ยอดนักรบจอมราชัน 349 ข้อพิพาททางวิศวกรรม

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 349 ข้อพิพาททางวิศวกรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 349 ข้อพิพาททางวิศวกรรม

บางสิ่งบางอย่างนั้นมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดให้ชัดเจนจนเกินไปดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้ถามต่อ ซึ่งอันที่จริงแล้วตราบใดที่เรารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถามเลย

เรื่องต่างๆ นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้สำเร็จในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างแน่นอนและการใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรมเป็นเวลานานนั้นมันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะการนัดพบกับเฉินโม่และชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นก็ไม่สะดวกอย่างยิ่งและมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะให้พวกเขาไปๆ มาๆ จากโรงแรมนั้นมาโรงแรมนี้เช่นนั้นเลย และยิ่งไปกว่านั้นตัวตนของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นก็เป็นความลับและเย่เชียนเองก็ไม่ต้องการเปิดเผยต่อรัฐบาลและฝ่ายต่างๆ ของไต้หวันเร็วเกินไป

ดังนั้นเย่เชียนจึงบอกให้เฉินโม่ไปหาซื้อบ้านสักหลังเพราะพวกเขานั้นควรจะอยู่ในสถานที่ที่เงียบสงบมากกว่าเพราะการทำสิ่งต่างๆ นั้นก็จะสะดวกกว่าอย่างมาก

ในตอนกลางคืนเย่เชียนก็เก็บตัวเองอยู่แต่ในห้องอีกครั้งโดยถือปากกาและกระดาษเอาไว้ในมือเช่นเคยและเริ่มวาดแผนผังระบุแผนการโดยละเอียดสำหรับการพัฒนาของเขาในไต้หวัน ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์นั้นมันจะครอบคลุมเส้นทางเศรษฐกิจของไต้หวันอย่างมากและจะทำให้สโมสรโรงริมศิลปะการต่อสู้ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นเป็นศูนย์กลางการระดมเหล่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่าให้เข้ามายังไต้หวันได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยไม่ถูกตรวจจับจากรัฐบาลอย่างแน่นอน

ส่วนอีกเรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าก็คืออุตสาหกรรมขนส่งสาธารณะแท็กซี่นั้นเย่เชียนเองก็กำลังเตรียมวางแผนเอาไว้แล้วและอย่าไปดูถูกอุตสาหกรรมและธุรกิจนี้เพราะถึงแม้ว่าจะเอาไปเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่ได้กำไรน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆ ก็ตามแต่ทว่าผลประโยชน์ระยะยาวที่คาดว่าจะได้รับของอุตสาหกรรมธุรกิจนี้นั้นก็ค่อนข้างที่จะมหาศาลเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าถ้าหากเราสามารถควบคุมรถแท็กซี่ทั้งหมดของไต้หวันได้นั้นผลลัพธ์มันคืออะไร? ซึ่งผลลัพธ์ก็คือตราบใดที่เราสั่งหยุดมันก็จะส่งผลให้การจราจรของเมืองทั้งเมืองเป็นอัมพาตได้และยิ่งไปกว่านั้นอย่าดูถูกแท็กซี่เพราะคนเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนข่าวกรองที่ดีเยี่ยมซึ่งเย่เชียนก็วางแผนเอาไว้ในระยะยาวแล้ว

อย่างไรก็ตามสิ่งๆ ต่างๆ นั้นล้วนมีขั้นตอนและวิธีการและมันก็ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน ซึ่งองค์กรสามมุมเมืองและองค์กรเทียนเต๋าและองค์กรซูเหลียนนั้นเป็นเป้าหมายที่เย่เชียนต้องการที่จะกวาดล้าง นั่นก็เพราะว่าทั้งสามองค์กรนี้ไม่เพียงแค่ควบคุมธุรกิจและกองกำลังของใต้ดินในเมืองไต้หวันเพียงเท่านั้นแต่พวกนั้นยังแทรกซึมเข้าไปในรัฐบาลกันจำนวนมากอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากเย่เชียนสามารถกวาดล้างทั้งสามฝ่ายนี้ได้ล่ะก็การทำสิ่งๆ ต่างๆ ในเมืองไต้หวันในอนาคตก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

เมื่อถึงเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มจะสว่างเย่เชียนก็เก็บกวาดกระดาษปากกาของเขาที่หากใครมาเห็นก็อาจทำให้มึนหัวได้เพราะเส้นแผนผังเหล่านั้นมีข้อมูลที่ละเอียดอย่างมาก ซึ่งในเวลานี้เย่เชียนก็บิดขี้เกียจพร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้ายที่ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาและเขาก็ค่อยๆ เริ่มหลับไป

หูวเค่อก็ยังคงตื่นแต่เช้าเช่นเคยแต่เธอก็พบว่าเย่เชียนนั้นยังคงนอนหลับอยู่และเธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและสงสัยว่าเย่เชียนนั้นขี้เกียจเกินไปหรือเปล่า อย่างไรก็ตามเธอนั้นก็ไม่รู้ว่าเย่เชียนจะอยู่จนถึงรุ่งเช้าและไม่ได้นอนเลยเมื่อคืนนี้ ซึ่งเธอเองก็ไม่อยากไปปลุกเขาและอยากให้เขาพักผ่อนให้เต็มอิ่มเช่นกัน

ในขณะนี้เย่เชียนก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาไม่นานหลังจากที่เขาหลับไปเพราะเขาถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันและเขาก็งัวเงียกดปุ่มรับสายและได้ยินเสียงที่ดูกังวลของเหลียงหยานดังมาจากอีกด้านหนึ่ง “พี่เย่อยู่ไหนหรอคะ..ที่ไซต์ก่อสร้างเกิดเรื่องขึ้นค่ะ..พี่เย่พอมีเวลามามั้ยคะ?”

หลังจากที่ตกตะลึงเล็กน้อยเย่เชียนก็คิดด้วยความประหลาดใจว่า ‘ทั้งๆ ที่โจวเจิ้งผิงเพิ่งจะปล่อยข่าวการสนับสนุนไปเมื่อไม่นานมานี้แล้วแท้ๆ ..แต่ทำไมถึงยังมีคนที่กล้ามาก่อปัญหาในไซต์ก่อสร้างของเขาอีก..หรือว่ามันจะเป็นกลุ่มเทียนเต๋าไม่ก็กลุ่มซูเหลียนหรือเปล่า? ..มันไม่มีทางเป็นใครอื่นอย่างแน่นอน’ หลังจากนั้นเย่เชียนก็ถามเธอว่า “เธอได้โทรไปแจ้งตำรวจรึยัง?”

“ฉันยังไม่ได้โทรค่ะพี่เย่..ฉันยังไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใครเพราะงั้นถ้าเราไปทำให้พวกเขาโกรธเคืองเกินไปมันก็จะไม่เป็นผลดีต่อเราในการทำสิ่งต่างๆ ในอนาคตน่ะ”

เย่เชียนก็พยักหน้าและเขาก็รู้ว่าสิ่งที่เหลียงหยานพูดมานั้นดูสมเหตุสมผลอย่างมากเพราะยังมีหลายอย่างที่พวกเขาไม่สามารถรู้และเข้าใจได้ “เสี่ยวหยานเธอทำให้พวกเขาใจเย็นๆ ก่อน..เดี๋ยวฉันจะรีบไป” เมื่อเย่เชียนพูดจบเขาก็วางสายโทรศัพท์ไปและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและรีบใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปอย่างรีบร้อน

รถ Volkswagen Jetta นั้นก็ถูกส่งไปที่ศูนย์รถเพื่อทำการซ่อมแซม ดังนั้นเย่เชียนต้องโบกแท็กซี่และนั่งไปที่ศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งศูนย์โลจิสติกส์นั้นยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างเบื้องต้นจึงทำให้สถานที่นั้นๆ ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งและไม่ไกลจากท่าเทียบเรือและนอกจากนี้ที่นั่นก็ยังเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่อีกด้วย

เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงในที่สุดเย่เชียนก็มาถึงศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์ซึ่งบริเวณโดยรอบนั้นมีรั้วล้อมรอบและมีเหล่าคนงานตั้งรากฐานสถานที่พักผ่อนกันอยู่ที่นั่นและมีเสียงของเครื่องจักรดังอยู่ตลอดเวลา ในไซต์ก่อสร้างนี้มีห้องรักษาความปลอดภัยชั่วคราวที่ทางเข้าซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับผิดชอบในการเฝ้าระวัง และมีสำนักงานชั่วคราวถูกสร้างขึ้นข้างๆ และออฟฟิศชั่วคราวบางส่วนโดยมีเจ้าหน้าที่บริหารและวิศวกรระดับสูงที่ควบคุมโครงการอาศัยอยู่ ซึ่งห้องทั้งหมดนั้นถูกดัดแปลงมาจากตู้คอนเทนเนอร์และการตกแต่งสิ่งอำนวยความสะดวกด้านในนั้นก็ไม่ได้แย่เลย

ฝูงชนสองกลุ่มที่ยืนอยู่ที่ประตูก็กำลังเถียงกันอย่างไม่รู้จบซึ่งข้างๆ นั้นเหลียงหยานกับสมาชิกหน่วยย่อยหมาป่าเพชฌฆาตก็กำลังยืนมองไปที่ฝูงชนที่กำลังถกเถียงกันอย่างเดือดดาล ซึ่งพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยในสถานการณ์เช่นนี้

เย่เชียนก็จ่ายค่ารถแท็กซี่และเดินลงมาพร้อมขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปข้างใน ซึ่งคนสองกลุ่มที่กำลังยืนขวางทางเข้าประตูและถกเถียงกันอย่างเสียงดังกันอยู่นั้นจึงทำให้เย่เชียนไม่สามารถเข้าไปได้และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอยู่หลายครั้งก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็เดินเข้าไปไม่ได้ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นและตะโกนอย่างเสียงดังว่า “เฮ้ย! ..หลบไป!”

ทันทีที่เสียงนั้นจบลงคนทั้งสองกลุ่มก็หยุดถกเถียงกันทันทีและสายตาของพวกเขาก็หันไปที่เย่เชียนโดยปริยายและดวงตาที่คมเหมือนใบมีดของเย่เชียนก็เหมือนจะเสียดแทงทะลุพวกเขาไปทีละคนขนทำให้ฝูงชนเหล่านั้นตกใจโดยไม่กล้าพูดอะไรใดๆ อีกต่อไป หลังจากนั้นเย่เชียนก็เดินผ่านฝูงชนไปอย่างช้าๆ และเดินมาหาเหลียงหยานและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“พวกเขาทุกคนเป็นคนจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างและตอนนี้พวกเขาก็กำลังเถียงกันว่าบริเวณนี้เป็นพื้นที่ในขอบเขตรับชอบของใครค่ะ” เหลียงหยานพูด

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ หันกลับไปมองฝูงชนและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใครบอกว่าผมไม่ได้รับอนุญาตให้เริ่มงานตรงนี้?”

“เอ่อ..นี่คือประธานบริษัทของเรา..ถ้าพวกคุณมีอะไรก็พูดกับเขาได้เลยค่ะ” เหลียงหยานแนะนำเย่เชียนให้ฝูงชน

“คุณประธานครับ..ผมชื่อจ้าวอี้ข่าย..บริษัทของผมรับผิดชอบในการก่อสร้างและขุดหินตรงนี้มาตลอดแต่จู่ๆ ผู้ชายคนนี้ก็บอกว่าผมไปรุกล้ำเขตของเขาและขโมยธุรกิจของเขาครับประธาน” ชายวัยกลางคนร่างผอมก้าวออกมาข้างหน้าและพูดด้วยความเคารพ

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และดวงตาของเขาก็หันไปที่ชายวัยกลางคนร่างอ้วนอีกคน “ประธาน! ..ผมชื่อหยานเทียนเป่าและหานซีเผิงที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหัวหน้าชุดสืบสวนพิเศษน่ะเป็นน้องเขยของผม! ..บริษัทของผมน่ะทำงานรอบๆ ไซต์ก่อสร้างของผมมาโดยตลอด..แต่เจ้าอี้ข่ายมารุกล้ำเขตของผมโดยไม่เห็นหัวผมเลย..เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน..ถ้าพวกคุณไม่ใช้หินของบริษัทผมล่ะก็จากนี้ไปก็จะไม่มีใครสามารถมาขุดหินที่นี่ได้อีกต่อไป!”

เย่เชียนก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “หือ? ..อะไรเนี่ย? ..นี่คุณกำลังขู่ผมงั้นเหรอ..แล้วไซต์ก่อสร้างของคุณที่ว่ามันคืออะไร? ..ผมได้ซื้อที่ดินเหล่านี้เอาไว้หมดแล้วเพราะงั้นไซต์ก่อสร้างทั้งหมดนี่มันก็คือของผม! ..ก็แล้วแต่คุณนะ..ถ้าไม่เชื่อก็เรียกน้องเขยของคุณมาเลยสิ..ผมขอบอกเอาไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าเขาเห็นหน้าผมน่ะเขาต้องเคารพผมและก้มหัวให้ผมอย่างแน่นอน..แล้วนี่อะไร? ..ช่างมันเถอะ..ผมรู้ว่าพวกคุณเหนื่อยกันมากเพราะงั้นก็กลับไปทำงานกันต่อเถอะ”

จ้าวอี้ข่ายก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและมีร่องรอยแห่งความภาคภูมิใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ส่วนหยานเทียนเป่านั้นก็ถึงกับตกตะลึงไปและใบหน้าของเขาก็ดูหดหู่อย่างมากและเขาก็พูดอย่างสำนึกผิดว่า “คุณประธาน..เอ่อ..ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น..ผม…”

เย่เชียนก็โบกมือขัดจังหวะเขาและหันไปมองจ้าวอี้ข่ายและพูดว่า “เอาล่ะๆ ..มันก็ช่วยไม่ได้เพราะเราอยู่ร่วมกันหมู่มากและการเข้าใจผิดกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดา..แต่อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกก็แล้วกัน”

สีหน้าของจ้าวอี้ข่ายก็เปลี่ยนไปและเขาก็ก้มหน้าลงด้วยความละอายใจและเขาก็สำนึกผิดเพราะเขาเห็นโครงการใหญ่ๆ เช่นนี้เขาจึงโลภในผลประโยชน์และกำไรดังนั้นเขาจึงทำไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน..จากนี้ไปพวกคุณทั้งสองคนจะมีหน้าที่ในการรับผิดชอบในการขุดหินทั้งหมดที่นี่และพวกคุณต้องร่วมมือทำงาน..โดยผมจะจ่ายเงินให้พวกคุณเท่าๆ กันก็แล้วกัน..พวกคุณคิดว่าไง?” เย่เชียนพูดต่อ “ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำและก็ออกไปจากที่นี่ซะ..ผมจะได้ไปหาคนอื่นมาทำแทน..แล้วก็ไม่ต้องมาสร้างปัญหาอะไรที่นี่อีก..ไม่งั้นก็อย่ามาบอกว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน”

หยานเทียนเป่าและจ้าวอี้ข่าวก็มองหน้ากันเพราะทั้งคู่ต่างก็ทำผิดพลาดไปเหมือนๆ กันและถ้าหากเย่เชียนนั้นสามารถทำโครงการใหญ่เช่นนี้ได้เขาก็สามารถจัดการตัวเองได้อย่างง่ายดายแน่นอน เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วพวกเขาจะกล้าต่อต้านได้อย่างไร? “ตามที่คุณประธานเห็นควรเลยครับ!” จ้าวอี้ข่ายเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็นของเขา

“ผมเองก็ไม่คัดค้านอะไรครับ..ว่ากันตามที่คุณประธานว่ามาเลย” หยานเทียนเป่าพูด

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “เอาล่ะๆ ..ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานเถอะ..นี่มันก็ใกล้จะเที่ยงแล้วพวกคุณแยกย้ายกันไปกินข้าวเถอะ..เอ่อแล้วก็พวกคุณทั้งสองคืนนี้มากินข้าวกับผมด้วยก็แล้วกัน”

“หา..พวกผมนะหรอ!” ทั้งสองคนรีบพูดอย่างกระตือรือร้น

“เอาเถอะๆ” เย่เชียนพูด “พวกคุณรีบแยกย้ายกันไปพักได้แล้ว..และก็รีบกลับมาทำงานกันด้วยล่ะ..ถ้าโครงการของผมล่าขึ้นมาล่ะก็พวกคุณจะต้องชดใช้นะรู้มั้ย?”

“ใช่ๆ ..ไม่ต้องกังวลไปครับประธาน..มันจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน” หลังจากที่ทั้งสองพูดจบแล้วพวกเขาก็หันไปหาลูกน้องและพูดว่า “พวกรีบไปพักแล้วกลับมาทำงานกันได้แล้ว..ถ้าพวกนายช้าล่ะก็ฉันจะถลกหนังพวกนายมาทำกระสอบปูนเลยคอยดู”

เมื่อเหล่าคนงานก่อสร้างได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็รีบแยกย้ายกันไปในทันที ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ก็เพียงแค่มีปากเสียงกันแค่เล็กๆ น้อยๆ เพียงเท่านั้นและยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีและมักจะดื่มกินและพูดคุยด้วยกันอยู่บ่อนๆ ซึ่งถ้าหากนี่เป็นการทะเลาะกันจริงๆ ล่ะก็มันก็ยากที่จะจัดการแต่ทว่าเมื่อทุกอย่างคลี่คลายแล้วมันก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ด้วยความสง่าผ่าเผยและความใจกว้างของเย่เชียนนั้นไม่เพียงแค่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างราบรื่นเพียงเท่านั้นแต่เขายังดึงดูดใจของผู้คนและเหล่าคนงานอีกด้วย ซึ่งไม่ควรประมาทคนเหล่านี้เพราะพวกเขาอาจถือได้ว่าเป็นเหมือนงูเจ้าถิ่นของที่นี่และถ้าหากเราสามารถควบคุมพวกเขาได้ล่ะก็มันก็จะดีสำหรับเราในอนาคตอย่างแน่นอน หลังจากนั้นเย่เชียนก็หันกลับมาและมองไปเหลียงหยานและพูดว่า “เสี่ยวหยานเธอคงลำบากมากเลยเนอะ..ยังไงเรื่องมันก็จบแล้ว..งั้นฉันขอตัวก่อนก็แล้วกัน..ถ้าเธอมีอะไรก็โทรมาหาฉันเลยนะ”

เหลียงหยานก็พยักหน้าและพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านประธานเย่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ..เรื่องนี้ฉันจะจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง..ในเมื่อท่านมอบสิ่งที่สำคัญให้กับฉันแล้วฉันก็ขอรับปากเลยว่าโครงการนี้จะต้องเสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดเวลาค่ะ!”

ในขณะที่เย่เชียนกำลังจะเดินออกไปเขาก็ได้ยินคำพูดของเหลียงหยานที่ดูเป็นทางการเกินไปแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยุดเดินแล้วหันไปมองเหลียงหยานอีกครั้งแล้วพูดว่า “โถ่ๆ สาวน้อย..เธอไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือไง..นี่มันเหมือนกับว่าฉันกำลังจะไปตายเลยนะเนี่ย..”

เหลียงหยานก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนและเธอก็กลั้นหัวเราะเอาไว้และยิ้มอย่างซุกซน

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 349 ข้อพิพาททางวิศวกรรม

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 349 ข้อพิพาททางวิศวกรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 349 ข้อพิพาททางวิศวกรรม

บางสิ่งบางอย่างนั้นมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดให้ชัดเจนจนเกินไปดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้ถามต่อ ซึ่งอันที่จริงแล้วตราบใดที่เรารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถามเลย

เรื่องต่างๆ นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้สำเร็จในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างแน่นอนและการใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรมเป็นเวลานานนั้นมันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะการนัดพบกับเฉินโม่และชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นก็ไม่สะดวกอย่างยิ่งและมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะให้พวกเขาไปๆ มาๆ จากโรงแรมนั้นมาโรงแรมนี้เช่นนั้นเลย และยิ่งไปกว่านั้นตัวตนของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นก็เป็นความลับและเย่เชียนเองก็ไม่ต้องการเปิดเผยต่อรัฐบาลและฝ่ายต่างๆ ของไต้หวันเร็วเกินไป

ดังนั้นเย่เชียนจึงบอกให้เฉินโม่ไปหาซื้อบ้านสักหลังเพราะพวกเขานั้นควรจะอยู่ในสถานที่ที่เงียบสงบมากกว่าเพราะการทำสิ่งต่างๆ นั้นก็จะสะดวกกว่าอย่างมาก

ในตอนกลางคืนเย่เชียนก็เก็บตัวเองอยู่แต่ในห้องอีกครั้งโดยถือปากกาและกระดาษเอาไว้ในมือเช่นเคยและเริ่มวาดแผนผังระบุแผนการโดยละเอียดสำหรับการพัฒนาของเขาในไต้หวัน ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์นั้นมันจะครอบคลุมเส้นทางเศรษฐกิจของไต้หวันอย่างมากและจะทำให้สโมสรโรงริมศิลปะการต่อสู้ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นเป็นศูนย์กลางการระดมเหล่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่าให้เข้ามายังไต้หวันได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยไม่ถูกตรวจจับจากรัฐบาลอย่างแน่นอน

ส่วนอีกเรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าก็คืออุตสาหกรรมขนส่งสาธารณะแท็กซี่นั้นเย่เชียนเองก็กำลังเตรียมวางแผนเอาไว้แล้วและอย่าไปดูถูกอุตสาหกรรมและธุรกิจนี้เพราะถึงแม้ว่าจะเอาไปเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่ได้กำไรน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆ ก็ตามแต่ทว่าผลประโยชน์ระยะยาวที่คาดว่าจะได้รับของอุตสาหกรรมธุรกิจนี้นั้นก็ค่อนข้างที่จะมหาศาลเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าถ้าหากเราสามารถควบคุมรถแท็กซี่ทั้งหมดของไต้หวันได้นั้นผลลัพธ์มันคืออะไร? ซึ่งผลลัพธ์ก็คือตราบใดที่เราสั่งหยุดมันก็จะส่งผลให้การจราจรของเมืองทั้งเมืองเป็นอัมพาตได้และยิ่งไปกว่านั้นอย่าดูถูกแท็กซี่เพราะคนเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนข่าวกรองที่ดีเยี่ยมซึ่งเย่เชียนก็วางแผนเอาไว้ในระยะยาวแล้ว

อย่างไรก็ตามสิ่งๆ ต่างๆ นั้นล้วนมีขั้นตอนและวิธีการและมันก็ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน ซึ่งองค์กรสามมุมเมืองและองค์กรเทียนเต๋าและองค์กรซูเหลียนนั้นเป็นเป้าหมายที่เย่เชียนต้องการที่จะกวาดล้าง นั่นก็เพราะว่าทั้งสามองค์กรนี้ไม่เพียงแค่ควบคุมธุรกิจและกองกำลังของใต้ดินในเมืองไต้หวันเพียงเท่านั้นแต่พวกนั้นยังแทรกซึมเข้าไปในรัฐบาลกันจำนวนมากอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากเย่เชียนสามารถกวาดล้างทั้งสามฝ่ายนี้ได้ล่ะก็การทำสิ่งๆ ต่างๆ ในเมืองไต้หวันในอนาคตก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

เมื่อถึงเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มจะสว่างเย่เชียนก็เก็บกวาดกระดาษปากกาของเขาที่หากใครมาเห็นก็อาจทำให้มึนหัวได้เพราะเส้นแผนผังเหล่านั้นมีข้อมูลที่ละเอียดอย่างมาก ซึ่งในเวลานี้เย่เชียนก็บิดขี้เกียจพร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้ายที่ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาและเขาก็ค่อยๆ เริ่มหลับไป

หูวเค่อก็ยังคงตื่นแต่เช้าเช่นเคยแต่เธอก็พบว่าเย่เชียนนั้นยังคงนอนหลับอยู่และเธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและสงสัยว่าเย่เชียนนั้นขี้เกียจเกินไปหรือเปล่า อย่างไรก็ตามเธอนั้นก็ไม่รู้ว่าเย่เชียนจะอยู่จนถึงรุ่งเช้าและไม่ได้นอนเลยเมื่อคืนนี้ ซึ่งเธอเองก็ไม่อยากไปปลุกเขาและอยากให้เขาพักผ่อนให้เต็มอิ่มเช่นกัน

ในขณะนี้เย่เชียนก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาไม่นานหลังจากที่เขาหลับไปเพราะเขาถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันและเขาก็งัวเงียกดปุ่มรับสายและได้ยินเสียงที่ดูกังวลของเหลียงหยานดังมาจากอีกด้านหนึ่ง “พี่เย่อยู่ไหนหรอคะ..ที่ไซต์ก่อสร้างเกิดเรื่องขึ้นค่ะ..พี่เย่พอมีเวลามามั้ยคะ?”

หลังจากที่ตกตะลึงเล็กน้อยเย่เชียนก็คิดด้วยความประหลาดใจว่า ‘ทั้งๆ ที่โจวเจิ้งผิงเพิ่งจะปล่อยข่าวการสนับสนุนไปเมื่อไม่นานมานี้แล้วแท้ๆ ..แต่ทำไมถึงยังมีคนที่กล้ามาก่อปัญหาในไซต์ก่อสร้างของเขาอีก..หรือว่ามันจะเป็นกลุ่มเทียนเต๋าไม่ก็กลุ่มซูเหลียนหรือเปล่า? ..มันไม่มีทางเป็นใครอื่นอย่างแน่นอน’ หลังจากนั้นเย่เชียนก็ถามเธอว่า “เธอได้โทรไปแจ้งตำรวจรึยัง?”

“ฉันยังไม่ได้โทรค่ะพี่เย่..ฉันยังไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใครเพราะงั้นถ้าเราไปทำให้พวกเขาโกรธเคืองเกินไปมันก็จะไม่เป็นผลดีต่อเราในการทำสิ่งต่างๆ ในอนาคตน่ะ”

เย่เชียนก็พยักหน้าและเขาก็รู้ว่าสิ่งที่เหลียงหยานพูดมานั้นดูสมเหตุสมผลอย่างมากเพราะยังมีหลายอย่างที่พวกเขาไม่สามารถรู้และเข้าใจได้ “เสี่ยวหยานเธอทำให้พวกเขาใจเย็นๆ ก่อน..เดี๋ยวฉันจะรีบไป” เมื่อเย่เชียนพูดจบเขาก็วางสายโทรศัพท์ไปและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและรีบใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปอย่างรีบร้อน

รถ Volkswagen Jetta นั้นก็ถูกส่งไปที่ศูนย์รถเพื่อทำการซ่อมแซม ดังนั้นเย่เชียนต้องโบกแท็กซี่และนั่งไปที่ศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งศูนย์โลจิสติกส์นั้นยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างเบื้องต้นจึงทำให้สถานที่นั้นๆ ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งและไม่ไกลจากท่าเทียบเรือและนอกจากนี้ที่นั่นก็ยังเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่อีกด้วย

เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงในที่สุดเย่เชียนก็มาถึงศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์ซึ่งบริเวณโดยรอบนั้นมีรั้วล้อมรอบและมีเหล่าคนงานตั้งรากฐานสถานที่พักผ่อนกันอยู่ที่นั่นและมีเสียงของเครื่องจักรดังอยู่ตลอดเวลา ในไซต์ก่อสร้างนี้มีห้องรักษาความปลอดภัยชั่วคราวที่ทางเข้าซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับผิดชอบในการเฝ้าระวัง และมีสำนักงานชั่วคราวถูกสร้างขึ้นข้างๆ และออฟฟิศชั่วคราวบางส่วนโดยมีเจ้าหน้าที่บริหารและวิศวกรระดับสูงที่ควบคุมโครงการอาศัยอยู่ ซึ่งห้องทั้งหมดนั้นถูกดัดแปลงมาจากตู้คอนเทนเนอร์และการตกแต่งสิ่งอำนวยความสะดวกด้านในนั้นก็ไม่ได้แย่เลย

ฝูงชนสองกลุ่มที่ยืนอยู่ที่ประตูก็กำลังเถียงกันอย่างไม่รู้จบซึ่งข้างๆ นั้นเหลียงหยานกับสมาชิกหน่วยย่อยหมาป่าเพชฌฆาตก็กำลังยืนมองไปที่ฝูงชนที่กำลังถกเถียงกันอย่างเดือดดาล ซึ่งพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยในสถานการณ์เช่นนี้

เย่เชียนก็จ่ายค่ารถแท็กซี่และเดินลงมาพร้อมขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปข้างใน ซึ่งคนสองกลุ่มที่กำลังยืนขวางทางเข้าประตูและถกเถียงกันอย่างเสียงดังกันอยู่นั้นจึงทำให้เย่เชียนไม่สามารถเข้าไปได้และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอยู่หลายครั้งก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็เดินเข้าไปไม่ได้ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นและตะโกนอย่างเสียงดังว่า “เฮ้ย! ..หลบไป!”

ทันทีที่เสียงนั้นจบลงคนทั้งสองกลุ่มก็หยุดถกเถียงกันทันทีและสายตาของพวกเขาก็หันไปที่เย่เชียนโดยปริยายและดวงตาที่คมเหมือนใบมีดของเย่เชียนก็เหมือนจะเสียดแทงทะลุพวกเขาไปทีละคนขนทำให้ฝูงชนเหล่านั้นตกใจโดยไม่กล้าพูดอะไรใดๆ อีกต่อไป หลังจากนั้นเย่เชียนก็เดินผ่านฝูงชนไปอย่างช้าๆ และเดินมาหาเหลียงหยานและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“พวกเขาทุกคนเป็นคนจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างและตอนนี้พวกเขาก็กำลังเถียงกันว่าบริเวณนี้เป็นพื้นที่ในขอบเขตรับชอบของใครค่ะ” เหลียงหยานพูด

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ หันกลับไปมองฝูงชนและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใครบอกว่าผมไม่ได้รับอนุญาตให้เริ่มงานตรงนี้?”

“เอ่อ..นี่คือประธานบริษัทของเรา..ถ้าพวกคุณมีอะไรก็พูดกับเขาได้เลยค่ะ” เหลียงหยานแนะนำเย่เชียนให้ฝูงชน

“คุณประธานครับ..ผมชื่อจ้าวอี้ข่าย..บริษัทของผมรับผิดชอบในการก่อสร้างและขุดหินตรงนี้มาตลอดแต่จู่ๆ ผู้ชายคนนี้ก็บอกว่าผมไปรุกล้ำเขตของเขาและขโมยธุรกิจของเขาครับประธาน” ชายวัยกลางคนร่างผอมก้าวออกมาข้างหน้าและพูดด้วยความเคารพ

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และดวงตาของเขาก็หันไปที่ชายวัยกลางคนร่างอ้วนอีกคน “ประธาน! ..ผมชื่อหยานเทียนเป่าและหานซีเผิงที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหัวหน้าชุดสืบสวนพิเศษน่ะเป็นน้องเขยของผม! ..บริษัทของผมน่ะทำงานรอบๆ ไซต์ก่อสร้างของผมมาโดยตลอด..แต่เจ้าอี้ข่ายมารุกล้ำเขตของผมโดยไม่เห็นหัวผมเลย..เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน..ถ้าพวกคุณไม่ใช้หินของบริษัทผมล่ะก็จากนี้ไปก็จะไม่มีใครสามารถมาขุดหินที่นี่ได้อีกต่อไป!”

เย่เชียนก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “หือ? ..อะไรเนี่ย? ..นี่คุณกำลังขู่ผมงั้นเหรอ..แล้วไซต์ก่อสร้างของคุณที่ว่ามันคืออะไร? ..ผมได้ซื้อที่ดินเหล่านี้เอาไว้หมดแล้วเพราะงั้นไซต์ก่อสร้างทั้งหมดนี่มันก็คือของผม! ..ก็แล้วแต่คุณนะ..ถ้าไม่เชื่อก็เรียกน้องเขยของคุณมาเลยสิ..ผมขอบอกเอาไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าเขาเห็นหน้าผมน่ะเขาต้องเคารพผมและก้มหัวให้ผมอย่างแน่นอน..แล้วนี่อะไร? ..ช่างมันเถอะ..ผมรู้ว่าพวกคุณเหนื่อยกันมากเพราะงั้นก็กลับไปทำงานกันต่อเถอะ”

จ้าวอี้ข่ายก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและมีร่องรอยแห่งความภาคภูมิใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ส่วนหยานเทียนเป่านั้นก็ถึงกับตกตะลึงไปและใบหน้าของเขาก็ดูหดหู่อย่างมากและเขาก็พูดอย่างสำนึกผิดว่า “คุณประธาน..เอ่อ..ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น..ผม…”

เย่เชียนก็โบกมือขัดจังหวะเขาและหันไปมองจ้าวอี้ข่ายและพูดว่า “เอาล่ะๆ ..มันก็ช่วยไม่ได้เพราะเราอยู่ร่วมกันหมู่มากและการเข้าใจผิดกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดา..แต่อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกก็แล้วกัน”

สีหน้าของจ้าวอี้ข่ายก็เปลี่ยนไปและเขาก็ก้มหน้าลงด้วยความละอายใจและเขาก็สำนึกผิดเพราะเขาเห็นโครงการใหญ่ๆ เช่นนี้เขาจึงโลภในผลประโยชน์และกำไรดังนั้นเขาจึงทำไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน..จากนี้ไปพวกคุณทั้งสองคนจะมีหน้าที่ในการรับผิดชอบในการขุดหินทั้งหมดที่นี่และพวกคุณต้องร่วมมือทำงาน..โดยผมจะจ่ายเงินให้พวกคุณเท่าๆ กันก็แล้วกัน..พวกคุณคิดว่าไง?” เย่เชียนพูดต่อ “ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำและก็ออกไปจากที่นี่ซะ..ผมจะได้ไปหาคนอื่นมาทำแทน..แล้วก็ไม่ต้องมาสร้างปัญหาอะไรที่นี่อีก..ไม่งั้นก็อย่ามาบอกว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน”

หยานเทียนเป่าและจ้าวอี้ข่าวก็มองหน้ากันเพราะทั้งคู่ต่างก็ทำผิดพลาดไปเหมือนๆ กันและถ้าหากเย่เชียนนั้นสามารถทำโครงการใหญ่เช่นนี้ได้เขาก็สามารถจัดการตัวเองได้อย่างง่ายดายแน่นอน เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วพวกเขาจะกล้าต่อต้านได้อย่างไร? “ตามที่คุณประธานเห็นควรเลยครับ!” จ้าวอี้ข่ายเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็นของเขา

“ผมเองก็ไม่คัดค้านอะไรครับ..ว่ากันตามที่คุณประธานว่ามาเลย” หยานเทียนเป่าพูด

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “เอาล่ะๆ ..ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานเถอะ..นี่มันก็ใกล้จะเที่ยงแล้วพวกคุณแยกย้ายกันไปกินข้าวเถอะ..เอ่อแล้วก็พวกคุณทั้งสองคืนนี้มากินข้าวกับผมด้วยก็แล้วกัน”

“หา..พวกผมนะหรอ!” ทั้งสองคนรีบพูดอย่างกระตือรือร้น

“เอาเถอะๆ” เย่เชียนพูด “พวกคุณรีบแยกย้ายกันไปพักได้แล้ว..และก็รีบกลับมาทำงานกันด้วยล่ะ..ถ้าโครงการของผมล่าขึ้นมาล่ะก็พวกคุณจะต้องชดใช้นะรู้มั้ย?”

“ใช่ๆ ..ไม่ต้องกังวลไปครับประธาน..มันจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน” หลังจากที่ทั้งสองพูดจบแล้วพวกเขาก็หันไปหาลูกน้องและพูดว่า “พวกรีบไปพักแล้วกลับมาทำงานกันได้แล้ว..ถ้าพวกนายช้าล่ะก็ฉันจะถลกหนังพวกนายมาทำกระสอบปูนเลยคอยดู”

เมื่อเหล่าคนงานก่อสร้างได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็รีบแยกย้ายกันไปในทันที ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ก็เพียงแค่มีปากเสียงกันแค่เล็กๆ น้อยๆ เพียงเท่านั้นและยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีและมักจะดื่มกินและพูดคุยด้วยกันอยู่บ่อนๆ ซึ่งถ้าหากนี่เป็นการทะเลาะกันจริงๆ ล่ะก็มันก็ยากที่จะจัดการแต่ทว่าเมื่อทุกอย่างคลี่คลายแล้วมันก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ด้วยความสง่าผ่าเผยและความใจกว้างของเย่เชียนนั้นไม่เพียงแค่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างราบรื่นเพียงเท่านั้นแต่เขายังดึงดูดใจของผู้คนและเหล่าคนงานอีกด้วย ซึ่งไม่ควรประมาทคนเหล่านี้เพราะพวกเขาอาจถือได้ว่าเป็นเหมือนงูเจ้าถิ่นของที่นี่และถ้าหากเราสามารถควบคุมพวกเขาได้ล่ะก็มันก็จะดีสำหรับเราในอนาคตอย่างแน่นอน หลังจากนั้นเย่เชียนก็หันกลับมาและมองไปเหลียงหยานและพูดว่า “เสี่ยวหยานเธอคงลำบากมากเลยเนอะ..ยังไงเรื่องมันก็จบแล้ว..งั้นฉันขอตัวก่อนก็แล้วกัน..ถ้าเธอมีอะไรก็โทรมาหาฉันเลยนะ”

เหลียงหยานก็พยักหน้าและพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านประธานเย่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ..เรื่องนี้ฉันจะจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง..ในเมื่อท่านมอบสิ่งที่สำคัญให้กับฉันแล้วฉันก็ขอรับปากเลยว่าโครงการนี้จะต้องเสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดเวลาค่ะ!”

ในขณะที่เย่เชียนกำลังจะเดินออกไปเขาก็ได้ยินคำพูดของเหลียงหยานที่ดูเป็นทางการเกินไปแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยุดเดินแล้วหันไปมองเหลียงหยานอีกครั้งแล้วพูดว่า “โถ่ๆ สาวน้อย..เธอไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือไง..นี่มันเหมือนกับว่าฉันกำลังจะไปตายเลยนะเนี่ย..”

เหลียงหยานก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนและเธอก็กลั้นหัวเราะเอาไว้และยิ้มอย่างซุกซน

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 349 ข้อพิพาททางวิศวกรรม

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 349 ข้อพิพาททางวิศวกรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 349 ข้อพิพาททางวิศวกรรม

บางสิ่งบางอย่างนั้นมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดให้ชัดเจนจนเกินไปดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ได้ถามต่อ ซึ่งอันที่จริงแล้วตราบใดที่เรารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถามเลย

เรื่องต่างๆ นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้สำเร็จในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างแน่นอนและการใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรมเป็นเวลานานนั้นมันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะการนัดพบกับเฉินโม่และชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นก็ไม่สะดวกอย่างยิ่งและมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะให้พวกเขาไปๆ มาๆ จากโรงแรมนั้นมาโรงแรมนี้เช่นนั้นเลย และยิ่งไปกว่านั้นตัวตนของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นก็เป็นความลับและเย่เชียนเองก็ไม่ต้องการเปิดเผยต่อรัฐบาลและฝ่ายต่างๆ ของไต้หวันเร็วเกินไป

ดังนั้นเย่เชียนจึงบอกให้เฉินโม่ไปหาซื้อบ้านสักหลังเพราะพวกเขานั้นควรจะอยู่ในสถานที่ที่เงียบสงบมากกว่าเพราะการทำสิ่งต่างๆ นั้นก็จะสะดวกกว่าอย่างมาก

ในตอนกลางคืนเย่เชียนก็เก็บตัวเองอยู่แต่ในห้องอีกครั้งโดยถือปากกาและกระดาษเอาไว้ในมือเช่นเคยและเริ่มวาดแผนผังระบุแผนการโดยละเอียดสำหรับการพัฒนาของเขาในไต้หวัน ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์นั้นมันจะครอบคลุมเส้นทางเศรษฐกิจของไต้หวันอย่างมากและจะทำให้สโมสรโรงริมศิลปะการต่อสู้ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นเป็นศูนย์กลางการระดมเหล่าสมาชิกเขี้ยวหมาป่าให้เข้ามายังไต้หวันได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยไม่ถูกตรวจจับจากรัฐบาลอย่างแน่นอน

ส่วนอีกเรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าก็คืออุตสาหกรรมขนส่งสาธารณะแท็กซี่นั้นเย่เชียนเองก็กำลังเตรียมวางแผนเอาไว้แล้วและอย่าไปดูถูกอุตสาหกรรมและธุรกิจนี้เพราะถึงแม้ว่าจะเอาไปเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่ได้กำไรน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆ ก็ตามแต่ทว่าผลประโยชน์ระยะยาวที่คาดว่าจะได้รับของอุตสาหกรรมธุรกิจนี้นั้นก็ค่อนข้างที่จะมหาศาลเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าถ้าหากเราสามารถควบคุมรถแท็กซี่ทั้งหมดของไต้หวันได้นั้นผลลัพธ์มันคืออะไร? ซึ่งผลลัพธ์ก็คือตราบใดที่เราสั่งหยุดมันก็จะส่งผลให้การจราจรของเมืองทั้งเมืองเป็นอัมพาตได้และยิ่งไปกว่านั้นอย่าดูถูกแท็กซี่เพราะคนเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนข่าวกรองที่ดีเยี่ยมซึ่งเย่เชียนก็วางแผนเอาไว้ในระยะยาวแล้ว

อย่างไรก็ตามสิ่งๆ ต่างๆ นั้นล้วนมีขั้นตอนและวิธีการและมันก็ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน ซึ่งองค์กรสามมุมเมืองและองค์กรเทียนเต๋าและองค์กรซูเหลียนนั้นเป็นเป้าหมายที่เย่เชียนต้องการที่จะกวาดล้าง นั่นก็เพราะว่าทั้งสามองค์กรนี้ไม่เพียงแค่ควบคุมธุรกิจและกองกำลังของใต้ดินในเมืองไต้หวันเพียงเท่านั้นแต่พวกนั้นยังแทรกซึมเข้าไปในรัฐบาลกันจำนวนมากอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากเย่เชียนสามารถกวาดล้างทั้งสามฝ่ายนี้ได้ล่ะก็การทำสิ่งๆ ต่างๆ ในเมืองไต้หวันในอนาคตก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

เมื่อถึงเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มจะสว่างเย่เชียนก็เก็บกวาดกระดาษปากกาของเขาที่หากใครมาเห็นก็อาจทำให้มึนหัวได้เพราะเส้นแผนผังเหล่านั้นมีข้อมูลที่ละเอียดอย่างมาก ซึ่งในเวลานี้เย่เชียนก็บิดขี้เกียจพร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้ายที่ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาและเขาก็ค่อยๆ เริ่มหลับไป

หูวเค่อก็ยังคงตื่นแต่เช้าเช่นเคยแต่เธอก็พบว่าเย่เชียนนั้นยังคงนอนหลับอยู่และเธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและสงสัยว่าเย่เชียนนั้นขี้เกียจเกินไปหรือเปล่า อย่างไรก็ตามเธอนั้นก็ไม่รู้ว่าเย่เชียนจะอยู่จนถึงรุ่งเช้าและไม่ได้นอนเลยเมื่อคืนนี้ ซึ่งเธอเองก็ไม่อยากไปปลุกเขาและอยากให้เขาพักผ่อนให้เต็มอิ่มเช่นกัน

ในขณะนี้เย่เชียนก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาไม่นานหลังจากที่เขาหลับไปเพราะเขาถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันและเขาก็งัวเงียกดปุ่มรับสายและได้ยินเสียงที่ดูกังวลของเหลียงหยานดังมาจากอีกด้านหนึ่ง “พี่เย่อยู่ไหนหรอคะ..ที่ไซต์ก่อสร้างเกิดเรื่องขึ้นค่ะ..พี่เย่พอมีเวลามามั้ยคะ?”

หลังจากที่ตกตะลึงเล็กน้อยเย่เชียนก็คิดด้วยความประหลาดใจว่า ‘ทั้งๆ ที่โจวเจิ้งผิงเพิ่งจะปล่อยข่าวการสนับสนุนไปเมื่อไม่นานมานี้แล้วแท้ๆ ..แต่ทำไมถึงยังมีคนที่กล้ามาก่อปัญหาในไซต์ก่อสร้างของเขาอีก..หรือว่ามันจะเป็นกลุ่มเทียนเต๋าไม่ก็กลุ่มซูเหลียนหรือเปล่า? ..มันไม่มีทางเป็นใครอื่นอย่างแน่นอน’ หลังจากนั้นเย่เชียนก็ถามเธอว่า “เธอได้โทรไปแจ้งตำรวจรึยัง?”

“ฉันยังไม่ได้โทรค่ะพี่เย่..ฉันยังไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใครเพราะงั้นถ้าเราไปทำให้พวกเขาโกรธเคืองเกินไปมันก็จะไม่เป็นผลดีต่อเราในการทำสิ่งต่างๆ ในอนาคตน่ะ”

เย่เชียนก็พยักหน้าและเขาก็รู้ว่าสิ่งที่เหลียงหยานพูดมานั้นดูสมเหตุสมผลอย่างมากเพราะยังมีหลายอย่างที่พวกเขาไม่สามารถรู้และเข้าใจได้ “เสี่ยวหยานเธอทำให้พวกเขาใจเย็นๆ ก่อน..เดี๋ยวฉันจะรีบไป” เมื่อเย่เชียนพูดจบเขาก็วางสายโทรศัพท์ไปและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและรีบใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปอย่างรีบร้อน

รถ Volkswagen Jetta นั้นก็ถูกส่งไปที่ศูนย์รถเพื่อทำการซ่อมแซม ดังนั้นเย่เชียนต้องโบกแท็กซี่และนั่งไปที่ศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งศูนย์โลจิสติกส์นั้นยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างเบื้องต้นจึงทำให้สถานที่นั้นๆ ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งและไม่ไกลจากท่าเทียบเรือและนอกจากนี้ที่นั่นก็ยังเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่อีกด้วย

เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงในที่สุดเย่เชียนก็มาถึงศูนย์ขนส่งโลจิสติกส์ซึ่งบริเวณโดยรอบนั้นมีรั้วล้อมรอบและมีเหล่าคนงานตั้งรากฐานสถานที่พักผ่อนกันอยู่ที่นั่นและมีเสียงของเครื่องจักรดังอยู่ตลอดเวลา ในไซต์ก่อสร้างนี้มีห้องรักษาความปลอดภัยชั่วคราวที่ทางเข้าซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับผิดชอบในการเฝ้าระวัง และมีสำนักงานชั่วคราวถูกสร้างขึ้นข้างๆ และออฟฟิศชั่วคราวบางส่วนโดยมีเจ้าหน้าที่บริหารและวิศวกรระดับสูงที่ควบคุมโครงการอาศัยอยู่ ซึ่งห้องทั้งหมดนั้นถูกดัดแปลงมาจากตู้คอนเทนเนอร์และการตกแต่งสิ่งอำนวยความสะดวกด้านในนั้นก็ไม่ได้แย่เลย

ฝูงชนสองกลุ่มที่ยืนอยู่ที่ประตูก็กำลังเถียงกันอย่างไม่รู้จบซึ่งข้างๆ นั้นเหลียงหยานกับสมาชิกหน่วยย่อยหมาป่าเพชฌฆาตก็กำลังยืนมองไปที่ฝูงชนที่กำลังถกเถียงกันอย่างเดือดดาล ซึ่งพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยในสถานการณ์เช่นนี้

เย่เชียนก็จ่ายค่ารถแท็กซี่และเดินลงมาพร้อมขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปข้างใน ซึ่งคนสองกลุ่มที่กำลังยืนขวางทางเข้าประตูและถกเถียงกันอย่างเสียงดังกันอยู่นั้นจึงทำให้เย่เชียนไม่สามารถเข้าไปได้และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอยู่หลายครั้งก็ตามแต่ถึงยังไงเขาก็เดินเข้าไปไม่ได้ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นและตะโกนอย่างเสียงดังว่า “เฮ้ย! ..หลบไป!”

ทันทีที่เสียงนั้นจบลงคนทั้งสองกลุ่มก็หยุดถกเถียงกันทันทีและสายตาของพวกเขาก็หันไปที่เย่เชียนโดยปริยายและดวงตาที่คมเหมือนใบมีดของเย่เชียนก็เหมือนจะเสียดแทงทะลุพวกเขาไปทีละคนขนทำให้ฝูงชนเหล่านั้นตกใจโดยไม่กล้าพูดอะไรใดๆ อีกต่อไป หลังจากนั้นเย่เชียนก็เดินผ่านฝูงชนไปอย่างช้าๆ และเดินมาหาเหลียงหยานและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“พวกเขาทุกคนเป็นคนจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างและตอนนี้พวกเขาก็กำลังเถียงกันว่าบริเวณนี้เป็นพื้นที่ในขอบเขตรับชอบของใครค่ะ” เหลียงหยานพูด

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ หันกลับไปมองฝูงชนและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใครบอกว่าผมไม่ได้รับอนุญาตให้เริ่มงานตรงนี้?”

“เอ่อ..นี่คือประธานบริษัทของเรา..ถ้าพวกคุณมีอะไรก็พูดกับเขาได้เลยค่ะ” เหลียงหยานแนะนำเย่เชียนให้ฝูงชน

“คุณประธานครับ..ผมชื่อจ้าวอี้ข่าย..บริษัทของผมรับผิดชอบในการก่อสร้างและขุดหินตรงนี้มาตลอดแต่จู่ๆ ผู้ชายคนนี้ก็บอกว่าผมไปรุกล้ำเขตของเขาและขโมยธุรกิจของเขาครับประธาน” ชายวัยกลางคนร่างผอมก้าวออกมาข้างหน้าและพูดด้วยความเคารพ

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และดวงตาของเขาก็หันไปที่ชายวัยกลางคนร่างอ้วนอีกคน “ประธาน! ..ผมชื่อหยานเทียนเป่าและหานซีเผิงที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหัวหน้าชุดสืบสวนพิเศษน่ะเป็นน้องเขยของผม! ..บริษัทของผมน่ะทำงานรอบๆ ไซต์ก่อสร้างของผมมาโดยตลอด..แต่เจ้าอี้ข่ายมารุกล้ำเขตของผมโดยไม่เห็นหัวผมเลย..เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน..ถ้าพวกคุณไม่ใช้หินของบริษัทผมล่ะก็จากนี้ไปก็จะไม่มีใครสามารถมาขุดหินที่นี่ได้อีกต่อไป!”

เย่เชียนก็พูดอย่างเย้ยหยันว่า “หือ? ..อะไรเนี่ย? ..นี่คุณกำลังขู่ผมงั้นเหรอ..แล้วไซต์ก่อสร้างของคุณที่ว่ามันคืออะไร? ..ผมได้ซื้อที่ดินเหล่านี้เอาไว้หมดแล้วเพราะงั้นไซต์ก่อสร้างทั้งหมดนี่มันก็คือของผม! ..ก็แล้วแต่คุณนะ..ถ้าไม่เชื่อก็เรียกน้องเขยของคุณมาเลยสิ..ผมขอบอกเอาไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าเขาเห็นหน้าผมน่ะเขาต้องเคารพผมและก้มหัวให้ผมอย่างแน่นอน..แล้วนี่อะไร? ..ช่างมันเถอะ..ผมรู้ว่าพวกคุณเหนื่อยกันมากเพราะงั้นก็กลับไปทำงานกันต่อเถอะ”

จ้าวอี้ข่ายก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและมีร่องรอยแห่งความภาคภูมิใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ส่วนหยานเทียนเป่านั้นก็ถึงกับตกตะลึงไปและใบหน้าของเขาก็ดูหดหู่อย่างมากและเขาก็พูดอย่างสำนึกผิดว่า “คุณประธาน..เอ่อ..ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น..ผม…”

เย่เชียนก็โบกมือขัดจังหวะเขาและหันไปมองจ้าวอี้ข่ายและพูดว่า “เอาล่ะๆ ..มันก็ช่วยไม่ได้เพราะเราอยู่ร่วมกันหมู่มากและการเข้าใจผิดกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดา..แต่อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกก็แล้วกัน”

สีหน้าของจ้าวอี้ข่ายก็เปลี่ยนไปและเขาก็ก้มหน้าลงด้วยความละอายใจและเขาก็สำนึกผิดเพราะเขาเห็นโครงการใหญ่ๆ เช่นนี้เขาจึงโลภในผลประโยชน์และกำไรดังนั้นเขาจึงทำไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน..จากนี้ไปพวกคุณทั้งสองคนจะมีหน้าที่ในการรับผิดชอบในการขุดหินทั้งหมดที่นี่และพวกคุณต้องร่วมมือทำงาน..โดยผมจะจ่ายเงินให้พวกคุณเท่าๆ กันก็แล้วกัน..พวกคุณคิดว่าไง?” เย่เชียนพูดต่อ “ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำและก็ออกไปจากที่นี่ซะ..ผมจะได้ไปหาคนอื่นมาทำแทน..แล้วก็ไม่ต้องมาสร้างปัญหาอะไรที่นี่อีก..ไม่งั้นก็อย่ามาบอกว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน”

หยานเทียนเป่าและจ้าวอี้ข่าวก็มองหน้ากันเพราะทั้งคู่ต่างก็ทำผิดพลาดไปเหมือนๆ กันและถ้าหากเย่เชียนนั้นสามารถทำโครงการใหญ่เช่นนี้ได้เขาก็สามารถจัดการตัวเองได้อย่างง่ายดายแน่นอน เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วพวกเขาจะกล้าต่อต้านได้อย่างไร? “ตามที่คุณประธานเห็นควรเลยครับ!” จ้าวอี้ข่ายเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็นของเขา

“ผมเองก็ไม่คัดค้านอะไรครับ..ว่ากันตามที่คุณประธานว่ามาเลย” หยานเทียนเป่าพูด

เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า “เอาล่ะๆ ..ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานเถอะ..นี่มันก็ใกล้จะเที่ยงแล้วพวกคุณแยกย้ายกันไปกินข้าวเถอะ..เอ่อแล้วก็พวกคุณทั้งสองคืนนี้มากินข้าวกับผมด้วยก็แล้วกัน”

“หา..พวกผมนะหรอ!” ทั้งสองคนรีบพูดอย่างกระตือรือร้น

“เอาเถอะๆ” เย่เชียนพูด “พวกคุณรีบแยกย้ายกันไปพักได้แล้ว..และก็รีบกลับมาทำงานกันด้วยล่ะ..ถ้าโครงการของผมล่าขึ้นมาล่ะก็พวกคุณจะต้องชดใช้นะรู้มั้ย?”

“ใช่ๆ ..ไม่ต้องกังวลไปครับประธาน..มันจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน” หลังจากที่ทั้งสองพูดจบแล้วพวกเขาก็หันไปหาลูกน้องและพูดว่า “พวกรีบไปพักแล้วกลับมาทำงานกันได้แล้ว..ถ้าพวกนายช้าล่ะก็ฉันจะถลกหนังพวกนายมาทำกระสอบปูนเลยคอยดู”

เมื่อเหล่าคนงานก่อสร้างได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็รีบแยกย้ายกันไปในทันที ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ก็เพียงแค่มีปากเสียงกันแค่เล็กๆ น้อยๆ เพียงเท่านั้นและยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีและมักจะดื่มกินและพูดคุยด้วยกันอยู่บ่อนๆ ซึ่งถ้าหากนี่เป็นการทะเลาะกันจริงๆ ล่ะก็มันก็ยากที่จะจัดการแต่ทว่าเมื่อทุกอย่างคลี่คลายแล้วมันก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ด้วยความสง่าผ่าเผยและความใจกว้างของเย่เชียนนั้นไม่เพียงแค่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างราบรื่นเพียงเท่านั้นแต่เขายังดึงดูดใจของผู้คนและเหล่าคนงานอีกด้วย ซึ่งไม่ควรประมาทคนเหล่านี้เพราะพวกเขาอาจถือได้ว่าเป็นเหมือนงูเจ้าถิ่นของที่นี่และถ้าหากเราสามารถควบคุมพวกเขาได้ล่ะก็มันก็จะดีสำหรับเราในอนาคตอย่างแน่นอน หลังจากนั้นเย่เชียนก็หันกลับมาและมองไปเหลียงหยานและพูดว่า “เสี่ยวหยานเธอคงลำบากมากเลยเนอะ..ยังไงเรื่องมันก็จบแล้ว..งั้นฉันขอตัวก่อนก็แล้วกัน..ถ้าเธอมีอะไรก็โทรมาหาฉันเลยนะ”

เหลียงหยานก็พยักหน้าและพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านประธานเย่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ..เรื่องนี้ฉันจะจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง..ในเมื่อท่านมอบสิ่งที่สำคัญให้กับฉันแล้วฉันก็ขอรับปากเลยว่าโครงการนี้จะต้องเสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดเวลาค่ะ!”

ในขณะที่เย่เชียนกำลังจะเดินออกไปเขาก็ได้ยินคำพูดของเหลียงหยานที่ดูเป็นทางการเกินไปแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยุดเดินแล้วหันไปมองเหลียงหยานอีกครั้งแล้วพูดว่า “โถ่ๆ สาวน้อย..เธอไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือไง..นี่มันเหมือนกับว่าฉันกำลังจะไปตายเลยนะเนี่ย..”

เหลียงหยานก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนและเธอก็กลั้นหัวเราะเอาไว้และยิ้มอย่างซุกซน

.

.

.

.

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+