ยอดคุณหมอสกุลเฉินตอนที่220 ทำตามที่ผมสั่ง

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter ตอนที่220 ทำตามที่ผมสั่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่220 ทำตามที่ผมสั่ง

กว่าที่ถงเซียวเซียวจะออกมาก็ร่วมหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ นับว่าโชคดีที่ทางสตูดิโอได้เตรียมชาและผลไม้ไว้ให้ ผู้กำกับจางก็อธิบายให้กับหญิงสาวทั้งสองคนฟังถึงคอนเซ็ปในการถ่ายทำโฆษณาครั้งนี้อย่างละเอียด ส่วนฉีเล่ยก็นั่งฟังด้วยความสนอกสนใจ

ถงเซียวเซียวอยู่ในชุดสาวทำงานสีเงิน สวมเลกกิ้งสีดำ และรองเท้าส้นสูงสีเดียวกันกับเลกกิ้ง ทำให้เธอดูเหมือนกับสาวทำงานระดับผู้บริหาร

จางเหวินไคพูดขึ้นว่า “ผมตั้งใจจะถ่ายภาพเซ็ทแรกที่เรียกว่า ‘สาวงามกลางเมือง’ เป็นภาพเซ็ทสาวสวยในชุดทันสมัยกับบรรยากาศโบราณ เพื่อสื่อให้เห็นถึงสองสิ่งที่แม้รูปลักษณ์จะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แต่กลับสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี… และภาพถ่ายอันทรงพลังที่ปรากฏออกไปนั้น รับรองได้ว่าจะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเป็นอย่างมากทีเดียว”

จางเหวินไคนับเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ทันทีที่เข้าสู่สนามการถ่ายทำ เขาก็เริ่มอธิบายและพูดคุยกับสองสาวอย่างต่อเนื่อง จนคนอื่นไม่มีโอกาสที่จะได้พูดแทรก

“คุณถง แยกขาออกจากกันนิดนึงครับ นั่นล่ะ.. เอียงเข่าเข้าหากันเล็กน้อย โอเค ดีแล้ว!”

สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นดุดันเช่นเดิม “เยี่ยม”

ถงเซียวเซียวเป็นนางแบบมืออาชีพ จึงสามารถโพสท่าให้ผู้กำกับจางประทับใจได้ เธอสามารถเข้าใจความต้องการ และคำอธิบายของเขาได้อย่างง่ายดาย

ทั้งสองทำงานเข้าขากันได้เป็นอย่างดี ทำให้การถ่ายทำลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็ว

“นายคิดยังไงบ้าง?” หลินชูวโม่หันไปถามความเห็นของฉีเล่ย

“ผมว่ามันดูแปลกๆยังไงก็ไม่รู้” ฉีเล่ยร้องบอก สีหน้าบ่งบอกว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

“แปลกเหรอ?”

“อืมม.. ผมรู้สึกว่าภาพที่ถ่ายออกมามันดูไม่เข้ากัน มันดูขัดแย้ง องค์ประกอบสองอย่างไม่สามารถเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์”

ฉีเล่ยพยายามอย่างมากที่จะสรรหาคำพูดมาอธิบายความรู้สึกของตนเองให้อีกฝ่ายเข้าใจ

“ผมรู้สึกว่า สองสิ่งถูกแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ผมรับรู้ไม่ได้ถึงอานุภาพของผงคางคกเลยแม้แต่น้อย”

สีหน้าของหลินชูวโม่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นในทันที เธอทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่ แล้วจึงหันไปพูดกับจางเหวินไคที่กำลังยุ่งอยู่ว่า

“ผู้กำกับจางคะ ช่วยหยุดก่อนค่ะ พอดีฉันมีไอเดียเพิ่มเติม อยากจะขอคุยกับคุณหน่อยค่ะ”

ศิลปินทุกคนไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ แต่ทุกคนล้วนมีอารมณ์แปลกประหลาดไม่เหมือนคนทั่วไปอย่างแน่นอน

จางเหวินไคที่กำลังถ่ายทำอยู่รู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ถูกอีกฝ่ายขัดขึ้นกลางคันแบบนั้น แม้ว่าผู้หญิงที่ร้องขัดขึ้นนั้นจะเป็นผู้ว่าจ้างสนับสนุนทางการเงินให้กับเขาก็ตาม จางเหวินไคร้องตะโกนตอบกลับไปเสียงห้วน “ครับ”

จากนั้น ก็โยนกล้องถ่ายรูปในมือให้กับผู้ช่วยของตัวเอง แล้วเดินเข้าไปหาหลินชูวโม่ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก

“มีอะไรเหรอครับคุณหลิน? พวกเราพูดคุยคอนเซ็ปกันจนเข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอครับ ขืนคุณคอยสั่งหยุดการถ่ายทำอยู่แบบนี้ มีหวังทุกอย่างคงต้องล่าช้าแน่ๆ แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบ?”

“ฉันต้องขอโทษจริงๆค่ะ!”

หลินชูวโม่เอ่ยขอโทษพร้อมกับยิ้มให้ แล้วจึงพูดต่อว่า “แต่ฉันก็ต้องฟังคำแนะนำของเพื่อนด้วยเหมือนกัน”

“เขานี่นะ?”

จางเหวินไคร้องอุทานออกมาเสียงดังพร้อมกับหันไปจ้องหน้าฉีเล่ย แต่ก็เพียงแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น เขาก็รีบเมินหน้าหนีไปมองทางอื่นแทน

“เขาแนะนำอะไรงั้นเหรอครับคุณหลิน? อย่าลืมว่าเขาไม่ใช่มืออาชีพนะครับ คุณหลินควรจะรับฟังคำแนะนำของคนที่เป็นมืออาชีพเท่านั้นนะครับ”

“แต่ฉันยินดีที่จะรับฟังคำแนะนำของเขาค่ะ” หลินชูวโม่เอ่ยตอบ

ฉีเล่ยไม่ได้รู้สึกโกรธ หรือไม่พอใจที่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่เห็นหัวตัวเอง เขาเข้าใจดีว่า บนโลกใบนี้ หากคุณไม่แสดงออกให้คนอื่นตระหนักถึงความแข็งแกร่งของตนเอง คุณก็จะเป็นเพียงแค่บันไดให้ผู้อื่นเหยียบย่ำเท่านั้น

กฏของป่าคือผู้ที่อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง ไม่มีเรื่องของความดีความชั่ว และเป็นสิ่งที่ใครก็ยากจะเปลี่ยนแปลงกฏที่ว่านี้ได้

“ผมไม่คิดว่าภาพถ่ายชุดซีรีย์สาวงามกลางเมืองของคุณจะสะดุดตาผู้คนมากพอ อีกอย่าง…”

ฉีเล่ยหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อว่า “มันขัดกับปรัชญาผลิตภัณฑ์ด้วย..”

หลังจากที่ได้ฟังความเห็นของฉีเล่ย จางเหวินไคก็รู้สึกราวกับถูกท้าทายอำนาจ จึงได้ตอบโต้กลับด้วยสีหน้าเดือดดาล

“ไม่สะดุดตาผู้คนมากพออย่างนั้นเหรอ? คุณรู้ได้ยังไง? คุณมีความรู้เรื่องพวกนี้มากน้อยแค่ไหนกัน?”

“ผมเข้าใจครับว่าคุณเป็นผู้กำกับโฆษณาที่มีความเชียวชาญ ส่วนผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ความเชี่ยวชาญก็ไม่ได้บ่งบอกอะไรไม่ใช่เหรอครับ?”

ฉีเล่ยตอบโต้กลับไปทันที

“อย่าลืมว่าคุณมองในมุมมองของผู้ผลิตผลงาน แต่ผมมองในมุมมองของคนดู และผู้บบริโภค หรือคนดูไม่มีสิทธิ์พูดและออกความเห็นอะไรเลยงั้นเหรอครับ? อย่าลืมว่าคุณเองไม่ใช่อาจารย์สอนตามมหาวิทยาลัยนะครับ ที่จะมีแต่นักศึกษานั่งฟังแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย”

“และที่สำคัญ ในที่นี้ไม่มีใครเข้าใจประสิทธิภาพของผงคางคกได้ดีไปกว่าผมแน่ แล้วถ้าคุณยังขืนถ่ายโฆษณารูปแบบนี้ มีหวังผลิตภัณฑ์ชุดนี้คงจะไม่มีอะไรแตกต่างไปจากครีมเสริมความงามยี่ห้ออื่นๆ เพราะโฆษณาไม่ได้แสดงจุดเด่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์เลยแม้แต่น้อย”

“เอกลักษณ์? นี่คุณคิดว่าการจะแสดงเอกลักษณ์ออกมาได้เป็นเรื่องง่ายงั้นเหรอ? ก็ถ้าคุณมีไอเดียบรรเจิดขนาดนี้ ก็ลองเสนอมวิธีสร้างเอกลักษณ์สินค้าให้ผมฟังสักวิธีสิ”

จางไคเหวินยิ้มเย็นพร้อมกับคว้าเบียร์ขวดหนึ่งออกมาเปิดดื่มทันที

ฉีเล่ยหัวเราะหึๆก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ด้วยความยินดีครับ เนื่องจากครีมตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของผงคางคกเย็น ซึ่งเป็นผลผลิตจากการแพทย์แผนจีน เราจึงควรต้องเน้นย้ำในจุดนี้ยังไงล่ะครับ เพราะฉะนั้น ฉากประกอบควรจะต้องเป็นป่ามากกว่าเป็นเมือง และควรจะต้องเป็นป่าในยุคโบราณด้วย”

“แต่แน่นอนว่าการจะหาป่าโบราณในเมืองหลวงแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อาจเปลี่ยนมาใช้ตำหนักโบราณที่ฮ่องเต้ หรือเหล่าองค์หญิง องค์ชายในสมัยก่อนอยู่อาศัยแทนก็ได้”

ความจริงแล้ว ฉีเล่ยอยากจะบอกว่า ทางที่ดีที่สุดควรจะต้องไปใช้ฉากป่าหนาทึบในยูนานแทน เขามั่นใจว่าหากไปใช้ฉากที่นั่นถ่ายทำ เขาจะต้องพอใจกับภาพที่ออกมาอย่างแน่นอน แต่เมื่อนึกถึงความยากลำบากที่จะต้องเกิดขึ้นจากการเดินทาง และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำ ทำให้เขาต้องปัดความคิดบ้าๆนี้ออกจากหัวไป

“อีกอย่าง ในเมื่อผงคางคกเย็นเป็นสูตรยาโบร่ำโบราณ ทางที่ดีควรจะให้นางแบบสวมใส่ชุดฮั่นโบราณ หรือไม่ก็กี่เพ้าแทนชุดที่ใช้อยู่นี่”

จางเหวินไคขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น พร้อมกับร้องถามร้องถามออกไปว่า “สวมชุดจีนโบราณถ่ายรูป? นี่เป็นความคิดของคุณเหรอ?”

“ใช่ครับ! ผมเห็นว่าควรต้องปรับเปลี่ยนการแต่งกายด้วย เพื่อให้เข้ากับฉากโบราณ และเพิ่มความสง่างามให้กับภาพโฆษณา”

ฉีเล่ยหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ใช่แล้ว! ราชินี! ผมอยากได้อารมณ์ราชินีผู้สูงศักดิ์ แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน..”

ระหว่างที่ฉีเล่ยบอกเล่าให้อีกฝ่ายฟังนั้น เขาก็ได้จินตนาการภาพที่ต้องการอยู่ในหัวตามไปด้วย…

ภายในเรือนเก่าแก่โบราณ หญิงสาวสวมใส่มงกุฏเป็นรูปหงส์ แต่งตัวแบบหญิงชาวจีนโบราณ กำลังยืนอยู่หน้ากระจกทองแดง และภายในห้องก็มีแสงสว่างส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง กระทบเข้ากับชุดอาภรณ์สีทองสุกสว่าง

ประหนึ่งว่าร่างทั้งร่างของหญิงสาวผู้นี้มีชั้นทองปกคลุม ยิ่งมองก็ยิ่งสง่างามอย่างไม่อาจพรรณนาได้

ช่างเป็นภาพที่งดงามมากเหลือเกิน!

ลึกๆแล้ว ฉีเล่ยเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างโบราณ เขาชื่นชอบวัฒนธรรมจีน และผูกพันกับมันอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอักษรด้วยพู่กัน การดีพิณ หรือแม้แต่หญิงในชุดโบราณ

“เฮ้อ.. รสนิยมของคุณช่างไม่เอาไหนจริงๆ”

จางเหวินไคทำเสียงเย้ยหยัน และยังยืนยันว่าไอเดียของตนนั้นบรรเจิดกว่า “หญิงงามกลางเมืองต่างหากที่เหมาะสม เพราะเป้าหมายของคุณคือลูกค้ากลุ่มนี้!”

ความขัดแย้งจึงได้เกิดขึ้น!

ฉีเล่ยจึงได้แต่หันไปหาหลินชูวโม่ พร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า “ผมยังเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของคุณอยู่รึเปล่า?”

“ก็ต้องใช่อยู่แล้ว!” หลินชูวโม่เอ่ยตอบพร้อมกับพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้น ก็ทำตามที่ผมบอก!”

ฉีเล่ยร้องสั่งเสียงห้วน และได้แต่คิดในใจว่า ‘ไม่ให้หน้าฉันบ้างเลย! ในนี้ยังจะมีใครรู้จักผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ดีกว่าฉันอีก!’

ฉันต้องการแบบนั้น ก็ควรต้องทำแบบนั้นสิ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด