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้นที่ละขั้นและไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน 37 คลื่นถาโถม (4)

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter 37 คลื่นถาโถม (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 37 คลื่นถาโถม (4)

 

ทันทีที่เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งน้องเขยของตนเองล้มลงไปกับพื้นแบบนั้น หลู่ฉีเว่ยก็ถึงกับโมโหเขาร้องตะโกนข่มขู่ใส่หน้าฉีเล่ยเสียงดัง

“ที่นี่เป็นสถานที่ราชการ แกกล้าเข้ามาทําร้ายเจ้าหน้าที่แบบนี้แกต้องได้รับการลงโทษอย่างสาสมแน่!”

ฉีเล่ยเองก็ร้องตะโกนตอบกลับไปด้วยความโมโหเช่นกัน “แล้วเจ้าหน้าที่ราชการมีสิทธิ์อะไร ถึงได้ใช้กระบองทําร้ายประชาชนมือเปล่าได้?”

ฉีเล่ยซึ่งขุ่นเคืองใจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ ตั้งแต่บีบบังคับให้เขาต้องลงทะเบียนอยู่ที่ประตูทางเข้าแล้ว เขาจึงตอบโต้กลับไปอย่างไม่ปราณี

 

“หึ! ยังจะกล้าพูดอีกเหรอ? แกปลอมแปลงเอกสาร แอบอ้างเป็นแพทย์พิเศษแถมยังทําร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่แบบนี้ วันนี้แกไม่รอดคุกแน่!”หลู่ฉีเว่ยตะคอกใส่หน้าฉีเล่ยด้วยความโมโหอย่างมาก

ฉีเลยได้แต่คิดในใจด้วยความเดือดดาลอย่างที่สุดแพทย์พิเศษมันจะวิเศษวิโสอะไรนักเชียว! นึกว่าฉันอยากจะเป็นมากนักหรือยังไง?

ฉีเลยลุกขึ้นเดินไปหยิบจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากาง พร้อมกับชี้ให้หลู่ฉีเว่ยดู “คุณบอกว่าจดหมายฉบับนี้เป็นของปลอมใช่มั้ย?”

 

“ใช่! ฉันพูดเอง แล้วแกจะทําไม?”

แต่ยังไม่ทันที่หลู่ฉีเว่ยจะพูดจบประโยคดีด้วยซ้ํา เขาก็ได้ยินเสียงฉีกกระดาษดังขึ้น และเวลานี้ ฉีเล่ยก็ได้ฉีกจดหมายฉบับนั้นออกเป็นชิ้นเล็กลิ้นน้อยก่อนจะโยนเศษกระดาษทั้งหมดลงกับพื้นพร้อมกับร้องตวาดใส่หน้าหลู่ฉีเว่ย

 

“งั้นก็ดี! คุณจําคําพูดของคุณไว้ให้ดีล่ะผมหวังว่าคุณจะหาคําอธิบายที่มีเหตุผลไปตอบคณะกรรมการประจํามณฑลได้เ”

หลังจากได้ฟังคําพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจของฉีเล่ยหมู่ฉีเว่ยก็ถึงกับใจเสียขึ้นมาทันทีและอดที่จะหวาดระแวงไม่ได้

“หรือจดหมายฉบับนั้นจะเป็นของจริง?

“ไม่! เป็นไปไม่ได้! ยังไงก็เป็นไปไม่ได้! คุณเกาโทรถามผู้อํานวยการจางที่สํานักงานประจํามณฑลแล้วนี่ไม่น่ามีอะไรผิดพลาด!”

ไอ้บ้านี่คงจะหลอกให้ฉันกลัวแน่ๆ!?

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หมู่ฉีเว่ยจึงรีบหันไปสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เหลืออีกสามคนทันที

“ยังจะยืนนิ่งกันอยู่ทําไมอีก? รีบๆไปจับตัวเขาไปส่งตํารวจได้แล้ว!”

 

ปกติแล้ว เครื่องแบบของพวกเขา มักจะสร้างความหวาดกลัวให้กับคนธรรมดาทั่วไปได้ไม่น้อย แต่กับฉีเล่ยเวลานี้ พวกเขากลับกล้าๆกลัวๆเพราะรู้ว่าชายหนุ่มสามารถหักแขนหักขาตนเองได้ด้วยการขยับตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“แกระวังตัวให้ดีเถอะ! แกกล้าทําให้ฉันอยู่ในสภาพนี้อย่าหวังว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ!”

 

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดิมร้องตะโกนข่มขู่ฉีเลยแม้ภายในใจจะหวาดกลัวไม่น้อยก็ตาม แต่เพื่อกู้หน้าตนเองเขาได้ใช้วิทยุสื่อสารเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาเพิ่ม

และเพียงแค่เวลาสั้นๆ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกหลายสิบนายก็วิ่งกรูกันเข้ามาในห้อง และหนึ่งในนั้นก็ถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห

“แกกล้าทําถึงขนาดนี้เชียวเหรอ? อย่าคิดว่าจะได้กลับออกไปอีกเลย!”

ในเวลานั้นเอง เกาว่านฮุยที่ยืนใจเต้นแรงจนหัวใจแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ก็ได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า

 

“พระเจ้า! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?”

 

หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแรงของฉีเล่ยเมื่อครู่ เกาว่านฮุยจึงได้หันไปร้องตะโกนสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดทันที

 

“เร็วเข้า! เข้าทั้งหมดนั่นล่ะ! ล้อมจับเขาไว้ให้ได้ อย่าให้หนีไปได้เชียวอีกไม่นานตํารวจก็คงจะมาถึงแล้วล่ะ!”

ดูเหมือนฉีเล่ยจะไม่ยอมออกไปจากที่นี่แน่ เขาลากเก้าอี้ที่วางอยู่ใกล้ตัวเข้ามานั่ง พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ถ้าไม่เชื่อ พวกคุณก็โทรไปสอบถามผู้อํานวยการจ้าว ที่โรงพยาบาลทหารเดี๋ยวนี้ได้เลย แล้วถ้าไม่มีคําอธิบายที่เหมาะสม ผมจะไม่ออกไปจากที่นี่เด็ดขาด!”

 

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เข้ามาดูเหตุการณ์ ถึงกับอดรนทนไม่ได้จนต้องตวาดเล่ยกลับไปว่า “นี่แกคิดว่าแกเป็นใคร ถึงได้อ้างผู้อํานวยการจ้าว?ช่างวอนคุกวอนตารางจริงๆ”

ทางด้านเกาว่านฮุยนั้น ได้แต่ยืนมองฉีเลยที่นั่งนิ่งอย่างสง่างามอยู่ด้านใน โดยไม่มีทีท่าหวาดกลัว หรือบ่งบอกว่าอยากจะหนีไปจากที่นี่เลยแม้แต่น้อย

เขาเคยพบเจอมิจฉาชีพมาก็มาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เคยพบเห็นมิจฉาชีพที่ถูกจับได้ กลับมีสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่ง ไม่กระโตกกระตากหรือแสดงท่าที่หวาดหวั่นออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เพราะเท่าที่เขาพบเห็นมาปานนี้คงจะต้องรีบวิ่งหนีหางจุกตูดไปแล้ว!

 

เวลานี้ เกาว่านฮุยได้แต่นึกดีใจที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายมากไปกว่านี้ นอกจากมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บนายหนึ่งเท่านั้น ไม่อย่างนั้นแล้วสถานการณ์คงจะเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่มาก

 

แม้จะยังรู้สึกหวาดกลัวฉีเล่ยอยู่บ้าง แต่เกาว่านฮุยก็ได้ร้องตะโกนสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกครั้ง

“เร็วเข้า! เข้าไปล้อมจับเขาไว้ให้ได้!”

สถานีตํารวจอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก และหลังจากได้รับแจ้งผู้กํากับตั้งผนก็รีบเดินทางมาที่กรมอนามัยด้วยตัวเองทันที เมื่อขึ้นบันไดมาก็พบคนยืนอออยู่เต็มทางเดินไปหมด และแต่ละคนก็มีสีหน้าท่าทางโมโหไม่น้อย

ผู้กํากับตั้งผนเดินแหวกฝูงชนเข้าไป ปากก็ร้องตะโกนว่า “หลีกทางหน่อยครับ! หลีกทางให้เจ้าหน้าที่ตํารวจเข้าไปหน่อย!”

ผู้คนที่พากันมุงอยู่เต็มทางเดินนั้น ต่างก็พากันแยกเป็นสองฝั่งเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ตํารวจได้สามารถเดินเข้าไปได้อย่างสะดวก

“หมอนี่มันไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากที่ไหนกัน ถึงได้กล้าเข้ามาก่อเรื่องในนี้ได้?”

ตั้งผนล้วงกุญแจมือออกมาจากเอว พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าท่าทางดุดัน ปากก็พึมพําออกมาด้วยความสงสัย

เขาเคยพบเห็นมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาไม่น้อยแต่ละคนล้วนเป็นชายชรามีหนวดเคราขาวโพลน และด้วยเหตุผลข้อนี้ตั้งผนจึงคิดว่าไม่มีความจําเป็นที่จะต้องใช้กระบอง

แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้อง ภาพของชายฉกรรจ์ร่างกายกํายําที่กําลังนอนร้องคร่ําครวญอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด และชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสง่างามนั้น กลับทําให้เขาตกอกตกใจไม่น้อย

ผู้กํากับตั้งผนจึงรีบคว้ากระบองมาจากมือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายหนึ่ง ปากก็ร้องตะโกนออกไปว่า

 

“นี่คือเจ้าหน้าที่ตํารวจ คุณถูกจับกุมตัวแล้ว ลุกขึ้นเอามือประสานไว้ที่หลังคอแล้วนั่งยองๆลงกับพื้นเดี๋ยวนี้!”

ผู้กํากับทั้งผินก็ไม่ต่างจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก่อนหน้านี้ที่มาถึงก็ใช้กระบองชี้หน้าชายหนุ่ม และกล่าวหาฉีเล่ยเป็นอาชญากรในทันที ในขณะเดียวกันกระบองในมือของตั้งผน ก็ฟาดลงใส่ร่างของเล่ยโดยไม่ทันได้สอบถามอะไรเช่นกัน..

 

ฉีเลยเห็นกระบองที่ฟาดลงมาใสร่างตน จึงได้เงื้อมือขึ้นจับไว้ทัน

ผู้กํากับตั้งผนถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห “นี่แกกล้าขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตํารวจเชียวเหรอ? ไม่กลัวกฎหมายบ้างหรือยังไง?”

ระหว่างที่พูดนั้น เท้าของหนึ่งของผู้กํากับทั้งผืนก็ได้ถีบเข้าที่ท้องน้อยของฉีเลย พร้อมกับแอบคิดอยู่ในใจว่า

 

ไอ้โจรชั่ว! วันนี้ฉันจะซัดแกให้น่วมเลยคอยดูแกรู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว!”

 

นี่เลยหมุนตัวหลบเล็กน้อย ก่อนจะยกเท้าเตะเข้าที่สีข้างของผู้กํากับตั้งผืนทันทีเช่นกัน!

 

“พระเจ้า!”

เสียงร้องอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นพร้อมกัน แล้วจู่ๆผู้กํากับตั้งผินก็รู้สึกร่างกายชาไปครึ่งท่อนทันที แล้วร่างของเขาก็ลอยละลิวไปกลางอากาศก่อนจะร่วงลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง..

“ไอ้สารเลว! นี่แกกล้าทําร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตํารวจเชียว

เหรอ?”

 

ผู้กํากับตั้งผนร้องคํารามออกมาด้วยความโมโหก่อนจะหันไปตวาดใส่คนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่

 

“แล้วพวกคุณมายืนมุงดูอะไรกัน?”

 

“ผมรู้สึกประทับใจในตัวคุณมากจริงๆคุณตํารวจ!”

 

ฉีเล่ยเอ่ยชมด้วยน้ําเสียงเย็นชา ก่อนจะพูดต่อว่า “เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน หมวกบางใบเมื่อสวมไปแล้ว คิดจะถอดออกกลับถอดยากหรือบางที่อาจไม่สามารถถอดออกได้อีกเลยก็เป็นได้”

เวลานี้ ผู้กํากับทั้งผืนได้แต่นึกเสียใจที่ไม่ได้นําเจ้าหน้าที่ตํารวจมาด้วยคงจะดีไม่น้อย หากเขาสามารถจับตัวผู้ชายคนนี้ไปสอบสวนที่สถานที่ตํารวจได้

แต่ผู้ชายคนนี้กลับร้ายกาจกว่าที่เขาคิดไว้มาก!

 

แต่ในเมื่อตั้งผืนได้ขึ้นมาเป็นถึงผู้กํากับ แน่นอนว่าเขาต้องมีความสามารถและเฉลียวฉลาดพอควร เวลานี้ในใจก็ได้แต่คิดว่าเพราะเหตุใดชายหนุ่มตรงหน้าเวลานี้ ถึงได้ต้องหลอกคนอื่นๆว่าตนเองเป็นแพทย์พิเศษด้วย?

นั่นเพราะการเที่ยวปลอมตัวเป็นหมอเก่งๆ ไปหลอกลวงเงินทองจากคนร่ําคนรวยน่าจะง่ายกว่าการแอบอ้างเป็นแพทย์พิเศษของกรมอนามัยแบบนี้

 

แต่อีกใจหนึ่งก็แอบคิดว่า หากชายหนุ่มคนนี้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงการได้เป็นแพทย์พิเศษง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือถึงได้เป็นกันตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น? แพทย์พิเศษไม่จําเป็นต้องเป็นหมอที่ผ่านประสบการณ์และทักษะทางการแพทย์ที่ช่ําชองอย่างนั้นหรือ?

 

จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดารายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี้ขี้เหนียวเหลือเกินแม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทนจนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง

 

อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐีบุตรชายของจ้าวฟูบุคคลที่ร่ํารวยที่สุดในโลกแต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอดบังเอิญไปเฉียวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่งจนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตํารวจ ระหว่างนั้นเอง ก็มีมือดีแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ทําให้เกิดเป็นประเด็นข้อถกเถียงกันยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงของตระกูล จ้าวสู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อํานาจเงินตราเพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียนขับไล่ออกจากตระกูลจ้าวและให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจํานวน 200,000 หยวนเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลได้อีกครั้ง

 

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจําต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัดจน ในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนครบตามที่กําหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือการแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา!

 

เรื่อง : ลูกเขยยอดนักฆ่า

เขาคือนักฆ่าอันดับหนึ่งในโลกของวงการทหารรับจ้างฉายาของเขาคือ “นักฆ่าอาซูร่า”

 

ศัตรูได้ยินเพียงแค่ชื่อของเขา ก็ถึงกับหวาดกลัวจนหัวหด!!

เขามีทักษะทางด้านการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชา“เก้าเข็มเปิดนภา” ทักษะทางการแพทย์ที่ล้ําเลิศอย่างไร้ที่ติของเขานี้ ได้ช่วยชีวิตของผู้คนในสนามต่อสู้ไว้ได้มากมายอย่างนักไม่ถ้วน

และด้วยความบังเอิญ เขาได้กลายมาเป็นลูกเขยของตระกูลที่มั่งคั่งตระกูลหนึ่ง

หลายคนอาจคิดว่าการเป็นลูกเขยในตระกูลที่ร่ํารวยมั่งคั่งเช่นนี้ คงจะต้องทนอยู่อย่างอัปยศอดสูและถูกเหยียดหยามสินะ?

แต่มิใช่หลินหนาน!! เขาคือลูกเขยที่พ่อตารักยิ่งและกลายเป็นลูกเขยผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองนี้!

 

เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร

 

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด

จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้นที่ละขั้นและไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+