ยอดนักรบจอมราชัน 313 คาดไม่ถึง

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 313 คาดไม่ถึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 313 คาดไม่ถึง
คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับผู้หญิงที่สวมหน้ากากมรณะก็คือนากาจิมะชินนะนั่นเอง เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นสวมหน้ากากเอาไว้จึงมองไม่เห็นการแสดงออกและปฏิกิริยาของเธอเลยเธอเพียงมองไปที่นากาจิมะชินนะและตะโกนว่า “ทำไมเธอถึงยังยืนอยู่ที่นี่? ..ทำไมไม่ออกไปจัดการพวกมัน!”

คิ้วของนากาจิมะชินนะก็ขมวดเข้าหากันแน่นและในทันใดนั้นเธอก็คว้ามีดออกมาแล้วแทงเข้าไปที่หน้าอกของผู้หญิงสวมหน้ากาก ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นผู้หญิงสวมหน้ากากก็หลบหลีกและตะคอกว่า “นากาจิมะชินนะ! ..นี่เธอกล้าที่จะทรยศงั้นเหรอ..รู้มั้ยว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง?”

“หึ..ตั้งแต่ที่พวกคุณไล่ฆ่ารุ่นพี่ของฉันตั้งแต่นั้นมาฉันก็ถอดใจจากองค์กรไปแล้ว..ทำไมล่ะ..รุ่นพี่ก็แค่ไปแสวงหาความสุขของเธอเอง..เธอไม่ได้ผิดสักหน่อย!” นากาจิมะชินนะพูด

“เหอะ..เธอก็แค่ไปหลงใหลผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าผู้สง่าผ่าเผยก็แค่นั้น..ส่วนเขาคนนั้นก็คงจะมองว่าเธอเป็นเพียงแค่นักฆ่าเลือดเย็นและโหดเหี้ยมก็แค่นั้น..มันช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี!” ทักษะของผู้หญิงสวมหน้ากากนั้นสูงกว่านากาจิมะชินนะอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอแค่ขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยเธอก็หลีกเลี่ยงการโจมตีของนากาจิมะชินนะได้และปัดมันออกไปในเวลาเดียวกัน ส่วนนากาจิมะชินนะเองก็รวดเร็วและไร้ความปรานีใดๆ เช่นกัน

“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก..ฉันรู้แค่ว่าต่อให้เธอจะไม่สมหวังในสิ่งที่เธอปรารถนาก็ตาม..แต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นความสุขที่สุดสำหรับรุ่นพี่ของฉันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา..ฉันชื่นชมความกล้าหาญของเธอและอิจฉาชีวิตของเธอที่ปราศจากพันธนาการใดๆ” ในระหว่างที่พวกเธอคุยกันพวกเธอต่างก็ผลัดกันโจมตีไปเรื่อยๆ

เย่เชียนที่เฝ้าดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านเพราะมันเป็นเวลาหลายปีมาแล้วถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าซ่งหลันนั้นคอยทำทุกสิ่งทุกอย่างมากมายเพื่อตัวเองแต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยังไม่ยอมรับเธอในหัวใจของเขาแต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกรักเธอแต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ถึงเวลาเพียงเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ที่เขาได้ยินคำพูดของนากาจิมะชินนะแล้วเย่เชียนก็รู้สึกได้ว่าเขานั้นเป็นหนี้ซ่งหลันมากมายมหาศาลและชีวิตทั้งชีวิตนี้เขาก็ไม่สามารถที่จะจ่ายคืนเธอได้เลย

“เอาล่ะ! ..ฉันจะส่งเธอไปเยือนนรกเอง..เพื่อเธอจะได้ไปไล่ตามความฝันและแสวงหาความสุขของเธอเอง..และในไม่ช้าก็เร็วฉันจะไปชำระบัญชีแค้นกับพี่สาวของเธอและส่งยัยนั่นไปหาเธอยังไงล่ะ” เมื่อเสียงของผู้หญิงสวมหน้ากากจบลงในทันใดนั้นการโจมตีของเธอก็รุนแรงขึ้นซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่านากาจิมะชินนะค่อยๆ ทนการโจมตีไม่ไหวไปทีละน้อย

“ชินนะ! ..ไม่ต้องกลัวฉันอยู่ที่นี่แล้ว!” ชิงเฟิงรีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอกและยิงใส่ไปที่ผู้หญิงสวมหน้ากากโดยไม่ลังเลใดๆ แต่ทว่าผู้หญิงสวมหน้ากากคนนั้นก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วโดยกลิ้งหลบไปที่มุมมืดและซ่อนตัวเอาไว้

“หมาป่าแห่งพายุ..ชิงเฟิง?” ผู้หญิงสวมหน้ากากรับรู้ถึงตัวตนของชิงเฟิงได้ในพริบตาเดียว

“ยัยแม่มดเฒ่า! ..แกกล้าทำร้ายชินนะที่รักของฉันงั้นเหรอ..ฉันจะฆ่าแก” ชิงเฟิงรับวิ่งไปข้างหน้าหลังจากที่พูดเช่นนี้จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองนากาจิมะชินนะและถามด้วยความกังวลว่า “เธอเป็นไรมั้ย? ..บาดเจ็บหรือเปล่า..ไม่ต้องห่วง..เดี๋ยวฉันจะไปคิดบัญชีให้!”

นากาจิมะชินนะก็ถึงกับตัวสั่นและจ้องมองไปที่ชิงเฟิงด้วยความประหลาดใจเพราะในสายตาของผู้ชายคนนี้นั้นไม่มีอะไรที่เสแสร้งแกล้งทำเลยมันไม่เหมือนของปลอมและมันก็ไม่เหมือนเด็กที่พูดเกินจริงและโอ้อวดเหมือนที่เขาร่ำลือกันในเขี้ยวหมาป่าเลย

เมื่อเห็นว่าเวลาเหลืออยู่อีกไม่มากแล้วเย่เชียนก็กระโดดลงมาจากหลังคาศาลาอย่างรวดเร็ว “โอ้..ราชาหมาป่าเย่เชียน..เติบโตขึ้นมาแล้วหน้าตาหล่อเหลาดีหนิ..โถ่ๆ ช่างเป็นเกียรติจริงๆ ..แม้แต่ราชาของเหล่าทหารรับจ้างผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังมาด้วยตัวเองแบบนี้” ผู้หญิงสวมหน้ากากพูดโดยไม่มีอาการกระวนกระวายหรือตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย

เย่เชียนก็เฉยชาและหันไปพูดกับชิงเฟิงว่า “ชิงเฟิง! ..พาคุณนากาจิมะชินนะออกไปก่อน..เดี๋ยวที่นี่ฉันจัดการเอง!”

“บอส! …” ชิงเฟิงไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะปล่อยเย่เชียนเอาไว้ที่นี่คนเดียว

“ไปซะ! ..อย่าลืมสิว่านายมีหน้าที่คอยปกป้องคุณนากาจิมะ!” เย่เชียนตะคอกอย่างดุดัน

ชิงเฟิงก็แน่นิ่งไปชั่วขณะและก็พยักหน้าจากนั้นก็พยุงนากาจิมาชินนะขึ้นมาและพากันวิ่งออกไป จากนั้นเย่เชียนก็หันกลับมามองผู้หญิงสวมหน้ากากและแสยะยิ้มจากนั้นก็พูดว่า “ก็ในเมื่อคุณกล้าที่จะส่งคนไปประเทศจีนเพื่อมาโจมตีผมแบบนั้นล่ะก็..คุณก็ควรจะรู้สิว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง! ..วันนี้ผมล่ะสนใจจริงๆ ว่าภายใต้หน้ากากนั้นจะเป็นยังไง? ..ใบหน้าของคุณจะงดงามเหมือนเด็กๆ ของคุณมั้ย?”

ผู้หญิงสวมหน้ากากก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “เห้อ..มันจะไปยากอะไร!” ในขณะที่เธอพูดเธอก็ถอดหน้ากากออกและในทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเหมือนมีเข็มบินพุ่งเข้ามาทิ่มแทงเย่เชียนและก็ขมวดคิ้วจ้องมองเธอ ซึ่งใบหน้าของเธอนั้นเหมือนผิวแตงโมที่เน่าเปื่อยและถูกปกคลุมไปด้วยรอยมีดเฉือน ซึ่งเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึกๆ เข้าไปเพราะเขารู้สึกจุกอกของเขาอย่างมาก

“ทำไม? ..cdจำฉันไม่ได้งั้นเหรอ” ผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่ก็ทิ้งหน้ากากไปและพูดด้วยใบหน้าที่เย้ยหยันและหยอกล้อ

เย่เชียนก็ส่ายหัวเบาๆ และพูดว่า “ผมรู้จักคุณหรอ”

“ฮ่าๆ ..ตลกสิ้นดีนะ..ลืมไปแล้วสินะ..ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก..ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมตอนนี้แกถึงจำหน้าฉันไม่ได้.นั่นมันก็เพราะเขี้ยวหมาป่าของแกยังไงล่ะ!” ผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่พูดออกมาด้วยความทุกข์ทรมานอย่างบ้าคลั่ง

“เขี้ยวหมาป่าไปทำอะไร?” เย่เชียนตกตะลึงไปชั่วขณะและพูดว่า “ผมฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน..แต่ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะ”

“จริงเหรอ? ..แล้วแกคิดว่าคำพูดนั้นมันจะช่วยลบล้างสิ่งเลวร้ายที่พวกแกทำลงไปได้มั้ยล่ะ” ผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่พูดต่อ “ฉันเองก็เคยเป็นผู้หญิงที่งดงามเหมือนดอกไม้ในยามราตรี..แต่ใบหน้านี้กลับถูกพวกหมาป่าของแกทำลาย! ..แต่ก็น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้ฆ่ามันด้วยมือของฉันเอง..มันดันชิงตายไปซะก่อนที่ฉันจะไปฆ่ามัน..ยังไงก็เถอะฉันก็สาบานเอาไว้แล้วว่าฉันจะไม่ยอมปล่อยพวกเขี้ยวหมาป่าไปถึงแม้ว่าไอ้นั่นมันจะตายไปแล้วก็เถอะ..ถึงยังไงฉันก็จะทำลายเขี้ยวหมาป่า..และหลังจากนั้นฉันก็จะไปขุดหลุมศพของพวกแกและหั่นร่างของพวกแกแล้วถามว่าทำไมพวกแกถึงต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย!”

หัวใจของเย่เชียนก็ถึงกับสั่นสะท้านทันทีที่นึกถึงสิ่งที่กัปตันเทียนเฟิงพูดเอาไว้ก่อนตาย ดังนั้นเย่เชียนจึงถามอย่างไม่แน่ใจว่า “คุณคือมารุยาม่า..มิซูกิใช่มั้ย?”

“ในที่สุดก็จำได้แล้วสินะไอ้หนู..ดูเหมือนว่าเอ็งคงยังไม่ลืมสินะ” มารุยาม่ามิซูกิพูด

เย่เชียนจ้องมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าของเขาและนึกถึงผู้หญิงตนหนึ่งในความทรงจำวัยเด็กของเขาได้ซึ่งเธอคนนั้นคือมารุยาม่ามิซูกินั่นเองซึ่งในเวลานั้นก็มีกัปตันเทียนเฟิงและจู้จือด้วย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เย่เชียนเข้ามาในเขี้ยวหมาป่าและยิ่งไปกว่านั้นการที่เย่เชียนมีโอกาสได้เข้ามาในเขี้ยวหมาป่านั้นก็เป็นเพราะมารุยาม่ามิซูกิคนนี้นี่เองและเธอก็คอยช่วยเหลือเย่เชียนมามากมายเพราะเธอคือคนที่บอกให้กัปตันเทียนเฟิงรับเย่เชียนเข้ามาในเขี้ยวหมาป่านั้นเอง

เย่เชียนนั้นจำได้ดีว่ากัปตันเทียนเฟิงกับมารุยาม่ามิซูกินั้นเป็นคู่รักกันในเวลานั้นแต่ทว่าต่อมาก็ไม่รู้ว่าทำไมมารุยาม่ามิซูกิถึงถอนตัวออกจากเขี้ยวหมาป่าแต่ก็รู้แค่ว่าเธอทะเลาะกับกัปตันเทียนเฟิงอย่างดุเดือดเพียงเท่านั้น แต่ตอนนั้นเธอก็ยังสบายดีและปกติดีแล้วเธอจะกลายเป็นอย่างที่เธอเป็นอยู่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”

“คุณ…คุณคือครูฝึกมารุยาม่ามิซูกิจริงๆ หรอ?” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัวและถามด้วยความประหลาดใจอย่างกระวนกระวายว่า “แล้วๆ ใบหน้าของคุณน่ะ..หน้าของคุณกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”

“มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ..ก็ต้องขอบคุณเจ้าเทียนเฟิงเลย..ทั้งหมดถ้าไม่ใช่เพราะมันฉันจะกลายเป็นอย่างที่ฉันเป็นอยู่ในวันนี้ได้ยังไง! ..เพราะงั้นฉันจึงสร้างองค์กรดาร์คลิลลี่ขึ้นมาเพื่อแก้แค้นเขายังไงล่ะ..แต่ฉันไม่ได้คาดหวังเลยว่ามันจะมาชิงตายก่อนที่ฉันจะได้แก้แค้น..แต่ฉันก็สาบานเอาไว้แล้วว่าฉันจะพยายามถึงที่สุดเพื่อทำลายเขี้ยวหมาป่าให้สิ้น..และหลังจากนั้นอีกไม่กี่ปีต่อมาองค์กรดาร์คลิลลี่ก็ได้รับการว่าจ้างจากพวกยากูซ่ายามากุจิให้ลอบสังหารแกในตอนนั้น..แต่ฉันเองก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างมากเพราะถึงยังไงฉันก็เป็นคนที่พาแกเข้ามาพัวพันกับเขี้ยวหมาป่าเอง..แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะลืมความเกลียดชังนี้ไปได้..เพราะฉันต้องทำลายเขี้ยวหมาป่าให้ได้..ฉันจึงส่งซากูราอิเรย์กะนักฆ่าระดับพระกาฬของดาร์คลิลลี่ไปลอบสังหารแก..แต่ฉันก็ไม่คิดเลยว่าเธอจะไปตกหลุมรักแก..เห้อ..พวกเด็กผู้หญิงเนี่ยช่างโง่อะไรอย่างนี้..แต่ในครั้งนั้นก็ทำให้ฉันได้ตระหนักดีเลยว่าพลังขององค์กรดาร์คลิลลี่ในตอนนั้นยังไม่สามารถต่อกรกับเขี้ยวหมาป่าได้..เพราะงั้นฉันจึงปล่อยไปก่อนและสั่งให้ดาร์คลิลลี่ทั้งหมดไม่เข้าไปแทรกแซงพวกเขี้ยวหมาป่ายังไงล่ะ” มารุยาม่ามิซูกิพูดต่อ “และหลังจากผ่านมาหลายปีในที่สุดมันก็ถึงเวลาแล้ว..ตอนนี้ฉันมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับเขี้ยวหมาป่าได้แล้ว..และฉันก็ไม่เคยลืมความเกลียดชังและความร้าวฉานนี้ไปได้เลย!”

“เดี๋ยวสิ..ผมคิดว่ามันต้องมีความเข้าใจผิดกันในเรื่องนี้อย่างแน่นอน” เย่เชียนพูดอย่างหดหู่ใจ “แล้วทำไมคุณถึงทิ้งเขี้ยวหมาป่าไปตั้งแต่แรกล่ะ..แล้วทำไมใบหน้าของคุณถึงได้เสียโฉมแบบนี้ล่ะ?”

“ทำไม? ..ทำไม..ทำไมงั้นเหรอ..ฮ่าฮ่า!” มารุยาม่ามิซูกิก็หัวเราะอย่างเย้ยหยันและพูดว่า “ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเทียนเฟิงนั่นแหละ..ถ้ามันไม่ใช่เพราะความโง่เขลาของเขาที่ยืนกรานความเป็นดั่งพี่น้องร่วมชีวิตกับจู้จือล่ะก็..ฉันจะลงเอยแบบนี้เหรอ?”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เย่เชียนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอย่างอธิบายไม่ถูกและเย่เชียนก็ยังคงรู้สึกขอบคุณผู้หญิงคนนี้มาโดยตลอดเพราะเธอเป็นดั่งคนที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่เย่เชียนที่พาเย่เชียนเข้ามาในเขี้ยวหมาป่า ซึ่งหลังจากที่มารุยาม่ามิซูกิออกจากเขี้ยวหมาป่าไปแล้วเย่เชียนก็เคยถามกัปตันเทียนเฟิงอยู่หหลายครั้งหลายคราวแต่เทียนเฟิงก็ถอนหายใจกลับมาเพียงเท่านั้นและก็ไม่ได้พูดอะไรใดๆ เลยสักคำ

ในสมัยก่อนนั้นเทียนเฟิง,จู้จือ,มารุยาม่ามิซูกิ เป็นดั่งวีรชนผู้มีความแข็งแกร่งและมีใจนักรบเหมือนกันโดยบังเอิญเพราะฉะนั้นพวกเขาจึงร่วมกันก่อตั้งองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ซึ่งในสมัยนั้นทั้งเทียนเฟิงและจู้จือต่างก็ตกหลุมรักมารุยาม่ามิซูกิเหมือนกันในเวลาเดียวกันแต่ในขณะที่มารุยาม่ามิซูกินั้นมีใจให้กับเทียนเฟิงและก็น่าเสียดายที่เทียนเฟิงนั้นเห็นจู้จือเป็นดั่งพี่น้องและเพราะด้วยความรักกันดั่งพี่น้องนั้นที่เทียนเฟิงมอบให้กับจู้มือมากเกินไป เพราะเมื่อเทียนเฟิงรู้ว่าจู้จือมีใจให้กับมารุยาม่ามิซูกิเช่นนั้นแล้วเทียนเฟิงจึงจงใจแยกตัวออกห่างและพยายามทำให้มารุยาม่ามิซูกิและจู้จือได้รักกันอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อเป็นเช่นนั้นมารุยาม่ามิซูกิก็รู้สึกเสียใจและหลังจากนั้นเธอก็ทะเลาะกับเทียนเฟิงอย่างร้ายแรงและเธอก็ออกจากเขี้ยวหมาป่าไป แต่ทว่าจู้จือก็ยังคงไล่ตามเธอและไปวุ่นวายกับเธออยู่เสมอแต่ก็น่าเสียดายที่มารุยาม่ามิซูกินั้นไม่ได้มีความรักต่อจู้จือเลยแม้แต่น้อยเพราะเทียนเฟิงก็ยังคงติดอยู่ในใจของเธอและด้วยความโกรธเกรี้ยวของจู้จือที่สั่งสมมาเขาจึงทำลายใบหน้าของมารุยาม่ามิซูกิและทำให้เธอไม่กล้าไปเจอหน้าและไม่กล้าไปพบเทียนเฟิงตลอดชีวิต

ซึ่งมารุยาม่ามิซูกิในตอนนั้นก็ตกอยู่ภายใต้ความทุกข์ทรมานที่เลวร้ายและรุนแรมอย่างถาโถมยิ่งยวดและทำให้เธอเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะหลังจากนั้นมาเธอก็มีแต่ความเกลียดชังจู้จือและรวมไปถึงเขี้ยวหมาป่าด้วยและเธอก็สาบานเอาไว้ว่าเธอจะฆ่าทุกคนรวมไปถึงเทียนเฟิงด้วย

หลังจากที่ฟังคำพูดของมารุยาม่ามิซูกิแล้วเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพราะเย่เชียนนั้นไม่เห็นด้วยกับการที่เทียนเฟิงทำเช่นนั้นเลย เพราะความรักนั้นก็คือความรักและนั่นก็คือสิ่งที่ไม่สามารถผลักไสได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งในอีกมุมมองหนึ่งเทียนเฟิงก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรใดๆ เพียงแต่เขาผิดที่ไปให้ความสำคัญกับความเป็นพี่น้องกันมากเกินไป และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นจู้จือเองที่ผิดไม่ใช่เทียนเฟิงเลย ซึ่งจู้จือนั้นก็ได้รับผลกรรมที่สมควรแล้วและได้สิ้นชีพไปแล้วภายใต้เงื้อมมือของหมาป่าผีไป๋ฮวย

“แต่ครูฝึกครับ..คุณอย่าไปโทษกัปตันเลย..เขาน่ะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมาก..เขาไม่เคยคิดเลยว่าจู้จือจะทำแบบนั้น..เพราะตั้งแต่ที่คุณจากไปกัปตันก็คอยถามหาเกี่ยวกับข่าวของคุณมาเสมอ..แต่ก็ไม่พบอะไรเลย” เย่เชียนนั้นไม่คาดคิดเลยว่าผู้นำขององค์กรดาร์คลิลลี่จะเป็นคนที่พาตัวเองเข้ามาในเขี้ยวหมาป่าและเป็นคนที่เปลี่ยนชีวิตของตัวเองเช่นเธอผู้นี้ เย่เชียนไม่เคยคาดคิดเลยว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเช่นนี้

“หึ..เสียใจ? ..เสียใจงั้นเหรอ..ความเสียใจและการขอโทษมันสามารถฟื้นฟูรูปลักษณ์และใบหน้าและจิตใจของฉันก่อนหน้านี้ได้หรือเปล่าล่ะ..ความรู้สึกที่ขอโทษพวกนั้นมันช่วยเยียวยาเวลาที่หายไปของฉันได้มั้ย? ..หลายปีมานี้ฉันต้องสวมหน้ากากและใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมาโดยตลอดและกลัวที่จะออกไปพบปะกับผู้คนเพราะกลัวคนอื่นๆ จะรังเกียจฉัน! ..เห็นมั้ยล่ะ? ..แกยังเห็นฉันเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดเลย..คนที่ผิดทั้งหมดก็คือเทียนเฟิง! ..ถ้าไม่ใช่เพราะมันแล้วฉันก็คงจะไม่เป็นอย่างที่ฉันเป็นอยู่ในทุกวันนี้หรอก..มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะปัดเป่าและลบล้างความเกลียดชังและความร้าวฉานของฉัน! ..ฉันยังเกลียดตัวเองเลย!” มารุยาม่ามิซูกิตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว

ไม่น่าแปลกใจเลยที่มารุยาม่ามิซูกิจะกลายเป็นอย่างที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้เพราะเธอเคยเป็นผู้หญิงที่งดงามและเพียบพร้อมและมีชีวิตชีวาและร่าเริงอยู่เสมอ แต่ทว่าในตอนนี้เธอกลับอยู่ได้แต่ในความมืดหลังหน้ากากของเธอ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะเกลียดผู้ชายอย่างมากจนลึกถึงกระดูกดำ

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 313 คาดไม่ถึง

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 313 คาดไม่ถึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 313 คาดไม่ถึง
คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับผู้หญิงที่สวมหน้ากากมรณะก็คือนากาจิมะชินนะนั่นเอง เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นสวมหน้ากากเอาไว้จึงมองไม่เห็นการแสดงออกและปฏิกิริยาของเธอเลยเธอเพียงมองไปที่นากาจิมะชินนะและตะโกนว่า “ทำไมเธอถึงยังยืนอยู่ที่นี่? ..ทำไมไม่ออกไปจัดการพวกมัน!”

คิ้วของนากาจิมะชินนะก็ขมวดเข้าหากันแน่นและในทันใดนั้นเธอก็คว้ามีดออกมาแล้วแทงเข้าไปที่หน้าอกของผู้หญิงสวมหน้ากาก ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นผู้หญิงสวมหน้ากากก็หลบหลีกและตะคอกว่า “นากาจิมะชินนะ! ..นี่เธอกล้าที่จะทรยศงั้นเหรอ..รู้มั้ยว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง?”

“หึ..ตั้งแต่ที่พวกคุณไล่ฆ่ารุ่นพี่ของฉันตั้งแต่นั้นมาฉันก็ถอดใจจากองค์กรไปแล้ว..ทำไมล่ะ..รุ่นพี่ก็แค่ไปแสวงหาความสุขของเธอเอง..เธอไม่ได้ผิดสักหน่อย!” นากาจิมะชินนะพูด

“เหอะ..เธอก็แค่ไปหลงใหลผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าผู้สง่าผ่าเผยก็แค่นั้น..ส่วนเขาคนนั้นก็คงจะมองว่าเธอเป็นเพียงแค่นักฆ่าเลือดเย็นและโหดเหี้ยมก็แค่นั้น..มันช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี!” ทักษะของผู้หญิงสวมหน้ากากนั้นสูงกว่านากาจิมะชินนะอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอแค่ขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยเธอก็หลีกเลี่ยงการโจมตีของนากาจิมะชินนะได้และปัดมันออกไปในเวลาเดียวกัน ส่วนนากาจิมะชินนะเองก็รวดเร็วและไร้ความปรานีใดๆ เช่นกัน

“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก..ฉันรู้แค่ว่าต่อให้เธอจะไม่สมหวังในสิ่งที่เธอปรารถนาก็ตาม..แต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นความสุขที่สุดสำหรับรุ่นพี่ของฉันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา..ฉันชื่นชมความกล้าหาญของเธอและอิจฉาชีวิตของเธอที่ปราศจากพันธนาการใดๆ” ในระหว่างที่พวกเธอคุยกันพวกเธอต่างก็ผลัดกันโจมตีไปเรื่อยๆ

เย่เชียนที่เฝ้าดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านเพราะมันเป็นเวลาหลายปีมาแล้วถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าซ่งหลันนั้นคอยทำทุกสิ่งทุกอย่างมากมายเพื่อตัวเองแต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยังไม่ยอมรับเธอในหัวใจของเขาแต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกรักเธอแต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ถึงเวลาเพียงเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ที่เขาได้ยินคำพูดของนากาจิมะชินนะแล้วเย่เชียนก็รู้สึกได้ว่าเขานั้นเป็นหนี้ซ่งหลันมากมายมหาศาลและชีวิตทั้งชีวิตนี้เขาก็ไม่สามารถที่จะจ่ายคืนเธอได้เลย

“เอาล่ะ! ..ฉันจะส่งเธอไปเยือนนรกเอง..เพื่อเธอจะได้ไปไล่ตามความฝันและแสวงหาความสุขของเธอเอง..และในไม่ช้าก็เร็วฉันจะไปชำระบัญชีแค้นกับพี่สาวของเธอและส่งยัยนั่นไปหาเธอยังไงล่ะ” เมื่อเสียงของผู้หญิงสวมหน้ากากจบลงในทันใดนั้นการโจมตีของเธอก็รุนแรงขึ้นซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่านากาจิมะชินนะค่อยๆ ทนการโจมตีไม่ไหวไปทีละน้อย

“ชินนะ! ..ไม่ต้องกลัวฉันอยู่ที่นี่แล้ว!” ชิงเฟิงรีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอกและยิงใส่ไปที่ผู้หญิงสวมหน้ากากโดยไม่ลังเลใดๆ แต่ทว่าผู้หญิงสวมหน้ากากคนนั้นก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วโดยกลิ้งหลบไปที่มุมมืดและซ่อนตัวเอาไว้

“หมาป่าแห่งพายุ..ชิงเฟิง?” ผู้หญิงสวมหน้ากากรับรู้ถึงตัวตนของชิงเฟิงได้ในพริบตาเดียว

“ยัยแม่มดเฒ่า! ..แกกล้าทำร้ายชินนะที่รักของฉันงั้นเหรอ..ฉันจะฆ่าแก” ชิงเฟิงรับวิ่งไปข้างหน้าหลังจากที่พูดเช่นนี้จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองนากาจิมะชินนะและถามด้วยความกังวลว่า “เธอเป็นไรมั้ย? ..บาดเจ็บหรือเปล่า..ไม่ต้องห่วง..เดี๋ยวฉันจะไปคิดบัญชีให้!”

นากาจิมะชินนะก็ถึงกับตัวสั่นและจ้องมองไปที่ชิงเฟิงด้วยความประหลาดใจเพราะในสายตาของผู้ชายคนนี้นั้นไม่มีอะไรที่เสแสร้งแกล้งทำเลยมันไม่เหมือนของปลอมและมันก็ไม่เหมือนเด็กที่พูดเกินจริงและโอ้อวดเหมือนที่เขาร่ำลือกันในเขี้ยวหมาป่าเลย

เมื่อเห็นว่าเวลาเหลืออยู่อีกไม่มากแล้วเย่เชียนก็กระโดดลงมาจากหลังคาศาลาอย่างรวดเร็ว “โอ้..ราชาหมาป่าเย่เชียน..เติบโตขึ้นมาแล้วหน้าตาหล่อเหลาดีหนิ..โถ่ๆ ช่างเป็นเกียรติจริงๆ ..แม้แต่ราชาของเหล่าทหารรับจ้างผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังมาด้วยตัวเองแบบนี้” ผู้หญิงสวมหน้ากากพูดโดยไม่มีอาการกระวนกระวายหรือตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย

เย่เชียนก็เฉยชาและหันไปพูดกับชิงเฟิงว่า “ชิงเฟิง! ..พาคุณนากาจิมะชินนะออกไปก่อน..เดี๋ยวที่นี่ฉันจัดการเอง!”

“บอส! …” ชิงเฟิงไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะปล่อยเย่เชียนเอาไว้ที่นี่คนเดียว

“ไปซะ! ..อย่าลืมสิว่านายมีหน้าที่คอยปกป้องคุณนากาจิมะ!” เย่เชียนตะคอกอย่างดุดัน

ชิงเฟิงก็แน่นิ่งไปชั่วขณะและก็พยักหน้าจากนั้นก็พยุงนากาจิมาชินนะขึ้นมาและพากันวิ่งออกไป จากนั้นเย่เชียนก็หันกลับมามองผู้หญิงสวมหน้ากากและแสยะยิ้มจากนั้นก็พูดว่า “ก็ในเมื่อคุณกล้าที่จะส่งคนไปประเทศจีนเพื่อมาโจมตีผมแบบนั้นล่ะก็..คุณก็ควรจะรู้สิว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง! ..วันนี้ผมล่ะสนใจจริงๆ ว่าภายใต้หน้ากากนั้นจะเป็นยังไง? ..ใบหน้าของคุณจะงดงามเหมือนเด็กๆ ของคุณมั้ย?”

ผู้หญิงสวมหน้ากากก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “เห้อ..มันจะไปยากอะไร!” ในขณะที่เธอพูดเธอก็ถอดหน้ากากออกและในทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเหมือนมีเข็มบินพุ่งเข้ามาทิ่มแทงเย่เชียนและก็ขมวดคิ้วจ้องมองเธอ ซึ่งใบหน้าของเธอนั้นเหมือนผิวแตงโมที่เน่าเปื่อยและถูกปกคลุมไปด้วยรอยมีดเฉือน ซึ่งเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึกๆ เข้าไปเพราะเขารู้สึกจุกอกของเขาอย่างมาก

“ทำไม? ..cdจำฉันไม่ได้งั้นเหรอ” ผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่ก็ทิ้งหน้ากากไปและพูดด้วยใบหน้าที่เย้ยหยันและหยอกล้อ

เย่เชียนก็ส่ายหัวเบาๆ และพูดว่า “ผมรู้จักคุณหรอ”

“ฮ่าๆ ..ตลกสิ้นดีนะ..ลืมไปแล้วสินะ..ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก..ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมตอนนี้แกถึงจำหน้าฉันไม่ได้.นั่นมันก็เพราะเขี้ยวหมาป่าของแกยังไงล่ะ!” ผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่พูดออกมาด้วยความทุกข์ทรมานอย่างบ้าคลั่ง

“เขี้ยวหมาป่าไปทำอะไร?” เย่เชียนตกตะลึงไปชั่วขณะและพูดว่า “ผมฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน..แต่ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะ”

“จริงเหรอ? ..แล้วแกคิดว่าคำพูดนั้นมันจะช่วยลบล้างสิ่งเลวร้ายที่พวกแกทำลงไปได้มั้ยล่ะ” ผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่พูดต่อ “ฉันเองก็เคยเป็นผู้หญิงที่งดงามเหมือนดอกไม้ในยามราตรี..แต่ใบหน้านี้กลับถูกพวกหมาป่าของแกทำลาย! ..แต่ก็น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้ฆ่ามันด้วยมือของฉันเอง..มันดันชิงตายไปซะก่อนที่ฉันจะไปฆ่ามัน..ยังไงก็เถอะฉันก็สาบานเอาไว้แล้วว่าฉันจะไม่ยอมปล่อยพวกเขี้ยวหมาป่าไปถึงแม้ว่าไอ้นั่นมันจะตายไปแล้วก็เถอะ..ถึงยังไงฉันก็จะทำลายเขี้ยวหมาป่า..และหลังจากนั้นฉันก็จะไปขุดหลุมศพของพวกแกและหั่นร่างของพวกแกแล้วถามว่าทำไมพวกแกถึงต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย!”

หัวใจของเย่เชียนก็ถึงกับสั่นสะท้านทันทีที่นึกถึงสิ่งที่กัปตันเทียนเฟิงพูดเอาไว้ก่อนตาย ดังนั้นเย่เชียนจึงถามอย่างไม่แน่ใจว่า “คุณคือมารุยาม่า..มิซูกิใช่มั้ย?”

“ในที่สุดก็จำได้แล้วสินะไอ้หนู..ดูเหมือนว่าเอ็งคงยังไม่ลืมสินะ” มารุยาม่ามิซูกิพูด

เย่เชียนจ้องมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าของเขาและนึกถึงผู้หญิงตนหนึ่งในความทรงจำวัยเด็กของเขาได้ซึ่งเธอคนนั้นคือมารุยาม่ามิซูกินั่นเองซึ่งในเวลานั้นก็มีกัปตันเทียนเฟิงและจู้จือด้วย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เย่เชียนเข้ามาในเขี้ยวหมาป่าและยิ่งไปกว่านั้นการที่เย่เชียนมีโอกาสได้เข้ามาในเขี้ยวหมาป่านั้นก็เป็นเพราะมารุยาม่ามิซูกิคนนี้นี่เองและเธอก็คอยช่วยเหลือเย่เชียนมามากมายเพราะเธอคือคนที่บอกให้กัปตันเทียนเฟิงรับเย่เชียนเข้ามาในเขี้ยวหมาป่านั้นเอง

เย่เชียนนั้นจำได้ดีว่ากัปตันเทียนเฟิงกับมารุยาม่ามิซูกินั้นเป็นคู่รักกันในเวลานั้นแต่ทว่าต่อมาก็ไม่รู้ว่าทำไมมารุยาม่ามิซูกิถึงถอนตัวออกจากเขี้ยวหมาป่าแต่ก็รู้แค่ว่าเธอทะเลาะกับกัปตันเทียนเฟิงอย่างดุเดือดเพียงเท่านั้น แต่ตอนนั้นเธอก็ยังสบายดีและปกติดีแล้วเธอจะกลายเป็นอย่างที่เธอเป็นอยู่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”

“คุณ…คุณคือครูฝึกมารุยาม่ามิซูกิจริงๆ หรอ?” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัวและถามด้วยความประหลาดใจอย่างกระวนกระวายว่า “แล้วๆ ใบหน้าของคุณน่ะ..หน้าของคุณกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”

“มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ..ก็ต้องขอบคุณเจ้าเทียนเฟิงเลย..ทั้งหมดถ้าไม่ใช่เพราะมันฉันจะกลายเป็นอย่างที่ฉันเป็นอยู่ในวันนี้ได้ยังไง! ..เพราะงั้นฉันจึงสร้างองค์กรดาร์คลิลลี่ขึ้นมาเพื่อแก้แค้นเขายังไงล่ะ..แต่ฉันไม่ได้คาดหวังเลยว่ามันจะมาชิงตายก่อนที่ฉันจะได้แก้แค้น..แต่ฉันก็สาบานเอาไว้แล้วว่าฉันจะพยายามถึงที่สุดเพื่อทำลายเขี้ยวหมาป่าให้สิ้น..และหลังจากนั้นอีกไม่กี่ปีต่อมาองค์กรดาร์คลิลลี่ก็ได้รับการว่าจ้างจากพวกยากูซ่ายามากุจิให้ลอบสังหารแกในตอนนั้น..แต่ฉันเองก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างมากเพราะถึงยังไงฉันก็เป็นคนที่พาแกเข้ามาพัวพันกับเขี้ยวหมาป่าเอง..แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะลืมความเกลียดชังนี้ไปได้..เพราะฉันต้องทำลายเขี้ยวหมาป่าให้ได้..ฉันจึงส่งซากูราอิเรย์กะนักฆ่าระดับพระกาฬของดาร์คลิลลี่ไปลอบสังหารแก..แต่ฉันก็ไม่คิดเลยว่าเธอจะไปตกหลุมรักแก..เห้อ..พวกเด็กผู้หญิงเนี่ยช่างโง่อะไรอย่างนี้..แต่ในครั้งนั้นก็ทำให้ฉันได้ตระหนักดีเลยว่าพลังขององค์กรดาร์คลิลลี่ในตอนนั้นยังไม่สามารถต่อกรกับเขี้ยวหมาป่าได้..เพราะงั้นฉันจึงปล่อยไปก่อนและสั่งให้ดาร์คลิลลี่ทั้งหมดไม่เข้าไปแทรกแซงพวกเขี้ยวหมาป่ายังไงล่ะ” มารุยาม่ามิซูกิพูดต่อ “และหลังจากผ่านมาหลายปีในที่สุดมันก็ถึงเวลาแล้ว..ตอนนี้ฉันมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับเขี้ยวหมาป่าได้แล้ว..และฉันก็ไม่เคยลืมความเกลียดชังและความร้าวฉานนี้ไปได้เลย!”

“เดี๋ยวสิ..ผมคิดว่ามันต้องมีความเข้าใจผิดกันในเรื่องนี้อย่างแน่นอน” เย่เชียนพูดอย่างหดหู่ใจ “แล้วทำไมคุณถึงทิ้งเขี้ยวหมาป่าไปตั้งแต่แรกล่ะ..แล้วทำไมใบหน้าของคุณถึงได้เสียโฉมแบบนี้ล่ะ?”

“ทำไม? ..ทำไม..ทำไมงั้นเหรอ..ฮ่าฮ่า!” มารุยาม่ามิซูกิก็หัวเราะอย่างเย้ยหยันและพูดว่า “ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเทียนเฟิงนั่นแหละ..ถ้ามันไม่ใช่เพราะความโง่เขลาของเขาที่ยืนกรานความเป็นดั่งพี่น้องร่วมชีวิตกับจู้จือล่ะก็..ฉันจะลงเอยแบบนี้เหรอ?”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เย่เชียนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอย่างอธิบายไม่ถูกและเย่เชียนก็ยังคงรู้สึกขอบคุณผู้หญิงคนนี้มาโดยตลอดเพราะเธอเป็นดั่งคนที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่เย่เชียนที่พาเย่เชียนเข้ามาในเขี้ยวหมาป่า ซึ่งหลังจากที่มารุยาม่ามิซูกิออกจากเขี้ยวหมาป่าไปแล้วเย่เชียนก็เคยถามกัปตันเทียนเฟิงอยู่หหลายครั้งหลายคราวแต่เทียนเฟิงก็ถอนหายใจกลับมาเพียงเท่านั้นและก็ไม่ได้พูดอะไรใดๆ เลยสักคำ

ในสมัยก่อนนั้นเทียนเฟิง,จู้จือ,มารุยาม่ามิซูกิ เป็นดั่งวีรชนผู้มีความแข็งแกร่งและมีใจนักรบเหมือนกันโดยบังเอิญเพราะฉะนั้นพวกเขาจึงร่วมกันก่อตั้งองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ซึ่งในสมัยนั้นทั้งเทียนเฟิงและจู้จือต่างก็ตกหลุมรักมารุยาม่ามิซูกิเหมือนกันในเวลาเดียวกันแต่ในขณะที่มารุยาม่ามิซูกินั้นมีใจให้กับเทียนเฟิงและก็น่าเสียดายที่เทียนเฟิงนั้นเห็นจู้จือเป็นดั่งพี่น้องและเพราะด้วยความรักกันดั่งพี่น้องนั้นที่เทียนเฟิงมอบให้กับจู้มือมากเกินไป เพราะเมื่อเทียนเฟิงรู้ว่าจู้จือมีใจให้กับมารุยาม่ามิซูกิเช่นนั้นแล้วเทียนเฟิงจึงจงใจแยกตัวออกห่างและพยายามทำให้มารุยาม่ามิซูกิและจู้จือได้รักกันอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อเป็นเช่นนั้นมารุยาม่ามิซูกิก็รู้สึกเสียใจและหลังจากนั้นเธอก็ทะเลาะกับเทียนเฟิงอย่างร้ายแรงและเธอก็ออกจากเขี้ยวหมาป่าไป แต่ทว่าจู้จือก็ยังคงไล่ตามเธอและไปวุ่นวายกับเธออยู่เสมอแต่ก็น่าเสียดายที่มารุยาม่ามิซูกินั้นไม่ได้มีความรักต่อจู้จือเลยแม้แต่น้อยเพราะเทียนเฟิงก็ยังคงติดอยู่ในใจของเธอและด้วยความโกรธเกรี้ยวของจู้จือที่สั่งสมมาเขาจึงทำลายใบหน้าของมารุยาม่ามิซูกิและทำให้เธอไม่กล้าไปเจอหน้าและไม่กล้าไปพบเทียนเฟิงตลอดชีวิต

ซึ่งมารุยาม่ามิซูกิในตอนนั้นก็ตกอยู่ภายใต้ความทุกข์ทรมานที่เลวร้ายและรุนแรมอย่างถาโถมยิ่งยวดและทำให้เธอเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะหลังจากนั้นมาเธอก็มีแต่ความเกลียดชังจู้จือและรวมไปถึงเขี้ยวหมาป่าด้วยและเธอก็สาบานเอาไว้ว่าเธอจะฆ่าทุกคนรวมไปถึงเทียนเฟิงด้วย

หลังจากที่ฟังคำพูดของมารุยาม่ามิซูกิแล้วเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพราะเย่เชียนนั้นไม่เห็นด้วยกับการที่เทียนเฟิงทำเช่นนั้นเลย เพราะความรักนั้นก็คือความรักและนั่นก็คือสิ่งที่ไม่สามารถผลักไสได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งในอีกมุมมองหนึ่งเทียนเฟิงก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรใดๆ เพียงแต่เขาผิดที่ไปให้ความสำคัญกับความเป็นพี่น้องกันมากเกินไป และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นจู้จือเองที่ผิดไม่ใช่เทียนเฟิงเลย ซึ่งจู้จือนั้นก็ได้รับผลกรรมที่สมควรแล้วและได้สิ้นชีพไปแล้วภายใต้เงื้อมมือของหมาป่าผีไป๋ฮวย

“แต่ครูฝึกครับ..คุณอย่าไปโทษกัปตันเลย..เขาน่ะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมาก..เขาไม่เคยคิดเลยว่าจู้จือจะทำแบบนั้น..เพราะตั้งแต่ที่คุณจากไปกัปตันก็คอยถามหาเกี่ยวกับข่าวของคุณมาเสมอ..แต่ก็ไม่พบอะไรเลย” เย่เชียนนั้นไม่คาดคิดเลยว่าผู้นำขององค์กรดาร์คลิลลี่จะเป็นคนที่พาตัวเองเข้ามาในเขี้ยวหมาป่าและเป็นคนที่เปลี่ยนชีวิตของตัวเองเช่นเธอผู้นี้ เย่เชียนไม่เคยคาดคิดเลยว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเช่นนี้

“หึ..เสียใจ? ..เสียใจงั้นเหรอ..ความเสียใจและการขอโทษมันสามารถฟื้นฟูรูปลักษณ์และใบหน้าและจิตใจของฉันก่อนหน้านี้ได้หรือเปล่าล่ะ..ความรู้สึกที่ขอโทษพวกนั้นมันช่วยเยียวยาเวลาที่หายไปของฉันได้มั้ย? ..หลายปีมานี้ฉันต้องสวมหน้ากากและใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมาโดยตลอดและกลัวที่จะออกไปพบปะกับผู้คนเพราะกลัวคนอื่นๆ จะรังเกียจฉัน! ..เห็นมั้ยล่ะ? ..แกยังเห็นฉันเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดเลย..คนที่ผิดทั้งหมดก็คือเทียนเฟิง! ..ถ้าไม่ใช่เพราะมันแล้วฉันก็คงจะไม่เป็นอย่างที่ฉันเป็นอยู่ในทุกวันนี้หรอก..มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะปัดเป่าและลบล้างความเกลียดชังและความร้าวฉานของฉัน! ..ฉันยังเกลียดตัวเองเลย!” มารุยาม่ามิซูกิตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว

ไม่น่าแปลกใจเลยที่มารุยาม่ามิซูกิจะกลายเป็นอย่างที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้เพราะเธอเคยเป็นผู้หญิงที่งดงามและเพียบพร้อมและมีชีวิตชีวาและร่าเริงอยู่เสมอ แต่ทว่าในตอนนี้เธอกลับอยู่ได้แต่ในความมืดหลังหน้ากากของเธอ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะเกลียดผู้ชายอย่างมากจนลึกถึงกระดูกดำ

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 313 คาดไม่ถึง

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 313 คาดไม่ถึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 313 คาดไม่ถึง
คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับผู้หญิงที่สวมหน้ากากมรณะก็คือนากาจิมะชินนะนั่นเอง เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นสวมหน้ากากเอาไว้จึงมองไม่เห็นการแสดงออกและปฏิกิริยาของเธอเลยเธอเพียงมองไปที่นากาจิมะชินนะและตะโกนว่า “ทำไมเธอถึงยังยืนอยู่ที่นี่? ..ทำไมไม่ออกไปจัดการพวกมัน!”

คิ้วของนากาจิมะชินนะก็ขมวดเข้าหากันแน่นและในทันใดนั้นเธอก็คว้ามีดออกมาแล้วแทงเข้าไปที่หน้าอกของผู้หญิงสวมหน้ากาก ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นผู้หญิงสวมหน้ากากก็หลบหลีกและตะคอกว่า “นากาจิมะชินนะ! ..นี่เธอกล้าที่จะทรยศงั้นเหรอ..รู้มั้ยว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง?”

“หึ..ตั้งแต่ที่พวกคุณไล่ฆ่ารุ่นพี่ของฉันตั้งแต่นั้นมาฉันก็ถอดใจจากองค์กรไปแล้ว..ทำไมล่ะ..รุ่นพี่ก็แค่ไปแสวงหาความสุขของเธอเอง..เธอไม่ได้ผิดสักหน่อย!” นากาจิมะชินนะพูด

“เหอะ..เธอก็แค่ไปหลงใหลผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าผู้สง่าผ่าเผยก็แค่นั้น..ส่วนเขาคนนั้นก็คงจะมองว่าเธอเป็นเพียงแค่นักฆ่าเลือดเย็นและโหดเหี้ยมก็แค่นั้น..มันช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี!” ทักษะของผู้หญิงสวมหน้ากากนั้นสูงกว่านากาจิมะชินนะอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอแค่ขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยเธอก็หลีกเลี่ยงการโจมตีของนากาจิมะชินนะได้และปัดมันออกไปในเวลาเดียวกัน ส่วนนากาจิมะชินนะเองก็รวดเร็วและไร้ความปรานีใดๆ เช่นกัน

“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก..ฉันรู้แค่ว่าต่อให้เธอจะไม่สมหวังในสิ่งที่เธอปรารถนาก็ตาม..แต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นความสุขที่สุดสำหรับรุ่นพี่ของฉันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา..ฉันชื่นชมความกล้าหาญของเธอและอิจฉาชีวิตของเธอที่ปราศจากพันธนาการใดๆ” ในระหว่างที่พวกเธอคุยกันพวกเธอต่างก็ผลัดกันโจมตีไปเรื่อยๆ

เย่เชียนที่เฝ้าดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านเพราะมันเป็นเวลาหลายปีมาแล้วถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าซ่งหลันนั้นคอยทำทุกสิ่งทุกอย่างมากมายเพื่อตัวเองแต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยังไม่ยอมรับเธอในหัวใจของเขาแต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกรักเธอแต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ถึงเวลาเพียงเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ที่เขาได้ยินคำพูดของนากาจิมะชินนะแล้วเย่เชียนก็รู้สึกได้ว่าเขานั้นเป็นหนี้ซ่งหลันมากมายมหาศาลและชีวิตทั้งชีวิตนี้เขาก็ไม่สามารถที่จะจ่ายคืนเธอได้เลย

“เอาล่ะ! ..ฉันจะส่งเธอไปเยือนนรกเอง..เพื่อเธอจะได้ไปไล่ตามความฝันและแสวงหาความสุขของเธอเอง..และในไม่ช้าก็เร็วฉันจะไปชำระบัญชีแค้นกับพี่สาวของเธอและส่งยัยนั่นไปหาเธอยังไงล่ะ” เมื่อเสียงของผู้หญิงสวมหน้ากากจบลงในทันใดนั้นการโจมตีของเธอก็รุนแรงขึ้นซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่านากาจิมะชินนะค่อยๆ ทนการโจมตีไม่ไหวไปทีละน้อย

“ชินนะ! ..ไม่ต้องกลัวฉันอยู่ที่นี่แล้ว!” ชิงเฟิงรีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอกและยิงใส่ไปที่ผู้หญิงสวมหน้ากากโดยไม่ลังเลใดๆ แต่ทว่าผู้หญิงสวมหน้ากากคนนั้นก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วโดยกลิ้งหลบไปที่มุมมืดและซ่อนตัวเอาไว้

“หมาป่าแห่งพายุ..ชิงเฟิง?” ผู้หญิงสวมหน้ากากรับรู้ถึงตัวตนของชิงเฟิงได้ในพริบตาเดียว

“ยัยแม่มดเฒ่า! ..แกกล้าทำร้ายชินนะที่รักของฉันงั้นเหรอ..ฉันจะฆ่าแก” ชิงเฟิงรับวิ่งไปข้างหน้าหลังจากที่พูดเช่นนี้จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองนากาจิมะชินนะและถามด้วยความกังวลว่า “เธอเป็นไรมั้ย? ..บาดเจ็บหรือเปล่า..ไม่ต้องห่วง..เดี๋ยวฉันจะไปคิดบัญชีให้!”

นากาจิมะชินนะก็ถึงกับตัวสั่นและจ้องมองไปที่ชิงเฟิงด้วยความประหลาดใจเพราะในสายตาของผู้ชายคนนี้นั้นไม่มีอะไรที่เสแสร้งแกล้งทำเลยมันไม่เหมือนของปลอมและมันก็ไม่เหมือนเด็กที่พูดเกินจริงและโอ้อวดเหมือนที่เขาร่ำลือกันในเขี้ยวหมาป่าเลย

เมื่อเห็นว่าเวลาเหลืออยู่อีกไม่มากแล้วเย่เชียนก็กระโดดลงมาจากหลังคาศาลาอย่างรวดเร็ว “โอ้..ราชาหมาป่าเย่เชียน..เติบโตขึ้นมาแล้วหน้าตาหล่อเหลาดีหนิ..โถ่ๆ ช่างเป็นเกียรติจริงๆ ..แม้แต่ราชาของเหล่าทหารรับจ้างผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังมาด้วยตัวเองแบบนี้” ผู้หญิงสวมหน้ากากพูดโดยไม่มีอาการกระวนกระวายหรือตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย

เย่เชียนก็เฉยชาและหันไปพูดกับชิงเฟิงว่า “ชิงเฟิง! ..พาคุณนากาจิมะชินนะออกไปก่อน..เดี๋ยวที่นี่ฉันจัดการเอง!”

“บอส! …” ชิงเฟิงไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะปล่อยเย่เชียนเอาไว้ที่นี่คนเดียว

“ไปซะ! ..อย่าลืมสิว่านายมีหน้าที่คอยปกป้องคุณนากาจิมะ!” เย่เชียนตะคอกอย่างดุดัน

ชิงเฟิงก็แน่นิ่งไปชั่วขณะและก็พยักหน้าจากนั้นก็พยุงนากาจิมาชินนะขึ้นมาและพากันวิ่งออกไป จากนั้นเย่เชียนก็หันกลับมามองผู้หญิงสวมหน้ากากและแสยะยิ้มจากนั้นก็พูดว่า “ก็ในเมื่อคุณกล้าที่จะส่งคนไปประเทศจีนเพื่อมาโจมตีผมแบบนั้นล่ะก็..คุณก็ควรจะรู้สิว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง! ..วันนี้ผมล่ะสนใจจริงๆ ว่าภายใต้หน้ากากนั้นจะเป็นยังไง? ..ใบหน้าของคุณจะงดงามเหมือนเด็กๆ ของคุณมั้ย?”

ผู้หญิงสวมหน้ากากก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “เห้อ..มันจะไปยากอะไร!” ในขณะที่เธอพูดเธอก็ถอดหน้ากากออกและในทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเหมือนมีเข็มบินพุ่งเข้ามาทิ่มแทงเย่เชียนและก็ขมวดคิ้วจ้องมองเธอ ซึ่งใบหน้าของเธอนั้นเหมือนผิวแตงโมที่เน่าเปื่อยและถูกปกคลุมไปด้วยรอยมีดเฉือน ซึ่งเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึกๆ เข้าไปเพราะเขารู้สึกจุกอกของเขาอย่างมาก

“ทำไม? ..cdจำฉันไม่ได้งั้นเหรอ” ผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่ก็ทิ้งหน้ากากไปและพูดด้วยใบหน้าที่เย้ยหยันและหยอกล้อ

เย่เชียนก็ส่ายหัวเบาๆ และพูดว่า “ผมรู้จักคุณหรอ”

“ฮ่าๆ ..ตลกสิ้นดีนะ..ลืมไปแล้วสินะ..ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก..ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมตอนนี้แกถึงจำหน้าฉันไม่ได้.นั่นมันก็เพราะเขี้ยวหมาป่าของแกยังไงล่ะ!” ผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่พูดออกมาด้วยความทุกข์ทรมานอย่างบ้าคลั่ง

“เขี้ยวหมาป่าไปทำอะไร?” เย่เชียนตกตะลึงไปชั่วขณะและพูดว่า “ผมฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน..แต่ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะ”

“จริงเหรอ? ..แล้วแกคิดว่าคำพูดนั้นมันจะช่วยลบล้างสิ่งเลวร้ายที่พวกแกทำลงไปได้มั้ยล่ะ” ผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่พูดต่อ “ฉันเองก็เคยเป็นผู้หญิงที่งดงามเหมือนดอกไม้ในยามราตรี..แต่ใบหน้านี้กลับถูกพวกหมาป่าของแกทำลาย! ..แต่ก็น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้ฆ่ามันด้วยมือของฉันเอง..มันดันชิงตายไปซะก่อนที่ฉันจะไปฆ่ามัน..ยังไงก็เถอะฉันก็สาบานเอาไว้แล้วว่าฉันจะไม่ยอมปล่อยพวกเขี้ยวหมาป่าไปถึงแม้ว่าไอ้นั่นมันจะตายไปแล้วก็เถอะ..ถึงยังไงฉันก็จะทำลายเขี้ยวหมาป่า..และหลังจากนั้นฉันก็จะไปขุดหลุมศพของพวกแกและหั่นร่างของพวกแกแล้วถามว่าทำไมพวกแกถึงต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย!”

หัวใจของเย่เชียนก็ถึงกับสั่นสะท้านทันทีที่นึกถึงสิ่งที่กัปตันเทียนเฟิงพูดเอาไว้ก่อนตาย ดังนั้นเย่เชียนจึงถามอย่างไม่แน่ใจว่า “คุณคือมารุยาม่า..มิซูกิใช่มั้ย?”

“ในที่สุดก็จำได้แล้วสินะไอ้หนู..ดูเหมือนว่าเอ็งคงยังไม่ลืมสินะ” มารุยาม่ามิซูกิพูด

เย่เชียนจ้องมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าของเขาและนึกถึงผู้หญิงตนหนึ่งในความทรงจำวัยเด็กของเขาได้ซึ่งเธอคนนั้นคือมารุยาม่ามิซูกินั่นเองซึ่งในเวลานั้นก็มีกัปตันเทียนเฟิงและจู้จือด้วย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เย่เชียนเข้ามาในเขี้ยวหมาป่าและยิ่งไปกว่านั้นการที่เย่เชียนมีโอกาสได้เข้ามาในเขี้ยวหมาป่านั้นก็เป็นเพราะมารุยาม่ามิซูกิคนนี้นี่เองและเธอก็คอยช่วยเหลือเย่เชียนมามากมายเพราะเธอคือคนที่บอกให้กัปตันเทียนเฟิงรับเย่เชียนเข้ามาในเขี้ยวหมาป่านั้นเอง

เย่เชียนนั้นจำได้ดีว่ากัปตันเทียนเฟิงกับมารุยาม่ามิซูกินั้นเป็นคู่รักกันในเวลานั้นแต่ทว่าต่อมาก็ไม่รู้ว่าทำไมมารุยาม่ามิซูกิถึงถอนตัวออกจากเขี้ยวหมาป่าแต่ก็รู้แค่ว่าเธอทะเลาะกับกัปตันเทียนเฟิงอย่างดุเดือดเพียงเท่านั้น แต่ตอนนั้นเธอก็ยังสบายดีและปกติดีแล้วเธอจะกลายเป็นอย่างที่เธอเป็นอยู่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”

“คุณ…คุณคือครูฝึกมารุยาม่ามิซูกิจริงๆ หรอ?” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัวและถามด้วยความประหลาดใจอย่างกระวนกระวายว่า “แล้วๆ ใบหน้าของคุณน่ะ..หน้าของคุณกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”

“มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ..ก็ต้องขอบคุณเจ้าเทียนเฟิงเลย..ทั้งหมดถ้าไม่ใช่เพราะมันฉันจะกลายเป็นอย่างที่ฉันเป็นอยู่ในวันนี้ได้ยังไง! ..เพราะงั้นฉันจึงสร้างองค์กรดาร์คลิลลี่ขึ้นมาเพื่อแก้แค้นเขายังไงล่ะ..แต่ฉันไม่ได้คาดหวังเลยว่ามันจะมาชิงตายก่อนที่ฉันจะได้แก้แค้น..แต่ฉันก็สาบานเอาไว้แล้วว่าฉันจะพยายามถึงที่สุดเพื่อทำลายเขี้ยวหมาป่าให้สิ้น..และหลังจากนั้นอีกไม่กี่ปีต่อมาองค์กรดาร์คลิลลี่ก็ได้รับการว่าจ้างจากพวกยากูซ่ายามากุจิให้ลอบสังหารแกในตอนนั้น..แต่ฉันเองก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างมากเพราะถึงยังไงฉันก็เป็นคนที่พาแกเข้ามาพัวพันกับเขี้ยวหมาป่าเอง..แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะลืมความเกลียดชังนี้ไปได้..เพราะฉันต้องทำลายเขี้ยวหมาป่าให้ได้..ฉันจึงส่งซากูราอิเรย์กะนักฆ่าระดับพระกาฬของดาร์คลิลลี่ไปลอบสังหารแก..แต่ฉันก็ไม่คิดเลยว่าเธอจะไปตกหลุมรักแก..เห้อ..พวกเด็กผู้หญิงเนี่ยช่างโง่อะไรอย่างนี้..แต่ในครั้งนั้นก็ทำให้ฉันได้ตระหนักดีเลยว่าพลังขององค์กรดาร์คลิลลี่ในตอนนั้นยังไม่สามารถต่อกรกับเขี้ยวหมาป่าได้..เพราะงั้นฉันจึงปล่อยไปก่อนและสั่งให้ดาร์คลิลลี่ทั้งหมดไม่เข้าไปแทรกแซงพวกเขี้ยวหมาป่ายังไงล่ะ” มารุยาม่ามิซูกิพูดต่อ “และหลังจากผ่านมาหลายปีในที่สุดมันก็ถึงเวลาแล้ว..ตอนนี้ฉันมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับเขี้ยวหมาป่าได้แล้ว..และฉันก็ไม่เคยลืมความเกลียดชังและความร้าวฉานนี้ไปได้เลย!”

“เดี๋ยวสิ..ผมคิดว่ามันต้องมีความเข้าใจผิดกันในเรื่องนี้อย่างแน่นอน” เย่เชียนพูดอย่างหดหู่ใจ “แล้วทำไมคุณถึงทิ้งเขี้ยวหมาป่าไปตั้งแต่แรกล่ะ..แล้วทำไมใบหน้าของคุณถึงได้เสียโฉมแบบนี้ล่ะ?”

“ทำไม? ..ทำไม..ทำไมงั้นเหรอ..ฮ่าฮ่า!” มารุยาม่ามิซูกิก็หัวเราะอย่างเย้ยหยันและพูดว่า “ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเทียนเฟิงนั่นแหละ..ถ้ามันไม่ใช่เพราะความโง่เขลาของเขาที่ยืนกรานความเป็นดั่งพี่น้องร่วมชีวิตกับจู้จือล่ะก็..ฉันจะลงเอยแบบนี้เหรอ?”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เย่เชียนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอย่างอธิบายไม่ถูกและเย่เชียนก็ยังคงรู้สึกขอบคุณผู้หญิงคนนี้มาโดยตลอดเพราะเธอเป็นดั่งคนที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่เย่เชียนที่พาเย่เชียนเข้ามาในเขี้ยวหมาป่า ซึ่งหลังจากที่มารุยาม่ามิซูกิออกจากเขี้ยวหมาป่าไปแล้วเย่เชียนก็เคยถามกัปตันเทียนเฟิงอยู่หหลายครั้งหลายคราวแต่เทียนเฟิงก็ถอนหายใจกลับมาเพียงเท่านั้นและก็ไม่ได้พูดอะไรใดๆ เลยสักคำ

ในสมัยก่อนนั้นเทียนเฟิง,จู้จือ,มารุยาม่ามิซูกิ เป็นดั่งวีรชนผู้มีความแข็งแกร่งและมีใจนักรบเหมือนกันโดยบังเอิญเพราะฉะนั้นพวกเขาจึงร่วมกันก่อตั้งองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ซึ่งในสมัยนั้นทั้งเทียนเฟิงและจู้จือต่างก็ตกหลุมรักมารุยาม่ามิซูกิเหมือนกันในเวลาเดียวกันแต่ในขณะที่มารุยาม่ามิซูกินั้นมีใจให้กับเทียนเฟิงและก็น่าเสียดายที่เทียนเฟิงนั้นเห็นจู้จือเป็นดั่งพี่น้องและเพราะด้วยความรักกันดั่งพี่น้องนั้นที่เทียนเฟิงมอบให้กับจู้มือมากเกินไป เพราะเมื่อเทียนเฟิงรู้ว่าจู้จือมีใจให้กับมารุยาม่ามิซูกิเช่นนั้นแล้วเทียนเฟิงจึงจงใจแยกตัวออกห่างและพยายามทำให้มารุยาม่ามิซูกิและจู้จือได้รักกันอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อเป็นเช่นนั้นมารุยาม่ามิซูกิก็รู้สึกเสียใจและหลังจากนั้นเธอก็ทะเลาะกับเทียนเฟิงอย่างร้ายแรงและเธอก็ออกจากเขี้ยวหมาป่าไป แต่ทว่าจู้จือก็ยังคงไล่ตามเธอและไปวุ่นวายกับเธออยู่เสมอแต่ก็น่าเสียดายที่มารุยาม่ามิซูกินั้นไม่ได้มีความรักต่อจู้จือเลยแม้แต่น้อยเพราะเทียนเฟิงก็ยังคงติดอยู่ในใจของเธอและด้วยความโกรธเกรี้ยวของจู้จือที่สั่งสมมาเขาจึงทำลายใบหน้าของมารุยาม่ามิซูกิและทำให้เธอไม่กล้าไปเจอหน้าและไม่กล้าไปพบเทียนเฟิงตลอดชีวิต

ซึ่งมารุยาม่ามิซูกิในตอนนั้นก็ตกอยู่ภายใต้ความทุกข์ทรมานที่เลวร้ายและรุนแรมอย่างถาโถมยิ่งยวดและทำให้เธอเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะหลังจากนั้นมาเธอก็มีแต่ความเกลียดชังจู้จือและรวมไปถึงเขี้ยวหมาป่าด้วยและเธอก็สาบานเอาไว้ว่าเธอจะฆ่าทุกคนรวมไปถึงเทียนเฟิงด้วย

หลังจากที่ฟังคำพูดของมารุยาม่ามิซูกิแล้วเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพราะเย่เชียนนั้นไม่เห็นด้วยกับการที่เทียนเฟิงทำเช่นนั้นเลย เพราะความรักนั้นก็คือความรักและนั่นก็คือสิ่งที่ไม่สามารถผลักไสได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งในอีกมุมมองหนึ่งเทียนเฟิงก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรใดๆ เพียงแต่เขาผิดที่ไปให้ความสำคัญกับความเป็นพี่น้องกันมากเกินไป และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นจู้จือเองที่ผิดไม่ใช่เทียนเฟิงเลย ซึ่งจู้จือนั้นก็ได้รับผลกรรมที่สมควรแล้วและได้สิ้นชีพไปแล้วภายใต้เงื้อมมือของหมาป่าผีไป๋ฮวย

“แต่ครูฝึกครับ..คุณอย่าไปโทษกัปตันเลย..เขาน่ะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมาก..เขาไม่เคยคิดเลยว่าจู้จือจะทำแบบนั้น..เพราะตั้งแต่ที่คุณจากไปกัปตันก็คอยถามหาเกี่ยวกับข่าวของคุณมาเสมอ..แต่ก็ไม่พบอะไรเลย” เย่เชียนนั้นไม่คาดคิดเลยว่าผู้นำขององค์กรดาร์คลิลลี่จะเป็นคนที่พาตัวเองเข้ามาในเขี้ยวหมาป่าและเป็นคนที่เปลี่ยนชีวิตของตัวเองเช่นเธอผู้นี้ เย่เชียนไม่เคยคาดคิดเลยว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเช่นนี้

“หึ..เสียใจ? ..เสียใจงั้นเหรอ..ความเสียใจและการขอโทษมันสามารถฟื้นฟูรูปลักษณ์และใบหน้าและจิตใจของฉันก่อนหน้านี้ได้หรือเปล่าล่ะ..ความรู้สึกที่ขอโทษพวกนั้นมันช่วยเยียวยาเวลาที่หายไปของฉันได้มั้ย? ..หลายปีมานี้ฉันต้องสวมหน้ากากและใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมาโดยตลอดและกลัวที่จะออกไปพบปะกับผู้คนเพราะกลัวคนอื่นๆ จะรังเกียจฉัน! ..เห็นมั้ยล่ะ? ..แกยังเห็นฉันเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดเลย..คนที่ผิดทั้งหมดก็คือเทียนเฟิง! ..ถ้าไม่ใช่เพราะมันแล้วฉันก็คงจะไม่เป็นอย่างที่ฉันเป็นอยู่ในทุกวันนี้หรอก..มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะปัดเป่าและลบล้างความเกลียดชังและความร้าวฉานของฉัน! ..ฉันยังเกลียดตัวเองเลย!” มารุยาม่ามิซูกิตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว

ไม่น่าแปลกใจเลยที่มารุยาม่ามิซูกิจะกลายเป็นอย่างที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้เพราะเธอเคยเป็นผู้หญิงที่งดงามและเพียบพร้อมและมีชีวิตชีวาและร่าเริงอยู่เสมอ แต่ทว่าในตอนนี้เธอกลับอยู่ได้แต่ในความมืดหลังหน้ากากของเธอ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะเกลียดผู้ชายอย่างมากจนลึกถึงกระดูกดำ

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 313 คาดไม่ถึง

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 313 คาดไม่ถึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 313 คาดไม่ถึง
คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับผู้หญิงที่สวมหน้ากากมรณะก็คือนากาจิมะชินนะนั่นเอง เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นสวมหน้ากากเอาไว้จึงมองไม่เห็นการแสดงออกและปฏิกิริยาของเธอเลยเธอเพียงมองไปที่นากาจิมะชินนะและตะโกนว่า “ทำไมเธอถึงยังยืนอยู่ที่นี่? ..ทำไมไม่ออกไปจัดการพวกมัน!”

คิ้วของนากาจิมะชินนะก็ขมวดเข้าหากันแน่นและในทันใดนั้นเธอก็คว้ามีดออกมาแล้วแทงเข้าไปที่หน้าอกของผู้หญิงสวมหน้ากาก ซึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นผู้หญิงสวมหน้ากากก็หลบหลีกและตะคอกว่า “นากาจิมะชินนะ! ..นี่เธอกล้าที่จะทรยศงั้นเหรอ..รู้มั้ยว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง?”

“หึ..ตั้งแต่ที่พวกคุณไล่ฆ่ารุ่นพี่ของฉันตั้งแต่นั้นมาฉันก็ถอดใจจากองค์กรไปแล้ว..ทำไมล่ะ..รุ่นพี่ก็แค่ไปแสวงหาความสุขของเธอเอง..เธอไม่ได้ผิดสักหน่อย!” นากาจิมะชินนะพูด

“เหอะ..เธอก็แค่ไปหลงใหลผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าผู้สง่าผ่าเผยก็แค่นั้น..ส่วนเขาคนนั้นก็คงจะมองว่าเธอเป็นเพียงแค่นักฆ่าเลือดเย็นและโหดเหี้ยมก็แค่นั้น..มันช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี!” ทักษะของผู้หญิงสวมหน้ากากนั้นสูงกว่านากาจิมะชินนะอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอแค่ขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยเธอก็หลีกเลี่ยงการโจมตีของนากาจิมะชินนะได้และปัดมันออกไปในเวลาเดียวกัน ส่วนนากาจิมะชินนะเองก็รวดเร็วและไร้ความปรานีใดๆ เช่นกัน

“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก..ฉันรู้แค่ว่าต่อให้เธอจะไม่สมหวังในสิ่งที่เธอปรารถนาก็ตาม..แต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นความสุขที่สุดสำหรับรุ่นพี่ของฉันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา..ฉันชื่นชมความกล้าหาญของเธอและอิจฉาชีวิตของเธอที่ปราศจากพันธนาการใดๆ” ในระหว่างที่พวกเธอคุยกันพวกเธอต่างก็ผลัดกันโจมตีไปเรื่อยๆ

เย่เชียนที่เฝ้าดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านเพราะมันเป็นเวลาหลายปีมาแล้วถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าซ่งหลันนั้นคอยทำทุกสิ่งทุกอย่างมากมายเพื่อตัวเองแต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยังไม่ยอมรับเธอในหัวใจของเขาแต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกรักเธอแต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ถึงเวลาเพียงเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ที่เขาได้ยินคำพูดของนากาจิมะชินนะแล้วเย่เชียนก็รู้สึกได้ว่าเขานั้นเป็นหนี้ซ่งหลันมากมายมหาศาลและชีวิตทั้งชีวิตนี้เขาก็ไม่สามารถที่จะจ่ายคืนเธอได้เลย

“เอาล่ะ! ..ฉันจะส่งเธอไปเยือนนรกเอง..เพื่อเธอจะได้ไปไล่ตามความฝันและแสวงหาความสุขของเธอเอง..และในไม่ช้าก็เร็วฉันจะไปชำระบัญชีแค้นกับพี่สาวของเธอและส่งยัยนั่นไปหาเธอยังไงล่ะ” เมื่อเสียงของผู้หญิงสวมหน้ากากจบลงในทันใดนั้นการโจมตีของเธอก็รุนแรงขึ้นซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่านากาจิมะชินนะค่อยๆ ทนการโจมตีไม่ไหวไปทีละน้อย

“ชินนะ! ..ไม่ต้องกลัวฉันอยู่ที่นี่แล้ว!” ชิงเฟิงรีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอกและยิงใส่ไปที่ผู้หญิงสวมหน้ากากโดยไม่ลังเลใดๆ แต่ทว่าผู้หญิงสวมหน้ากากคนนั้นก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วโดยกลิ้งหลบไปที่มุมมืดและซ่อนตัวเอาไว้

“หมาป่าแห่งพายุ..ชิงเฟิง?” ผู้หญิงสวมหน้ากากรับรู้ถึงตัวตนของชิงเฟิงได้ในพริบตาเดียว

“ยัยแม่มดเฒ่า! ..แกกล้าทำร้ายชินนะที่รักของฉันงั้นเหรอ..ฉันจะฆ่าแก” ชิงเฟิงรับวิ่งไปข้างหน้าหลังจากที่พูดเช่นนี้จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองนากาจิมะชินนะและถามด้วยความกังวลว่า “เธอเป็นไรมั้ย? ..บาดเจ็บหรือเปล่า..ไม่ต้องห่วง..เดี๋ยวฉันจะไปคิดบัญชีให้!”

นากาจิมะชินนะก็ถึงกับตัวสั่นและจ้องมองไปที่ชิงเฟิงด้วยความประหลาดใจเพราะในสายตาของผู้ชายคนนี้นั้นไม่มีอะไรที่เสแสร้งแกล้งทำเลยมันไม่เหมือนของปลอมและมันก็ไม่เหมือนเด็กที่พูดเกินจริงและโอ้อวดเหมือนที่เขาร่ำลือกันในเขี้ยวหมาป่าเลย

เมื่อเห็นว่าเวลาเหลืออยู่อีกไม่มากแล้วเย่เชียนก็กระโดดลงมาจากหลังคาศาลาอย่างรวดเร็ว “โอ้..ราชาหมาป่าเย่เชียน..เติบโตขึ้นมาแล้วหน้าตาหล่อเหลาดีหนิ..โถ่ๆ ช่างเป็นเกียรติจริงๆ ..แม้แต่ราชาของเหล่าทหารรับจ้างผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังมาด้วยตัวเองแบบนี้” ผู้หญิงสวมหน้ากากพูดโดยไม่มีอาการกระวนกระวายหรือตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย

เย่เชียนก็เฉยชาและหันไปพูดกับชิงเฟิงว่า “ชิงเฟิง! ..พาคุณนากาจิมะชินนะออกไปก่อน..เดี๋ยวที่นี่ฉันจัดการเอง!”

“บอส! …” ชิงเฟิงไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะปล่อยเย่เชียนเอาไว้ที่นี่คนเดียว

“ไปซะ! ..อย่าลืมสิว่านายมีหน้าที่คอยปกป้องคุณนากาจิมะ!” เย่เชียนตะคอกอย่างดุดัน

ชิงเฟิงก็แน่นิ่งไปชั่วขณะและก็พยักหน้าจากนั้นก็พยุงนากาจิมาชินนะขึ้นมาและพากันวิ่งออกไป จากนั้นเย่เชียนก็หันกลับมามองผู้หญิงสวมหน้ากากและแสยะยิ้มจากนั้นก็พูดว่า “ก็ในเมื่อคุณกล้าที่จะส่งคนไปประเทศจีนเพื่อมาโจมตีผมแบบนั้นล่ะก็..คุณก็ควรจะรู้สิว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง! ..วันนี้ผมล่ะสนใจจริงๆ ว่าภายใต้หน้ากากนั้นจะเป็นยังไง? ..ใบหน้าของคุณจะงดงามเหมือนเด็กๆ ของคุณมั้ย?”

ผู้หญิงสวมหน้ากากก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “เห้อ..มันจะไปยากอะไร!” ในขณะที่เธอพูดเธอก็ถอดหน้ากากออกและในทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเหมือนมีเข็มบินพุ่งเข้ามาทิ่มแทงเย่เชียนและก็ขมวดคิ้วจ้องมองเธอ ซึ่งใบหน้าของเธอนั้นเหมือนผิวแตงโมที่เน่าเปื่อยและถูกปกคลุมไปด้วยรอยมีดเฉือน ซึ่งเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึกๆ เข้าไปเพราะเขารู้สึกจุกอกของเขาอย่างมาก

“ทำไม? ..cdจำฉันไม่ได้งั้นเหรอ” ผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่ก็ทิ้งหน้ากากไปและพูดด้วยใบหน้าที่เย้ยหยันและหยอกล้อ

เย่เชียนก็ส่ายหัวเบาๆ และพูดว่า “ผมรู้จักคุณหรอ”

“ฮ่าๆ ..ตลกสิ้นดีนะ..ลืมไปแล้วสินะ..ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก..ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมตอนนี้แกถึงจำหน้าฉันไม่ได้.นั่นมันก็เพราะเขี้ยวหมาป่าของแกยังไงล่ะ!” ผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่พูดออกมาด้วยความทุกข์ทรมานอย่างบ้าคลั่ง

“เขี้ยวหมาป่าไปทำอะไร?” เย่เชียนตกตะลึงไปชั่วขณะและพูดว่า “ผมฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน..แต่ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะ”

“จริงเหรอ? ..แล้วแกคิดว่าคำพูดนั้นมันจะช่วยลบล้างสิ่งเลวร้ายที่พวกแกทำลงไปได้มั้ยล่ะ” ผู้นำองค์กรดาร์คลิลลี่พูดต่อ “ฉันเองก็เคยเป็นผู้หญิงที่งดงามเหมือนดอกไม้ในยามราตรี..แต่ใบหน้านี้กลับถูกพวกหมาป่าของแกทำลาย! ..แต่ก็น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้ฆ่ามันด้วยมือของฉันเอง..มันดันชิงตายไปซะก่อนที่ฉันจะไปฆ่ามัน..ยังไงก็เถอะฉันก็สาบานเอาไว้แล้วว่าฉันจะไม่ยอมปล่อยพวกเขี้ยวหมาป่าไปถึงแม้ว่าไอ้นั่นมันจะตายไปแล้วก็เถอะ..ถึงยังไงฉันก็จะทำลายเขี้ยวหมาป่า..และหลังจากนั้นฉันก็จะไปขุดหลุมศพของพวกแกและหั่นร่างของพวกแกแล้วถามว่าทำไมพวกแกถึงต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย!”

หัวใจของเย่เชียนก็ถึงกับสั่นสะท้านทันทีที่นึกถึงสิ่งที่กัปตันเทียนเฟิงพูดเอาไว้ก่อนตาย ดังนั้นเย่เชียนจึงถามอย่างไม่แน่ใจว่า “คุณคือมารุยาม่า..มิซูกิใช่มั้ย?”

“ในที่สุดก็จำได้แล้วสินะไอ้หนู..ดูเหมือนว่าเอ็งคงยังไม่ลืมสินะ” มารุยาม่ามิซูกิพูด

เย่เชียนจ้องมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าของเขาและนึกถึงผู้หญิงตนหนึ่งในความทรงจำวัยเด็กของเขาได้ซึ่งเธอคนนั้นคือมารุยาม่ามิซูกินั่นเองซึ่งในเวลานั้นก็มีกัปตันเทียนเฟิงและจู้จือด้วย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เย่เชียนเข้ามาในเขี้ยวหมาป่าและยิ่งไปกว่านั้นการที่เย่เชียนมีโอกาสได้เข้ามาในเขี้ยวหมาป่านั้นก็เป็นเพราะมารุยาม่ามิซูกิคนนี้นี่เองและเธอก็คอยช่วยเหลือเย่เชียนมามากมายเพราะเธอคือคนที่บอกให้กัปตันเทียนเฟิงรับเย่เชียนเข้ามาในเขี้ยวหมาป่านั้นเอง

เย่เชียนนั้นจำได้ดีว่ากัปตันเทียนเฟิงกับมารุยาม่ามิซูกินั้นเป็นคู่รักกันในเวลานั้นแต่ทว่าต่อมาก็ไม่รู้ว่าทำไมมารุยาม่ามิซูกิถึงถอนตัวออกจากเขี้ยวหมาป่าแต่ก็รู้แค่ว่าเธอทะเลาะกับกัปตันเทียนเฟิงอย่างดุเดือดเพียงเท่านั้น แต่ตอนนั้นเธอก็ยังสบายดีและปกติดีแล้วเธอจะกลายเป็นอย่างที่เธอเป็นอยู่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”

“คุณ…คุณคือครูฝึกมารุยาม่ามิซูกิจริงๆ หรอ?” เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัวและถามด้วยความประหลาดใจอย่างกระวนกระวายว่า “แล้วๆ ใบหน้าของคุณน่ะ..หน้าของคุณกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”

“มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ..ก็ต้องขอบคุณเจ้าเทียนเฟิงเลย..ทั้งหมดถ้าไม่ใช่เพราะมันฉันจะกลายเป็นอย่างที่ฉันเป็นอยู่ในวันนี้ได้ยังไง! ..เพราะงั้นฉันจึงสร้างองค์กรดาร์คลิลลี่ขึ้นมาเพื่อแก้แค้นเขายังไงล่ะ..แต่ฉันไม่ได้คาดหวังเลยว่ามันจะมาชิงตายก่อนที่ฉันจะได้แก้แค้น..แต่ฉันก็สาบานเอาไว้แล้วว่าฉันจะพยายามถึงที่สุดเพื่อทำลายเขี้ยวหมาป่าให้สิ้น..และหลังจากนั้นอีกไม่กี่ปีต่อมาองค์กรดาร์คลิลลี่ก็ได้รับการว่าจ้างจากพวกยากูซ่ายามากุจิให้ลอบสังหารแกในตอนนั้น..แต่ฉันเองก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างมากเพราะถึงยังไงฉันก็เป็นคนที่พาแกเข้ามาพัวพันกับเขี้ยวหมาป่าเอง..แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะลืมความเกลียดชังนี้ไปได้..เพราะฉันต้องทำลายเขี้ยวหมาป่าให้ได้..ฉันจึงส่งซากูราอิเรย์กะนักฆ่าระดับพระกาฬของดาร์คลิลลี่ไปลอบสังหารแก..แต่ฉันก็ไม่คิดเลยว่าเธอจะไปตกหลุมรักแก..เห้อ..พวกเด็กผู้หญิงเนี่ยช่างโง่อะไรอย่างนี้..แต่ในครั้งนั้นก็ทำให้ฉันได้ตระหนักดีเลยว่าพลังขององค์กรดาร์คลิลลี่ในตอนนั้นยังไม่สามารถต่อกรกับเขี้ยวหมาป่าได้..เพราะงั้นฉันจึงปล่อยไปก่อนและสั่งให้ดาร์คลิลลี่ทั้งหมดไม่เข้าไปแทรกแซงพวกเขี้ยวหมาป่ายังไงล่ะ” มารุยาม่ามิซูกิพูดต่อ “และหลังจากผ่านมาหลายปีในที่สุดมันก็ถึงเวลาแล้ว..ตอนนี้ฉันมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับเขี้ยวหมาป่าได้แล้ว..และฉันก็ไม่เคยลืมความเกลียดชังและความร้าวฉานนี้ไปได้เลย!”

“เดี๋ยวสิ..ผมคิดว่ามันต้องมีความเข้าใจผิดกันในเรื่องนี้อย่างแน่นอน” เย่เชียนพูดอย่างหดหู่ใจ “แล้วทำไมคุณถึงทิ้งเขี้ยวหมาป่าไปตั้งแต่แรกล่ะ..แล้วทำไมใบหน้าของคุณถึงได้เสียโฉมแบบนี้ล่ะ?”

“ทำไม? ..ทำไม..ทำไมงั้นเหรอ..ฮ่าฮ่า!” มารุยาม่ามิซูกิก็หัวเราะอย่างเย้ยหยันและพูดว่า “ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเทียนเฟิงนั่นแหละ..ถ้ามันไม่ใช่เพราะความโง่เขลาของเขาที่ยืนกรานความเป็นดั่งพี่น้องร่วมชีวิตกับจู้จือล่ะก็..ฉันจะลงเอยแบบนี้เหรอ?”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เย่เชียนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอย่างอธิบายไม่ถูกและเย่เชียนก็ยังคงรู้สึกขอบคุณผู้หญิงคนนี้มาโดยตลอดเพราะเธอเป็นดั่งคนที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่เย่เชียนที่พาเย่เชียนเข้ามาในเขี้ยวหมาป่า ซึ่งหลังจากที่มารุยาม่ามิซูกิออกจากเขี้ยวหมาป่าไปแล้วเย่เชียนก็เคยถามกัปตันเทียนเฟิงอยู่หหลายครั้งหลายคราวแต่เทียนเฟิงก็ถอนหายใจกลับมาเพียงเท่านั้นและก็ไม่ได้พูดอะไรใดๆ เลยสักคำ

ในสมัยก่อนนั้นเทียนเฟิง,จู้จือ,มารุยาม่ามิซูกิ เป็นดั่งวีรชนผู้มีความแข็งแกร่งและมีใจนักรบเหมือนกันโดยบังเอิญเพราะฉะนั้นพวกเขาจึงร่วมกันก่อตั้งองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ซึ่งในสมัยนั้นทั้งเทียนเฟิงและจู้จือต่างก็ตกหลุมรักมารุยาม่ามิซูกิเหมือนกันในเวลาเดียวกันแต่ในขณะที่มารุยาม่ามิซูกินั้นมีใจให้กับเทียนเฟิงและก็น่าเสียดายที่เทียนเฟิงนั้นเห็นจู้จือเป็นดั่งพี่น้องและเพราะด้วยความรักกันดั่งพี่น้องนั้นที่เทียนเฟิงมอบให้กับจู้มือมากเกินไป เพราะเมื่อเทียนเฟิงรู้ว่าจู้จือมีใจให้กับมารุยาม่ามิซูกิเช่นนั้นแล้วเทียนเฟิงจึงจงใจแยกตัวออกห่างและพยายามทำให้มารุยาม่ามิซูกิและจู้จือได้รักกันอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อเป็นเช่นนั้นมารุยาม่ามิซูกิก็รู้สึกเสียใจและหลังจากนั้นเธอก็ทะเลาะกับเทียนเฟิงอย่างร้ายแรงและเธอก็ออกจากเขี้ยวหมาป่าไป แต่ทว่าจู้จือก็ยังคงไล่ตามเธอและไปวุ่นวายกับเธออยู่เสมอแต่ก็น่าเสียดายที่มารุยาม่ามิซูกินั้นไม่ได้มีความรักต่อจู้จือเลยแม้แต่น้อยเพราะเทียนเฟิงก็ยังคงติดอยู่ในใจของเธอและด้วยความโกรธเกรี้ยวของจู้จือที่สั่งสมมาเขาจึงทำลายใบหน้าของมารุยาม่ามิซูกิและทำให้เธอไม่กล้าไปเจอหน้าและไม่กล้าไปพบเทียนเฟิงตลอดชีวิต

ซึ่งมารุยาม่ามิซูกิในตอนนั้นก็ตกอยู่ภายใต้ความทุกข์ทรมานที่เลวร้ายและรุนแรมอย่างถาโถมยิ่งยวดและทำให้เธอเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะหลังจากนั้นมาเธอก็มีแต่ความเกลียดชังจู้จือและรวมไปถึงเขี้ยวหมาป่าด้วยและเธอก็สาบานเอาไว้ว่าเธอจะฆ่าทุกคนรวมไปถึงเทียนเฟิงด้วย

หลังจากที่ฟังคำพูดของมารุยาม่ามิซูกิแล้วเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพราะเย่เชียนนั้นไม่เห็นด้วยกับการที่เทียนเฟิงทำเช่นนั้นเลย เพราะความรักนั้นก็คือความรักและนั่นก็คือสิ่งที่ไม่สามารถผลักไสได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งในอีกมุมมองหนึ่งเทียนเฟิงก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรใดๆ เพียงแต่เขาผิดที่ไปให้ความสำคัญกับความเป็นพี่น้องกันมากเกินไป และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นจู้จือเองที่ผิดไม่ใช่เทียนเฟิงเลย ซึ่งจู้จือนั้นก็ได้รับผลกรรมที่สมควรแล้วและได้สิ้นชีพไปแล้วภายใต้เงื้อมมือของหมาป่าผีไป๋ฮวย

“แต่ครูฝึกครับ..คุณอย่าไปโทษกัปตันเลย..เขาน่ะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมาก..เขาไม่เคยคิดเลยว่าจู้จือจะทำแบบนั้น..เพราะตั้งแต่ที่คุณจากไปกัปตันก็คอยถามหาเกี่ยวกับข่าวของคุณมาเสมอ..แต่ก็ไม่พบอะไรเลย” เย่เชียนนั้นไม่คาดคิดเลยว่าผู้นำขององค์กรดาร์คลิลลี่จะเป็นคนที่พาตัวเองเข้ามาในเขี้ยวหมาป่าและเป็นคนที่เปลี่ยนชีวิตของตัวเองเช่นเธอผู้นี้ เย่เชียนไม่เคยคาดคิดเลยว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเช่นนี้

“หึ..เสียใจ? ..เสียใจงั้นเหรอ..ความเสียใจและการขอโทษมันสามารถฟื้นฟูรูปลักษณ์และใบหน้าและจิตใจของฉันก่อนหน้านี้ได้หรือเปล่าล่ะ..ความรู้สึกที่ขอโทษพวกนั้นมันช่วยเยียวยาเวลาที่หายไปของฉันได้มั้ย? ..หลายปีมานี้ฉันต้องสวมหน้ากากและใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมาโดยตลอดและกลัวที่จะออกไปพบปะกับผู้คนเพราะกลัวคนอื่นๆ จะรังเกียจฉัน! ..เห็นมั้ยล่ะ? ..แกยังเห็นฉันเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดเลย..คนที่ผิดทั้งหมดก็คือเทียนเฟิง! ..ถ้าไม่ใช่เพราะมันแล้วฉันก็คงจะไม่เป็นอย่างที่ฉันเป็นอยู่ในทุกวันนี้หรอก..มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะปัดเป่าและลบล้างความเกลียดชังและความร้าวฉานของฉัน! ..ฉันยังเกลียดตัวเองเลย!” มารุยาม่ามิซูกิตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว

ไม่น่าแปลกใจเลยที่มารุยาม่ามิซูกิจะกลายเป็นอย่างที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้เพราะเธอเคยเป็นผู้หญิงที่งดงามและเพียบพร้อมและมีชีวิตชีวาและร่าเริงอยู่เสมอ แต่ทว่าในตอนนี้เธอกลับอยู่ได้แต่ในความมืดหลังหน้ากากของเธอ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะเกลียดผู้ชายอย่างมากจนลึกถึงกระดูกดำ

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+