ยอดนักรบจอมราชัน 116 ทุกอย่างเป็นเรื่องตลก!

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 116 ทุกอย่างเป็นเรื่องตลก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังอาหารเย็น ฉินหยูก็บอกว่าเธอยังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่ เธอจึงบอกให้เย่เชียนกลับบ้านไปก่อนแล้วเธอจะแจ้งให้เขาทราบหากว่าเธอได้ข่าวหรือข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับจ้าวหยา

เย่เชียนได้แต่เม้มปากและไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาทำได้เพียงหันกลับไปอย่างหมดหนทาง เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโอ้เอ้ยืดยาด หรือทำตัวไร้สาระไปทั่ว

ทันทีที่เย่เชียนออกไป ฉินหยูก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา จากนั้นเธอก็พึมพำกับตัวเอง “ฮ่า ๆ ๆ ช่างตลกร้ายเสียจริงนะ”

เมื่อเย่เชียนออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว เขาก็มองเห็นคนสองคนจากระยะไกลซึ่งดูเหมือนจะเป็นบอดี้การ์ดกำลังเดินเข้ามาหาเขา เวลานี้มันก็เริ่มจะมืดแล้วแต่พวกเขาก็ยังคงสวมแว่นกันแดดสีดำอยู่

เย่เชียนหยุดเดินและจ้องมองชายสองคนในชุดสูทสีดำที่เดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ

“มากับเราเดี๋ยวนี้! เจ้านายของเราต้องการพบกับคุณ” ทั้งคู่หยุดอยู่ตรงหน้าเย่เชียนและชายที่มีร่างกำยำกว่าพูดขึ้น

เย่เชียนยิ้มอย่างเฉยเมยและพูดว่า “เจ้านายของพวกคุณเป็นใครล่ะ ? แล้วทำไมผมต้องไปหาเขาด้วย ถ้าเขาอยากจะพบกับผม พวกคุณก็ไปบอกให้เขามาที่นี่ด้วยตัวเองละกัน ผมมีเรื่องที่ต้องทำอีกเยอะ”

ปกติแล้วเย่เชียนจะอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ ถ้าอีกฝ่ายพูดคุยกับเขาอย่างเป็นมิตร เขาก็จะไม่ทำกิริยาเช่นนี้ แต่พวกเขาเดินมาจากไหนกันก็ไม่รู้ แล้วอยู่ ๆ มาสั่งราวกับว่าเย่เชียนเป็นคนรับใช้ของพวกเขาอย่างไงอย่างงั้น อีกทั้งในใจของเขาก็ยังมีเรื่องที่จ้าวหยาก็หายตัวไปอีกด้วย มันจึงทำให้เย่เชียนรู้สึกหงุดหงิดได้ง่าย ๆ

แต่ท้ายที่สุด เย่เชียนก็ให้ความร่วมมืออย่างไม่เต็มใจ

“คุณมากับพวกเราดีกว่านะ… ผมว่ามันคงจะดีสำหรับคุณมากกว่าถ้าคุณให้ความร่วมมือกับพวกเรา” ชายคนเดิมพูด ฟังจากน้ำเสียงของเขาดูเหมือนว่าถ้าเย่เชียนไม่ยอมไปกับพวกเขาอย่างเงียบ ๆ แล้วล่ะก็ พวกเขาก็คงจะต้องใช้กำลังอย่างช่วยไม่ได้

เย่เชียนคิดว่าตัวเองชักจะเริ่มชอบคนโง่สองคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะพวกเขาเข้ามาเกาะเย่เชียนในเวลาที่เขากำลังไม่สบอารมณ์อยู่พอดี ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เย่เชียนก็จะใช้พวกเขาเป็นที่ระบายความโกรธของตัวเองไปเสียเลย

“หา… ว่าไงนะ ?! พวกคุณต้องการที่จะใช้กำลังงั้นเหรอ ? จะต้องให้ผมบอกไหมว่านี่คือประเทศจีน มันเป็นที่ที่มีกฎหมาย ระ… ระวังนะ ผมจะฟ้องร้องพวกคุณ” เย่เชียนเสแสร้งแกล้งทำเป็นกลัวและตอบเสียงสั่น

บอดี้การ์ดทั้งสองอดยิ้มอย่างเหยียดหยามไม่ได้ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว การใช้กำลังกับเย่เชียนนั้นไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรเลย

“กฎหมายงั้นเหรอ ? เหอะ… เฮงซวย! ขอบอกอีกครั้งนะว่าให้คุณมากับพวกเราซะดี ๆ ไม่งั้นมันก็คงจะต้องถึงขั้นลงไม้ลงมือขึ้นมาจริง ๆ ต่อให้ผู้ว่าการเทศบาลจะมาดูเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรกับเราอย่างแน่นอน” บอดี้การ์ดอีกคนพูด

“นี่คิดจะทำร้ายผมเหรอ…? อย่านะ! โอ้… ผมกลัวแล้ว… อย่า…” เย่เชียนเอามือกุมท้องของเขาและโวยวายเสียงดังน่ารำคาญมาก ใครก็ตามที่เห็นเขาในตอนนี้ ก็คงอดไม่ได้ที่จะลงไม้ลงมือกับเขา

อันที่จริงแล้วบอดี้การ์ดทั้งสองไม่คิดที่จะลงไม้ลงมือจริง ๆ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนและการแสดงออกที่แสนจะน่ารำคาญ ทั้งสองก็เข้าใจว่าเย่เชียนกำลังล้อเลียนพวกเขาอยู่ และนั่นก็ทำให้พวกเขารู้สึกโกรธมาก

“ไอ้โง่เอ๊ย! เจ้านายบอกให้พาแกมากับเราก็แค่นั้น แต่ไม่ได้บอกว่าให้ใช้วิธีไหนในการพาตัวแกมา… เพราะงั้น… ต่อให้เราทำให้แกพิการกลับไป เจ้านายเราก็คงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง” หนึ่งในบอดี้การ์ดพูด แล้วเขาก็หันไปพูดกับบอดี้การ์ดอีกคนว่า “รอนี่แหละ… เดี๋ยวฉันจัดการเอง” หลังจากพูดจบเขาก็กำหมัดของเขาแน่นจนมีเสียงเอ็นและกระดูกกระชับเข้าที่

กลับกัน เย่เชียนยังคงมีสีหน้าที่ดูสงบ สายตาของเย่เชียนจ้องมองพวกเขาเหมือนพวกเขาเป็นคนโง่เง่า บอดี้การ์ดชายร่างกำยำตะโกนออกมาและกำลังจะเหวี่ยงหมัดไปที่ท้องของเย่เชียน

“เฮ้ย…! นี่พวกคุณจะทำร้ายผมจริง ๆ งั้นเหรอ ?” เย่เชียนแสร้งทำเป็นว่าเขากลัวมากและกำลังจะวิ่งหนีไป เขารอจนกระทั่งหมัดของบอดี้การ์ดชายร่างกำยำกำลังจะปะทะเข้ากับท้องของเขา จากนั้นเย่เชียนก็เบี่ยงตัวหลบทันทีและง้างฝ่าเท้าของเขาขึ้นเหนือพื้นนิดหนึ่ง วินาทีต่อมาร่างของบอดี้การ์ดคนนั้นก็กระแทกลงกับพื้น

เหตุการณ์นี้ทำให้บอดี้การ์ดอีกคนถึงกับผงะ เขาเห็นเพียงชายร่างกำยำวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับกำปั้นของเขา จากนั้นเย่เชียนก็ลุกลี้ลุกลนเหมือนจะกลัวและวิ่งหนีไป แต่ทุกอย่างกลับจบลงด้วยการที่ชายร่างกำยำนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เขาแอบคิดอย่าง โง่ ๆ ว่ามันจะเป็นไปได้ไหมที่เมื่อคืนผู้ชายคนนี้ออกกำลังมากเกินไปจึงทำให้เขาเหนื่อยล้าจนซวยสลบไปก่อนที่จะถึงตัวเย่เชียน

ชายร่างกำยำรู้สึกมืดมน เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเอาเสียเลย เพราะก่อนหน้านี้เขาเห็นเย่เชียนดูเป็นคนขี้แพ้และกำลังวิ่งเตลิดหนีไป แต่แล้วก็มีบางอย่างมาสกัดขาเขาและทำให้เขาสะดุดล้ม เขารู้สึกว่าตัวเองล้มลงเหมือนกับหมากินขี้ยังไงยังงั้น นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายจริง ๆ เพราะจากนี้ไปคนอื่น ๆ คงจะหัวเราะเยาะเขาอย่างแน่นอน

เขาลุกขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวและพูดว่า “ตอนแรกฉันก็แค่อยากจะสอนบทเรียนง่าย ๆ ให้แก… แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าฉันคนนี้ไม่ทำให้แกกลายเป็นคนพิการล่ะก็… ฉันจะยกแซ่สกุลของฉันให้แกเลยเว้ย!” พูดเสร็จ เขาก็กำหมัดแน่นและพุ่งเข้าหาเย่เชียนอีกครั้ง

“อย่าเลย… ผมยังไม่ได้แต่งงานเลยนะ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาวิ่งไปรอบ ๆ

ชายร่างกำยำกลั้นลมหายใจและสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความแค้นขณะที่เขาวิ่งไล่ตามเย่เชียนจากด้านหลัง และถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้ใช้ความเร็วเต็มที่ของเขา แต่ชายร่างกำยำก็ยังจับเขาไม่ได้ และทุกครั้งที่เขากำลังจะคว้าตัวเย่เชียนได้ เย่เชียนก็กลับเร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อย ๆ

ตั้งแต่ต้นจนจบ เย่เชียนรักษาระยะห่างระหว่างพวกเขาเอาไว้ตลอด ซึ่งสิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือเย่เชียนไม่ได้หนีไปไหน เขาเพียงแต่วิ่งวนไปวนมาเพื่อความสนุกก็เท่านั้น

“นี่พวกแกกำลังเล่นแมวไล่จับหนูกันอยู่หรือไง ?! ถ้าไม่รีบจัดการกับเรื่องนี้ พวกเราต้องแย่แน่ ๆ เจ้านายกำลังรอพบเขาอยู่นะ!” บอดี้การ์ดอีกคนตะโกน

แมวกับหนูงั้นเหรอ ? มันก็ถูก… แต่ใครเป็นแมวและใครเป็นหนูนั้นยากที่จะบอกได้

บอดี้การ์ดร่างกำยำเริ่มรู้สึกหดหู่และคิดอย่างเกรี้ยวโกรธ ‘ไอ้โง่เอ๊ย…! เห็นมันง่ายนักหรือไงวะ ? เอาแต่ยืนดูอยู่ได้ งั้นแกทำไมไม่ลองมาจัดการเองดูล่ะ ?’ แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดออกมา เพราะไม่เช่นนั้นมันก็จะทำให้เขาเสียหน้าอย่างที่สุด

ส่วนเย่เชียนที่ดูเหมือนกำลังสนุกกับการวิ่งไปรอบ ๆ ทันใดนั้น เย่เชียนก็หยุดและชายร่างกำยำก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขากำลังจะพุ่งตัวใส่เย่เชียนแต่เย่เชียนก็ยังจะแสร้งทำเป็นเหนื่อยมากและพูดขณะที่เหนื่อยหอบว่า “แฮ่ก ๆ ๆ… คุณไม่เหนื่อยบ้างเหรอ…? เรามาพักกันก่อนเถอะ”

แน่นอนว่าชายร่างกำยำจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยในขณะที่เหวี่ยงขาไปข้างหน้าเพื่อเตะเย่เชียน เมื่อเขาคิดว่า ในที่สุดเขาก็สามารถจัดการกับไอ้บ้านี่ได้สักที แต่แล้วเขากลับรู้สึกราวกับว่ามีพลังเวทมนตร์บางอย่างมาทำให้เขาเตะไปผิดทาง เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเลย เพราะในช่วงเวลานั้นเขารู้สึกเหน็บชาที่ขาซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้เขาล้มลงไปนั่งคุกเข่าโดยไม่รู้ตัว

เหตุการณ์นี้ได้ทำให้บอดี้การ์ดอีกคนตกใจอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เพื่อนของเขาถึงได้ลงไปคุกเข่าต่อหน้าเย่เชียนแบบนั้น โลกนี้กำลังเล่นตลกอะไรอยู่กันแน่ ?

เย่เชียนรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เพียงแค่หลอกล่อเท่านั้น แต่เขายังดีดก้อนหินเล็ก ๆ ไปที่จุดฝังเข็มที่ขาของบอดี้การ์ดร่างกำยำอีกด้วย

เมื่อเห็นชายร่างกำยำที่ล้มลงคุกเข่าต่อหน้าเขาแล้ว เย่เชียนจึงพูดอย่างเสแสร้งว่า “อ้าว! นี่มันเกิดอะไรขึ้น… คุณไม่ต้องคุกเข่าขอโทษก็ได้… ตราบใดที่คุณรู้ตัวว่าคุณทำผิด คุณก็ไม่ต้องคุกเข่าให้ผมหรอก…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 116 ทุกอย่างเป็นเรื่องตลก!

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 116 ทุกอย่างเป็นเรื่องตลก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังอาหารเย็น ฉินหยูก็บอกว่าเธอยังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่ เธอจึงบอกให้เย่เชียนกลับบ้านไปก่อนแล้วเธอจะแจ้งให้เขาทราบหากว่าเธอได้ข่าวหรือข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับจ้าวหยา

เย่เชียนได้แต่เม้มปากและไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาทำได้เพียงหันกลับไปอย่างหมดหนทาง เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโอ้เอ้ยืดยาด หรือทำตัวไร้สาระไปทั่ว

ทันทีที่เย่เชียนออกไป ฉินหยูก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา จากนั้นเธอก็พึมพำกับตัวเอง “ฮ่า ๆ ๆ ช่างตลกร้ายเสียจริงนะ”

เมื่อเย่เชียนออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว เขาก็มองเห็นคนสองคนจากระยะไกลซึ่งดูเหมือนจะเป็นบอดี้การ์ดกำลังเดินเข้ามาหาเขา เวลานี้มันก็เริ่มจะมืดแล้วแต่พวกเขาก็ยังคงสวมแว่นกันแดดสีดำอยู่

เย่เชียนหยุดเดินและจ้องมองชายสองคนในชุดสูทสีดำที่เดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ

“มากับเราเดี๋ยวนี้! เจ้านายของเราต้องการพบกับคุณ” ทั้งคู่หยุดอยู่ตรงหน้าเย่เชียนและชายที่มีร่างกำยำกว่าพูดขึ้น

เย่เชียนยิ้มอย่างเฉยเมยและพูดว่า “เจ้านายของพวกคุณเป็นใครล่ะ ? แล้วทำไมผมต้องไปหาเขาด้วย ถ้าเขาอยากจะพบกับผม พวกคุณก็ไปบอกให้เขามาที่นี่ด้วยตัวเองละกัน ผมมีเรื่องที่ต้องทำอีกเยอะ”

ปกติแล้วเย่เชียนจะอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ ถ้าอีกฝ่ายพูดคุยกับเขาอย่างเป็นมิตร เขาก็จะไม่ทำกิริยาเช่นนี้ แต่พวกเขาเดินมาจากไหนกันก็ไม่รู้ แล้วอยู่ ๆ มาสั่งราวกับว่าเย่เชียนเป็นคนรับใช้ของพวกเขาอย่างไงอย่างงั้น อีกทั้งในใจของเขาก็ยังมีเรื่องที่จ้าวหยาก็หายตัวไปอีกด้วย มันจึงทำให้เย่เชียนรู้สึกหงุดหงิดได้ง่าย ๆ

แต่ท้ายที่สุด เย่เชียนก็ให้ความร่วมมืออย่างไม่เต็มใจ

“คุณมากับพวกเราดีกว่านะ… ผมว่ามันคงจะดีสำหรับคุณมากกว่าถ้าคุณให้ความร่วมมือกับพวกเรา” ชายคนเดิมพูด ฟังจากน้ำเสียงของเขาดูเหมือนว่าถ้าเย่เชียนไม่ยอมไปกับพวกเขาอย่างเงียบ ๆ แล้วล่ะก็ พวกเขาก็คงจะต้องใช้กำลังอย่างช่วยไม่ได้

เย่เชียนคิดว่าตัวเองชักจะเริ่มชอบคนโง่สองคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะพวกเขาเข้ามาเกาะเย่เชียนในเวลาที่เขากำลังไม่สบอารมณ์อยู่พอดี ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เย่เชียนก็จะใช้พวกเขาเป็นที่ระบายความโกรธของตัวเองไปเสียเลย

“หา… ว่าไงนะ ?! พวกคุณต้องการที่จะใช้กำลังงั้นเหรอ ? จะต้องให้ผมบอกไหมว่านี่คือประเทศจีน มันเป็นที่ที่มีกฎหมาย ระ… ระวังนะ ผมจะฟ้องร้องพวกคุณ” เย่เชียนเสแสร้งแกล้งทำเป็นกลัวและตอบเสียงสั่น

บอดี้การ์ดทั้งสองอดยิ้มอย่างเหยียดหยามไม่ได้ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว การใช้กำลังกับเย่เชียนนั้นไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรเลย

“กฎหมายงั้นเหรอ ? เหอะ… เฮงซวย! ขอบอกอีกครั้งนะว่าให้คุณมากับพวกเราซะดี ๆ ไม่งั้นมันก็คงจะต้องถึงขั้นลงไม้ลงมือขึ้นมาจริง ๆ ต่อให้ผู้ว่าการเทศบาลจะมาดูเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรกับเราอย่างแน่นอน” บอดี้การ์ดอีกคนพูด

“นี่คิดจะทำร้ายผมเหรอ…? อย่านะ! โอ้… ผมกลัวแล้ว… อย่า…” เย่เชียนเอามือกุมท้องของเขาและโวยวายเสียงดังน่ารำคาญมาก ใครก็ตามที่เห็นเขาในตอนนี้ ก็คงอดไม่ได้ที่จะลงไม้ลงมือกับเขา

อันที่จริงแล้วบอดี้การ์ดทั้งสองไม่คิดที่จะลงไม้ลงมือจริง ๆ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชียนและการแสดงออกที่แสนจะน่ารำคาญ ทั้งสองก็เข้าใจว่าเย่เชียนกำลังล้อเลียนพวกเขาอยู่ และนั่นก็ทำให้พวกเขารู้สึกโกรธมาก

“ไอ้โง่เอ๊ย! เจ้านายบอกให้พาแกมากับเราก็แค่นั้น แต่ไม่ได้บอกว่าให้ใช้วิธีไหนในการพาตัวแกมา… เพราะงั้น… ต่อให้เราทำให้แกพิการกลับไป เจ้านายเราก็คงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง” หนึ่งในบอดี้การ์ดพูด แล้วเขาก็หันไปพูดกับบอดี้การ์ดอีกคนว่า “รอนี่แหละ… เดี๋ยวฉันจัดการเอง” หลังจากพูดจบเขาก็กำหมัดของเขาแน่นจนมีเสียงเอ็นและกระดูกกระชับเข้าที่

กลับกัน เย่เชียนยังคงมีสีหน้าที่ดูสงบ สายตาของเย่เชียนจ้องมองพวกเขาเหมือนพวกเขาเป็นคนโง่เง่า บอดี้การ์ดชายร่างกำยำตะโกนออกมาและกำลังจะเหวี่ยงหมัดไปที่ท้องของเย่เชียน

“เฮ้ย…! นี่พวกคุณจะทำร้ายผมจริง ๆ งั้นเหรอ ?” เย่เชียนแสร้งทำเป็นว่าเขากลัวมากและกำลังจะวิ่งหนีไป เขารอจนกระทั่งหมัดของบอดี้การ์ดชายร่างกำยำกำลังจะปะทะเข้ากับท้องของเขา จากนั้นเย่เชียนก็เบี่ยงตัวหลบทันทีและง้างฝ่าเท้าของเขาขึ้นเหนือพื้นนิดหนึ่ง วินาทีต่อมาร่างของบอดี้การ์ดคนนั้นก็กระแทกลงกับพื้น

เหตุการณ์นี้ทำให้บอดี้การ์ดอีกคนถึงกับผงะ เขาเห็นเพียงชายร่างกำยำวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับกำปั้นของเขา จากนั้นเย่เชียนก็ลุกลี้ลุกลนเหมือนจะกลัวและวิ่งหนีไป แต่ทุกอย่างกลับจบลงด้วยการที่ชายร่างกำยำนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เขาแอบคิดอย่าง โง่ ๆ ว่ามันจะเป็นไปได้ไหมที่เมื่อคืนผู้ชายคนนี้ออกกำลังมากเกินไปจึงทำให้เขาเหนื่อยล้าจนซวยสลบไปก่อนที่จะถึงตัวเย่เชียน

ชายร่างกำยำรู้สึกมืดมน เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเอาเสียเลย เพราะก่อนหน้านี้เขาเห็นเย่เชียนดูเป็นคนขี้แพ้และกำลังวิ่งเตลิดหนีไป แต่แล้วก็มีบางอย่างมาสกัดขาเขาและทำให้เขาสะดุดล้ม เขารู้สึกว่าตัวเองล้มลงเหมือนกับหมากินขี้ยังไงยังงั้น นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายจริง ๆ เพราะจากนี้ไปคนอื่น ๆ คงจะหัวเราะเยาะเขาอย่างแน่นอน

เขาลุกขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวและพูดว่า “ตอนแรกฉันก็แค่อยากจะสอนบทเรียนง่าย ๆ ให้แก… แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าฉันคนนี้ไม่ทำให้แกกลายเป็นคนพิการล่ะก็… ฉันจะยกแซ่สกุลของฉันให้แกเลยเว้ย!” พูดเสร็จ เขาก็กำหมัดแน่นและพุ่งเข้าหาเย่เชียนอีกครั้ง

“อย่าเลย… ผมยังไม่ได้แต่งงานเลยนะ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาวิ่งไปรอบ ๆ

ชายร่างกำยำกลั้นลมหายใจและสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความแค้นขณะที่เขาวิ่งไล่ตามเย่เชียนจากด้านหลัง และถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้ใช้ความเร็วเต็มที่ของเขา แต่ชายร่างกำยำก็ยังจับเขาไม่ได้ และทุกครั้งที่เขากำลังจะคว้าตัวเย่เชียนได้ เย่เชียนก็กลับเร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อย ๆ

ตั้งแต่ต้นจนจบ เย่เชียนรักษาระยะห่างระหว่างพวกเขาเอาไว้ตลอด ซึ่งสิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือเย่เชียนไม่ได้หนีไปไหน เขาเพียงแต่วิ่งวนไปวนมาเพื่อความสนุกก็เท่านั้น

“นี่พวกแกกำลังเล่นแมวไล่จับหนูกันอยู่หรือไง ?! ถ้าไม่รีบจัดการกับเรื่องนี้ พวกเราต้องแย่แน่ ๆ เจ้านายกำลังรอพบเขาอยู่นะ!” บอดี้การ์ดอีกคนตะโกน

แมวกับหนูงั้นเหรอ ? มันก็ถูก… แต่ใครเป็นแมวและใครเป็นหนูนั้นยากที่จะบอกได้

บอดี้การ์ดร่างกำยำเริ่มรู้สึกหดหู่และคิดอย่างเกรี้ยวโกรธ ‘ไอ้โง่เอ๊ย…! เห็นมันง่ายนักหรือไงวะ ? เอาแต่ยืนดูอยู่ได้ งั้นแกทำไมไม่ลองมาจัดการเองดูล่ะ ?’ แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดออกมา เพราะไม่เช่นนั้นมันก็จะทำให้เขาเสียหน้าอย่างที่สุด

ส่วนเย่เชียนที่ดูเหมือนกำลังสนุกกับการวิ่งไปรอบ ๆ ทันใดนั้น เย่เชียนก็หยุดและชายร่างกำยำก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขากำลังจะพุ่งตัวใส่เย่เชียนแต่เย่เชียนก็ยังจะแสร้งทำเป็นเหนื่อยมากและพูดขณะที่เหนื่อยหอบว่า “แฮ่ก ๆ ๆ… คุณไม่เหนื่อยบ้างเหรอ…? เรามาพักกันก่อนเถอะ”

แน่นอนว่าชายร่างกำยำจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยในขณะที่เหวี่ยงขาไปข้างหน้าเพื่อเตะเย่เชียน เมื่อเขาคิดว่า ในที่สุดเขาก็สามารถจัดการกับไอ้บ้านี่ได้สักที แต่แล้วเขากลับรู้สึกราวกับว่ามีพลังเวทมนตร์บางอย่างมาทำให้เขาเตะไปผิดทาง เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเลย เพราะในช่วงเวลานั้นเขารู้สึกเหน็บชาที่ขาซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้เขาล้มลงไปนั่งคุกเข่าโดยไม่รู้ตัว

เหตุการณ์นี้ได้ทำให้บอดี้การ์ดอีกคนตกใจอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เพื่อนของเขาถึงได้ลงไปคุกเข่าต่อหน้าเย่เชียนแบบนั้น โลกนี้กำลังเล่นตลกอะไรอยู่กันแน่ ?

เย่เชียนรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เพียงแค่หลอกล่อเท่านั้น แต่เขายังดีดก้อนหินเล็ก ๆ ไปที่จุดฝังเข็มที่ขาของบอดี้การ์ดร่างกำยำอีกด้วย

เมื่อเห็นชายร่างกำยำที่ล้มลงคุกเข่าต่อหน้าเขาแล้ว เย่เชียนจึงพูดอย่างเสแสร้งว่า “อ้าว! นี่มันเกิดอะไรขึ้น… คุณไม่ต้องคุกเข่าขอโทษก็ได้… ตราบใดที่คุณรู้ตัวว่าคุณทำผิด คุณก็ไม่ต้องคุกเข่าให้ผมหรอก…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+