ยอดนักรบจอมราชัน 365 สงครามเครือญาติ

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 365 สงครามเครือญาติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 365 สงครามเครือญาติ

เฉาฮงหลีก็จ้องมองไปที่ซูเหว๋ยและถามอย่างจริงจังว่า “โปรเจคที่ร่วมมือกับเดอะมัวร์กรุ๊ปไปถึงไหนแล้ว? ..เดี๋ยวฉันจะมาดูในวันพรุ่งนี้!”

“พรุ่งนี้เหรอ? ..คุณไม่ได้หมายถึงมะรืนนี้หรอเหรอ?” ซูเหว๋ยขมวดคิ้วและถามด้วยความประหลาดใจ

“อ่อ..ฉันลืมบอกเธอไป” เฉาฮงหลีพูดต่อ “ฉันเพิ่งไปพบกับประธานของเดอะมัวร์กรุ๊ปมาเมื่อวานนี้และเธอก็บอกว่าเธอจะเลื่อนแผนพิจารณางานเป็นวันพรุ่งนี้..ตอนนั้นฉันติดธุรกิจพอดีก็เลยลืมบอกเธอไป”

เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์และการแสดงออกที่ดูค่อนข้างพึงพอใจของเฉาฮงหลีแล้วเย่เชียนก็รู้ดีว่าถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจมากก็ตามแต่เขาก็รู้ได้ว่าชายชราคนนี้ต้องใช้กลอุบายเหล่านี้อยู่แล้ว ซึ่งซูเหว๋ยเองก็รู้เช่นกันเธอจึงมีสีหน้าที่มืดครึ้มเล็กน้อยแต่ในที่สุดเธอก็ระงับความโกรธในใจเอาไว้ได้และค่อยๆ พูดว่า “คุณช่วยติดต่อไปหาเดอะมัวร์กรุ๊ปอีกครั้งได้ไหมโดยบอกว่ากำหนดการอาจจะเร่งด่วนเกินไป..ทางเราขอเลื่อนไปหน่อยจะได้ไหม”

“เสี่ยวเหว๋ย! ..เธอต้องเข้าใจด้วยว่าเดอะมัวร์กรุ๊ปเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ 20 แห่งของโลกและถ้าหากเราเลื่อนกำหนดการออกไปแล้วถ้าพวกเขาล้มเลิกการร่วมมือกับเราล่ะจะทำยังไง? ..ซึ่งถ้าเราสามารถเซ็นสัญญากับเดอะมัวร์กรุ๊ปได้สำเร็จล่ะก็บริษัทของเราจะเติบโตและก้าวหน้าอย่างมาก!” เฉาฮงหลีพูดต่อ “แต่ถ้าเธอไม่สามารถเซ็นสัญญากับเดอะมัวร์กรุ๊ปได้ล่ะก็..พวกเราในฐานะคณะกรรมการเราจะลงมติปลดเธอลงจากตำแหน่งประธานเมื่อไหร่ก็ได้!”

“ใช่! ..โปรเจคนี้มีความสำคัญต่อบริษัทมาก..ซึ่งถ้าหากบริษัทของเราไม่สามารถเซ็นสัญญาร่วมได้เราก็ต้องบังคับให้เธอออกจากตำแหน่งประธานบริหาร..ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท..เธอก็รู้หนิว่าพ่อและแม่ของเธอกับพวกเราลำบากกันมาแค่ไหนว่าจะทำให้บริษัทมาถึงจุดนี้..เธอคงจะไม่อยากเห็นมันพังทลายลงหรอกใช่มั้ย?” ชายวัยกลางคนอีกคนพูดอย่างจริงจัง

นี่คือการยึดอำนาจอย่างเห็นได้ชัดจนเย่เชียนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวเมื่อเห็นเช่นนี้และยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นสงครามของเหล่าเครือญาติอีกด้วย? นี่คือการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ดั่งในละครจักรๆ วงศ์ๆ เช่นนั้น ใบหน้าของซูเหว๋ยก็ไม่สบอารมณ์จนดูน่าเกลียดผิดปกติและเธอก็หยุดและพูดว่า “บริษัทนี้เป็นของพ่อแม่ฉัน..พวกคุณคิดว่าฉันไม่รู้หรอว่าพวกคุณคิดอะไรกันอยู่..พวกคุณก็แค่อยากกลืนกินบริษัทนี้ไป..ไหนลองบอกฉันมาซิว่าพวกคุณทำอะไรให้กับบริษัทบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมานอกจากการทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์น่ะ..ฉันขอบอกพวกคุณเอาไว้ก่อนเลยนะว่าฉันจะเป็นประธานและทุกอย่างก็ต้องอยู่ในการดูแลของฉันเท่านั้น!”

อาจเป็นเพราะเธอโกรธเกินไปจึงทำให้ใบหน้าของซูเหว๋ยดูน่าเกลียดเล็กน้อยและตัวของเธอทั้งตัวก็สั่นเช่นกัน ซึ่งเย่เชียนที่เห็นเธอจากข้างๆ เขาก็รู้สึกว่าเธอเหมือนเด็กที่ทำอะไรไม่ถูกในตอนนี้และเธอนั้นก็กำลังต้องการไหล่ที่มั่นคงเพื่อพึ่งพาจนเย่เชียนอยากที่จะกอดเธอและมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดให้กับเธอในตอนนี้แต่เขาก็ได้แค่เพราะเขาไม่กล้าที่จะทำมันจริงๆ เพราะถ้าหากเขาทำเขาจะต้องถูกซูเหว๋ยตบอย่างแน่นอน

ในขณะนี้เหล่าคณะกรรมการก็มีการแสดงออกที่ดูโกรธเล็กน้อยแต่พวกเขาก็รู้สึกละอายใจกันอย่างมากไปกับคำพูดของซูเหว๋ยแต่ถึงยังไงพวกเขาก็ยังคงใช้ความพยายามอย่างมากในเพื่อยึดครองบริษัทดังนั้นพวกเขาจึงกลับมาโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง

เฉาฮงหลีก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันได้คุยกับเหล่าคณะกรรมการแล้ว..พวกเขาจะมอบหุ้นทั้งหมดให้ฉันในมือ..พูดให้เข้าใจก็คือฉันจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในอนาคต..เพราะฉะนั้นธุรกิจต่างๆ ของบริษัทฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง..ดังนั้นถ้าหากเธอไม่สามารถเซ็นสัญญากับเดอะมัวร์กรุ๊ปได้ในครั้งนี้ฉันจะปลดเธอลงจากตำแหน่งทันที!”

“นี่คุณ…นี่พวกคุณรวมหัวกันเพื่อกำจัดฉันงั้นหรอ? ..ฉันขอบอกเลยนะว่าฉันจะไม่มีวันยกบริษัทให้กับพวกคุณ!” ซูเหว๋ยพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

“ใช่ๆ ..บริษัททะเลสี่ทิศแห่งนี้จะไม่มีวันเป็นของพวกคุณ!” เย่เชียนเอ่ยปากพูดออกมา แต่คำพูดเหล่านั้นดูเหมือนจะเตือนเสียมากกว่า

“แกเป็นใครกันวะ..แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดที่นี่?” เฉายู่เหลียงตะคอก

“เมื่อกี้คุณไม่ได้ยินที่ประธานซูพูดเหรอ? ..อ้อผมลืมไปว่าคุณคงจะหูอื้อจากเรื่องเมื่อวานนี้..ถ้างั้นผมจะพูดอีกครั้งชัดๆ นะว่าตอนนี้ผมเป็นผู้ช่วยของประธานซู!” เย่เชียนพูดต่อ “ไม่ต้องกังวลไปพรุ่งนี้เราจะทำโปรเจคตามกำหนดการให้เสร็จทันเวลาและเซ็นสัญญากับเดอะมัวร์กรุ๊ป!”

ซูเหว๋ยจ้องมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจอย่างมากและถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกขอบคุณเย่เชียนมาก็ตามที่ช่วยเธอแต่ถึงยังไงก็ยังมีส่วนที่สำคัญของระบบซอฟต์แวร์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ เลยและมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะออกแบบซอฟต์แวร์ให้เสร็จในวันพรุ่งนี้ “คุณมัวมองอะไรอยู่ล่ะ..ผมไม่อยากเห็นหน้าคนพวกนี้แล้ว..เราไปกันเถอะ!” หลังจากพูดจบแล้วเย่เชียนก็จับมือซูเหว๋ยเดินออกไปโดยไม่สนใจเหล่าเครือญาติเลยแม้แต่น้อย ซึ่งซูเหว๋ยก็ถึงกับตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิงและเธอก็ปล่อยให้เย่เชียนจูงมือเธอออกมา

เมื่อเธอมาถึงที่ห้องทำงานส่วนตัวของซูเหว๋ยแล้วเย่เชียนก็ปล่อยมือเธอและซูเหว๋ยก็ค่อยๆ เดินไปที่ที่นั่งของเธอแล้วนั่งลงและเธอก็มองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “ขอบคุณที่ช่วยฉันนะ..ญาติๆ พวกนั้นเหมือนคนนอกกันไปหมดแล้ว..มันเศร้านิดหน่อยนะที่ต้องเธอแบบนี้”

“ผมไม่ใช่คนนอกนะ..ผมเป็นทาสรับใช้ของคุณ” เย่เชียนแกล้งหยอกแซวเธอเพื่อทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น

เมื่อได้ยินเช่นนั้นซูเหว๋ยก็ยิ้มแต่ทว่าเธอกลับมีรอยยิ้มที่ขมขื่นและพูดว่า “ถึงคุณจะช่วยฉันเอาไว้ก็จริง..แต่ว่านะระบบซอฟต์แวร์น่ะมันไม่ได้ง่ายอย่างงั้นน่ะสิ” ซูเหว๋ยถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ และโทรศัพท์ไปหาเลขาแล้วพูดว่า “เข้ามาหน่อย!” พร้อมกับถอนหายใจอีกครั้ง

ไม่นานนักเลขาก็เคาะประตูและเดินเข้ามาและซูเหว๋ยก็พูดว่า “ไปบอกทุกคนว่าตอนนี้ให้เร่งทำโปรเจคระหว่างเดอะมัวร์กรุ๊ปก่อน..และขอให้ทุกคนทำงานหนักในคืนนี้และทำงานนอกเวลาเพื่อให้ซอฟต์แวร์เสร็จ..เดี๋ยวฉันจะจ่ายค่าล่วงเวลาให้สามเท่า”

“ได้ค่ะ!” เลขาตอบแล้วเดินออกไป

หลังจากนั้นซูเหว๋ยก็มองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “นายขับรถของฉันกลับบ้านไปก็ได้..ฉันจะอยู่ที่บริษัทคืนนี้”

“ผมจะอยู่กับคุณ” เย่เชียนพูด “ถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์เหล่านี้ก็เถอะ..แต่อย่างน้อยๆ ผมก็สามารถเสิร์ฟชาและอาหารให้คุณได้นะ”

ซูเหว๋ยก็จ้องมองเย่เชียนด้วยความยินดีและดวงตาของซูเหว๋ยก็เป็นประกายแวววาวและเธอก็สำลักคำพูดออกมาว่า “ขอบคุณนะ!”

“ถ้างั้นผมขอตัวออกไปก่อนนะ” หลังจากที่เย่เชียนพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปจากห้องทำงานส่วนตัวของซูเหว๋ยและเย่เชียนก็เดินไปหาเลขาแล้วถามว่า “คุณมีข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์นั้นมั้ย? ..ผมขอดูหน่อยสิ”

“มีค่ะ!” เลขาก็ยื้นแฟ้มเอกสารให้เย่เชียน

“ขอบคุณครับ!” เย่เชียนก็ถามต่อ “บริษัทมีเครื่องสแกนมั้ย?”

“คุณต้องการสแกนข้อมูลนี้หรอคะ?” เลขาถามและพูดว่า “ถ้างั้นก็ไม่ต้องยุ่งยากก็ได้ค่ะ..ฉันมีไฟล์ข้อมูลนี้อยู่ในคอมพิวเตอร์ของฉัน..คุณสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลได้เลยค่ะ”

“อ้อ..ถ้างั้นผมขอใช้คอมพิวเตอร์ของคุณหน่อยสิ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานของเลขาแล้วนั่งลงและพูดว่า “คุณไปทำธุระของคุณก่อนก็ได้..ผมขอดูอะไรนิดหน่อย..ขอบคุณครับ!”

เลขาก็ตอบและหันไปเดินออกไป

หลังจากนั้นเย่เชียนเปิดคอมพิวเตอร์ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ส่งเป็นแค่อีเมลหรือหนังเพียงเท่านั้นแล้วนับประสาอะไรกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามโชคดีที่มีแฮ็กเกอร์ไซเบอร์ที่เก่งกาจอยู่ในเขี้ยวหมาป่าซึ่งเป็นอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ตัวจริงอย่างหมาป่าหิมะแจ็ค หลังจากนั้นเย่เชียนก็โทรศัพท์ไปหาแจ็คและอธิบายถึงเรื่องนี้สั้นๆ และหลังจากนั้นก็ส่งข้อมูลให้เขา

หลังจากนั้นไม่นานแจ็คก็โทรศัพท์กลับมาและพูดกับเย่เชียนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “บอส! ..นี่บอสกำลังดูถูกไอคิวอันแสนอัจฉริยะของผมงั้นหรอ..ผมเสียใจมากที่บอสเอาซอฟต์แวร์ง่ายๆ ของเด็กเล่นแบบนี้ให้ผมทำ..ผมขอสองชั่วโมง! ..ผมจะแก้ซอฟต์แวร์ให้เสร็จภายในสองชั่วโมงก็พอ!”

เย่เชียนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปากเพราะนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของบริษัททะเลสี่ทิศหลายคนร่วมกับแก้ไขมันมาตั้งหลายวันหลายคืนแต่ทว่าแจ็คกลับสามารถแก้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ และยิ่งไปกว่านั้นกลายเป็นเย่เชียนไปดูถูกความสามารถของแจ็คโดยการให้งานง่ายๆ กับเขาเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็สามารถแก้ไขได้โดยพื้นฐานแล้วและตอนนี้แจ็คก็ได้รับปากเอาไว้แล้ว ดังนั้นเย่เชียนจึงเชื่อว่าเขาจะสามารถจัดการกับมันได้เพราะแจ็คไม่ใช่คนโอ้อวดและถ้าสิ่งไหนเขาทำได้เขาก็ทำได้จริงๆ และเขาก็คงจะทำเสร็จได้ภายในสองชั่วโมงหรือไวกว่านั้นเป็นแน่

เมื่อเวลาผ่านไปสองชั่วโมงต่อมาแจ็คก็ส่งแบบซอฟต์แวร์ที่เขาแก้ไขมาทั้งหมดซึ่งเย่เชียนเองก็ไม่เข้าใจและไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิดกันแน่แต่เมื่อแจ็คส่งมาเย่เชียนก็เชื่อว่ามันจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน หลังจากนั้นเย่เชียนก็คัดลอกไฟล์ของแจ็คด้วยแฟลชไดร์ฟและเดินเข้าไปในห้องทำงานของซูเหว๋ย

ซูเหว๋ยนั้นกำลังจมอยู่กับงานหน้าคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางที่จริงจังและเหนื่อยล้าอย่างมากอยู่ “คุณอยากกินอะไรบ้างมั้ย?” เย่เชียนถาม

เห็นได้ชัดเลยว่าซูเหว๋ยนั้นไม่ได้คาดหวังว่าจู่ๆ จะมีคนเปิดประตูเข้ามาเช่นนี้เพราะเธอนั้นถึงกับตกใจอย่างมาก และหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วซูเหว๋ยก็จ้องมองเขาและพูดว่า “เมื่อกี้ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องเคาะประตูก่อนเข้ามาทุกครั้งน่ะ”

เย่เชียนนั้นก็เข้าใจอารมณ์ในตอนนี้ของเธอดังนั้นเขาจึงไม่โกรธกับท่าทีที่ฉุนเฉียวของเธอเขาเพียงยิ้มและพูดว่า “เอาหน่าๆ ..ผมขอโทษ..คุณอยากกินอะไรมั้ยผมจะไปซื้อให้..คุณจ่ายค่านั่นค่านี่ให้ผมเพราะงั้นผมก็ควรจะตอบแทนคุณบ้าง”

ซูเหว่ยผงะไปชั่วขณะและถามด้วยความประหลาดใจ: “ให้รางวัลคุณรางวัลอะไร? ”

เย่เชียนก็ส่งมอบแฟลชไดร์ฟแบบพกพาให้และพูดว่า “คุณลองเปิดดูได้เลย..ผมรับปากเอาไว้แล้วหนิว่าจะไม่มีใครแย่งชิงบริษัทของคุณไปได้”

ซูเหว๋ยก็นึกไม่ออกว่าเย่เชียนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ซึ่งเธอก็มองเขาอย่างงุนงงและหยิบแฟลชไดร์ฟพกพามาและเสียบลงในคอมพิวเตอร์ของเธอ และเมื่อซูเหว๋ยเปิดไฟล์ขึ้นมาเธอก็ตกใจอย่างมากและอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า “อ๊าย!” แล้วเธอก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า “เย่เชียน! ..นี่นายว่างมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ..นี่นายไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีน่ะ? ..ออกไป! ..จะไปไหนก็ไป!”

เย่เชียนนั้นไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าซูเหว๋ยจะโมโหถึงขนาดนี้และเย่เชียนก็แอบด่าแจ็คอย่างดุเดือดเพราะตอนนี้เขาเองก็ตกใจไปกับความบ้าของแจ็คพลางคิดว่าแจ็คอาจจะคิดว่าเย่เชียนดูถูกไอคิวของเขาดังนั้นแจ็คจึงตั้งป๊อปอัพภาพผีที่น่ากลัว ดังนั้นเมื่อเปิดโฟลเดอร์ขึ้นมาซูเหว๋ยจึงกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อครู่นี้

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 365 สงครามเครือญาติ

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 365 สงครามเครือญาติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 365 สงครามเครือญาติ

เฉาฮงหลีก็จ้องมองไปที่ซูเหว๋ยและถามอย่างจริงจังว่า “โปรเจคที่ร่วมมือกับเดอะมัวร์กรุ๊ปไปถึงไหนแล้ว? ..เดี๋ยวฉันจะมาดูในวันพรุ่งนี้!”

“พรุ่งนี้เหรอ? ..คุณไม่ได้หมายถึงมะรืนนี้หรอเหรอ?” ซูเหว๋ยขมวดคิ้วและถามด้วยความประหลาดใจ

“อ่อ..ฉันลืมบอกเธอไป” เฉาฮงหลีพูดต่อ “ฉันเพิ่งไปพบกับประธานของเดอะมัวร์กรุ๊ปมาเมื่อวานนี้และเธอก็บอกว่าเธอจะเลื่อนแผนพิจารณางานเป็นวันพรุ่งนี้..ตอนนั้นฉันติดธุรกิจพอดีก็เลยลืมบอกเธอไป”

เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์และการแสดงออกที่ดูค่อนข้างพึงพอใจของเฉาฮงหลีแล้วเย่เชียนก็รู้ดีว่าถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจมากก็ตามแต่เขาก็รู้ได้ว่าชายชราคนนี้ต้องใช้กลอุบายเหล่านี้อยู่แล้ว ซึ่งซูเหว๋ยเองก็รู้เช่นกันเธอจึงมีสีหน้าที่มืดครึ้มเล็กน้อยแต่ในที่สุดเธอก็ระงับความโกรธในใจเอาไว้ได้และค่อยๆ พูดว่า “คุณช่วยติดต่อไปหาเดอะมัวร์กรุ๊ปอีกครั้งได้ไหมโดยบอกว่ากำหนดการอาจจะเร่งด่วนเกินไป..ทางเราขอเลื่อนไปหน่อยจะได้ไหม”

“เสี่ยวเหว๋ย! ..เธอต้องเข้าใจด้วยว่าเดอะมัวร์กรุ๊ปเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ 20 แห่งของโลกและถ้าหากเราเลื่อนกำหนดการออกไปแล้วถ้าพวกเขาล้มเลิกการร่วมมือกับเราล่ะจะทำยังไง? ..ซึ่งถ้าเราสามารถเซ็นสัญญากับเดอะมัวร์กรุ๊ปได้สำเร็จล่ะก็บริษัทของเราจะเติบโตและก้าวหน้าอย่างมาก!” เฉาฮงหลีพูดต่อ “แต่ถ้าเธอไม่สามารถเซ็นสัญญากับเดอะมัวร์กรุ๊ปได้ล่ะก็..พวกเราในฐานะคณะกรรมการเราจะลงมติปลดเธอลงจากตำแหน่งประธานเมื่อไหร่ก็ได้!”

“ใช่! ..โปรเจคนี้มีความสำคัญต่อบริษัทมาก..ซึ่งถ้าหากบริษัทของเราไม่สามารถเซ็นสัญญาร่วมได้เราก็ต้องบังคับให้เธอออกจากตำแหน่งประธานบริหาร..ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท..เธอก็รู้หนิว่าพ่อและแม่ของเธอกับพวกเราลำบากกันมาแค่ไหนว่าจะทำให้บริษัทมาถึงจุดนี้..เธอคงจะไม่อยากเห็นมันพังทลายลงหรอกใช่มั้ย?” ชายวัยกลางคนอีกคนพูดอย่างจริงจัง

นี่คือการยึดอำนาจอย่างเห็นได้ชัดจนเย่เชียนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวเมื่อเห็นเช่นนี้และยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นสงครามของเหล่าเครือญาติอีกด้วย? นี่คือการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ดั่งในละครจักรๆ วงศ์ๆ เช่นนั้น ใบหน้าของซูเหว๋ยก็ไม่สบอารมณ์จนดูน่าเกลียดผิดปกติและเธอก็หยุดและพูดว่า “บริษัทนี้เป็นของพ่อแม่ฉัน..พวกคุณคิดว่าฉันไม่รู้หรอว่าพวกคุณคิดอะไรกันอยู่..พวกคุณก็แค่อยากกลืนกินบริษัทนี้ไป..ไหนลองบอกฉันมาซิว่าพวกคุณทำอะไรให้กับบริษัทบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมานอกจากการทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์น่ะ..ฉันขอบอกพวกคุณเอาไว้ก่อนเลยนะว่าฉันจะเป็นประธานและทุกอย่างก็ต้องอยู่ในการดูแลของฉันเท่านั้น!”

อาจเป็นเพราะเธอโกรธเกินไปจึงทำให้ใบหน้าของซูเหว๋ยดูน่าเกลียดเล็กน้อยและตัวของเธอทั้งตัวก็สั่นเช่นกัน ซึ่งเย่เชียนที่เห็นเธอจากข้างๆ เขาก็รู้สึกว่าเธอเหมือนเด็กที่ทำอะไรไม่ถูกในตอนนี้และเธอนั้นก็กำลังต้องการไหล่ที่มั่นคงเพื่อพึ่งพาจนเย่เชียนอยากที่จะกอดเธอและมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดให้กับเธอในตอนนี้แต่เขาก็ได้แค่เพราะเขาไม่กล้าที่จะทำมันจริงๆ เพราะถ้าหากเขาทำเขาจะต้องถูกซูเหว๋ยตบอย่างแน่นอน

ในขณะนี้เหล่าคณะกรรมการก็มีการแสดงออกที่ดูโกรธเล็กน้อยแต่พวกเขาก็รู้สึกละอายใจกันอย่างมากไปกับคำพูดของซูเหว๋ยแต่ถึงยังไงพวกเขาก็ยังคงใช้ความพยายามอย่างมากในเพื่อยึดครองบริษัทดังนั้นพวกเขาจึงกลับมาโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง

เฉาฮงหลีก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันได้คุยกับเหล่าคณะกรรมการแล้ว..พวกเขาจะมอบหุ้นทั้งหมดให้ฉันในมือ..พูดให้เข้าใจก็คือฉันจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในอนาคต..เพราะฉะนั้นธุรกิจต่างๆ ของบริษัทฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง..ดังนั้นถ้าหากเธอไม่สามารถเซ็นสัญญากับเดอะมัวร์กรุ๊ปได้ในครั้งนี้ฉันจะปลดเธอลงจากตำแหน่งทันที!”

“นี่คุณ…นี่พวกคุณรวมหัวกันเพื่อกำจัดฉันงั้นหรอ? ..ฉันขอบอกเลยนะว่าฉันจะไม่มีวันยกบริษัทให้กับพวกคุณ!” ซูเหว๋ยพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

“ใช่ๆ ..บริษัททะเลสี่ทิศแห่งนี้จะไม่มีวันเป็นของพวกคุณ!” เย่เชียนเอ่ยปากพูดออกมา แต่คำพูดเหล่านั้นดูเหมือนจะเตือนเสียมากกว่า

“แกเป็นใครกันวะ..แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดที่นี่?” เฉายู่เหลียงตะคอก

“เมื่อกี้คุณไม่ได้ยินที่ประธานซูพูดเหรอ? ..อ้อผมลืมไปว่าคุณคงจะหูอื้อจากเรื่องเมื่อวานนี้..ถ้างั้นผมจะพูดอีกครั้งชัดๆ นะว่าตอนนี้ผมเป็นผู้ช่วยของประธานซู!” เย่เชียนพูดต่อ “ไม่ต้องกังวลไปพรุ่งนี้เราจะทำโปรเจคตามกำหนดการให้เสร็จทันเวลาและเซ็นสัญญากับเดอะมัวร์กรุ๊ป!”

ซูเหว๋ยจ้องมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจอย่างมากและถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกขอบคุณเย่เชียนมาก็ตามที่ช่วยเธอแต่ถึงยังไงก็ยังมีส่วนที่สำคัญของระบบซอฟต์แวร์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ เลยและมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะออกแบบซอฟต์แวร์ให้เสร็จในวันพรุ่งนี้ “คุณมัวมองอะไรอยู่ล่ะ..ผมไม่อยากเห็นหน้าคนพวกนี้แล้ว..เราไปกันเถอะ!” หลังจากพูดจบแล้วเย่เชียนก็จับมือซูเหว๋ยเดินออกไปโดยไม่สนใจเหล่าเครือญาติเลยแม้แต่น้อย ซึ่งซูเหว๋ยก็ถึงกับตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิงและเธอก็ปล่อยให้เย่เชียนจูงมือเธอออกมา

เมื่อเธอมาถึงที่ห้องทำงานส่วนตัวของซูเหว๋ยแล้วเย่เชียนก็ปล่อยมือเธอและซูเหว๋ยก็ค่อยๆ เดินไปที่ที่นั่งของเธอแล้วนั่งลงและเธอก็มองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “ขอบคุณที่ช่วยฉันนะ..ญาติๆ พวกนั้นเหมือนคนนอกกันไปหมดแล้ว..มันเศร้านิดหน่อยนะที่ต้องเธอแบบนี้”

“ผมไม่ใช่คนนอกนะ..ผมเป็นทาสรับใช้ของคุณ” เย่เชียนแกล้งหยอกแซวเธอเพื่อทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น

เมื่อได้ยินเช่นนั้นซูเหว๋ยก็ยิ้มแต่ทว่าเธอกลับมีรอยยิ้มที่ขมขื่นและพูดว่า “ถึงคุณจะช่วยฉันเอาไว้ก็จริง..แต่ว่านะระบบซอฟต์แวร์น่ะมันไม่ได้ง่ายอย่างงั้นน่ะสิ” ซูเหว๋ยถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ และโทรศัพท์ไปหาเลขาแล้วพูดว่า “เข้ามาหน่อย!” พร้อมกับถอนหายใจอีกครั้ง

ไม่นานนักเลขาก็เคาะประตูและเดินเข้ามาและซูเหว๋ยก็พูดว่า “ไปบอกทุกคนว่าตอนนี้ให้เร่งทำโปรเจคระหว่างเดอะมัวร์กรุ๊ปก่อน..และขอให้ทุกคนทำงานหนักในคืนนี้และทำงานนอกเวลาเพื่อให้ซอฟต์แวร์เสร็จ..เดี๋ยวฉันจะจ่ายค่าล่วงเวลาให้สามเท่า”

“ได้ค่ะ!” เลขาตอบแล้วเดินออกไป

หลังจากนั้นซูเหว๋ยก็มองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “นายขับรถของฉันกลับบ้านไปก็ได้..ฉันจะอยู่ที่บริษัทคืนนี้”

“ผมจะอยู่กับคุณ” เย่เชียนพูด “ถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์เหล่านี้ก็เถอะ..แต่อย่างน้อยๆ ผมก็สามารถเสิร์ฟชาและอาหารให้คุณได้นะ”

ซูเหว๋ยก็จ้องมองเย่เชียนด้วยความยินดีและดวงตาของซูเหว๋ยก็เป็นประกายแวววาวและเธอก็สำลักคำพูดออกมาว่า “ขอบคุณนะ!”

“ถ้างั้นผมขอตัวออกไปก่อนนะ” หลังจากที่เย่เชียนพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปจากห้องทำงานส่วนตัวของซูเหว๋ยและเย่เชียนก็เดินไปหาเลขาแล้วถามว่า “คุณมีข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์นั้นมั้ย? ..ผมขอดูหน่อยสิ”

“มีค่ะ!” เลขาก็ยื้นแฟ้มเอกสารให้เย่เชียน

“ขอบคุณครับ!” เย่เชียนก็ถามต่อ “บริษัทมีเครื่องสแกนมั้ย?”

“คุณต้องการสแกนข้อมูลนี้หรอคะ?” เลขาถามและพูดว่า “ถ้างั้นก็ไม่ต้องยุ่งยากก็ได้ค่ะ..ฉันมีไฟล์ข้อมูลนี้อยู่ในคอมพิวเตอร์ของฉัน..คุณสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลได้เลยค่ะ”

“อ้อ..ถ้างั้นผมขอใช้คอมพิวเตอร์ของคุณหน่อยสิ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานของเลขาแล้วนั่งลงและพูดว่า “คุณไปทำธุระของคุณก่อนก็ได้..ผมขอดูอะไรนิดหน่อย..ขอบคุณครับ!”

เลขาก็ตอบและหันไปเดินออกไป

หลังจากนั้นเย่เชียนเปิดคอมพิวเตอร์ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ส่งเป็นแค่อีเมลหรือหนังเพียงเท่านั้นแล้วนับประสาอะไรกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามโชคดีที่มีแฮ็กเกอร์ไซเบอร์ที่เก่งกาจอยู่ในเขี้ยวหมาป่าซึ่งเป็นอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ตัวจริงอย่างหมาป่าหิมะแจ็ค หลังจากนั้นเย่เชียนก็โทรศัพท์ไปหาแจ็คและอธิบายถึงเรื่องนี้สั้นๆ และหลังจากนั้นก็ส่งข้อมูลให้เขา

หลังจากนั้นไม่นานแจ็คก็โทรศัพท์กลับมาและพูดกับเย่เชียนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “บอส! ..นี่บอสกำลังดูถูกไอคิวอันแสนอัจฉริยะของผมงั้นหรอ..ผมเสียใจมากที่บอสเอาซอฟต์แวร์ง่ายๆ ของเด็กเล่นแบบนี้ให้ผมทำ..ผมขอสองชั่วโมง! ..ผมจะแก้ซอฟต์แวร์ให้เสร็จภายในสองชั่วโมงก็พอ!”

เย่เชียนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปากเพราะนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของบริษัททะเลสี่ทิศหลายคนร่วมกับแก้ไขมันมาตั้งหลายวันหลายคืนแต่ทว่าแจ็คกลับสามารถแก้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ และยิ่งไปกว่านั้นกลายเป็นเย่เชียนไปดูถูกความสามารถของแจ็คโดยการให้งานง่ายๆ กับเขาเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็สามารถแก้ไขได้โดยพื้นฐานแล้วและตอนนี้แจ็คก็ได้รับปากเอาไว้แล้ว ดังนั้นเย่เชียนจึงเชื่อว่าเขาจะสามารถจัดการกับมันได้เพราะแจ็คไม่ใช่คนโอ้อวดและถ้าสิ่งไหนเขาทำได้เขาก็ทำได้จริงๆ และเขาก็คงจะทำเสร็จได้ภายในสองชั่วโมงหรือไวกว่านั้นเป็นแน่

เมื่อเวลาผ่านไปสองชั่วโมงต่อมาแจ็คก็ส่งแบบซอฟต์แวร์ที่เขาแก้ไขมาทั้งหมดซึ่งเย่เชียนเองก็ไม่เข้าใจและไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิดกันแน่แต่เมื่อแจ็คส่งมาเย่เชียนก็เชื่อว่ามันจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน หลังจากนั้นเย่เชียนก็คัดลอกไฟล์ของแจ็คด้วยแฟลชไดร์ฟและเดินเข้าไปในห้องทำงานของซูเหว๋ย

ซูเหว๋ยนั้นกำลังจมอยู่กับงานหน้าคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางที่จริงจังและเหนื่อยล้าอย่างมากอยู่ “คุณอยากกินอะไรบ้างมั้ย?” เย่เชียนถาม

เห็นได้ชัดเลยว่าซูเหว๋ยนั้นไม่ได้คาดหวังว่าจู่ๆ จะมีคนเปิดประตูเข้ามาเช่นนี้เพราะเธอนั้นถึงกับตกใจอย่างมาก และหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วซูเหว๋ยก็จ้องมองเขาและพูดว่า “เมื่อกี้ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องเคาะประตูก่อนเข้ามาทุกครั้งน่ะ”

เย่เชียนนั้นก็เข้าใจอารมณ์ในตอนนี้ของเธอดังนั้นเขาจึงไม่โกรธกับท่าทีที่ฉุนเฉียวของเธอเขาเพียงยิ้มและพูดว่า “เอาหน่าๆ ..ผมขอโทษ..คุณอยากกินอะไรมั้ยผมจะไปซื้อให้..คุณจ่ายค่านั่นค่านี่ให้ผมเพราะงั้นผมก็ควรจะตอบแทนคุณบ้าง”

ซูเหว่ยผงะไปชั่วขณะและถามด้วยความประหลาดใจ: “ให้รางวัลคุณรางวัลอะไร? ”

เย่เชียนก็ส่งมอบแฟลชไดร์ฟแบบพกพาให้และพูดว่า “คุณลองเปิดดูได้เลย..ผมรับปากเอาไว้แล้วหนิว่าจะไม่มีใครแย่งชิงบริษัทของคุณไปได้”

ซูเหว๋ยก็นึกไม่ออกว่าเย่เชียนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ซึ่งเธอก็มองเขาอย่างงุนงงและหยิบแฟลชไดร์ฟพกพามาและเสียบลงในคอมพิวเตอร์ของเธอ และเมื่อซูเหว๋ยเปิดไฟล์ขึ้นมาเธอก็ตกใจอย่างมากและอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า “อ๊าย!” แล้วเธอก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า “เย่เชียน! ..นี่นายว่างมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ..นี่นายไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีน่ะ? ..ออกไป! ..จะไปไหนก็ไป!”

เย่เชียนนั้นไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าซูเหว๋ยจะโมโหถึงขนาดนี้และเย่เชียนก็แอบด่าแจ็คอย่างดุเดือดเพราะตอนนี้เขาเองก็ตกใจไปกับความบ้าของแจ็คพลางคิดว่าแจ็คอาจจะคิดว่าเย่เชียนดูถูกไอคิวของเขาดังนั้นแจ็คจึงตั้งป๊อปอัพภาพผีที่น่ากลัว ดังนั้นเมื่อเปิดโฟลเดอร์ขึ้นมาซูเหว๋ยจึงกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อครู่นี้

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 365 สงครามเครือญาติ

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 365 สงครามเครือญาติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 365 สงครามเครือญาติ

เฉาฮงหลีก็จ้องมองไปที่ซูเหว๋ยและถามอย่างจริงจังว่า “โปรเจคที่ร่วมมือกับเดอะมัวร์กรุ๊ปไปถึงไหนแล้ว? ..เดี๋ยวฉันจะมาดูในวันพรุ่งนี้!”

“พรุ่งนี้เหรอ? ..คุณไม่ได้หมายถึงมะรืนนี้หรอเหรอ?” ซูเหว๋ยขมวดคิ้วและถามด้วยความประหลาดใจ

“อ่อ..ฉันลืมบอกเธอไป” เฉาฮงหลีพูดต่อ “ฉันเพิ่งไปพบกับประธานของเดอะมัวร์กรุ๊ปมาเมื่อวานนี้และเธอก็บอกว่าเธอจะเลื่อนแผนพิจารณางานเป็นวันพรุ่งนี้..ตอนนั้นฉันติดธุรกิจพอดีก็เลยลืมบอกเธอไป”

เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์และการแสดงออกที่ดูค่อนข้างพึงพอใจของเฉาฮงหลีแล้วเย่เชียนก็รู้ดีว่าถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจมากก็ตามแต่เขาก็รู้ได้ว่าชายชราคนนี้ต้องใช้กลอุบายเหล่านี้อยู่แล้ว ซึ่งซูเหว๋ยเองก็รู้เช่นกันเธอจึงมีสีหน้าที่มืดครึ้มเล็กน้อยแต่ในที่สุดเธอก็ระงับความโกรธในใจเอาไว้ได้และค่อยๆ พูดว่า “คุณช่วยติดต่อไปหาเดอะมัวร์กรุ๊ปอีกครั้งได้ไหมโดยบอกว่ากำหนดการอาจจะเร่งด่วนเกินไป..ทางเราขอเลื่อนไปหน่อยจะได้ไหม”

“เสี่ยวเหว๋ย! ..เธอต้องเข้าใจด้วยว่าเดอะมัวร์กรุ๊ปเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ 20 แห่งของโลกและถ้าหากเราเลื่อนกำหนดการออกไปแล้วถ้าพวกเขาล้มเลิกการร่วมมือกับเราล่ะจะทำยังไง? ..ซึ่งถ้าเราสามารถเซ็นสัญญากับเดอะมัวร์กรุ๊ปได้สำเร็จล่ะก็บริษัทของเราจะเติบโตและก้าวหน้าอย่างมาก!” เฉาฮงหลีพูดต่อ “แต่ถ้าเธอไม่สามารถเซ็นสัญญากับเดอะมัวร์กรุ๊ปได้ล่ะก็..พวกเราในฐานะคณะกรรมการเราจะลงมติปลดเธอลงจากตำแหน่งประธานเมื่อไหร่ก็ได้!”

“ใช่! ..โปรเจคนี้มีความสำคัญต่อบริษัทมาก..ซึ่งถ้าหากบริษัทของเราไม่สามารถเซ็นสัญญาร่วมได้เราก็ต้องบังคับให้เธอออกจากตำแหน่งประธานบริหาร..ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท..เธอก็รู้หนิว่าพ่อและแม่ของเธอกับพวกเราลำบากกันมาแค่ไหนว่าจะทำให้บริษัทมาถึงจุดนี้..เธอคงจะไม่อยากเห็นมันพังทลายลงหรอกใช่มั้ย?” ชายวัยกลางคนอีกคนพูดอย่างจริงจัง

นี่คือการยึดอำนาจอย่างเห็นได้ชัดจนเย่เชียนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวเมื่อเห็นเช่นนี้และยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นสงครามของเหล่าเครือญาติอีกด้วย? นี่คือการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ดั่งในละครจักรๆ วงศ์ๆ เช่นนั้น ใบหน้าของซูเหว๋ยก็ไม่สบอารมณ์จนดูน่าเกลียดผิดปกติและเธอก็หยุดและพูดว่า “บริษัทนี้เป็นของพ่อแม่ฉัน..พวกคุณคิดว่าฉันไม่รู้หรอว่าพวกคุณคิดอะไรกันอยู่..พวกคุณก็แค่อยากกลืนกินบริษัทนี้ไป..ไหนลองบอกฉันมาซิว่าพวกคุณทำอะไรให้กับบริษัทบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมานอกจากการทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์น่ะ..ฉันขอบอกพวกคุณเอาไว้ก่อนเลยนะว่าฉันจะเป็นประธานและทุกอย่างก็ต้องอยู่ในการดูแลของฉันเท่านั้น!”

อาจเป็นเพราะเธอโกรธเกินไปจึงทำให้ใบหน้าของซูเหว๋ยดูน่าเกลียดเล็กน้อยและตัวของเธอทั้งตัวก็สั่นเช่นกัน ซึ่งเย่เชียนที่เห็นเธอจากข้างๆ เขาก็รู้สึกว่าเธอเหมือนเด็กที่ทำอะไรไม่ถูกในตอนนี้และเธอนั้นก็กำลังต้องการไหล่ที่มั่นคงเพื่อพึ่งพาจนเย่เชียนอยากที่จะกอดเธอและมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดให้กับเธอในตอนนี้แต่เขาก็ได้แค่เพราะเขาไม่กล้าที่จะทำมันจริงๆ เพราะถ้าหากเขาทำเขาจะต้องถูกซูเหว๋ยตบอย่างแน่นอน

ในขณะนี้เหล่าคณะกรรมการก็มีการแสดงออกที่ดูโกรธเล็กน้อยแต่พวกเขาก็รู้สึกละอายใจกันอย่างมากไปกับคำพูดของซูเหว๋ยแต่ถึงยังไงพวกเขาก็ยังคงใช้ความพยายามอย่างมากในเพื่อยึดครองบริษัทดังนั้นพวกเขาจึงกลับมาโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง

เฉาฮงหลีก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันได้คุยกับเหล่าคณะกรรมการแล้ว..พวกเขาจะมอบหุ้นทั้งหมดให้ฉันในมือ..พูดให้เข้าใจก็คือฉันจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในอนาคต..เพราะฉะนั้นธุรกิจต่างๆ ของบริษัทฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง..ดังนั้นถ้าหากเธอไม่สามารถเซ็นสัญญากับเดอะมัวร์กรุ๊ปได้ในครั้งนี้ฉันจะปลดเธอลงจากตำแหน่งทันที!”

“นี่คุณ…นี่พวกคุณรวมหัวกันเพื่อกำจัดฉันงั้นหรอ? ..ฉันขอบอกเลยนะว่าฉันจะไม่มีวันยกบริษัทให้กับพวกคุณ!” ซูเหว๋ยพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

“ใช่ๆ ..บริษัททะเลสี่ทิศแห่งนี้จะไม่มีวันเป็นของพวกคุณ!” เย่เชียนเอ่ยปากพูดออกมา แต่คำพูดเหล่านั้นดูเหมือนจะเตือนเสียมากกว่า

“แกเป็นใครกันวะ..แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดที่นี่?” เฉายู่เหลียงตะคอก

“เมื่อกี้คุณไม่ได้ยินที่ประธานซูพูดเหรอ? ..อ้อผมลืมไปว่าคุณคงจะหูอื้อจากเรื่องเมื่อวานนี้..ถ้างั้นผมจะพูดอีกครั้งชัดๆ นะว่าตอนนี้ผมเป็นผู้ช่วยของประธานซู!” เย่เชียนพูดต่อ “ไม่ต้องกังวลไปพรุ่งนี้เราจะทำโปรเจคตามกำหนดการให้เสร็จทันเวลาและเซ็นสัญญากับเดอะมัวร์กรุ๊ป!”

ซูเหว๋ยจ้องมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจอย่างมากและถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกขอบคุณเย่เชียนมาก็ตามที่ช่วยเธอแต่ถึงยังไงก็ยังมีส่วนที่สำคัญของระบบซอฟต์แวร์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ เลยและมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะออกแบบซอฟต์แวร์ให้เสร็จในวันพรุ่งนี้ “คุณมัวมองอะไรอยู่ล่ะ..ผมไม่อยากเห็นหน้าคนพวกนี้แล้ว..เราไปกันเถอะ!” หลังจากพูดจบแล้วเย่เชียนก็จับมือซูเหว๋ยเดินออกไปโดยไม่สนใจเหล่าเครือญาติเลยแม้แต่น้อย ซึ่งซูเหว๋ยก็ถึงกับตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิงและเธอก็ปล่อยให้เย่เชียนจูงมือเธอออกมา

เมื่อเธอมาถึงที่ห้องทำงานส่วนตัวของซูเหว๋ยแล้วเย่เชียนก็ปล่อยมือเธอและซูเหว๋ยก็ค่อยๆ เดินไปที่ที่นั่งของเธอแล้วนั่งลงและเธอก็มองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “ขอบคุณที่ช่วยฉันนะ..ญาติๆ พวกนั้นเหมือนคนนอกกันไปหมดแล้ว..มันเศร้านิดหน่อยนะที่ต้องเธอแบบนี้”

“ผมไม่ใช่คนนอกนะ..ผมเป็นทาสรับใช้ของคุณ” เย่เชียนแกล้งหยอกแซวเธอเพื่อทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น

เมื่อได้ยินเช่นนั้นซูเหว๋ยก็ยิ้มแต่ทว่าเธอกลับมีรอยยิ้มที่ขมขื่นและพูดว่า “ถึงคุณจะช่วยฉันเอาไว้ก็จริง..แต่ว่านะระบบซอฟต์แวร์น่ะมันไม่ได้ง่ายอย่างงั้นน่ะสิ” ซูเหว๋ยถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ และโทรศัพท์ไปหาเลขาแล้วพูดว่า “เข้ามาหน่อย!” พร้อมกับถอนหายใจอีกครั้ง

ไม่นานนักเลขาก็เคาะประตูและเดินเข้ามาและซูเหว๋ยก็พูดว่า “ไปบอกทุกคนว่าตอนนี้ให้เร่งทำโปรเจคระหว่างเดอะมัวร์กรุ๊ปก่อน..และขอให้ทุกคนทำงานหนักในคืนนี้และทำงานนอกเวลาเพื่อให้ซอฟต์แวร์เสร็จ..เดี๋ยวฉันจะจ่ายค่าล่วงเวลาให้สามเท่า”

“ได้ค่ะ!” เลขาตอบแล้วเดินออกไป

หลังจากนั้นซูเหว๋ยก็มองไปที่เย่เชียนและพูดว่า “นายขับรถของฉันกลับบ้านไปก็ได้..ฉันจะอยู่ที่บริษัทคืนนี้”

“ผมจะอยู่กับคุณ” เย่เชียนพูด “ถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์เหล่านี้ก็เถอะ..แต่อย่างน้อยๆ ผมก็สามารถเสิร์ฟชาและอาหารให้คุณได้นะ”

ซูเหว๋ยก็จ้องมองเย่เชียนด้วยความยินดีและดวงตาของซูเหว๋ยก็เป็นประกายแวววาวและเธอก็สำลักคำพูดออกมาว่า “ขอบคุณนะ!”

“ถ้างั้นผมขอตัวออกไปก่อนนะ” หลังจากที่เย่เชียนพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปจากห้องทำงานส่วนตัวของซูเหว๋ยและเย่เชียนก็เดินไปหาเลขาแล้วถามว่า “คุณมีข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์นั้นมั้ย? ..ผมขอดูหน่อยสิ”

“มีค่ะ!” เลขาก็ยื้นแฟ้มเอกสารให้เย่เชียน

“ขอบคุณครับ!” เย่เชียนก็ถามต่อ “บริษัทมีเครื่องสแกนมั้ย?”

“คุณต้องการสแกนข้อมูลนี้หรอคะ?” เลขาถามและพูดว่า “ถ้างั้นก็ไม่ต้องยุ่งยากก็ได้ค่ะ..ฉันมีไฟล์ข้อมูลนี้อยู่ในคอมพิวเตอร์ของฉัน..คุณสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลได้เลยค่ะ”

“อ้อ..ถ้างั้นผมขอใช้คอมพิวเตอร์ของคุณหน่อยสิ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานของเลขาแล้วนั่งลงและพูดว่า “คุณไปทำธุระของคุณก่อนก็ได้..ผมขอดูอะไรนิดหน่อย..ขอบคุณครับ!”

เลขาก็ตอบและหันไปเดินออกไป

หลังจากนั้นเย่เชียนเปิดคอมพิวเตอร์ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ส่งเป็นแค่อีเมลหรือหนังเพียงเท่านั้นแล้วนับประสาอะไรกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามโชคดีที่มีแฮ็กเกอร์ไซเบอร์ที่เก่งกาจอยู่ในเขี้ยวหมาป่าซึ่งเป็นอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ตัวจริงอย่างหมาป่าหิมะแจ็ค หลังจากนั้นเย่เชียนก็โทรศัพท์ไปหาแจ็คและอธิบายถึงเรื่องนี้สั้นๆ และหลังจากนั้นก็ส่งข้อมูลให้เขา

หลังจากนั้นไม่นานแจ็คก็โทรศัพท์กลับมาและพูดกับเย่เชียนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “บอส! ..นี่บอสกำลังดูถูกไอคิวอันแสนอัจฉริยะของผมงั้นหรอ..ผมเสียใจมากที่บอสเอาซอฟต์แวร์ง่ายๆ ของเด็กเล่นแบบนี้ให้ผมทำ..ผมขอสองชั่วโมง! ..ผมจะแก้ซอฟต์แวร์ให้เสร็จภายในสองชั่วโมงก็พอ!”

เย่เชียนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปากเพราะนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของบริษัททะเลสี่ทิศหลายคนร่วมกับแก้ไขมันมาตั้งหลายวันหลายคืนแต่ทว่าแจ็คกลับสามารถแก้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ และยิ่งไปกว่านั้นกลายเป็นเย่เชียนไปดูถูกความสามารถของแจ็คโดยการให้งานง่ายๆ กับเขาเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็สามารถแก้ไขได้โดยพื้นฐานแล้วและตอนนี้แจ็คก็ได้รับปากเอาไว้แล้ว ดังนั้นเย่เชียนจึงเชื่อว่าเขาจะสามารถจัดการกับมันได้เพราะแจ็คไม่ใช่คนโอ้อวดและถ้าสิ่งไหนเขาทำได้เขาก็ทำได้จริงๆ และเขาก็คงจะทำเสร็จได้ภายในสองชั่วโมงหรือไวกว่านั้นเป็นแน่

เมื่อเวลาผ่านไปสองชั่วโมงต่อมาแจ็คก็ส่งแบบซอฟต์แวร์ที่เขาแก้ไขมาทั้งหมดซึ่งเย่เชียนเองก็ไม่เข้าใจและไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิดกันแน่แต่เมื่อแจ็คส่งมาเย่เชียนก็เชื่อว่ามันจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน หลังจากนั้นเย่เชียนก็คัดลอกไฟล์ของแจ็คด้วยแฟลชไดร์ฟและเดินเข้าไปในห้องทำงานของซูเหว๋ย

ซูเหว๋ยนั้นกำลังจมอยู่กับงานหน้าคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางที่จริงจังและเหนื่อยล้าอย่างมากอยู่ “คุณอยากกินอะไรบ้างมั้ย?” เย่เชียนถาม

เห็นได้ชัดเลยว่าซูเหว๋ยนั้นไม่ได้คาดหวังว่าจู่ๆ จะมีคนเปิดประตูเข้ามาเช่นนี้เพราะเธอนั้นถึงกับตกใจอย่างมาก และหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วซูเหว๋ยก็จ้องมองเขาและพูดว่า “เมื่อกี้ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องเคาะประตูก่อนเข้ามาทุกครั้งน่ะ”

เย่เชียนนั้นก็เข้าใจอารมณ์ในตอนนี้ของเธอดังนั้นเขาจึงไม่โกรธกับท่าทีที่ฉุนเฉียวของเธอเขาเพียงยิ้มและพูดว่า “เอาหน่าๆ ..ผมขอโทษ..คุณอยากกินอะไรมั้ยผมจะไปซื้อให้..คุณจ่ายค่านั่นค่านี่ให้ผมเพราะงั้นผมก็ควรจะตอบแทนคุณบ้าง”

ซูเหว่ยผงะไปชั่วขณะและถามด้วยความประหลาดใจ: “ให้รางวัลคุณรางวัลอะไร? ”

เย่เชียนก็ส่งมอบแฟลชไดร์ฟแบบพกพาให้และพูดว่า “คุณลองเปิดดูได้เลย..ผมรับปากเอาไว้แล้วหนิว่าจะไม่มีใครแย่งชิงบริษัทของคุณไปได้”

ซูเหว๋ยก็นึกไม่ออกว่าเย่เชียนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ซึ่งเธอก็มองเขาอย่างงุนงงและหยิบแฟลชไดร์ฟพกพามาและเสียบลงในคอมพิวเตอร์ของเธอ และเมื่อซูเหว๋ยเปิดไฟล์ขึ้นมาเธอก็ตกใจอย่างมากและอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า “อ๊าย!” แล้วเธอก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า “เย่เชียน! ..นี่นายว่างมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ..นี่นายไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีน่ะ? ..ออกไป! ..จะไปไหนก็ไป!”

เย่เชียนนั้นไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าซูเหว๋ยจะโมโหถึงขนาดนี้และเย่เชียนก็แอบด่าแจ็คอย่างดุเดือดเพราะตอนนี้เขาเองก็ตกใจไปกับความบ้าของแจ็คพลางคิดว่าแจ็คอาจจะคิดว่าเย่เชียนดูถูกไอคิวของเขาดังนั้นแจ็คจึงตั้งป๊อปอัพภาพผีที่น่ากลัว ดังนั้นเมื่อเปิดโฟลเดอร์ขึ้นมาซูเหว๋ยจึงกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อครู่นี้

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+