ยอดนักรบจอมราชัน 257 การร่วมมือ

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 257 การร่วมมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่เชียนนั้นไม่ใช่คนที่เก่งในการเจรจาเชิงธุรกิจมากนัก แต่เย่เชียนก็มักจะได้ประสบการณ์ต่างๆ มามากมายเพราะเคยได้ติดต่อกับผู้คนมาทุกประเภทแล้ว อาจพูดได้ว่านี่เป็นเสน่ห์ประจำตัวของเย่เชียนเลยก็ได้ว่าได้ซึ่งเย่เชียนสามารถเข้าถึงจิตใจของผู้คนได้ดีและตอบสนองสิ่งต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม

สำหรับคนอื่นๆ แล้วถ้าหากหลี่จื้อเทียนมาขอให้ร่วมมือด้วยแล้วล่ะก็พวกเขาเหล่านั้นก็จะต้องดีใจและรีบตกลงกันอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดหน้าคิดหลังอย่างแน่นอน แต่ทว่าเย่เชียนไม่ใช่คนแบบนั้นเพราะเขาต้องการที่จะเห็นผลประโยชน์ที่แท้จริง ดั่งที่หลี่จื้อเทียนพูดเอาไว้ว่าเย่เชียนนั้นสามารถใช้เส้นสายและเครือข่ายของหลี่จื้อเทียนเพื่อปืนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดแต่ทว่าเครือข่ายของหลี่จื้อเทียนนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหนเย่เชียนก็ยังไม่รู้แน่ชัด เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เย่เชียนต้องพิจารณาก็คือหลี่จื้อเทียนนั้นมีอิทธิพลในประเทศจีนมากแค่ไหนและสามารถช่วยเหลือเย่เชียนได้มากสักแค่ไหน

สิ่งที่หลี่จื้อเทียนพูดออกมานั้นที่เขาพูดว่าเขาชื่นชมเย่เชียนอย่างมากนั่นไม่ใช่เรื่องโกหกแต่อย่างใดเลย และถึงแม้ว่าเฉินเซิงจะไม่ได้บอกหลี่จื้อเทียนว่าเย่เชียนคือCEOที่แท้จริงของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็ตาม แต่การที่เย่เชียนสามารถครองเมืองหนานจิงได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีทักษะและความกล้าหาญอย่างมาก และมิอาจคาดเดาได้เลยว่าในอนาคตเด็กหนุ่มคนนี้จะประสบความสำเร็จมากเพียงใด

หลี่จื้อเทียนเองก็รู้ดีว่ายิ่งมีคนเช่นนี้ร่วมมือกับเขาก็จะทำให้เส้นทางในอนาคตของเขาก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามถ้าหากเขาพบโอกาสที่ดีแม้จะเสี่ยงก็ตามเขาก็จะสามารถเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้และเขาก็จะสามารถก้าวข้ามผ่านทุกคนและอยู่เหนือจุดสูงสุดของโลกแห่งธุรกิจได้ และยิ่งไปกว่านั้นด้วยอิทธิพลของเขานั้นเขายังสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เย่เชียนเผชิญได้และช่วยให้เย่เชียนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดพร้อมกับเขาได้เร็วยิ่งขึ้น

นักธุรกิจนั้นมักจะมองแต่ผลประโยชน์แม้กระทั่งความรู้สึกที่แท้จริงที่ถูกเปิดเผยในบางครั้งมันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น แต่ในมุมมองของเย่เชียนนั้นสิ่งที่หลี่จื้อเทียนเห็นมันก็คือโอกาสในการพัฒนาความยิ่งใหญ่ในอนาคต

เย่เชียนยิ้มและพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าพี่ใหญ่หลี่จะร่วมมือกับผมเรื่องอะไร?”

“เรื่องการลงทุน!” หลี่จื้อเทียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะตราบใดที่การสนทนายังคงดำเนินต่อไปได้เขาก็จะมีโอกาสที่จะสามารถโน้มน้าวเย่เชียนได้ นั่นก็เพราะหลี่จื้อเทียนนั้นอาจพูดได้ว่าเขาเป็นนักเจรจาที่ยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบและนี่ก็ไม่ใช่การดูถูกแต่อย่างใดแต่เป็นคำชมเชย หลี่จื้อเทียนนั้นสามารถมองเห็นศักยภาพอันยิ่งใหญ่มหาศาลที่ซ่อนอยู่ในตัวของเย่เชียนและถึงแม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ตต่อเย่เชียนก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็จะสูญเสียแค่บางสิ่งบางอย่างไปเท่านั้นแต่ถ้าหากว่าเขาชนะขึ้นมาล่ะก็มันก็จะเป็นการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใด

“ลงทุนด้านไหน? ..พี่ใหญ่สามารถอธิบายแบบเจาะจงให้หน่อยจะได้มั้ย?” เย่เชียนเริ่มจิบกาแฟและทำลายความกดดันจากหลี่จื้อเทียนอย่างช้าๆ แต่เย่เชียนก็ต้องยอมรับเลยว่าการติดต่อกับนักธุรกิจที่ฉลาดปราดเปรื่องนั้นบางครั้งก็ลำบากกว่านักการเมืองที่มีไหวพริบเสียอีกและหลี่จื้อเทียนก็เป็นคนเช่นนั้น

“ด้านอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนทางการเงินด้านสื่อบันเทิงต่างๆ ฯลฯ ..เพราะถ้าน้องเย่เต็มใจให้ความร่วมมือล่ะก็อะไรๆ พวกเราก็ทำได้ทั้งนั้น” หลี่จื้อเทียนพูดด้วยความตื่นเต้น เพราะไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำถามที่อยากรู้อยากเห็นของเย่เชียนนั้นได้กระตุ้นสิ่งที่หลี่จื้อเทียนต้องการอย่างมาก เพราะมันมีแนวโน้มอย่างมากที่เย่เชียนจะยอมร่วมมือด้วย

สมองของเย่เชียนก็ประมวลผลอย่างรวดเร็วเช่นกันและเขาก็เชื่อว่าการร่วมมือของหลี่จื้อเทียนกับเขานั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าผลกำไรซึ่งนั่นมันก็คือความมืดมนของเหล่านักธุรกิจทุกคน แต่แน่นอนว่าก็มีอยู่หลายคนที่มักจะใช้วิธีการที่มืดมนเช่นนี้อย่างราชาแห่งขุนเขาเฝิงเฝิงก็เป็นหนึ่งเหตุผล เพราะการกระทำของเฝิงเฝิงในเมืองหนานจิงที่ท้าทายเขาและราชาแห่งขุนเขาเฝิงเฝิงก็มีอำนาจและอิทธิพลมากมายในเมืองหางโจวและแม้แต่มณฑลเจียงซูก็ด้วย

ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับการดำเนินการเชิงพาณิชย์และการลงทุนมากนัก แต่ทว่าเย่เชียนก็รู้มาหลายอย่างในระหว่างการดูแลเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ซึ่งมันไม่มีการลงทุนใดๆ ในโลกนี้ที่ปราศจากด้านมืดแล้วจะได้รับผลกำไรที่มหาศาล

“ผมไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้นหรอก..และผมก็ไม่ได้มีเงินทุนสำหรับส่วนของการลงทุนเลย” เย่เชียนเริ่มโยนเงื่อนไขการต่อรองของตัวเองออกไปโดยอยากที่จะเห็นว่าความจริงใจและความมุ่งมั่นของหลี่จื้อเทียนนั้นมีให้เขามากสักแค่ไหน และถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการเจรจาเชิงธุรกิจก็ตามแต่เขาก็ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใจของมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน

“เนื่องจากเป็นฉันเองที่ชวนน้องเย่มาลงทุน..ฉันจะไม่ใช้เงินของน้องเย่อย่างแน่นอน..จริงๆ แล้วสำหรับพวกเราเรื่องเงินมันไม่ใช่ปัญหาอะไร..มันเป็นเพียงแค่กองทุนเริ่มต้นและฉันก็จะเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการเรื่องเงินเอง..เพราะนี่มันก็เป็นเพียงแค่ธุรกิจเบื้องหน้าเท่านั้น..เพราะของจริงมันอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้..และฉันก็อยากให้น้องเย่ช่วยจัดการดูแลเรื่องนี้น่ะ” หลี่จื้อเทียนก็อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายขึ้นราวกับว่าเขาเห็นความหวังที่จะได้ร่วมมือกับเย่เชียนแล้ว

“พี่ใหญ่หลี่ประเมินค่าผมสูงเกินไปหรือเปล่า..ถึงผมจะมีหน้ามีตาในเมืองหนานจิงก็ตาม..แต่ถ้าผมไปที่อื่นแล้วผมก็ไม่ได้มีอำนาจและอิทธิพลอะไรเลย..และยิ่งไปกว่านั้นสัมพันธมิตรและเครือข่ายต่างๆ ของพี่ใหญ่หลี่ก็น่าจะมีคนที่เหมาะสมกว่าผมมากไม่ใช่เหรอ” เย่เชียนพูด

“พูดตรงๆ ฉันก็มีเส้นสายกับรัฐบาลอยู่..ซึ่งข้อมูลภายในต่างๆ เกี่ยวกับการตลาดก็มีเยอะอย่างมากและข่าวคราวจากคนของรัฐก็รวดเร็วเช่นกัน..แต่มันก็มีข้อจำกัดอยู่เช่นกัน..เพราะในหลายๆ กรณีแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้รัฐบาลมาแทรกแซง..ซึ่งคนที่สามารถทำทั้งหมดนี้ได้ก็มีแต่น้องเย่ที่ไม่เกี่ยวข้องรัฐบาลและสามารถรักษาเสถียรภาพเพื่อผลกำไรที่มากขึ้นได้” หลี่จื้อเทียนพูด

“ถ้าพี่ใหญ่หลี่พูดความจริงออกมาจากใจแบบนี้แล้วผมก็จะไม่ปิดบังพี่ใหญ่ก็แล้วกัน..จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ไม่มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย..และตอนนี้อุตสาหกรรมต่างๆ ในเมืองหนานจิงก็ลงตัวแล้ว..และมันก็เพียงพอแล้วที่จะให้ผมสามารถใช้ชีวิตที่สะดวกสบายไปตลอดทั้งชีวิต..แล้วทำไมผมถึงต้องไปเสี่ยงลงทุนอย่างอื่นด้วยล่ะ?” เย่เชียนพูด

หลี่จื้อเทียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะหลังจากที่พูดคุยและเจรจากันมาตั้งนานแต่ทว่าเขาก็ยังไม่สามารถกระตุ้นความสนใจของเย่เชียนได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อเป็นเช่นนั้นหลี่จื้อเทียนก็ขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้งและเริ่มสงสัยว่าเย่เชียนนั้นต้องการอะไรกันแน่เพราะจากสิ่งที่เย่เชียนพูดเมื่อครู่นี้บอกเขาว่าเย่เชียนไม่มีความทะเยอทะยานใดๆ ทั้งสิ้น แต่ทว่าความจริงแล้วเย่เชียนนั้นเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอย่างมากเพราะสิ่งที่หลี่จื้อเทียนต้องการนั้นไม่ใช่เงินแต่มันเป็นผลประโยชน์ต่างๆ นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลี่จื้อเทียนรับรู้ได้ถึงเงื่อนไขในการต่อรองเพื่อดำเนินการเจรจาต่อไป หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่หลี่จื้อเทียนก็พูดว่า “ฉันเป็นคนที่มีความสัมพันธ์และเครือข่ายกับคนในรัฐบาลของประเทศของเรา..และถ้าหากไม่มีความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างทั้งสองฝ่ายทั้งสีดำและสีขาวและไม่มีเครือข่ายกับรัฐบาลกลางเลยล่ะก็..ฉันเกรงว่ารัฐบาลกลางจอาจจะเคลื่อนไหวและมาแทรกแซงน่ะ..และคนที่โชคร้ายคนแรกก็อาจจะเป็นน้องเย่เนี่ยแหละ”

เย่เชียนนั้นก็รู้เรื่องนี้ดีและนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเย่เชียนถึงยังไม่ได้เคลื่อนไหวและดำเนินการใหญ่ๆ ใดๆ และถึงแม้ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจะมีสัมพันธไมตรีที่ดีกับเขาก็ตาม แต่ก็ไม่มีอะไรที่สามารถยืนยันได้ว่าเขาจะสามารถช่วยได้สักแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าเย่เชียนก็สามารถรับมือได้อยู่แล้วแต่สิ่งนี้ก็อาจทำให้สูญเสียความเป็นไปได้ที่จะต่อสู้เพื่อก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้

เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วในมุมมองของพี่ใหญ่หลี่ล่ะ..คิดว่าผมควรทำยังไงบ้าง? ”

หลี่จื้อเทียนก็ยิ้มและพูดว่า “ถ้าหากน้องเย่ต้องการที่จะได้รับการยอมรับจากรัฐบาลล่ะก็..ก่อนอื่นเลยน้องเย่ต้องทำให้พวกเขาคิดว่าน้องเย่ไม่ได้เป็นอันตรายต่อพวกเขา..และอีกอย่างก็คือทำให้พวกเขามั่นใจในเชิงเศรษฐกิจเพราะถ้าหากว่าน้องเย่ล้มลงล่ะก็มันจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศได้โดยตรงน่ะ..จะใช้เวลาอีกสองสามปีหรืออีกหลายสิบปีก็เถอะ..เพราะสิ่งเหล่านี้มันก็พูดกันได้ง่ายๆ แต่มันทำได้ยากมาก..และสิ่งแรกที่เราต้องมีก็คือเราต้องมีสัมพันธไมตรีที่ดีกับคนในทุกระดับของรัฐบาล..ตั้งแต่รัฐบาลท้องถิ่นไปจนถึงรัฐบาลกลางเลย..และทำให้พวกเขาคิดว่าเราสนับสนุนพวกเขามาโดยตลอดและช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศ..จากนั้นพวกเขาก็จะลืมตาและปิดตาไปโดยธรรมชาติและฉันเองก็มีเครือข่ายกับรัฐบาลกลางอีกด้วย..ตราบใดที่น้องเย่ไม่ได้สร้างปัญหาใหญ่มากเกินไปล่ะก็..ฉันเชื่อว่าเครือข่ายต่างๆ ทั้งหมดของฉันสามารถผลักดันและสนับสนุนพวกเราได้อย่างเต็มที่”

เย่เชียนก็ฉีกยิ้มเล็กน้อยจากสิ่งที่หลี่จื้อเทียนพูดนั้นเขาก็ยิ่งแน่ใจว่าหลี่จื้อเทียนนั้นมีความสามารถและอิทธิพลอย่างมากเพราะไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะไม่พูดสิ่งเหล่านี้ที่ฟังดูโออ่าและยิ่งใหญ่ออกมาอย่างแน่นอน เพราะคนที่ยืนอยู่ในระดับเดียวกันกับหลี่จื้อเทียนก็คงจะไม่กล้าพูดเรื่องที่ยิ่งใหญ่และโออ่าแบบนั้นออกมาเป็นแน่ เมื่อคิดเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าเราร่วมมือกันแล้วพี่ใหญ่หลี่จะลงทุนทำอะไรล่ะ?”

ในที่สุดความกังวลในใจของหลี่จื้อเทียนก็สงบลงแล้วเมื่อรู้ว่าความเป็นไปได้ที่จะได้ร่วมมือกันนั้นมีโอกาสอย่างมาก “ฉันมีข่าวกรองล่าสุดจากรัฐบาลกลางน่ะ..รัฐบาลกลางกำลังจะพัฒนาและปฏิรูปเศรษฐกิจของมณฑลเหอหนานอย่างจริงจังและมีแบบแผนมาจากเมืองมาเก๊า” หลี่จื้อเทียนพูด

“การพนันเหรอ?” เย่เชียนถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วพูด

“ใช่แล้ว! ..มันเป็นอุตสาหกรรมแห่งการพนัน..มณฑลเหอหนานน่ะมีพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่พิเศษและทรัพยากรที่เหมาะสม..และถ้าหากเราต้องการไปลงทุนเราก็ต้องหาวิธีที่ไม่เหมือนใครและใช้ธุรกิจการพนันเพื่อผลักดันการท่องเที่ยวและใช้การท่องเที่ยวเพื่อผลักดันเศรษฐกิจ..และในอีกห้าปีมณฑลเหอหนานจะกลายเป็นดินแดนแห่งสวรรค์อย่างแน่นอน” หลี่จื้อเทียนพูดอย่างจริงจัง “น้องเย่ก็น่าจะรู้ว่ามณฑลเหอหนานน่ะมีการพนันบางอย่างที่มีเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับรัฐบาล..ซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้พวกองค์กรใต้ดินเหล่านั้นเข้ามาแทรกแซงและดูแล..ไม่งั้นมันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกที่มณฑลนั้นจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวน่ะ”

เย่เชียนนั้นมีความสนใจในเรื่องของการพนันมาโดยตลอดเพราะเขาได้เห็นความรุ่งโรจน์ของเมืองลาสเวกัสในประเทศสหรัฐอเมริกามาแล้ว เพราะเนื่องจากผลประโยชน์อันมากมายมหาศาลจากธุรกิจการพนันนั้น ซึ่งแน่นอนว่าการพนันก็จะก่อให้เกิดปัญหทางสังคมมากมายหลากหลายประการด้วยเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องออกนโยบายที่มีประสิทธิภาพและเข้มงวดอย่างมากในเวลาเดียวกัน

ขนาดเมืองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทะเลทรายอันแห้งแล้งอย่างเมืองลาสเวกัสแต่กลับสามารถจะเจริญรุ่งเรืองได้มากมายขนาดนี้ จึงไม่ต้องพูดถึงทิวทัศน์และพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ที่สวยงามของมณฑลเหอหนานเลย? เพราะการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการในท้องถิ่นนั้นสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยธุรกิจการพนันที่มีประสิทธิภาพมากกว่าอุตสาหกรรมการเกษตรกรรมใดๆ ทั้งสิ้น

ความเป็นจริงแล้วเย่เชียนนั้นเต็มไปด้วยความสนใจอย่างมากในการลงทุนเช่นนี้อยู่แล้ว เพียงแต่เย่เชียนยังไม่เคยพบพันธมิตรที่เหมาะสมที่จะปรองดองกับรัฐบาล เพราะเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็เคยมีแผนการเช่นนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นกัน และตอนนี้ก็มีหลี่จื้อเทียนที่มีความสัมพันธ์และเครือข่ายกับรัฐบาลกลางเช่นนี้ก็จะทำให้เย่เชียนสามารถทำตามความปรารถนาที่เคยมีมาได้อย่างเต็มที่ แน่นอนว่าพื้นที่ทางภูมิศาสตร์และจุดยุทธศาสตร์ของมณฑลเหอหนานนั้นเย่เชียนก็สนใจอยู่มากเช่นกัน จริงอยู่ที่ว่าการเคลื่อนไหวและแผนการต่างๆ เพียงเล็กน้อยนั้นก็อาจจะดึงดูดความสนใจของรัฐบาลกลางได้แต่ทว่าในมณฑลเหอหนานแล้วมันจะไม่เป็นเช่นนั้นและยิ่งไปกว่านั้นที่แห่งนี้ยังสามารถสร้างกองกำลังเขี้ยวหมาป่าได้อย่างสมบูรณ์และสามารถเป็นฐานที่มั่นศูนย์กลางได้อีกด้วย

ทันใดนั้นเองปากของเย่เชียนก็ฉีกขึ้นเป็นรอยยิ้มและก็ยื่นมือออกมาพร้อมพูดว่า “ขอให้รุ่งโรจน์กับการร่วมมือ”

หลี่จื้อเทียนก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะเพราะเขายังไม่ทันได้ตั้งตัวหลังจากนั้นไม่นานเขาก็หัวเราะอย่างยินดีและยื่นมือออกไปจีบมือกับเย่เชียนอย่างมีความสุขพร้อมพูดว่า “ขอให้รุ่งโรจน์กับการร่วมมือในครั้งนี้!” .

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 257 การร่วมมือ

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 257 การร่วมมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่เชียนนั้นไม่ใช่คนที่เก่งในการเจรจาเชิงธุรกิจมากนัก แต่เย่เชียนก็มักจะได้ประสบการณ์ต่างๆ มามากมายเพราะเคยได้ติดต่อกับผู้คนมาทุกประเภทแล้ว อาจพูดได้ว่านี่เป็นเสน่ห์ประจำตัวของเย่เชียนเลยก็ได้ว่าได้ซึ่งเย่เชียนสามารถเข้าถึงจิตใจของผู้คนได้ดีและตอบสนองสิ่งต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม

สำหรับคนอื่นๆ แล้วถ้าหากหลี่จื้อเทียนมาขอให้ร่วมมือด้วยแล้วล่ะก็พวกเขาเหล่านั้นก็จะต้องดีใจและรีบตกลงกันอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดหน้าคิดหลังอย่างแน่นอน แต่ทว่าเย่เชียนไม่ใช่คนแบบนั้นเพราะเขาต้องการที่จะเห็นผลประโยชน์ที่แท้จริง ดั่งที่หลี่จื้อเทียนพูดเอาไว้ว่าเย่เชียนนั้นสามารถใช้เส้นสายและเครือข่ายของหลี่จื้อเทียนเพื่อปืนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดแต่ทว่าเครือข่ายของหลี่จื้อเทียนนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหนเย่เชียนก็ยังไม่รู้แน่ชัด เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เย่เชียนต้องพิจารณาก็คือหลี่จื้อเทียนนั้นมีอิทธิพลในประเทศจีนมากแค่ไหนและสามารถช่วยเหลือเย่เชียนได้มากสักแค่ไหน

สิ่งที่หลี่จื้อเทียนพูดออกมานั้นที่เขาพูดว่าเขาชื่นชมเย่เชียนอย่างมากนั่นไม่ใช่เรื่องโกหกแต่อย่างใดเลย และถึงแม้ว่าเฉินเซิงจะไม่ได้บอกหลี่จื้อเทียนว่าเย่เชียนคือCEOที่แท้จริงของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็ตาม แต่การที่เย่เชียนสามารถครองเมืองหนานจิงได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีทักษะและความกล้าหาญอย่างมาก และมิอาจคาดเดาได้เลยว่าในอนาคตเด็กหนุ่มคนนี้จะประสบความสำเร็จมากเพียงใด

หลี่จื้อเทียนเองก็รู้ดีว่ายิ่งมีคนเช่นนี้ร่วมมือกับเขาก็จะทำให้เส้นทางในอนาคตของเขาก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามถ้าหากเขาพบโอกาสที่ดีแม้จะเสี่ยงก็ตามเขาก็จะสามารถเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้และเขาก็จะสามารถก้าวข้ามผ่านทุกคนและอยู่เหนือจุดสูงสุดของโลกแห่งธุรกิจได้ และยิ่งไปกว่านั้นด้วยอิทธิพลของเขานั้นเขายังสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เย่เชียนเผชิญได้และช่วยให้เย่เชียนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดพร้อมกับเขาได้เร็วยิ่งขึ้น

นักธุรกิจนั้นมักจะมองแต่ผลประโยชน์แม้กระทั่งความรู้สึกที่แท้จริงที่ถูกเปิดเผยในบางครั้งมันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น แต่ในมุมมองของเย่เชียนนั้นสิ่งที่หลี่จื้อเทียนเห็นมันก็คือโอกาสในการพัฒนาความยิ่งใหญ่ในอนาคต

เย่เชียนยิ้มและพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าพี่ใหญ่หลี่จะร่วมมือกับผมเรื่องอะไร?”

“เรื่องการลงทุน!” หลี่จื้อเทียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะตราบใดที่การสนทนายังคงดำเนินต่อไปได้เขาก็จะมีโอกาสที่จะสามารถโน้มน้าวเย่เชียนได้ นั่นก็เพราะหลี่จื้อเทียนนั้นอาจพูดได้ว่าเขาเป็นนักเจรจาที่ยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบและนี่ก็ไม่ใช่การดูถูกแต่อย่างใดแต่เป็นคำชมเชย หลี่จื้อเทียนนั้นสามารถมองเห็นศักยภาพอันยิ่งใหญ่มหาศาลที่ซ่อนอยู่ในตัวของเย่เชียนและถึงแม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ตต่อเย่เชียนก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็จะสูญเสียแค่บางสิ่งบางอย่างไปเท่านั้นแต่ถ้าหากว่าเขาชนะขึ้นมาล่ะก็มันก็จะเป็นการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใด

“ลงทุนด้านไหน? ..พี่ใหญ่สามารถอธิบายแบบเจาะจงให้หน่อยจะได้มั้ย?” เย่เชียนเริ่มจิบกาแฟและทำลายความกดดันจากหลี่จื้อเทียนอย่างช้าๆ แต่เย่เชียนก็ต้องยอมรับเลยว่าการติดต่อกับนักธุรกิจที่ฉลาดปราดเปรื่องนั้นบางครั้งก็ลำบากกว่านักการเมืองที่มีไหวพริบเสียอีกและหลี่จื้อเทียนก็เป็นคนเช่นนั้น

“ด้านอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนทางการเงินด้านสื่อบันเทิงต่างๆ ฯลฯ ..เพราะถ้าน้องเย่เต็มใจให้ความร่วมมือล่ะก็อะไรๆ พวกเราก็ทำได้ทั้งนั้น” หลี่จื้อเทียนพูดด้วยความตื่นเต้น เพราะไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำถามที่อยากรู้อยากเห็นของเย่เชียนนั้นได้กระตุ้นสิ่งที่หลี่จื้อเทียนต้องการอย่างมาก เพราะมันมีแนวโน้มอย่างมากที่เย่เชียนจะยอมร่วมมือด้วย

สมองของเย่เชียนก็ประมวลผลอย่างรวดเร็วเช่นกันและเขาก็เชื่อว่าการร่วมมือของหลี่จื้อเทียนกับเขานั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าผลกำไรซึ่งนั่นมันก็คือความมืดมนของเหล่านักธุรกิจทุกคน แต่แน่นอนว่าก็มีอยู่หลายคนที่มักจะใช้วิธีการที่มืดมนเช่นนี้อย่างราชาแห่งขุนเขาเฝิงเฝิงก็เป็นหนึ่งเหตุผล เพราะการกระทำของเฝิงเฝิงในเมืองหนานจิงที่ท้าทายเขาและราชาแห่งขุนเขาเฝิงเฝิงก็มีอำนาจและอิทธิพลมากมายในเมืองหางโจวและแม้แต่มณฑลเจียงซูก็ด้วย

ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับการดำเนินการเชิงพาณิชย์และการลงทุนมากนัก แต่ทว่าเย่เชียนก็รู้มาหลายอย่างในระหว่างการดูแลเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ซึ่งมันไม่มีการลงทุนใดๆ ในโลกนี้ที่ปราศจากด้านมืดแล้วจะได้รับผลกำไรที่มหาศาล

“ผมไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้นหรอก..และผมก็ไม่ได้มีเงินทุนสำหรับส่วนของการลงทุนเลย” เย่เชียนเริ่มโยนเงื่อนไขการต่อรองของตัวเองออกไปโดยอยากที่จะเห็นว่าความจริงใจและความมุ่งมั่นของหลี่จื้อเทียนนั้นมีให้เขามากสักแค่ไหน และถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการเจรจาเชิงธุรกิจก็ตามแต่เขาก็ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใจของมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน

“เนื่องจากเป็นฉันเองที่ชวนน้องเย่มาลงทุน..ฉันจะไม่ใช้เงินของน้องเย่อย่างแน่นอน..จริงๆ แล้วสำหรับพวกเราเรื่องเงินมันไม่ใช่ปัญหาอะไร..มันเป็นเพียงแค่กองทุนเริ่มต้นและฉันก็จะเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการเรื่องเงินเอง..เพราะนี่มันก็เป็นเพียงแค่ธุรกิจเบื้องหน้าเท่านั้น..เพราะของจริงมันอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้..และฉันก็อยากให้น้องเย่ช่วยจัดการดูแลเรื่องนี้น่ะ” หลี่จื้อเทียนก็อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายขึ้นราวกับว่าเขาเห็นความหวังที่จะได้ร่วมมือกับเย่เชียนแล้ว

“พี่ใหญ่หลี่ประเมินค่าผมสูงเกินไปหรือเปล่า..ถึงผมจะมีหน้ามีตาในเมืองหนานจิงก็ตาม..แต่ถ้าผมไปที่อื่นแล้วผมก็ไม่ได้มีอำนาจและอิทธิพลอะไรเลย..และยิ่งไปกว่านั้นสัมพันธมิตรและเครือข่ายต่างๆ ของพี่ใหญ่หลี่ก็น่าจะมีคนที่เหมาะสมกว่าผมมากไม่ใช่เหรอ” เย่เชียนพูด

“พูดตรงๆ ฉันก็มีเส้นสายกับรัฐบาลอยู่..ซึ่งข้อมูลภายในต่างๆ เกี่ยวกับการตลาดก็มีเยอะอย่างมากและข่าวคราวจากคนของรัฐก็รวดเร็วเช่นกัน..แต่มันก็มีข้อจำกัดอยู่เช่นกัน..เพราะในหลายๆ กรณีแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้รัฐบาลมาแทรกแซง..ซึ่งคนที่สามารถทำทั้งหมดนี้ได้ก็มีแต่น้องเย่ที่ไม่เกี่ยวข้องรัฐบาลและสามารถรักษาเสถียรภาพเพื่อผลกำไรที่มากขึ้นได้” หลี่จื้อเทียนพูด

“ถ้าพี่ใหญ่หลี่พูดความจริงออกมาจากใจแบบนี้แล้วผมก็จะไม่ปิดบังพี่ใหญ่ก็แล้วกัน..จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ไม่มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย..และตอนนี้อุตสาหกรรมต่างๆ ในเมืองหนานจิงก็ลงตัวแล้ว..และมันก็เพียงพอแล้วที่จะให้ผมสามารถใช้ชีวิตที่สะดวกสบายไปตลอดทั้งชีวิต..แล้วทำไมผมถึงต้องไปเสี่ยงลงทุนอย่างอื่นด้วยล่ะ?” เย่เชียนพูด

หลี่จื้อเทียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะหลังจากที่พูดคุยและเจรจากันมาตั้งนานแต่ทว่าเขาก็ยังไม่สามารถกระตุ้นความสนใจของเย่เชียนได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อเป็นเช่นนั้นหลี่จื้อเทียนก็ขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้งและเริ่มสงสัยว่าเย่เชียนนั้นต้องการอะไรกันแน่เพราะจากสิ่งที่เย่เชียนพูดเมื่อครู่นี้บอกเขาว่าเย่เชียนไม่มีความทะเยอทะยานใดๆ ทั้งสิ้น แต่ทว่าความจริงแล้วเย่เชียนนั้นเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอย่างมากเพราะสิ่งที่หลี่จื้อเทียนต้องการนั้นไม่ใช่เงินแต่มันเป็นผลประโยชน์ต่างๆ นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลี่จื้อเทียนรับรู้ได้ถึงเงื่อนไขในการต่อรองเพื่อดำเนินการเจรจาต่อไป หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่หลี่จื้อเทียนก็พูดว่า “ฉันเป็นคนที่มีความสัมพันธ์และเครือข่ายกับคนในรัฐบาลของประเทศของเรา..และถ้าหากไม่มีความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างทั้งสองฝ่ายทั้งสีดำและสีขาวและไม่มีเครือข่ายกับรัฐบาลกลางเลยล่ะก็..ฉันเกรงว่ารัฐบาลกลางจอาจจะเคลื่อนไหวและมาแทรกแซงน่ะ..และคนที่โชคร้ายคนแรกก็อาจจะเป็นน้องเย่เนี่ยแหละ”

เย่เชียนนั้นก็รู้เรื่องนี้ดีและนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเย่เชียนถึงยังไม่ได้เคลื่อนไหวและดำเนินการใหญ่ๆ ใดๆ และถึงแม้ว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจะมีสัมพันธไมตรีที่ดีกับเขาก็ตาม แต่ก็ไม่มีอะไรที่สามารถยืนยันได้ว่าเขาจะสามารถช่วยได้สักแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าเย่เชียนก็สามารถรับมือได้อยู่แล้วแต่สิ่งนี้ก็อาจทำให้สูญเสียความเป็นไปได้ที่จะต่อสู้เพื่อก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้

เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วในมุมมองของพี่ใหญ่หลี่ล่ะ..คิดว่าผมควรทำยังไงบ้าง? ”

หลี่จื้อเทียนก็ยิ้มและพูดว่า “ถ้าหากน้องเย่ต้องการที่จะได้รับการยอมรับจากรัฐบาลล่ะก็..ก่อนอื่นเลยน้องเย่ต้องทำให้พวกเขาคิดว่าน้องเย่ไม่ได้เป็นอันตรายต่อพวกเขา..และอีกอย่างก็คือทำให้พวกเขามั่นใจในเชิงเศรษฐกิจเพราะถ้าหากว่าน้องเย่ล้มลงล่ะก็มันจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศได้โดยตรงน่ะ..จะใช้เวลาอีกสองสามปีหรืออีกหลายสิบปีก็เถอะ..เพราะสิ่งเหล่านี้มันก็พูดกันได้ง่ายๆ แต่มันทำได้ยากมาก..และสิ่งแรกที่เราต้องมีก็คือเราต้องมีสัมพันธไมตรีที่ดีกับคนในทุกระดับของรัฐบาล..ตั้งแต่รัฐบาลท้องถิ่นไปจนถึงรัฐบาลกลางเลย..และทำให้พวกเขาคิดว่าเราสนับสนุนพวกเขามาโดยตลอดและช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศ..จากนั้นพวกเขาก็จะลืมตาและปิดตาไปโดยธรรมชาติและฉันเองก็มีเครือข่ายกับรัฐบาลกลางอีกด้วย..ตราบใดที่น้องเย่ไม่ได้สร้างปัญหาใหญ่มากเกินไปล่ะก็..ฉันเชื่อว่าเครือข่ายต่างๆ ทั้งหมดของฉันสามารถผลักดันและสนับสนุนพวกเราได้อย่างเต็มที่”

เย่เชียนก็ฉีกยิ้มเล็กน้อยจากสิ่งที่หลี่จื้อเทียนพูดนั้นเขาก็ยิ่งแน่ใจว่าหลี่จื้อเทียนนั้นมีความสามารถและอิทธิพลอย่างมากเพราะไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะไม่พูดสิ่งเหล่านี้ที่ฟังดูโออ่าและยิ่งใหญ่ออกมาอย่างแน่นอน เพราะคนที่ยืนอยู่ในระดับเดียวกันกับหลี่จื้อเทียนก็คงจะไม่กล้าพูดเรื่องที่ยิ่งใหญ่และโออ่าแบบนั้นออกมาเป็นแน่ เมื่อคิดเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าเราร่วมมือกันแล้วพี่ใหญ่หลี่จะลงทุนทำอะไรล่ะ?”

ในที่สุดความกังวลในใจของหลี่จื้อเทียนก็สงบลงแล้วเมื่อรู้ว่าความเป็นไปได้ที่จะได้ร่วมมือกันนั้นมีโอกาสอย่างมาก “ฉันมีข่าวกรองล่าสุดจากรัฐบาลกลางน่ะ..รัฐบาลกลางกำลังจะพัฒนาและปฏิรูปเศรษฐกิจของมณฑลเหอหนานอย่างจริงจังและมีแบบแผนมาจากเมืองมาเก๊า” หลี่จื้อเทียนพูด

“การพนันเหรอ?” เย่เชียนถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วพูด

“ใช่แล้ว! ..มันเป็นอุตสาหกรรมแห่งการพนัน..มณฑลเหอหนานน่ะมีพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่พิเศษและทรัพยากรที่เหมาะสม..และถ้าหากเราต้องการไปลงทุนเราก็ต้องหาวิธีที่ไม่เหมือนใครและใช้ธุรกิจการพนันเพื่อผลักดันการท่องเที่ยวและใช้การท่องเที่ยวเพื่อผลักดันเศรษฐกิจ..และในอีกห้าปีมณฑลเหอหนานจะกลายเป็นดินแดนแห่งสวรรค์อย่างแน่นอน” หลี่จื้อเทียนพูดอย่างจริงจัง “น้องเย่ก็น่าจะรู้ว่ามณฑลเหอหนานน่ะมีการพนันบางอย่างที่มีเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับรัฐบาล..ซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้พวกองค์กรใต้ดินเหล่านั้นเข้ามาแทรกแซงและดูแล..ไม่งั้นมันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกที่มณฑลนั้นจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวน่ะ”

เย่เชียนนั้นมีความสนใจในเรื่องของการพนันมาโดยตลอดเพราะเขาได้เห็นความรุ่งโรจน์ของเมืองลาสเวกัสในประเทศสหรัฐอเมริกามาแล้ว เพราะเนื่องจากผลประโยชน์อันมากมายมหาศาลจากธุรกิจการพนันนั้น ซึ่งแน่นอนว่าการพนันก็จะก่อให้เกิดปัญหทางสังคมมากมายหลากหลายประการด้วยเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องออกนโยบายที่มีประสิทธิภาพและเข้มงวดอย่างมากในเวลาเดียวกัน

ขนาดเมืองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทะเลทรายอันแห้งแล้งอย่างเมืองลาสเวกัสแต่กลับสามารถจะเจริญรุ่งเรืองได้มากมายขนาดนี้ จึงไม่ต้องพูดถึงทิวทัศน์และพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ที่สวยงามของมณฑลเหอหนานเลย? เพราะการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการในท้องถิ่นนั้นสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยธุรกิจการพนันที่มีประสิทธิภาพมากกว่าอุตสาหกรรมการเกษตรกรรมใดๆ ทั้งสิ้น

ความเป็นจริงแล้วเย่เชียนนั้นเต็มไปด้วยความสนใจอย่างมากในการลงทุนเช่นนี้อยู่แล้ว เพียงแต่เย่เชียนยังไม่เคยพบพันธมิตรที่เหมาะสมที่จะปรองดองกับรัฐบาล เพราะเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็เคยมีแผนการเช่นนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นกัน และตอนนี้ก็มีหลี่จื้อเทียนที่มีความสัมพันธ์และเครือข่ายกับรัฐบาลกลางเช่นนี้ก็จะทำให้เย่เชียนสามารถทำตามความปรารถนาที่เคยมีมาได้อย่างเต็มที่ แน่นอนว่าพื้นที่ทางภูมิศาสตร์และจุดยุทธศาสตร์ของมณฑลเหอหนานนั้นเย่เชียนก็สนใจอยู่มากเช่นกัน จริงอยู่ที่ว่าการเคลื่อนไหวและแผนการต่างๆ เพียงเล็กน้อยนั้นก็อาจจะดึงดูดความสนใจของรัฐบาลกลางได้แต่ทว่าในมณฑลเหอหนานแล้วมันจะไม่เป็นเช่นนั้นและยิ่งไปกว่านั้นที่แห่งนี้ยังสามารถสร้างกองกำลังเขี้ยวหมาป่าได้อย่างสมบูรณ์และสามารถเป็นฐานที่มั่นศูนย์กลางได้อีกด้วย

ทันใดนั้นเองปากของเย่เชียนก็ฉีกขึ้นเป็นรอยยิ้มและก็ยื่นมือออกมาพร้อมพูดว่า “ขอให้รุ่งโรจน์กับการร่วมมือ”

หลี่จื้อเทียนก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะเพราะเขายังไม่ทันได้ตั้งตัวหลังจากนั้นไม่นานเขาก็หัวเราะอย่างยินดีและยื่นมือออกไปจีบมือกับเย่เชียนอย่างมีความสุขพร้อมพูดว่า “ขอให้รุ่งโรจน์กับการร่วมมือในครั้งนี้!” .

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+