ยอดนักรบจอมราชัน 454 สงครามกำลังใกล้เข้ามา

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 454 สงครามกำลังใกล้เข้ามา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 454 สงครามกำลังใกล้เข้ามา

ภารกิจต่างๆ ที่เป็นความลับขององค์กรเซเว่นคิลนั้นจะต้องราบรื่นอย่างแน่นอนเพราะถึงแม้ว่าหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติของหลายๆ ประเทศทั่วโลกจะรู้จักองค์กรเซเว่นคิลก็ตามแต่ถึงยังไงพวกเขาไม่รู้จักสำนักงานใหญ่และฐานที่มั่นขององค์กรเซเว่นคิลเลยแม้น้อย ซึ่งบุคคลระดับสูงของรัฐก็ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้กันเลยและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุการณ์ที่พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ถูกฆ่าตายนั้นเป็นฝีมือขององค์กรเซเว่นคิลและหลินเฟิง

ซึ่งพวกเขาแตกต่างจากองค์กรทหารรับจ้างอย่างเขี้ยวหมาป่าโดยสิ้นเชิงเพราะองค์กรเซเว่นคิลเป็นองค์กรนักฆ่าในสายตาของทุกคนและนักฆ่านั้นจะทำทุกอย่างเพื่อเงินเพียงเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นองค์กรที่อันตรายอย่างยิ่งในสายตาของคนอื่น เมื่อใดที่ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรเซเว่นคิลรั่วไหลออกไปนั้นมันก็จะมีแนวโน้มที่จะดึงดูดการร่วมมือกันกวาดล้างของรัฐบาลจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นไม่ว่าองค์กรเซเว่นคิลจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตามแต่ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถมีที่ยืนในโลกได้อีกต่อไป

ถึงแม้ว่าหลายๆ ประเทศรวมไปถึงประเทศสหรัฐอเมริกาและหลายๆ ประเทศในยุโรปจะมีข้อมูลของทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าก็ตามแต่ทว่าบางครั้งพวกเขาก็ยังคงต้องการทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเพื่อทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ ถ้าหากพูดตรงไปตรงมามันเป็นเหมือนความสัมพันธ์ของพันธมิตรที่มีผลประโยชน์และยิ่งไปกว่านั้นโลกทั้งโลกก็รับรู้ถึงการมีอยู่ขององค์กรทหารรับจ้างแล้วแต่ก็ยังปฏิเสธที่จะรับรู้การมีอยู่ขององค์กรนักฆ่า ดังนั้นงานองค์กรเซเว่นคิลจึงต้องดำเนินไปอย่างลึกลับเช่นเคย

ถ้าหลินเฟิงไม่ได้บอกเย่เชียนดังนั้นเย่เชียนจะรู้ได้อย่างไรว่าสำนักงานใหญ่หรือฐานที่มั่นขององค์กรเซเว่นคิลนั้นตั้งอยู่ที่ดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน ซึ่งสมาชิกทั้งหมดขององค์กรเซเว่นคิลนั้นก็เหมือนกับเหล่าสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าเพราะทุกคนต้องเป็นความลับอย่างยิ่งและพวกเขาก็มักจะอาศัยอยู่ใต้ดินและแทบจะมองไม่เห็นแสงแดดเลย แต่ถ้าหากปราศจากพวกเขามันก็เหมือนกับต้นไม้ที่ไม่มีรากจนเฉาตายนั่นเอง

แน่นอนว่าเย่เชียนนั้นจะไม่พูดคุยกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเกี่ยวกับองค์กรเซเว่นคิลอย่างแน่นอนเพราะมันไม่จำเป็นและอีกอย่างคือความไว้วางใจของหลินเฟิงในตัวเขา เนื่องจากหลินเฟิงบอกกับเย่เชียนเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ขององค์กรเซเว่นคิลแล้วถ้าหากเย่เชียนพูดอะไรไปล่ะก็เขาจะไม่ถูกสงสัยว่าทรยศเพื่อนหรือ?

หลังจากคุยกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนอย่างไม่เป็นทางการแล้วเย่เชียนกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็เดินไปตามภูเขาเอ๋อหลง ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้บอกว่าเขาจะยกเลิกการร่วมมือกับเซอร์เก้วิชพุชกินแต่อย่างใดเพราะเซอร์เก้วิชพุชกินเองก็ไม่ได้บอกว่าจะร่วมมือกับเขาเช่นกัน แต่ในมุมมองของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นเย่เชียนควรจะปรึกษากับตัวเขาก่อนที่จะลงมือตัดสินใจอะไรตามลำพัง อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนนั้นมีแผนของตัวเองอยู่แล้วดังนั้นเย่เชียนก็จะไม่เปลี่ยนสิ่งที่ตัดสินใจง่ายๆ

อย่างไรก็ตามจากการสนทนากับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนี่นเย่เชียนก็ยังคงรู้สึกได้ว่าถึงแม้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะไม่ได้บอกว่าเขานั้นคอยสนับสนุนตัวเองอยู่และแน่นอนว่าเย่เชียนเองก็จะไม่ขอให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนยืนอยู่ข้างเขาอย่างสมบูรณ์และจะไม่ขอให้เขาปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความจริงใจแต่อย่างใดเพราะท้ายที่สุดแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยืนอยู่ในสถานะเช่นนี้แล้วดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรที่เป็นการสนับสนุนได้มากนัก

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรทัศนคติของเย่เชียนที่มีต่อหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะเย่เชียนเป็นคนประเภทที่เกลียดการถูกคนอื่นหักหลังและเกลียดการถูกหลอกใช้เป็นเบี้ยของคนอื่น อย่างไรก็ตามความคิดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพียงอย่างเดียวนั้นก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความคิดของเบื้องบนของประเทศจีนทุกคน ดังนั้นเย่เชียนยังคงต้องดำเนินการตามแผนของเขาและไม่สามารถลังเลอะไรได้อีกต่อไปแล้ว ไม่เช่นนั้นวันหนึ่งเขาอาจจะถูกทอดทิ้งและเป็นหมากที่ถูกทอดทิ้งก็เป็นได้

สำหรับเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นเย่เชียนก็ยังไม่ได้คิดว่าเขามีทัศนคติแบบไหนเพราะเขากำลังรออยู่และเมื่อใดที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเริ่มเคลื่อนไหวตามแผนเมื่อนั้นก็จะถึงเวลาที่แผนการต่างๆ ของเขาจะถูกนำไปใช้นั่นเอง

หลังจากลงจากภูเขาแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยืนกรานที่จะชวนเย่เชียนไปรับประทานอาหารด้วยกันและเย่เชียนก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรดังนั้นเขาจึงต้องไปกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยน ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็มักจะปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาค่อนข้างที่จะผ่อนคลายดังนั้นจื้อจุนและเซียวหวันจึงนั่งที่โต๊ะเดียวกัน แต่ทว่าเซียวหวันก็ยังคงมีท่าทีและการแสดงออกเช่นเคยและเธอมักจะกลอกตาไปมาที่เย่เชียนเป็นครั้งคราวขณะรับประทานอาหารจนทำให้เย่เชียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้เป็นแบบนี้เมื่อไหร่เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองเธอและพูดว่า “ให้ฉันบอกไหมว่าเธอน่ะเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าสนใจสำหรับฉันเลย..คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอน่ะแอบมองฉันอยู่ประจำ..โทษทีนะฉันมีแฟนแล้ว..ฉันไม่สนใจผู้หญิงแบบเธอหรอก” เย่เชียนเหลือบมองไปที่หน้าอกของเซียวหวันขณะที่เขาพูดและความหมายนั้นก็ชัดเจนอย่างยิ่ง

จื้อจุนนั้นทำงานร่วมกับเซียวหวันมานานและเขาก็เปรียบเสมือนพี่ชายคนโตของเธอมาโดยตลอด แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้อยู่ในระหว่างปฏิบัติงานนั้นเขาก็เป็นคนที่น่าสงสารมากภายใต้คำสั่งที่เอาแต่ใจของเซียวหวัน ดังนั้นจื้อจุนจึงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับอารมณ์และอุปนิสัยของเซียวหวัน ซึ่งเมื่อเขาเห็นว่าเย่เชียนพูดแบบนี้จื้อจุนจึงรีบแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรเลยและกินอาหารของตัวเองอย่างไม่แยแสสิ่งใด เพราะเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกแซงอะไรในเวลานี้ไม่เช่นนั้นเด็กผู้หญิงคนนี้จะต้องใช้งานตัวเองอย่างน่าสังเวชในภายหลังแน่นอน

“หน้าด้าน! ..ใครกันแน่ที่ไม่น่าสนใจ..นายคิดว่าน้องชายของนายนั้นยอดเยี่ยมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” เซียวหวันตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยวและมองไปที่เป้ากางเกงของเย่เชียนขณะที่เธอพูด ซึ่งมันชัดเจนว่าเธอกำลังพูดถึงเย่เชียนเพราะถ้าหากเธอมีขนาดหน้าอกที่เล็กแล้วเย่เชียนก็ต้องมีขนาดเล็กเช่นกัน

น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้มองข้ามจุดหนึ่งไปเพราะโดยทั่วไปแล้วหน้าอกของเธอนั้นสามารถตรวจสอบด้วยสายตาได้ในขณะที่ของเย่เชียนนั้นไม่สามารถตรวจสอบด้วยสายตาได้ ดังนั้นทันทีที่เธอพูดสิ่งนี้ออกไปก็มีแต่จะทำให้เธอดูเหมือนคนโรคจิตอย่างมาก

“เธอเคยเห็นหรือเคยสัมผัสมันเหรอ? ..ไม่งั้นเธอจะรู้ขนาดของฉันได้ยังไง!” เย่เชียนมองไปที่เซียวหวันและพูดอย่างยั่วยุ

“แค่มองก็รู้แล้วเพราะนายเป็นผู้ชายที่ไร้ยางอายและน่ารังเกียจ!” เซียวหวันพูดอย่างเกรี้ยวกราด

“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นผู้ชาย..ฉันไม่สนใจหรอกเพราะผู้หญิงน่ะมักจะแสร้งทำเป็นสาวพรหมจารี..ไม่เหมือนผู้หญิงอย่างเธอที่ใช้ของปลอมแล้วยังแสร้งทำเป็นสาวพรหมจารีได้หรือ?” เย่เชียนพูดเหมือนหมูที่ไม่กลัวน้ำเดือดๆ เลย

“หืม…” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนและจื้อจุนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินใครพูดแบบนี้กับผู้หญิงมาก่อนเลย

เมื่อเห็นว่าเซียวหวันกำลังจะระเบิดโทสะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจึงรีบพูดว่า “เอาล่ะๆ ..เรามากินข้าวกันพวกเอ็งช่วยหยุดทะเลาะกันจะได้ไหม..พวกเอ็งสองคนต้องเป็นคู่รักกันในชาติที่แล้วอย่างแน่นอน..แต่ชาติที่แล้วพวกเอ็งไม่เคยทะเลาะกันก็เลยมาทะเลาะกันที่ชาตินี้แทนสินะ”

“ปู่ล้อผมเล่นหรอ..ผมเนี่ยนะเป็นคู่รักกับเธอ..เธอก็แค่ซาลาเปาลูกเล็กๆ สองลูก..มันแย่มากเลย” เย่เชียนพูด

“นายมันหน้าด้านไร้ยางอาย..น่ารังเกียจ!” เซียวหวันนั้นรู้สึกว่าการใช้คำพูดที่หยาบคายกับเย่เชียนเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะอธิบายสิ่งที่เลวร้ายของผู้ชายคนนี้ได้เลย

“ฉันไม่ลดตัวลงไปพูดหยาบคายแบบเธอหรอกนะ” เย่เชียนพูดอย่างเฉยเมย เพราะเขามีประสบการณ์ในการรับมือกับคนประเภทนี้มามากมายเพราะการทะเลาะกันนั้นมักจะถูกระงับด้วยความใจเย็นดังนั้นเขาจึงต้องใจเย็น ซึ่งถ้ามีคนดุด่าตัวเองสักสองสามคำเขาก็จะไม่ตอบโต้และจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน เขาต้องแสร้งทำเป็นหูทนลมและไม่สนใจฝ่ายตรงข้ามอีก

อย่างไรก็ตามมื้ออาหารก็จบลงด้วยการทะเลาะกันด้วยวาจาของเย่เชียนและเซียวหวันจนหวงฟู่ชิงเตี๋ยนสาบานว่าถ้าเขามาพบเย่เชียนอีกในครั้งต่อไปเขาจะไม่พาเซียวหวันมาอีก ไม่เช่นนั้นหูของเขาอาจจะแตกจนไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็ไม่ได้ถามอะไรเย่เชียนอีกต่อไปเพียงคุยกับเย่เชียนต่อเล็กน้อยหลังจากรับประทานอาหารแล้วเขาก็คุยกันสองสามประโยคก่อนที่จะรีบพาจื้อจุนและเซียวหวันออกไป

ไม่กี่วันต่อมาทุกคนก็ล้วนยุ่งกับเรื่องของตัวเองแต่ทว่ามีเพียงเย่เชียนเท่านั้นที่ดูผ่อนคลายที่สุดเพราะเขาใช้เวลาทั้งวันในโรงแรมเพื่อดูทีวี ซึ่งตอนนี้เขาไม่ได้รีบร้อนอะไรเพียงแค่รอให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนต้อนเซอร์เก้วิชพุชกินให้ทำตามแผนของเขาเอง ซึ่งแผนของเย่เชียนเองก็ถูกวางเอาไว้เช่นกันและสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าและองค์กรเซเว่นคิลก็ได้แอบลักลอบเข้าไปในประเทศรัสเซียอย่างเงียบๆ แล้วเพื่อเตรียมการเบื้องต้น

ส่วนเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นเขาก็ยุ่งวุ่นวายอย่างมากในตอนนี้และเขาก็ไม่กล้าที่จะละเลยหรือเพิกเฉยเลยแม้แต่น้อย เพราะหลังจากที่แม่ม่ายดำจือเหวินโอนที่ดินให้กับเซอร์เก้วิชพุชกินแล้วเขาก็ไปติดสินบนกับหน่วยงานของรัฐบาลหลายแห่งและทำลายสิทธิ์การพัฒนาทั้งหมดของโครงการอื่นๆ โดนขณะนี้เซอร์เก้วิชพุชกินก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจากับบริษัทก่อสร้างห้างสรรพสินค้าและเริ่มกำหนดการก่อสร้างทันที

อย่างไรก็ตามนี่ก็ไม่ใช่โครงการเล็กๆ เพราะมันต้องสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อยู่บนพื้นดินที่เป็นหลุมเป็นอุโมงค์และต้องสร้างท่อจำนวนมาก ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือคนงานก่อสร้างเหล่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เซอร์เก้วิชพุชกินจัดหามาจากประเทศรัสเซียเมื่อเขาเริ่มก่อตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างและถือว่าบุคลากรทั้งหมดเป็นคนของเขาและยิ่งไปกว่านั้นหน่วยงานของรัฐบาลก็ตั้งใจให้เป็นแบบนี้เช่นกันเพราะที่ดินผืนนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลจึงไม่มีอะไรรบกวนประชาชน ดังนั้นการขุดอุโมงค์จึงเป็นเรื่องที่ง่ายอย่างมาก

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาอารมณ์ของเซอร์เก้วิชพุชกินก็ดูมีความสุขอย่างมากเพราะเขาไม่สามารถอดกลั้นความสุขเอาไว้ได้เพราะในไม่ช้าแผนการของเขาก็จะสำเร็จเสร็จสมบูรณ์แล้วและเขาก็จะได้เห็นแหล่งน้ำมันในประเทศรัสเซียและนั่นก็คือความมั่งคั่งอันมหาศาลและเป็นแรงผลักดันอย่างมหาศาลสำหรับอนาคตของเขาเอง ในตอนนี้เซอร์เก้วิชพุชกินดูเหมือนจะได้เห็นโอกาสอันรุ่งโรจน์ในหน้าที่การงานที่ยอดเยี่ยมของเขาในฐานะผู้ชนะที่แท้จริง ดังนั้นใครหน้าไหนที่บอกว่ามันไม่มีอนาคตสำหรับการเป็นสุนัขรับใช้กัน? ซึ่งตอนนี้เซอร์เก้วิชพุชกินก็รู้สึกว่าอนาคตของเขานั้นไม่ได้มีเส้นทางที่จำกัดอีกต่อไปแล้ว

แน่นอนว่าทุกการเคลื่อนไหวของเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นไม่ได้หลบซ่อนจากสายตาของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนได้เลย เพราะถึงแม้ว่าเขาจะพาจื้อจุนและเซียวหวันมาด้วยในครั้งนี้แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเลย เพราะแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันของเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็รู้อย่างชัดเจนเพราะจะมีคนคอยติดตามเซอร์เก้วิชพุชกินตลอด 24 ชั่วโมง

แน่นอนว่าเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นก็รู้ดีว่าโครงการนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายต่อการรักษาความลับ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเขาจึงทำการว่าจ้างสมาชิกทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะมามากกว่าหนึ่งโหลจากประเทศรัสเซียเพื่อความปลอดภัย ของสถานที่ก่อสร้างนั่นเอง

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 454 สงครามกำลังใกล้เข้ามา

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 454 สงครามกำลังใกล้เข้ามา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 454 สงครามกำลังใกล้เข้ามา

ภารกิจต่างๆ ที่เป็นความลับขององค์กรเซเว่นคิลนั้นจะต้องราบรื่นอย่างแน่นอนเพราะถึงแม้ว่าหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติของหลายๆ ประเทศทั่วโลกจะรู้จักองค์กรเซเว่นคิลก็ตามแต่ถึงยังไงพวกเขาไม่รู้จักสำนักงานใหญ่และฐานที่มั่นขององค์กรเซเว่นคิลเลยแม้น้อย ซึ่งบุคคลระดับสูงของรัฐก็ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้กันเลยและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุการณ์ที่พยัคฆ์แดนเหนือหลวนปิงลี่ถูกฆ่าตายนั้นเป็นฝีมือขององค์กรเซเว่นคิลและหลินเฟิง

ซึ่งพวกเขาแตกต่างจากองค์กรทหารรับจ้างอย่างเขี้ยวหมาป่าโดยสิ้นเชิงเพราะองค์กรเซเว่นคิลเป็นองค์กรนักฆ่าในสายตาของทุกคนและนักฆ่านั้นจะทำทุกอย่างเพื่อเงินเพียงเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นองค์กรที่อันตรายอย่างยิ่งในสายตาของคนอื่น เมื่อใดที่ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรเซเว่นคิลรั่วไหลออกไปนั้นมันก็จะมีแนวโน้มที่จะดึงดูดการร่วมมือกันกวาดล้างของรัฐบาลจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นไม่ว่าองค์กรเซเว่นคิลจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตามแต่ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถมีที่ยืนในโลกได้อีกต่อไป

ถึงแม้ว่าหลายๆ ประเทศรวมไปถึงประเทศสหรัฐอเมริกาและหลายๆ ประเทศในยุโรปจะมีข้อมูลของทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าก็ตามแต่ทว่าบางครั้งพวกเขาก็ยังคงต้องการทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเพื่อทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ ถ้าหากพูดตรงไปตรงมามันเป็นเหมือนความสัมพันธ์ของพันธมิตรที่มีผลประโยชน์และยิ่งไปกว่านั้นโลกทั้งโลกก็รับรู้ถึงการมีอยู่ขององค์กรทหารรับจ้างแล้วแต่ก็ยังปฏิเสธที่จะรับรู้การมีอยู่ขององค์กรนักฆ่า ดังนั้นงานองค์กรเซเว่นคิลจึงต้องดำเนินไปอย่างลึกลับเช่นเคย

ถ้าหลินเฟิงไม่ได้บอกเย่เชียนดังนั้นเย่เชียนจะรู้ได้อย่างไรว่าสำนักงานใหญ่หรือฐานที่มั่นขององค์กรเซเว่นคิลนั้นตั้งอยู่ที่ดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน ซึ่งสมาชิกทั้งหมดขององค์กรเซเว่นคิลนั้นก็เหมือนกับเหล่าสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าเพราะทุกคนต้องเป็นความลับอย่างยิ่งและพวกเขาก็มักจะอาศัยอยู่ใต้ดินและแทบจะมองไม่เห็นแสงแดดเลย แต่ถ้าหากปราศจากพวกเขามันก็เหมือนกับต้นไม้ที่ไม่มีรากจนเฉาตายนั่นเอง

แน่นอนว่าเย่เชียนนั้นจะไม่พูดคุยกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเกี่ยวกับองค์กรเซเว่นคิลอย่างแน่นอนเพราะมันไม่จำเป็นและอีกอย่างคือความไว้วางใจของหลินเฟิงในตัวเขา เนื่องจากหลินเฟิงบอกกับเย่เชียนเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ขององค์กรเซเว่นคิลแล้วถ้าหากเย่เชียนพูดอะไรไปล่ะก็เขาจะไม่ถูกสงสัยว่าทรยศเพื่อนหรือ?

หลังจากคุยกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนอย่างไม่เป็นทางการแล้วเย่เชียนกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็เดินไปตามภูเขาเอ๋อหลง ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้บอกว่าเขาจะยกเลิกการร่วมมือกับเซอร์เก้วิชพุชกินแต่อย่างใดเพราะเซอร์เก้วิชพุชกินเองก็ไม่ได้บอกว่าจะร่วมมือกับเขาเช่นกัน แต่ในมุมมองของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นเย่เชียนควรจะปรึกษากับตัวเขาก่อนที่จะลงมือตัดสินใจอะไรตามลำพัง อย่างไรก็ตามเนื่องจากเย่เชียนนั้นมีแผนของตัวเองอยู่แล้วดังนั้นเย่เชียนก็จะไม่เปลี่ยนสิ่งที่ตัดสินใจง่ายๆ

อย่างไรก็ตามจากการสนทนากับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนี่นเย่เชียนก็ยังคงรู้สึกได้ว่าถึงแม้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะไม่ได้บอกว่าเขานั้นคอยสนับสนุนตัวเองอยู่และแน่นอนว่าเย่เชียนเองก็จะไม่ขอให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนยืนอยู่ข้างเขาอย่างสมบูรณ์และจะไม่ขอให้เขาปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความจริงใจแต่อย่างใดเพราะท้ายที่สุดแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยืนอยู่ในสถานะเช่นนี้แล้วดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรที่เป็นการสนับสนุนได้มากนัก

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรทัศนคติของเย่เชียนที่มีต่อหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะเย่เชียนเป็นคนประเภทที่เกลียดการถูกคนอื่นหักหลังและเกลียดการถูกหลอกใช้เป็นเบี้ยของคนอื่น อย่างไรก็ตามความคิดของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเพียงอย่างเดียวนั้นก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความคิดของเบื้องบนของประเทศจีนทุกคน ดังนั้นเย่เชียนยังคงต้องดำเนินการตามแผนของเขาและไม่สามารถลังเลอะไรได้อีกต่อไปแล้ว ไม่เช่นนั้นวันหนึ่งเขาอาจจะถูกทอดทิ้งและเป็นหมากที่ถูกทอดทิ้งก็เป็นได้

สำหรับเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นเย่เชียนก็ยังไม่ได้คิดว่าเขามีทัศนคติแบบไหนเพราะเขากำลังรออยู่และเมื่อใดที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนเริ่มเคลื่อนไหวตามแผนเมื่อนั้นก็จะถึงเวลาที่แผนการต่างๆ ของเขาจะถูกนำไปใช้นั่นเอง

หลังจากลงจากภูเขาแล้วหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ยืนกรานที่จะชวนเย่เชียนไปรับประทานอาหารด้วยกันและเย่เชียนก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรดังนั้นเขาจึงต้องไปกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยน ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็มักจะปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาค่อนข้างที่จะผ่อนคลายดังนั้นจื้อจุนและเซียวหวันจึงนั่งที่โต๊ะเดียวกัน แต่ทว่าเซียวหวันก็ยังคงมีท่าทีและการแสดงออกเช่นเคยและเธอมักจะกลอกตาไปมาที่เย่เชียนเป็นครั้งคราวขณะรับประทานอาหารจนทำให้เย่เชียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้เป็นแบบนี้เมื่อไหร่เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองเธอและพูดว่า “ให้ฉันบอกไหมว่าเธอน่ะเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าสนใจสำหรับฉันเลย..คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอน่ะแอบมองฉันอยู่ประจำ..โทษทีนะฉันมีแฟนแล้ว..ฉันไม่สนใจผู้หญิงแบบเธอหรอก” เย่เชียนเหลือบมองไปที่หน้าอกของเซียวหวันขณะที่เขาพูดและความหมายนั้นก็ชัดเจนอย่างยิ่ง

จื้อจุนนั้นทำงานร่วมกับเซียวหวันมานานและเขาก็เปรียบเสมือนพี่ชายคนโตของเธอมาโดยตลอด แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้อยู่ในระหว่างปฏิบัติงานนั้นเขาก็เป็นคนที่น่าสงสารมากภายใต้คำสั่งที่เอาแต่ใจของเซียวหวัน ดังนั้นจื้อจุนจึงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับอารมณ์และอุปนิสัยของเซียวหวัน ซึ่งเมื่อเขาเห็นว่าเย่เชียนพูดแบบนี้จื้อจุนจึงรีบแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรเลยและกินอาหารของตัวเองอย่างไม่แยแสสิ่งใด เพราะเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกแซงอะไรในเวลานี้ไม่เช่นนั้นเด็กผู้หญิงคนนี้จะต้องใช้งานตัวเองอย่างน่าสังเวชในภายหลังแน่นอน

“หน้าด้าน! ..ใครกันแน่ที่ไม่น่าสนใจ..นายคิดว่าน้องชายของนายนั้นยอดเยี่ยมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” เซียวหวันตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยวและมองไปที่เป้ากางเกงของเย่เชียนขณะที่เธอพูด ซึ่งมันชัดเจนว่าเธอกำลังพูดถึงเย่เชียนเพราะถ้าหากเธอมีขนาดหน้าอกที่เล็กแล้วเย่เชียนก็ต้องมีขนาดเล็กเช่นกัน

น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้มองข้ามจุดหนึ่งไปเพราะโดยทั่วไปแล้วหน้าอกของเธอนั้นสามารถตรวจสอบด้วยสายตาได้ในขณะที่ของเย่เชียนนั้นไม่สามารถตรวจสอบด้วยสายตาได้ ดังนั้นทันทีที่เธอพูดสิ่งนี้ออกไปก็มีแต่จะทำให้เธอดูเหมือนคนโรคจิตอย่างมาก

“เธอเคยเห็นหรือเคยสัมผัสมันเหรอ? ..ไม่งั้นเธอจะรู้ขนาดของฉันได้ยังไง!” เย่เชียนมองไปที่เซียวหวันและพูดอย่างยั่วยุ

“แค่มองก็รู้แล้วเพราะนายเป็นผู้ชายที่ไร้ยางอายและน่ารังเกียจ!” เซียวหวันพูดอย่างเกรี้ยวกราด

“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นผู้ชาย..ฉันไม่สนใจหรอกเพราะผู้หญิงน่ะมักจะแสร้งทำเป็นสาวพรหมจารี..ไม่เหมือนผู้หญิงอย่างเธอที่ใช้ของปลอมแล้วยังแสร้งทำเป็นสาวพรหมจารีได้หรือ?” เย่เชียนพูดเหมือนหมูที่ไม่กลัวน้ำเดือดๆ เลย

“หืม…” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนและจื้อจุนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินใครพูดแบบนี้กับผู้หญิงมาก่อนเลย

เมื่อเห็นว่าเซียวหวันกำลังจะระเบิดโทสะหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจึงรีบพูดว่า “เอาล่ะๆ ..เรามากินข้าวกันพวกเอ็งช่วยหยุดทะเลาะกันจะได้ไหม..พวกเอ็งสองคนต้องเป็นคู่รักกันในชาติที่แล้วอย่างแน่นอน..แต่ชาติที่แล้วพวกเอ็งไม่เคยทะเลาะกันก็เลยมาทะเลาะกันที่ชาตินี้แทนสินะ”

“ปู่ล้อผมเล่นหรอ..ผมเนี่ยนะเป็นคู่รักกับเธอ..เธอก็แค่ซาลาเปาลูกเล็กๆ สองลูก..มันแย่มากเลย” เย่เชียนพูด

“นายมันหน้าด้านไร้ยางอาย..น่ารังเกียจ!” เซียวหวันนั้นรู้สึกว่าการใช้คำพูดที่หยาบคายกับเย่เชียนเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะอธิบายสิ่งที่เลวร้ายของผู้ชายคนนี้ได้เลย

“ฉันไม่ลดตัวลงไปพูดหยาบคายแบบเธอหรอกนะ” เย่เชียนพูดอย่างเฉยเมย เพราะเขามีประสบการณ์ในการรับมือกับคนประเภทนี้มามากมายเพราะการทะเลาะกันนั้นมักจะถูกระงับด้วยความใจเย็นดังนั้นเขาจึงต้องใจเย็น ซึ่งถ้ามีคนดุด่าตัวเองสักสองสามคำเขาก็จะไม่ตอบโต้และจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน เขาต้องแสร้งทำเป็นหูทนลมและไม่สนใจฝ่ายตรงข้ามอีก

อย่างไรก็ตามมื้ออาหารก็จบลงด้วยการทะเลาะกันด้วยวาจาของเย่เชียนและเซียวหวันจนหวงฟู่ชิงเตี๋ยนสาบานว่าถ้าเขามาพบเย่เชียนอีกในครั้งต่อไปเขาจะไม่พาเซียวหวันมาอีก ไม่เช่นนั้นหูของเขาอาจจะแตกจนไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็ไม่ได้ถามอะไรเย่เชียนอีกต่อไปเพียงคุยกับเย่เชียนต่อเล็กน้อยหลังจากรับประทานอาหารแล้วเขาก็คุยกันสองสามประโยคก่อนที่จะรีบพาจื้อจุนและเซียวหวันออกไป

ไม่กี่วันต่อมาทุกคนก็ล้วนยุ่งกับเรื่องของตัวเองแต่ทว่ามีเพียงเย่เชียนเท่านั้นที่ดูผ่อนคลายที่สุดเพราะเขาใช้เวลาทั้งวันในโรงแรมเพื่อดูทีวี ซึ่งตอนนี้เขาไม่ได้รีบร้อนอะไรเพียงแค่รอให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนต้อนเซอร์เก้วิชพุชกินให้ทำตามแผนของเขาเอง ซึ่งแผนของเย่เชียนเองก็ถูกวางเอาไว้เช่นกันและสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าและองค์กรเซเว่นคิลก็ได้แอบลักลอบเข้าไปในประเทศรัสเซียอย่างเงียบๆ แล้วเพื่อเตรียมการเบื้องต้น

ส่วนเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นเขาก็ยุ่งวุ่นวายอย่างมากในตอนนี้และเขาก็ไม่กล้าที่จะละเลยหรือเพิกเฉยเลยแม้แต่น้อย เพราะหลังจากที่แม่ม่ายดำจือเหวินโอนที่ดินให้กับเซอร์เก้วิชพุชกินแล้วเขาก็ไปติดสินบนกับหน่วยงานของรัฐบาลหลายแห่งและทำลายสิทธิ์การพัฒนาทั้งหมดของโครงการอื่นๆ โดนขณะนี้เซอร์เก้วิชพุชกินก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจากับบริษัทก่อสร้างห้างสรรพสินค้าและเริ่มกำหนดการก่อสร้างทันที

อย่างไรก็ตามนี่ก็ไม่ใช่โครงการเล็กๆ เพราะมันต้องสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อยู่บนพื้นดินที่เป็นหลุมเป็นอุโมงค์และต้องสร้างท่อจำนวนมาก ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือคนงานก่อสร้างเหล่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เซอร์เก้วิชพุชกินจัดหามาจากประเทศรัสเซียเมื่อเขาเริ่มก่อตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างและถือว่าบุคลากรทั้งหมดเป็นคนของเขาและยิ่งไปกว่านั้นหน่วยงานของรัฐบาลก็ตั้งใจให้เป็นแบบนี้เช่นกันเพราะที่ดินผืนนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลจึงไม่มีอะไรรบกวนประชาชน ดังนั้นการขุดอุโมงค์จึงเป็นเรื่องที่ง่ายอย่างมาก

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาอารมณ์ของเซอร์เก้วิชพุชกินก็ดูมีความสุขอย่างมากเพราะเขาไม่สามารถอดกลั้นความสุขเอาไว้ได้เพราะในไม่ช้าแผนการของเขาก็จะสำเร็จเสร็จสมบูรณ์แล้วและเขาก็จะได้เห็นแหล่งน้ำมันในประเทศรัสเซียและนั่นก็คือความมั่งคั่งอันมหาศาลและเป็นแรงผลักดันอย่างมหาศาลสำหรับอนาคตของเขาเอง ในตอนนี้เซอร์เก้วิชพุชกินดูเหมือนจะได้เห็นโอกาสอันรุ่งโรจน์ในหน้าที่การงานที่ยอดเยี่ยมของเขาในฐานะผู้ชนะที่แท้จริง ดังนั้นใครหน้าไหนที่บอกว่ามันไม่มีอนาคตสำหรับการเป็นสุนัขรับใช้กัน? ซึ่งตอนนี้เซอร์เก้วิชพุชกินก็รู้สึกว่าอนาคตของเขานั้นไม่ได้มีเส้นทางที่จำกัดอีกต่อไปแล้ว

แน่นอนว่าทุกการเคลื่อนไหวของเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นไม่ได้หลบซ่อนจากสายตาของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนได้เลย เพราะถึงแม้ว่าเขาจะพาจื้อจุนและเซียวหวันมาด้วยในครั้งนี้แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเลย เพราะแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันของเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็รู้อย่างชัดเจนเพราะจะมีคนคอยติดตามเซอร์เก้วิชพุชกินตลอด 24 ชั่วโมง

แน่นอนว่าเซอร์เก้วิชพุชกินนั้นก็รู้ดีว่าโครงการนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายต่อการรักษาความลับ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเขาจึงทำการว่าจ้างสมาชิกทหารรับจ้างจิ้งจอกหิมะมามากกว่าหนึ่งโหลจากประเทศรัสเซียเพื่อความปลอดภัย ของสถานที่ก่อสร้างนั่นเอง

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+