ยอดนักรบจอมราชัน 323 เรื่องของผู้หญิง

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 323 เรื่องของผู้หญิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 323 เรื่องของผู้หญิง
เย่เชียนก็หัวเราะแห้งๆ และสูบบุหรี่ไปสองครั้งหลังจากนั้นก็เขี่ยก้นบุหรี่ทิ้งและพูดว่า “ผมอยากรู้ภารกิจที่ต้องทำคืออะไร..อย่ายากเกินไปนะเพราะผมเอื่อยเฉื่อยมาก..และผมก็กลัวว่าผมจะจัดการเรื่องที่ยากเกินไปไม่ได้น่ะ”

“ฮ่าๆ ..เท่าที่ฉันรู้มาน่ะดูเหมือนว่าจะไม่มีงานไหนที่ราชาหมาป่าเย่เชียนทำไม่ได้หรอกนะ” หูวหนานเจียนยิ้มและพูดว่า “อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องนั้นเลย..ฉันก็เชื่อว่าภารกิจนี้คุณเย่จะต้องทำได้อยู่แล้ว”

“ภารกิจอะไรหรอครับท่านร้องนายก..คุณบอกผมมาตรงๆ เถอะนะ..ผมอึดอัดจนไม่สบายตัวไปหมดแล้วครับ” เย่เชียนพูด

“ฉันเคยได้ยินผู้อำนวยการหวงฟู่พูดถึงความสามารถที่สง่าผ่าเผยและเกรียงไกรของเหล่าทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในสนามรบมาหลายครั้งแล้ว..เพราะงั้นฉันก็เลยปรึกษากับเหล่าผู้บัญชาการของเหล่าทัพต่างๆ และพวกเขาก็อยากจะขอร้องให้คุณไปที่กองทัพของเราเพื่อช่วยเราฝึกอบรมและแนะนำแนวทางการรบและยุทธศาสตร์ต่างๆ น่ะ” หูวหนานเจียนพูด

“นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ..แต่ท่านรองนายกไม่กลัวนิสัยที่ไม่ดีของผมจะไปทำลายบรรยากาศเก่าๆ ของค่ายทหารและกองทัพทั้งหมดหรอครับ” เย่เชียนฉีกยิ้มและพูด

หูวหนานเจียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ถ้าฉันกลัวเรื่องนี้ฉันก็คงจะไม่มาขอให้คุณไปที่ค่ายทหารเพื่อช่วยฝึกให้กองทัพหรอก..อีกอย่างฉันเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปแทรงแซงหรอกเพราะถึงยังไงทหารจากทุกเหล่าทัพก็อยู่ภายใต้การบัญชาการของคุณหมดแล้ว..คุณสามารถดำเนินการทุกอย่างได้เต็มที่เลย”

“ได้ครับ..แต่อาจจะไม่ใช่เร็วๆ นี้นะ..เพราะกำลังจะถึงวันฉลองตรุษจีนแล้ว..ผมต้องใช้เวลาปีใหม่กับครอบครัวและผมก็ต้องไปเยี่ยมพ่อตากับแม่ยายในอนาคตของผมอีก..เพราะงั้นผมขอเวลาสักหน่อยได้มั้ยครับ” เย่เชียนพูด การไปเยือนค่ายทหารของกองทัพเพื่อช่วยในการฝึกฝนนั้นก็คงจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นเพราะบุคคลที่เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีของประเทศที่พูดด้วยตนเองแล้วและยังมีเหล่าผู้บัญชาการของเหล่าทัพต่างๆ ที่เห็นด้วยอีกเพราะไม่เช่นนั้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดโดยไม่ได้รับการเห็นชอบจากหลายๆ ฝ่าย

“ไม่เป็นไรๆ ..ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอก..ฉันเองก็อยากจะทานมื้อเย็นกับคุณอยู่เหมือนกัน..ฮ่าๆ” หูวหนานเจียนพูด

“ท่านรองนายกใจกว้างมากเลยครับ..เด็กๆ อย่างผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเลยครับ” เย่เชียนพูด

“โอ้ใช่ๆ ..มีอีกเรื่องนึงที่ฉันเกือบจะลืมบอกไป” หูวหนานเจียนพูด “ก่อนที่ฉันจะมาเซี่ยงไฮ้น่ะ..หลานสาวเค่อขอให้ฉันบอกคุณว่าถ้ามีเวลาว่างๆ ก็ให้ไปหาเธอที่เมืองปักกิ่งด้วยล่ะ..แล้วเมื่อครู่นี้คุณบอกว่าคุณเป็นแฟนของเธอใช่มั้ย?”

เย่เชียนถึงกับเหงื่อตกอย่างรุนแรงและรีบพูดอย่างร้อนรนว่า “คือท่านรองนายกครับนั่น..คือ..มันไม่ใช่แบบนั้นครับ..หูวเค่อน่ะ..ความสัมพันธ์ของผมกับเธอเป็นแค่เพื่อนกันครับ..เพื่อนเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นเลยครับ”

หูวหนานเจียนที่เห็นเย่เชียนดูลุกลี้ลุกลนและกระวนกระวายอย่างมากเช่นนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเพราะเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าหนุ่มน้อยคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขากลับดูสงบเสงี่ยมและสง่าผ่าเผยอย่างแท้จริงแต่กลับกันเลยเพราะดูเหมือนหนุ่มน้อยคนนี้จะกังวลและกระวนกระวายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงถึงเช่นนี้ “ฮ่าๆ ..คุณไม่ต้องกังวลไป..ถึงคุณจะเป็นแฟนของเค่อเอ๋อก็เถอะ..ถึงยังไงฉันก็ไม่ใช่คนเฒ่าคนแก่แบบนั้น..เพราะลูกๆ และหลานๆ ของฉันก็ควรจะมีลูกและหลานเป็นของตัวเองเหมือนกัน..ฉันจะไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือไปแทรกแซงในเรื่องความรักของหนุ่มสาวหรอก” หูวหนานเจียนพูดไปยิ้มไป

เย่เชียนก็หัวเราะแห่งๆ สองครั้งโดยไม่ได้พูดอะไรใดๆ ในความเป็นจริงแล้วเย่เชียนนั้นไม่เชื่อจริงๆ ว่าจะยังมีผู้อาวุโสเช่นนี้ที่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของลูกๆ หลานๆ เลย อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่รู้จริงๆ ว่าหูวหนานเจียนนั้นคิดอะไรอยู่และดูเหมือนว่าหูวหนานเจียนจะเห็นด้วยกับหูวเค่อ เพราะงั้นเขาจึงไม่ได้พิจารณาถึงตัวตนของเขาเลยงั้นหรือ? เขาไม่กังวลเลยเหรอว่าตัวตนของเย่เชียนจะมีผลเสียอะไรกับเขาบ้าง?

อย่างไรก็ตามตอนนี้เย่เชียนก็ดูเหมือนจะสับสนและสูญเสียอาการไปมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับทัศนคติของรัฐบาลกลางเพราะเย่เชียนรู้สึกได้ว่าพวกเขาดูตามใจตนและสนับสนุนตนมากขนาดนี้ เพราะด้วยสถานะปัจจุบันของตนแล้วเย่เชียนก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้ดีว่าถึงแม้ว่าเขาจะถามเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ไปถึงยังไงพวกเขาก็คงจะไม่บอกเรื่องต่างๆ อย่างละเอียดแน่นอน

คืนนั้นเย่เชียนได้จัดงานเลี้ยงอย่างหรูหราเพื่อต้อนรับหูวหนานเจียน ส่วนหวังปิงและผู่ซู่จิ่วก็เดินตามพวกเขาไปอย่างเป็นธรรมชาติซึ่งทำให้ทั้งสองนั้นรู้สึกทั้งความประหลาดใจและความดีใจไปพร้อมๆ กัน ส่วนซ่งหลันกับหลินโรวโร่วนั้นก็อยู่ด้วย ซึ่งหูวหนานเจียนนั้นก็ยกย่องและพึงพอใจกับเด็กผู้หญิงทั้งสองคนนี้สำหรับพฤติกรรมและผลงานที่ดีของพวกเธอที่ทำให้นึกถึงหลานสาวของเขาเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสี่คนที่ติดตามหูวหนานเจียนมานั้นก็ไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงแต่รับหน้าที่คอยคุ้มกันอยู่รอบนอกแทน นั่นก็เพราะว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรองนายกรัฐมนตรีพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะละเลยใดๆ แม้แต่น้อย

บรรยากาศของงานเลี้ยงอาหารค่ำนั้นค่อนข้างเป็นไปด้วยดีซึ่งหูวหนานเจียนเองก็ไม่ได้มีการแสดงออกหรือคำพูดที่ดูเคร่งขรึมเหมือนก่อนหน้านี้แต่อย่างใดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำพูดเหมือนอยู่ที่บ้านเสียมากกว่า ส่วนหวังปิงกับผู่ซู่จิ่วนั้นก็ยังคงประหม่าอยู่เล็กน้อยและพวกเขาก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกับหูวหนานเจียนเลยและแทบจะไม่กินแก้วไวน์และอาหารใดๆ เลย ส่วนเย่เชียนนั้นก็ไม่ได้ดูกังวลอะไรใดๆ เลยเพราะเขากินและดื่มได้อย่างเป็นธรรมชาติ

โดยปกติแล้วเย่เชียนก็ไม่จำเป็นต้องจัดหาที่พักให้หูวหนานเจียนเลยเพราะมันเป็นหน้าที่ของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนในตอนนี้และนอกจากนี้เย่เชียนเองก็ไม่ต้องการที่จะคอยกังวลถึงเรื่องนี้เพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้นล่ะก็ต่อให้เขากระโดดลงไปในแม่น้ำหวงผู่แล้วก็มิอาจแก้ไขได้เลย

…..

ในที่สุดระฆังวันปีใหม่ก็ดังขึ้นแล้ว!

เย่เชียนนั้นพาซ่งหลันกลับไปที่บ้านพ่อของเขาเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่และซึ่งเดิมทีนั้นครอบครัวของหลี่ฮ่าวเองก็จะมาร่วมฉลองปีใหม่ด้วยแต่เนื่องจากสถานการณ์เทศกาลปีใหม่ที่เข้มงวดนั้นหลี่ฮ่าวจึงมาไม่ได้ ส่วนหลินโรวโร่วก็ได้นั่งเครื่องบินเพื่อกลับไปที่บ้านเกิดของเธอเมื่อสองสามวันก่อนแล้วและถึงแม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจก็ตามแต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเธอต้องทำตัวดีเข้าไว้เพื่อที่จะได้แต่งงานกับเย่เชียน

การเฉลิมฉลองปีใหม่ในครั้งนี้ไม่ได้จัดที่โรงแรมแต่อย่างใดเพราะพวกเขาทั้งหมดอยู่ที่บ้านของตัวเองเป็นครอบครัว ซึ่งเย่เชียนนั้นก็รับหน้าที่จัดโต๊ะและจัดจาน ส่วนซ่งหลันกับเย่หลินก็รับผิดชอบในการแยกผักและหั่นผัก ส่วนฮันเซ่วกับพ่อก็ช่วยกันทำอาหารซึ่งบรรยากาศโดยรวมดูกลมกลืนกันเหมือนครอบครัวที่อบอุ่นอย่างมาก

“พี่หลันหลันคะ..พี่สาวจะแต่งงานกับพ่อของหนูเมื่อไหร่หรอ” เย่หลินถามพร้อมกะพริบตาโตๆ ของเธอในขณะที่เลือกผัก

“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพ่อของหนูเต็มใจที่จะแต่งงานกับพี่สาวเมื่อไหร่นั่นแหละ” ซ่งหลันพูดด้วยรอยยิ้ม

“พี่หลันหลันไม่ต้องห่วงนะพ่อเขาจะต้องฟังหนูแน่นอน..เพราะงั้นหนูจะช่วยพูดให้พ่อมาแต่งงานกับพี่สาวเร็วๆ” เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ พูดอย่างฉะฉานราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ

“ถ้างั้นพี่สาวก็ต้องขอบคุณหนูล่วงหน้าเลยสินะ” ซ่งหลันลูบหัวของเย่หลินเบาๆ แล้วพูดว่า “แล้วหนูอยากให้พี่สาวเป็นแม่ของหนูมั้ยล่ะจ๊ะ?”

“อืมก็..มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่หลันหลันจะให้อะไรน้องหลินหลินบ้างน่ะ” เย่หลินพูดด้วยรอยยิ้มที่ซุกซน

“หนูเนี่ยร้ายเหมือนพ่อของหนูเลยนะ!” ซ่งหลันจ้องเขม็งเย่หลินอย่างเอ็นดูและพูดเบาๆ

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ..ในอนาคตหนูจะต้องเป็นเหมือนคุณพ่อให้ได้และหนูก็จะทำให้ทุกคนต้องเกรงกลัวหนู” เย่หลินพูดอย่างจริงจังด้วยใบหน้าของเด็กที่ไร้เดียงสาอย่างเธอแต่กลับดูมีวุฒิภาวะและความมุ่งมั่นและความทะเยอทะยานที่ไม่ควรจะมีได้ในเด็กวัยแบบเธอ

เมื่อเห็นเช่นนั้นซ่งหลันก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเธอก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “หืม..มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่หนูจะเป็นเหมือนพ่อของหนูน่ะ..เพราะงั้นตอนนี้หนูคงจะต้องเหนื่อยหน่อยล่ะนะ”

“หลินหลินจะต้องเรียนรู้ให้ได้ค่ะ” เย่หลินพูดในขณะที่แอบเหลือบมองไปที่เย่เชียนที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวอย่างแน่วแน่และเธอก็เอนตัวไปที่ข้างๆ หูของซ่งหลันและพูดเบาๆ ว่า “พี่หลันหลันคะ..หนูจะบอกอะไรบางอย่างกับพี่สาว..แต่ห้ามไปบอกพ่อน่ะ!”

“ได้สิ..พี่สาวสัญญาเลยว่าจะไม่พูด” ซ่งหลันรู้สึกสงสัยอย่างมาก

“ไม่นานมานี้เพื่อนในห้องเรียนของหนูน่ะเรียกหนูว่าเด็กบ้า..เพราะงั้นหนูก็เลยไปบอกให้ใครบางคนไปต่อยเขาน่ะ..และเช้าวันต่อมาหน้าของเด็กคนนั้นก็กลายเป็นเหมือนหมูอ้วนๆ เลยน่ะ..ฮ่าๆ” เย่หลินพูดอย่างซุกซน

ซ่งหลันก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงจากนั้นก็ถามว่า “หนูไปบอกใครมา”

เย่หลินก็พยักหน้าและพูดว่า “ก็ในห้องเรียนของหนูมีเด็กผู้ชายตั้งหลายคนที่ชอบหนูอยู่..หนูก็เลยบอกให้พวกเขาต่อสู้กัน..เพราะงั้นพวกเขาก็เลยไม่มีใครยอมแพ้กันเลยน่ะ”

“ห๊ะ! ..” ซ่งหลันก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปเพราะเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ไม่ธรรมดาเกินไปเพราะอายุเพียงแค่นี้แต่เธอกลับรู้วิธีหลอกใช้คนอื่นตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้และดูเหมือนว่าในอนาคตเธอจะกลายเป็นเหมือนเย่เชียนเมื่อเธอเติบโตขึ้น ซึ่งซ่งหลันเองก็รู้สึกได้ว่ามีแนวโน้มและมีโอกาสมากเช่นกันที่เธอจะเป็นเหมือนเย่เชียน

“พี่หลันหลัน..พี่จะฟ้องพ่อหนูไม่ได้นะ..ไม่งั้นเขาต้องด่าหนูแน่ๆ” เย่หลินพูด

ซ่งหลันก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “แล้วพี่สาวจะได้อะไรบ้างล่ะจ๊ะ..หืม?” อันที่จริงแล้วซ่งหลันเองก็รู้ดีว่าถ้าเย่เชียนรู้เรื่องนี้แล้วเขาจะไม่เพียงแค่ไม่ดุด่าเย่หลินเลยแม่แต่น้อยรวมไปถึงครอบครัวของเด็กเหล่านั้นด้วยนั่นก็เพราะว่าเรื่องต่างๆ ก็เป็นแค่เรื่องของเด็กๆ

“หา? …” เย่หลินเอียงหัวของเธอไปๆ มาๆ และครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งจากนั้นเธอก็พูดว่า “ ถ้างั้นหนูก็จะบอกให้พ่อแต่งงานกับพี่สาวและให้พี่สาวเป็นภรรยาหลวงก็แล้วกันค่ะ”

ซ่งหลันถึงกับตกตะลึงอย่างมากและเธอก็จ้องมองไปที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้แล้วพูดว่า “อะไรนะ! ..นี่หนูอยากให้พ่อของหนูแต่งงานกับผู้หญิงหลายคนอย่างงั้นหรอ”

“ใช่ค่ะ! ..ก็ก่อนหน้านี้พ่อเขาพาพี่สาวโรวโร่วมาด้วยและหนูก็คิดว่าพี่สาวโรวโร่วน่ารักมาก..เพราะงั้นก็ดีอยู่เหมือนกันนะถ้าพี่สาวโรวโร่วได้เป็นภรรยาของพ่อน่ะ..แต่ว่านะ..ถ้าพี่หลันหลันไม่ช่วยหนูเก็บเป็นความลับเอาไว้ล่ะก็หนูจะให้พ่อแต่งงานกับพี่ในฐานะภรรยาน้อยและเมื่อถึงเวลาหนูก็จะให้ภรรยาหลวงของพ่อกลั่นแกล้งพี่หลันหลันยังไงล่ะ” เย่หลินพูดด้วยท่าทางที่จริงจัง

ซ่งหลันยิ้มอย่างขมขื่นเพราะถึงแม้ว่าคำพูดของเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ คนนี้จะดูไร้เดียงสาไปหน่อยก็ตาม แต่ถึงยังไงจากวิธีการพูดแล้วก็เห็นได้ชัดเลยว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ไม่ธรรมดาเลยและเธอก็มุ่งมั่นเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของเธอเอง

เมื่อเห็นว่าซ่งหลันกับเย่หลินกำลังคุยกันอย่างใจจดใจจ่อกันอยู่เย่เชียนก็พูดข้ามมาจากอีกห้องหนึ่งว่า “นี่ๆ คุณผู้หญิงทั้งสองครับ..พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่น่ะ..ดูแปลกๆ นะ..ไม่ใช่ว่าพวกคุณกำลังวางแผนทำอะไรที่ไม่ดีอยู่หรอกใช่มั้ย? ”

“ไม่ไม่! ..” เย่หลินรีบหันไปพูดกับเย่เชียนอย่างกระวนกระวาย

“จริงหรอ?” เห็นได้ชัดว่าเย่เชียนนั้นไม่เชื่อคำพูดของเด็กน้อยคนนี้และมีร่องรอยของความตึงเครียดเล็กน้อยบนใบหน้าของเย่เชียน

“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ..หนูแค่คุยกับพี่หลันหลันเกี่ยวกับจำนวนเงินที่พ่อจะให้หนูสำหรับวันปีใหม่นี้เองค่ะ” เย่หลินพูดอย่างประหม่า

“ไม่เชื่อหรอก!” เย่เชียนส่ายหัวและพูด

“โถ่คุณพ่ออะ! ..นี่เป็นเรื่องของผู้หญิงนะคะ..พวกเราต้องบอกคุณพ่อทุกเรื่องเลยหรอคะ?” เย่หลินพูดอย่างมีชั้นเชิง

เย่เชียนถึงกับผงะไปชั่วขณะหลังจากนั้นเขาก็หัวเราะซึ่งทุกคนเองต่างก็ตื่นเต้นและมีความสุขไปกับการแสดงออกและปฏิกิริยาของเย่หลินอย่างมากโดยเฉพาะชายชราที่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาที่ดูสดใสราวกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่ผลิบาน

ใช้เวลาไม่นานนักอาหารทั้งหมดก็พร้อมแล้ว เย่เชียนก็เริ่มแต่งจานและเตรียมตะเกียบเพื่อกล่าวถึงบรรพบุรุษซึ่งนี่เป็นธรรมเนียมที่เก่าแก่ของจีนเพราะบรรพบุรุษนั้นต้องได้รับประทานอาหารปีใหม่ก่อนใคร และเนื่องจากเย่เชียนนั้นไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่แต่ถึงยังไงเขาก็จัดอาหารเตรียมเอาไว้ให้พ่อแม่ของเขาด้วย หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็จูงมือเย่หลินลงไปที่ชั้นล่างเพื่อจุดประทัดและหลังจากนั้นก็เริ่มรับประทานอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่ากันอย่างเป็นทางการ

เย่เชียนเติมไวน์ใส่แก้วของพ่อจากนั้นก็เติมให้ซ่งหลันและในที่สุดก็เติมแก้วไวน์ตรงหน้าของเขาเองและวางขวดลงและพูดว่า “เสี่ยวเซ่ว..หลินหลิน..จะดื่มด้วยหรอ”

“ใช่ค่ะ!” ฮันเซ่วพยักหน้าและตอบ ในความเป็นจริงแล้วฮันเซ่วนั้นเธอทนกลิ่นไวน์ขาวนี้ไม่ได้เพราะเธอจะรู้สึกเวียนหัวหลังจากได้กลิ่นแล้วและนับประสาอะไรกับการดื่มมันแต่เธอก็อยากจะมีส่วนร่วมในครอบครัวเหมือนคนอื่นเขาบ้าง “พ่อคะ..หนูก็อยากดื่มด้วย!” เย่หลินพูดด้วยความตื่นเต้น

“นี่เด็กๆ จะดื่มไวน์ได้ยังไง” ชายชราพูดอย่างนุ่มนวล

เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ไม่เป็นไรๆ ..ให้พวกคุณหนูๆ ลองดื่มดูสักหน่อยก็แล้วกัน..ไม่งั้นพวกเธอก็คงจะไม่รู้จักกลัวถ้าพวกเธอไม่ทรมานซะบ้าง” หลังจากนั้นเย่เชียนก็รินไวน์ขาวให้ฮันเซ่วกับเย่หลินเล็กน้อย

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 323 เรื่องของผู้หญิง

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 323 เรื่องของผู้หญิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 323 เรื่องของผู้หญิง
เย่เชียนก็หัวเราะแห้งๆ และสูบบุหรี่ไปสองครั้งหลังจากนั้นก็เขี่ยก้นบุหรี่ทิ้งและพูดว่า “ผมอยากรู้ภารกิจที่ต้องทำคืออะไร..อย่ายากเกินไปนะเพราะผมเอื่อยเฉื่อยมาก..และผมก็กลัวว่าผมจะจัดการเรื่องที่ยากเกินไปไม่ได้น่ะ”

“ฮ่าๆ ..เท่าที่ฉันรู้มาน่ะดูเหมือนว่าจะไม่มีงานไหนที่ราชาหมาป่าเย่เชียนทำไม่ได้หรอกนะ” หูวหนานเจียนยิ้มและพูดว่า “อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องนั้นเลย..ฉันก็เชื่อว่าภารกิจนี้คุณเย่จะต้องทำได้อยู่แล้ว”

“ภารกิจอะไรหรอครับท่านร้องนายก..คุณบอกผมมาตรงๆ เถอะนะ..ผมอึดอัดจนไม่สบายตัวไปหมดแล้วครับ” เย่เชียนพูด

“ฉันเคยได้ยินผู้อำนวยการหวงฟู่พูดถึงความสามารถที่สง่าผ่าเผยและเกรียงไกรของเหล่าทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในสนามรบมาหลายครั้งแล้ว..เพราะงั้นฉันก็เลยปรึกษากับเหล่าผู้บัญชาการของเหล่าทัพต่างๆ และพวกเขาก็อยากจะขอร้องให้คุณไปที่กองทัพของเราเพื่อช่วยเราฝึกอบรมและแนะนำแนวทางการรบและยุทธศาสตร์ต่างๆ น่ะ” หูวหนานเจียนพูด

“นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ..แต่ท่านรองนายกไม่กลัวนิสัยที่ไม่ดีของผมจะไปทำลายบรรยากาศเก่าๆ ของค่ายทหารและกองทัพทั้งหมดหรอครับ” เย่เชียนฉีกยิ้มและพูด

หูวหนานเจียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ถ้าฉันกลัวเรื่องนี้ฉันก็คงจะไม่มาขอให้คุณไปที่ค่ายทหารเพื่อช่วยฝึกให้กองทัพหรอก..อีกอย่างฉันเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปแทรงแซงหรอกเพราะถึงยังไงทหารจากทุกเหล่าทัพก็อยู่ภายใต้การบัญชาการของคุณหมดแล้ว..คุณสามารถดำเนินการทุกอย่างได้เต็มที่เลย”

“ได้ครับ..แต่อาจจะไม่ใช่เร็วๆ นี้นะ..เพราะกำลังจะถึงวันฉลองตรุษจีนแล้ว..ผมต้องใช้เวลาปีใหม่กับครอบครัวและผมก็ต้องไปเยี่ยมพ่อตากับแม่ยายในอนาคตของผมอีก..เพราะงั้นผมขอเวลาสักหน่อยได้มั้ยครับ” เย่เชียนพูด การไปเยือนค่ายทหารของกองทัพเพื่อช่วยในการฝึกฝนนั้นก็คงจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นเพราะบุคคลที่เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีของประเทศที่พูดด้วยตนเองแล้วและยังมีเหล่าผู้บัญชาการของเหล่าทัพต่างๆ ที่เห็นด้วยอีกเพราะไม่เช่นนั้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดโดยไม่ได้รับการเห็นชอบจากหลายๆ ฝ่าย

“ไม่เป็นไรๆ ..ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอก..ฉันเองก็อยากจะทานมื้อเย็นกับคุณอยู่เหมือนกัน..ฮ่าๆ” หูวหนานเจียนพูด

“ท่านรองนายกใจกว้างมากเลยครับ..เด็กๆ อย่างผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเลยครับ” เย่เชียนพูด

“โอ้ใช่ๆ ..มีอีกเรื่องนึงที่ฉันเกือบจะลืมบอกไป” หูวหนานเจียนพูด “ก่อนที่ฉันจะมาเซี่ยงไฮ้น่ะ..หลานสาวเค่อขอให้ฉันบอกคุณว่าถ้ามีเวลาว่างๆ ก็ให้ไปหาเธอที่เมืองปักกิ่งด้วยล่ะ..แล้วเมื่อครู่นี้คุณบอกว่าคุณเป็นแฟนของเธอใช่มั้ย?”

เย่เชียนถึงกับเหงื่อตกอย่างรุนแรงและรีบพูดอย่างร้อนรนว่า “คือท่านรองนายกครับนั่น..คือ..มันไม่ใช่แบบนั้นครับ..หูวเค่อน่ะ..ความสัมพันธ์ของผมกับเธอเป็นแค่เพื่อนกันครับ..เพื่อนเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นเลยครับ”

หูวหนานเจียนที่เห็นเย่เชียนดูลุกลี้ลุกลนและกระวนกระวายอย่างมากเช่นนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเพราะเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าหนุ่มน้อยคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขากลับดูสงบเสงี่ยมและสง่าผ่าเผยอย่างแท้จริงแต่กลับกันเลยเพราะดูเหมือนหนุ่มน้อยคนนี้จะกังวลและกระวนกระวายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงถึงเช่นนี้ “ฮ่าๆ ..คุณไม่ต้องกังวลไป..ถึงคุณจะเป็นแฟนของเค่อเอ๋อก็เถอะ..ถึงยังไงฉันก็ไม่ใช่คนเฒ่าคนแก่แบบนั้น..เพราะลูกๆ และหลานๆ ของฉันก็ควรจะมีลูกและหลานเป็นของตัวเองเหมือนกัน..ฉันจะไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือไปแทรกแซงในเรื่องความรักของหนุ่มสาวหรอก” หูวหนานเจียนพูดไปยิ้มไป

เย่เชียนก็หัวเราะแห่งๆ สองครั้งโดยไม่ได้พูดอะไรใดๆ ในความเป็นจริงแล้วเย่เชียนนั้นไม่เชื่อจริงๆ ว่าจะยังมีผู้อาวุโสเช่นนี้ที่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของลูกๆ หลานๆ เลย อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่รู้จริงๆ ว่าหูวหนานเจียนนั้นคิดอะไรอยู่และดูเหมือนว่าหูวหนานเจียนจะเห็นด้วยกับหูวเค่อ เพราะงั้นเขาจึงไม่ได้พิจารณาถึงตัวตนของเขาเลยงั้นหรือ? เขาไม่กังวลเลยเหรอว่าตัวตนของเย่เชียนจะมีผลเสียอะไรกับเขาบ้าง?

อย่างไรก็ตามตอนนี้เย่เชียนก็ดูเหมือนจะสับสนและสูญเสียอาการไปมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับทัศนคติของรัฐบาลกลางเพราะเย่เชียนรู้สึกได้ว่าพวกเขาดูตามใจตนและสนับสนุนตนมากขนาดนี้ เพราะด้วยสถานะปัจจุบันของตนแล้วเย่เชียนก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้ดีว่าถึงแม้ว่าเขาจะถามเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ไปถึงยังไงพวกเขาก็คงจะไม่บอกเรื่องต่างๆ อย่างละเอียดแน่นอน

คืนนั้นเย่เชียนได้จัดงานเลี้ยงอย่างหรูหราเพื่อต้อนรับหูวหนานเจียน ส่วนหวังปิงและผู่ซู่จิ่วก็เดินตามพวกเขาไปอย่างเป็นธรรมชาติซึ่งทำให้ทั้งสองนั้นรู้สึกทั้งความประหลาดใจและความดีใจไปพร้อมๆ กัน ส่วนซ่งหลันกับหลินโรวโร่วนั้นก็อยู่ด้วย ซึ่งหูวหนานเจียนนั้นก็ยกย่องและพึงพอใจกับเด็กผู้หญิงทั้งสองคนนี้สำหรับพฤติกรรมและผลงานที่ดีของพวกเธอที่ทำให้นึกถึงหลานสาวของเขาเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสี่คนที่ติดตามหูวหนานเจียนมานั้นก็ไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงแต่รับหน้าที่คอยคุ้มกันอยู่รอบนอกแทน นั่นก็เพราะว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรองนายกรัฐมนตรีพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะละเลยใดๆ แม้แต่น้อย

บรรยากาศของงานเลี้ยงอาหารค่ำนั้นค่อนข้างเป็นไปด้วยดีซึ่งหูวหนานเจียนเองก็ไม่ได้มีการแสดงออกหรือคำพูดที่ดูเคร่งขรึมเหมือนก่อนหน้านี้แต่อย่างใดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำพูดเหมือนอยู่ที่บ้านเสียมากกว่า ส่วนหวังปิงกับผู่ซู่จิ่วนั้นก็ยังคงประหม่าอยู่เล็กน้อยและพวกเขาก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกับหูวหนานเจียนเลยและแทบจะไม่กินแก้วไวน์และอาหารใดๆ เลย ส่วนเย่เชียนนั้นก็ไม่ได้ดูกังวลอะไรใดๆ เลยเพราะเขากินและดื่มได้อย่างเป็นธรรมชาติ

โดยปกติแล้วเย่เชียนก็ไม่จำเป็นต้องจัดหาที่พักให้หูวหนานเจียนเลยเพราะมันเป็นหน้าที่ของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนในตอนนี้และนอกจากนี้เย่เชียนเองก็ไม่ต้องการที่จะคอยกังวลถึงเรื่องนี้เพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้นล่ะก็ต่อให้เขากระโดดลงไปในแม่น้ำหวงผู่แล้วก็มิอาจแก้ไขได้เลย

…..

ในที่สุดระฆังวันปีใหม่ก็ดังขึ้นแล้ว!

เย่เชียนนั้นพาซ่งหลันกลับไปที่บ้านพ่อของเขาเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่และซึ่งเดิมทีนั้นครอบครัวของหลี่ฮ่าวเองก็จะมาร่วมฉลองปีใหม่ด้วยแต่เนื่องจากสถานการณ์เทศกาลปีใหม่ที่เข้มงวดนั้นหลี่ฮ่าวจึงมาไม่ได้ ส่วนหลินโรวโร่วก็ได้นั่งเครื่องบินเพื่อกลับไปที่บ้านเกิดของเธอเมื่อสองสามวันก่อนแล้วและถึงแม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจก็ตามแต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเธอต้องทำตัวดีเข้าไว้เพื่อที่จะได้แต่งงานกับเย่เชียน

การเฉลิมฉลองปีใหม่ในครั้งนี้ไม่ได้จัดที่โรงแรมแต่อย่างใดเพราะพวกเขาทั้งหมดอยู่ที่บ้านของตัวเองเป็นครอบครัว ซึ่งเย่เชียนนั้นก็รับหน้าที่จัดโต๊ะและจัดจาน ส่วนซ่งหลันกับเย่หลินก็รับผิดชอบในการแยกผักและหั่นผัก ส่วนฮันเซ่วกับพ่อก็ช่วยกันทำอาหารซึ่งบรรยากาศโดยรวมดูกลมกลืนกันเหมือนครอบครัวที่อบอุ่นอย่างมาก

“พี่หลันหลันคะ..พี่สาวจะแต่งงานกับพ่อของหนูเมื่อไหร่หรอ” เย่หลินถามพร้อมกะพริบตาโตๆ ของเธอในขณะที่เลือกผัก

“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพ่อของหนูเต็มใจที่จะแต่งงานกับพี่สาวเมื่อไหร่นั่นแหละ” ซ่งหลันพูดด้วยรอยยิ้ม

“พี่หลันหลันไม่ต้องห่วงนะพ่อเขาจะต้องฟังหนูแน่นอน..เพราะงั้นหนูจะช่วยพูดให้พ่อมาแต่งงานกับพี่สาวเร็วๆ” เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ พูดอย่างฉะฉานราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ

“ถ้างั้นพี่สาวก็ต้องขอบคุณหนูล่วงหน้าเลยสินะ” ซ่งหลันลูบหัวของเย่หลินเบาๆ แล้วพูดว่า “แล้วหนูอยากให้พี่สาวเป็นแม่ของหนูมั้ยล่ะจ๊ะ?”

“อืมก็..มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่หลันหลันจะให้อะไรน้องหลินหลินบ้างน่ะ” เย่หลินพูดด้วยรอยยิ้มที่ซุกซน

“หนูเนี่ยร้ายเหมือนพ่อของหนูเลยนะ!” ซ่งหลันจ้องเขม็งเย่หลินอย่างเอ็นดูและพูดเบาๆ

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ..ในอนาคตหนูจะต้องเป็นเหมือนคุณพ่อให้ได้และหนูก็จะทำให้ทุกคนต้องเกรงกลัวหนู” เย่หลินพูดอย่างจริงจังด้วยใบหน้าของเด็กที่ไร้เดียงสาอย่างเธอแต่กลับดูมีวุฒิภาวะและความมุ่งมั่นและความทะเยอทะยานที่ไม่ควรจะมีได้ในเด็กวัยแบบเธอ

เมื่อเห็นเช่นนั้นซ่งหลันก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเธอก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “หืม..มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่หนูจะเป็นเหมือนพ่อของหนูน่ะ..เพราะงั้นตอนนี้หนูคงจะต้องเหนื่อยหน่อยล่ะนะ”

“หลินหลินจะต้องเรียนรู้ให้ได้ค่ะ” เย่หลินพูดในขณะที่แอบเหลือบมองไปที่เย่เชียนที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวอย่างแน่วแน่และเธอก็เอนตัวไปที่ข้างๆ หูของซ่งหลันและพูดเบาๆ ว่า “พี่หลันหลันคะ..หนูจะบอกอะไรบางอย่างกับพี่สาว..แต่ห้ามไปบอกพ่อน่ะ!”

“ได้สิ..พี่สาวสัญญาเลยว่าจะไม่พูด” ซ่งหลันรู้สึกสงสัยอย่างมาก

“ไม่นานมานี้เพื่อนในห้องเรียนของหนูน่ะเรียกหนูว่าเด็กบ้า..เพราะงั้นหนูก็เลยไปบอกให้ใครบางคนไปต่อยเขาน่ะ..และเช้าวันต่อมาหน้าของเด็กคนนั้นก็กลายเป็นเหมือนหมูอ้วนๆ เลยน่ะ..ฮ่าๆ” เย่หลินพูดอย่างซุกซน

ซ่งหลันก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงจากนั้นก็ถามว่า “หนูไปบอกใครมา”

เย่หลินก็พยักหน้าและพูดว่า “ก็ในห้องเรียนของหนูมีเด็กผู้ชายตั้งหลายคนที่ชอบหนูอยู่..หนูก็เลยบอกให้พวกเขาต่อสู้กัน..เพราะงั้นพวกเขาก็เลยไม่มีใครยอมแพ้กันเลยน่ะ”

“ห๊ะ! ..” ซ่งหลันก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปเพราะเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ไม่ธรรมดาเกินไปเพราะอายุเพียงแค่นี้แต่เธอกลับรู้วิธีหลอกใช้คนอื่นตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้และดูเหมือนว่าในอนาคตเธอจะกลายเป็นเหมือนเย่เชียนเมื่อเธอเติบโตขึ้น ซึ่งซ่งหลันเองก็รู้สึกได้ว่ามีแนวโน้มและมีโอกาสมากเช่นกันที่เธอจะเป็นเหมือนเย่เชียน

“พี่หลันหลัน..พี่จะฟ้องพ่อหนูไม่ได้นะ..ไม่งั้นเขาต้องด่าหนูแน่ๆ” เย่หลินพูด

ซ่งหลันก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “แล้วพี่สาวจะได้อะไรบ้างล่ะจ๊ะ..หืม?” อันที่จริงแล้วซ่งหลันเองก็รู้ดีว่าถ้าเย่เชียนรู้เรื่องนี้แล้วเขาจะไม่เพียงแค่ไม่ดุด่าเย่หลินเลยแม่แต่น้อยรวมไปถึงครอบครัวของเด็กเหล่านั้นด้วยนั่นก็เพราะว่าเรื่องต่างๆ ก็เป็นแค่เรื่องของเด็กๆ

“หา? …” เย่หลินเอียงหัวของเธอไปๆ มาๆ และครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งจากนั้นเธอก็พูดว่า “ ถ้างั้นหนูก็จะบอกให้พ่อแต่งงานกับพี่สาวและให้พี่สาวเป็นภรรยาหลวงก็แล้วกันค่ะ”

ซ่งหลันถึงกับตกตะลึงอย่างมากและเธอก็จ้องมองไปที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้แล้วพูดว่า “อะไรนะ! ..นี่หนูอยากให้พ่อของหนูแต่งงานกับผู้หญิงหลายคนอย่างงั้นหรอ”

“ใช่ค่ะ! ..ก็ก่อนหน้านี้พ่อเขาพาพี่สาวโรวโร่วมาด้วยและหนูก็คิดว่าพี่สาวโรวโร่วน่ารักมาก..เพราะงั้นก็ดีอยู่เหมือนกันนะถ้าพี่สาวโรวโร่วได้เป็นภรรยาของพ่อน่ะ..แต่ว่านะ..ถ้าพี่หลันหลันไม่ช่วยหนูเก็บเป็นความลับเอาไว้ล่ะก็หนูจะให้พ่อแต่งงานกับพี่ในฐานะภรรยาน้อยและเมื่อถึงเวลาหนูก็จะให้ภรรยาหลวงของพ่อกลั่นแกล้งพี่หลันหลันยังไงล่ะ” เย่หลินพูดด้วยท่าทางที่จริงจัง

ซ่งหลันยิ้มอย่างขมขื่นเพราะถึงแม้ว่าคำพูดของเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ คนนี้จะดูไร้เดียงสาไปหน่อยก็ตาม แต่ถึงยังไงจากวิธีการพูดแล้วก็เห็นได้ชัดเลยว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ไม่ธรรมดาเลยและเธอก็มุ่งมั่นเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของเธอเอง

เมื่อเห็นว่าซ่งหลันกับเย่หลินกำลังคุยกันอย่างใจจดใจจ่อกันอยู่เย่เชียนก็พูดข้ามมาจากอีกห้องหนึ่งว่า “นี่ๆ คุณผู้หญิงทั้งสองครับ..พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่น่ะ..ดูแปลกๆ นะ..ไม่ใช่ว่าพวกคุณกำลังวางแผนทำอะไรที่ไม่ดีอยู่หรอกใช่มั้ย? ”

“ไม่ไม่! ..” เย่หลินรีบหันไปพูดกับเย่เชียนอย่างกระวนกระวาย

“จริงหรอ?” เห็นได้ชัดว่าเย่เชียนนั้นไม่เชื่อคำพูดของเด็กน้อยคนนี้และมีร่องรอยของความตึงเครียดเล็กน้อยบนใบหน้าของเย่เชียน

“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ..หนูแค่คุยกับพี่หลันหลันเกี่ยวกับจำนวนเงินที่พ่อจะให้หนูสำหรับวันปีใหม่นี้เองค่ะ” เย่หลินพูดอย่างประหม่า

“ไม่เชื่อหรอก!” เย่เชียนส่ายหัวและพูด

“โถ่คุณพ่ออะ! ..นี่เป็นเรื่องของผู้หญิงนะคะ..พวกเราต้องบอกคุณพ่อทุกเรื่องเลยหรอคะ?” เย่หลินพูดอย่างมีชั้นเชิง

เย่เชียนถึงกับผงะไปชั่วขณะหลังจากนั้นเขาก็หัวเราะซึ่งทุกคนเองต่างก็ตื่นเต้นและมีความสุขไปกับการแสดงออกและปฏิกิริยาของเย่หลินอย่างมากโดยเฉพาะชายชราที่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาที่ดูสดใสราวกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่ผลิบาน

ใช้เวลาไม่นานนักอาหารทั้งหมดก็พร้อมแล้ว เย่เชียนก็เริ่มแต่งจานและเตรียมตะเกียบเพื่อกล่าวถึงบรรพบุรุษซึ่งนี่เป็นธรรมเนียมที่เก่าแก่ของจีนเพราะบรรพบุรุษนั้นต้องได้รับประทานอาหารปีใหม่ก่อนใคร และเนื่องจากเย่เชียนนั้นไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่แต่ถึงยังไงเขาก็จัดอาหารเตรียมเอาไว้ให้พ่อแม่ของเขาด้วย หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็จูงมือเย่หลินลงไปที่ชั้นล่างเพื่อจุดประทัดและหลังจากนั้นก็เริ่มรับประทานอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่ากันอย่างเป็นทางการ

เย่เชียนเติมไวน์ใส่แก้วของพ่อจากนั้นก็เติมให้ซ่งหลันและในที่สุดก็เติมแก้วไวน์ตรงหน้าของเขาเองและวางขวดลงและพูดว่า “เสี่ยวเซ่ว..หลินหลิน..จะดื่มด้วยหรอ”

“ใช่ค่ะ!” ฮันเซ่วพยักหน้าและตอบ ในความเป็นจริงแล้วฮันเซ่วนั้นเธอทนกลิ่นไวน์ขาวนี้ไม่ได้เพราะเธอจะรู้สึกเวียนหัวหลังจากได้กลิ่นแล้วและนับประสาอะไรกับการดื่มมันแต่เธอก็อยากจะมีส่วนร่วมในครอบครัวเหมือนคนอื่นเขาบ้าง “พ่อคะ..หนูก็อยากดื่มด้วย!” เย่หลินพูดด้วยความตื่นเต้น

“นี่เด็กๆ จะดื่มไวน์ได้ยังไง” ชายชราพูดอย่างนุ่มนวล

เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ไม่เป็นไรๆ ..ให้พวกคุณหนูๆ ลองดื่มดูสักหน่อยก็แล้วกัน..ไม่งั้นพวกเธอก็คงจะไม่รู้จักกลัวถ้าพวกเธอไม่ทรมานซะบ้าง” หลังจากนั้นเย่เชียนก็รินไวน์ขาวให้ฮันเซ่วกับเย่หลินเล็กน้อย

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 323 เรื่องของผู้หญิง

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 323 เรื่องของผู้หญิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 323 เรื่องของผู้หญิง
เย่เชียนก็หัวเราะแห้งๆ และสูบบุหรี่ไปสองครั้งหลังจากนั้นก็เขี่ยก้นบุหรี่ทิ้งและพูดว่า “ผมอยากรู้ภารกิจที่ต้องทำคืออะไร..อย่ายากเกินไปนะเพราะผมเอื่อยเฉื่อยมาก..และผมก็กลัวว่าผมจะจัดการเรื่องที่ยากเกินไปไม่ได้น่ะ”

“ฮ่าๆ ..เท่าที่ฉันรู้มาน่ะดูเหมือนว่าจะไม่มีงานไหนที่ราชาหมาป่าเย่เชียนทำไม่ได้หรอกนะ” หูวหนานเจียนยิ้มและพูดว่า “อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องนั้นเลย..ฉันก็เชื่อว่าภารกิจนี้คุณเย่จะต้องทำได้อยู่แล้ว”

“ภารกิจอะไรหรอครับท่านร้องนายก..คุณบอกผมมาตรงๆ เถอะนะ..ผมอึดอัดจนไม่สบายตัวไปหมดแล้วครับ” เย่เชียนพูด

“ฉันเคยได้ยินผู้อำนวยการหวงฟู่พูดถึงความสามารถที่สง่าผ่าเผยและเกรียงไกรของเหล่าทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในสนามรบมาหลายครั้งแล้ว..เพราะงั้นฉันก็เลยปรึกษากับเหล่าผู้บัญชาการของเหล่าทัพต่างๆ และพวกเขาก็อยากจะขอร้องให้คุณไปที่กองทัพของเราเพื่อช่วยเราฝึกอบรมและแนะนำแนวทางการรบและยุทธศาสตร์ต่างๆ น่ะ” หูวหนานเจียนพูด

“นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ..แต่ท่านรองนายกไม่กลัวนิสัยที่ไม่ดีของผมจะไปทำลายบรรยากาศเก่าๆ ของค่ายทหารและกองทัพทั้งหมดหรอครับ” เย่เชียนฉีกยิ้มและพูด

หูวหนานเจียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ถ้าฉันกลัวเรื่องนี้ฉันก็คงจะไม่มาขอให้คุณไปที่ค่ายทหารเพื่อช่วยฝึกให้กองทัพหรอก..อีกอย่างฉันเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปแทรงแซงหรอกเพราะถึงยังไงทหารจากทุกเหล่าทัพก็อยู่ภายใต้การบัญชาการของคุณหมดแล้ว..คุณสามารถดำเนินการทุกอย่างได้เต็มที่เลย”

“ได้ครับ..แต่อาจจะไม่ใช่เร็วๆ นี้นะ..เพราะกำลังจะถึงวันฉลองตรุษจีนแล้ว..ผมต้องใช้เวลาปีใหม่กับครอบครัวและผมก็ต้องไปเยี่ยมพ่อตากับแม่ยายในอนาคตของผมอีก..เพราะงั้นผมขอเวลาสักหน่อยได้มั้ยครับ” เย่เชียนพูด การไปเยือนค่ายทหารของกองทัพเพื่อช่วยในการฝึกฝนนั้นก็คงจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นเพราะบุคคลที่เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีของประเทศที่พูดด้วยตนเองแล้วและยังมีเหล่าผู้บัญชาการของเหล่าทัพต่างๆ ที่เห็นด้วยอีกเพราะไม่เช่นนั้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดโดยไม่ได้รับการเห็นชอบจากหลายๆ ฝ่าย

“ไม่เป็นไรๆ ..ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอก..ฉันเองก็อยากจะทานมื้อเย็นกับคุณอยู่เหมือนกัน..ฮ่าๆ” หูวหนานเจียนพูด

“ท่านรองนายกใจกว้างมากเลยครับ..เด็กๆ อย่างผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเลยครับ” เย่เชียนพูด

“โอ้ใช่ๆ ..มีอีกเรื่องนึงที่ฉันเกือบจะลืมบอกไป” หูวหนานเจียนพูด “ก่อนที่ฉันจะมาเซี่ยงไฮ้น่ะ..หลานสาวเค่อขอให้ฉันบอกคุณว่าถ้ามีเวลาว่างๆ ก็ให้ไปหาเธอที่เมืองปักกิ่งด้วยล่ะ..แล้วเมื่อครู่นี้คุณบอกว่าคุณเป็นแฟนของเธอใช่มั้ย?”

เย่เชียนถึงกับเหงื่อตกอย่างรุนแรงและรีบพูดอย่างร้อนรนว่า “คือท่านรองนายกครับนั่น..คือ..มันไม่ใช่แบบนั้นครับ..หูวเค่อน่ะ..ความสัมพันธ์ของผมกับเธอเป็นแค่เพื่อนกันครับ..เพื่อนเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นเลยครับ”

หูวหนานเจียนที่เห็นเย่เชียนดูลุกลี้ลุกลนและกระวนกระวายอย่างมากเช่นนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเพราะเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าหนุ่มน้อยคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขากลับดูสงบเสงี่ยมและสง่าผ่าเผยอย่างแท้จริงแต่กลับกันเลยเพราะดูเหมือนหนุ่มน้อยคนนี้จะกังวลและกระวนกระวายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงถึงเช่นนี้ “ฮ่าๆ ..คุณไม่ต้องกังวลไป..ถึงคุณจะเป็นแฟนของเค่อเอ๋อก็เถอะ..ถึงยังไงฉันก็ไม่ใช่คนเฒ่าคนแก่แบบนั้น..เพราะลูกๆ และหลานๆ ของฉันก็ควรจะมีลูกและหลานเป็นของตัวเองเหมือนกัน..ฉันจะไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือไปแทรกแซงในเรื่องความรักของหนุ่มสาวหรอก” หูวหนานเจียนพูดไปยิ้มไป

เย่เชียนก็หัวเราะแห่งๆ สองครั้งโดยไม่ได้พูดอะไรใดๆ ในความเป็นจริงแล้วเย่เชียนนั้นไม่เชื่อจริงๆ ว่าจะยังมีผู้อาวุโสเช่นนี้ที่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของลูกๆ หลานๆ เลย อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ไม่รู้จริงๆ ว่าหูวหนานเจียนนั้นคิดอะไรอยู่และดูเหมือนว่าหูวหนานเจียนจะเห็นด้วยกับหูวเค่อ เพราะงั้นเขาจึงไม่ได้พิจารณาถึงตัวตนของเขาเลยงั้นหรือ? เขาไม่กังวลเลยเหรอว่าตัวตนของเย่เชียนจะมีผลเสียอะไรกับเขาบ้าง?

อย่างไรก็ตามตอนนี้เย่เชียนก็ดูเหมือนจะสับสนและสูญเสียอาการไปมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับทัศนคติของรัฐบาลกลางเพราะเย่เชียนรู้สึกได้ว่าพวกเขาดูตามใจตนและสนับสนุนตนมากขนาดนี้ เพราะด้วยสถานะปัจจุบันของตนแล้วเย่เชียนก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้ดีว่าถึงแม้ว่าเขาจะถามเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ไปถึงยังไงพวกเขาก็คงจะไม่บอกเรื่องต่างๆ อย่างละเอียดแน่นอน

คืนนั้นเย่เชียนได้จัดงานเลี้ยงอย่างหรูหราเพื่อต้อนรับหูวหนานเจียน ส่วนหวังปิงและผู่ซู่จิ่วก็เดินตามพวกเขาไปอย่างเป็นธรรมชาติซึ่งทำให้ทั้งสองนั้นรู้สึกทั้งความประหลาดใจและความดีใจไปพร้อมๆ กัน ส่วนซ่งหลันกับหลินโรวโร่วนั้นก็อยู่ด้วย ซึ่งหูวหนานเจียนนั้นก็ยกย่องและพึงพอใจกับเด็กผู้หญิงทั้งสองคนนี้สำหรับพฤติกรรมและผลงานที่ดีของพวกเธอที่ทำให้นึกถึงหลานสาวของเขาเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสี่คนที่ติดตามหูวหนานเจียนมานั้นก็ไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงแต่รับหน้าที่คอยคุ้มกันอยู่รอบนอกแทน นั่นก็เพราะว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรองนายกรัฐมนตรีพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะละเลยใดๆ แม้แต่น้อย

บรรยากาศของงานเลี้ยงอาหารค่ำนั้นค่อนข้างเป็นไปด้วยดีซึ่งหูวหนานเจียนเองก็ไม่ได้มีการแสดงออกหรือคำพูดที่ดูเคร่งขรึมเหมือนก่อนหน้านี้แต่อย่างใดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำพูดเหมือนอยู่ที่บ้านเสียมากกว่า ส่วนหวังปิงกับผู่ซู่จิ่วนั้นก็ยังคงประหม่าอยู่เล็กน้อยและพวกเขาก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกับหูวหนานเจียนเลยและแทบจะไม่กินแก้วไวน์และอาหารใดๆ เลย ส่วนเย่เชียนนั้นก็ไม่ได้ดูกังวลอะไรใดๆ เลยเพราะเขากินและดื่มได้อย่างเป็นธรรมชาติ

โดยปกติแล้วเย่เชียนก็ไม่จำเป็นต้องจัดหาที่พักให้หูวหนานเจียนเลยเพราะมันเป็นหน้าที่ของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนในตอนนี้และนอกจากนี้เย่เชียนเองก็ไม่ต้องการที่จะคอยกังวลถึงเรื่องนี้เพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้นล่ะก็ต่อให้เขากระโดดลงไปในแม่น้ำหวงผู่แล้วก็มิอาจแก้ไขได้เลย

…..

ในที่สุดระฆังวันปีใหม่ก็ดังขึ้นแล้ว!

เย่เชียนนั้นพาซ่งหลันกลับไปที่บ้านพ่อของเขาเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่และซึ่งเดิมทีนั้นครอบครัวของหลี่ฮ่าวเองก็จะมาร่วมฉลองปีใหม่ด้วยแต่เนื่องจากสถานการณ์เทศกาลปีใหม่ที่เข้มงวดนั้นหลี่ฮ่าวจึงมาไม่ได้ ส่วนหลินโรวโร่วก็ได้นั่งเครื่องบินเพื่อกลับไปที่บ้านเกิดของเธอเมื่อสองสามวันก่อนแล้วและถึงแม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจก็ตามแต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเธอต้องทำตัวดีเข้าไว้เพื่อที่จะได้แต่งงานกับเย่เชียน

การเฉลิมฉลองปีใหม่ในครั้งนี้ไม่ได้จัดที่โรงแรมแต่อย่างใดเพราะพวกเขาทั้งหมดอยู่ที่บ้านของตัวเองเป็นครอบครัว ซึ่งเย่เชียนนั้นก็รับหน้าที่จัดโต๊ะและจัดจาน ส่วนซ่งหลันกับเย่หลินก็รับผิดชอบในการแยกผักและหั่นผัก ส่วนฮันเซ่วกับพ่อก็ช่วยกันทำอาหารซึ่งบรรยากาศโดยรวมดูกลมกลืนกันเหมือนครอบครัวที่อบอุ่นอย่างมาก

“พี่หลันหลันคะ..พี่สาวจะแต่งงานกับพ่อของหนูเมื่อไหร่หรอ” เย่หลินถามพร้อมกะพริบตาโตๆ ของเธอในขณะที่เลือกผัก

“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพ่อของหนูเต็มใจที่จะแต่งงานกับพี่สาวเมื่อไหร่นั่นแหละ” ซ่งหลันพูดด้วยรอยยิ้ม

“พี่หลันหลันไม่ต้องห่วงนะพ่อเขาจะต้องฟังหนูแน่นอน..เพราะงั้นหนูจะช่วยพูดให้พ่อมาแต่งงานกับพี่สาวเร็วๆ” เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ พูดอย่างฉะฉานราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ

“ถ้างั้นพี่สาวก็ต้องขอบคุณหนูล่วงหน้าเลยสินะ” ซ่งหลันลูบหัวของเย่หลินเบาๆ แล้วพูดว่า “แล้วหนูอยากให้พี่สาวเป็นแม่ของหนูมั้ยล่ะจ๊ะ?”

“อืมก็..มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่หลันหลันจะให้อะไรน้องหลินหลินบ้างน่ะ” เย่หลินพูดด้วยรอยยิ้มที่ซุกซน

“หนูเนี่ยร้ายเหมือนพ่อของหนูเลยนะ!” ซ่งหลันจ้องเขม็งเย่หลินอย่างเอ็นดูและพูดเบาๆ

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ..ในอนาคตหนูจะต้องเป็นเหมือนคุณพ่อให้ได้และหนูก็จะทำให้ทุกคนต้องเกรงกลัวหนู” เย่หลินพูดอย่างจริงจังด้วยใบหน้าของเด็กที่ไร้เดียงสาอย่างเธอแต่กลับดูมีวุฒิภาวะและความมุ่งมั่นและความทะเยอทะยานที่ไม่ควรจะมีได้ในเด็กวัยแบบเธอ

เมื่อเห็นเช่นนั้นซ่งหลันก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเธอก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “หืม..มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่หนูจะเป็นเหมือนพ่อของหนูน่ะ..เพราะงั้นตอนนี้หนูคงจะต้องเหนื่อยหน่อยล่ะนะ”

“หลินหลินจะต้องเรียนรู้ให้ได้ค่ะ” เย่หลินพูดในขณะที่แอบเหลือบมองไปที่เย่เชียนที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวอย่างแน่วแน่และเธอก็เอนตัวไปที่ข้างๆ หูของซ่งหลันและพูดเบาๆ ว่า “พี่หลันหลันคะ..หนูจะบอกอะไรบางอย่างกับพี่สาว..แต่ห้ามไปบอกพ่อน่ะ!”

“ได้สิ..พี่สาวสัญญาเลยว่าจะไม่พูด” ซ่งหลันรู้สึกสงสัยอย่างมาก

“ไม่นานมานี้เพื่อนในห้องเรียนของหนูน่ะเรียกหนูว่าเด็กบ้า..เพราะงั้นหนูก็เลยไปบอกให้ใครบางคนไปต่อยเขาน่ะ..และเช้าวันต่อมาหน้าของเด็กคนนั้นก็กลายเป็นเหมือนหมูอ้วนๆ เลยน่ะ..ฮ่าๆ” เย่หลินพูดอย่างซุกซน

ซ่งหลันก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงจากนั้นก็ถามว่า “หนูไปบอกใครมา”

เย่หลินก็พยักหน้าและพูดว่า “ก็ในห้องเรียนของหนูมีเด็กผู้ชายตั้งหลายคนที่ชอบหนูอยู่..หนูก็เลยบอกให้พวกเขาต่อสู้กัน..เพราะงั้นพวกเขาก็เลยไม่มีใครยอมแพ้กันเลยน่ะ”

“ห๊ะ! ..” ซ่งหลันก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปเพราะเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ไม่ธรรมดาเกินไปเพราะอายุเพียงแค่นี้แต่เธอกลับรู้วิธีหลอกใช้คนอื่นตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้และดูเหมือนว่าในอนาคตเธอจะกลายเป็นเหมือนเย่เชียนเมื่อเธอเติบโตขึ้น ซึ่งซ่งหลันเองก็รู้สึกได้ว่ามีแนวโน้มและมีโอกาสมากเช่นกันที่เธอจะเป็นเหมือนเย่เชียน

“พี่หลันหลัน..พี่จะฟ้องพ่อหนูไม่ได้นะ..ไม่งั้นเขาต้องด่าหนูแน่ๆ” เย่หลินพูด

ซ่งหลันก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “แล้วพี่สาวจะได้อะไรบ้างล่ะจ๊ะ..หืม?” อันที่จริงแล้วซ่งหลันเองก็รู้ดีว่าถ้าเย่เชียนรู้เรื่องนี้แล้วเขาจะไม่เพียงแค่ไม่ดุด่าเย่หลินเลยแม่แต่น้อยรวมไปถึงครอบครัวของเด็กเหล่านั้นด้วยนั่นก็เพราะว่าเรื่องต่างๆ ก็เป็นแค่เรื่องของเด็กๆ

“หา? …” เย่หลินเอียงหัวของเธอไปๆ มาๆ และครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งจากนั้นเธอก็พูดว่า “ ถ้างั้นหนูก็จะบอกให้พ่อแต่งงานกับพี่สาวและให้พี่สาวเป็นภรรยาหลวงก็แล้วกันค่ะ”

ซ่งหลันถึงกับตกตะลึงอย่างมากและเธอก็จ้องมองไปที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้แล้วพูดว่า “อะไรนะ! ..นี่หนูอยากให้พ่อของหนูแต่งงานกับผู้หญิงหลายคนอย่างงั้นหรอ”

“ใช่ค่ะ! ..ก็ก่อนหน้านี้พ่อเขาพาพี่สาวโรวโร่วมาด้วยและหนูก็คิดว่าพี่สาวโรวโร่วน่ารักมาก..เพราะงั้นก็ดีอยู่เหมือนกันนะถ้าพี่สาวโรวโร่วได้เป็นภรรยาของพ่อน่ะ..แต่ว่านะ..ถ้าพี่หลันหลันไม่ช่วยหนูเก็บเป็นความลับเอาไว้ล่ะก็หนูจะให้พ่อแต่งงานกับพี่ในฐานะภรรยาน้อยและเมื่อถึงเวลาหนูก็จะให้ภรรยาหลวงของพ่อกลั่นแกล้งพี่หลันหลันยังไงล่ะ” เย่หลินพูดด้วยท่าทางที่จริงจัง

ซ่งหลันยิ้มอย่างขมขื่นเพราะถึงแม้ว่าคำพูดของเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ คนนี้จะดูไร้เดียงสาไปหน่อยก็ตาม แต่ถึงยังไงจากวิธีการพูดแล้วก็เห็นได้ชัดเลยว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ไม่ธรรมดาเลยและเธอก็มุ่งมั่นเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของเธอเอง

เมื่อเห็นว่าซ่งหลันกับเย่หลินกำลังคุยกันอย่างใจจดใจจ่อกันอยู่เย่เชียนก็พูดข้ามมาจากอีกห้องหนึ่งว่า “นี่ๆ คุณผู้หญิงทั้งสองครับ..พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่น่ะ..ดูแปลกๆ นะ..ไม่ใช่ว่าพวกคุณกำลังวางแผนทำอะไรที่ไม่ดีอยู่หรอกใช่มั้ย? ”

“ไม่ไม่! ..” เย่หลินรีบหันไปพูดกับเย่เชียนอย่างกระวนกระวาย

“จริงหรอ?” เห็นได้ชัดว่าเย่เชียนนั้นไม่เชื่อคำพูดของเด็กน้อยคนนี้และมีร่องรอยของความตึงเครียดเล็กน้อยบนใบหน้าของเย่เชียน

“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ..หนูแค่คุยกับพี่หลันหลันเกี่ยวกับจำนวนเงินที่พ่อจะให้หนูสำหรับวันปีใหม่นี้เองค่ะ” เย่หลินพูดอย่างประหม่า

“ไม่เชื่อหรอก!” เย่เชียนส่ายหัวและพูด

“โถ่คุณพ่ออะ! ..นี่เป็นเรื่องของผู้หญิงนะคะ..พวกเราต้องบอกคุณพ่อทุกเรื่องเลยหรอคะ?” เย่หลินพูดอย่างมีชั้นเชิง

เย่เชียนถึงกับผงะไปชั่วขณะหลังจากนั้นเขาก็หัวเราะซึ่งทุกคนเองต่างก็ตื่นเต้นและมีความสุขไปกับการแสดงออกและปฏิกิริยาของเย่หลินอย่างมากโดยเฉพาะชายชราที่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาที่ดูสดใสราวกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่ผลิบาน

ใช้เวลาไม่นานนักอาหารทั้งหมดก็พร้อมแล้ว เย่เชียนก็เริ่มแต่งจานและเตรียมตะเกียบเพื่อกล่าวถึงบรรพบุรุษซึ่งนี่เป็นธรรมเนียมที่เก่าแก่ของจีนเพราะบรรพบุรุษนั้นต้องได้รับประทานอาหารปีใหม่ก่อนใคร และเนื่องจากเย่เชียนนั้นไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่แต่ถึงยังไงเขาก็จัดอาหารเตรียมเอาไว้ให้พ่อแม่ของเขาด้วย หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็จูงมือเย่หลินลงไปที่ชั้นล่างเพื่อจุดประทัดและหลังจากนั้นก็เริ่มรับประทานอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่ากันอย่างเป็นทางการ

เย่เชียนเติมไวน์ใส่แก้วของพ่อจากนั้นก็เติมให้ซ่งหลันและในที่สุดก็เติมแก้วไวน์ตรงหน้าของเขาเองและวางขวดลงและพูดว่า “เสี่ยวเซ่ว..หลินหลิน..จะดื่มด้วยหรอ”

“ใช่ค่ะ!” ฮันเซ่วพยักหน้าและตอบ ในความเป็นจริงแล้วฮันเซ่วนั้นเธอทนกลิ่นไวน์ขาวนี้ไม่ได้เพราะเธอจะรู้สึกเวียนหัวหลังจากได้กลิ่นแล้วและนับประสาอะไรกับการดื่มมันแต่เธอก็อยากจะมีส่วนร่วมในครอบครัวเหมือนคนอื่นเขาบ้าง “พ่อคะ..หนูก็อยากดื่มด้วย!” เย่หลินพูดด้วยความตื่นเต้น

“นี่เด็กๆ จะดื่มไวน์ได้ยังไง” ชายชราพูดอย่างนุ่มนวล

เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “ไม่เป็นไรๆ ..ให้พวกคุณหนูๆ ลองดื่มดูสักหน่อยก็แล้วกัน..ไม่งั้นพวกเธอก็คงจะไม่รู้จักกลัวถ้าพวกเธอไม่ทรมานซะบ้าง” หลังจากนั้นเย่เชียนก็รินไวน์ขาวให้ฮันเซ่วกับเย่หลินเล็กน้อย

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+