ยอดนักรบจอมราชัน 155 การเดินทางของหลินโรโร่ว

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 155 การเดินทางของหลินโรโร่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลินโรโร่วจ้องมองเย่เชียนอย่างเป็นกังวลและถามว่า “แม่ของฉันทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่า ?”

เย่เชียนยิ้มน้อย ๆ แล้วพูดว่า “เราคุยกันไปเรื่อยเปื่อยน่ะ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมกับคุณแม่ยายในอนาคต เราจะเข้ากันได้ง่ายดายขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าเขาจะชอบลูกเขยคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยแหละ ฮ่า ๆ ๆ เอาไว้ผมมีเวลา ผมจะไปเยี่ยมพวกเขาอย่างเป็นทางการนะ”

หลินโรโร่วรู้จักตัวตนของแม่ของเธอเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าการพบกันครั้งแรกของพวกเขาอาจจะราบรื่นดี แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อว่าอะไร ๆ มันจะง่ายอย่างที่เย่เชียนพูดขนาดนั้น แต่เนื่องจากเย่เชียนไม่ต้องการที่จะพูดถึงเรื่องนี้ หลินโรโร่วจึงไม่ได้ถามต่อ เธอรู้ว่าเย่เชียนคงไม่ต้องการให้เกิดความผิดใจกันระหว่างแม่ลูก

มื้อกลางวันของทั้งสี่คนจบลงไปด้วยบรรยากาศที่ดีและทุกคนก็อิ่มหนำสำราญกันอย่างมาก เย่เชียนยิ่งรู้สึกได้มากขึ้นไปอีกว่าเฉินเซิงคนนี้เป็นคนที่ควรค่าแก่การเป็นเพื่อนและผูกมิตรด้วยจริง ๆ ทั้งบุคลิกทั้งอุปนิสัยของเขานั้นยอดเยี่ยมและเป็นมิตรมาก เขาไม่ได้มีคุณสมบัติแย่ ๆ อย่างที่ทายาทของพวกเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงคนอื่นมีเลย เฉินเซิงเป็นคนละเอียดอ่อนและสุภาพมาก ที่สำคัญเขายังมีไหวพริบและอารมณ์ขันอย่างสุนทรีย์อีกด้วย ถ้าหากในอนาคตกลุ่มเขี้ยวหมาป่าต้องการที่จะขยายกำลังไปยังเมืองอื่น ๆ ของประเทศจีน เฉินเซิงก็น่าจะช่วยได้อย่างมากเลยทีเดียว แม้ว่าเฉินเซิงนั้นจะมีประโยชน์กับกลุ่มเขี้ยวหมาป่าในอนาคตหรือไม่มี แต่เย่เชียนก็ยังอยากที่จะเป็นเพื่อนกับเขาจากใจจริง

ขณะที่ยี่จุนหลูยืนมองเย่เชียนและหลินโรโร่วเดินออกจากร้านอาหารไป มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกมากขึ้นไปอีกว่าเธอเคยเห็นเย่เชียนมาก่อนที่ไหนสักแห่ง

เมื่อเฉินเซิงเห็นแฟนสาวของเขากำลังทำหน้าตาสงสัย เขาจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ ? ทำไมคุณถึงขมวดคิ้วอย่างนั้นล่ะ”

ยี่จุนหลูเอียงหัวไปมาและพูดว่า “ฉันรู้สึกว่าฉันเคยเห็นเขามาก่อนจริง ๆ นะ แต่ฉันคิดไม่ออกว่าที่ไหน ? มันคือที่ไหน มันคือที่ไหนกันแน่นะ ?”

เฉินเซิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย อย่าคิดมากนะ เดี๋ยวจะปวดหัวซะเปล่า ๆ ฉันเป็นห่วง”

ยี่จุนหลูมองเฉินเซิงอย่างมีความสุข ในทันใดนั้นเองก็มีภาพแวบเข้ามาในสมองของเธอ ทำให้เธอร้องลั่นออกมาเสียงดัง “ใช่แล้ว! ฉันจำได้ ฉันจำได้แล้ว!”

“คุณจำได้แล้วเหรอ ?” เฉินเซิงรู้สึกหดหู่น้อยกับการแสดงออกที่ร้อนรนใจของเธอ

“ฉันจำได้แล้วว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน! ตอนอยู่ในงานเลี้ยงของสำนักงานใหญ่ของบริษัทฉันนั่นไง! เราเคยทักทายกันที่นั่น!” ยี่จุนหลูพูดด้วยความตื่นเต้น

“สำนักงานใหญ่ของบริษัทคุณไม่ได้อยู่ในสหรัฐอเมริกาหรอกเหรอ ? อ๋อ… ใช่แล้ว ฉันว่าฉันเคยได้ยินหลินโรโร่วบอกว่าเย่เชียนเขาเพิ่งจะกลับมาที่เซี่ยงไฮ้เมื่อเร็ว ๆ นี้เอง” เฉินเซิงพูด “แล้วงานเลี้ยงบริษัทของคุณได้เชิญบุคคลภายนอกมาเข้าร่วมด้วยหรือเปล่า ?”

“งานเลี้ยงนั่นเป็นการประชุมประจำปีบริษัทของเรา มันจึงเป็นงานสำหรับบุคลากรในองค์กรเท่านั้น นั่นสิ… ตอนนั้นฉันได้ยินบางคนพูดว่าเย่เชียนเขาเป็นซีอีโอตัวจริงของบริษัทน่ะ” ยี่จุนหลูตอบ

“นี่คุณกำลังจะบอกผมว่า เย่เชียนเป็นซีอีโอใหญ่ของบริษัทในเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ?” เฉินเซิงถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง

“ใช่แล้วล่ะ แต่ฉันไม่เข้าใจเลย เพราะคนในบริษัทลือกันว่า เย่เชียนน่ะเขาไม่ค่อยยอมเปิดเผยตัวตนบ่อยนัก มีเพียงไม่กี่คนในตำแหน่งสูง ๆ เท่านั้นที่เคยได้เห็นเขา ขนาดเลขาของท่านประธานยังเคยเห็นเขาแค่สองสามครั้งเอง” ยี่จุนหลูพูดอย่างกระตือรือร้น

เฉินเซิงพึมพำกับตัวเองอยู่สักพักหนึ่งและคิดว่าเย่เชียนคงไม่ใช่คนธรรมดา ๆ อย่างที่เขาคิดเอาไว้ แต่เขาก็ไม่ต้องการไปก้าวก่ายหรือสอดรู้สอดเห็นเกี่ยวกับอาชีพการงานของเย่เชียนมากนัก เพราะถึงยังไงพวกเขาก็เพิ่งจะรู้จักกันและยังไม่ได้สนิทสนมกันมากพอที่จะถาม

……

หลังจากออกจากร้านอาหารแล้ว เย่เชียนและหลินโรโร่วก็ไม่ได้ขึ้นรถกลับ ทั้งคู่เลือกที่จะเดินเท้ากลับไปที่โรงพยาบาลแทน พวกเขาทั้งสองคนเดินด้วยกันอย่างช้า ๆ ในขณะที่จับมือกันไปด้วย มันช่างมีเสน่ห์และโรแมนติกเหลือเกิน

“ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ ? คุณยังกังวลเรื่องที่จางเจี้ยนพูดอยู่เหรอ ?” เย่เชียนถามเมื่อเขาเห็นหลินโรโร่วเงียบไป

หลินโรโร่วส่ายหัวและพูดว่า “ไม่แน่นอน เพราะคุณไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น”

เย่เชียนยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ผมรู้จักกับอดีตภรรยาของเขาน่ะ ครั้งหนึ่งตอนที่ผมไปทำภารกิจ ผมได้ช่วยชีวิตเธอโดยบังเอิญ ตอนนั้นผมสงสารเธอมาก ผมเลยซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอกลับบ้าน เอ๊ะ! คุณเคยเจอเธอแล้วหนิ เธอเป็นเจ้าของร้านอาหารตะวันตกที่เราไปเดทกันวันนั้นไง ตอนนี้ลูกสาวเธอโตจนเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้วนะ”

“อ้อ!” หลินโรโร่วตอบอย่างเฉยเมยราวกับว่ามีบางอย่างอยู่ในใจของเธอ

เย่เชียนชะงักไปชั่วครู่และรีบพูดว่า “โรโร่ว… คุณมีอะไรในใจหรือเปล่า ? ถ้ามีอะไรก็พูดกับผมตรง ๆ อย่าเก็บมันเอาไว้สิ”

หลังจากที่เงียบไปสักพัก หลินโรโร่วก็พูดขึ้นว่า “เย่เชียน! สภากาชาดกำลังจะจัดโครงการศูนย์บรรเทาทุกข์ผู้ป่วยระหว่างประเทศและโรงพยาบาลของเราก็ได้รับเชิญให้ไปเข้าร่วมด้วย คือ… ฉันอยากจะสมัครเข้าร่วมน่ะ”

“ต้องไปนานแค่ไหนเหรอ ?” เย่เชียนถามด้วยความงุนงง

“ประมาณครึ่งปีในแอฟริกาใต้” หลินโรโร่วตอบ “เย่เชียน… ตอนนี้ฉันรักงานของฉันมาก และฉันก็อยากช่วยผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือให้สุดกำลังของฉัน ในเมื่อตอนนี้มันมีโอกาสเข้ามา ฉันก็ไม่อยากที่จะพลาดโอกาสนี้ไป แต่พอนึกว่าฉันจะไม่ได้เจอคุณนานขนาดนั้น ฉันเริ่มรู้สึกไม่ค่อยอยากทำซะแล้วสิ”

เย่เชียนยิ้มพร้อมกับดึงหลินโรโร่วเข้ามาในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็พูดว่า “เวลามันค่อนข้างนานก็จริง… แต่นี่มันเป็นความฝันของคุณ และในฐานะแฟนของคุณแล้ว ผมจะสนับสนุนคุณเต็มที่ ถึงแม้ว่าแอฟริกาใต้มันจะอยู่ไกลก็ตาม แต่ผมไปเยี่ยมคุณได้ตลอดนะเมื่อผมมีเวลา อีกอย่างเทคโนโลยีสมัยนี้มันก็ทันสมัยจะตายไป เราวีดีโอคอลคุยกันทุกคืนเลยก็ยังได้”

“คุณเห็นด้วยเหรอ ?” หลินโรโร่วถามอย่างมีความสุข

“แล้วทำไมผมต้องไม่เห็นด้วยล่ะ” เย่เชียนตอบและยิ้ม

“เย่เชียน! คุณดีกับฉันมากเลย” หลินโรโร่วพูดอย่างมีความสุขและมอบจูบอันอ่อนโยนให้เย่เชียน

เย่เชียนยิ้มน้อย ๆ และพูดว่า “โรโร่ว! คุณสัญญากับผมได้มั้ย ว่าไม่ว่าคุณจะมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ คุณจะบอกผม อย่าเก็บมันเอาไว้คนเดียวเลยนะ”

“ได้ค่ะ!” หลินโรโร่วพยักหน้าอย่างแน่วแน่และพูดว่า “ฉันสัญญา คุณเองก็ต้องสัญญากับฉันด้วยนะว่าหลังจากที่ฉันไปแล้ว คุณจะคิดถึงฉันทุกคืนก่อนนอน’

“แน่นอนสิ” เย่เชียนฉีกยิ้ม “แต่ก่อนที่คุณจะไป… คุณอยาก…”

“อยากอะไร ?” หลินโรโร่วถามด้วยความประหลาดใจและตื่นเต้น

เย่เชียนยิ้มกว้างพร้อมกับโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูของเธอเบา ๆ ว่า “ผมคิดว่าก่อนที่คุณจะไป ผมควรจะกินคุณให้หมดทั้งตัวนะ!”

หลินโรโร่วเขินอาย เธอจ้องมองเย่เชียนอย่างเร่าร้อนและทำหน้ามุ่ยอย่างขี้เล่น จากนั้นก็พูดว่า “คนทะลึ่ง!”

เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขและไม่ได้พูดอะไรอีก มันคงจะเป็นเรื่องโกหกสำหรับเย่เชียนที่จะบอกว่าเขานั้นไม่เป็นอะไรหากหลินโรโร่วต้องจากเขาไปไกล แต่เย่เชียนรู้ดีว่า ถึงหลินโรโร่วจะดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอก็ตาม แต่หัวใจของเธอนั้นแข็งแกร่งและเข้มแข็งมาก มันยากที่จะเปลี่ยนใจในสิ่งที่เธอตั้งใจเอาไว้ นอกจากนี้เย่เชียนคิดว่าการงานอาชีพของเธอนั้นควรค่าแก่การได้รับการสนับสนุน ดังนั้นเขาจึงไม่คัดค้านอะไร เพราะหากเขายืนกรานที่จะไม่ให้เธอไป เขาเชื่อว่าหลินโรโร่วก็จะไม่ไป แต่เธอคงจะรู้สึกเสียใจอย่างมาก

“เย่เชียน… ฉันเหนื่อยกับการเดินแล้วล่ะ” หลินโรโร่วทำหน้ามุ่ยและบุ้ยปาก

“งั้นไปเรียกรถกันเถอะ” เย่เชียนพูดและเริ่มทำท่าโบกเรียกแท็กซี่

“ไม่! ฉันอยากให้คุณแบกฉันขึ้นหลังมากกว่า” หลินโรโร่วพูดหยอกล้อด้วยท่าทางขี้เล่น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดนักรบจอมราชัน 155 การเดินทางของหลินโรโร่ว

Now you are reading ยอดนักรบจอมราชัน Chapter 155 การเดินทางของหลินโรโร่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลินโรโร่วจ้องมองเย่เชียนอย่างเป็นกังวลและถามว่า “แม่ของฉันทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่า ?”

เย่เชียนยิ้มน้อย ๆ แล้วพูดว่า “เราคุยกันไปเรื่อยเปื่อยน่ะ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมกับคุณแม่ยายในอนาคต เราจะเข้ากันได้ง่ายดายขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าเขาจะชอบลูกเขยคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยแหละ ฮ่า ๆ ๆ เอาไว้ผมมีเวลา ผมจะไปเยี่ยมพวกเขาอย่างเป็นทางการนะ”

หลินโรโร่วรู้จักตัวตนของแม่ของเธอเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าการพบกันครั้งแรกของพวกเขาอาจจะราบรื่นดี แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อว่าอะไร ๆ มันจะง่ายอย่างที่เย่เชียนพูดขนาดนั้น แต่เนื่องจากเย่เชียนไม่ต้องการที่จะพูดถึงเรื่องนี้ หลินโรโร่วจึงไม่ได้ถามต่อ เธอรู้ว่าเย่เชียนคงไม่ต้องการให้เกิดความผิดใจกันระหว่างแม่ลูก

มื้อกลางวันของทั้งสี่คนจบลงไปด้วยบรรยากาศที่ดีและทุกคนก็อิ่มหนำสำราญกันอย่างมาก เย่เชียนยิ่งรู้สึกได้มากขึ้นไปอีกว่าเฉินเซิงคนนี้เป็นคนที่ควรค่าแก่การเป็นเพื่อนและผูกมิตรด้วยจริง ๆ ทั้งบุคลิกทั้งอุปนิสัยของเขานั้นยอดเยี่ยมและเป็นมิตรมาก เขาไม่ได้มีคุณสมบัติแย่ ๆ อย่างที่ทายาทของพวกเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงคนอื่นมีเลย เฉินเซิงเป็นคนละเอียดอ่อนและสุภาพมาก ที่สำคัญเขายังมีไหวพริบและอารมณ์ขันอย่างสุนทรีย์อีกด้วย ถ้าหากในอนาคตกลุ่มเขี้ยวหมาป่าต้องการที่จะขยายกำลังไปยังเมืองอื่น ๆ ของประเทศจีน เฉินเซิงก็น่าจะช่วยได้อย่างมากเลยทีเดียว แม้ว่าเฉินเซิงนั้นจะมีประโยชน์กับกลุ่มเขี้ยวหมาป่าในอนาคตหรือไม่มี แต่เย่เชียนก็ยังอยากที่จะเป็นเพื่อนกับเขาจากใจจริง

ขณะที่ยี่จุนหลูยืนมองเย่เชียนและหลินโรโร่วเดินออกจากร้านอาหารไป มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกมากขึ้นไปอีกว่าเธอเคยเห็นเย่เชียนมาก่อนที่ไหนสักแห่ง

เมื่อเฉินเซิงเห็นแฟนสาวของเขากำลังทำหน้าตาสงสัย เขาจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ ? ทำไมคุณถึงขมวดคิ้วอย่างนั้นล่ะ”

ยี่จุนหลูเอียงหัวไปมาและพูดว่า “ฉันรู้สึกว่าฉันเคยเห็นเขามาก่อนจริง ๆ นะ แต่ฉันคิดไม่ออกว่าที่ไหน ? มันคือที่ไหน มันคือที่ไหนกันแน่นะ ?”

เฉินเซิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย อย่าคิดมากนะ เดี๋ยวจะปวดหัวซะเปล่า ๆ ฉันเป็นห่วง”

ยี่จุนหลูมองเฉินเซิงอย่างมีความสุข ในทันใดนั้นเองก็มีภาพแวบเข้ามาในสมองของเธอ ทำให้เธอร้องลั่นออกมาเสียงดัง “ใช่แล้ว! ฉันจำได้ ฉันจำได้แล้ว!”

“คุณจำได้แล้วเหรอ ?” เฉินเซิงรู้สึกหดหู่น้อยกับการแสดงออกที่ร้อนรนใจของเธอ

“ฉันจำได้แล้วว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน! ตอนอยู่ในงานเลี้ยงของสำนักงานใหญ่ของบริษัทฉันนั่นไง! เราเคยทักทายกันที่นั่น!” ยี่จุนหลูพูดด้วยความตื่นเต้น

“สำนักงานใหญ่ของบริษัทคุณไม่ได้อยู่ในสหรัฐอเมริกาหรอกเหรอ ? อ๋อ… ใช่แล้ว ฉันว่าฉันเคยได้ยินหลินโรโร่วบอกว่าเย่เชียนเขาเพิ่งจะกลับมาที่เซี่ยงไฮ้เมื่อเร็ว ๆ นี้เอง” เฉินเซิงพูด “แล้วงานเลี้ยงบริษัทของคุณได้เชิญบุคคลภายนอกมาเข้าร่วมด้วยหรือเปล่า ?”

“งานเลี้ยงนั่นเป็นการประชุมประจำปีบริษัทของเรา มันจึงเป็นงานสำหรับบุคลากรในองค์กรเท่านั้น นั่นสิ… ตอนนั้นฉันได้ยินบางคนพูดว่าเย่เชียนเขาเป็นซีอีโอตัวจริงของบริษัทน่ะ” ยี่จุนหลูตอบ

“นี่คุณกำลังจะบอกผมว่า เย่เชียนเป็นซีอีโอใหญ่ของบริษัทในเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ?” เฉินเซิงถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง

“ใช่แล้วล่ะ แต่ฉันไม่เข้าใจเลย เพราะคนในบริษัทลือกันว่า เย่เชียนน่ะเขาไม่ค่อยยอมเปิดเผยตัวตนบ่อยนัก มีเพียงไม่กี่คนในตำแหน่งสูง ๆ เท่านั้นที่เคยได้เห็นเขา ขนาดเลขาของท่านประธานยังเคยเห็นเขาแค่สองสามครั้งเอง” ยี่จุนหลูพูดอย่างกระตือรือร้น

เฉินเซิงพึมพำกับตัวเองอยู่สักพักหนึ่งและคิดว่าเย่เชียนคงไม่ใช่คนธรรมดา ๆ อย่างที่เขาคิดเอาไว้ แต่เขาก็ไม่ต้องการไปก้าวก่ายหรือสอดรู้สอดเห็นเกี่ยวกับอาชีพการงานของเย่เชียนมากนัก เพราะถึงยังไงพวกเขาก็เพิ่งจะรู้จักกันและยังไม่ได้สนิทสนมกันมากพอที่จะถาม

……

หลังจากออกจากร้านอาหารแล้ว เย่เชียนและหลินโรโร่วก็ไม่ได้ขึ้นรถกลับ ทั้งคู่เลือกที่จะเดินเท้ากลับไปที่โรงพยาบาลแทน พวกเขาทั้งสองคนเดินด้วยกันอย่างช้า ๆ ในขณะที่จับมือกันไปด้วย มันช่างมีเสน่ห์และโรแมนติกเหลือเกิน

“ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ ? คุณยังกังวลเรื่องที่จางเจี้ยนพูดอยู่เหรอ ?” เย่เชียนถามเมื่อเขาเห็นหลินโรโร่วเงียบไป

หลินโรโร่วส่ายหัวและพูดว่า “ไม่แน่นอน เพราะคุณไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น”

เย่เชียนยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ผมรู้จักกับอดีตภรรยาของเขาน่ะ ครั้งหนึ่งตอนที่ผมไปทำภารกิจ ผมได้ช่วยชีวิตเธอโดยบังเอิญ ตอนนั้นผมสงสารเธอมาก ผมเลยซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอกลับบ้าน เอ๊ะ! คุณเคยเจอเธอแล้วหนิ เธอเป็นเจ้าของร้านอาหารตะวันตกที่เราไปเดทกันวันนั้นไง ตอนนี้ลูกสาวเธอโตจนเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้วนะ”

“อ้อ!” หลินโรโร่วตอบอย่างเฉยเมยราวกับว่ามีบางอย่างอยู่ในใจของเธอ

เย่เชียนชะงักไปชั่วครู่และรีบพูดว่า “โรโร่ว… คุณมีอะไรในใจหรือเปล่า ? ถ้ามีอะไรก็พูดกับผมตรง ๆ อย่าเก็บมันเอาไว้สิ”

หลังจากที่เงียบไปสักพัก หลินโรโร่วก็พูดขึ้นว่า “เย่เชียน! สภากาชาดกำลังจะจัดโครงการศูนย์บรรเทาทุกข์ผู้ป่วยระหว่างประเทศและโรงพยาบาลของเราก็ได้รับเชิญให้ไปเข้าร่วมด้วย คือ… ฉันอยากจะสมัครเข้าร่วมน่ะ”

“ต้องไปนานแค่ไหนเหรอ ?” เย่เชียนถามด้วยความงุนงง

“ประมาณครึ่งปีในแอฟริกาใต้” หลินโรโร่วตอบ “เย่เชียน… ตอนนี้ฉันรักงานของฉันมาก และฉันก็อยากช่วยผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือให้สุดกำลังของฉัน ในเมื่อตอนนี้มันมีโอกาสเข้ามา ฉันก็ไม่อยากที่จะพลาดโอกาสนี้ไป แต่พอนึกว่าฉันจะไม่ได้เจอคุณนานขนาดนั้น ฉันเริ่มรู้สึกไม่ค่อยอยากทำซะแล้วสิ”

เย่เชียนยิ้มพร้อมกับดึงหลินโรโร่วเข้ามาในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็พูดว่า “เวลามันค่อนข้างนานก็จริง… แต่นี่มันเป็นความฝันของคุณ และในฐานะแฟนของคุณแล้ว ผมจะสนับสนุนคุณเต็มที่ ถึงแม้ว่าแอฟริกาใต้มันจะอยู่ไกลก็ตาม แต่ผมไปเยี่ยมคุณได้ตลอดนะเมื่อผมมีเวลา อีกอย่างเทคโนโลยีสมัยนี้มันก็ทันสมัยจะตายไป เราวีดีโอคอลคุยกันทุกคืนเลยก็ยังได้”

“คุณเห็นด้วยเหรอ ?” หลินโรโร่วถามอย่างมีความสุข

“แล้วทำไมผมต้องไม่เห็นด้วยล่ะ” เย่เชียนตอบและยิ้ม

“เย่เชียน! คุณดีกับฉันมากเลย” หลินโรโร่วพูดอย่างมีความสุขและมอบจูบอันอ่อนโยนให้เย่เชียน

เย่เชียนยิ้มน้อย ๆ และพูดว่า “โรโร่ว! คุณสัญญากับผมได้มั้ย ว่าไม่ว่าคุณจะมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ คุณจะบอกผม อย่าเก็บมันเอาไว้คนเดียวเลยนะ”

“ได้ค่ะ!” หลินโรโร่วพยักหน้าอย่างแน่วแน่และพูดว่า “ฉันสัญญา คุณเองก็ต้องสัญญากับฉันด้วยนะว่าหลังจากที่ฉันไปแล้ว คุณจะคิดถึงฉันทุกคืนก่อนนอน’

“แน่นอนสิ” เย่เชียนฉีกยิ้ม “แต่ก่อนที่คุณจะไป… คุณอยาก…”

“อยากอะไร ?” หลินโรโร่วถามด้วยความประหลาดใจและตื่นเต้น

เย่เชียนยิ้มกว้างพร้อมกับโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูของเธอเบา ๆ ว่า “ผมคิดว่าก่อนที่คุณจะไป ผมควรจะกินคุณให้หมดทั้งตัวนะ!”

หลินโรโร่วเขินอาย เธอจ้องมองเย่เชียนอย่างเร่าร้อนและทำหน้ามุ่ยอย่างขี้เล่น จากนั้นก็พูดว่า “คนทะลึ่ง!”

เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขและไม่ได้พูดอะไรอีก มันคงจะเป็นเรื่องโกหกสำหรับเย่เชียนที่จะบอกว่าเขานั้นไม่เป็นอะไรหากหลินโรโร่วต้องจากเขาไปไกล แต่เย่เชียนรู้ดีว่า ถึงหลินโรโร่วจะดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอก็ตาม แต่หัวใจของเธอนั้นแข็งแกร่งและเข้มแข็งมาก มันยากที่จะเปลี่ยนใจในสิ่งที่เธอตั้งใจเอาไว้ นอกจากนี้เย่เชียนคิดว่าการงานอาชีพของเธอนั้นควรค่าแก่การได้รับการสนับสนุน ดังนั้นเขาจึงไม่คัดค้านอะไร เพราะหากเขายืนกรานที่จะไม่ให้เธอไป เขาเชื่อว่าหลินโรโร่วก็จะไม่ไป แต่เธอคงจะรู้สึกเสียใจอย่างมาก

“เย่เชียน… ฉันเหนื่อยกับการเดินแล้วล่ะ” หลินโรโร่วทำหน้ามุ่ยและบุ้ยปาก

“งั้นไปเรียกรถกันเถอะ” เย่เชียนพูดและเริ่มทำท่าโบกเรียกแท็กซี่

“ไม่! ฉันอยากให้คุณแบกฉันขึ้นหลังมากกว่า” หลินโรโร่วพูดหยอกล้อด้วยท่าทางขี้เล่น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+