ยอดนักรบจอมราชัน 109 ถามถึงปัญหา

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 109 ถามถึงปัญหา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คืนนั้นเย่เชียนไม่ได้กลับไปที่บ้านของฉินหยู แต่เขาไปอยู่ที่บ้านของหลินโรโร่วแทน เพราะหลินโรโร่วนั้นเอาใจใส่ต่อความต้องการของเขาเหมือนกับภรรยาที่อ่อนโยนและใจดี

ส่วนม่อหลง เขาไม่ได้มากับพวกเขาด้วย เพราะในระหว่างทาง เขาขอลงจากรถซึ่งเย่เชียนก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปที่ไหนแต่เขาก็ได้เพียงร่ำลาโดยไม่ได้ถามอะไรอื่นไปเนื่องจากนอกเหนือไปจากช่วงเวลาที่พวกเขาปฏิบัติภารกิจในนามของกลุ่มเขี้ยวหมาป่า เวลาที่เหลือก็เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนทั้งหมด

เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เชียนไม่ได้ตื่นเช้าเหมือนเช่นทุกวัน แต่หลินโรโร่วเธอยังคงต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงาน

หลังจากที่เธอเตรียมอาหารเช้าให้เย่เชียนเสร็จแล้ว เธอก็กลับไปที่ห้องนอนอีกทีและเห็นเย่เชียนยังคงหลับสนิท เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างซุกซนและมีความสุข

“คนขี้เกียจ… ลุกมากินข้าวเช้าได้แล้วนะ” หลินโรโร่วบีบจมูกเย่เชียนเบา ๆ และบิดมันไปมาขณะพูด

อันที่จริงเย่เชียนตื่นตั้งนานแล้ว แต่เมื่อได้สัมผัสกับกลิ่นหอม ๆ ที่ติดอยู่บนเตียงของหลินโรโร่ว เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายมาก พอเขาได้ยินเสียงหลินโรโร่วเดินกลับเข้ามาในห้อง เขาเลยแกล้งทำเป็นหลับต่อ และเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลินโรโร่วดังขึ้นข้างหู เย่เชียนก็ลืมตาขึ้นและดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาพร้อมพูดว่า “ภรรยาของผม… คุณจะฆ่าสามีของคุณเหรอ ?”

หลินโรโร่วอ้าปากค้าง หลังจากตกลงไปในอ้อมแขนของเย่เชียน เธอบุ้ยปากและพูดว่า “ใครเป็นภรรยาของคุณไม่ทราบ… คุณนี่ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ เลยนะ”

“ไม่ใช่เหรอ ? คุณไม่ใช่ภรรยาของผมเหรอ…? ผมต้องขอโทษด้วย ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะออกไปหาภรรยาของผมเองก็ได้”

“คุณกล้ามั้ยล่ะ ?” หลินโรโร่วจ้องเย่เชียนเขม็งและพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ

เย่เชียนยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ผมจะกล้าได้ยังไงกันล่ะ ก็คุณน่ะคือสวรรค์และโลกของผมไปแล้วนี่นา… ทุกส่วนในตัวของผมมันเป็นของคุณนะ โรโร่ว ภรรยาตัวน้อยที่น่ารักที่สุดของผม”

“ปากหวานดีจริง ๆ นะคนทะเล้น” หลินโรโร่วทำหน้ามุ่ยและพูดต่ออีกว่า “มา… รีบตื่นมากินอาหารเช้าเร็ว ๆ เข้า ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะเย็นชืดซะหมด”

“ไม่เอา… ผมอยากนอนต่ออีกและคุณก็ต้องอยู่กับผมด้วย… ผมจะนอนกอดคุณอยู่อย่างนี้แหละ” เย่เชียนพูดหยอกเย้าเธอ และในขณะเดียวกันเขาก็เอาใบหน้าของเขาซุกเข้าไปที่หน้าอกของหลินโรโร่ว

“หยุดนะ… ไม่เอา!” หลินโรโร่วพูดอย่างเขิน ๆ “ฉันต้องไปทำงานแล้ว… เดี๋ยวจะสาย”

เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ และโต้เถียงกับเธอต่ออีกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ปล่อยเธอไปและพูดว่า “คุณต้องจูบผมก่อนนะ… เพราะถ้าคุณไม่จูบ… คุณก็ไปไม่ได้ ผมไม่ปล่อยคุณไปหรอก”

จุ๊บ!

หลินโรโร่วจูบแก้มของเย่เชียนเบา ๆ อย่างช่วยไม่ได้ เธอจุ๊บและผละออกไปแบบเร็วมากเพราะเธอเขินมาก

“นี่เย่เชียน ถ้าคุณยังไม่อยากลุกออกจากเตียง คุณก็นอนต่อไปก่อนก็ได้… ฉันจะทิ้งอาหารเช้าเอาไว้ที่โต๊ะ ถ้าคุณหิวคุณก็เอามันไปอุ่นนะ ฉันต้องไปก่อนละ”

เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขขณะเฝ้าดูหลินโรโร่วออกไป จากนั้นเขาก็นอนลงบนเตียงต่อ เย่เชียนมีความสุขและไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ เมื่ออยู่กับเธอ แม้แต่การได้กลิ่นหอม ๆ ของเธอก็ทำให้เขารู้สึกสงบลง เย่เชียนรู้สึกว่าเขาต้องพึ่งพาผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

กลิ่นหอมจาง ๆ ของหลินโรโร่วที่ติดอยู่บนหมอนทำให้เย่เชียนกลับเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าเขากลับไม่ได้นอนหลับอย่างที่ใจอยากเพราะโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เย่เชียนหยิบมันขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์โดยไม่ได้มองว่าใครเป็นคนโทรมา เขาพูดไปอย่างโกรธเคือง

“ฮัลโหล…? ใคร ? มีอะไรก็ว่ามา ? ถ้าไม่พูดผมจะวางแล้วนะ”

คนปลายสายตกใจผงะเงียบไปชั่วขณะ แต่เมื่อเย่เชียนได้ยินเสียงจากปลายสายเท่านั้นแหละ เขาก็ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันทีและหัวเราะแห้ง ๆ จากนั้นก็พูดว่า “แหะ ๆ ๆ ดะ… ได้ครับคุณป้า… เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เย่เชียนก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาออก จากนั้นก็พึมพำกับตัวเอง ‘ไอ้บ้าเอ๊ย! เรานี่สร้างปัญหาอีกแล้ว’ เย่เชียนไม่รู้ว่าคุณป้าผู้เป็นแม่ของหลินโรโร่วได้เบอร์โทรศัพท์ของเขาไปได้อย่างไร แต่เขาเดาเอาว่าคุณป้าอาจจะถามมาจากหลินโรโร่วก็เป็นได้

เย่เชียนถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่พลางคิดว่า ‘ยัยโง่! ทำไมเธอถึงไม่เล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังก่อนกันนะ’ เพราะเธอไม่ได้บอกเขาแท้ ๆ เขาถึงหลุดพูดคำหยาบเหล่านั้นออกไปเมื่อสักครู่นี้และมันก็ได้ทำลายภาพลักษณ์ของเขาทิ้งไปทั้งหมด

เย่เชียนไม่รีรอ เขารีบลุกออกจากเตียงและใส่เสื้อผ้า ขณะที่เขาเดินไปที่ห้องน้ำและเดินผ่านกระจก เขาก็มองดูเงาสะท้อนของตัวเองที่อยู่ตรงหน้าและเห็นว่าสภาพของตนในตอนนี้นั้นดูค่อนข้างจะน่าอนาถ

นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเขากับคุณป้าซึ่งเป็นคุณแม่ของหลินโรโร่ว เขาจึงไม่กล้าที่จะไปสายและสร้างความประทับใจที่ไม่ดีเอาไว้ ดังนั้นหลังจากที่เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบวิ่งหน้าตั้งออกไปทันที

โชคร้าย! ดูเหมือนกับว่าเทพเจ้ากำลังกลั่นแกล้งเขาอยู่ เพราะเขากำลังรีบแท้ ๆ แต่กลับไม่มีรถแท็กซี่บนท้องถนนเลย แม้แต่รถประจำทางก็ไม่มีผ่านมาสักคัน ส่วนรถที่ขับผ่านไปมาก็มีผู้โดยสารนั่งอยู่แล้ว มันจึงทำให้เย่เชียนรู้สึกหดหู่ใจมาก หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคิดว่าตัวเองคงจะไปสายอย่างแน่นอน

ในขณะที่เย่เชียนเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย จู่ ๆ ก็มีรถส่วนตัวของใครคนหนึ่งขับมามาจอดอยู่ตรงหน้าของเขา

ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างในลดกระจกลงและยื่นหน้าออกมาดูนอกหน้าต่าง เธอพูดขึ้นว่า “อ้าว คุณผู้มีพระคุณนี่นา… ช่างบังเอิญจริง ๆ ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่ คุณดูค่อนข้างกังวลนะ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าคะ มาด้วยกันมั้ย ?”

เธอคนนี้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เธอคือหม้ายสาวที่เย่เชียนได้ช่วยชีวิตเอาไว้ จีเมิงฉิงนั่นเอง

“ขอบคุณมากครับ… ผมมีเรื่องด่วนต้องจัดการ ถ้างั้นผม… เอ่อ… ขอรบกวนให้คุณไปส่งผมที่ศาลาเซียงเฟยหน่อยได้ไหมครับ ?”

“ได้สิคะ มาเลย ๆ ขึ้นมาเลยค่ะ”

เย่เชียนไม่รีรอ เขาเปิดประตูและเข้าไปในรถพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณมากครับ แต่ว่าอย่าเรียกผมว่าผู้มีพระคุณเลยนะครับ มันฟังดูน่าอึดอัดมาก… คุณแค่เรียกผมว่าเย่เชียนละกันนะ”

จีเมิงฉิงออกรถและมุ่งหน้าไปยังศาลาเซียงเฟย จากนั้นเธอก็พูดว่า “ครั้งก่อน… ที่ฉันบอกว่าฉันอยากจะเลี้ยงอาหารคุณเย่… แต่ช่วงนี้ฉันยุ่งมากเลย มันเลยทำให้ฉันต้องผลัดวันไปเรื่อย… ฉันต้องขอโทษด้วย”

เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ “ไม่เป็นไรเลยครับ… เรายังมีเวลาอีกตั้งเยอะตั้งแยะ ว่าแต่ธุรกิจร้านอาหารของคุณเป็นยังไงบ้างครับ ?”

“มันไม่เลวเลย… ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดีตามมาตรฐานเลยล่ะ” จีเมิงฉิงตอบอย่างมีความสุขและพูดต่ออีกว่า “ถ้ามันไม่ใช่เพราะคุณเย่ล่ะก็… ชีวิตของฉันคงไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้หรอกค่ะ”

“อย่าพูดอะไรแบบนั้นเลยครับ… ชีวิตของคุณเป็นแบบนี้ก็เพราะความบากบั่นและมุมานะของคุณเองนั่นแหละ… มันไม่ใช่เพราะผมหรอก” เย่เชียนยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะพูด

จีเมิงฉิงไม่สามารถเข้าใจถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเย่เชียนได้อย่างชัดเจน เพราะหากเธอคิดกับเขาแค่เพียงว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้เพียงเท่านั้น แล้วทำไมเธอถึงต้องฝันถึงเขาและนึกถึงเขาทุกคืนตั้งแต่นั้นมาด้วย ?

แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเธอเองมีความรู้สึกกับเย่เชียนแบบเกินกว่าคนรู้จักกัน เพราะหลังจากที่เธอแต่งงานมีลูกแล้ว ความรักสำหรับเธอนั้นเป็นสิ่งที่ไร้สาระและเธอก็ไม่เชื่อในการมีอยู่ของคำว่ารักแท้

“คุณดูกังวลมากนะ… คุณมีธุระด่วนอะไรที่นั่นเหรอ ?”

“ใช่ครับ… ผมเป็นกังวลนิดหน่อย พอดีผมต้องไปเจอใครสักคนที่นั่นและการไปสายมันก็ไม่น่าปลื้มเท่าไหร่” เย่เชียนตอบอย่างเรียบง่าย

จีเมิงฉิงพยักหน้าและไม่ถามต่อ เมื่อเทียบกับฉินหยู หลินโรโร่ว และสาว ๆ คนอื่น ๆ แล้ว เธอคนนี้ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับบุคลิกของผู้ชายมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เธอรู้ว่ามีหลายสิ่งที่สามารถถามได้และมีอีกหลายสิ่งที่ไม่ควรถาม สิ่งไหนที่ควรพูดและสิ่งไหนที่ไม่ควรพูด

หลังจากเงียบอยู่พักหนึ่ง จีเมิงฉิงก็ถามว่า “คุณเย่คะ… นี่ก็ใกล้จะถึงวันเกิดของเบ็งเบ็งแล้ว ฉันอยากเชิญคุณไปที่บ้านของฉันเพื่อทานอาหารเย็นจะได้มั้ยคะ ?”

เย่เชียนตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อเขาเห็นสีหน้าที่ดูคาดหวังอย่างมากของจีเมิงฉิง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ตอบไปว่า “ได้ครับ… เมื่อไหร่เหรอ ?”

“วันที่ยี่สิบห้านี้ค่ะ” จีเมิงฉิงพูด หลังจากนั้นเธอก็บอกที่อยู่ของเธอให้กับเย่เชียน

เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “ได้ครับ… แล้วเจอกันนะครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 109 ถามถึงปัญหา

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 109 ถามถึงปัญหา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คืนนั้นเย่เชียนไม่ได้กลับไปที่บ้านของฉินหยู แต่เขาไปอยู่ที่บ้านของหลินโรโร่วแทน เพราะหลินโรโร่วนั้นเอาใจใส่ต่อความต้องการของเขาเหมือนกับภรรยาที่อ่อนโยนและใจดี

ส่วนม่อหลง เขาไม่ได้มากับพวกเขาด้วย เพราะในระหว่างทาง เขาขอลงจากรถซึ่งเย่เชียนก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปที่ไหนแต่เขาก็ได้เพียงร่ำลาโดยไม่ได้ถามอะไรอื่นไปเนื่องจากนอกเหนือไปจากช่วงเวลาที่พวกเขาปฏิบัติภารกิจในนามของกลุ่มเขี้ยวหมาป่า เวลาที่เหลือก็เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนทั้งหมด

เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เชียนไม่ได้ตื่นเช้าเหมือนเช่นทุกวัน แต่หลินโรโร่วเธอยังคงต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงาน

หลังจากที่เธอเตรียมอาหารเช้าให้เย่เชียนเสร็จแล้ว เธอก็กลับไปที่ห้องนอนอีกทีและเห็นเย่เชียนยังคงหลับสนิท เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างซุกซนและมีความสุข

“คนขี้เกียจ… ลุกมากินข้าวเช้าได้แล้วนะ” หลินโรโร่วบีบจมูกเย่เชียนเบา ๆ และบิดมันไปมาขณะพูด

อันที่จริงเย่เชียนตื่นตั้งนานแล้ว แต่เมื่อได้สัมผัสกับกลิ่นหอม ๆ ที่ติดอยู่บนเตียงของหลินโรโร่ว เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายมาก พอเขาได้ยินเสียงหลินโรโร่วเดินกลับเข้ามาในห้อง เขาเลยแกล้งทำเป็นหลับต่อ และเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลินโรโร่วดังขึ้นข้างหู เย่เชียนก็ลืมตาขึ้นและดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาพร้อมพูดว่า “ภรรยาของผม… คุณจะฆ่าสามีของคุณเหรอ ?”

หลินโรโร่วอ้าปากค้าง หลังจากตกลงไปในอ้อมแขนของเย่เชียน เธอบุ้ยปากและพูดว่า “ใครเป็นภรรยาของคุณไม่ทราบ… คุณนี่ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ เลยนะ”

“ไม่ใช่เหรอ ? คุณไม่ใช่ภรรยาของผมเหรอ…? ผมต้องขอโทษด้วย ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะออกไปหาภรรยาของผมเองก็ได้”

“คุณกล้ามั้ยล่ะ ?” หลินโรโร่วจ้องเย่เชียนเขม็งและพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ

เย่เชียนยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ผมจะกล้าได้ยังไงกันล่ะ ก็คุณน่ะคือสวรรค์และโลกของผมไปแล้วนี่นา… ทุกส่วนในตัวของผมมันเป็นของคุณนะ โรโร่ว ภรรยาตัวน้อยที่น่ารักที่สุดของผม”

“ปากหวานดีจริง ๆ นะคนทะเล้น” หลินโรโร่วทำหน้ามุ่ยและพูดต่ออีกว่า “มา… รีบตื่นมากินอาหารเช้าเร็ว ๆ เข้า ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะเย็นชืดซะหมด”

“ไม่เอา… ผมอยากนอนต่ออีกและคุณก็ต้องอยู่กับผมด้วย… ผมจะนอนกอดคุณอยู่อย่างนี้แหละ” เย่เชียนพูดหยอกเย้าเธอ และในขณะเดียวกันเขาก็เอาใบหน้าของเขาซุกเข้าไปที่หน้าอกของหลินโรโร่ว

“หยุดนะ… ไม่เอา!” หลินโรโร่วพูดอย่างเขิน ๆ “ฉันต้องไปทำงานแล้ว… เดี๋ยวจะสาย”

เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ และโต้เถียงกับเธอต่ออีกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ปล่อยเธอไปและพูดว่า “คุณต้องจูบผมก่อนนะ… เพราะถ้าคุณไม่จูบ… คุณก็ไปไม่ได้ ผมไม่ปล่อยคุณไปหรอก”

จุ๊บ!

หลินโรโร่วจูบแก้มของเย่เชียนเบา ๆ อย่างช่วยไม่ได้ เธอจุ๊บและผละออกไปแบบเร็วมากเพราะเธอเขินมาก

“นี่เย่เชียน ถ้าคุณยังไม่อยากลุกออกจากเตียง คุณก็นอนต่อไปก่อนก็ได้… ฉันจะทิ้งอาหารเช้าเอาไว้ที่โต๊ะ ถ้าคุณหิวคุณก็เอามันไปอุ่นนะ ฉันต้องไปก่อนละ”

เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขขณะเฝ้าดูหลินโรโร่วออกไป จากนั้นเขาก็นอนลงบนเตียงต่อ เย่เชียนมีความสุขและไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ เมื่ออยู่กับเธอ แม้แต่การได้กลิ่นหอม ๆ ของเธอก็ทำให้เขารู้สึกสงบลง เย่เชียนรู้สึกว่าเขาต้องพึ่งพาผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

กลิ่นหอมจาง ๆ ของหลินโรโร่วที่ติดอยู่บนหมอนทำให้เย่เชียนกลับเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าเขากลับไม่ได้นอนหลับอย่างที่ใจอยากเพราะโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เย่เชียนหยิบมันขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์โดยไม่ได้มองว่าใครเป็นคนโทรมา เขาพูดไปอย่างโกรธเคือง

“ฮัลโหล…? ใคร ? มีอะไรก็ว่ามา ? ถ้าไม่พูดผมจะวางแล้วนะ”

คนปลายสายตกใจผงะเงียบไปชั่วขณะ แต่เมื่อเย่เชียนได้ยินเสียงจากปลายสายเท่านั้นแหละ เขาก็ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันทีและหัวเราะแห้ง ๆ จากนั้นก็พูดว่า “แหะ ๆ ๆ ดะ… ได้ครับคุณป้า… เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เย่เชียนก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาออก จากนั้นก็พึมพำกับตัวเอง ‘ไอ้บ้าเอ๊ย! เรานี่สร้างปัญหาอีกแล้ว’ เย่เชียนไม่รู้ว่าคุณป้าผู้เป็นแม่ของหลินโรโร่วได้เบอร์โทรศัพท์ของเขาไปได้อย่างไร แต่เขาเดาเอาว่าคุณป้าอาจจะถามมาจากหลินโรโร่วก็เป็นได้

เย่เชียนถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่พลางคิดว่า ‘ยัยโง่! ทำไมเธอถึงไม่เล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังก่อนกันนะ’ เพราะเธอไม่ได้บอกเขาแท้ ๆ เขาถึงหลุดพูดคำหยาบเหล่านั้นออกไปเมื่อสักครู่นี้และมันก็ได้ทำลายภาพลักษณ์ของเขาทิ้งไปทั้งหมด

เย่เชียนไม่รีรอ เขารีบลุกออกจากเตียงและใส่เสื้อผ้า ขณะที่เขาเดินไปที่ห้องน้ำและเดินผ่านกระจก เขาก็มองดูเงาสะท้อนของตัวเองที่อยู่ตรงหน้าและเห็นว่าสภาพของตนในตอนนี้นั้นดูค่อนข้างจะน่าอนาถ

นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเขากับคุณป้าซึ่งเป็นคุณแม่ของหลินโรโร่ว เขาจึงไม่กล้าที่จะไปสายและสร้างความประทับใจที่ไม่ดีเอาไว้ ดังนั้นหลังจากที่เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบวิ่งหน้าตั้งออกไปทันที

โชคร้าย! ดูเหมือนกับว่าเทพเจ้ากำลังกลั่นแกล้งเขาอยู่ เพราะเขากำลังรีบแท้ ๆ แต่กลับไม่มีรถแท็กซี่บนท้องถนนเลย แม้แต่รถประจำทางก็ไม่มีผ่านมาสักคัน ส่วนรถที่ขับผ่านไปมาก็มีผู้โดยสารนั่งอยู่แล้ว มันจึงทำให้เย่เชียนรู้สึกหดหู่ใจมาก หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคิดว่าตัวเองคงจะไปสายอย่างแน่นอน

ในขณะที่เย่เชียนเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย จู่ ๆ ก็มีรถส่วนตัวของใครคนหนึ่งขับมามาจอดอยู่ตรงหน้าของเขา

ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างในลดกระจกลงและยื่นหน้าออกมาดูนอกหน้าต่าง เธอพูดขึ้นว่า “อ้าว คุณผู้มีพระคุณนี่นา… ช่างบังเอิญจริง ๆ ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่ คุณดูค่อนข้างกังวลนะ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าคะ มาด้วยกันมั้ย ?”

เธอคนนี้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เธอคือหม้ายสาวที่เย่เชียนได้ช่วยชีวิตเอาไว้ จีเมิงฉิงนั่นเอง

“ขอบคุณมากครับ… ผมมีเรื่องด่วนต้องจัดการ ถ้างั้นผม… เอ่อ… ขอรบกวนให้คุณไปส่งผมที่ศาลาเซียงเฟยหน่อยได้ไหมครับ ?”

“ได้สิคะ มาเลย ๆ ขึ้นมาเลยค่ะ”

เย่เชียนไม่รีรอ เขาเปิดประตูและเข้าไปในรถพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณมากครับ แต่ว่าอย่าเรียกผมว่าผู้มีพระคุณเลยนะครับ มันฟังดูน่าอึดอัดมาก… คุณแค่เรียกผมว่าเย่เชียนละกันนะ”

จีเมิงฉิงออกรถและมุ่งหน้าไปยังศาลาเซียงเฟย จากนั้นเธอก็พูดว่า “ครั้งก่อน… ที่ฉันบอกว่าฉันอยากจะเลี้ยงอาหารคุณเย่… แต่ช่วงนี้ฉันยุ่งมากเลย มันเลยทำให้ฉันต้องผลัดวันไปเรื่อย… ฉันต้องขอโทษด้วย”

เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ “ไม่เป็นไรเลยครับ… เรายังมีเวลาอีกตั้งเยอะตั้งแยะ ว่าแต่ธุรกิจร้านอาหารของคุณเป็นยังไงบ้างครับ ?”

“มันไม่เลวเลย… ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดีตามมาตรฐานเลยล่ะ” จีเมิงฉิงตอบอย่างมีความสุขและพูดต่ออีกว่า “ถ้ามันไม่ใช่เพราะคุณเย่ล่ะก็… ชีวิตของฉันคงไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้หรอกค่ะ”

“อย่าพูดอะไรแบบนั้นเลยครับ… ชีวิตของคุณเป็นแบบนี้ก็เพราะความบากบั่นและมุมานะของคุณเองนั่นแหละ… มันไม่ใช่เพราะผมหรอก” เย่เชียนยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะพูด

จีเมิงฉิงไม่สามารถเข้าใจถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเย่เชียนได้อย่างชัดเจน เพราะหากเธอคิดกับเขาแค่เพียงว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้เพียงเท่านั้น แล้วทำไมเธอถึงต้องฝันถึงเขาและนึกถึงเขาทุกคืนตั้งแต่นั้นมาด้วย ?

แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเธอเองมีความรู้สึกกับเย่เชียนแบบเกินกว่าคนรู้จักกัน เพราะหลังจากที่เธอแต่งงานมีลูกแล้ว ความรักสำหรับเธอนั้นเป็นสิ่งที่ไร้สาระและเธอก็ไม่เชื่อในการมีอยู่ของคำว่ารักแท้

“คุณดูกังวลมากนะ… คุณมีธุระด่วนอะไรที่นั่นเหรอ ?”

“ใช่ครับ… ผมเป็นกังวลนิดหน่อย พอดีผมต้องไปเจอใครสักคนที่นั่นและการไปสายมันก็ไม่น่าปลื้มเท่าไหร่” เย่เชียนตอบอย่างเรียบง่าย

จีเมิงฉิงพยักหน้าและไม่ถามต่อ เมื่อเทียบกับฉินหยู หลินโรโร่ว และสาว ๆ คนอื่น ๆ แล้ว เธอคนนี้ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับบุคลิกของผู้ชายมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เธอรู้ว่ามีหลายสิ่งที่สามารถถามได้และมีอีกหลายสิ่งที่ไม่ควรถาม สิ่งไหนที่ควรพูดและสิ่งไหนที่ไม่ควรพูด

หลังจากเงียบอยู่พักหนึ่ง จีเมิงฉิงก็ถามว่า “คุณเย่คะ… นี่ก็ใกล้จะถึงวันเกิดของเบ็งเบ็งแล้ว ฉันอยากเชิญคุณไปที่บ้านของฉันเพื่อทานอาหารเย็นจะได้มั้ยคะ ?”

เย่เชียนตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อเขาเห็นสีหน้าที่ดูคาดหวังอย่างมากของจีเมิงฉิง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ตอบไปว่า “ได้ครับ… เมื่อไหร่เหรอ ?”

“วันที่ยี่สิบห้านี้ค่ะ” จีเมิงฉิงพูด หลังจากนั้นเธอก็บอกที่อยู่ของเธอให้กับเย่เชียน

เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “ได้ครับ… แล้วเจอกันนะครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+