ยอดคุณหมอสกุลเฉิน 69 ความเกลียดชัง

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter 69 ความเกลียดชัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่69 ความเกลียดชัง

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ฉีเล่ยก็นั่งBMWของหลี่ถงซีติดรถของเธอมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่ง

วันนี้เป็นวันแรกในฐานะอาจารย์

เมื่อฉีเล่ยขึ้นรถมา หลี่ถงซีพลันสังเกตเห็นท่าทีอ่อนเพลียของอีกฝ่าย สภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นแบบนั้น แถมยังมีรอยคล้ำใต้ดวงตาอีก เธอจึงเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า

“เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ?”

“อืม”

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆถึงนอนไม่หลับ?”

“เมื่อคืนพอกลับถึงห้องพยายามหลับแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ไม่หลับ ก็เลยตื่นมาอ่านหนังสือสักพัก เอ่อ…มันเกี่ยวกับอะไรสักอย่างนี่แหละ เท่าที่จำได้ก็ ‘7ปีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ปกครองอำนาจด้วยความกลัว’ ส่วนท่อนสุดท้ายดันจำไม่ได้เพราะหลับไปซะก่อน”

“….”

มุมปากของหลี่ถงซีพลันกระตุกขึ้นอย่างแรง เธอพยายามกลั้นขำสุดชีวิต

มหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งเป็นสถานศึกษาที่อุดมไปด้วยสาขาการแพทย์ที่สำคัญและหลากหลายแขนงที่สุดในจีน ภายในนี้กว้างใหญ่เป็นอย่างมาก กินพื้นที่ในเมืองหลงไปถึงหนึ่งส่วนเต็ม ประกอบไปด้วย มหาวิทยาลัย, โรงพยาบาลในเครือ อาคารแพทย์เบื้องต้น อาคารวิศวกรรมชีวการแพทย์ อาคารเวชศาสตร์ อาคารสารธรณสุข อาคารแพทย์แผนจีนและอื่นๆอีกมากมาย

หลี่ถงซีเป็นอาจารย์อยู่ในอาคารวิศวกรรมชีวการแพทย์ ทั้งยังควบตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน ในขณะเดียวกัน สถานที่นี่ฉีเล่ยต้องไปเป็นอาคารแพทย์แผนจีน

ทั้งสองเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่สถานที่ทำงานกลับไม่ได้อยู่ในตัวอาคารเดียวกัน

ขับรถเข้ามาในมหาวิทยาลัย ตรงมายังอาคารวิศวกรรมชีวการแพทย์ หลี่ถงซีเอ่ยขึ้นว่า

“จอดรถไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันจะเดินไปส่งคุณที่อาคารแพทย์แผนจีนข้างๆ รายงานตัวด้วยล่ะ”

ฉีเล่ยพยักหน้าตอบ

 รถของหลี่ถงซีแล่นเข้าซองเข้าจอดในลานจอดรถใต้อาคารเรียน แต่ทันใดนั้นก็มีรถสีแดงคันหนึ่งพุ่งเข้ามาเทียบข้างอย่างดุเดือด

ซูเสี่ยวหยานกระโจนลงจากรถชี้หน้าใส่หลี่ถงซีกับฉีเล่ยที่เพิ่งลงมาจากรถเช่นกันและกล่าวว่า

“จับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ว่าแอบคบชู้กับนักศึกษาของตัวเอง! ทีนี้ยังมีอะไรจะเถียงอีกไหม? อยากแถก็แถมาสิ!?”

บนโลกใบนี้มีคนสามประเภทที่รับมือได้ยากที่สุดคือ ขอทาน, นักบวชและผู้หญิง

ในชีวิตจริง ขอทานกับนักบวชไม่ใช่บุคคลที่จะเข้าใกล้ได้โดยง่าย และแน่นอนว่าด้วยสภาพสังคมทางปัจจุบัน บุคคลทั้งสองประเภทนี้ถูกด้อยค่าลงอย่างมาก ถึงแม้จะมีโอกาสได้พบเจอจริงๆ แต่ตัวคุณเองย่อมสามารถมแยกออกได้ทันทีที่เห็นว่าพวกเขาเป็นขอทานหรือนักบวช หากใส่ชุดเสื้อผ้าโทรมๆก็คือขอทาน แต่ถ้าหัวโล้นนุ่งเหลืองห่มเหลืองก็หมายถึงนักบวช

ดังนั้นแล้ว ในยุคปัจจุบันจึงเหลือแค่คนประเภทเดียวที่รับมือได้ยากที่สุดก็คือ ผู้หญิง

เมื่อเปรียบเทียบกับขอทานและนักบวชแล้ว ผู้หญิงมีอำนาจปกครองและห่มเหงผู้ชายมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์ชาติมนุษย์ และที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ ตรรกะอันแสนซับซ้อนและเข้าใจยาก มันเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่จะทำความเข้าใจผู้หญิงพวกนี้ ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์บ่อยครั้งที่จู่ๆฝ่ายหญิงก็เกิดอาการน้อยใจหรือโกรธฝ่ายชายโดยไม่มีเหตุผล หรืออาจถึงขั้นเก็บไปเป็นความแค้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงสองคนนี้ที่น่ากลัวเป็นพิเศษ

คนหนึ่งเป็นหญิงสาวผู้แสนเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็ง แถมยังป่วยทางจิต ส่วนอีกคนก็ดูกระตือรือร้นตลอดเวลา เนื้อแท้กลับเน่าเฟะ แต่ภายนอกกลับแสร้งทำตัวเป็นดอกไม้สวยที่ผู้คนมักเชยชม สิ่งที่โปรดปรานที่สุดคงจะเป็น การได้เกาะแข้งเกาะขาบรรดาบุคคลที่ประสบความสำเร็จแล้วในชีวิต

อย่างไรก็ตาม ซูเสี่ยวหยานคนนี้รังเกียจพวกเขาสองคนยิ่งกว่าอะไรดี พอนึกถึงภาพฉากในตอนนั้นที่เธอฉี่รดกางเกงกลางห้างต่อหน้าสาธารณะชน ก็อาฆาตแค้นซะจนอยากสับชายหญิงคู่นี้ให้แหลกเป็นพันหมื่นชิ้น

และสิ่งที่น่าเศร้าใจที่สุดคือ หลังจากกลับไปในวันนั้น หานหมิงต้าก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ไม่ว่าเธอจะต้องการอธิบายขนาดไหน อีกฝ่ายกลับไม่ให้โอกาสใดๆอีกต่อไป

เขาเป็นถึงเศรษฐีผู้ร่ำรวยอันดับต้นๆของปักกิ่ง ซูเสี่ยวหยานพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครอบครองอีกฝ่าย แม้จะถูกตราหน้านินทาว่า เก็บกินของเหลือจากคนอื่นก็ตาม

แต่ในตอนนี้อีกฝ่ายกลับทิ้งเธอไปแล้ว

ซูเสี่ยวหยานถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับไปถึงสองคืนเต็ม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะต้องหาทางแก้แค้นและทำให้หลี่ถงซีเสื่อมเสียชื่อเสียงทั้งหมดไป

และแล้วโอกาสก็มาถึงเร็วกว่าที่คิด ในฐานะอาจารย์ หลี่ถงซีกระทำการฉาวมีสัมพันธ์ต้องห้ามกับลูกศิษย์ตัวเอง พวกเขาทั้งคู่ขึ้นรถคันเดียวกันมามหาวิทยาลัยกันตั้งแต่เช้าตรู่ เป็นที่ชัดเจนว่าทั้งสองจะต้องใช้เวลาร่วมรักกันเมื่อคืน

รอบนี้จับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ ฉันขอดูหน่อยว่ายังจะแก้ตัวอะไรได้อีก?

หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ไล่ออกไม่ต้องพูดถึง และแม้จะมีเส้นสายของคุณปู่เธอคอยช่วย อย่างดีที่สุดก็ได้อยู่ต่อ แต่เรื่องตำแหน่งหน้าที่การงานในอนาคตอย่าหวังจะได้ก้าวหน้า คงเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแบบนี้จนเน่าตายทั้งเป็น

“ทำไม? ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ?”

ซูเสี่ยวหยานยกมือเท้าสะเอวจับจ้องทั้งสองอย่างเย่อหยิ่ง

“พวกเราต่างเป็นอาจารย์มีหน้าที่สั่งสอนให้ความรู้ แต่เธอกลับหน้าไม่อายทำเรื่องต่ำตมกับลูกศิษย์ ถ้าท่านคณบดีรู้เข้าจะคิดยังไง? เรื่องฉาวระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์แบบนี้ ถ้าแพร่กระจายออกไป มหาวิทยาลัยของเราจะเสื่อมเสียชื่อเสียงขนาดไหน?”

เธอได้ตัดสินใจแล้วว่า จะนำเรื่องนี้ไปรายงานให้กับคณบดีทราบ และเธอเองยังมีหลักฐานอยู่ต่อหน้าต่อตา เพียงแค่นี้มันก็มัดแน่นพอจนทั้งคู่เถียงไม่ออกแล้ว

หลี่ถงซีขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะกำลังจะโต้ตอบอีกฝ่ายกลับไป แต่จู่ๆฉีเล่ยก็หยุดเธอเอาไว้

มือของคนทั้งสองสัมผัสกันโดยไม่ตั้งใจ และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของหลี่ถงซีที่ได้สัมผัสกับผู้ชาย ภายในห้วงความคิดของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด จนลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่กำลังจะพูดอะไร

ฉีเล่ยบีบมือของเธอไว้แน่น พยายามส่งสัญญาณให้ใจเย็นเข้าไว้ เขาหันไปจ้องตาซูเสี่ยวหยานเขม็งและกรนเสียงเย็นเอ่ยขึ้นว่า

“ไม่ว่าผมกับอาจารย์หลี่จะเป็นอะไรกัน แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ อีกอย่างนะ ทำไมถึงต้องพยายามสร้างปัญหาให้พวกเราอยู่ตลอด? อาจารย์หลี่ไปทำอะไรให้คุณไม่ทราบ?”

“เออ! ฉันเกลียดอีนี่! ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ก็มีแต่คนคอยเป็นห่วงอาจารย์หลี่เต็มไปหมดทุกหนทุกแห่ง!”

ซูเสี่ยวหยานชี้หน้าก่นด่าทั้งคู่ไปชุดหนึ่ง ปลายนิ้วเรียวประดับประดาเล็บเจลสีดำของเธอสั่นเทาไม่หยุดและกล่าวต่อว่า

“นายก็อีกคน! พูดยังกับไม่เคยสร้างปัญหาอะไรให้ฉัน! ความจำเสื่อมแล้วรึไง! ที่ห้างเมื่อวานซืนน่ะ…”

ถ้าไม่นับเรื่องน่าอับอายกลางห้างวันนั้น ซูเสี่ยวหยานก็นึกไม่ออกเช่นกันสำหรับเหตุผลที่หานหมิงต้าทิ้งเธอไป? เรื่องลีลาบนเตียงของเธอทั้งดุเด็ดเผ็ดมันส์และสม่ำเสมออยู่ตลอด ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หานหมิงต้าเลือกคบกับเธอ

          ดังนั้นซูเสี่ยวหยานจึงเบนความสงสัยไปยังฉีเล่ย อีกฝ่ายจะต้องทำอะไรสักอย่างในขณะที่เดินเข้ามาใกล้เธอแน่นอน และราวกับรู้อนาคตล่วงหน้าเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตะโกนเสียงดังลั่นว่าเธอ‘ฉี่แตก’แน่นอน

          และถ้าไม่ใช่เพราะเสียงตะโกนของเขา ถึงเธอจะฉี่แตกจริงๆแต่ทุกคนคงไม่ทันได้สังเกตแน่นอน และหานหมิงต้าคงไม่ต้องมาทิ้งเธอไปแบบนี้ หากลองย้อนกลับไปดีๆ มันจะวกกลับเข้าคำถามเดิมที่ว่า ฉีเล่ยรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังฉี่รดกางเกงอยู่?

หรือจะให้สรุปเขาไม่ใช่คน? แล้วเป็นผีรึไง?

          ฉีเล่ยแสร้งตีหน้าซื่อกล่าวขึ้นด้วยท่าทีไร้เดียงสาว่า

“ห่ะ? ห้าง? เกิดอะไรขึ้นในห้างเหรอครับ?”

“นาย! นายนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”

ซูเสี่ยวหยานเนื้อตัวสั่นเทาชี้หน้าด่าด้วยความโกรธจัด

ฉีเล่ยยักไหล่ปั้นหน้าไร้เดียงสาตอบ

“อย่าด่ากันลอยๆสิครับ ผมไร้ยางอายเรื่องอะไรล่ะ?”

“ดี! ดี! ดีมาก! เสแสร้งเก่งดีหนิ แล้วคอยดูได้เลยว่า ฉันจะจัดการนายยังไง!”

ซูเสี่ยวหยานโกรธจัดจนกระทืบเท้าลงพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะตัดสินใจเลิกพล่ามไร้สาระกับคนพวกนี้อีก เธอเชิดหน้าเดินขึ้นตัวอาคารไป ก่อนจากกันยังหันมายกมือถือถ่ายรูปของฉีเล่ยกับหลี่ถงซี เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงให้คณบดีและเพื่อนร่วมงานเห็นว่า‘อาจารย์สาวกับนักศึกษาหนุ่มกำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมกันอยู่’

ขณะซูเสี่ยวหยานที่กำลังจะเดินขึ้นตัวอาคารไป ก็พลันได้ยินเสียงของฉีเล่ยตะโกนลั่นไล่หลังมาแต่ไกล

“อ่อ! จำได้แล้วครับ! เรื่องที่คุณฉี่แตกกลางห้างต่อหน้าสาธารณะชนและแฟนตัวเองใช่ไหม! แล้วทางฝ่ายชายเป็นยังไงบ้างครับ? คืนดีกันรึยัง! แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เรื่องนี้ผมจะเก็บเป็นความลับ!!”

ซูเสี่ยวหยานแทบสะดุดส้นสูงตัวเองล้มหน้าคะมำเมื่อได้ยิน

“ไอ้เด็กเหลือขอ! แกไม่ตายดีแน่!”

ซูเสี่ยวหยานก่นด่าสาปแช่งด้วยความโมโห ดวงตาคู่นั้นของเธอพลันเห่อร้อนขึ้นทันที ก่อนจะมีน้ำตาธารน้อยรินไหลออกมาจนเปียกชื้น

 “ไปกันเถอะ”

หลี่ถงซีเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเรียบ

ฉีเล่ยหันมาจับจ้องหลี่ถงซีอยู่แวบหนึ่ง พลางเอ่ยถามขึ้นว่า

“สงสารเธอเหรอ?”

“เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารนะ”

หลี่ถงซีกล่าวยอมรับไปตามตรง

ฉีเล่ยยักไหล่อย่างไม่ใสใจ

“ทุกคนย่อมมีข้อเสีย ถึงแบบนั้นความเกลียดชังภายในใจเธอคนนั้นมันชัดเจนเกินไป การยื่นความเมตตาให้ไม่นับเป็นวิธีที่ฉลาดเท่าไหร่ ถ้ามีโอกาสแก้แค้น นิสัยอย่างเธอไม่มีทางปรานีแน่นอน ถ้าคุณไม่เชื่อ ส่งผมเสร็จแล้วกลับขึ้นไปห้องพักอาจารย์รอเลย ข่าวนี้คงกระจายไปทั่วทั้งตึกแล้วแน่ๆ พอถึงตอนนั้นคุณจะอธิบายกับทุกคนยังไงล่ะ?”

“ฉัน…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน 69 ความเกลียดชัง

Now you are reading ยอดคุณหมอสกุลเฉิน Chapter 69 ความเกลียดชัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่69 ความเกลียดชัง

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ฉีเล่ยก็นั่งBMWของหลี่ถงซีติดรถของเธอมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่ง

วันนี้เป็นวันแรกในฐานะอาจารย์

เมื่อฉีเล่ยขึ้นรถมา หลี่ถงซีพลันสังเกตเห็นท่าทีอ่อนเพลียของอีกฝ่าย สภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นแบบนั้น แถมยังมีรอยคล้ำใต้ดวงตาอีก เธอจึงเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า

“เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ?”

“อืม”

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆถึงนอนไม่หลับ?”

“เมื่อคืนพอกลับถึงห้องพยายามหลับแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ไม่หลับ ก็เลยตื่นมาอ่านหนังสือสักพัก เอ่อ…มันเกี่ยวกับอะไรสักอย่างนี่แหละ เท่าที่จำได้ก็ ‘7ปีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ปกครองอำนาจด้วยความกลัว’ ส่วนท่อนสุดท้ายดันจำไม่ได้เพราะหลับไปซะก่อน”

“….”

มุมปากของหลี่ถงซีพลันกระตุกขึ้นอย่างแรง เธอพยายามกลั้นขำสุดชีวิต

มหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งเป็นสถานศึกษาที่อุดมไปด้วยสาขาการแพทย์ที่สำคัญและหลากหลายแขนงที่สุดในจีน ภายในนี้กว้างใหญ่เป็นอย่างมาก กินพื้นที่ในเมืองหลงไปถึงหนึ่งส่วนเต็ม ประกอบไปด้วย มหาวิทยาลัย, โรงพยาบาลในเครือ อาคารแพทย์เบื้องต้น อาคารวิศวกรรมชีวการแพทย์ อาคารเวชศาสตร์ อาคารสารธรณสุข อาคารแพทย์แผนจีนและอื่นๆอีกมากมาย

หลี่ถงซีเป็นอาจารย์อยู่ในอาคารวิศวกรรมชีวการแพทย์ ทั้งยังควบตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน ในขณะเดียวกัน สถานที่นี่ฉีเล่ยต้องไปเป็นอาคารแพทย์แผนจีน

ทั้งสองเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่สถานที่ทำงานกลับไม่ได้อยู่ในตัวอาคารเดียวกัน

ขับรถเข้ามาในมหาวิทยาลัย ตรงมายังอาคารวิศวกรรมชีวการแพทย์ หลี่ถงซีเอ่ยขึ้นว่า

“จอดรถไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันจะเดินไปส่งคุณที่อาคารแพทย์แผนจีนข้างๆ รายงานตัวด้วยล่ะ”

ฉีเล่ยพยักหน้าตอบ

 รถของหลี่ถงซีแล่นเข้าซองเข้าจอดในลานจอดรถใต้อาคารเรียน แต่ทันใดนั้นก็มีรถสีแดงคันหนึ่งพุ่งเข้ามาเทียบข้างอย่างดุเดือด

ซูเสี่ยวหยานกระโจนลงจากรถชี้หน้าใส่หลี่ถงซีกับฉีเล่ยที่เพิ่งลงมาจากรถเช่นกันและกล่าวว่า

“จับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ว่าแอบคบชู้กับนักศึกษาของตัวเอง! ทีนี้ยังมีอะไรจะเถียงอีกไหม? อยากแถก็แถมาสิ!?”

บนโลกใบนี้มีคนสามประเภทที่รับมือได้ยากที่สุดคือ ขอทาน, นักบวชและผู้หญิง

ในชีวิตจริง ขอทานกับนักบวชไม่ใช่บุคคลที่จะเข้าใกล้ได้โดยง่าย และแน่นอนว่าด้วยสภาพสังคมทางปัจจุบัน บุคคลทั้งสองประเภทนี้ถูกด้อยค่าลงอย่างมาก ถึงแม้จะมีโอกาสได้พบเจอจริงๆ แต่ตัวคุณเองย่อมสามารถมแยกออกได้ทันทีที่เห็นว่าพวกเขาเป็นขอทานหรือนักบวช หากใส่ชุดเสื้อผ้าโทรมๆก็คือขอทาน แต่ถ้าหัวโล้นนุ่งเหลืองห่มเหลืองก็หมายถึงนักบวช

ดังนั้นแล้ว ในยุคปัจจุบันจึงเหลือแค่คนประเภทเดียวที่รับมือได้ยากที่สุดก็คือ ผู้หญิง

เมื่อเปรียบเทียบกับขอทานและนักบวชแล้ว ผู้หญิงมีอำนาจปกครองและห่มเหงผู้ชายมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์ชาติมนุษย์ และที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ ตรรกะอันแสนซับซ้อนและเข้าใจยาก มันเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่จะทำความเข้าใจผู้หญิงพวกนี้ ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์บ่อยครั้งที่จู่ๆฝ่ายหญิงก็เกิดอาการน้อยใจหรือโกรธฝ่ายชายโดยไม่มีเหตุผล หรืออาจถึงขั้นเก็บไปเป็นความแค้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงสองคนนี้ที่น่ากลัวเป็นพิเศษ

คนหนึ่งเป็นหญิงสาวผู้แสนเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็ง แถมยังป่วยทางจิต ส่วนอีกคนก็ดูกระตือรือร้นตลอดเวลา เนื้อแท้กลับเน่าเฟะ แต่ภายนอกกลับแสร้งทำตัวเป็นดอกไม้สวยที่ผู้คนมักเชยชม สิ่งที่โปรดปรานที่สุดคงจะเป็น การได้เกาะแข้งเกาะขาบรรดาบุคคลที่ประสบความสำเร็จแล้วในชีวิต

อย่างไรก็ตาม ซูเสี่ยวหยานคนนี้รังเกียจพวกเขาสองคนยิ่งกว่าอะไรดี พอนึกถึงภาพฉากในตอนนั้นที่เธอฉี่รดกางเกงกลางห้างต่อหน้าสาธารณะชน ก็อาฆาตแค้นซะจนอยากสับชายหญิงคู่นี้ให้แหลกเป็นพันหมื่นชิ้น

และสิ่งที่น่าเศร้าใจที่สุดคือ หลังจากกลับไปในวันนั้น หานหมิงต้าก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ไม่ว่าเธอจะต้องการอธิบายขนาดไหน อีกฝ่ายกลับไม่ให้โอกาสใดๆอีกต่อไป

เขาเป็นถึงเศรษฐีผู้ร่ำรวยอันดับต้นๆของปักกิ่ง ซูเสี่ยวหยานพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครอบครองอีกฝ่าย แม้จะถูกตราหน้านินทาว่า เก็บกินของเหลือจากคนอื่นก็ตาม

แต่ในตอนนี้อีกฝ่ายกลับทิ้งเธอไปแล้ว

ซูเสี่ยวหยานถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับไปถึงสองคืนเต็ม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะต้องหาทางแก้แค้นและทำให้หลี่ถงซีเสื่อมเสียชื่อเสียงทั้งหมดไป

และแล้วโอกาสก็มาถึงเร็วกว่าที่คิด ในฐานะอาจารย์ หลี่ถงซีกระทำการฉาวมีสัมพันธ์ต้องห้ามกับลูกศิษย์ตัวเอง พวกเขาทั้งคู่ขึ้นรถคันเดียวกันมามหาวิทยาลัยกันตั้งแต่เช้าตรู่ เป็นที่ชัดเจนว่าทั้งสองจะต้องใช้เวลาร่วมรักกันเมื่อคืน

รอบนี้จับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ ฉันขอดูหน่อยว่ายังจะแก้ตัวอะไรได้อีก?

หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ไล่ออกไม่ต้องพูดถึง และแม้จะมีเส้นสายของคุณปู่เธอคอยช่วย อย่างดีที่สุดก็ได้อยู่ต่อ แต่เรื่องตำแหน่งหน้าที่การงานในอนาคตอย่าหวังจะได้ก้าวหน้า คงเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแบบนี้จนเน่าตายทั้งเป็น

“ทำไม? ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ?”

ซูเสี่ยวหยานยกมือเท้าสะเอวจับจ้องทั้งสองอย่างเย่อหยิ่ง

“พวกเราต่างเป็นอาจารย์มีหน้าที่สั่งสอนให้ความรู้ แต่เธอกลับหน้าไม่อายทำเรื่องต่ำตมกับลูกศิษย์ ถ้าท่านคณบดีรู้เข้าจะคิดยังไง? เรื่องฉาวระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์แบบนี้ ถ้าแพร่กระจายออกไป มหาวิทยาลัยของเราจะเสื่อมเสียชื่อเสียงขนาดไหน?”

เธอได้ตัดสินใจแล้วว่า จะนำเรื่องนี้ไปรายงานให้กับคณบดีทราบ และเธอเองยังมีหลักฐานอยู่ต่อหน้าต่อตา เพียงแค่นี้มันก็มัดแน่นพอจนทั้งคู่เถียงไม่ออกแล้ว

หลี่ถงซีขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะกำลังจะโต้ตอบอีกฝ่ายกลับไป แต่จู่ๆฉีเล่ยก็หยุดเธอเอาไว้

มือของคนทั้งสองสัมผัสกันโดยไม่ตั้งใจ และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของหลี่ถงซีที่ได้สัมผัสกับผู้ชาย ภายในห้วงความคิดของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด จนลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่กำลังจะพูดอะไร

ฉีเล่ยบีบมือของเธอไว้แน่น พยายามส่งสัญญาณให้ใจเย็นเข้าไว้ เขาหันไปจ้องตาซูเสี่ยวหยานเขม็งและกรนเสียงเย็นเอ่ยขึ้นว่า

“ไม่ว่าผมกับอาจารย์หลี่จะเป็นอะไรกัน แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ อีกอย่างนะ ทำไมถึงต้องพยายามสร้างปัญหาให้พวกเราอยู่ตลอด? อาจารย์หลี่ไปทำอะไรให้คุณไม่ทราบ?”

“เออ! ฉันเกลียดอีนี่! ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ก็มีแต่คนคอยเป็นห่วงอาจารย์หลี่เต็มไปหมดทุกหนทุกแห่ง!”

ซูเสี่ยวหยานชี้หน้าก่นด่าทั้งคู่ไปชุดหนึ่ง ปลายนิ้วเรียวประดับประดาเล็บเจลสีดำของเธอสั่นเทาไม่หยุดและกล่าวต่อว่า

“นายก็อีกคน! พูดยังกับไม่เคยสร้างปัญหาอะไรให้ฉัน! ความจำเสื่อมแล้วรึไง! ที่ห้างเมื่อวานซืนน่ะ…”

ถ้าไม่นับเรื่องน่าอับอายกลางห้างวันนั้น ซูเสี่ยวหยานก็นึกไม่ออกเช่นกันสำหรับเหตุผลที่หานหมิงต้าทิ้งเธอไป? เรื่องลีลาบนเตียงของเธอทั้งดุเด็ดเผ็ดมันส์และสม่ำเสมออยู่ตลอด ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หานหมิงต้าเลือกคบกับเธอ

          ดังนั้นซูเสี่ยวหยานจึงเบนความสงสัยไปยังฉีเล่ย อีกฝ่ายจะต้องทำอะไรสักอย่างในขณะที่เดินเข้ามาใกล้เธอแน่นอน และราวกับรู้อนาคตล่วงหน้าเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตะโกนเสียงดังลั่นว่าเธอ‘ฉี่แตก’แน่นอน

          และถ้าไม่ใช่เพราะเสียงตะโกนของเขา ถึงเธอจะฉี่แตกจริงๆแต่ทุกคนคงไม่ทันได้สังเกตแน่นอน และหานหมิงต้าคงไม่ต้องมาทิ้งเธอไปแบบนี้ หากลองย้อนกลับไปดีๆ มันจะวกกลับเข้าคำถามเดิมที่ว่า ฉีเล่ยรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังฉี่รดกางเกงอยู่?

หรือจะให้สรุปเขาไม่ใช่คน? แล้วเป็นผีรึไง?

          ฉีเล่ยแสร้งตีหน้าซื่อกล่าวขึ้นด้วยท่าทีไร้เดียงสาว่า

“ห่ะ? ห้าง? เกิดอะไรขึ้นในห้างเหรอครับ?”

“นาย! นายนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”

ซูเสี่ยวหยานเนื้อตัวสั่นเทาชี้หน้าด่าด้วยความโกรธจัด

ฉีเล่ยยักไหล่ปั้นหน้าไร้เดียงสาตอบ

“อย่าด่ากันลอยๆสิครับ ผมไร้ยางอายเรื่องอะไรล่ะ?”

“ดี! ดี! ดีมาก! เสแสร้งเก่งดีหนิ แล้วคอยดูได้เลยว่า ฉันจะจัดการนายยังไง!”

ซูเสี่ยวหยานโกรธจัดจนกระทืบเท้าลงพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะตัดสินใจเลิกพล่ามไร้สาระกับคนพวกนี้อีก เธอเชิดหน้าเดินขึ้นตัวอาคารไป ก่อนจากกันยังหันมายกมือถือถ่ายรูปของฉีเล่ยกับหลี่ถงซี เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงให้คณบดีและเพื่อนร่วมงานเห็นว่า‘อาจารย์สาวกับนักศึกษาหนุ่มกำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมกันอยู่’

ขณะซูเสี่ยวหยานที่กำลังจะเดินขึ้นตัวอาคารไป ก็พลันได้ยินเสียงของฉีเล่ยตะโกนลั่นไล่หลังมาแต่ไกล

“อ่อ! จำได้แล้วครับ! เรื่องที่คุณฉี่แตกกลางห้างต่อหน้าสาธารณะชนและแฟนตัวเองใช่ไหม! แล้วทางฝ่ายชายเป็นยังไงบ้างครับ? คืนดีกันรึยัง! แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เรื่องนี้ผมจะเก็บเป็นความลับ!!”

ซูเสี่ยวหยานแทบสะดุดส้นสูงตัวเองล้มหน้าคะมำเมื่อได้ยิน

“ไอ้เด็กเหลือขอ! แกไม่ตายดีแน่!”

ซูเสี่ยวหยานก่นด่าสาปแช่งด้วยความโมโห ดวงตาคู่นั้นของเธอพลันเห่อร้อนขึ้นทันที ก่อนจะมีน้ำตาธารน้อยรินไหลออกมาจนเปียกชื้น

 “ไปกันเถอะ”

หลี่ถงซีเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเรียบ

ฉีเล่ยหันมาจับจ้องหลี่ถงซีอยู่แวบหนึ่ง พลางเอ่ยถามขึ้นว่า

“สงสารเธอเหรอ?”

“เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารนะ”

หลี่ถงซีกล่าวยอมรับไปตามตรง

ฉีเล่ยยักไหล่อย่างไม่ใสใจ

“ทุกคนย่อมมีข้อเสีย ถึงแบบนั้นความเกลียดชังภายในใจเธอคนนั้นมันชัดเจนเกินไป การยื่นความเมตตาให้ไม่นับเป็นวิธีที่ฉลาดเท่าไหร่ ถ้ามีโอกาสแก้แค้น นิสัยอย่างเธอไม่มีทางปรานีแน่นอน ถ้าคุณไม่เชื่อ ส่งผมเสร็จแล้วกลับขึ้นไปห้องพักอาจารย์รอเลย ข่าวนี้คงกระจายไปทั่วทั้งตึกแล้วแน่ๆ พอถึงตอนนั้นคุณจะอธิบายกับทุกคนยังไงล่ะ?”

“ฉัน…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+