ยอดนักรบจอมราชัน 293 ตาต่อตา

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 293 ตาต่อตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 293 ตาต่อตา
ที่นี่อาจเป็นสถานีตำรวจที่เล็กที่สุดที่เย่เชียนเคยย่างก้าวเข้าไป จากนั้นเหรินเซียงก็จับแยกเย่เชียนกับหลินฟานเพื่อสอบปากคำ ซึ่งเย่เชียนเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเพราะนี่ก็คือบททดสอบหลินฟานนั่นเอง ซึ่งมันจะเป็นประสบการณ์ที่ขาดไม่ได้เลยในชีวิตของเขา และขอเพียงแค่ให้หลินฟานรู้เอาไว้ว่าเขาต้องยึดมั่นในความเชื่อของเขาตลอดเวลาจากนั้นก็จะสามารถมองทุกคนเป็นเพียงแค่การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตในสายตาเพียงเท่านั้นและเรากับเขาก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยและมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าเราจะก้าวเดินไปแบบไหนในชีวิตของเรา จากนั้นหลินฟานก็จะสามารถเติบโตและมีความทะเยอทะยานและเป้าหมายอย่างแท้จริงในชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายควรจะมี

เหรินเซียงนั้นเลือกที่จะสอบปากคำหลินฟานด้วยตัวเองในขณะที่เย่เชียนนั้นถูกตำรวจอีกคนพาเข้าห้องสอบสวน เมื่อเย่เชียนเพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องสอบสวนได้ไม่นานนักผู้กำกับการของสถานีตำรวจก็รีบเข้ามา ซึ่งในสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างห่างไกลจากเมืองใหญ่ๆ อย่างมากจึงทำให้คำสั่งและนโยบายหลายๆ อย่างของรัฐบาลกลางไม่สามารถปฏิบัติได้อย่างเคร่งครัดและสมบูรณ์

เย่เชียนนั้นก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเมื่อหลินฟานเข้าไปในห้องสอบสวนแล้วเขาก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ผู้ชายที่ได้รับความทุกข์ทรมานและเสียเลือดเสียเนื้อได้นั้นถือว่าเป็นผู้ชายที่กล้าหาญยิ่ง ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ไม่ได้ต้องการให้หลินฟานกลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงอันเกรียงไกรใดๆ เพราะวีรบุรุษเช่นนี้มักจะมีจุดจบที่เลวร้ายและจบได้ไม่ดีนัก เพราะสิ่งที่เย่เชียนต้องการก็คือให้หลินฟานกลายเป็นวีรชนรุ่นใหม่ในอนาคต และนี่ก็ถือได้ว่าเป็นการตอบแทนอาจารย์ที่ได้สั่งสอนตัวเขาเองมาโดยตลอด

“คุณเย่ใช่มั้ย..ฉันเค่อปิงผู้กำกับการสถานีตำรวจ..สวัสดีครับ!” ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปในห้องสอบสวนและพูดพร้อมกับโค้งคำนับอย่างเคารพ ซึ่งในเมืองห่างไกลเช่นนี้นั้นในฐานะผู้กำกับการสถานีตำรวจก็ถือได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งแล้วและอำนาจในมือของเขานั้นก็มีไม่น้อยเลย

เมื่อเช้านี้เหรินเซียงได้รับเรื่องแจ้งความว่าเกิดการฆาตกรรมขึ้นในหมู่บ้านซูชูวซึ่งทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมากเขาจึงขอรับหน้าที่ไปพาตัวผู้ต้องหามายังสถานีตำรวจ เพราะตราบใดที่มีคนก่ออาชญากรรมล่ะก็เขาก็ต้องได้รับความชื่นชมและมีผลงานเพื่อทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่ง ดังนั้นผลประโยชน์ต่างๆ ก็ไม่น้อยไปโดยปริยาย แต่ทว่าหลังจากได้ยินว่าผู้เคราะห์ร้ายนั้นเป็นน้องชายแท้ๆ ของตัวเองแล้วเขาก็ขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบต่อจิตใจอะไรของเขามากนักเพราะเรื่องเหล่านี้ก็จะถูกเก็บเกี่ยวไปเป็นผลงานของเขาโดยปริยาย ซึ่งเหรินเซียงนั้นเป็นคนฉลาดและเล่ห์เหลี่ยมเยอะดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์เหล่านี้และในใจของเหรินเซียงนั้นก็ต้องการให้คนก่ออาชญากรรมเยอะๆ เพื่อที่จะทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งที่ใหญ่โตในอนาคต

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้หลังจากที่เหรินเซียงออกไปเพื่อจับกุมผู้ต้องหานั้นเค่อปิงก็ได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานเทศบาลเมืองและสิ่งนี้ก็ทำให้เขาถึงกับประหลาดใจอย่างมากเพราะเขาไม่คาดคิดเลยว่าคนจากสำนักงานเทศบาลเมืองจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เร็วถึงขนาดนี้และเขาเองก็ได้รับคำสั่งให้จัดการเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวังอย่างมากโดยบอกว่ามันเป็นคำสั่งมาจากเบื้องบนและตัวตนของคนๆ นั้นก็ไม่ธรรมดา ซึ่งทำให้เค่อปิงถึงกับตกตะลึงในทันทีและเขาก็เข้าใจความหมายข้างต้นได้เป็นอย่างดีและพยักหน้าและตอบอย่างรวดเร็วและรับคำสั่งด้วยความเคารพ

เมื่อรู้ว่าผู้ต้องสงสัยถูกผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเองจับมาแล้วนั้นเค่อปิงก็รีบตรงมายังสถานีตำรวจอย่างเร่งรีบในทันที

เย่เชียนเองก็รู้ได้ทันทีว่าเค่อปิงจะต้องได้รับคำสั่งของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนมาอย่างแน่นอนและคำสั่งต่างๆ ก็มีผลค่อนข้างเร็วเลยทีเดียว ด้วยรอยยิ้มเล็กยิ้มน้อยเย่เชียนก็ยื่นมือออกไปจับมือกับเค่อปิงและพูดว่า “ผู้กำกับการเค่อ..ผมต้องขอรบกวนด้วยที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน”

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่ติดตามเหรินเซียงไปจับกุมเย่เชียนกับหลินฟานเห็นเช่นนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตนของหัวหน้าของเขา และในไม่ช้าเขาก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่าตัวตนของคนๆ นี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเพราะไม่เช่นนั้นหัวหน้าของเขาที่เป็นถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจจะไม่ถ่อมตัวและก้มหัวให้กับคนคนนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะแอบดีใจอย่างมากเพราะโชคดีที่เขาไม่ได้ทำอะไรกับชายหนุ่มคนนี้เลยเมื่อตอนที่เขาไปจับกุม ไม่เช่นนั้นอนาคตอาชีพการงานของเขาก็คงจะพังพินาศอย่างแน่นอน เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เหรินเซียงทำไปแล้วนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างลับๆ พลางคิดว่าเหรินเซียงจะต้องโดนลงทัณฑ์อย่างหนักหนาสาหัสแน่นอน

“อ๋อไม่เป็นไรครับคุณเย่..ไม่เป็นไรๆ” เค่อปิงพูดอย่างรีบร้อน

เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ผู้กำกับเค่อครับ..ผมได้ยินมาว่าตำรวจในกรมของคุณน่ะเป็นคนชอบทำตามอำเภอใจและเพิกเฉยต่อกฎหมายของประเทศในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด..และยิ่งไปกว่านั้นยังใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานทำให้ตัวเองเหมือนดั่งเสือ..นั่นคงไม่จริงหรอกใช่มั้ย?”

เค่อปิงนั้นไม่รู้จริงๆ ว่าตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนนั้นเป็นเช่นไรและเขาก็รู้แค่ว่ามันเป็นคำสั่งของเทศบาลเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเทศบาลเมืองยังบอกอีกว่ามันเป็นคำสั่งที่มาจากเบื้อบน ดังนั้นเค่อปิงจึงไม่สนใจอะไรแล้วว่าเย่เชียนนั้นจะมีภูมิหลังเช่นไรเพราะถ้าหากเบื้องบนสั่งมาถึงขนาดนี้เขาก็คงจะเพิกเฉยไม่ได้เลยแม้แต่น้อย “เอ่อ..คือ..ไม่น่าจะ” เค่อปิงพูดอย่างกระวนกระวายว่า “คุณเย่เข้าใจผิดหรือเปล่าครับ?”

“ผมจะเข้าใจผิดในสิ่งที่ผมเห็นด้วยตาของผมเองได้ยังไงครับ..ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองถามเขาดูสิ..เขาก็เห็นด้วยตาของเขาเองเหมือนกัน” เย่เชียนเหลือบมองไปที่ตำรวจคนที่อยู่ข้างๆ เขาแล้วพูด

ซึ่งเค่อปิงเองนั้นก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นและเขาก็แค่งุนงง และเมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนเช่นนี้เค่อปิงก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “คุณเย่ครับ..เรื่องนี้เดี๋ยวเราจะรีบแก้ไขในอนาคต..ส่วนเรื่องนี้เราได้ตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้วและไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณเย่เลย..คุณเย่สามารถกลับได้เลยครับ..อ๋อใช่ๆ ..ส่วนเด็กคนนั้นคุณเย่พากลับไปด้วยได้เลยครับ”

“ผู้กำกับการเค่อ..ผมหวังว่าพวกคุณจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจังนะครับ” เย่เชียนพูด “เอาล่ะ..ถ้างั้นก็พาผมไปหาเขาหน่อย”

เจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเพราะเขารู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่ห้องสอบสวนอีกห้องและเขาก็คิดว่าหน้าที่การงานของเขาก็อาจจะจบสิ้นแล้ว

“ได้เลย!” เค่อปิงก็พูดซ้ำๆ ว่า “เชิญครับ!”

เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ส่วนเค่อปิงก็หันไปจ้องเขม็งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นอย่างดุร้ายและพูดเบา ๆ ว่า “ทำไมพวกนายถึงได้ก่อเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้ล่ะ!” จากนั้นเขาก็รีบตามเย่เชียนไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วรีบเดินตามไป

เมื่อผลักประตูของห้องสอบสวนที่อยู่ถัดออกไปนั้นก็พบว่ามือของหลินฟานถูกใส่กุญแจมือติดอยู่กับเก้าอี้และมีบาดแผลฟกช้ำที่ใบหน้าอย่างเห็นได้ชัดและมีเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูกและมีเลือดสดๆ ที่มุมปาก ซึ่งดูเหมือนว่าการกระทำของเหรินเซียงนั้นจะไม่ความปรานีใดๆ เลย

เหรินเซียงเองก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นเย่เชียนที่เดินเข้ามาและเมื่อเห็นเค่อปิงที่อยู่ด้านหลังของเย่เชียนแล้วเขาก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น “โอ้..หัวหน้าเค่อครับ..เรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือคุณหรอก..เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ผมจัดการได้ครับ” เหรินเซียงพูด

เค่อปิงก็แอบเช็ดเหงื่ออย่างลับๆ และคิดในใจว่าไอ้หมอนี่มันบ้าหรือเปล่าเพราะเห็นได้ชัดเลยว่านี่มันทำเกินกว่าเหตุไม่ใช่หรือ? ทันใดนั้นเค่อปิงก็ทำสีหน้าที่จริงจังและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เหรินเซียง! ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ..ทำไมหน้าของเด็กคนนี้ถึงได้เป็นแบบนี้?”

“หัวหน้าเค่อครับ..คือเด็กคนนี้มันปากแข็งมาก..ถ้าผมไม่สอนบทเรียนมันสักหน่อยมันก็คงจะหยิ่งผยองอยู่แบบนี้” เหรินเซียงพูดต่อ “หัวหน้าเค่อ..ไอ้เด็กคนนี้น่ะมันฆ่าน้องชายของผม..เพราะงั้นผมจะทำให้มันตายตามไป!”

“ไอ้เวรเอ๊ย!” เค่อปิงรีบตะโกนอย่างร้อนรน “พวกเราเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้บังคับใช้กฎหมาย..เขาจะถูกหรือผิดยังไงมันก็ไม่สำคัญ! ..แต่คุณยังกล้าที่จะละเมิดกฎหมายและทำร้ายร่างกายทุบตีเยาวชนโดยใช้อำนาจทางหน้าที่การงานในฐานะตำรวจ! ..คุณรู้มั้ยว่านี่หมายความว่าไง?”

เหรินเซียงก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและเขาก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าของเขากันแน่

“คุณเย่ครับ..ผมขอโทษ! ..ลูกน้องของผมไม่เคร่งครัดในกฎระเบียบของเรา..เดี๋ยวผมจะจัดการดำเนินคดีตามขั้นตอนอย่างเด็ดขาดและถึงที่สุดเองครับ!” เค่อปิงรีบพูดกับเย่เชียนอย่างนอบน้อม

เหรินเซียงถึงตกตะลึงเพราะเห็นได้ชัดว่าท่าทีและการแสดงออกของเค่อปิงนั้นดูผิดปกติมากเกินไปและเขาก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าตัวตนของเย่เชียนนั้นไม่ใช่บุคคลที่แม้แต่เค่อปิงจะรับมือได้เลย

เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและเดินไปที่ด้านข้างของหลินฟานและมองไปที่มือที่ถูกใส่กุญแจมือ “รีบไขกุญแจมือให้เขาเร็วเข้า!” เค่อปิงตะโกนใส่เหรินเซียงอย่างเดือดดาล

“แต่หัวหน้าเค่อครับ..เขาเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมนะครับ!” เหรินเซียงยังคงไม่ยอมแพ้

“ฉันได้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว..เพราะงั้นรีบปล่อยเขาซะ!” ถ้าเย่เชียนไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยล่ะก็เค่อปิงคงจะเดินเข้าไปตบเหรินเซียงสักสองสามครั้งไปแล้ว เพราะเหรินเซียงเพิกเฉยและไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวต่อสถานการณ์ในปัจจุบันมากเกินไป

ถึงแม้ว่าเหรินเซียงจะไม่เต็มใจก็ตามแต่เขาก็จำใจเดินไปไขกุญแจมือของหลินฟานอย่างหมดหนทาง ส่วนเย่เชียนก็ลูบหัวของหลินฟานเบาๆ และถามว่า “เป็นยังไงบ้าง..ไหวหรือเปล่า?”

หลินฟานก็ส่ายหัวและดูมีความเป็นผู้ใหญ่และความแน่วแน่ในดวงตาที่ไร้เดียงสาของเขาเช่นเดียวกันกับความทะเยอทะยานของผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ..เมื่อกี้นี้เขาทำอะไรเอ็งบ้าง..ตอนนี้เอ็งเอาคืนเขาได้สิบเท่าแล้ว”

เค่อปิงและเหรินเซียงและเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนต่างก็ตกตะลึงอย่างมากแต่ทว่าก็ไม่มีทางที่จะหยุดหรือคัดค้านเขาได้เลย

ร่องรอยของเจนตาฆ่าก็ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของหลินฟานและในทันใดนั้นเท้าขวาของหลินฟานก็ยันไว้กับพื้นอย่างกะทันหันและร่างของหลินฟานก็พุ่งออกไปเหมือนลูกศรจากคันธนูพุ่งเข้าไปใส่ร่างของเหรินเซียงอย่างรวดเร็ว และในทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเพียงแค่เสียงของกระดูกหัก ส่วนเหรินเซียงในตอนนี้ก็กรีดร้องอย่างน่าสังเวชและร่างของเขาก็กระเด็นไปกระแทกกับกำแพงและล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรงและกระดูกซี่โครงของเขาก็หักไปหลายท่อน

ฉากนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนอย่างมากเพราะไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กตัวเล็กๆ เช่นนี้จะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ซึ่งเย่เชียนเองก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะเขาไม่คาดคิดว่ามวยปาจี๋ของหลินฟานนั้นจะรุนแรงเช่นนี้ และเมื่อเห็นเช่นนั้นรอยยิ้มแห่งความโล่งใจและพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่เชียนทันที

“จำเอาไว้ว่าผู้ชายอย่างเราๆ น่ะมีศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่..และถ้าหากว่าใครตบเอ็งล่ะก็..จงทำให้มือข้างนั้นของเขาได้ชดใช้ซะ” เย่เชียนพูด

หลินฟานก็พยักหน้าอย่างแน่วแน่และพูดว่า “ได้ครับพี่ชาย..ผมจะจำเอาไว้!”

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และยิ้มอย่างพึงพอใจจากนั้นก็หันหน้าไปมองเค่อปิงและพูดว่า “ผู้กำกับเค่อ..เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้บังคับใช้กฎหมายกลับใช้อำนาจในมือของเขาไปในทางที่ผิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว..ผมคิดว่าผมคงจะไม่ต้องบอกวิธีการที่ถูกต้องให้คุณหรอกใช่มั้ย?”

“ครับๆ ..ผมรู้ๆ” เค่อปิงพยักหน้าซ้ำๆ จากนั้นก็หันไปสบตากับเจ้าหน้าที่ตำรวจข้างๆ แล้วพูดว่า “เสี่ยวหวัง! ..ใส่กุญแจมือเหรินเซียงซะ!”

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “อีกเรื่องหนึ่ง..จำเอาไว้ด้วยว่าพ่อกับแม่ของเหรินเซียงน่ะทุจริตและยักยอกเงินกองทุนบรรเทาความยากไร้ของรัฐบาล! ..และนายกเทศมนตรีเมืองเซวียนเฉินก็รู้เรื่องนี้แล้ว..เพราะงั้นเรื่องนี้คุณกับนายกเทศมนตรีก็ร่วมกันจัดการเรื่องนี้ด้วยก็แล้วกัน”

“ได้ครับๆ!” เค่อปิงก็พยักหน้าและโค้งคำนับ “โชคดีครับคุณเย่!”

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และประคองหลังของหลินฟานเดินออกไป หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเย่เชียนก็เชื่อว่าจะไม่มีใครหน้าไหนในเมืองนี้กล้าที่จะคุกคามหลินฟานอีกต่อไป ในขณะที่กำลังเดินอยู่หลินฟานก็จับแขนของเย่เชียนเอาไว้และพูดว่า “พี่ชายครับ..ไม่ต้องประคองผมหรอก”

เย่เชียนก็ยิ้มและปล่อยมือ

หลังจากออกจากสถานีตำรวจแล้วไม่นานนักโทรศัพท์มือถือของเย่เชียนก็ดังขึ้น จากนั้นเย่เชียนก็ยิ้มให้หลินฟานและบอกให้หลินฟานรออยู่ตรงนี้ก่อน จากนั้นเย่เชียนก็เดินออกไป ทันทีที่รับสายแล้วเสียงของแจ็คก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งซึ่งพูดว่า “บอส! ..มีบางอย่างเกิดขึ้นที่สำนักงานใหญ่!”

เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า “มีอะไรเหรอ..พี่ซิงเฉินก็อยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่! ..แต่พี่ซิงเฉินถูกใครบางคนลอบทำร้ายและตอนนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บจนอาการสาหัสมาก..และยิ่งไปกว่านั้นกำลังจะมีการประชุมร่วมครั้งใหญ่ของเหล่าทหารรับจ้างในอีกไม่กี่วัน..ผมคิดว่าสิ่งต่างๆ มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นแน่ๆ” แจ็คพูด

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 293 ตาต่อตา

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 293 ตาต่อตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 293 ตาต่อตา
ที่นี่อาจเป็นสถานีตำรวจที่เล็กที่สุดที่เย่เชียนเคยย่างก้าวเข้าไป จากนั้นเหรินเซียงก็จับแยกเย่เชียนกับหลินฟานเพื่อสอบปากคำ ซึ่งเย่เชียนเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเพราะนี่ก็คือบททดสอบหลินฟานนั่นเอง ซึ่งมันจะเป็นประสบการณ์ที่ขาดไม่ได้เลยในชีวิตของเขา และขอเพียงแค่ให้หลินฟานรู้เอาไว้ว่าเขาต้องยึดมั่นในความเชื่อของเขาตลอดเวลาจากนั้นก็จะสามารถมองทุกคนเป็นเพียงแค่การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตในสายตาเพียงเท่านั้นและเรากับเขาก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยและมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าเราจะก้าวเดินไปแบบไหนในชีวิตของเรา จากนั้นหลินฟานก็จะสามารถเติบโตและมีความทะเยอทะยานและเป้าหมายอย่างแท้จริงในชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายควรจะมี

เหรินเซียงนั้นเลือกที่จะสอบปากคำหลินฟานด้วยตัวเองในขณะที่เย่เชียนนั้นถูกตำรวจอีกคนพาเข้าห้องสอบสวน เมื่อเย่เชียนเพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องสอบสวนได้ไม่นานนักผู้กำกับการของสถานีตำรวจก็รีบเข้ามา ซึ่งในสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างห่างไกลจากเมืองใหญ่ๆ อย่างมากจึงทำให้คำสั่งและนโยบายหลายๆ อย่างของรัฐบาลกลางไม่สามารถปฏิบัติได้อย่างเคร่งครัดและสมบูรณ์

เย่เชียนนั้นก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเมื่อหลินฟานเข้าไปในห้องสอบสวนแล้วเขาก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ผู้ชายที่ได้รับความทุกข์ทรมานและเสียเลือดเสียเนื้อได้นั้นถือว่าเป็นผู้ชายที่กล้าหาญยิ่ง ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ไม่ได้ต้องการให้หลินฟานกลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงอันเกรียงไกรใดๆ เพราะวีรบุรุษเช่นนี้มักจะมีจุดจบที่เลวร้ายและจบได้ไม่ดีนัก เพราะสิ่งที่เย่เชียนต้องการก็คือให้หลินฟานกลายเป็นวีรชนรุ่นใหม่ในอนาคต และนี่ก็ถือได้ว่าเป็นการตอบแทนอาจารย์ที่ได้สั่งสอนตัวเขาเองมาโดยตลอด

“คุณเย่ใช่มั้ย..ฉันเค่อปิงผู้กำกับการสถานีตำรวจ..สวัสดีครับ!” ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปในห้องสอบสวนและพูดพร้อมกับโค้งคำนับอย่างเคารพ ซึ่งในเมืองห่างไกลเช่นนี้นั้นในฐานะผู้กำกับการสถานีตำรวจก็ถือได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งแล้วและอำนาจในมือของเขานั้นก็มีไม่น้อยเลย

เมื่อเช้านี้เหรินเซียงได้รับเรื่องแจ้งความว่าเกิดการฆาตกรรมขึ้นในหมู่บ้านซูชูวซึ่งทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมากเขาจึงขอรับหน้าที่ไปพาตัวผู้ต้องหามายังสถานีตำรวจ เพราะตราบใดที่มีคนก่ออาชญากรรมล่ะก็เขาก็ต้องได้รับความชื่นชมและมีผลงานเพื่อทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่ง ดังนั้นผลประโยชน์ต่างๆ ก็ไม่น้อยไปโดยปริยาย แต่ทว่าหลังจากได้ยินว่าผู้เคราะห์ร้ายนั้นเป็นน้องชายแท้ๆ ของตัวเองแล้วเขาก็ขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบต่อจิตใจอะไรของเขามากนักเพราะเรื่องเหล่านี้ก็จะถูกเก็บเกี่ยวไปเป็นผลงานของเขาโดยปริยาย ซึ่งเหรินเซียงนั้นเป็นคนฉลาดและเล่ห์เหลี่ยมเยอะดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์เหล่านี้และในใจของเหรินเซียงนั้นก็ต้องการให้คนก่ออาชญากรรมเยอะๆ เพื่อที่จะทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งที่ใหญ่โตในอนาคต

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้หลังจากที่เหรินเซียงออกไปเพื่อจับกุมผู้ต้องหานั้นเค่อปิงก็ได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานเทศบาลเมืองและสิ่งนี้ก็ทำให้เขาถึงกับประหลาดใจอย่างมากเพราะเขาไม่คาดคิดเลยว่าคนจากสำนักงานเทศบาลเมืองจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เร็วถึงขนาดนี้และเขาเองก็ได้รับคำสั่งให้จัดการเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวังอย่างมากโดยบอกว่ามันเป็นคำสั่งมาจากเบื้องบนและตัวตนของคนๆ นั้นก็ไม่ธรรมดา ซึ่งทำให้เค่อปิงถึงกับตกตะลึงในทันทีและเขาก็เข้าใจความหมายข้างต้นได้เป็นอย่างดีและพยักหน้าและตอบอย่างรวดเร็วและรับคำสั่งด้วยความเคารพ

เมื่อรู้ว่าผู้ต้องสงสัยถูกผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเองจับมาแล้วนั้นเค่อปิงก็รีบตรงมายังสถานีตำรวจอย่างเร่งรีบในทันที

เย่เชียนเองก็รู้ได้ทันทีว่าเค่อปิงจะต้องได้รับคำสั่งของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนมาอย่างแน่นอนและคำสั่งต่างๆ ก็มีผลค่อนข้างเร็วเลยทีเดียว ด้วยรอยยิ้มเล็กยิ้มน้อยเย่เชียนก็ยื่นมือออกไปจับมือกับเค่อปิงและพูดว่า “ผู้กำกับการเค่อ..ผมต้องขอรบกวนด้วยที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน”

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่ติดตามเหรินเซียงไปจับกุมเย่เชียนกับหลินฟานเห็นเช่นนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตนของหัวหน้าของเขา และในไม่ช้าเขาก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่าตัวตนของคนๆ นี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเพราะไม่เช่นนั้นหัวหน้าของเขาที่เป็นถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจจะไม่ถ่อมตัวและก้มหัวให้กับคนคนนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะแอบดีใจอย่างมากเพราะโชคดีที่เขาไม่ได้ทำอะไรกับชายหนุ่มคนนี้เลยเมื่อตอนที่เขาไปจับกุม ไม่เช่นนั้นอนาคตอาชีพการงานของเขาก็คงจะพังพินาศอย่างแน่นอน เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เหรินเซียงทำไปแล้วนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างลับๆ พลางคิดว่าเหรินเซียงจะต้องโดนลงทัณฑ์อย่างหนักหนาสาหัสแน่นอน

“อ๋อไม่เป็นไรครับคุณเย่..ไม่เป็นไรๆ” เค่อปิงพูดอย่างรีบร้อน

เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ผู้กำกับเค่อครับ..ผมได้ยินมาว่าตำรวจในกรมของคุณน่ะเป็นคนชอบทำตามอำเภอใจและเพิกเฉยต่อกฎหมายของประเทศในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด..และยิ่งไปกว่านั้นยังใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานทำให้ตัวเองเหมือนดั่งเสือ..นั่นคงไม่จริงหรอกใช่มั้ย?”

เค่อปิงนั้นไม่รู้จริงๆ ว่าตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนนั้นเป็นเช่นไรและเขาก็รู้แค่ว่ามันเป็นคำสั่งของเทศบาลเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเทศบาลเมืองยังบอกอีกว่ามันเป็นคำสั่งที่มาจากเบื้อบน ดังนั้นเค่อปิงจึงไม่สนใจอะไรแล้วว่าเย่เชียนนั้นจะมีภูมิหลังเช่นไรเพราะถ้าหากเบื้องบนสั่งมาถึงขนาดนี้เขาก็คงจะเพิกเฉยไม่ได้เลยแม้แต่น้อย “เอ่อ..คือ..ไม่น่าจะ” เค่อปิงพูดอย่างกระวนกระวายว่า “คุณเย่เข้าใจผิดหรือเปล่าครับ?”

“ผมจะเข้าใจผิดในสิ่งที่ผมเห็นด้วยตาของผมเองได้ยังไงครับ..ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองถามเขาดูสิ..เขาก็เห็นด้วยตาของเขาเองเหมือนกัน” เย่เชียนเหลือบมองไปที่ตำรวจคนที่อยู่ข้างๆ เขาแล้วพูด

ซึ่งเค่อปิงเองนั้นก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นและเขาก็แค่งุนงง และเมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนเช่นนี้เค่อปิงก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “คุณเย่ครับ..เรื่องนี้เดี๋ยวเราจะรีบแก้ไขในอนาคต..ส่วนเรื่องนี้เราได้ตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้วและไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณเย่เลย..คุณเย่สามารถกลับได้เลยครับ..อ๋อใช่ๆ ..ส่วนเด็กคนนั้นคุณเย่พากลับไปด้วยได้เลยครับ”

“ผู้กำกับการเค่อ..ผมหวังว่าพวกคุณจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจังนะครับ” เย่เชียนพูด “เอาล่ะ..ถ้างั้นก็พาผมไปหาเขาหน่อย”

เจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเพราะเขารู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่ห้องสอบสวนอีกห้องและเขาก็คิดว่าหน้าที่การงานของเขาก็อาจจะจบสิ้นแล้ว

“ได้เลย!” เค่อปิงก็พูดซ้ำๆ ว่า “เชิญครับ!”

เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ส่วนเค่อปิงก็หันไปจ้องเขม็งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นอย่างดุร้ายและพูดเบา ๆ ว่า “ทำไมพวกนายถึงได้ก่อเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้ล่ะ!” จากนั้นเขาก็รีบตามเย่เชียนไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วรีบเดินตามไป

เมื่อผลักประตูของห้องสอบสวนที่อยู่ถัดออกไปนั้นก็พบว่ามือของหลินฟานถูกใส่กุญแจมือติดอยู่กับเก้าอี้และมีบาดแผลฟกช้ำที่ใบหน้าอย่างเห็นได้ชัดและมีเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูกและมีเลือดสดๆ ที่มุมปาก ซึ่งดูเหมือนว่าการกระทำของเหรินเซียงนั้นจะไม่ความปรานีใดๆ เลย

เหรินเซียงเองก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นเย่เชียนที่เดินเข้ามาและเมื่อเห็นเค่อปิงที่อยู่ด้านหลังของเย่เชียนแล้วเขาก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น “โอ้..หัวหน้าเค่อครับ..เรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือคุณหรอก..เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ผมจัดการได้ครับ” เหรินเซียงพูด

เค่อปิงก็แอบเช็ดเหงื่ออย่างลับๆ และคิดในใจว่าไอ้หมอนี่มันบ้าหรือเปล่าเพราะเห็นได้ชัดเลยว่านี่มันทำเกินกว่าเหตุไม่ใช่หรือ? ทันใดนั้นเค่อปิงก็ทำสีหน้าที่จริงจังและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เหรินเซียง! ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ..ทำไมหน้าของเด็กคนนี้ถึงได้เป็นแบบนี้?”

“หัวหน้าเค่อครับ..คือเด็กคนนี้มันปากแข็งมาก..ถ้าผมไม่สอนบทเรียนมันสักหน่อยมันก็คงจะหยิ่งผยองอยู่แบบนี้” เหรินเซียงพูดต่อ “หัวหน้าเค่อ..ไอ้เด็กคนนี้น่ะมันฆ่าน้องชายของผม..เพราะงั้นผมจะทำให้มันตายตามไป!”

“ไอ้เวรเอ๊ย!” เค่อปิงรีบตะโกนอย่างร้อนรน “พวกเราเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้บังคับใช้กฎหมาย..เขาจะถูกหรือผิดยังไงมันก็ไม่สำคัญ! ..แต่คุณยังกล้าที่จะละเมิดกฎหมายและทำร้ายร่างกายทุบตีเยาวชนโดยใช้อำนาจทางหน้าที่การงานในฐานะตำรวจ! ..คุณรู้มั้ยว่านี่หมายความว่าไง?”

เหรินเซียงก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและเขาก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าของเขากันแน่

“คุณเย่ครับ..ผมขอโทษ! ..ลูกน้องของผมไม่เคร่งครัดในกฎระเบียบของเรา..เดี๋ยวผมจะจัดการดำเนินคดีตามขั้นตอนอย่างเด็ดขาดและถึงที่สุดเองครับ!” เค่อปิงรีบพูดกับเย่เชียนอย่างนอบน้อม

เหรินเซียงถึงตกตะลึงเพราะเห็นได้ชัดว่าท่าทีและการแสดงออกของเค่อปิงนั้นดูผิดปกติมากเกินไปและเขาก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าตัวตนของเย่เชียนนั้นไม่ใช่บุคคลที่แม้แต่เค่อปิงจะรับมือได้เลย

เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและเดินไปที่ด้านข้างของหลินฟานและมองไปที่มือที่ถูกใส่กุญแจมือ “รีบไขกุญแจมือให้เขาเร็วเข้า!” เค่อปิงตะโกนใส่เหรินเซียงอย่างเดือดดาล

“แต่หัวหน้าเค่อครับ..เขาเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมนะครับ!” เหรินเซียงยังคงไม่ยอมแพ้

“ฉันได้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว..เพราะงั้นรีบปล่อยเขาซะ!” ถ้าเย่เชียนไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยล่ะก็เค่อปิงคงจะเดินเข้าไปตบเหรินเซียงสักสองสามครั้งไปแล้ว เพราะเหรินเซียงเพิกเฉยและไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวต่อสถานการณ์ในปัจจุบันมากเกินไป

ถึงแม้ว่าเหรินเซียงจะไม่เต็มใจก็ตามแต่เขาก็จำใจเดินไปไขกุญแจมือของหลินฟานอย่างหมดหนทาง ส่วนเย่เชียนก็ลูบหัวของหลินฟานเบาๆ และถามว่า “เป็นยังไงบ้าง..ไหวหรือเปล่า?”

หลินฟานก็ส่ายหัวและดูมีความเป็นผู้ใหญ่และความแน่วแน่ในดวงตาที่ไร้เดียงสาของเขาเช่นเดียวกันกับความทะเยอทะยานของผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ..เมื่อกี้นี้เขาทำอะไรเอ็งบ้าง..ตอนนี้เอ็งเอาคืนเขาได้สิบเท่าแล้ว”

เค่อปิงและเหรินเซียงและเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนต่างก็ตกตะลึงอย่างมากแต่ทว่าก็ไม่มีทางที่จะหยุดหรือคัดค้านเขาได้เลย

ร่องรอยของเจนตาฆ่าก็ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของหลินฟานและในทันใดนั้นเท้าขวาของหลินฟานก็ยันไว้กับพื้นอย่างกะทันหันและร่างของหลินฟานก็พุ่งออกไปเหมือนลูกศรจากคันธนูพุ่งเข้าไปใส่ร่างของเหรินเซียงอย่างรวดเร็ว และในทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเพียงแค่เสียงของกระดูกหัก ส่วนเหรินเซียงในตอนนี้ก็กรีดร้องอย่างน่าสังเวชและร่างของเขาก็กระเด็นไปกระแทกกับกำแพงและล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรงและกระดูกซี่โครงของเขาก็หักไปหลายท่อน

ฉากนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนอย่างมากเพราะไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กตัวเล็กๆ เช่นนี้จะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ซึ่งเย่เชียนเองก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะเขาไม่คาดคิดว่ามวยปาจี๋ของหลินฟานนั้นจะรุนแรงเช่นนี้ และเมื่อเห็นเช่นนั้นรอยยิ้มแห่งความโล่งใจและพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่เชียนทันที

“จำเอาไว้ว่าผู้ชายอย่างเราๆ น่ะมีศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่..และถ้าหากว่าใครตบเอ็งล่ะก็..จงทำให้มือข้างนั้นของเขาได้ชดใช้ซะ” เย่เชียนพูด

หลินฟานก็พยักหน้าอย่างแน่วแน่และพูดว่า “ได้ครับพี่ชาย..ผมจะจำเอาไว้!”

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และยิ้มอย่างพึงพอใจจากนั้นก็หันหน้าไปมองเค่อปิงและพูดว่า “ผู้กำกับเค่อ..เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้บังคับใช้กฎหมายกลับใช้อำนาจในมือของเขาไปในทางที่ผิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว..ผมคิดว่าผมคงจะไม่ต้องบอกวิธีการที่ถูกต้องให้คุณหรอกใช่มั้ย?”

“ครับๆ ..ผมรู้ๆ” เค่อปิงพยักหน้าซ้ำๆ จากนั้นก็หันไปสบตากับเจ้าหน้าที่ตำรวจข้างๆ แล้วพูดว่า “เสี่ยวหวัง! ..ใส่กุญแจมือเหรินเซียงซะ!”

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “อีกเรื่องหนึ่ง..จำเอาไว้ด้วยว่าพ่อกับแม่ของเหรินเซียงน่ะทุจริตและยักยอกเงินกองทุนบรรเทาความยากไร้ของรัฐบาล! ..และนายกเทศมนตรีเมืองเซวียนเฉินก็รู้เรื่องนี้แล้ว..เพราะงั้นเรื่องนี้คุณกับนายกเทศมนตรีก็ร่วมกันจัดการเรื่องนี้ด้วยก็แล้วกัน”

“ได้ครับๆ!” เค่อปิงก็พยักหน้าและโค้งคำนับ “โชคดีครับคุณเย่!”

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และประคองหลังของหลินฟานเดินออกไป หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเย่เชียนก็เชื่อว่าจะไม่มีใครหน้าไหนในเมืองนี้กล้าที่จะคุกคามหลินฟานอีกต่อไป ในขณะที่กำลังเดินอยู่หลินฟานก็จับแขนของเย่เชียนเอาไว้และพูดว่า “พี่ชายครับ..ไม่ต้องประคองผมหรอก”

เย่เชียนก็ยิ้มและปล่อยมือ

หลังจากออกจากสถานีตำรวจแล้วไม่นานนักโทรศัพท์มือถือของเย่เชียนก็ดังขึ้น จากนั้นเย่เชียนก็ยิ้มให้หลินฟานและบอกให้หลินฟานรออยู่ตรงนี้ก่อน จากนั้นเย่เชียนก็เดินออกไป ทันทีที่รับสายแล้วเสียงของแจ็คก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งซึ่งพูดว่า “บอส! ..มีบางอย่างเกิดขึ้นที่สำนักงานใหญ่!”

เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า “มีอะไรเหรอ..พี่ซิงเฉินก็อยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่! ..แต่พี่ซิงเฉินถูกใครบางคนลอบทำร้ายและตอนนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บจนอาการสาหัสมาก..และยิ่งไปกว่านั้นกำลังจะมีการประชุมร่วมครั้งใหญ่ของเหล่าทหารรับจ้างในอีกไม่กี่วัน..ผมคิดว่าสิ่งต่างๆ มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นแน่ๆ” แจ็คพูด

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+