เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 128 วางแผนร้ายไม่หยุดหย่อน

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 128 วางแผนร้ายไม่หยุดหย่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฮูหยินใหญ่ ท่านใจเย็นๆ เจ้าค่ะ” แม่นมหนิงมองสีหน้าบึ้งตึงของทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างระมัดระวัง ครั้นนางรู้ว่าซั่งกวนฮ่าวและลูกชายจะพักค้างคืนที่เรือนพำนักอวี้ฉิงจริงๆ ก็หมดสติ แล้วจู่ๆ นางก็ระเบิดอารมณ์ออกมาจนผู้คนรู้สึกประหลาดใจกับพลังที่สามารถทุบตีทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้พังพินาศได้ทั้งห้อง

“จริงด้วย ท่านเป็นกระดูกสันหลังของตระกูลซั่งกวน ถ้าท่านบันดาลโทสะ มันจะเป็นหายนะของตระกูลซั่งกวนนะเจ้าคะ” หนิงซินชำเลืองมองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างระวัง นางอยากจะหายตัวไปต่อหน้าทั่วป๋าซู่เยวี่ยเสียเดี๋ยวนี้ ควรรู้ไว้ว่าเมื่อทั่วป๋าซู่เยวี่ยเกิดอารมณ์โทสะขึ้นมา แม้แต่ญาติก็ไม่รู้จัก ถึงจะไม่ได้ฆ่าใครตายก็ตามทว่าการตบตีผู้คนเพื่อระบายความโกรธก็เป็นเรื่องธรรมดา

“กระดูกสันหลังหรือ? ตระกูลซั่งกวนยังจะมีใครเห็นยายแก่อย่างข้าอยู่ในสายตาอีก” ในดวงตาของทั่วป๋าซู่เยวี่ยแดงก่ำราวกับสัตว์ร้ายที่ต้องการจะขย้ำกินคน เยี่ยนมี่เอ๋อร์ขึ้นภูเขาครั้งแรกก็ได้ค้างแรมที่นั่น ทำให้นางเสียสติ…นั่นเป็นสิ่งที่นางคาดหวังมาตลอดในชีวิตของนาง และเป็นความฝันที่นางไม่เคยได้สมหวังมาก่อน

นางแต่งเข้าตระกูลซั่งกวนมากว่าสี่สิบปีแล้ว จากดรุณีวัยแรกรุ่นสิบหกปี กลายเป็นหญิงชราผมสีดอกเลาขาวโพลน นางเคยเข้าไปที่เรือนพำนักอวี้ฉิงเพียงสามครั้ง ทุกครั้งจะกลับมาในวันเดียวกัน นี่หมายความว่าอันใด? มันแสดงให้เห็นว่าบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลซั่งกวนไม่ต้องการพบนาง และผู้อาวุโสสองชั่วอายุคนก็ไม่ต้องการพบนางด้วย

หวงฝู่เยวี่ยเอ้อได้รับการปฏิบัติที่ดีมากกว่านาง แต่ก็แตกต่างกันออกไป…ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลหวงฝู่เช่นกัน ให้กำเนิดลูกชายสองคนกับตระกูลซั่งกวน เป็นสมบัติอันล้ำค่าของซั่งกวนฮ่าวมานานกว่าสองทศวรรษ นางทนต่อสิ่งเหล่านี้ได้ แต่เยี่ยนมี่เอ๋อร์คืออะไร? นางไม่ใช่อะไรทั้งนั้น นางไม่มีอะไรเลย นอกจากใบหน้าที่ทำให้ผู้ชายหลงใหล แต่ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงไร้ค่าเยี่ยงนี้จะกลายมาเป็นห้องหลักของเจวี๋ยเอ๋อร์ ทั้งยังทำให้เจวี๋ยเอ๋อร์หลงหัวปักหัวปำ เลือกจะไปสักการะศาลบรรพชนในวันที่หกสิบห้าหลังแต่งงาน ตำแหน่งของนางเป็นของฉินซินต่างหาก เพราะเป็นลูกสาวผู้สูงศักดิ์ของตระกูลทั่วป๋าที่ควรจะมีเกียรติกลับถูกผู้หญิงไร้ยางอายคนนั้นปล้นชิงไป นางจะทนกับเรื่องทำนองนี้ได้อย่างไร?

“ท่านย่า ท่านคลายโมโหหน่อยเถิด ถ้าถูกความโกรธเข้าครอบงำจริงๆ เมื่อถึงครานั้นจะเสียเปรียบคนอื่นเอาได้” ซั่งกวนอวี่ไข่ลูบหลังทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างระมัดระวัง กลัวว่านางจะเดือดดาลจนพลอยซวยไปด้วย

“ข้าโกรธจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่ได้พานโมโหหลานชายที่รักสุดจิตสุดใจผู้นี้ นางมองซั่งกวนพิงถิงซึ่งอกสั่นขวัญผวากับสีหน้าของนางแล้วพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจ้าหลบอะไร? ยังกังวลว่าข้าจะเขมือบเจ้าอยู่หรือไร”

กังวลว่าเจ้าจะกินคน พิงถิงฉีกยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เหตุใดข้าต้องกลัวท่านย่าเล่า? ข้ารู้ว่าท่านย่าเป็นคนใจดีที่สุด และรักพิงถิงดั่งแก้วตาดวงใจเช่นกัน เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจ ขอเพียงลูกพี่ลูกน้องแต่งเข้ามา เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะต้องยกตำแหน่งห้องหลักให้นางอยู่ดี ถึงตอนนั้นท่านย่าคิดจะเล่นงานนางก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ทำไมต้องฉุนเฉียวเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ด้วยเล่า?”

“เรื่องเล็กน้อย? ถ้ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยข้าจะโกรธขนาดนี้เลยหรือ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็รู้ว่าจริงๆ แล้วพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงหงุดหงิดขนาดนี้ แม้แต่แม่นมหนิงที่อยู่เคียงข้างนางมาหลายสิบปีก็ยังไม่รู้กระจ่างชัดจึงเล่าว่า “นังหญิงสารเลวคนนั้นขึ้นเขาครั้งแรกก็ได้ค้างคืนจริงๆ แสดงให้เห็นว่าพวกแก่หง่อมที่ยังไม่ตายนั้นพอใจนางมาก พอใจจนยินดีจะเป็นผู้หนุนหลังให้นาง เพื่อให้ลูกๆ หลานๆ ของตระกูลซั่งกวนจำเป็นต้องให้ความเคารพและยกย่องแก่นาง ในกรณีนี้ การแต่งฉินซินเข้ามาจะถูกขัดขวางและต่อต้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างน้อยก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแต่งเข้าเรือนในฐานะภรรยา ถ้าเป็นเพียงอนุภรรยาคนหนึ่ง ฉินซินก็ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้ามาหรอก”

‘ที่แท้การวางแผนร้ายทั้งหมดล้มเหลว มิน่าเล่าถึงมีอาการสติหลุดผิดปกติเช่นนี้’ พิงถิงวิจารณ์อยู่ในใจ แต่กลับไม่กล้าจะแสดงอากัปกิริยาใดๆ ที่ทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่พอใจ นางจึงร้อนใจพูดว่า “แล้วจะทำอย่างไรดี? ลูกพี่ลูกน้องรักและผูกพันกับพี่ใหญ่เป็นอย่างยิ่ง หากแต่งกับพี่ใหญ่ไม่ได้ นางจะปราศจากความสุขไปจนชั่วชีวิต ท่านย่า ท่านต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาอย่างรอบคอบนะเจ้าคะ”

“ยังจะทำอะไรได้อีกเล่า? ผู้หญิงสามคนนั้นน่าผิดหวัง เสียเวลาเปล่า อยู่ตระกูลซั่งกวนมานานนมขนาดนั้น เสียโอกาสมากมายทีเดียว นังหญิงเลวทรามคนนั้นไม่แม้แต่จะขยับปลายก้อย ก็ทำให้พวกนางกลิ้งไม่เป็นท่าออกไป ข้ายังจะทำอะไรได้อีก?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเกลียดผู้หญิงที่น่าผิดหวังทั้งสามคนอย่างเข้ากระดูกดำ โดยเฉพาะสือหย่าฉีผู้นั้นที่ไร้ความกล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ไม่มี ไม่แม้นจะทำอะไรเลย แล้วนางก็เก็บสัมภาระออกจากตระกูลซั่งกวนไป ส่วนอีกสองคนเพียงแค่ไม่ได้ใช้วิธีการที่ถูกต้องเท่านั้นเอง หากพวกนางทุ่มหมดหน้าตัก แสร้งทำเป็นมือสังหารแล้วฆ่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์โดยตรง สิ่งต่างๆ จะง่ายขึ้นมาก นางก็จะไม่มีปัญหาเช่นนี้ น่าเสียดายที่พวกนางไม่เด็ดขาดจนปล่อยโอกาสไปโดยเปล่าประโยชน์

ใครบอกว่านางไม่ขยับนิ้ว แต่เจ้าแก่ชราตาพร่ามัวมองไม่เห็นเองต่างหาก ซั่งกวนพิงถิงนบนอบและกังวลมากขึ้นจึงพูดว่า “จะยอมแพ้แบบนี้หรือ? ถ้าลูกพี่ลูกน้องรู้เข้า จะไม่เศร้าระทมจนตรอมใจตายหรือเจ้าคะ”

“พิงถิงหุบปาก!” ซั่งกวนอวี่ไข่จ้องเขม็งมองน้องสาวที่ลุกลี้ลุกลนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่มีผู้หญิงสามคนนั้นก็ไม่แน่ว่าจะทำอะไรไม่ได้เลย จะปล่อยให้ผู้หญิงอ่อนแอที่มือไม่มีแรงแม้จะจับไก่ก่อปัญหาขี้ปะติ๋วหรือ อันที่จริงเป็นเพียงเรื่องง่ายนิดเดียว”

“เจ้ามีความคิดอย่างไร?” จู่ๆ ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็เริ่มมีกำลังวังชา ในใจนางคิดเสมอว่าอวี่ไข่ฉลาดและมีความสามารถมากกว่าซั่งกวนเจวี๋ย น่าเสียดายตรงชาติกำเนิดทำให้เขาต้องลดเกียรติก้มหัวให้คนอื่น ยังเป็นเพราะกฎของตระกูลชนชั้นสูง และคำสั่งต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกนอกสมรสชิงตำแหน่ง มิเช่นนั้นก็ไม่แน่ว่าผู้ที่จะเป็นนายท่านแห่งตระกูลซั่งกวนในอนาคตจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา

“ท่านย่า ถ้าอยากให้ผู้หญิงคนนั้นออกจากตำแหน่งห้องหลักไม่อาจพึ่งพาวิธีการและความหึงหวงของผู้หญิงได้ พวกนางต้องการแค่แต่งเข้ามา ก็ถือว่าพวกนางทำสำเร็จ เพียงแค่ทำให้พี่ใหญ่มีอนุภรรยาอีกสองสามคนเท่านั้น คุณหนูฉินซินมีคู่ต่อสู้เพิ่มขึ้นเพียงไม่กี่คนเอง อาจไม่สามารถทำร้ายผู้หญิงคนนั้นได้” ซั่งกวนอวี่ไข่ไม่เคยเห็นด้วยกับเล่ห์เพทุบายที่พวกนางเรียกกันว่าล่อเสือขย้ำหมาป่า ในความคิดของเขามันเป็นเพียงแค่การชักศึกเข้าบ้านเท่านั้น ต่อให้ผู้หญิงทั้งสามจะทำสำเร็จ ซั่งกวนเจวี๋ยจะละเลยเยี่ยนมี่เอ๋อร์ด้วยเหตุผลนี้หรือ? ความสวยงามอันน่าทึ่งเช่นนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ นอกจากนี้ ผู้หญิงทั้งสามไม่ใช่คนโง่ ขอเพียงแค่ให้ซั่งกวนเจวี๋ยแต่งงานด้วย แต่ไม่ได้เป็นศัตรูกับห้องหลัก เมื่อพวกนางแต่งเข้ามาก็พูดยากว่าจะเห็นด้วย แล้วแว้งกัดจัดการกับทั่วป๋าฉินซินเข้าจะทำอย่างไร โชคดีที่ผู้หญิงทั้งสามล้มเหลวและจากไป

“แล้วเจ้ามีความคิดอะไร?” แม้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยจะไม่ชอบซั่งกวนอวี่ไข่ที่สงสัยวิธีการและความคิดของนาง แต่ก็ยังอยากฟังความคิดเห็นของเขา

“ข้าย่อมมีแผนชาญฉลาดอยู่แล้ว” ซั่งกวนอวี่ไข่โน้มตัวไปข้างหูของทั่วป๋าซู่เยวี่ย ลดเสียงเบาที่สุด พึมพำชั่วขณะ เมื่อพูดแล้วทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็พยักหน้าระรัว บนใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ยากจะกลบเกลื่อนได้

“อวี่ไข่ช่างปราดเปรื่องนัก” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพอใจกับหลานชายคนนี้เป็นอย่างมากจริงๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ทำตามแผนนี้แล้วกัน อวี่ไข่เจ้าไปทำด้วยตัวเอง อย่าให้ใครหน้าไหนมาแทรกแซง เพื่อไม่ให้ข่าวคราวรั่วไหลนะ”

“พี่ชายคิดแผนอะไร?” ซั่งกวนพิงถิงแสดงใบหน้าอยากรู้อยากเห็น

“นั่นสิ บอกหน่อยเถิดเราจะได้พิจารณาด้วย” สีหน้าของหนิงซินแสดงความภาคภูมิใจในตัวลูกชาย ไม่นึกเลยว่าเขาจะคิดลอบทำร้ายสะใภ้คนโตของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมเนรคุณอย่างหนึ่ง

“อวี่ไข่…” ใบหน้าของทั่วป๋าซู่เยวี่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มระรื่น ความเดือดดาลเมื่อครู่ก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง อารมณ์ของนางขึ้นๆ ลงๆ ร้ายกาจอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้นางแก่เหี่ยวย่น

“ท่านย่า” ซั่งกวนอวี่ไข่ตะโกนทันเวลา มองมารดา น้องสาวและแม่นมหนิงที่เป็นยายของเขาซึ่งมีท่าทีสงสัย แม้จะเป็นคนกันเอง แต่เขาไม่กล้าแน่ใจว่าทั้งหมดจะปิดปากแน่นหรือไม่ ถ้าในระหว่างนี้เกิดแพร่งพรายออกไปเล็กน้อย ไม่เพียงแต่จะทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่สมความปรารถนาที่จะให้ทั่วป๋าฉินซินแต่งงานกับซั่งกวนเจวี๋ย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของตระกูลทั่วป๋ากับตระกูลซั่งกวนที่ห่างเหินมากขึ้นเรื่อยๆ ให้รวมเข้ากันได้และลึกซึ้งยิ่งขึ้น หนำซ้ำจะนำปัญหาและหายนะมาสู่ตัวเขาเองอีกด้วย

“เราสองคนรู้เรื่องนี้ก็พอ คนอื่นๆ รอชมละครแล้วกัน” ซั่งกวนอวี่ไข่เหลือบมองทุกคนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อพวกเจ้า พวกเจ้าล้วนเป็นญาติที่รักของข้า แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการทำเรื่องนี้คือความรอบคอบ พวกเจ้าอย่ารู้เรื่องนี้ยังจะดีเสียกว่า มิฉะนั้นหากถึงเวลานั้นเกิดมีข้อผิดพลาดบางอย่าง กลับจะทำให้ทุกคนหวาดระแวงกันเอง”

“อวี่ไข่พูดถูก” แม้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่คิดว่าจะมีใครในที่นี้เปิดเผยเรื่องนี้ออกไป แต่ก็รู้สึกว่าคำพูดของซั่งกวนอวี่ไข่นั้นถูกต้องและเห็นด้วยกับเขา

“พี่ชายชอบแกล้งทำเป็นลึกลับ” ซั่งกวนพิงถิงมองค้อนเขาขวับหนึ่งด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ

“แต่เรื่องนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้พี่ชายใหญ่และคุณหนูฉินซินมีเวลาสานสัมพันธ์ต่อกัน จึงไม่ควรเร็วเกินไป” ซั่งกวนอวี่ไข่คำนวณวันที่พลางกล่าวว่า “ข้าต้องใช้เวลาจัดเตรียม คุณหนูฉินซินนั้นยังต้องการคำปลอบโยนจากท่านย่า อย่าปล่อยให้นางถูกยั่วโมโหจากพี่ชายใหญ่หรือผู้หญิงคนนั้น เพราะจะตีตนไปก่อนไข้ด้วยแรงหุนหันพลันแล่นชั่วขณะ”

“ข้าเข้าใจ ข้าจะให้นางเข้ากับนังหญิงตัวแสบนั่นอย่างสบายใจ จะให้นางคว้าโอกาสสานความสัมพันธ์กับเจวี๋ยเอ๋อร์ และจะไม่ปล่อยให้นางบุ่มบ่ามทำผิดพลาดในชั่ววูบ” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรู้ว่าซั่งกวนอวี่ไข่เป็นกังวลอะไร

“สานสัมพันธ์หรือ? อย่างไรเล่า?” ซั่งกวนพิงถิงกลอกตาค้อนปะหลับปะเหลือกแล้วพูดว่า “ทั้งสองคนอยู่ห่างกันหลายพันลี้ ต่อให้ลูกพี่ลูกน้องจะเต็มใจทอดไมตรีสื่อความรัก แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่ใหญ่คิดเช่นนั้นหรือไม่ อีกอย่าง ยามนี้พี่ใหญ่มีเวลาสนิทสนมกับผู้หญิงคนนั้น จะเจียดเวลามาสานสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้องได้ไม่มากกระมัง?”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้” ซั่งกวนอวี่ไข่ถลึงตาจ้องมองน้องสาวปากไม่มีหูรูดปราดหนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะคิดว่าตอนนี้พวกเขารักใคร่กันจริงๆ ข้าก็ไม่อยากเสียเวลาไปนานกว่านี้แล้วค่อยลงมือหรอก สำหรับระยะห่างนั้น? งานชมดอกบัวในเดือนหก งานประลองยุทธ์ในเดือนแปดล้วนจัดขึ้นที่ลี่โจว ให้คุณหนูฉินซินรีบมาที่ลี่โจวเพื่อเข้าร่วมงานชมดอกบัวในต้นเดือนหกได้เลย จากนั้นรอตระกูลซั่งกวนเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ เวลาสองเดือนนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”

“อวี่ไข่พูดถูก ข้าจะเขียนจดหมายส่งกลับไปที่เหยี่ยนโจวทันที เพื่อให้ฉินซินเตรียมพร้อมรีบเดินทางมาลี่โจว” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เดือนยี่เป็นงานแต่งของเจวี๋ยเอ๋อร์ เดือนแปดเป็นงานประลองยุทธ์ งานชมดอกบัวปีนี้จะมีคนมามากเกินไปหรือไม่ ถ้าไม่มีคนมารบกวนฉินซินและเจวี๋ยเอ๋อร์จนเกินความจำเป็น จะเป็นโอกาสทองทีเดียว”

“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” ซั่งกวนอวี่ไข่ผงกศีรษะ หากให้ทั่วป๋าฉินซินได้สมดั่งตั้งใจ กระนั้นทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็มีปัญหาที่น่ากังวลที่สุด คืองานแต่งของเขาควรจะเอ่ยหาฤกษ์งามยามดีได้แล้ว เขาจะต้องแต่งงานกับภรรยาที่มีตระกูลสูงศักดิ์ จะฝังตัวเองในเงามืดของลูกนอกสมรสไม่ได้

———————–

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 128 วางแผนร้ายไม่หยุดหย่อน

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 128 วางแผนร้ายไม่หยุดหย่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฮูหยินใหญ่ ท่านใจเย็นๆ เจ้าค่ะ” แม่นมหนิงมองสีหน้าบึ้งตึงของทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างระมัดระวัง ครั้นนางรู้ว่าซั่งกวนฮ่าวและลูกชายจะพักค้างคืนที่เรือนพำนักอวี้ฉิงจริงๆ ก็หมดสติ แล้วจู่ๆ นางก็ระเบิดอารมณ์ออกมาจนผู้คนรู้สึกประหลาดใจกับพลังที่สามารถทุบตีทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้พังพินาศได้ทั้งห้อง

“จริงด้วย ท่านเป็นกระดูกสันหลังของตระกูลซั่งกวน ถ้าท่านบันดาลโทสะ มันจะเป็นหายนะของตระกูลซั่งกวนนะเจ้าคะ” หนิงซินชำเลืองมองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างระวัง นางอยากจะหายตัวไปต่อหน้าทั่วป๋าซู่เยวี่ยเสียเดี๋ยวนี้ ควรรู้ไว้ว่าเมื่อทั่วป๋าซู่เยวี่ยเกิดอารมณ์โทสะขึ้นมา แม้แต่ญาติก็ไม่รู้จัก ถึงจะไม่ได้ฆ่าใครตายก็ตามทว่าการตบตีผู้คนเพื่อระบายความโกรธก็เป็นเรื่องธรรมดา

“กระดูกสันหลังหรือ? ตระกูลซั่งกวนยังจะมีใครเห็นยายแก่อย่างข้าอยู่ในสายตาอีก” ในดวงตาของทั่วป๋าซู่เยวี่ยแดงก่ำราวกับสัตว์ร้ายที่ต้องการจะขย้ำกินคน เยี่ยนมี่เอ๋อร์ขึ้นภูเขาครั้งแรกก็ได้ค้างแรมที่นั่น ทำให้นางเสียสติ…นั่นเป็นสิ่งที่นางคาดหวังมาตลอดในชีวิตของนาง และเป็นความฝันที่นางไม่เคยได้สมหวังมาก่อน

นางแต่งเข้าตระกูลซั่งกวนมากว่าสี่สิบปีแล้ว จากดรุณีวัยแรกรุ่นสิบหกปี กลายเป็นหญิงชราผมสีดอกเลาขาวโพลน นางเคยเข้าไปที่เรือนพำนักอวี้ฉิงเพียงสามครั้ง ทุกครั้งจะกลับมาในวันเดียวกัน นี่หมายความว่าอันใด? มันแสดงให้เห็นว่าบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลซั่งกวนไม่ต้องการพบนาง และผู้อาวุโสสองชั่วอายุคนก็ไม่ต้องการพบนางด้วย

หวงฝู่เยวี่ยเอ้อได้รับการปฏิบัติที่ดีมากกว่านาง แต่ก็แตกต่างกันออกไป…ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลหวงฝู่เช่นกัน ให้กำเนิดลูกชายสองคนกับตระกูลซั่งกวน เป็นสมบัติอันล้ำค่าของซั่งกวนฮ่าวมานานกว่าสองทศวรรษ นางทนต่อสิ่งเหล่านี้ได้ แต่เยี่ยนมี่เอ๋อร์คืออะไร? นางไม่ใช่อะไรทั้งนั้น นางไม่มีอะไรเลย นอกจากใบหน้าที่ทำให้ผู้ชายหลงใหล แต่ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงไร้ค่าเยี่ยงนี้จะกลายมาเป็นห้องหลักของเจวี๋ยเอ๋อร์ ทั้งยังทำให้เจวี๋ยเอ๋อร์หลงหัวปักหัวปำ เลือกจะไปสักการะศาลบรรพชนในวันที่หกสิบห้าหลังแต่งงาน ตำแหน่งของนางเป็นของฉินซินต่างหาก เพราะเป็นลูกสาวผู้สูงศักดิ์ของตระกูลทั่วป๋าที่ควรจะมีเกียรติกลับถูกผู้หญิงไร้ยางอายคนนั้นปล้นชิงไป นางจะทนกับเรื่องทำนองนี้ได้อย่างไร?

“ท่านย่า ท่านคลายโมโหหน่อยเถิด ถ้าถูกความโกรธเข้าครอบงำจริงๆ เมื่อถึงครานั้นจะเสียเปรียบคนอื่นเอาได้” ซั่งกวนอวี่ไข่ลูบหลังทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างระมัดระวัง กลัวว่านางจะเดือดดาลจนพลอยซวยไปด้วย

“ข้าโกรธจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่ได้พานโมโหหลานชายที่รักสุดจิตสุดใจผู้นี้ นางมองซั่งกวนพิงถิงซึ่งอกสั่นขวัญผวากับสีหน้าของนางแล้วพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจ้าหลบอะไร? ยังกังวลว่าข้าจะเขมือบเจ้าอยู่หรือไร”

กังวลว่าเจ้าจะกินคน พิงถิงฉีกยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เหตุใดข้าต้องกลัวท่านย่าเล่า? ข้ารู้ว่าท่านย่าเป็นคนใจดีที่สุด และรักพิงถิงดั่งแก้วตาดวงใจเช่นกัน เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจ ขอเพียงลูกพี่ลูกน้องแต่งเข้ามา เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะต้องยกตำแหน่งห้องหลักให้นางอยู่ดี ถึงตอนนั้นท่านย่าคิดจะเล่นงานนางก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ทำไมต้องฉุนเฉียวเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ด้วยเล่า?”

“เรื่องเล็กน้อย? ถ้ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยข้าจะโกรธขนาดนี้เลยหรือ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็รู้ว่าจริงๆ แล้วพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงหงุดหงิดขนาดนี้ แม้แต่แม่นมหนิงที่อยู่เคียงข้างนางมาหลายสิบปีก็ยังไม่รู้กระจ่างชัดจึงเล่าว่า “นังหญิงสารเลวคนนั้นขึ้นเขาครั้งแรกก็ได้ค้างคืนจริงๆ แสดงให้เห็นว่าพวกแก่หง่อมที่ยังไม่ตายนั้นพอใจนางมาก พอใจจนยินดีจะเป็นผู้หนุนหลังให้นาง เพื่อให้ลูกๆ หลานๆ ของตระกูลซั่งกวนจำเป็นต้องให้ความเคารพและยกย่องแก่นาง ในกรณีนี้ การแต่งฉินซินเข้ามาจะถูกขัดขวางและต่อต้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างน้อยก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแต่งเข้าเรือนในฐานะภรรยา ถ้าเป็นเพียงอนุภรรยาคนหนึ่ง ฉินซินก็ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้ามาหรอก”

‘ที่แท้การวางแผนร้ายทั้งหมดล้มเหลว มิน่าเล่าถึงมีอาการสติหลุดผิดปกติเช่นนี้’ พิงถิงวิจารณ์อยู่ในใจ แต่กลับไม่กล้าจะแสดงอากัปกิริยาใดๆ ที่ทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่พอใจ นางจึงร้อนใจพูดว่า “แล้วจะทำอย่างไรดี? ลูกพี่ลูกน้องรักและผูกพันกับพี่ใหญ่เป็นอย่างยิ่ง หากแต่งกับพี่ใหญ่ไม่ได้ นางจะปราศจากความสุขไปจนชั่วชีวิต ท่านย่า ท่านต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาอย่างรอบคอบนะเจ้าคะ”

“ยังจะทำอะไรได้อีกเล่า? ผู้หญิงสามคนนั้นน่าผิดหวัง เสียเวลาเปล่า อยู่ตระกูลซั่งกวนมานานนมขนาดนั้น เสียโอกาสมากมายทีเดียว นังหญิงเลวทรามคนนั้นไม่แม้แต่จะขยับปลายก้อย ก็ทำให้พวกนางกลิ้งไม่เป็นท่าออกไป ข้ายังจะทำอะไรได้อีก?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเกลียดผู้หญิงที่น่าผิดหวังทั้งสามคนอย่างเข้ากระดูกดำ โดยเฉพาะสือหย่าฉีผู้นั้นที่ไร้ความกล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ไม่มี ไม่แม้นจะทำอะไรเลย แล้วนางก็เก็บสัมภาระออกจากตระกูลซั่งกวนไป ส่วนอีกสองคนเพียงแค่ไม่ได้ใช้วิธีการที่ถูกต้องเท่านั้นเอง หากพวกนางทุ่มหมดหน้าตัก แสร้งทำเป็นมือสังหารแล้วฆ่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์โดยตรง สิ่งต่างๆ จะง่ายขึ้นมาก นางก็จะไม่มีปัญหาเช่นนี้ น่าเสียดายที่พวกนางไม่เด็ดขาดจนปล่อยโอกาสไปโดยเปล่าประโยชน์

ใครบอกว่านางไม่ขยับนิ้ว แต่เจ้าแก่ชราตาพร่ามัวมองไม่เห็นเองต่างหาก ซั่งกวนพิงถิงนบนอบและกังวลมากขึ้นจึงพูดว่า “จะยอมแพ้แบบนี้หรือ? ถ้าลูกพี่ลูกน้องรู้เข้า จะไม่เศร้าระทมจนตรอมใจตายหรือเจ้าคะ”

“พิงถิงหุบปาก!” ซั่งกวนอวี่ไข่จ้องเขม็งมองน้องสาวที่ลุกลี้ลุกลนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่มีผู้หญิงสามคนนั้นก็ไม่แน่ว่าจะทำอะไรไม่ได้เลย จะปล่อยให้ผู้หญิงอ่อนแอที่มือไม่มีแรงแม้จะจับไก่ก่อปัญหาขี้ปะติ๋วหรือ อันที่จริงเป็นเพียงเรื่องง่ายนิดเดียว”

“เจ้ามีความคิดอย่างไร?” จู่ๆ ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็เริ่มมีกำลังวังชา ในใจนางคิดเสมอว่าอวี่ไข่ฉลาดและมีความสามารถมากกว่าซั่งกวนเจวี๋ย น่าเสียดายตรงชาติกำเนิดทำให้เขาต้องลดเกียรติก้มหัวให้คนอื่น ยังเป็นเพราะกฎของตระกูลชนชั้นสูง และคำสั่งต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกนอกสมรสชิงตำแหน่ง มิเช่นนั้นก็ไม่แน่ว่าผู้ที่จะเป็นนายท่านแห่งตระกูลซั่งกวนในอนาคตจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา

“ท่านย่า ถ้าอยากให้ผู้หญิงคนนั้นออกจากตำแหน่งห้องหลักไม่อาจพึ่งพาวิธีการและความหึงหวงของผู้หญิงได้ พวกนางต้องการแค่แต่งเข้ามา ก็ถือว่าพวกนางทำสำเร็จ เพียงแค่ทำให้พี่ใหญ่มีอนุภรรยาอีกสองสามคนเท่านั้น คุณหนูฉินซินมีคู่ต่อสู้เพิ่มขึ้นเพียงไม่กี่คนเอง อาจไม่สามารถทำร้ายผู้หญิงคนนั้นได้” ซั่งกวนอวี่ไข่ไม่เคยเห็นด้วยกับเล่ห์เพทุบายที่พวกนางเรียกกันว่าล่อเสือขย้ำหมาป่า ในความคิดของเขามันเป็นเพียงแค่การชักศึกเข้าบ้านเท่านั้น ต่อให้ผู้หญิงทั้งสามจะทำสำเร็จ ซั่งกวนเจวี๋ยจะละเลยเยี่ยนมี่เอ๋อร์ด้วยเหตุผลนี้หรือ? ความสวยงามอันน่าทึ่งเช่นนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ นอกจากนี้ ผู้หญิงทั้งสามไม่ใช่คนโง่ ขอเพียงแค่ให้ซั่งกวนเจวี๋ยแต่งงานด้วย แต่ไม่ได้เป็นศัตรูกับห้องหลัก เมื่อพวกนางแต่งเข้ามาก็พูดยากว่าจะเห็นด้วย แล้วแว้งกัดจัดการกับทั่วป๋าฉินซินเข้าจะทำอย่างไร โชคดีที่ผู้หญิงทั้งสามล้มเหลวและจากไป

“แล้วเจ้ามีความคิดอะไร?” แม้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยจะไม่ชอบซั่งกวนอวี่ไข่ที่สงสัยวิธีการและความคิดของนาง แต่ก็ยังอยากฟังความคิดเห็นของเขา

“ข้าย่อมมีแผนชาญฉลาดอยู่แล้ว” ซั่งกวนอวี่ไข่โน้มตัวไปข้างหูของทั่วป๋าซู่เยวี่ย ลดเสียงเบาที่สุด พึมพำชั่วขณะ เมื่อพูดแล้วทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็พยักหน้าระรัว บนใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ยากจะกลบเกลื่อนได้

“อวี่ไข่ช่างปราดเปรื่องนัก” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพอใจกับหลานชายคนนี้เป็นอย่างมากจริงๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ทำตามแผนนี้แล้วกัน อวี่ไข่เจ้าไปทำด้วยตัวเอง อย่าให้ใครหน้าไหนมาแทรกแซง เพื่อไม่ให้ข่าวคราวรั่วไหลนะ”

“พี่ชายคิดแผนอะไร?” ซั่งกวนพิงถิงแสดงใบหน้าอยากรู้อยากเห็น

“นั่นสิ บอกหน่อยเถิดเราจะได้พิจารณาด้วย” สีหน้าของหนิงซินแสดงความภาคภูมิใจในตัวลูกชาย ไม่นึกเลยว่าเขาจะคิดลอบทำร้ายสะใภ้คนโตของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมเนรคุณอย่างหนึ่ง

“อวี่ไข่…” ใบหน้าของทั่วป๋าซู่เยวี่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มระรื่น ความเดือดดาลเมื่อครู่ก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง อารมณ์ของนางขึ้นๆ ลงๆ ร้ายกาจอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้นางแก่เหี่ยวย่น

“ท่านย่า” ซั่งกวนอวี่ไข่ตะโกนทันเวลา มองมารดา น้องสาวและแม่นมหนิงที่เป็นยายของเขาซึ่งมีท่าทีสงสัย แม้จะเป็นคนกันเอง แต่เขาไม่กล้าแน่ใจว่าทั้งหมดจะปิดปากแน่นหรือไม่ ถ้าในระหว่างนี้เกิดแพร่งพรายออกไปเล็กน้อย ไม่เพียงแต่จะทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่สมความปรารถนาที่จะให้ทั่วป๋าฉินซินแต่งงานกับซั่งกวนเจวี๋ย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของตระกูลทั่วป๋ากับตระกูลซั่งกวนที่ห่างเหินมากขึ้นเรื่อยๆ ให้รวมเข้ากันได้และลึกซึ้งยิ่งขึ้น หนำซ้ำจะนำปัญหาและหายนะมาสู่ตัวเขาเองอีกด้วย

“เราสองคนรู้เรื่องนี้ก็พอ คนอื่นๆ รอชมละครแล้วกัน” ซั่งกวนอวี่ไข่เหลือบมองทุกคนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อพวกเจ้า พวกเจ้าล้วนเป็นญาติที่รักของข้า แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการทำเรื่องนี้คือความรอบคอบ พวกเจ้าอย่ารู้เรื่องนี้ยังจะดีเสียกว่า มิฉะนั้นหากถึงเวลานั้นเกิดมีข้อผิดพลาดบางอย่าง กลับจะทำให้ทุกคนหวาดระแวงกันเอง”

“อวี่ไข่พูดถูก” แม้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่คิดว่าจะมีใครในที่นี้เปิดเผยเรื่องนี้ออกไป แต่ก็รู้สึกว่าคำพูดของซั่งกวนอวี่ไข่นั้นถูกต้องและเห็นด้วยกับเขา

“พี่ชายชอบแกล้งทำเป็นลึกลับ” ซั่งกวนพิงถิงมองค้อนเขาขวับหนึ่งด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ

“แต่เรื่องนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้พี่ชายใหญ่และคุณหนูฉินซินมีเวลาสานสัมพันธ์ต่อกัน จึงไม่ควรเร็วเกินไป” ซั่งกวนอวี่ไข่คำนวณวันที่พลางกล่าวว่า “ข้าต้องใช้เวลาจัดเตรียม คุณหนูฉินซินนั้นยังต้องการคำปลอบโยนจากท่านย่า อย่าปล่อยให้นางถูกยั่วโมโหจากพี่ชายใหญ่หรือผู้หญิงคนนั้น เพราะจะตีตนไปก่อนไข้ด้วยแรงหุนหันพลันแล่นชั่วขณะ”

“ข้าเข้าใจ ข้าจะให้นางเข้ากับนังหญิงตัวแสบนั่นอย่างสบายใจ จะให้นางคว้าโอกาสสานความสัมพันธ์กับเจวี๋ยเอ๋อร์ และจะไม่ปล่อยให้นางบุ่มบ่ามทำผิดพลาดในชั่ววูบ” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรู้ว่าซั่งกวนอวี่ไข่เป็นกังวลอะไร

“สานสัมพันธ์หรือ? อย่างไรเล่า?” ซั่งกวนพิงถิงกลอกตาค้อนปะหลับปะเหลือกแล้วพูดว่า “ทั้งสองคนอยู่ห่างกันหลายพันลี้ ต่อให้ลูกพี่ลูกน้องจะเต็มใจทอดไมตรีสื่อความรัก แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่ใหญ่คิดเช่นนั้นหรือไม่ อีกอย่าง ยามนี้พี่ใหญ่มีเวลาสนิทสนมกับผู้หญิงคนนั้น จะเจียดเวลามาสานสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้องได้ไม่มากกระมัง?”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้” ซั่งกวนอวี่ไข่ถลึงตาจ้องมองน้องสาวปากไม่มีหูรูดปราดหนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะคิดว่าตอนนี้พวกเขารักใคร่กันจริงๆ ข้าก็ไม่อยากเสียเวลาไปนานกว่านี้แล้วค่อยลงมือหรอก สำหรับระยะห่างนั้น? งานชมดอกบัวในเดือนหก งานประลองยุทธ์ในเดือนแปดล้วนจัดขึ้นที่ลี่โจว ให้คุณหนูฉินซินรีบมาที่ลี่โจวเพื่อเข้าร่วมงานชมดอกบัวในต้นเดือนหกได้เลย จากนั้นรอตระกูลซั่งกวนเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ เวลาสองเดือนนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”

“อวี่ไข่พูดถูก ข้าจะเขียนจดหมายส่งกลับไปที่เหยี่ยนโจวทันที เพื่อให้ฉินซินเตรียมพร้อมรีบเดินทางมาลี่โจว” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เดือนยี่เป็นงานแต่งของเจวี๋ยเอ๋อร์ เดือนแปดเป็นงานประลองยุทธ์ งานชมดอกบัวปีนี้จะมีคนมามากเกินไปหรือไม่ ถ้าไม่มีคนมารบกวนฉินซินและเจวี๋ยเอ๋อร์จนเกินความจำเป็น จะเป็นโอกาสทองทีเดียว”

“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” ซั่งกวนอวี่ไข่ผงกศีรษะ หากให้ทั่วป๋าฉินซินได้สมดั่งตั้งใจ กระนั้นทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็มีปัญหาที่น่ากังวลที่สุด คืองานแต่งของเขาควรจะเอ่ยหาฤกษ์งามยามดีได้แล้ว เขาจะต้องแต่งงานกับภรรยาที่มีตระกูลสูงศักดิ์ จะฝังตัวเองในเงามืดของลูกนอกสมรสไม่ได้

———————–

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+