ยอดนักรบจอมราชัน 165 บทเรียนในการมอบของขวัญ

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 165 บทเรียนในการมอบของขวัญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หวังเหว่ย! นี่คือการประดิษฐ์อักษรของหวังเหว่ย!” หวังปิงพูดอย่างตื่นเต้นหลังจากที่ได้เห็นผลงาน “คุณลักษณะและเอกลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการประดิษฐ์อักษรของหวังเหว่ยที่เป็นผลงานชิ้นเอก มันจะต้องมีภาพในกวีนิพนธ์และบทกวีประกอบอยู่ในภาพ! ดูในภาพนี้สิ! มันเป็นภาพที่สวยงามอย่างธรรมชาติมาก! ในขณะเดียวกันมันยังเผยให้เห็นถึงความน่าสนใจของวิถีชีวิตที่สบายและสงบสุข… หวังเหว่ยนั้นเป็นตัวแทนของภูมิทัศน์แห่งกวีนิพนธ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยราชวงศ์ถัง! การประดิษฐ์อักษรโบราณของเขานั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอื่นสามารถลอกเลียนแบบได้!”

เย่เชียนแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยและถามด้วยความประหลาดใจว่า “ท่านหวังปิง! นี่เป็นผลงานของหวังเหว่ยจริง ๆ เหรอ ? ผมคิดว่าคนขายเขาโกหกผมเสียอีก ฮ่า ๆ ๆ คุณคงรู้ว่าผมน่ะเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการประดิษฐ์อักษรเลย แต่พอผมเห็นคนขายเขาพูดอย่างเคร่งขรึมและจริงจัง ซึ่งเขานั้นยังเป็นผู้มีพระคุณของผมอีก และในตอนนั้นผมรู้ว่าเขามีปัญหาทางการเงินผมจึงช่วยตอบแทนเขาด้วยการซื้อมา”

“โอ้… เสี่ยวเย่! ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เสี่ยวเย่รู้มั้ยว่าภาพวาดชิ้นนี้มันมีมูลค่าเท่าไรในตลาดน่ะ” หวังปิงถาม ส่วนเย่เชียนส่ายหัว จากนั้นหวังปิงก็พูดต่อ “ผลงานชิ้นนี้มันมีมูลค่าอย่างน้อย ๆ เลยนะ สองล้านเหรียญสหรัฐ! นั่นคือแค่ขั้นต่ำของมันนะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดและล้ำค่ามากที่สุดมันไม่ใช่ราคา แต่เป็นคุณค่าทางวัฒนธรรม สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการประดิษฐ์อักษรหรือนักค้นคว้าทางประวัติศาสตร์แล้วนั้น ภาพวาดชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของโลกเลยก็ว่าได้!”

“จากสิ่งที่ท่านหวังปิงพูดมานั้น แสดงว่าผมโชคดีพบสมบัติเข้าแล้วจริง ๆ สินะ ฮ่า ๆ ๆ ” เย่เชียนพูดต่อ “ในเมื่อท่านหวังปิงเป็นผู้ที่ชื่นชอบผลงานการประดิษฐ์อักษรขนาดนี้ งั้นคุณช่วยหาคนวงในมาซื้อมันไปจากผมหน่อยสิ”

“หือ ? เสี่ยวเย่ต้องการขายภาพวาดนี้หรือ ? เสี่ยวเย่คิดดีแล้วหรือยัง ? ผลงานชิ้นนี้มันมีค่ามหาศาลเลยนะ!” หวังปิงพูดด้วยความประหลาดใจ

“ผมเป็นแค่เด็กที่เข้าไม่ถึงรสนิยมแบบนี้ ผมไม่รู้จะเก็บมันเอาไว้ชื่นชมยังไงจริง ๆ ถ้าผมเก็บเอาไว้มันก็เปล่าประโยชน์สู้ขายเอาเงินยังจะดีเสียกว่า” เย่เชียนยิ้มและพูดต่อ “ผมไม่สามารถเข้าถึงมันได้จริง ๆ ครับ ท่านหวังปิงอย่างโกรธเคืองผมเลย”

“เสี่ยวเย่! ถ้าเสี่ยวเย่อยากขายจริง ๆ ก็ขายให้ฉันสิ” หวังปิงพูดอย่างเร่งรีบ “เสี่ยวเย่ก็รู้หนิว่าฉันเป็นแฟนตัวยงของการประดิษฐ์อักษรภาพโบราณเหล่านี้ ฮ่า ๆ ๆ ”

“คือ… ถ้าท่านหวังปิงชอบมันขนาดนี้ ท่านก็รับมันไว้เถอะ… ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีและเหมาะสมสำหรับผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่าน!” เย่เชียนพูดด้วยความยินดี

“โอ้! ไม่… ฉันไม่สามารถรับของขวัญที่มีค่ามหาศาลขนาดนี้ได้หรอก” หวังปิงพูดต่ออย่างเร่งรีบ “ในฐานะเพื่อนและมิตรภาพที่ดีของเรา ฉันไม่สามารถปล่อยให้เสี่ยวเย่สูญเสียสิ่งที่มีค่ามากมายขนาดนี้ได้หรอก แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเงินสดมากขนาดนั้น… ฉันขอผ่อนชำระให้เสี่ยวเย่เป็นงวด ๆ ไปก็แล้วกัน เสี่ยวเย่โอเคกับมันมั้ย ?”

“ในเมื่อท่านหวังปิงพูดมาเช่นนั้นแล้ว ผมก็ขอยอมรับอย่างนอบน้อมครับ ผมซื้อสิ่งนี้มาในราคาสองล้านแต่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐมันเป็นเพียงสกุลเงินหยวน เพราะงั้นผมจะขายให้คุณสองล้านหยวนตามราคาเดิมที่ผมซื้อมา… อีกอย่างผมไม่ได้รีบใช้เงิน ท่านหวังปิงก็ไม่ต้องรีบร้อนหรอกนะครับ” เย่เชียนพูด

ทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดีว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดมาทั้งหมดมันเป็นเพียงพิธีการ หวังปิงก็เห็นได้ชัดเช่นกันว่าเย่เชียนกำลังโกหกเขาอยู่ เพราะไม่ว่าคนคนนั้นจะโง่เขลาเพียงใดก็ตาม แต่พวกเขาก็จะไม่ใช้เงินจำนวนมากไปกับการซื้อผลงานการประดิษฐ์อักษรที่พวกเขาไม่รู้คุณค่าของมัน นอกจากนี้คนที่ขายผลงานชิ้นนี้ให้กับเย่เชียนก็คงไม่ใช่คนโง่ขนาดที่จะขายของมูลค่าขั้นต่ำสองล้านเหรียญสหรัฐในราคาสองล้านหยวนให้กับเย่เชียน ต่อให้คนคนนั้นร้อนเงินแค่ไหนก็ตาม แต่พ่อค้าของโบราณที่ได้ครอบครองของเช่นนี้แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขายในราคาสองล้านหยวน!

แน่นอนว่าเย่เชียนนั้นเข้าใจดีว่าถึงเขาจะพูดจาอย่างมีชั้นเชิงเช่นนั้น แต่หวังปิงก็เข้าใจความหมายที่แท้จริงของมันได้อย่างง่ายดาย ทว่าในการมอบและให้ของขวัญนั้น เราต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับพิธีการในการให้ของขวัญอย่างมาก ถึงแม้ว่าในรูปแบบของเย่เชียนนั้นจะไม่ใช่แบบดั้งเดิมแต่ก็ไม่ได้ล้าสมัยเช่นกัน เพราะถึงยังไงหวังปิงก็มีความสนใจในการประดิษฐ์อักษรและภาพโบราณอย่างมากที่สุด

หลังจากที่ออกจากบ้านของหวังปิงแล้ว เย่เชียนก็ขับรถพาแจ็คกลับไปส่ง และภาพวาดนั้นก็ถูกวางเอาไว้โดยธรรมชาติ เพราะหวังปิงพูดด้วยวาจาด้วยตัวเองและยืนกรานที่จะซื้อมัน

“บอส! นี่มันไม่มากไปหน่อยเหรอ ?” แจ็คอดไม่ได้ที่จะถามในขณะที่พวกเขาอยู่ในรถ

เย่เชียนยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “การลงทุนที่สูงมันก็จะให้ผลตอบแทนที่สูง… นอกจากนี้แล้วฉันก็ยังสามารถหาภาพวาดเหล่านั้นได้อีกตั้งมากมาย นี่มันแค่ชิ้นเดียวเอง และเพียงแค่ชิ้นเดียว ฉันก็สามารถดึงเขามาอยู่ฝ่ายเดียวกับฉันได้แล้ว!”

แจ็คพยักหน้าและพูดว่า “ก็ฟังดูมีเหตุผลดี… หากไม่จ่ายอะไรเลยก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ ถึงเราจะจ่ายไปมากสักแค่ไหน แต่ผมก็เชื่อว่าการตอบแทนนั้นมันจะกลับมาเป็นจำนวนมากกว่าเดิม! บอส… ตอนนี้สำหรับทางกฎหมายนั้นเราได้รับการตัดสินและอนุมัติทั้งหมดแล้ว เราจึงไม่มีปัญหาอะไร สิ่งต่อไปที่จะต้องทำก็คือจัดการกับพวกอาชญากรและพวกใต้ดิน”

“ตอนนี้เรายังไม่ต้องรีบร้อนหรอก เพราะตอนนี้ชิงกรุ๊ป หงเหมินกรุ๊ปและตงเซียนกรุ๊ปต่างก็กำลังต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และยังมีสงครามเบื้องหลังลับ ๆ อีก ฉันเชื่อว่าพวกเขายังไม่มีเวลาจัดการกับเราหรอก แต่สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจก็คือทำไมแก๊งชิงถึงยังไม่เคลื่อนไหวอะไร เพราะขนาดเราไปหยามถึงเขตพื้นที่ของพวกนั้น แต่พวกนั้นก็ไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อย ๆ พวกนั้นก็ควรจะส่งใครสักคนมาเจรจากับเราสิ” เย่เชียนขมวดคิ้วแน่น เขาไม่สามารถเข้าใจเจตนาของแก๊งชิงได้เลยแม้แต่น้อย “แจ็ค! นายต้องให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของแก๊งชิงมากกว่านี้นะ”

“รับทราบครับบอส!” แจ็คพยักหน้าและตอบกลับ

“นอกจากนี้ผู้ที่มีศักยภาพและคุณสมบัติในการเข้าร่วมกับกลุ่มเขี้ยวหมาป่าต้องไม่ใช่แค่ทักษะที่ดีเท่านั้นนะ แต่ยังทดสอบตัวตนของพวกเขาด้วยโดยเฉพาะอดีตทหาร เพราะคนเหล่านั้นได้เรียนรู้ถึงความรักชาติที่แข็งแกร่งในขณะที่พวกเขาอยู่ในกองทัพ หากเราต้องการกำจัดศัตรูให้สิ้นซากล่ะก็ เราก็ต้องใช้เวลาและวิธีการที่เหมาะสม อย่าลืมกำชับให้ชิงเฟิงใส่ใจกับ

การฝึกอย่างรอบคอบด้วย เจ้าเด็กนั่นมันขี้เล่นเกินไป… เขาควรทำตัวให้เหมาะสมมากกว่านี้หน่อยในบางเรื่อง” เย่เชียนพูดอย่างจริงจัง

“ได้เลยบอส… ผมมีวิธีแล้วล่ะ” แจ็คพูด

เย่เชียนหัวเราะและพูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะกลายเป็นคนขี้บ่นไปแล้วสินะ ที่ฉันสามารถพักผ่อนได้อย่างผ่อนคลายและสบายใจก็เพราะฉันมีนายคอยดูแลเรื่องต่าง ๆ ให้ฉันนะ ฉันเชื่อมั่นในตัวนายมาก รู้ใช่มั้ย ?”

“พวกเราทุกคนก็ทำเพื่อกลุ่มเขี้ยวหมาป่ากันทั้งหมดนั่นแหละบอส” แจ็คพูด

เย่เชียนฉีกยิ้มและพยักหน้า

หลังจากส่งแจ็คที่สำนักงานของไอร่อนบลัดเรียบร้อยแล้ว เย่เชียนก็กลับไปที่บ้านของฉินหยู เมื่อคืนก่อนเขาถูกซ่งหลันทรมานทั้งคืน เขาจึงไม่ได้กลับไปที่นั่น ฉะนั้นคืนนี้เขาก็อยากที่จะนอนหลับอย่างสบาย เพราะการได้นอนกับผู้หญิงที่เซ็กซี่และเร่าร้อนอย่างซ่งหลันแต่กลับทำอะไรไม่ได้นั้นมันทรมานเจียนตาย

ทว่าสิ่งที่ทำให้เย่เชียนสงสัยมากที่สุดในตอนนี้คือตัวตนของหูวเค่อ เพราะแม้แต่เครือข่ายหน่วยสืบราชการลับของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าและเครือข่ายข่าวกรองธุรกิจที่ซ่งหลันก่อตั้งขึ้นสำหรับบริษัทน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะค้นพบอะไรเกี่ยวกับตัวตนของหูวเค่อได้เลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าตัวตนของเธอนั้นไม่ใช่ธรรมดาแน่ ๆ อาจเป็นไปได้ว่าเธอนั้นเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรลับในประเทศจีนเหมือนกับกลุ่มเขี้ยวหมาป่า

หลังจากที่จอดรถแล้วเย่เชียนก็เดินเข้าไปในบ้าน แต่คืนนี้มีบางอย่างที่ดูแตกต่างออกไป เพราะบ้านหลังนี้เงียบจนผิดปกติ ซึ่งเดิมทีใครก็ตามที่อยู่ในละแวกนี้จะได้ยินเสียงของจ้าวหยาโวยวายอยู่ในบ้าน เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้องพลางคิดในใจว่า ‘เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ ?’ เมื่อคิดเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็ลดเสียงฝีเท้าลงและเดินเข้าไปข้างในอย่างช้า ๆ พร้อมกับดึงมีดหมาป่าสีเลือดออกมาจากเอวของเขา

ยิ่งไปกว่านั้นตัวมีดหมาป่าสีเลือดเองก็ดูราวกับว่ามันจะสามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายบางอย่าง เพราะใบมีดเริ่มเปล่งจิตสังหารและเจตนาฆ่าออกมาอย่างชัดเจน…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 165 บทเรียนในการมอบของขวัญ

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 165 บทเรียนในการมอบของขวัญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หวังเหว่ย! นี่คือการประดิษฐ์อักษรของหวังเหว่ย!” หวังปิงพูดอย่างตื่นเต้นหลังจากที่ได้เห็นผลงาน “คุณลักษณะและเอกลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการประดิษฐ์อักษรของหวังเหว่ยที่เป็นผลงานชิ้นเอก มันจะต้องมีภาพในกวีนิพนธ์และบทกวีประกอบอยู่ในภาพ! ดูในภาพนี้สิ! มันเป็นภาพที่สวยงามอย่างธรรมชาติมาก! ในขณะเดียวกันมันยังเผยให้เห็นถึงความน่าสนใจของวิถีชีวิตที่สบายและสงบสุข… หวังเหว่ยนั้นเป็นตัวแทนของภูมิทัศน์แห่งกวีนิพนธ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยราชวงศ์ถัง! การประดิษฐ์อักษรโบราณของเขานั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอื่นสามารถลอกเลียนแบบได้!”

เย่เชียนแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยและถามด้วยความประหลาดใจว่า “ท่านหวังปิง! นี่เป็นผลงานของหวังเหว่ยจริง ๆ เหรอ ? ผมคิดว่าคนขายเขาโกหกผมเสียอีก ฮ่า ๆ ๆ คุณคงรู้ว่าผมน่ะเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการประดิษฐ์อักษรเลย แต่พอผมเห็นคนขายเขาพูดอย่างเคร่งขรึมและจริงจัง ซึ่งเขานั้นยังเป็นผู้มีพระคุณของผมอีก และในตอนนั้นผมรู้ว่าเขามีปัญหาทางการเงินผมจึงช่วยตอบแทนเขาด้วยการซื้อมา”

“โอ้… เสี่ยวเย่! ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เสี่ยวเย่รู้มั้ยว่าภาพวาดชิ้นนี้มันมีมูลค่าเท่าไรในตลาดน่ะ” หวังปิงถาม ส่วนเย่เชียนส่ายหัว จากนั้นหวังปิงก็พูดต่อ “ผลงานชิ้นนี้มันมีมูลค่าอย่างน้อย ๆ เลยนะ สองล้านเหรียญสหรัฐ! นั่นคือแค่ขั้นต่ำของมันนะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดและล้ำค่ามากที่สุดมันไม่ใช่ราคา แต่เป็นคุณค่าทางวัฒนธรรม สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการประดิษฐ์อักษรหรือนักค้นคว้าทางประวัติศาสตร์แล้วนั้น ภาพวาดชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของโลกเลยก็ว่าได้!”

“จากสิ่งที่ท่านหวังปิงพูดมานั้น แสดงว่าผมโชคดีพบสมบัติเข้าแล้วจริง ๆ สินะ ฮ่า ๆ ๆ ” เย่เชียนพูดต่อ “ในเมื่อท่านหวังปิงเป็นผู้ที่ชื่นชอบผลงานการประดิษฐ์อักษรขนาดนี้ งั้นคุณช่วยหาคนวงในมาซื้อมันไปจากผมหน่อยสิ”

“หือ ? เสี่ยวเย่ต้องการขายภาพวาดนี้หรือ ? เสี่ยวเย่คิดดีแล้วหรือยัง ? ผลงานชิ้นนี้มันมีค่ามหาศาลเลยนะ!” หวังปิงพูดด้วยความประหลาดใจ

“ผมเป็นแค่เด็กที่เข้าไม่ถึงรสนิยมแบบนี้ ผมไม่รู้จะเก็บมันเอาไว้ชื่นชมยังไงจริง ๆ ถ้าผมเก็บเอาไว้มันก็เปล่าประโยชน์สู้ขายเอาเงินยังจะดีเสียกว่า” เย่เชียนยิ้มและพูดต่อ “ผมไม่สามารถเข้าถึงมันได้จริง ๆ ครับ ท่านหวังปิงอย่างโกรธเคืองผมเลย”

“เสี่ยวเย่! ถ้าเสี่ยวเย่อยากขายจริง ๆ ก็ขายให้ฉันสิ” หวังปิงพูดอย่างเร่งรีบ “เสี่ยวเย่ก็รู้หนิว่าฉันเป็นแฟนตัวยงของการประดิษฐ์อักษรภาพโบราณเหล่านี้ ฮ่า ๆ ๆ ”

“คือ… ถ้าท่านหวังปิงชอบมันขนาดนี้ ท่านก็รับมันไว้เถอะ… ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีและเหมาะสมสำหรับผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่าน!” เย่เชียนพูดด้วยความยินดี

“โอ้! ไม่… ฉันไม่สามารถรับของขวัญที่มีค่ามหาศาลขนาดนี้ได้หรอก” หวังปิงพูดต่ออย่างเร่งรีบ “ในฐานะเพื่อนและมิตรภาพที่ดีของเรา ฉันไม่สามารถปล่อยให้เสี่ยวเย่สูญเสียสิ่งที่มีค่ามากมายขนาดนี้ได้หรอก แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเงินสดมากขนาดนั้น… ฉันขอผ่อนชำระให้เสี่ยวเย่เป็นงวด ๆ ไปก็แล้วกัน เสี่ยวเย่โอเคกับมันมั้ย ?”

“ในเมื่อท่านหวังปิงพูดมาเช่นนั้นแล้ว ผมก็ขอยอมรับอย่างนอบน้อมครับ ผมซื้อสิ่งนี้มาในราคาสองล้านแต่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐมันเป็นเพียงสกุลเงินหยวน เพราะงั้นผมจะขายให้คุณสองล้านหยวนตามราคาเดิมที่ผมซื้อมา… อีกอย่างผมไม่ได้รีบใช้เงิน ท่านหวังปิงก็ไม่ต้องรีบร้อนหรอกนะครับ” เย่เชียนพูด

ทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดีว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดมาทั้งหมดมันเป็นเพียงพิธีการ หวังปิงก็เห็นได้ชัดเช่นกันว่าเย่เชียนกำลังโกหกเขาอยู่ เพราะไม่ว่าคนคนนั้นจะโง่เขลาเพียงใดก็ตาม แต่พวกเขาก็จะไม่ใช้เงินจำนวนมากไปกับการซื้อผลงานการประดิษฐ์อักษรที่พวกเขาไม่รู้คุณค่าของมัน นอกจากนี้คนที่ขายผลงานชิ้นนี้ให้กับเย่เชียนก็คงไม่ใช่คนโง่ขนาดที่จะขายของมูลค่าขั้นต่ำสองล้านเหรียญสหรัฐในราคาสองล้านหยวนให้กับเย่เชียน ต่อให้คนคนนั้นร้อนเงินแค่ไหนก็ตาม แต่พ่อค้าของโบราณที่ได้ครอบครองของเช่นนี้แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขายในราคาสองล้านหยวน!

แน่นอนว่าเย่เชียนนั้นเข้าใจดีว่าถึงเขาจะพูดจาอย่างมีชั้นเชิงเช่นนั้น แต่หวังปิงก็เข้าใจความหมายที่แท้จริงของมันได้อย่างง่ายดาย ทว่าในการมอบและให้ของขวัญนั้น เราต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับพิธีการในการให้ของขวัญอย่างมาก ถึงแม้ว่าในรูปแบบของเย่เชียนนั้นจะไม่ใช่แบบดั้งเดิมแต่ก็ไม่ได้ล้าสมัยเช่นกัน เพราะถึงยังไงหวังปิงก็มีความสนใจในการประดิษฐ์อักษรและภาพโบราณอย่างมากที่สุด

หลังจากที่ออกจากบ้านของหวังปิงแล้ว เย่เชียนก็ขับรถพาแจ็คกลับไปส่ง และภาพวาดนั้นก็ถูกวางเอาไว้โดยธรรมชาติ เพราะหวังปิงพูดด้วยวาจาด้วยตัวเองและยืนกรานที่จะซื้อมัน

“บอส! นี่มันไม่มากไปหน่อยเหรอ ?” แจ็คอดไม่ได้ที่จะถามในขณะที่พวกเขาอยู่ในรถ

เย่เชียนยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “การลงทุนที่สูงมันก็จะให้ผลตอบแทนที่สูง… นอกจากนี้แล้วฉันก็ยังสามารถหาภาพวาดเหล่านั้นได้อีกตั้งมากมาย นี่มันแค่ชิ้นเดียวเอง และเพียงแค่ชิ้นเดียว ฉันก็สามารถดึงเขามาอยู่ฝ่ายเดียวกับฉันได้แล้ว!”

แจ็คพยักหน้าและพูดว่า “ก็ฟังดูมีเหตุผลดี… หากไม่จ่ายอะไรเลยก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ ถึงเราจะจ่ายไปมากสักแค่ไหน แต่ผมก็เชื่อว่าการตอบแทนนั้นมันจะกลับมาเป็นจำนวนมากกว่าเดิม! บอส… ตอนนี้สำหรับทางกฎหมายนั้นเราได้รับการตัดสินและอนุมัติทั้งหมดแล้ว เราจึงไม่มีปัญหาอะไร สิ่งต่อไปที่จะต้องทำก็คือจัดการกับพวกอาชญากรและพวกใต้ดิน”

“ตอนนี้เรายังไม่ต้องรีบร้อนหรอก เพราะตอนนี้ชิงกรุ๊ป หงเหมินกรุ๊ปและตงเซียนกรุ๊ปต่างก็กำลังต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และยังมีสงครามเบื้องหลังลับ ๆ อีก ฉันเชื่อว่าพวกเขายังไม่มีเวลาจัดการกับเราหรอก แต่สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจก็คือทำไมแก๊งชิงถึงยังไม่เคลื่อนไหวอะไร เพราะขนาดเราไปหยามถึงเขตพื้นที่ของพวกนั้น แต่พวกนั้นก็ไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อย ๆ พวกนั้นก็ควรจะส่งใครสักคนมาเจรจากับเราสิ” เย่เชียนขมวดคิ้วแน่น เขาไม่สามารถเข้าใจเจตนาของแก๊งชิงได้เลยแม้แต่น้อย “แจ็ค! นายต้องให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของแก๊งชิงมากกว่านี้นะ”

“รับทราบครับบอส!” แจ็คพยักหน้าและตอบกลับ

“นอกจากนี้ผู้ที่มีศักยภาพและคุณสมบัติในการเข้าร่วมกับกลุ่มเขี้ยวหมาป่าต้องไม่ใช่แค่ทักษะที่ดีเท่านั้นนะ แต่ยังทดสอบตัวตนของพวกเขาด้วยโดยเฉพาะอดีตทหาร เพราะคนเหล่านั้นได้เรียนรู้ถึงความรักชาติที่แข็งแกร่งในขณะที่พวกเขาอยู่ในกองทัพ หากเราต้องการกำจัดศัตรูให้สิ้นซากล่ะก็ เราก็ต้องใช้เวลาและวิธีการที่เหมาะสม อย่าลืมกำชับให้ชิงเฟิงใส่ใจกับ

การฝึกอย่างรอบคอบด้วย เจ้าเด็กนั่นมันขี้เล่นเกินไป… เขาควรทำตัวให้เหมาะสมมากกว่านี้หน่อยในบางเรื่อง” เย่เชียนพูดอย่างจริงจัง

“ได้เลยบอส… ผมมีวิธีแล้วล่ะ” แจ็คพูด

เย่เชียนหัวเราะและพูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะกลายเป็นคนขี้บ่นไปแล้วสินะ ที่ฉันสามารถพักผ่อนได้อย่างผ่อนคลายและสบายใจก็เพราะฉันมีนายคอยดูแลเรื่องต่าง ๆ ให้ฉันนะ ฉันเชื่อมั่นในตัวนายมาก รู้ใช่มั้ย ?”

“พวกเราทุกคนก็ทำเพื่อกลุ่มเขี้ยวหมาป่ากันทั้งหมดนั่นแหละบอส” แจ็คพูด

เย่เชียนฉีกยิ้มและพยักหน้า

หลังจากส่งแจ็คที่สำนักงานของไอร่อนบลัดเรียบร้อยแล้ว เย่เชียนก็กลับไปที่บ้านของฉินหยู เมื่อคืนก่อนเขาถูกซ่งหลันทรมานทั้งคืน เขาจึงไม่ได้กลับไปที่นั่น ฉะนั้นคืนนี้เขาก็อยากที่จะนอนหลับอย่างสบาย เพราะการได้นอนกับผู้หญิงที่เซ็กซี่และเร่าร้อนอย่างซ่งหลันแต่กลับทำอะไรไม่ได้นั้นมันทรมานเจียนตาย

ทว่าสิ่งที่ทำให้เย่เชียนสงสัยมากที่สุดในตอนนี้คือตัวตนของหูวเค่อ เพราะแม้แต่เครือข่ายหน่วยสืบราชการลับของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าและเครือข่ายข่าวกรองธุรกิจที่ซ่งหลันก่อตั้งขึ้นสำหรับบริษัทน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะค้นพบอะไรเกี่ยวกับตัวตนของหูวเค่อได้เลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าตัวตนของเธอนั้นไม่ใช่ธรรมดาแน่ ๆ อาจเป็นไปได้ว่าเธอนั้นเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรลับในประเทศจีนเหมือนกับกลุ่มเขี้ยวหมาป่า

หลังจากที่จอดรถแล้วเย่เชียนก็เดินเข้าไปในบ้าน แต่คืนนี้มีบางอย่างที่ดูแตกต่างออกไป เพราะบ้านหลังนี้เงียบจนผิดปกติ ซึ่งเดิมทีใครก็ตามที่อยู่ในละแวกนี้จะได้ยินเสียงของจ้าวหยาโวยวายอยู่ในบ้าน เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้องพลางคิดในใจว่า ‘เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ ?’ เมื่อคิดเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็ลดเสียงฝีเท้าลงและเดินเข้าไปข้างในอย่างช้า ๆ พร้อมกับดึงมีดหมาป่าสีเลือดออกมาจากเอวของเขา

ยิ่งไปกว่านั้นตัวมีดหมาป่าสีเลือดเองก็ดูราวกับว่ามันจะสามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายบางอย่าง เพราะใบมีดเริ่มเปล่งจิตสังหารและเจตนาฆ่าออกมาอย่างชัดเจน…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+