ยอดคุณหมอสกุลเฉิน 172 พักบ้าง

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter 172 พักบ้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่172 พักบ้าง

เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของหลี่ฮั่วเฉิน ฉีเล่ยก็ได้แต่พูดปลอบใจไปว่า

“อาวุโสหลี่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ ไม่มีใครรู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเองล่ะครับ ผมจะไปถามถงซีทีหลังเองว่า เธอเป็นอะไรกันแน่? มีอะไรผิดปกติกับเธออีกรึเปล่า? ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ เดี๋ยวผมจะโทรหาอาวุโสหลี่อีกทีนะครับ”

หลี่ฮั่วเฉินกุมมือฉีเล่ย พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

“ฉันต้องฝากเธอด้วยนะฉีเล่ย หลายปีที่ผ่านมาถงซีทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว เธอไม่มีแม้แต่เพื่อนสักคนเลยด้วยซ้ำ ถ้าครั้งหน้าเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นอีก เธอเองก็ควรใจเย็นให้มากกว่านี้หน่อยนะ แล้วก็ช่วยทำให้ถงซีกลับมาร่าเริงให้ได้ล่ะ”

จากคำพูดเหล่านี้ที่หลุดออกจากปากหลี่ฮั่วเฉิน ฉีเล่ยสัมผัสได้ถึงความหวังและความไว้วางใจอันเปี่ยมล้นที่ชายชราผู้นี้มีให้กับเขา จึงได้แต่ตอบกลับไปว่า

“ผมจะพยายามนะครับ”

ฉีเล่ยพยักหน้าตอบกลับไป

“อืม งั้นเธอก็กลับไปสอนต่อเถอะ ฉันไม่รบกวนแล้วล่ะ ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็ฝากไปดูถงซีให้ด้วยนะ เพราะเรื่องนี้ทำเอาฉันไม่เป็นอันทำงานเลย ในสมองมีแต่ความคิดว่า ทำไมหลานสาวของฉันถึงได้เย็นชาได้ขนาดนี้”

“ไม่ต้องห่วงครับอาวุโสหลี่ ผมจะไปหาเธอทันทีหลังจากสอนเสร็จ”

“อ่อ ยังมีอีกเรื่อง ฉันได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเธอในหนังสือพิมพ์แล้ว เธอทำได้ดีมากทีเดียว ดีมากจริงๆ”

หลี่ฮั่วเฉินร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นตบไหล่ฉีเล่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความภูมิอกภูมิใจ

“นี่แหละคือสิ่งที่เธอควรทำ ฉันตัดสินใจไม่ผิดจริงๆทีชวนเธอมาทำงานในเมืองหลวง”

ฉีเล่ยยิ้มและกล่าวตอบไปว่า

“ก็ผมไม่สามารถอยู่หนานหยางได้แล้วนี่ครับ ก็เลยต้องมาพบคุณอย่างที่เห็น”

เมิ่อฉีเล่ยกลับมาถึงห้องเรียนอีกครั้ง ก็เป็นเวลาก่อนเริ่มคลาสประมาณเกือบสิบนาที

ที่นั่งแถวแรกปรากฏเป็นสาวแว่นหน้าตาสะสวยคนหนึ่งนั่งอยู่ แต่เดิมที่นั่งตรงนี้เป็นที่ประจำของเหอจื่อ แต่กลับไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เธอหายไปไหน

ฉีเล่ยเองก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรเช่นกัน แต่เขางุนงงและไม่รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย เพราะเมื่อใดก็ตามที่เขายืนโบกมือทักทายนักศึกษาอยู่บนเวทีแบบนี้ ก็มักจะมีเธอนี่ล่ะที่คอยโบกมือและยิ้มตอบกลับมา ทำให้คลาสเรียนแห่งนี้มีสีสันขึ้นมาก

ฉีเล่ยจำได้ว่า ก่อนหน้านี้เหอจื่อเพิ่งจะวิ่งไล่ตามเขาไปเพื่อเอาน้ำชาแดงที่แสนจะชื่นใจไปให้ ระหว่างที่คุยกันอยู่ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดันดังขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน ฉีเล่ยเห็นแบบนี้ก็อดที่จะเป็นห่วงเหอจื่อไม่ได้ว่า มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรือไม่? เพราะที่ผ่านมาเหอจื่อไม่เคยโดดเรียนมาก่อนเลย

แต่หลังจากคิดเช่นนั้น ฉีเล่ยก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา

เหอจื่อมีครอบครัวที่แข็งแกร่งหนุนหลังอยู่แบบนั้น ใครจะกล้าไปมีเรื่องกับเธอได้?

และเพื่อกำจัดความคิดไร้สาระพวกนี้ออกไปจากหัว ฉีเล่ยจึงได้ประกาศเสียงดังว่า

“เอาล่ะนักศึกษาทุกคน คลาสใกล้จะเริ่มขึ้นแล้วนะ”

……………..

ฉีเล่ยยืนรออยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารสาขาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน เขารอมานานกว่าสิบนาทีแล้ว จนกระทั่งนักศึกษาที่เลิกเรียนต่างก็เดินกลับออกมากันหมด แม้แต่บรรดาอาจารย์เองต่างก็ทยอยกันกลับบ้านกันหมดเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น ฉีเล่ยก็ยังไม่ลดละความพยายาม เขายังคงยืนรอหลี่ถงซีต่อไป

รถ BMWของเธอยังคงจอดอยู่ใต้อาคารที่ตำแหน่งเดิม ซึ่งเป็นการยืนยันว่าหลี่ถงซียังไม่กลับบ้านอย่างแน่นอน

แต่ทำไมเธอถึงยังไม่ลงมาข้างล่างสักทีละ?

นักศึกษาทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกันเต็มไปหมด บอกไปก็อาจจะหาว่าพูดเกินจริง กระทั่งนักศึกษาชายบางกลุ่มที่สวมชุดสูทสีน้ำเงินยังวิ่งมาขอลายเซ็นของเขาก็มี

แน่นอนว่า ในเวลานี้ ฉีเล่ยได้กลายเป็นไอดอลประจำมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปเสียแล้ว

ซูเสี่ยวหยานในชุดทำงานหรูของแบรนด์จีวองชี่พร้อมกับกระเป๋าสะพายของหลุยส์วิตตอง กำลังเดินลงมาจากอาคารสอนพอดี แต่เมื่อเห็นฉีเล่ยยืนอยู่ใต้ตึกแบบนั้น เธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะสะบัดหน้าหนีทันที

หานหมิงต้า แฟนเก่าของเธอถูกตัดสินจำคุกในคดีลักลอบผลิตอุปกรณ์การแพทย์เถื่อน เธอจึงขาดเสี่ยใหญ่มาดูแลนานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น จากที่เคยขับรถBMW ตอนนี้รถ BMW คันเดิมกลับถูกแทนที่ด้วย Mercedes-Benzสีเงิน ซึ่งยังคงเป็นรถเกรดเดียวกับBMWของหลี่ถงซีอยู่

เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงไม่ยอมแพ้หลี่ถงซีง่ายๆ และยังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแข่งขันกับหลี่ถงซีต่อไป

ฉีเล่ยที่ยืนรออยู่ใต้อาคารนั้น เมื่อเห็นซูเสี่ยวหยานเดินผ่านมา ก็รีบตะโกนถามออกไปว่า

“หลี่ถงซียังอยู่ไหม?”

เขาทราบว่าซูเสี่ยวหยานกับหลี่ถงซีนั้นสอนวิชาเอกเดียวกัน ส่วนอาจารย์คนอื่นๆนั้น เขาไม่ทราบจริงว่ามีใครที่สอนรายวิชาเหมือนกับหลี่ถงซีหรือไม่ จึงได้แต่ต้องจำใจถามผู้หญิงจิตใจสกปรกคนนี้ไป

ซูเสี่ยวหยานแสดงสีหน้าท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์อย่างมากที่ต้องพูดคุยกับฉีเล่ย เธอเบะปากก่อนจะตอบกลับไปทันที

“ทำไมฉันต้องบอกแกด้วย?”

ฉีเล่ยยักไหล่และเปลี่ยนคำถามใหม่

“งั้นห้องพักอาจารย์อยู่ชั้นไหน?”

“ฉันไม่รู้ แล้วก็ไม่บอกแกด้วย แต่ขอแนะนำว่าอย่าขึ้นไปจะดีกว่า เพราะตอนนี้เธอกำลังอยู่กับผู้ชายคนอื่นสองต่อสอง ต่อให้แกขึ้นไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก แล้วก็เลิกแกล้งทำเป็นคนดีได้แล้ว คนที่เนื้อในชั่วช้าอย่างแก สักวันก็ต้องถูกเปิดโปงสักวัน”

หลังจากที่พูดจบ ซูเสี่ยวหยานก็เดินไปเปิดประตูรถสตาร์ทเครื่องทันที

ปากของผู้หญิงคนนี้ยังคงเน่าเหม็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ฉีเล่ยเหลือบมองเธอผ่านกระจกรถที่กำลังแล่นออกไป พร้อมตะโกนเสียงดังลั่นว่า

“คุณดูหน้าซีดเซียวไปหน่อยนะ แถมริมฝีปากก็แห้งมาก คงไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืนแล้วสินะ? ยังไงก็อย่าหักโหมมากล่ะ หัดเอาเวลาไปพักผ่อนบ้าง ไม่ใช่จะใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนหมดไปกับเรื่องอย่างว่านะครับ!”

เสียงร้องตะโกนของฉีเล่ยค่อนข้างดังมาก ผนวกกับช่วงนี้ชื่อเสียงของฉีเล่ยค่อนข้างโด่งดังเป็นพิเศษ ทุกอากัปกิริยาของเขาจึงได้กลายเป็นที่สนอกสนใจของผู้คน บรรดานักศึกษาและอาจารย์หลายต่อหลายคนต่างก็หันขวับมองมาทางเขาทันที ก่อนจะเปลี่ยนไปมองซูเสี่ยวหยานที่นั่งอยู่ในรถต่อ

ซูเสี่ยวหยานได้ยินคำพูดของฉีเล่ยแล้ว ก็แทบอยากจะเดินลงมากระซวกไส้เขาสักที และยิ่งได้เห็นผู้คนรอบข้างชี้นิ้วมาทางตัวเองมากมายราวกับกำลังเยี่ยมชมสวนสัตว์ เธอก็ยิ่งรู้สึกอับอายขายขี้หน้าจนต้องก้มหน้าหลบหลังพวกมาลัย ดวงตาทั้งสองข้างของเธอแดงก่ำด้วยความโมโห และได้แต่คิดในใจว่าเธอจะต้องฆ่าไอ้เวรนี่ให้ได้ในสักวัน!

“ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

หลังจากสบถกับตัวเองไปคำหนึ่ง หญิงสาวก็เหยียบคันเร่งจนแทบมิดพารถพุ่งตัวจากไปอย่างรวดเร็ว

ฉีเล่ยเม้มริมฝีปากแน่นแต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉยเช่นเคย ในเมื่อหลี่ถงซียังไม่ลงมาเสียที ฉีเล่ยจึงต้องเดินไปสุ่มถามคนอื่นแทน เขาเดินถามไปเรื่อยว่า อาจารย์ที่ชื่อหลี่ถงซีอยู่ที่ไหน สุดท้ายก็มีนักศึกษาสาวคนหนี่งบอกตำแหน่งห้องพักอาจารย์ให้ฉีเล่ยรู้

หลังจากที่รู้ว่าห้องพักอาจารย์อยู่ชั้นสี่ ฉีเล่ยก็ได้เดินขึ้นบันไดไปทันที แต่เมื่อมองผ่านหน้าต่างเข้าไปก็พบว่า หลี่ถงซีกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างอยู่คล้ายคนกำลังยุ่งมาก

ข้างๆเธอมีผู้ชายสวมแว่นคนหนึ่งกำลังยืนพูดอะไรสักอย่างกับเธออยู่ สีหน้าของเขานั้นดูเป็นมิตรอย่างมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน 172 พักบ้าง

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter 172 พักบ้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่172 พักบ้าง

เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของหลี่ฮั่วเฉิน ฉีเล่ยก็ได้แต่พูดปลอบใจไปว่า

“อาวุโสหลี่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ ไม่มีใครรู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเองล่ะครับ ผมจะไปถามถงซีทีหลังเองว่า เธอเป็นอะไรกันแน่? มีอะไรผิดปกติกับเธออีกรึเปล่า? ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ เดี๋ยวผมจะโทรหาอาวุโสหลี่อีกทีนะครับ”

หลี่ฮั่วเฉินกุมมือฉีเล่ย พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

“ฉันต้องฝากเธอด้วยนะฉีเล่ย หลายปีที่ผ่านมาถงซีทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว เธอไม่มีแม้แต่เพื่อนสักคนเลยด้วยซ้ำ ถ้าครั้งหน้าเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นอีก เธอเองก็ควรใจเย็นให้มากกว่านี้หน่อยนะ แล้วก็ช่วยทำให้ถงซีกลับมาร่าเริงให้ได้ล่ะ”

จากคำพูดเหล่านี้ที่หลุดออกจากปากหลี่ฮั่วเฉิน ฉีเล่ยสัมผัสได้ถึงความหวังและความไว้วางใจอันเปี่ยมล้นที่ชายชราผู้นี้มีให้กับเขา จึงได้แต่ตอบกลับไปว่า

“ผมจะพยายามนะครับ”

ฉีเล่ยพยักหน้าตอบกลับไป

“อืม งั้นเธอก็กลับไปสอนต่อเถอะ ฉันไม่รบกวนแล้วล่ะ ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็ฝากไปดูถงซีให้ด้วยนะ เพราะเรื่องนี้ทำเอาฉันไม่เป็นอันทำงานเลย ในสมองมีแต่ความคิดว่า ทำไมหลานสาวของฉันถึงได้เย็นชาได้ขนาดนี้”

“ไม่ต้องห่วงครับอาวุโสหลี่ ผมจะไปหาเธอทันทีหลังจากสอนเสร็จ”

“อ่อ ยังมีอีกเรื่อง ฉันได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเธอในหนังสือพิมพ์แล้ว เธอทำได้ดีมากทีเดียว ดีมากจริงๆ”

หลี่ฮั่วเฉินร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นตบไหล่ฉีเล่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความภูมิอกภูมิใจ

“นี่แหละคือสิ่งที่เธอควรทำ ฉันตัดสินใจไม่ผิดจริงๆทีชวนเธอมาทำงานในเมืองหลวง”

ฉีเล่ยยิ้มและกล่าวตอบไปว่า

“ก็ผมไม่สามารถอยู่หนานหยางได้แล้วนี่ครับ ก็เลยต้องมาพบคุณอย่างที่เห็น”

เมิ่อฉีเล่ยกลับมาถึงห้องเรียนอีกครั้ง ก็เป็นเวลาก่อนเริ่มคลาสประมาณเกือบสิบนาที

ที่นั่งแถวแรกปรากฏเป็นสาวแว่นหน้าตาสะสวยคนหนึ่งนั่งอยู่ แต่เดิมที่นั่งตรงนี้เป็นที่ประจำของเหอจื่อ แต่กลับไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เธอหายไปไหน

ฉีเล่ยเองก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรเช่นกัน แต่เขางุนงงและไม่รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย เพราะเมื่อใดก็ตามที่เขายืนโบกมือทักทายนักศึกษาอยู่บนเวทีแบบนี้ ก็มักจะมีเธอนี่ล่ะที่คอยโบกมือและยิ้มตอบกลับมา ทำให้คลาสเรียนแห่งนี้มีสีสันขึ้นมาก

ฉีเล่ยจำได้ว่า ก่อนหน้านี้เหอจื่อเพิ่งจะวิ่งไล่ตามเขาไปเพื่อเอาน้ำชาแดงที่แสนจะชื่นใจไปให้ ระหว่างที่คุยกันอยู่ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดันดังขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน ฉีเล่ยเห็นแบบนี้ก็อดที่จะเป็นห่วงเหอจื่อไม่ได้ว่า มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรือไม่? เพราะที่ผ่านมาเหอจื่อไม่เคยโดดเรียนมาก่อนเลย

แต่หลังจากคิดเช่นนั้น ฉีเล่ยก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา

เหอจื่อมีครอบครัวที่แข็งแกร่งหนุนหลังอยู่แบบนั้น ใครจะกล้าไปมีเรื่องกับเธอได้?

และเพื่อกำจัดความคิดไร้สาระพวกนี้ออกไปจากหัว ฉีเล่ยจึงได้ประกาศเสียงดังว่า

“เอาล่ะนักศึกษาทุกคน คลาสใกล้จะเริ่มขึ้นแล้วนะ”

……………..

ฉีเล่ยยืนรออยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารสาขาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน เขารอมานานกว่าสิบนาทีแล้ว จนกระทั่งนักศึกษาที่เลิกเรียนต่างก็เดินกลับออกมากันหมด แม้แต่บรรดาอาจารย์เองต่างก็ทยอยกันกลับบ้านกันหมดเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น ฉีเล่ยก็ยังไม่ลดละความพยายาม เขายังคงยืนรอหลี่ถงซีต่อไป

รถ BMWของเธอยังคงจอดอยู่ใต้อาคารที่ตำแหน่งเดิม ซึ่งเป็นการยืนยันว่าหลี่ถงซียังไม่กลับบ้านอย่างแน่นอน

แต่ทำไมเธอถึงยังไม่ลงมาข้างล่างสักทีละ?

นักศึกษาทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกันเต็มไปหมด บอกไปก็อาจจะหาว่าพูดเกินจริง กระทั่งนักศึกษาชายบางกลุ่มที่สวมชุดสูทสีน้ำเงินยังวิ่งมาขอลายเซ็นของเขาก็มี

แน่นอนว่า ในเวลานี้ ฉีเล่ยได้กลายเป็นไอดอลประจำมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปเสียแล้ว

ซูเสี่ยวหยานในชุดทำงานหรูของแบรนด์จีวองชี่พร้อมกับกระเป๋าสะพายของหลุยส์วิตตอง กำลังเดินลงมาจากอาคารสอนพอดี แต่เมื่อเห็นฉีเล่ยยืนอยู่ใต้ตึกแบบนั้น เธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะสะบัดหน้าหนีทันที

หานหมิงต้า แฟนเก่าของเธอถูกตัดสินจำคุกในคดีลักลอบผลิตอุปกรณ์การแพทย์เถื่อน เธอจึงขาดเสี่ยใหญ่มาดูแลนานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น จากที่เคยขับรถBMW ตอนนี้รถ BMW คันเดิมกลับถูกแทนที่ด้วย Mercedes-Benzสีเงิน ซึ่งยังคงเป็นรถเกรดเดียวกับBMWของหลี่ถงซีอยู่

เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงไม่ยอมแพ้หลี่ถงซีง่ายๆ และยังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแข่งขันกับหลี่ถงซีต่อไป

ฉีเล่ยที่ยืนรออยู่ใต้อาคารนั้น เมื่อเห็นซูเสี่ยวหยานเดินผ่านมา ก็รีบตะโกนถามออกไปว่า

“หลี่ถงซียังอยู่ไหม?”

เขาทราบว่าซูเสี่ยวหยานกับหลี่ถงซีนั้นสอนวิชาเอกเดียวกัน ส่วนอาจารย์คนอื่นๆนั้น เขาไม่ทราบจริงว่ามีใครที่สอนรายวิชาเหมือนกับหลี่ถงซีหรือไม่ จึงได้แต่ต้องจำใจถามผู้หญิงจิตใจสกปรกคนนี้ไป

ซูเสี่ยวหยานแสดงสีหน้าท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์อย่างมากที่ต้องพูดคุยกับฉีเล่ย เธอเบะปากก่อนจะตอบกลับไปทันที

“ทำไมฉันต้องบอกแกด้วย?”

ฉีเล่ยยักไหล่และเปลี่ยนคำถามใหม่

“งั้นห้องพักอาจารย์อยู่ชั้นไหน?”

“ฉันไม่รู้ แล้วก็ไม่บอกแกด้วย แต่ขอแนะนำว่าอย่าขึ้นไปจะดีกว่า เพราะตอนนี้เธอกำลังอยู่กับผู้ชายคนอื่นสองต่อสอง ต่อให้แกขึ้นไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก แล้วก็เลิกแกล้งทำเป็นคนดีได้แล้ว คนที่เนื้อในชั่วช้าอย่างแก สักวันก็ต้องถูกเปิดโปงสักวัน”

หลังจากที่พูดจบ ซูเสี่ยวหยานก็เดินไปเปิดประตูรถสตาร์ทเครื่องทันที

ปากของผู้หญิงคนนี้ยังคงเน่าเหม็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ฉีเล่ยเหลือบมองเธอผ่านกระจกรถที่กำลังแล่นออกไป พร้อมตะโกนเสียงดังลั่นว่า

“คุณดูหน้าซีดเซียวไปหน่อยนะ แถมริมฝีปากก็แห้งมาก คงไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืนแล้วสินะ? ยังไงก็อย่าหักโหมมากล่ะ หัดเอาเวลาไปพักผ่อนบ้าง ไม่ใช่จะใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนหมดไปกับเรื่องอย่างว่านะครับ!”

เสียงร้องตะโกนของฉีเล่ยค่อนข้างดังมาก ผนวกกับช่วงนี้ชื่อเสียงของฉีเล่ยค่อนข้างโด่งดังเป็นพิเศษ ทุกอากัปกิริยาของเขาจึงได้กลายเป็นที่สนอกสนใจของผู้คน บรรดานักศึกษาและอาจารย์หลายต่อหลายคนต่างก็หันขวับมองมาทางเขาทันที ก่อนจะเปลี่ยนไปมองซูเสี่ยวหยานที่นั่งอยู่ในรถต่อ

ซูเสี่ยวหยานได้ยินคำพูดของฉีเล่ยแล้ว ก็แทบอยากจะเดินลงมากระซวกไส้เขาสักที และยิ่งได้เห็นผู้คนรอบข้างชี้นิ้วมาทางตัวเองมากมายราวกับกำลังเยี่ยมชมสวนสัตว์ เธอก็ยิ่งรู้สึกอับอายขายขี้หน้าจนต้องก้มหน้าหลบหลังพวกมาลัย ดวงตาทั้งสองข้างของเธอแดงก่ำด้วยความโมโห และได้แต่คิดในใจว่าเธอจะต้องฆ่าไอ้เวรนี่ให้ได้ในสักวัน!

“ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

หลังจากสบถกับตัวเองไปคำหนึ่ง หญิงสาวก็เหยียบคันเร่งจนแทบมิดพารถพุ่งตัวจากไปอย่างรวดเร็ว

ฉีเล่ยเม้มริมฝีปากแน่นแต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉยเช่นเคย ในเมื่อหลี่ถงซียังไม่ลงมาเสียที ฉีเล่ยจึงต้องเดินไปสุ่มถามคนอื่นแทน เขาเดินถามไปเรื่อยว่า อาจารย์ที่ชื่อหลี่ถงซีอยู่ที่ไหน สุดท้ายก็มีนักศึกษาสาวคนหนี่งบอกตำแหน่งห้องพักอาจารย์ให้ฉีเล่ยรู้

หลังจากที่รู้ว่าห้องพักอาจารย์อยู่ชั้นสี่ ฉีเล่ยก็ได้เดินขึ้นบันไดไปทันที แต่เมื่อมองผ่านหน้าต่างเข้าไปก็พบว่า หลี่ถงซีกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างอยู่คล้ายคนกำลังยุ่งมาก

ข้างๆเธอมีผู้ชายสวมแว่นคนหนึ่งกำลังยืนพูดอะไรสักอย่างกับเธออยู่ สีหน้าของเขานั้นดูเป็นมิตรอย่างมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+