ยอดนักรบจอมราชัน 336 มุ่งสู่ไต้หวัน

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 336 มุ่งสู่ไต้หวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 336 มุ่งสู่ไต้หวัน
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ครับ..แต่ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยากไปหน่อย..เพราะงั้นผมเลยไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันจะเสร็จสิ้นในเร็วๆ นี้และนอกจากนี้ผมก็ยังต้องเตรียมการเบื้องต้นก่อน”

“ไม่เป็นไรๆ ..มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่จะต้องเตรียมการสิ่งต่างๆ เอาไว้ก่อนน่ะ” หูวหนานเจียนก็ยิ้มและพูดว่า “มันไม่มีข้อกำหนดหรือข้อจำกัดหรอก..คุณสามารถทำตามวิธีการที่คุณต้องการได้เลย”

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนก็แล้วกันครับ..เดี๋ยวเรื่องนี้เราค่อยคุยกันอีกทีเมื่อถึงเวลา” เย่เชียนพูด

หูวหนานเจียนก็อดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปเพราะรู้สึกว่าเย่เชียนนั้นเป็นคนตรงๆ มากเกินไป แต่แล้วเขาก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้งเมื่อตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนโดยรู้ว่าเด็กคนนี้ก็แค่พูดแบบไม่เป็นทางการและเป็นกันเองเพียงเท่านั้นโดยไม่มีความหมายใดๆ แอบแฝง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหูวหนานเจียนก็รู้ดีว่าเย่เชียนนั้นจะไม่ร้องขอสิ่งใดกับคนอื่นอยาแล้วและถึงแม้ว่ามันควรที่จะทำก็ตามถึงยังไงเย่เชียนก็ไม่เคยร้องขออะไรพวกเขาเลย

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะหูวหนานเจียนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เอ่อเสี่ยวเย่..เด็กผู้หญิงคนนี้ก็จะไปกับคุณด้วยนะ..เพื่อความสะดวกในการทำสิ่งต่างๆ เธอจะเป็นคนที่คอยช่วยคุณในอนาคต..ฉันหวังว่าพวกคุณจะร่วมมือกันได้ดีนะ”

เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปชั่วขณะและเขาก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คุณจะไปกับผมหรอ?”

“ทำไมล่ะ? ..คุณไม่ต้องการหรอ?” หูวเค่อค่อยๆ ชำเลืองมองเย่เชียนด้วความคาดหวังและหลังจากนั้นเธอก็กะพริบตาหว่านเสน่ห์ไปที่เย่เชียนขณะพูด

“เอ่อ…ไม่…ไม่ใช่อย่างนั้น..ผมแค่สงสัยว่าท่านรองนายกรัฐมนตรีหูวไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยหรอ..เพราะการร่วมมือกันในระยะยาวระหว่างผมกับหูวเค่อน่ะมันจะทำให้เกิดความใกล้ชิดและก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ยืนยาวแบบนั้นน่ะ” เย่เชียนพูดอย่างประหม่า

หูวหนานเจียนก็ยิ้มกว้างๆ และพูดว่า “ได้อยู่ใกล้ชิดกันมันก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ..แล้วก็นะ..ถึงยังไงเสี่ยวเย่ก็เป็นแฟนของเค่อเอ๋ออยู่แล้วหนิ..อย่าบอกฉันนะว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เสี่ยวเย่ต้องการอยู่แล้วน่ะ..ฉันไม่เชื่อหรอก”

แม้แต่เรื่องแบบนี้หูวเค่อก็ยังบอกปู่ของเธอและทำให้ปู่ของเธอเข้าใจผิดไปได้ถึงขนาดนี้จนเย่เชียนต้องหันไปจ้องมองหูวเค่อด้วยความประหลาดใจอย่างมากและเย่เชียนเองก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ชอบเขาและชอบเพราะอะไร ซึ่งด้วยรูปลักษณ์หน้าตาและความสามารถของเธอนั้นก็เพียบพร้อมอย่างมากและก็มีผู้ชายดีๆ มากมายที่ไล่ตามเธอมาโดยตลอดแล้วเหตุใดเธอถึงได้ชอบเขา? และยิ่งพี่ชายของเธอซงเจิ้งหยวนที่เย่เชียนได้พบครั้งล่าสุดนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะเก่งมากและมีทักษะที่ดีซึ่งทั้งพี่ทั้งสองคู่นี้ต่างก็เพียบพร้อมกันอย่างมาก ซึ่งการที่หูวเค่อจ้องมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้นั้นเย่เชียนก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังแกล้งเขาแต่ทว่าความรู้สึกเช่นนี้นั้นมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเลย

เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงครับ..คุณไม่กังวลเลยหรอว่าสถานะตัวตนที่แท้จริงของผมน่ะจะส่งผลเสียต่ออนาคตของท่านรองนายกรัฐมนตรีหูวน่ะครับ”

“ถ้าแบบนั้นก็ไม่ต้องกังวลไปหรอก..ตัวตนของเสี่ยวเย่น่ะไม่มีผลกระทบต่อหน้าที่การงานของฉันหรอก” หูวหนานเจียนก็พูดว่า “ในอนาคตต่อๆ ไปเสี่ยวเย่ต้องดูแลเค่อเอ๋อให้ดีล่ะ..และก็อย่าลืมประเทศอย่าลืมประชาชนไปล่ะ”

ในทันใดนั้นหูวเค่อก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนแล้วนั่งลงหลังจากนั้นเธอก็ควงแขนของเย่เชียนเอาไว้และพูดว่า “คุณปู่คะ..คุณปู่สัญญากับหนูเอาไว้แล้วหนิว่าคุณปู่จะไม่พูดเรื่องนี้..เรื่องชีวิตคู่ในอนาคตของหนูน่ะ..ให้หนูจัดการเองเถอะค่ะ”

มีแววตาทที่ดูเจ้าเล่ห์อยู่ภายในดวงตาของหูวเค่อคนนี้แต่เย่เชียนนั้นก็มองไม่เห็นซึ่งเขาเพียงแค่หัวเราะแห้งๆ สองครั้งและพูดว่า “นี่คุณพูดอะไรของคุณกันเนี่ย..ผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรด้วยเลย…” จู่ๆ เย่เชียนก็หยุดพูดขณะจ้องมองไปที่หูวหนานเจียนและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและเย่เชียนก็ยิ้มอย่างมีความสุขและเขาก็โน้มตัวเข้าไปข้างๆ หูของหูวเค่อแล้วพูดว่า “อีกอย่างนะ..ผมก็ยังไม่เคยจับมือคุณหรือนอนบนเตียงเดียวกับคุณเลยสักครั้ง..แล้วจะมาพูดว่าเราเป็นแฟนกันได้ยังไง..อย่ามาพูดว่าผมชอบคุณเลย..ผมไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้น”

“ฉันเองก็ไม่ได้ชอบอะไรคุณหนิ..เพราะงั้นคุณก็ทำงานของคุณต่อไปเถอะ!” ใบหน้าของหูวเค่อเริ่มแดงขึ้นมาเล็กน้อยและเย่เชียนก็รู้สึกสับสนไปกับผู้หญิงคนนี้และเขาก็ไม่เข้าใจว่าเธอจริงใจหรือเสแสร้งกันแน่ ซึ่งเย่เชียนนั้นต้องยอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้รับมือได้ยากกว่าหลินโรวโร่ว,ฉินหยู,และจ้าวหยาอีกและแม้แต่ซ่งหลันเองเพราะการเดาใจของเธอนั้นง่ายกว่าและไม่ยากเท่าผู้หญิงคนนี้เลย อย่างไรก็ตามเย่เชียนนั้นก็มีความรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันเพราะถึงแม้ว่าหูวเค่อจะพยายามยั่วยวนหรือหว่านเสน่ห์ใส่เขามากเท่าไหร่แต่ถึงยังไงเย่เชียนก็ไม่กล้าแตะต้องเธอเลย

เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ สองครั้งและพูดว่า “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ผมจะเดินทางไปไต้หวันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า..และการเตรียมการต่างๆ นั้นก็ค่อนข้างลำบาก..และผมก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลและการประชาสัมพันธ์อย่างจริงจังจากสื่อมวลชนอีกด้วย”

“เอ็งต้องการจะทำอะไร?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถามด้วยความประหลาดใจเพราะเขาไม่สามารถเข้าใจถึงความหมายของคำพูดของเย่เชียนเลย หรือจะเป็นไปได้ไหมที่เย่เชียนต้องการที่จะประกาศกร้าวกับสื่อว่าเขากำลังจะไปเยือนไต้หวันเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ และทำให้ไต้หวันสั่นคลอน

“เดี๋ยวผมจะบอกปู่ทีหลัง..ตอนนี้ผมต้องเก็บข้าวของก่อน..เห้อ..ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเมื่อไหร่กัน..ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสได้กล่าวคำอำลากันแล้วสินะ” เย่เชียนพูดและบ่นพึมพำ

“เอาล่ะตอนนี้เราก็คุยกันเสร็จแล้ว..ถ้างั้นเราก็ควรจะแยกย้ายกันได้แล้ว..เอ่อใช่ๆ ..อย่าลืมทำลายเอกสารเหล่านั้นด้วยล่ะ” หูวหนานเจียนยืนขึ้นและพูด

“ได้ครับ!” เย่เชียนพูดต่อ “ท่านรองนายกรัฐมนตรีหูวเดินทางกลับอย่างปลอดภัยนะครับ”

หูวหนานเจียนก็ยิ้มและเดินออกจากห้องพักพร้อมกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยน และเมื่อเห็นพวกเขาออไปกันแล้วเย่เชียนก็ยื่นมือไปเขี่ยคางของหูวเค่อเบาๆ และพูดว่า “สาวน้อยนี่เป็นวิธีการของคุณที่จะส่งแกะน้อยใส่ปากเสืออย่างงั้นเหรอ..อย่านั่งเฉยๆ สิ..รีบมาช่วยผมเก็บกระเป๋าแล้วรีบไปที่สนามบินกันเถอะ!”

เย่เชียนนั้นแค่ล้อเธอเล่นแต่ทว่าหูวเค่อกลับช่วยเขาเก็บข้าวเก็บของซึ่งเธอทำตัวเหมือนภรรยาที่เชื่อฟังอย่างมากจนเย่เชียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่และหลังจากนั้นเย่เชียนก็โน้มตัวลงนอนบนเตียงและหลับตาเพื่อผ่อนคลายและปล่อยให้หูวเค่อเก็บข้าวของแทน

หูวเค่อก็ยุ่งอยู่นานและหลังจากนั้นเธอก็เก็บสัมภาระจำนวนมากเสร็จเรียบร้อยและเย่เชียนก็ลืมตายิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “สาวน้อยคุณออกไปรอข้างนอกก่อนนะ..ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดี๋ยวเราค่อยไปกันเลย”

“ถ้างั้นฉันจะรอคุณนะคะ!” หูวเค่อพูดแล้วหันหลังเดินออกไป ส่วนเย่เชียนก็ถึงกับตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจและเกือบจะสูญเสียอาการไปเพราะถ้าหากเป็นซ่งหลันที่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวนและไพเราะเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็คงจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลย แต่เมื่อเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของหูวเค่อเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็ประหลาดใจอย่างมาก และเย่เชียนก็รู้สึกแปลก ๆ กับหูวเค่อมากขึ้นเรื่อยๆ และมันก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไรกันแน่เพราะผู้หญิงคนนี้มีความลับมากเกินไปและไม่สามารถเข้าใจอะไรเธอได้เลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเย่เชียนก็เดินออกไปด้วยมือเปล่าๆ โดยไม่มีกระเป๋าเดินทางแม้แต่ใบเดียว และเมื่อเห็นเย่เชียนออกมามือเปล่าแล้วหูวเค่อจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “เอ้า! ..ทำไมคุณถึงไม่หยิบกระเป๋าเดินทางมาด้วยล่ะ?”

“อ๋อ..ผมไม่มีกระเป๋าเดินทางหรอก..ผมมีแค่เสื้อผ้าชุดนี้..ก็มันจะลำบากเอาน่ะถ้าต้องเอาของเยอะแยะไปด้วย”

ใบหน้าของหูวเค่อก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อยและภายในดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง “ไอ้คนบ้าหนิ..แล้วทำไมคุณถึงปล่อยให้ฉันเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเดินทางด้วยล่ะ? ..ได้! ..คุณแกล้งฉันใช่มั้ย..เดี๋ยวก็รู้ว่าฉันจะแกล้งคุณคืนยังไง!” หูวเค่อพูดด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างมาก

เย่เชียนนั้นก็เห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้วเขาจึงรีบวิ่งหนีออกไปก่อนเพราะเขาไม่กล้าที่จะล้อเล่นกับหูวเค่อจนทำให้เธอโกรธขึ้นมาจริงๆ มิเช่นนั้นเธอก็คงจะจัดการกับเขาเป็นแน่ “ไอ้คนบ้านี่กล้าวิ่งหนีหรอ..อย่าให้ฉันจับได้นะ!” หูวเค่อตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวและรีบไล่ตามเย่เชียนออกไป

……

วันเวลาผ่านพ้นไปในชั่วพริบตา ซึ่งฝนเวลานี้เย่เชียนได้แจ้งให้เล้งยี่ทราบแล้วว่าเขาได้ทำการเรียกตัวเหล่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่าที่เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เป็นพิเศษเพื่อมายังเขตปกครองไต้หวัน อย่างไรก็ตามในตอนนี้สถานะของเย่เชียนนั้นก็กลายเป็นคนดังและคนใหญ่คนไปเสียแล้วและด้วยความยิ่งใหญ่ในการดำเนินการทางกิจกรรมต่างๆ ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นก็ทำให้การประชาสัมพันธ์ของสื่อต่างๆ ของประเทศจีนให้ความสนใจกันอย่างมาก ดังนั้นในตอนนี้เย่เชียนก็กลายเป็นที่นิยมในประเทศจีนไปทันทีและทำให้เขากลายเป็นเจ้าชายที่มีเสน่ห์ในสายตาของสาวๆ ชาวจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้วยท่าทางที่แข็งแกร่งและความง่ายๆ สบายๆ สไตล์คนรุ่นใหม่ควบคู่ไปกับจิตวิญญาณในมาดทหารที่น่าเกรงขามที่เป็นเอกลักษณ์ของเย่เชียนนั้นทำให้เขาดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษอย่างมาก

กังฟูของประเทศจีนนั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมและลึกซึ้งอย่างมากแต่ถึงยังไงมันก็อยู่แค่ในประเทศจีนเพียงเท่านั้นเพราะในทุกวันนี้คาราเต้และเทควันโดและฮับกิโดรวมไปถึงมวยไทยและมวยสากลนั้นต่างก็เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ซึ่งทักษะการต่อสู้ของเย่เชียนนั้นได้บดบังศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ไปจนหมด

ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เย่เชียนคาดไม่ถึงเพราะความคิดเดิมของเขาคือการใช้ตัวตนนี้ที่เป็นครูฝึกศิลปะการต่อสู้เพื่อเข้าสู่เขตปกครองไต้หวันจากนั้นก็เบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่แต่ทว่าในตอนนี้เย่เชียนกลับรู้สึกประหลาดใจอย่างมากจนเขาต้องเรียกตัวสมาชิกเขี้ยวหมาป่าของเขามาเพื่อดูแลโรงยิมฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ในด้านต่างๆ

แน่นอนว่าการฝึกสอนเหล่านนี้นั้นจะไม่เหมือนกับการฝึกทหารที่รุนแรงเพราะพวกเขามีหน้าที่แค่สอนการเคลื่อนไหวตามกระบวนท่าและหลักสูตรเพียงเท่านั้น และมวยปาจี๋เย่เชียนนั้นก็ยังได้รับการปรับเปลี่ยนและทำให้รูปลักษณ์ของการออกท่าทางนั้นดูทันสมัยและเท่ห์ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่

ไม่กี่วันต่อมาเย่เชียนก็ได้เข้าสู่เมืองไทเปของเขตการปกครองพิเศษไต้หวันกับหูวเค่อในนามของบุคลากรสมาคมกีฬาของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ซึ่งข้อมูลตัวตนของเย่เชียนและหูวเค่อนั้นเป็นความลับระดับสูงและถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ของไต้หวันจะตรวจของอย่างเคร่งครัดมากแค่ไหนก็ตามถึงยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถค้นพบได้และยิ่งไปกว่านั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาก็จะไม่ใส่ใจไปกับเรื่องแบบนี้เช่นกัน

เรื่องของสมาคมกีฬาของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่มาจัดตั้งในไต้หวันเพื่อเปิดสาขาการกีฬานั้นก็ได้รับการเผยแพร่โดยสื่อมวลชนในตอนเช้าซึ่งมันได้ดึงดูดความสนใจของคนหนุ่มสาวและสื่อมวลชนอื่นๆ อย่างมาก ซึ่งเย่เชียนกับหูวเค่อก็ถูกเหล่าผู้สื่อข่าวรายล้อมในทันทีที่พวกเขาออกมาจากสนามบิน

ไม่เพียงแค่นั้นบุคคลระดับนายกเทศมนตรีของเมืองไทเปก็ยังมาทักทายพวกเขาทั้งสองเป็นการส่วนตัวอีกด้วย นั่นก็เพราะว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ 20 อันดับแรก ซึ่งเมื่อเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้มาลงทุนในเมืองไทเปเช่นนี้แล้วล่ะก็พวกเขาก็ต้องออกมาแสดงความเป็นผู้นำและมาต้อนรับโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

ต้องขอบคุณความพยายามของเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยของสนามบินและเหล่าสมาชิกทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าที่มาปิดกั้นนักข่าวให้เพราะในที่สุดเย่เชียนกับหูวเค่อก็สามารถเดินเข้าไปถึงรถของนายกเทศมนตรีซื่อเหวินจื้อได้อย่างราบรื่น

“คุณเย่ครับ! ..ในนามของรัฐบาลไปเทและประชาชนในเมืองไทเป..ฉันยินดีต้อนรับคุณอย่างยิ่งที่เข้ามาลงทุนในเมืองไทเปของเรา..ซึ่งทางเราเองก็ได้จัดเตรียมงานเลี้ยงในโรงแรมสุดหรูเพื่อต้อนรับคุณเย่และคุณผู้หญิงหูวด้วยครับ!” ซื่อเหวินจื้อพูด

“ท่านนายกเทศมนตรีซื่อครับ..คุณเป็นคนสุภาพมากเลยครับ..เอ่อ..จริงๆ แล้วแผนการลงทุนในไต้หวันนั้นถูกกำหนดเอาไว้ตั้งนานแล้วแต่ทว่ามันก็ถูกเลื่อนมาจนถึงวันนี้..เนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นอุปสรรค..และแน่นอนว่าการพัฒนาของไต้หวันนั้นเป็นที่ชัดเจนสำหรับทุกคนอยาแล้ว..ดังนั้นในฐานะองค์กรระหว่างประเทศขนาดใหญ่อย่างเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเราก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อร่วมมือกันกับรัฐบาลเมืองและร่วมกันสร้างมหานครระหว่างประเทศที่ยิ่งใหญ่เจริญรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์น่ะครับ!” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“คุณเย่สามารถวางใจได้เลยครับ..ในนามของรัฐบาลไทเปนั้นฉันจะช่วยสนับสนุนคุณเย่อย่างสุดความสามารถเลย!” ซื่อเหวินจื้อพูด

เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “เอ่อ..ท่านนายกเทศมนตรีซื่อครับ..ที่จริงก่อนที่ผมจะมาที่ไต้หวันนี้ผมได้สอบถามและหาข้อมูลเกี่ยวกับไต้หวันมาแล้วว่าโลกใต้ดินและธุรกิจใต้ดินของที่นี่กำลังระบาดหนักเลยหนิครับ..และพวกเขาก็กล้าที่จะเผชิญหน้ากับรัฐบาลอีกด้วย..แล้วแบบนี้การลงทุนของเราจะไม่เดือดร้อนหรือครับ?”

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 336 มุ่งสู่ไต้หวัน

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 336 มุ่งสู่ไต้หวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 336 มุ่งสู่ไต้หวัน
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ครับ..แต่ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยากไปหน่อย..เพราะงั้นผมเลยไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันจะเสร็จสิ้นในเร็วๆ นี้และนอกจากนี้ผมก็ยังต้องเตรียมการเบื้องต้นก่อน”

“ไม่เป็นไรๆ ..มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่จะต้องเตรียมการสิ่งต่างๆ เอาไว้ก่อนน่ะ” หูวหนานเจียนก็ยิ้มและพูดว่า “มันไม่มีข้อกำหนดหรือข้อจำกัดหรอก..คุณสามารถทำตามวิธีการที่คุณต้องการได้เลย”

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนก็แล้วกันครับ..เดี๋ยวเรื่องนี้เราค่อยคุยกันอีกทีเมื่อถึงเวลา” เย่เชียนพูด

หูวหนานเจียนก็อดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปเพราะรู้สึกว่าเย่เชียนนั้นเป็นคนตรงๆ มากเกินไป แต่แล้วเขาก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้งเมื่อตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนโดยรู้ว่าเด็กคนนี้ก็แค่พูดแบบไม่เป็นทางการและเป็นกันเองเพียงเท่านั้นโดยไม่มีความหมายใดๆ แอบแฝง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหูวหนานเจียนก็รู้ดีว่าเย่เชียนนั้นจะไม่ร้องขอสิ่งใดกับคนอื่นอยาแล้วและถึงแม้ว่ามันควรที่จะทำก็ตามถึงยังไงเย่เชียนก็ไม่เคยร้องขออะไรพวกเขาเลย

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะหูวหนานเจียนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เอ่อเสี่ยวเย่..เด็กผู้หญิงคนนี้ก็จะไปกับคุณด้วยนะ..เพื่อความสะดวกในการทำสิ่งต่างๆ เธอจะเป็นคนที่คอยช่วยคุณในอนาคต..ฉันหวังว่าพวกคุณจะร่วมมือกันได้ดีนะ”

เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปชั่วขณะและเขาก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คุณจะไปกับผมหรอ?”

“ทำไมล่ะ? ..คุณไม่ต้องการหรอ?” หูวเค่อค่อยๆ ชำเลืองมองเย่เชียนด้วความคาดหวังและหลังจากนั้นเธอก็กะพริบตาหว่านเสน่ห์ไปที่เย่เชียนขณะพูด

“เอ่อ…ไม่…ไม่ใช่อย่างนั้น..ผมแค่สงสัยว่าท่านรองนายกรัฐมนตรีหูวไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยหรอ..เพราะการร่วมมือกันในระยะยาวระหว่างผมกับหูวเค่อน่ะมันจะทำให้เกิดความใกล้ชิดและก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ยืนยาวแบบนั้นน่ะ” เย่เชียนพูดอย่างประหม่า

หูวหนานเจียนก็ยิ้มกว้างๆ และพูดว่า “ได้อยู่ใกล้ชิดกันมันก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ..แล้วก็นะ..ถึงยังไงเสี่ยวเย่ก็เป็นแฟนของเค่อเอ๋ออยู่แล้วหนิ..อย่าบอกฉันนะว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เสี่ยวเย่ต้องการอยู่แล้วน่ะ..ฉันไม่เชื่อหรอก”

แม้แต่เรื่องแบบนี้หูวเค่อก็ยังบอกปู่ของเธอและทำให้ปู่ของเธอเข้าใจผิดไปได้ถึงขนาดนี้จนเย่เชียนต้องหันไปจ้องมองหูวเค่อด้วยความประหลาดใจอย่างมากและเย่เชียนเองก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ชอบเขาและชอบเพราะอะไร ซึ่งด้วยรูปลักษณ์หน้าตาและความสามารถของเธอนั้นก็เพียบพร้อมอย่างมากและก็มีผู้ชายดีๆ มากมายที่ไล่ตามเธอมาโดยตลอดแล้วเหตุใดเธอถึงได้ชอบเขา? และยิ่งพี่ชายของเธอซงเจิ้งหยวนที่เย่เชียนได้พบครั้งล่าสุดนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะเก่งมากและมีทักษะที่ดีซึ่งทั้งพี่ทั้งสองคู่นี้ต่างก็เพียบพร้อมกันอย่างมาก ซึ่งการที่หูวเค่อจ้องมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้นั้นเย่เชียนก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังแกล้งเขาแต่ทว่าความรู้สึกเช่นนี้นั้นมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเลย

เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงครับ..คุณไม่กังวลเลยหรอว่าสถานะตัวตนที่แท้จริงของผมน่ะจะส่งผลเสียต่ออนาคตของท่านรองนายกรัฐมนตรีหูวน่ะครับ”

“ถ้าแบบนั้นก็ไม่ต้องกังวลไปหรอก..ตัวตนของเสี่ยวเย่น่ะไม่มีผลกระทบต่อหน้าที่การงานของฉันหรอก” หูวหนานเจียนก็พูดว่า “ในอนาคตต่อๆ ไปเสี่ยวเย่ต้องดูแลเค่อเอ๋อให้ดีล่ะ..และก็อย่าลืมประเทศอย่าลืมประชาชนไปล่ะ”

ในทันใดนั้นหูวเค่อก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนแล้วนั่งลงหลังจากนั้นเธอก็ควงแขนของเย่เชียนเอาไว้และพูดว่า “คุณปู่คะ..คุณปู่สัญญากับหนูเอาไว้แล้วหนิว่าคุณปู่จะไม่พูดเรื่องนี้..เรื่องชีวิตคู่ในอนาคตของหนูน่ะ..ให้หนูจัดการเองเถอะค่ะ”

มีแววตาทที่ดูเจ้าเล่ห์อยู่ภายในดวงตาของหูวเค่อคนนี้แต่เย่เชียนนั้นก็มองไม่เห็นซึ่งเขาเพียงแค่หัวเราะแห้งๆ สองครั้งและพูดว่า “นี่คุณพูดอะไรของคุณกันเนี่ย..ผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรด้วยเลย…” จู่ๆ เย่เชียนก็หยุดพูดขณะจ้องมองไปที่หูวหนานเจียนและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและเย่เชียนก็ยิ้มอย่างมีความสุขและเขาก็โน้มตัวเข้าไปข้างๆ หูของหูวเค่อแล้วพูดว่า “อีกอย่างนะ..ผมก็ยังไม่เคยจับมือคุณหรือนอนบนเตียงเดียวกับคุณเลยสักครั้ง..แล้วจะมาพูดว่าเราเป็นแฟนกันได้ยังไง..อย่ามาพูดว่าผมชอบคุณเลย..ผมไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้น”

“ฉันเองก็ไม่ได้ชอบอะไรคุณหนิ..เพราะงั้นคุณก็ทำงานของคุณต่อไปเถอะ!” ใบหน้าของหูวเค่อเริ่มแดงขึ้นมาเล็กน้อยและเย่เชียนก็รู้สึกสับสนไปกับผู้หญิงคนนี้และเขาก็ไม่เข้าใจว่าเธอจริงใจหรือเสแสร้งกันแน่ ซึ่งเย่เชียนนั้นต้องยอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้รับมือได้ยากกว่าหลินโรวโร่ว,ฉินหยู,และจ้าวหยาอีกและแม้แต่ซ่งหลันเองเพราะการเดาใจของเธอนั้นง่ายกว่าและไม่ยากเท่าผู้หญิงคนนี้เลย อย่างไรก็ตามเย่เชียนนั้นก็มีความรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันเพราะถึงแม้ว่าหูวเค่อจะพยายามยั่วยวนหรือหว่านเสน่ห์ใส่เขามากเท่าไหร่แต่ถึงยังไงเย่เชียนก็ไม่กล้าแตะต้องเธอเลย

เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ สองครั้งและพูดว่า “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ผมจะเดินทางไปไต้หวันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า..และการเตรียมการต่างๆ นั้นก็ค่อนข้างลำบาก..และผมก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลและการประชาสัมพันธ์อย่างจริงจังจากสื่อมวลชนอีกด้วย”

“เอ็งต้องการจะทำอะไร?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถามด้วยความประหลาดใจเพราะเขาไม่สามารถเข้าใจถึงความหมายของคำพูดของเย่เชียนเลย หรือจะเป็นไปได้ไหมที่เย่เชียนต้องการที่จะประกาศกร้าวกับสื่อว่าเขากำลังจะไปเยือนไต้หวันเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ และทำให้ไต้หวันสั่นคลอน

“เดี๋ยวผมจะบอกปู่ทีหลัง..ตอนนี้ผมต้องเก็บข้าวของก่อน..เห้อ..ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเมื่อไหร่กัน..ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสได้กล่าวคำอำลากันแล้วสินะ” เย่เชียนพูดและบ่นพึมพำ

“เอาล่ะตอนนี้เราก็คุยกันเสร็จแล้ว..ถ้างั้นเราก็ควรจะแยกย้ายกันได้แล้ว..เอ่อใช่ๆ ..อย่าลืมทำลายเอกสารเหล่านั้นด้วยล่ะ” หูวหนานเจียนยืนขึ้นและพูด

“ได้ครับ!” เย่เชียนพูดต่อ “ท่านรองนายกรัฐมนตรีหูวเดินทางกลับอย่างปลอดภัยนะครับ”

หูวหนานเจียนก็ยิ้มและเดินออกจากห้องพักพร้อมกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยน และเมื่อเห็นพวกเขาออไปกันแล้วเย่เชียนก็ยื่นมือไปเขี่ยคางของหูวเค่อเบาๆ และพูดว่า “สาวน้อยนี่เป็นวิธีการของคุณที่จะส่งแกะน้อยใส่ปากเสืออย่างงั้นเหรอ..อย่านั่งเฉยๆ สิ..รีบมาช่วยผมเก็บกระเป๋าแล้วรีบไปที่สนามบินกันเถอะ!”

เย่เชียนนั้นแค่ล้อเธอเล่นแต่ทว่าหูวเค่อกลับช่วยเขาเก็บข้าวเก็บของซึ่งเธอทำตัวเหมือนภรรยาที่เชื่อฟังอย่างมากจนเย่เชียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่และหลังจากนั้นเย่เชียนก็โน้มตัวลงนอนบนเตียงและหลับตาเพื่อผ่อนคลายและปล่อยให้หูวเค่อเก็บข้าวของแทน

หูวเค่อก็ยุ่งอยู่นานและหลังจากนั้นเธอก็เก็บสัมภาระจำนวนมากเสร็จเรียบร้อยและเย่เชียนก็ลืมตายิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “สาวน้อยคุณออกไปรอข้างนอกก่อนนะ..ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดี๋ยวเราค่อยไปกันเลย”

“ถ้างั้นฉันจะรอคุณนะคะ!” หูวเค่อพูดแล้วหันหลังเดินออกไป ส่วนเย่เชียนก็ถึงกับตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจและเกือบจะสูญเสียอาการไปเพราะถ้าหากเป็นซ่งหลันที่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวนและไพเราะเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็คงจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลย แต่เมื่อเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของหูวเค่อเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็ประหลาดใจอย่างมาก และเย่เชียนก็รู้สึกแปลก ๆ กับหูวเค่อมากขึ้นเรื่อยๆ และมันก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไรกันแน่เพราะผู้หญิงคนนี้มีความลับมากเกินไปและไม่สามารถเข้าใจอะไรเธอได้เลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเย่เชียนก็เดินออกไปด้วยมือเปล่าๆ โดยไม่มีกระเป๋าเดินทางแม้แต่ใบเดียว และเมื่อเห็นเย่เชียนออกมามือเปล่าแล้วหูวเค่อจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “เอ้า! ..ทำไมคุณถึงไม่หยิบกระเป๋าเดินทางมาด้วยล่ะ?”

“อ๋อ..ผมไม่มีกระเป๋าเดินทางหรอก..ผมมีแค่เสื้อผ้าชุดนี้..ก็มันจะลำบากเอาน่ะถ้าต้องเอาของเยอะแยะไปด้วย”

ใบหน้าของหูวเค่อก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อยและภายในดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง “ไอ้คนบ้าหนิ..แล้วทำไมคุณถึงปล่อยให้ฉันเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเดินทางด้วยล่ะ? ..ได้! ..คุณแกล้งฉันใช่มั้ย..เดี๋ยวก็รู้ว่าฉันจะแกล้งคุณคืนยังไง!” หูวเค่อพูดด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างมาก

เย่เชียนนั้นก็เห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้วเขาจึงรีบวิ่งหนีออกไปก่อนเพราะเขาไม่กล้าที่จะล้อเล่นกับหูวเค่อจนทำให้เธอโกรธขึ้นมาจริงๆ มิเช่นนั้นเธอก็คงจะจัดการกับเขาเป็นแน่ “ไอ้คนบ้านี่กล้าวิ่งหนีหรอ..อย่าให้ฉันจับได้นะ!” หูวเค่อตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวและรีบไล่ตามเย่เชียนออกไป

……

วันเวลาผ่านพ้นไปในชั่วพริบตา ซึ่งฝนเวลานี้เย่เชียนได้แจ้งให้เล้งยี่ทราบแล้วว่าเขาได้ทำการเรียกตัวเหล่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่าที่เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เป็นพิเศษเพื่อมายังเขตปกครองไต้หวัน อย่างไรก็ตามในตอนนี้สถานะของเย่เชียนนั้นก็กลายเป็นคนดังและคนใหญ่คนไปเสียแล้วและด้วยความยิ่งใหญ่ในการดำเนินการทางกิจกรรมต่างๆ ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นก็ทำให้การประชาสัมพันธ์ของสื่อต่างๆ ของประเทศจีนให้ความสนใจกันอย่างมาก ดังนั้นในตอนนี้เย่เชียนก็กลายเป็นที่นิยมในประเทศจีนไปทันทีและทำให้เขากลายเป็นเจ้าชายที่มีเสน่ห์ในสายตาของสาวๆ ชาวจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้วยท่าทางที่แข็งแกร่งและความง่ายๆ สบายๆ สไตล์คนรุ่นใหม่ควบคู่ไปกับจิตวิญญาณในมาดทหารที่น่าเกรงขามที่เป็นเอกลักษณ์ของเย่เชียนนั้นทำให้เขาดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษอย่างมาก

กังฟูของประเทศจีนนั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมและลึกซึ้งอย่างมากแต่ถึงยังไงมันก็อยู่แค่ในประเทศจีนเพียงเท่านั้นเพราะในทุกวันนี้คาราเต้และเทควันโดและฮับกิโดรวมไปถึงมวยไทยและมวยสากลนั้นต่างก็เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ซึ่งทักษะการต่อสู้ของเย่เชียนนั้นได้บดบังศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ไปจนหมด

ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เย่เชียนคาดไม่ถึงเพราะความคิดเดิมของเขาคือการใช้ตัวตนนี้ที่เป็นครูฝึกศิลปะการต่อสู้เพื่อเข้าสู่เขตปกครองไต้หวันจากนั้นก็เบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่แต่ทว่าในตอนนี้เย่เชียนกลับรู้สึกประหลาดใจอย่างมากจนเขาต้องเรียกตัวสมาชิกเขี้ยวหมาป่าของเขามาเพื่อดูแลโรงยิมฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ในด้านต่างๆ

แน่นอนว่าการฝึกสอนเหล่านนี้นั้นจะไม่เหมือนกับการฝึกทหารที่รุนแรงเพราะพวกเขามีหน้าที่แค่สอนการเคลื่อนไหวตามกระบวนท่าและหลักสูตรเพียงเท่านั้น และมวยปาจี๋เย่เชียนนั้นก็ยังได้รับการปรับเปลี่ยนและทำให้รูปลักษณ์ของการออกท่าทางนั้นดูทันสมัยและเท่ห์ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่

ไม่กี่วันต่อมาเย่เชียนก็ได้เข้าสู่เมืองไทเปของเขตการปกครองพิเศษไต้หวันกับหูวเค่อในนามของบุคลากรสมาคมกีฬาของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ซึ่งข้อมูลตัวตนของเย่เชียนและหูวเค่อนั้นเป็นความลับระดับสูงและถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ของไต้หวันจะตรวจของอย่างเคร่งครัดมากแค่ไหนก็ตามถึงยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถค้นพบได้และยิ่งไปกว่านั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาก็จะไม่ใส่ใจไปกับเรื่องแบบนี้เช่นกัน

เรื่องของสมาคมกีฬาของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่มาจัดตั้งในไต้หวันเพื่อเปิดสาขาการกีฬานั้นก็ได้รับการเผยแพร่โดยสื่อมวลชนในตอนเช้าซึ่งมันได้ดึงดูดความสนใจของคนหนุ่มสาวและสื่อมวลชนอื่นๆ อย่างมาก ซึ่งเย่เชียนกับหูวเค่อก็ถูกเหล่าผู้สื่อข่าวรายล้อมในทันทีที่พวกเขาออกมาจากสนามบิน

ไม่เพียงแค่นั้นบุคคลระดับนายกเทศมนตรีของเมืองไทเปก็ยังมาทักทายพวกเขาทั้งสองเป็นการส่วนตัวอีกด้วย นั่นก็เพราะว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ 20 อันดับแรก ซึ่งเมื่อเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้มาลงทุนในเมืองไทเปเช่นนี้แล้วล่ะก็พวกเขาก็ต้องออกมาแสดงความเป็นผู้นำและมาต้อนรับโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

ต้องขอบคุณความพยายามของเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยของสนามบินและเหล่าสมาชิกทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าที่มาปิดกั้นนักข่าวให้เพราะในที่สุดเย่เชียนกับหูวเค่อก็สามารถเดินเข้าไปถึงรถของนายกเทศมนตรีซื่อเหวินจื้อได้อย่างราบรื่น

“คุณเย่ครับ! ..ในนามของรัฐบาลไปเทและประชาชนในเมืองไทเป..ฉันยินดีต้อนรับคุณอย่างยิ่งที่เข้ามาลงทุนในเมืองไทเปของเรา..ซึ่งทางเราเองก็ได้จัดเตรียมงานเลี้ยงในโรงแรมสุดหรูเพื่อต้อนรับคุณเย่และคุณผู้หญิงหูวด้วยครับ!” ซื่อเหวินจื้อพูด

“ท่านนายกเทศมนตรีซื่อครับ..คุณเป็นคนสุภาพมากเลยครับ..เอ่อ..จริงๆ แล้วแผนการลงทุนในไต้หวันนั้นถูกกำหนดเอาไว้ตั้งนานแล้วแต่ทว่ามันก็ถูกเลื่อนมาจนถึงวันนี้..เนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นอุปสรรค..และแน่นอนว่าการพัฒนาของไต้หวันนั้นเป็นที่ชัดเจนสำหรับทุกคนอยาแล้ว..ดังนั้นในฐานะองค์กรระหว่างประเทศขนาดใหญ่อย่างเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเราก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อร่วมมือกันกับรัฐบาลเมืองและร่วมกันสร้างมหานครระหว่างประเทศที่ยิ่งใหญ่เจริญรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์น่ะครับ!” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“คุณเย่สามารถวางใจได้เลยครับ..ในนามของรัฐบาลไทเปนั้นฉันจะช่วยสนับสนุนคุณเย่อย่างสุดความสามารถเลย!” ซื่อเหวินจื้อพูด

เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “เอ่อ..ท่านนายกเทศมนตรีซื่อครับ..ที่จริงก่อนที่ผมจะมาที่ไต้หวันนี้ผมได้สอบถามและหาข้อมูลเกี่ยวกับไต้หวันมาแล้วว่าโลกใต้ดินและธุรกิจใต้ดินของที่นี่กำลังระบาดหนักเลยหนิครับ..และพวกเขาก็กล้าที่จะเผชิญหน้ากับรัฐบาลอีกด้วย..แล้วแบบนี้การลงทุนของเราจะไม่เดือดร้อนหรือครับ?”

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 336 มุ่งสู่ไต้หวัน

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 336 มุ่งสู่ไต้หวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 336 มุ่งสู่ไต้หวัน
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ครับ..แต่ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยากไปหน่อย..เพราะงั้นผมเลยไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันจะเสร็จสิ้นในเร็วๆ นี้และนอกจากนี้ผมก็ยังต้องเตรียมการเบื้องต้นก่อน”

“ไม่เป็นไรๆ ..มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่จะต้องเตรียมการสิ่งต่างๆ เอาไว้ก่อนน่ะ” หูวหนานเจียนก็ยิ้มและพูดว่า “มันไม่มีข้อกำหนดหรือข้อจำกัดหรอก..คุณสามารถทำตามวิธีการที่คุณต้องการได้เลย”

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนก็แล้วกันครับ..เดี๋ยวเรื่องนี้เราค่อยคุยกันอีกทีเมื่อถึงเวลา” เย่เชียนพูด

หูวหนานเจียนก็อดไม่ได้ที่จะแน่นิ่งไปเพราะรู้สึกว่าเย่เชียนนั้นเป็นคนตรงๆ มากเกินไป แต่แล้วเขาก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้งเมื่อตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนโดยรู้ว่าเด็กคนนี้ก็แค่พูดแบบไม่เป็นทางการและเป็นกันเองเพียงเท่านั้นโดยไม่มีความหมายใดๆ แอบแฝง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหูวหนานเจียนก็รู้ดีว่าเย่เชียนนั้นจะไม่ร้องขอสิ่งใดกับคนอื่นอยาแล้วและถึงแม้ว่ามันควรที่จะทำก็ตามถึงยังไงเย่เชียนก็ไม่เคยร้องขออะไรพวกเขาเลย

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะหูวหนานเจียนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เอ่อเสี่ยวเย่..เด็กผู้หญิงคนนี้ก็จะไปกับคุณด้วยนะ..เพื่อความสะดวกในการทำสิ่งต่างๆ เธอจะเป็นคนที่คอยช่วยคุณในอนาคต..ฉันหวังว่าพวกคุณจะร่วมมือกันได้ดีนะ”

เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปชั่วขณะและเขาก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คุณจะไปกับผมหรอ?”

“ทำไมล่ะ? ..คุณไม่ต้องการหรอ?” หูวเค่อค่อยๆ ชำเลืองมองเย่เชียนด้วความคาดหวังและหลังจากนั้นเธอก็กะพริบตาหว่านเสน่ห์ไปที่เย่เชียนขณะพูด

“เอ่อ…ไม่…ไม่ใช่อย่างนั้น..ผมแค่สงสัยว่าท่านรองนายกรัฐมนตรีหูวไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยหรอ..เพราะการร่วมมือกันในระยะยาวระหว่างผมกับหูวเค่อน่ะมันจะทำให้เกิดความใกล้ชิดและก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ยืนยาวแบบนั้นน่ะ” เย่เชียนพูดอย่างประหม่า

หูวหนานเจียนก็ยิ้มกว้างๆ และพูดว่า “ได้อยู่ใกล้ชิดกันมันก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ..แล้วก็นะ..ถึงยังไงเสี่ยวเย่ก็เป็นแฟนของเค่อเอ๋ออยู่แล้วหนิ..อย่าบอกฉันนะว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เสี่ยวเย่ต้องการอยู่แล้วน่ะ..ฉันไม่เชื่อหรอก”

แม้แต่เรื่องแบบนี้หูวเค่อก็ยังบอกปู่ของเธอและทำให้ปู่ของเธอเข้าใจผิดไปได้ถึงขนาดนี้จนเย่เชียนต้องหันไปจ้องมองหูวเค่อด้วยความประหลาดใจอย่างมากและเย่เชียนเองก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ชอบเขาและชอบเพราะอะไร ซึ่งด้วยรูปลักษณ์หน้าตาและความสามารถของเธอนั้นก็เพียบพร้อมอย่างมากและก็มีผู้ชายดีๆ มากมายที่ไล่ตามเธอมาโดยตลอดแล้วเหตุใดเธอถึงได้ชอบเขา? และยิ่งพี่ชายของเธอซงเจิ้งหยวนที่เย่เชียนได้พบครั้งล่าสุดนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะเก่งมากและมีทักษะที่ดีซึ่งทั้งพี่ทั้งสองคู่นี้ต่างก็เพียบพร้อมกันอย่างมาก ซึ่งการที่หูวเค่อจ้องมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้นั้นเย่เชียนก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังแกล้งเขาแต่ทว่าความรู้สึกเช่นนี้นั้นมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเลย

เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงครับ..คุณไม่กังวลเลยหรอว่าสถานะตัวตนที่แท้จริงของผมน่ะจะส่งผลเสียต่ออนาคตของท่านรองนายกรัฐมนตรีหูวน่ะครับ”

“ถ้าแบบนั้นก็ไม่ต้องกังวลไปหรอก..ตัวตนของเสี่ยวเย่น่ะไม่มีผลกระทบต่อหน้าที่การงานของฉันหรอก” หูวหนานเจียนก็พูดว่า “ในอนาคตต่อๆ ไปเสี่ยวเย่ต้องดูแลเค่อเอ๋อให้ดีล่ะ..และก็อย่าลืมประเทศอย่าลืมประชาชนไปล่ะ”

ในทันใดนั้นหูวเค่อก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ด้านข้างของเย่เชียนแล้วนั่งลงหลังจากนั้นเธอก็ควงแขนของเย่เชียนเอาไว้และพูดว่า “คุณปู่คะ..คุณปู่สัญญากับหนูเอาไว้แล้วหนิว่าคุณปู่จะไม่พูดเรื่องนี้..เรื่องชีวิตคู่ในอนาคตของหนูน่ะ..ให้หนูจัดการเองเถอะค่ะ”

มีแววตาทที่ดูเจ้าเล่ห์อยู่ภายในดวงตาของหูวเค่อคนนี้แต่เย่เชียนนั้นก็มองไม่เห็นซึ่งเขาเพียงแค่หัวเราะแห้งๆ สองครั้งและพูดว่า “นี่คุณพูดอะไรของคุณกันเนี่ย..ผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรด้วยเลย…” จู่ๆ เย่เชียนก็หยุดพูดขณะจ้องมองไปที่หูวหนานเจียนและหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและเย่เชียนก็ยิ้มอย่างมีความสุขและเขาก็โน้มตัวเข้าไปข้างๆ หูของหูวเค่อแล้วพูดว่า “อีกอย่างนะ..ผมก็ยังไม่เคยจับมือคุณหรือนอนบนเตียงเดียวกับคุณเลยสักครั้ง..แล้วจะมาพูดว่าเราเป็นแฟนกันได้ยังไง..อย่ามาพูดว่าผมชอบคุณเลย..ผมไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้น”

“ฉันเองก็ไม่ได้ชอบอะไรคุณหนิ..เพราะงั้นคุณก็ทำงานของคุณต่อไปเถอะ!” ใบหน้าของหูวเค่อเริ่มแดงขึ้นมาเล็กน้อยและเย่เชียนก็รู้สึกสับสนไปกับผู้หญิงคนนี้และเขาก็ไม่เข้าใจว่าเธอจริงใจหรือเสแสร้งกันแน่ ซึ่งเย่เชียนนั้นต้องยอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้รับมือได้ยากกว่าหลินโรวโร่ว,ฉินหยู,และจ้าวหยาอีกและแม้แต่ซ่งหลันเองเพราะการเดาใจของเธอนั้นง่ายกว่าและไม่ยากเท่าผู้หญิงคนนี้เลย อย่างไรก็ตามเย่เชียนนั้นก็มีความรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันเพราะถึงแม้ว่าหูวเค่อจะพยายามยั่วยวนหรือหว่านเสน่ห์ใส่เขามากเท่าไหร่แต่ถึงยังไงเย่เชียนก็ไม่กล้าแตะต้องเธอเลย

เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ สองครั้งและพูดว่า “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ผมจะเดินทางไปไต้หวันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า..และการเตรียมการต่างๆ นั้นก็ค่อนข้างลำบาก..และผมก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลและการประชาสัมพันธ์อย่างจริงจังจากสื่อมวลชนอีกด้วย”

“เอ็งต้องการจะทำอะไร?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนถามด้วยความประหลาดใจเพราะเขาไม่สามารถเข้าใจถึงความหมายของคำพูดของเย่เชียนเลย หรือจะเป็นไปได้ไหมที่เย่เชียนต้องการที่จะประกาศกร้าวกับสื่อว่าเขากำลังจะไปเยือนไต้หวันเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ และทำให้ไต้หวันสั่นคลอน

“เดี๋ยวผมจะบอกปู่ทีหลัง..ตอนนี้ผมต้องเก็บข้าวของก่อน..เห้อ..ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเมื่อไหร่กัน..ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสได้กล่าวคำอำลากันแล้วสินะ” เย่เชียนพูดและบ่นพึมพำ

“เอาล่ะตอนนี้เราก็คุยกันเสร็จแล้ว..ถ้างั้นเราก็ควรจะแยกย้ายกันได้แล้ว..เอ่อใช่ๆ ..อย่าลืมทำลายเอกสารเหล่านั้นด้วยล่ะ” หูวหนานเจียนยืนขึ้นและพูด

“ได้ครับ!” เย่เชียนพูดต่อ “ท่านรองนายกรัฐมนตรีหูวเดินทางกลับอย่างปลอดภัยนะครับ”

หูวหนานเจียนก็ยิ้มและเดินออกจากห้องพักพร้อมกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยน และเมื่อเห็นพวกเขาออไปกันแล้วเย่เชียนก็ยื่นมือไปเขี่ยคางของหูวเค่อเบาๆ และพูดว่า “สาวน้อยนี่เป็นวิธีการของคุณที่จะส่งแกะน้อยใส่ปากเสืออย่างงั้นเหรอ..อย่านั่งเฉยๆ สิ..รีบมาช่วยผมเก็บกระเป๋าแล้วรีบไปที่สนามบินกันเถอะ!”

เย่เชียนนั้นแค่ล้อเธอเล่นแต่ทว่าหูวเค่อกลับช่วยเขาเก็บข้าวเก็บของซึ่งเธอทำตัวเหมือนภรรยาที่เชื่อฟังอย่างมากจนเย่เชียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่และหลังจากนั้นเย่เชียนก็โน้มตัวลงนอนบนเตียงและหลับตาเพื่อผ่อนคลายและปล่อยให้หูวเค่อเก็บข้าวของแทน

หูวเค่อก็ยุ่งอยู่นานและหลังจากนั้นเธอก็เก็บสัมภาระจำนวนมากเสร็จเรียบร้อยและเย่เชียนก็ลืมตายิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “สาวน้อยคุณออกไปรอข้างนอกก่อนนะ..ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดี๋ยวเราค่อยไปกันเลย”

“ถ้างั้นฉันจะรอคุณนะคะ!” หูวเค่อพูดแล้วหันหลังเดินออกไป ส่วนเย่เชียนก็ถึงกับตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจและเกือบจะสูญเสียอาการไปเพราะถ้าหากเป็นซ่งหลันที่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวนและไพเราะเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็คงจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลย แต่เมื่อเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของหูวเค่อเช่นนี้แล้วเย่เชียนก็ประหลาดใจอย่างมาก และเย่เชียนก็รู้สึกแปลก ๆ กับหูวเค่อมากขึ้นเรื่อยๆ และมันก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไรกันแน่เพราะผู้หญิงคนนี้มีความลับมากเกินไปและไม่สามารถเข้าใจอะไรเธอได้เลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเย่เชียนก็เดินออกไปด้วยมือเปล่าๆ โดยไม่มีกระเป๋าเดินทางแม้แต่ใบเดียว และเมื่อเห็นเย่เชียนออกมามือเปล่าแล้วหูวเค่อจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “เอ้า! ..ทำไมคุณถึงไม่หยิบกระเป๋าเดินทางมาด้วยล่ะ?”

“อ๋อ..ผมไม่มีกระเป๋าเดินทางหรอก..ผมมีแค่เสื้อผ้าชุดนี้..ก็มันจะลำบากเอาน่ะถ้าต้องเอาของเยอะแยะไปด้วย”

ใบหน้าของหูวเค่อก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อยและภายในดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง “ไอ้คนบ้าหนิ..แล้วทำไมคุณถึงปล่อยให้ฉันเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเดินทางด้วยล่ะ? ..ได้! ..คุณแกล้งฉันใช่มั้ย..เดี๋ยวก็รู้ว่าฉันจะแกล้งคุณคืนยังไง!” หูวเค่อพูดด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงอย่างมาก

เย่เชียนนั้นก็เห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้วเขาจึงรีบวิ่งหนีออกไปก่อนเพราะเขาไม่กล้าที่จะล้อเล่นกับหูวเค่อจนทำให้เธอโกรธขึ้นมาจริงๆ มิเช่นนั้นเธอก็คงจะจัดการกับเขาเป็นแน่ “ไอ้คนบ้านี่กล้าวิ่งหนีหรอ..อย่าให้ฉันจับได้นะ!” หูวเค่อตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวและรีบไล่ตามเย่เชียนออกไป

……

วันเวลาผ่านพ้นไปในชั่วพริบตา ซึ่งฝนเวลานี้เย่เชียนได้แจ้งให้เล้งยี่ทราบแล้วว่าเขาได้ทำการเรียกตัวเหล่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่าที่เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เป็นพิเศษเพื่อมายังเขตปกครองไต้หวัน อย่างไรก็ตามในตอนนี้สถานะของเย่เชียนนั้นก็กลายเป็นคนดังและคนใหญ่คนไปเสียแล้วและด้วยความยิ่งใหญ่ในการดำเนินการทางกิจกรรมต่างๆ ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นก็ทำให้การประชาสัมพันธ์ของสื่อต่างๆ ของประเทศจีนให้ความสนใจกันอย่างมาก ดังนั้นในตอนนี้เย่เชียนก็กลายเป็นที่นิยมในประเทศจีนไปทันทีและทำให้เขากลายเป็นเจ้าชายที่มีเสน่ห์ในสายตาของสาวๆ ชาวจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้วยท่าทางที่แข็งแกร่งและความง่ายๆ สบายๆ สไตล์คนรุ่นใหม่ควบคู่ไปกับจิตวิญญาณในมาดทหารที่น่าเกรงขามที่เป็นเอกลักษณ์ของเย่เชียนนั้นทำให้เขาดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษอย่างมาก

กังฟูของประเทศจีนนั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมและลึกซึ้งอย่างมากแต่ถึงยังไงมันก็อยู่แค่ในประเทศจีนเพียงเท่านั้นเพราะในทุกวันนี้คาราเต้และเทควันโดและฮับกิโดรวมไปถึงมวยไทยและมวยสากลนั้นต่างก็เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ซึ่งทักษะการต่อสู้ของเย่เชียนนั้นได้บดบังศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ไปจนหมด

ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เย่เชียนคาดไม่ถึงเพราะความคิดเดิมของเขาคือการใช้ตัวตนนี้ที่เป็นครูฝึกศิลปะการต่อสู้เพื่อเข้าสู่เขตปกครองไต้หวันจากนั้นก็เบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่แต่ทว่าในตอนนี้เย่เชียนกลับรู้สึกประหลาดใจอย่างมากจนเขาต้องเรียกตัวสมาชิกเขี้ยวหมาป่าของเขามาเพื่อดูแลโรงยิมฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ในด้านต่างๆ

แน่นอนว่าการฝึกสอนเหล่านนี้นั้นจะไม่เหมือนกับการฝึกทหารที่รุนแรงเพราะพวกเขามีหน้าที่แค่สอนการเคลื่อนไหวตามกระบวนท่าและหลักสูตรเพียงเท่านั้น และมวยปาจี๋เย่เชียนนั้นก็ยังได้รับการปรับเปลี่ยนและทำให้รูปลักษณ์ของการออกท่าทางนั้นดูทันสมัยและเท่ห์ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่

ไม่กี่วันต่อมาเย่เชียนก็ได้เข้าสู่เมืองไทเปของเขตการปกครองพิเศษไต้หวันกับหูวเค่อในนามของบุคลากรสมาคมกีฬาของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ซึ่งข้อมูลตัวตนของเย่เชียนและหูวเค่อนั้นเป็นความลับระดับสูงและถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ของไต้หวันจะตรวจของอย่างเคร่งครัดมากแค่ไหนก็ตามถึงยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถค้นพบได้และยิ่งไปกว่านั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาก็จะไม่ใส่ใจไปกับเรื่องแบบนี้เช่นกัน

เรื่องของสมาคมกีฬาของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่มาจัดตั้งในไต้หวันเพื่อเปิดสาขาการกีฬานั้นก็ได้รับการเผยแพร่โดยสื่อมวลชนในตอนเช้าซึ่งมันได้ดึงดูดความสนใจของคนหนุ่มสาวและสื่อมวลชนอื่นๆ อย่างมาก ซึ่งเย่เชียนกับหูวเค่อก็ถูกเหล่าผู้สื่อข่าวรายล้อมในทันทีที่พวกเขาออกมาจากสนามบิน

ไม่เพียงแค่นั้นบุคคลระดับนายกเทศมนตรีของเมืองไทเปก็ยังมาทักทายพวกเขาทั้งสองเป็นการส่วนตัวอีกด้วย นั่นก็เพราะว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ 20 อันดับแรก ซึ่งเมื่อเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้มาลงทุนในเมืองไทเปเช่นนี้แล้วล่ะก็พวกเขาก็ต้องออกมาแสดงความเป็นผู้นำและมาต้อนรับโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

ต้องขอบคุณความพยายามของเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยของสนามบินและเหล่าสมาชิกทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าที่มาปิดกั้นนักข่าวให้เพราะในที่สุดเย่เชียนกับหูวเค่อก็สามารถเดินเข้าไปถึงรถของนายกเทศมนตรีซื่อเหวินจื้อได้อย่างราบรื่น

“คุณเย่ครับ! ..ในนามของรัฐบาลไปเทและประชาชนในเมืองไทเป..ฉันยินดีต้อนรับคุณอย่างยิ่งที่เข้ามาลงทุนในเมืองไทเปของเรา..ซึ่งทางเราเองก็ได้จัดเตรียมงานเลี้ยงในโรงแรมสุดหรูเพื่อต้อนรับคุณเย่และคุณผู้หญิงหูวด้วยครับ!” ซื่อเหวินจื้อพูด

“ท่านนายกเทศมนตรีซื่อครับ..คุณเป็นคนสุภาพมากเลยครับ..เอ่อ..จริงๆ แล้วแผนการลงทุนในไต้หวันนั้นถูกกำหนดเอาไว้ตั้งนานแล้วแต่ทว่ามันก็ถูกเลื่อนมาจนถึงวันนี้..เนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นอุปสรรค..และแน่นอนว่าการพัฒนาของไต้หวันนั้นเป็นที่ชัดเจนสำหรับทุกคนอยาแล้ว..ดังนั้นในฐานะองค์กรระหว่างประเทศขนาดใหญ่อย่างเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเราก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อร่วมมือกันกับรัฐบาลเมืองและร่วมกันสร้างมหานครระหว่างประเทศที่ยิ่งใหญ่เจริญรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์น่ะครับ!” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“คุณเย่สามารถวางใจได้เลยครับ..ในนามของรัฐบาลไทเปนั้นฉันจะช่วยสนับสนุนคุณเย่อย่างสุดความสามารถเลย!” ซื่อเหวินจื้อพูด

เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “เอ่อ..ท่านนายกเทศมนตรีซื่อครับ..ที่จริงก่อนที่ผมจะมาที่ไต้หวันนี้ผมได้สอบถามและหาข้อมูลเกี่ยวกับไต้หวันมาแล้วว่าโลกใต้ดินและธุรกิจใต้ดินของที่นี่กำลังระบาดหนักเลยหนิครับ..และพวกเขาก็กล้าที่จะเผชิญหน้ากับรัฐบาลอีกด้วย..แล้วแบบนี้การลงทุนของเราจะไม่เดือดร้อนหรือครับ?”

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+