ยอดนักรบจอมราชัน 211 หมาป่าผี vs หมาป่าเหินเวหา

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 211 หมาป่าผี vs หมาป่าเหินเวหา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่เย่เชียนเดินออกมาจากโรงแรม เขาก็ตัดสินใจขับรถวนหาจ้าวหยาในละแวกนั้น ทว่าแม้ว่าเขาจะขับรถวนไปวนมาอยู่นาน เขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย มันทำให้ให้จิตใจของเขาสั่นไหวด้วยความกังวลอย่างช่วยไม่ได้ เย่เชียนนั้นคิดไม่ออกเลยว่าตอนนี้คนอย่างจ้าวหยาจะอยู่ที่ไหนในเมืองหนานจิงแห่งนี้ เธอไม่ได้คุ้นเคยกับที่นี่เหมือนอย่างเมืองเซี่ยงไฮ้ อีกทั้งหนานจิงในตอนนี้นั้นกำลังอยู่ในภาวะปั่นป่วน มันอาจมีการต่อสู้นองเลือดครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ตั้งแต่ที่เฉินฟู่เฉิงตายไป หลาย ๆ องค์กรต่างก็กำลังวางแผนและทำการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ แม้ว่าเย่เชียนนั้นจะเข้ารับตำแหน่งต่อจากเฉินฟู่เฉิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ยังคงไว้ใจใครมากไม่ได้ เพราะเขารู้ดีว่าตำแหน่งท่านประธานที่เขารับช่วงต่อมาจากเฉินฟู่เฉิงนั้นยิ่งใหญ่และเป็นที่ต้องการมากขนาดไหน

เมื่อเย่เชียนขับรถวนอยู่นานแต่กลับไม่เห็นจ้าวหยาอยู่ที่ไหนเลย เขาจึงลองกดโทรออกหาจ้าวหยาอีกครั้ง แต่มันก็เหมือนเดิม เขาได้ยินเพียงแต่เสียงอันไพเราะของเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์อัตโนมัติตอบกลับมา

“ขอโทษค่ะ… เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณา…” เย่เชียนกดตัดสายอีกครั้งโดยไม่รอให้ระบบแจ้งเตือนพูดจนจบประโยค

เย่เชียนยังคงมองหาจ้าวหยาไปรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้อู๋หวนเฟิงนั้นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างยิ่งยวด

……

หลังจากที่เย่เชียนออกจากสโมสรไป อู๋หวนเฟิงก็ไม่ต้องการให้เย่เชียนต้องพบกับความยากลำบากในการตัดสินใจเรื่องของไป๋ฮวย เขาจึงคิดที่จะหาวิธีช่วยเย่เชียนอีกครั้ง

อู๋หวนเฟิงตัดสินใจเดินทางไปเผชิญหน้ากับไป๋ฮวยตัวคนเดียว เมื่อเขาไปถึง เฝิงซื่อเหลียงก็จำหน้าเขาได้ในทันทีว่าอู๋หวนเฟิงคนนี้คือคนเดียวกันกับลูกน้องที่ยืนขนาบข้างเย่เชียนเมื่อวานนี้ การถูกจับตัวเอาไว้มันไม่เท่าไหร่ แต่ความรู้สึกโดนหยามน้ำหน้านี่สิที่เขาทนไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะแก้แค้นเย่เชียนโดยตรงได้ การแก้แค้นกับคนของเขามันก็คงพอแก้ขัดไปได้ก่อน

“ไป๋ฮวย! ไอ้บ้านี่มันเป็นลูกน้องของเย่เชียน คุณช่วยสั่งสอนเขาให้ฉันสักหน่อยซิ” เฝิงซื่อเหลียงสั่ง

ไป๋ฮวยเหลือบมองไปยังเฝิงซื่อเหลียงด้วยสายตาอันเย็นยะเยือก แล้วถามว่า “นี่นายสั่งฉันเหรอ ?”

ทันทีที่เฝิงซื่อเหลียงประสานสายตาที่สุดแสนจะเลือดเย็นของไป๋ฮวยแล้ว เขาก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เพราะดวงตาคู่นั้นมันดูไม่เหมือนกับดวงตาของมนุษย์เลย ถึงแม้ว่าเขานั้นจะไม่เคยได้สัมผัสกับดวงตาของยมฑูตมาก่อน แต่ถ้าให้เขาต้องจินตนาการภาพ มันก็คงจะไม่ต่างอะไรไปกับดวงตาคู่นี้ของไป๋ฮวย! สิ่งนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของฉายาหมาป่าผี เพราะไป๋ฮวยในตอนนี้ดูราวกับว่าเขานั้นมีลมหายใจแห่งความตามแผ่กระจายอยู่ทั่วร่าง บรรยากาศโดยรอบในตอนนี้นั้นมันทำให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้รู้สึกเหมือนกับกำลังตกอยู่ในนรกดินแดนแห่งอสูรอย่างไงอย่างงั้น

เฝิงซื่อเหลียงไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่ออีก ความเย่อหยิ่งของเขาถูกทำลายลงในทันที เขาก้มหน้าลงแล้วรีบถอยกลับไปยืนอยู่ที่ด้านข้างด้วยความหวาดกลัวทันที

“พวกนายออกไปก่อน… เดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง” ไป๋ฮวยพูดพลางเหลือบมองไปที่กลุ่มพี่น้องของเฝิงซื่อเหลียง

แม้ว่าเฝิงซื่อเหลียงจะต้องการอยู่ดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นมาก แต่เขานั้นรู้สึกกลัวไป๋ฮวยมากกว่า ดังนั้นเขาจึงจำใจที่จะต้องออกไปจากที่นี่ ทันทีที่ไป๋ฮวยพูดจบ เฝิงซื่อเหลียงก็รีบออกไปกับพวกพี่น้องอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

ไป๋ฮวยมองอู๋หวนเฟิงอย่างเย็นชาและพูดว่า “นายตั้งใจจะตามมาฆ่าฉันหรือไง ?”

“ใช่แล้ว! ในเมื่อบอสไม่ต้องการที่จะสู้กับคุณ ผมก็เลยจะมาสะสางแทนเขา” อู๋หวนเฟิงพูดอย่างหนักแน่น

ไป๋ฮวยหัวเราะอย่างเหยียดหยามและพูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ นายคิดว่าตัวเองจะทำได้งั้นเรอะ ? นายมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันหรอก ขนาดเมื่อก่อนตอนที่แขนนายยังอยู่ครบทั้งสองข้าง นายยังสู้ฉันไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้ที่นายเสียแขนไปตั้งข้างนึงแล้ว!”

“ไม่ลองก็ไม่รู้…” อู๋หวนเฟิงพูด

“นายไปซะเถอะ! ฉันไม่อยากฆ่านาย” ไป๋ฮวยพูด

“แต่ผมจะฆ่าคุณ!” อู๋หวนเฟิงพูด

ไป๋ฮวยขมวดคิ้วเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะเปล่งกลิ่นอายแห่งเจตนาฆ่าที่รุนแรงออกมา “ถ้านายอยากตายขนาดนั้นล่ะก็… ฉันก็จะสนองให้!”

หมาป่าผีไป๋ฮวยเป็นคนเด็ดขาด ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาจะไม่ต้องการฆ่าอู๋หวนเฟิงก็ตาม แต่ในเมื่ออู๋หวนเฟิงตั้งใจมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่ลดละเช่นนี้ เขาก็จะไม่ลังเลที่อีกต่อไป

ถึงแม้ว่าจุดประสงค์หลักของการมาเผชิญหน้ากับไป๋ฮวยในครั้งนี้คือการปลิดชีวิตของไป๋ฮวยก็ตาม แต่อู๋หวนเฟิงรู้ดีว่ามันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดเป็นแน่ อย่างที่ไป๋ฮวยเพิ่งจะพูดออกมาว่าอู๋หวนเฟิงนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ขนาดเมื่อก่อนเขาเองยังไม่สามารถเอาชนะไป๋ฮวยได้ทั้งที่มีแขนอยู่ครบทั้งสองข้าง แล้วยิ่งเมื่อวันเวลาผ่านไปนานขนาดนี้ ทักษะการต่อสู้ของไป๋ฮวยก็คงจะดีมากขึ้นไปอีก ในขณะที่เขานั้นเหลือแขนเพียงข้างเดียว

อู๋หวนเฟิงสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อทำให้อารมณ์ของเขามั่นคงและตั้งมั่น ทันใดนั้นเขาก็หยิบมีดบินของเขาออกมาและขว้างไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“โอ้! ทักษะการขว้างมีดของนายนี่มันเยี่ยมจริง ๆ ” ไป๋ฮวยพูดขณะที่เขาดึงมีดหน้าตาแปลก ๆ ออกมาจากเอวของเขา ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ใช้มืออีกข้างปัดมีดขว้างของอู๋หวนเฟิงออกไปด้วย

ในอดีตสมัยที่ไป๋ฮวยกับเย่เชียนนั้นร่ำเรียนวิชามาด้วยกัน ปรมาจารณ์ของทั้งคู่มักจะยกย่องฝีมือของไป๋ฮวยว่าเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นความเด็ดขาดในการการตัดสินใจลงมือปลิดชีวิตศัตรูของเขานั้นก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาไม่เคยมีความรู้สึกเมตตาสงสารใก้แก่ศัตรูหรือว่าใครหน้าไหนทั้งสิ้น ในขณะที่หมาป่าเหินเวหาอู๋หวนเฟิงนั้นมักจะให้เกียรติผู้อื่นเสมอ ซึ่งนั่นรวมไปถึงแม้แต่ศัตรูด้วยเช่นเดียวกัน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโอบอ้อมอารีและความศรัทธาต่อเพื่อนพี่น้อง ซึ่งหากอู๋หวนเฟิงไม่สามารถจบชีวิตของไป๋ฮวยลงในวันนี้ได้ มันก็เท่ากับว่าเขานั้นได้ปล่อยให้ศัตรูตัวฉกาจของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าหลุดมือไปและมีโอกาสที่จะกลับมาแว้งกัดพวกเขาอีกได้ในอนาคต และคนที่จะต้องสิ้นชีพก็อาจจะเป็นตัวเขาเองหรือไม่ก็พวกพ้องของเขา

“นายไม่รู้หรอกว่าหลายปีที่ผ่านมา ฝีมือของฉันน่ะมันพัฒนาไปไกลขนาดไหนแล้ว! น่าเสียดายจริง ๆ ที่นายดันโชคร้ายมาสู้กับฉันวันนี้” หลังจากที่ไป๋ฮวยพูดจบ เขาก็พุ่งตัวเข้าไปหาอู๋หวนเฟิงพร้อมกับมีดรูปร่างแปลก ๆ ในมือ มันพุ่งตรงเข้าไปยังบริเวณคอของอู๋หวนเฟิงจนเขาตั้งตัวไม่ติด

อู๋หวนเฟิงไม่มีเวลาแม้แต่จะตกใจกับการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของไป๋ฮวย มันสายเกินไปเสียแล้ว! เขาทำอะไรได้ไม่มากนอกเสียจากใช้มีดบินของตัวเองเข้าสกัดมีดของไป๋ฮวยเอาไว้อย่างเต็มความสามารถ แต่ทว่ามีดในมือของไป๋ฮวยนั้นมันได้แฉลบเข้าไปที่คอของเขาจนเลือดเริ่มไหลออกมา แม้ว่าบาดแผลนั้นจะไม่ลึกมากก็ตาม แต่ถ้าหากอู๋หวนเฟินสกัดเอาไว้ไม่ทัน ป่านนี้เขาก็คงจะต้องจบชีวิตลงไปด้วยน้ำมือของไป๋ฮวยแล้ว

อู๋หวนเฟิงจับคอของตัวเองและขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเลือดติดมากับนิ้วของเขา เขารู้ดีว่ามันคงจะไม่ง่ายนักที่เขาเพียงคนเดียวจะสามารถฆ่าไป๋ฮวยลงได้ในวันนี้ และมันก็เป็นไปได้มากที่เขาจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นอู๋หวนเฟิงก็ไม่มีความลังเลหรือหวั่นเกรงใด ๆ เพราะเขาได้ตัดสินใจแล้วและจะไม่มีวันถอยกลับ หัวใจที่ต้องการสยบศัตรูของเขามันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดยั้งเขาได้อีกต่อไปแล้ว

เมื่อไป๋ฮวยสร้างบาดแผลที่คอของอู๋หวนเฟิงได้ในการพุ่งโจมตีเพียงครั้งแรก เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกไปเสียจากต้องจบชีวิตของอู๋หวนเฟิงลงไปเสีย อีกอย่างไม่ช้าก็เร็วเขาเองก็จะต้องทำสงครามกับกลุ่มเขี้ยวหมาป่าอยู่ดี และอู๋หวนเฟิงคนนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในกำลังสำคัญของกลุ่ม ดังนั้นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมมันก็จะเป็นการเพิ่มข้อได้เปรียบในการต่อสู้ให้กับเขา เมื่อคิดได้ดังนั้นไป๋ฮวยก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าอีกครั้งแล้วปักมีดลงไปบนหน้าอกของอู๋หวนเฟิงอย่างรวดเร็วและรุนแรง!

อู๋หวนเฟิงถูดมีดเล่มนั้นปักเข้าที่หน้าอกอย่างจัง เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะขยับตัว แต่ทว่าน่าแปลก แทนที่ใบหน้าของเขาจะแสดงความเจ็บปวดออกมา สิ่งที่เผยขึ้นบนใบหน้าของเขานั้นกลับเป็นรอยยิ้มมุมปาก! ขณะที่ไป๋ฮวยพุ่งเข้ามาหาเขานั้น มันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับอู๋หวนเฟิงที่ใช้มีดบินของตัวเองแทงสวนเข้าไปที่หน้าอกของไป๋ฮวยเช่นกัน อู๋หวนเฟิงนั้นมีจิตใจที่สุขุมนุ่มลึก เขาไม่หวั่นเกรงต่อความเจ็บปวดใด ๆ ถ้าวันนี้การที่เขาจะสามารถปลิดชีวิตของไป๋ฮวยลงได้คือการต้องแลกมันกับชีวิตของตัวเอง เขาก็จะทำอย่างไม่ลังเล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 211 หมาป่าผี vs หมาป่าเหินเวหา

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 211 หมาป่าผี vs หมาป่าเหินเวหา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่เย่เชียนเดินออกมาจากโรงแรม เขาก็ตัดสินใจขับรถวนหาจ้าวหยาในละแวกนั้น ทว่าแม้ว่าเขาจะขับรถวนไปวนมาอยู่นาน เขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย มันทำให้ให้จิตใจของเขาสั่นไหวด้วยความกังวลอย่างช่วยไม่ได้ เย่เชียนนั้นคิดไม่ออกเลยว่าตอนนี้คนอย่างจ้าวหยาจะอยู่ที่ไหนในเมืองหนานจิงแห่งนี้ เธอไม่ได้คุ้นเคยกับที่นี่เหมือนอย่างเมืองเซี่ยงไฮ้ อีกทั้งหนานจิงในตอนนี้นั้นกำลังอยู่ในภาวะปั่นป่วน มันอาจมีการต่อสู้นองเลือดครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ตั้งแต่ที่เฉินฟู่เฉิงตายไป หลาย ๆ องค์กรต่างก็กำลังวางแผนและทำการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ แม้ว่าเย่เชียนนั้นจะเข้ารับตำแหน่งต่อจากเฉินฟู่เฉิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ยังคงไว้ใจใครมากไม่ได้ เพราะเขารู้ดีว่าตำแหน่งท่านประธานที่เขารับช่วงต่อมาจากเฉินฟู่เฉิงนั้นยิ่งใหญ่และเป็นที่ต้องการมากขนาดไหน

เมื่อเย่เชียนขับรถวนอยู่นานแต่กลับไม่เห็นจ้าวหยาอยู่ที่ไหนเลย เขาจึงลองกดโทรออกหาจ้าวหยาอีกครั้ง แต่มันก็เหมือนเดิม เขาได้ยินเพียงแต่เสียงอันไพเราะของเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์อัตโนมัติตอบกลับมา

“ขอโทษค่ะ… เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณา…” เย่เชียนกดตัดสายอีกครั้งโดยไม่รอให้ระบบแจ้งเตือนพูดจนจบประโยค

เย่เชียนยังคงมองหาจ้าวหยาไปรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้อู๋หวนเฟิงนั้นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างยิ่งยวด

……

หลังจากที่เย่เชียนออกจากสโมสรไป อู๋หวนเฟิงก็ไม่ต้องการให้เย่เชียนต้องพบกับความยากลำบากในการตัดสินใจเรื่องของไป๋ฮวย เขาจึงคิดที่จะหาวิธีช่วยเย่เชียนอีกครั้ง

อู๋หวนเฟิงตัดสินใจเดินทางไปเผชิญหน้ากับไป๋ฮวยตัวคนเดียว เมื่อเขาไปถึง เฝิงซื่อเหลียงก็จำหน้าเขาได้ในทันทีว่าอู๋หวนเฟิงคนนี้คือคนเดียวกันกับลูกน้องที่ยืนขนาบข้างเย่เชียนเมื่อวานนี้ การถูกจับตัวเอาไว้มันไม่เท่าไหร่ แต่ความรู้สึกโดนหยามน้ำหน้านี่สิที่เขาทนไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะแก้แค้นเย่เชียนโดยตรงได้ การแก้แค้นกับคนของเขามันก็คงพอแก้ขัดไปได้ก่อน

“ไป๋ฮวย! ไอ้บ้านี่มันเป็นลูกน้องของเย่เชียน คุณช่วยสั่งสอนเขาให้ฉันสักหน่อยซิ” เฝิงซื่อเหลียงสั่ง

ไป๋ฮวยเหลือบมองไปยังเฝิงซื่อเหลียงด้วยสายตาอันเย็นยะเยือก แล้วถามว่า “นี่นายสั่งฉันเหรอ ?”

ทันทีที่เฝิงซื่อเหลียงประสานสายตาที่สุดแสนจะเลือดเย็นของไป๋ฮวยแล้ว เขาก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เพราะดวงตาคู่นั้นมันดูไม่เหมือนกับดวงตาของมนุษย์เลย ถึงแม้ว่าเขานั้นจะไม่เคยได้สัมผัสกับดวงตาของยมฑูตมาก่อน แต่ถ้าให้เขาต้องจินตนาการภาพ มันก็คงจะไม่ต่างอะไรไปกับดวงตาคู่นี้ของไป๋ฮวย! สิ่งนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของฉายาหมาป่าผี เพราะไป๋ฮวยในตอนนี้ดูราวกับว่าเขานั้นมีลมหายใจแห่งความตามแผ่กระจายอยู่ทั่วร่าง บรรยากาศโดยรอบในตอนนี้นั้นมันทำให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้รู้สึกเหมือนกับกำลังตกอยู่ในนรกดินแดนแห่งอสูรอย่างไงอย่างงั้น

เฝิงซื่อเหลียงไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่ออีก ความเย่อหยิ่งของเขาถูกทำลายลงในทันที เขาก้มหน้าลงแล้วรีบถอยกลับไปยืนอยู่ที่ด้านข้างด้วยความหวาดกลัวทันที

“พวกนายออกไปก่อน… เดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง” ไป๋ฮวยพูดพลางเหลือบมองไปที่กลุ่มพี่น้องของเฝิงซื่อเหลียง

แม้ว่าเฝิงซื่อเหลียงจะต้องการอยู่ดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นมาก แต่เขานั้นรู้สึกกลัวไป๋ฮวยมากกว่า ดังนั้นเขาจึงจำใจที่จะต้องออกไปจากที่นี่ ทันทีที่ไป๋ฮวยพูดจบ เฝิงซื่อเหลียงก็รีบออกไปกับพวกพี่น้องอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

ไป๋ฮวยมองอู๋หวนเฟิงอย่างเย็นชาและพูดว่า “นายตั้งใจจะตามมาฆ่าฉันหรือไง ?”

“ใช่แล้ว! ในเมื่อบอสไม่ต้องการที่จะสู้กับคุณ ผมก็เลยจะมาสะสางแทนเขา” อู๋หวนเฟิงพูดอย่างหนักแน่น

ไป๋ฮวยหัวเราะอย่างเหยียดหยามและพูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ นายคิดว่าตัวเองจะทำได้งั้นเรอะ ? นายมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันหรอก ขนาดเมื่อก่อนตอนที่แขนนายยังอยู่ครบทั้งสองข้าง นายยังสู้ฉันไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้ที่นายเสียแขนไปตั้งข้างนึงแล้ว!”

“ไม่ลองก็ไม่รู้…” อู๋หวนเฟิงพูด

“นายไปซะเถอะ! ฉันไม่อยากฆ่านาย” ไป๋ฮวยพูด

“แต่ผมจะฆ่าคุณ!” อู๋หวนเฟิงพูด

ไป๋ฮวยขมวดคิ้วเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะเปล่งกลิ่นอายแห่งเจตนาฆ่าที่รุนแรงออกมา “ถ้านายอยากตายขนาดนั้นล่ะก็… ฉันก็จะสนองให้!”

หมาป่าผีไป๋ฮวยเป็นคนเด็ดขาด ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาจะไม่ต้องการฆ่าอู๋หวนเฟิงก็ตาม แต่ในเมื่ออู๋หวนเฟิงตั้งใจมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่ลดละเช่นนี้ เขาก็จะไม่ลังเลที่อีกต่อไป

ถึงแม้ว่าจุดประสงค์หลักของการมาเผชิญหน้ากับไป๋ฮวยในครั้งนี้คือการปลิดชีวิตของไป๋ฮวยก็ตาม แต่อู๋หวนเฟิงรู้ดีว่ามันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดเป็นแน่ อย่างที่ไป๋ฮวยเพิ่งจะพูดออกมาว่าอู๋หวนเฟิงนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ขนาดเมื่อก่อนเขาเองยังไม่สามารถเอาชนะไป๋ฮวยได้ทั้งที่มีแขนอยู่ครบทั้งสองข้าง แล้วยิ่งเมื่อวันเวลาผ่านไปนานขนาดนี้ ทักษะการต่อสู้ของไป๋ฮวยก็คงจะดีมากขึ้นไปอีก ในขณะที่เขานั้นเหลือแขนเพียงข้างเดียว

อู๋หวนเฟิงสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อทำให้อารมณ์ของเขามั่นคงและตั้งมั่น ทันใดนั้นเขาก็หยิบมีดบินของเขาออกมาและขว้างไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“โอ้! ทักษะการขว้างมีดของนายนี่มันเยี่ยมจริง ๆ ” ไป๋ฮวยพูดขณะที่เขาดึงมีดหน้าตาแปลก ๆ ออกมาจากเอวของเขา ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ใช้มืออีกข้างปัดมีดขว้างของอู๋หวนเฟิงออกไปด้วย

ในอดีตสมัยที่ไป๋ฮวยกับเย่เชียนนั้นร่ำเรียนวิชามาด้วยกัน ปรมาจารณ์ของทั้งคู่มักจะยกย่องฝีมือของไป๋ฮวยว่าเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นความเด็ดขาดในการการตัดสินใจลงมือปลิดชีวิตศัตรูของเขานั้นก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาไม่เคยมีความรู้สึกเมตตาสงสารใก้แก่ศัตรูหรือว่าใครหน้าไหนทั้งสิ้น ในขณะที่หมาป่าเหินเวหาอู๋หวนเฟิงนั้นมักจะให้เกียรติผู้อื่นเสมอ ซึ่งนั่นรวมไปถึงแม้แต่ศัตรูด้วยเช่นเดียวกัน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโอบอ้อมอารีและความศรัทธาต่อเพื่อนพี่น้อง ซึ่งหากอู๋หวนเฟิงไม่สามารถจบชีวิตของไป๋ฮวยลงในวันนี้ได้ มันก็เท่ากับว่าเขานั้นได้ปล่อยให้ศัตรูตัวฉกาจของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าหลุดมือไปและมีโอกาสที่จะกลับมาแว้งกัดพวกเขาอีกได้ในอนาคต และคนที่จะต้องสิ้นชีพก็อาจจะเป็นตัวเขาเองหรือไม่ก็พวกพ้องของเขา

“นายไม่รู้หรอกว่าหลายปีที่ผ่านมา ฝีมือของฉันน่ะมันพัฒนาไปไกลขนาดไหนแล้ว! น่าเสียดายจริง ๆ ที่นายดันโชคร้ายมาสู้กับฉันวันนี้” หลังจากที่ไป๋ฮวยพูดจบ เขาก็พุ่งตัวเข้าไปหาอู๋หวนเฟิงพร้อมกับมีดรูปร่างแปลก ๆ ในมือ มันพุ่งตรงเข้าไปยังบริเวณคอของอู๋หวนเฟิงจนเขาตั้งตัวไม่ติด

อู๋หวนเฟิงไม่มีเวลาแม้แต่จะตกใจกับการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของไป๋ฮวย มันสายเกินไปเสียแล้ว! เขาทำอะไรได้ไม่มากนอกเสียจากใช้มีดบินของตัวเองเข้าสกัดมีดของไป๋ฮวยเอาไว้อย่างเต็มความสามารถ แต่ทว่ามีดในมือของไป๋ฮวยนั้นมันได้แฉลบเข้าไปที่คอของเขาจนเลือดเริ่มไหลออกมา แม้ว่าบาดแผลนั้นจะไม่ลึกมากก็ตาม แต่ถ้าหากอู๋หวนเฟินสกัดเอาไว้ไม่ทัน ป่านนี้เขาก็คงจะต้องจบชีวิตลงไปด้วยน้ำมือของไป๋ฮวยแล้ว

อู๋หวนเฟิงจับคอของตัวเองและขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเลือดติดมากับนิ้วของเขา เขารู้ดีว่ามันคงจะไม่ง่ายนักที่เขาเพียงคนเดียวจะสามารถฆ่าไป๋ฮวยลงได้ในวันนี้ และมันก็เป็นไปได้มากที่เขาจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นอู๋หวนเฟิงก็ไม่มีความลังเลหรือหวั่นเกรงใด ๆ เพราะเขาได้ตัดสินใจแล้วและจะไม่มีวันถอยกลับ หัวใจที่ต้องการสยบศัตรูของเขามันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดยั้งเขาได้อีกต่อไปแล้ว

เมื่อไป๋ฮวยสร้างบาดแผลที่คอของอู๋หวนเฟิงได้ในการพุ่งโจมตีเพียงครั้งแรก เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกไปเสียจากต้องจบชีวิตของอู๋หวนเฟิงลงไปเสีย อีกอย่างไม่ช้าก็เร็วเขาเองก็จะต้องทำสงครามกับกลุ่มเขี้ยวหมาป่าอยู่ดี และอู๋หวนเฟิงคนนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในกำลังสำคัญของกลุ่ม ดังนั้นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมมันก็จะเป็นการเพิ่มข้อได้เปรียบในการต่อสู้ให้กับเขา เมื่อคิดได้ดังนั้นไป๋ฮวยก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าอีกครั้งแล้วปักมีดลงไปบนหน้าอกของอู๋หวนเฟิงอย่างรวดเร็วและรุนแรง!

อู๋หวนเฟิงถูดมีดเล่มนั้นปักเข้าที่หน้าอกอย่างจัง เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะขยับตัว แต่ทว่าน่าแปลก แทนที่ใบหน้าของเขาจะแสดงความเจ็บปวดออกมา สิ่งที่เผยขึ้นบนใบหน้าของเขานั้นกลับเป็นรอยยิ้มมุมปาก! ขณะที่ไป๋ฮวยพุ่งเข้ามาหาเขานั้น มันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับอู๋หวนเฟิงที่ใช้มีดบินของตัวเองแทงสวนเข้าไปที่หน้าอกของไป๋ฮวยเช่นกัน อู๋หวนเฟิงนั้นมีจิตใจที่สุขุมนุ่มลึก เขาไม่หวั่นเกรงต่อความเจ็บปวดใด ๆ ถ้าวันนี้การที่เขาจะสามารถปลิดชีวิตของไป๋ฮวยลงได้คือการต้องแลกมันกับชีวิตของตัวเอง เขาก็จะทำอย่างไม่ลังเล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+