เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 270 เรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 270 เรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“คุณหนูโม่ ยารักษาบาดแผลนี้เป็นน้ำใจเล็กน้อยของข้า หากคุณหนูเชื่อใจข้า ก็ลองดูเสียหน่อยเถิด!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนนำยาดีเข้ามาเยี่ยนเยียนคุณหนูสุราที่เพิ่งถูกตีมา เห็นคุณหนูสุราเอนตัวอยู่บนเตียง แววตาก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างเป็นสุขที่เห็นผู้อื่นเดือดร้อน แต่ไม่นานก็ปกปิดไว้อย่างรวดเร็ว

“เจ้ามาเยาะเย้ยข้าใช่หรือไม่?” ในสายตาของคุณหนูสุรา ผู้หญิงทั้งหมดของตระกูลซั่งกวนล้วนแต่หน้าเนื้อใจเสือ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ หญิงสาวที่มักจะยิ้มอย่างอ่อนโยนผู้นั้นคนหนึ่ง หวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่มักจะเผยใบหน้ามีเมตตาก็เป็นอีกคนหนึ่ง คนตรงหน้านี้ก็อาจจะเป็นอีกคนหนึ่งเช่นกัน แล้วจะให้นางเชื่อใจผู้หญิงของตระกูลซั่งกวนได้อย่างไร?

“ข้าไหนเลยจะกล้ามาเยาะเย้ยคุณหนู” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเข้ามาเยาะเย้ยจริงๆ แต่จุดประสงค์หลักกลับไม่ใช่มาเยาะเย้ย แต่มาชักชวนเป็นพันธมิตร บางทีคุณหนูสุราอาจจะได้รับความโปรดปรานจากซั่งกวนเจวี๋ยแล้ว แต่อยากจะยืนหยัดในตระกูลซั่งกวน แค่ได้รับความโปรดปรานจากซั่งกวนเจวี๋ยย่อมไม่มีประโยชน์ สิ่งที่จำเป็นกว่านั้นคือวิธีการ และสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้านี้ขาดมากที่สุดก็คือวิธีที่จะอยู่รอดในตระกูลใหญ่ นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเพียงได้ยินมาว่าคุณหนูประสบเรื่องร้าย รู้สึกเห็นอกเห็นใจ ดังนั้นจึงเข้ามาเยี่ยมเยียนเท่านั้น!”

เยี่ยมเยียนอย่างนั้นหรือ? คุณหนูสุราหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าที่เผยยิ้มคล้ายเยี่ยนมี่เอ๋อร์อยู่บ้าง จะให้ตัวเองเชื่อนางลงได้อย่างไร?

“ข้ารู้ว่าคุณหนูย่อมมีข้อสงสัยกับข้าเป็นอย่างมาก!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนรู้ถึงความแคลงใจของคุณหนูสุรา หากนางเชื่อใจตัวเอง นางก็อาจจะติดต่อตัวเองตั้งนานแล้ว…แน่นอนว่าเป็นไปได้ที่คุณหนูสุราจะคิดว่าเพียงอาศัยกำลังของตนเองก็สามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงในตระกูลซั่งกวน มีอำนาจบารมีได้ ดังนั้นจึงดูแคลน ทั้งไม่เคยคิดที่จะเป็นพันธมิตรกับตัวเอง แน่นอนว่าย่อมไม่คิดจะติดต่อกับตัวเองเช่นกัน แต่ว่า ไม่เป็นไร ไม่นานตัวเองก็จะทำให้นางรู้ว่าเมื่อขาดตัวเองไปชีวิตที่ลำบากของนางก็จะไม่สิ้นสุดอยู่เช่นนี้!

คุณหนูสุรามองอู๋เลี่ยนเยี่ยนอย่างเรียบนิ่ง คนที่ต้องขอความช่วยเหลือไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นเมียบ่าวที่ถูกเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไล่ต้อนจนแทบไม่มีที่ให้ยืนผู้นี้ต่างหาก ไม่มีความจำเป็นที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายรุกก่อน

“ช่วงนี้คุณหนูเรียนกฎระเบียบเป็นอย่างไรบ้าง?” เรื่องอะไรไม่พูดดันมาพูดเรื่องนี้ คุณหนูสุราดวงตาแดงก่ำขึ้นมาทันที ตัวเองบาดเจ็บไปทั้งตัวก็ไม่ใช่เรื่องกฎระเบียบหรอกหรือ?

“คุณหนูอย่าได้มีโทสะ ข้าไม่มีความจำเป็นต้องเอาเรื่องนี้มาเย้าแหย่คุณหนู สิ่งที่ข้าอยากบอกคุณหนูก็คือตระกูลซั่งกวนมีกฎระเบียบมากมายจริงๆ แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องที่ให้หญิงสาวที่ยังไม่แต่งเข้าตระกูลเรียนรู้กฎระเบียบมาก่อน คุณหนูไม่เคยแต่งงาน จึงต้องเรียนรู้กฎระเบียบเพื่อแต่งเข้าตระกูลซั่งกวน นับเป็นครั้งแรกของตระกูลซั่งกวนเชียว” อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เรียกว่าเรียนรู้กฎระเบียบนั้นเป็นความคิดของสองสามีภรรยาซั่งกวนเจวี๋ย ที่หาข้ออ้างให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อหาเรื่องคุณหนูสุรา และระบายอารมณ์ แต่นางคิดไปว่านี่คือเงื่อนไขการรับคุณหนูสุราเข้าตระกูลของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อและเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ซั่งกวนเจวี๋ยจึงจำต้องรับปากอย่างจนใจ

ไม่มีธรรมเนียมให้เรียนรู้กฎระเบียบมาก่อน? คุณหนูสุรามองเห็นเบื้องหน้าดำมืดไปหมด แทบจะเป็นลมลงไป เรียนกฎระเบียบกลับไม่ใช่เรื่องยาก เพื่อแต่งเข้าตระกูลร่ำรวยแล้ว นางก็พยายามในเรื่องนี้อย่างหนักเช่นกัน แต่สถานการณ์ลำบากที่ได้รับและการเหยียดหยามในวันนี้กลับทำให้นางไม่อาจรับได้

“ในเมื่อไม่เคยมีเรื่องเรียนกฎระเบียบเช่นนี้มาก่อน ก็ย่อมไม่มีเกณฑ์ที่จะผ่านเช่นกัน!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนรู้ว่าคุณหนูสุราในยามนี้ย่อมต้องอยากจะล้มพับลงไปเป็นแน่ ยามที่ตัวเองได้ยินว่าคุณหนูสุราต้องเรียนกฎระเบียบก็รู้แล้วว่ามีความผิดปกติอยู่เบื้องหลัง แต่นางไม่มีความจำเป็นต้องกระโดดออกมาชี้แนะคุณหนูสุราในเวลานั้น ผู้อื่นจะรับน้ำใจหรือไม่อย่าเพิ่งพูดถึง บางทีอาจจะเห็นตัวเองเป็นคนชั่วที่ยุยงให้ผิดใจกันหรือคนเลวที่ขัดขวางความสุขนางเสียด้วยซ้ำ และยามนี้ คุณหนูสุราได้ลิ้มรสความลำบากแล้วก็ควรจะเชื่อใจตัวเองจึงจะถูก นางเผยยิ้มบาง “แม่นมที่อบรมสั่งสอนในตระกูลซั่งกวน แต่ไหนแต่ไรก็ดูแลเรื่องกฎระเบียบของพวกคุณหนูในตระกูลซั่งกวน ไม่อาจจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแต่งสะใภ้ใหญ่หรืออนุภรรยาเข้าตระกูล แน่นอนว่า หากแต่งเข้าตระกูล แต่กฎระเบียบยังไม่เอาไหน เช่นนั้นฮูหยินหรือสะใภ้ใหญ่ของตระกูลก็จะให้แม่นมข้างกายตัวเองไปสั่งสอนอีกครั้ง ทั้งถือโอกาสสร้างอำนาจบารมีของตัวเองด้วย หลังจากข้าถูกคุณชายใหญ่รับเป็นเมียบ่าวก็เป็นแม่นมข้างกายสะใภ้ใหญ่ที่เป็นคนสอนกฎระเบียบเช่นกัน”

ก็หมายความว่าตัวเองยังไม่ทันได้เข้าตระกูลก็กลายเป็นเป้าให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์เบ่งอำนาจแล้ว? พอได้ยินเช่นนี้คุณหนูสุราก็โมโหจนอยากจะกระอักเลือดออกมา แต่นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดซั่งกวนเจวี๋ยจึงเห็นด้วยกับคนพวกนั้น ไม่เข้าข้างตัวเองแม้แต่น้อย? หรือสิ่งที่เรียกว่าแต่งเข้าไปในฐานะเช่อชีเป็นเพียงสิ่งที่เขาทำแบบขอไปทีกับตัวเอง? ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย!

“คุณหนูยังมีตรงไหนที่แคลงใจอีกหรือไม่?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนมองเห็นความรู้สึกจากสีหน้าของคุณหนูสุราอย่างชัดเจน รู้ว่านางยังมีส่วนที่คาใจอยู่ จึงเอ่ยถามออกไป เผยสีหน้าจริงใจเป็นอย่างมาก

“เรื่องที่ให้ข้าเรียนกฎระเบียบ เจวี๋ยก็ไม่ได้กล่าวคัดค้านอันใด!” คุณหนูสุรานับว่ากล่าวออกไปตามตรง ในเมื่อเป็นหลานสาวของอนุภรรยาอู๋ เติบโตในตระกูลซั่งกวน สามารถรู้เรื่องกฎของตระกูลซั่งกวนและเรื่องที่ตัวเองพบเจออย่างละเอียด เช่นนั้นก็ควรจะรู้ว่า เรื่องที่ตัวเองเรียนกฎระเบียบ แม้เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะเป็นคนเอ่ยขึ้นมา แต่กลับเป็นซั่งกวนเจวี๋ยที่พยักหน้า หรือเขาไม่รู้ว่าตระกูลซั่งกวนไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้มาก่อนอย่างนั้นหรือ?

“ข้าได้ยินมาแล้ว!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังรู้อีกว่าคนที่สอนกฎระเบียบคุณหนู เป็นคุณชายใหญ่ที่เชิญมาจากเรือนพำนักอวี้ฉิง แม่นมเหลียงที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง!”

“เช่นนั้น เจ้าคิดว่าอย่างไร?” ยามที่คุณหนูสุรากล่าวประโยคนี้ก็เผลอกล่าวน้ำเสียงราวกับเป็นเจ้านาย และนางนั้นก็ไม่ทันได้สังเกตสักนิด

อู๋เลี่ยนเยี่ยนกลับฟังออก นางลอบขมวดคิ้วในใจ ทว่าใบหน้ากลับไม่ปรากฏอาการใด กล่าวด้วยยิ้มบาง “ข้าว่านั่นย่อมเป็นผลที่คุณชายใหญ่พ่ายแพ้ต่อฮูหยินและสะใภ้ใหญ่ ฮูหยินเป็นมารดาของคุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่เป็นคนที่รู้คุณมาโดยตลอด เพราะความกตัญญู จำต้องทรยศกับหัวใจตัวเองแต่งกับสะใภ้ใหญ่ และก็ให้เกียรติสะใภ้ใหญ่อยู่เรื่อยมา นี่แสดงให้เห็นว่าเป็นความกตัญญูของเขา นอกจากนี้ แม้ว่าเดิมทีคุณชายใหญ่จะไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งให้สะใภ้ใหญ่เท่าใด แต่ยามนี้ไม่เหมือนกันแล้ว คุณหนูคงจะเจอสะใภ้ใหญ่มาแล้ว เรื่องหน้าตาไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้าไม่ต้องพูด แต่เรื่องกวี พิณ ภาพวาด พู่กันจีนล้วนยอดเยี่ยม นางแสดงละครเก่งเป็นอย่างมาก เสแสร้งเป็นภรรยาผู้มีคุณธรรม ทำให้แม้คุณชายใหญ่จะไม่ชอบ แต่ก็ไม่อาจเกลียดนางได้เช่นกัน สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือนางได้ให้กำเนิดคุณชายตัวน้อย ผู้สืบทอดแก่ตระกูลซั่งกวนแล้ว เช่นนั้นตำแหน่งของนางในตระกูลซั่งกวนย่อมต้องมั่นคงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะพูดอย่างไร คุณชายใหญ่ก็ต้องไว้หน้านาง คุณชายใหญ่รับคุณหนูในฐานะเช่อชีก็เป็นเพราะเหตุนี้เช่นกัน”

“ดังนั้นเขาก็จะเอาแต่เบิกตาดูข้าถูกหญิงสาวที่อำมหิตสองคนนั้นเหยียดหยามอย่างนั้นหรือ?” คุณหนูสุราโมโหจนแทบหายใจไม่ทัน นี่นับเป็นความรักใคร่ลึกซึ้งอะไร มิน่าเล่าพี่สาวจึงกล่าวว่าความรักใคร่ลึกซึ้งของชายหนุ่มล้วนมีเงื่อนไขมาเป็นอันดับแรก เมื่อไม่ได้ขัดต่อหลักการอันใดแล้วจึงค่อยจะให้ความสนใจ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

“ฮูหยินและสะใภ้ใหญ่จะจัดการคุณหนูอย่างไร และคุณหนูควรจะรับมืออย่างไรล้วนเป็นเรื่องภายในบ้าน แต่ไหนแต่ไรเรื่องภายในบ้านก็เป็นของคุณหนู เป็นที่ที่ผู้หญิงมีอำนาจตัดสินใจ หากผู้ชายคอยสอดมือยุ่งทุกเรื่อง เรื่องในบ้านก็จะไม่ใช่เรื่องในบ้านอีกแล้ว” อู๋เลี่ยนเยี่ยนมีวิธีเข้าใจต่อเรื่องเช่นนี้อย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาง นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เริ่มแรกยามที่สะใภ้ใหญ่เข้าตระกูล ฮูหยินใหญ่ก็สร้างความลำบากให้มากมาย นอกจากฮูหยินที่ให้ความช่วยเหลือ คุณชายใหญ่เองก็ไม่ได้แทรกแซงมากมายก็เพราะเหตุนี้เช่นกัน ครั้งนี้ คุณชายใหญ่ตั้งใจเปลี่ยนแม่นมที่สั่งสอนคุณหนูเป็นคนของเรือนพำนักอวี้ฉิง ไม่ใช่แม่นมข้างกายของฮูหยินหรือสะใภ้ใหญ่ นี่ก็นับเป็นการดูแลกลายๆ แล้ว”

เป็นเช่นนี้หรือ? คุณหนูสุรารู้สึกว่าเหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้น แต่นึกถึงแม่นมเหลียงที่ยังนับว่าแสดงท่าทีให้ความเคารพแก่ตัวเอง ก็เข้าใจ บางทีนี่อาจจะเป็นการปกป้องทางอ้อมของซั่งกวนเจวี๋ยกระมัง!

“ปีนั้น ยามที่ฮูหยินถูกขัดแข้งขัดขาในตระกูลซั่งกวน นายท่านก็ไม่ได้มากความ แต่พำนักในห้องของฮูหยินเป็นเวลานาน ทำให้ทุกคนรู้ว่าตำแหน่งของฮูหยินไม่มีใครจะสามารถสั่นคลอนได้ แต่การห้ำหั่นระหว่างอนุภรรยาและฮูหยิน เขากลับไม่เคยก้าวก่าย ดังนั้นอนุภรรยาอู๋ ท่านป้าของข้าจึงสามารถควบคุมดูแลเรื่องในบ้านมานานหลายปีขนาดนี้ ทั้งได้พัฒนาเส้นสายกับผู้คนมากมาย” ยามที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวประโยคนี้ก็เห็นแววตาของคุณหนูสุราเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าหลังจากหญิงสาวคนนี้พบกับความลำบากก็ว่านอนสอนง่ายขึ้นมาบ้างแล้ว

“เช่นนั้นยามนี้อนุภรรยาอู๋ยังดูแลเรื่องในบ้านอยู่หรือไม่?” คุณหนูสุราเคยได้ยินมาก่อนว่าตระกูลซั่งกวนมีอนุภรรยาที่เก่งกาจอยู่คนหนึ่ง แม้จะอยู่มาหลายปี ทั้งไม่ได้รับความโปรดปรานจากนายท่านซั่งกวนมากมาย แต่ก็สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ทัดเทียมกับอนุภรรยาคนอื่นๆ กระทั่งยังค่อนข้างได้เปรียบอยู่บ้าง หรือคนที่ว่าก็คืออนุภรรยาอู๋ ป้าของอู๋เลี่ยนเยี่ยน?

“ยามนี้ท่านป้าไม่ได้ดูแลมากมายถึงเพียงนั้นแล้ว” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกลับพูดตามตรง แต่เมื่อล่วงเข้าไปในหูของคุณหนูสุราก็เป็นผลลัพธ์อีกอย่างหนึ่ง นางมองอู๋เลี่ยนเยี่ยนอย่างให้ค่าทันที…มิน่าเล่าเมียบ่าวคนหนึ่งจึงกล้าพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าตัวเอง ที่แท้ในมือก็มีเส้นสายกับผู้คนมากมาย!

“เลี่ยนเยี่ยนดูเหมือนจะไม่พอใจในตำแหน่งตอนนี้ของตัวเองกระมัง” ในใจของคุณหนูสุรานั้นได้วางแผนร่วมมือกับอู๋เลี่ยนเยี่ยนแล้ว ยามนี้นางต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว นางล้วนไม่รู้ว่าพวกบ่าวใช้ที่ปรนนิบัติข้างกายตัวเองเป็นคนที่ไว้ใจของซั่งกวนเจวี๋ยหรือเป็นคนสนิทของเยี่ยนมี่เอ๋อร์กันแน่ แม้จะไม่อาจเชื่อใจผู้หญิงตรงหน้าได้ทั้งหมด แต่ศัตรูของศัตรูก็คือสหาย หลักการนี้นางยังคงเข้าใจดี อู๋เลี่ยนเยี่ยนได้ยื่นโอกาสให้นางหลายครั้งแ หากยังไม่คว้าโอกาสไว้ ทำให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนรู้สึกหมดหวังในการดึงตัวเองมาเป็นพวก ละทิ้งตัวเองไป ก็ย่อมจะเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงของนาง!

“จะพอใจได้หรือ?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนคลี่ยิ้มบาง “แต่เลี่ยนเยี่ยนก็จำต้องยอมรับสภาพเช่นนี้ สะใภ้ใหญ่หึงหวงจนติดเป็นนิสัย ขอเพียงแค่คืนหนึ่งคุณชายใหญ่ไม่อยู่ในห้องนาง นางก็จะทำให้คุณชายน้อยร้องไห้กลางคืนหาพ่อทันที เมียบ่าวที่ไม่ตั้งท้องและไม่มีลูกของตระกูลซั่งกวนไม่อาจจะเชิดหน้าชูตา และเป็นอนุภรรยาได้ แต่เลี่ยนเยี่ยนแค่โอกาสปรนนิบัติคุณชายใหญ่ก็ยังไม่มี แล้วจะมีโอกาสใช้ข่าวดีการตั้งท้องมาเลื่อนขั้นเป็นอนุภรรยาได้อย่างไร?”

“อนุภรรยาก็พอแล้วหรือ?” คุณหนูสุราคาดไม่ถึงว่าคำขอของอู๋เลี่ยนเยี่ยนจะน้อยถึงขนาดนี้ หากเป็นเช่นนั้น กลับยังคุ้มค่าที่จะดึงมาเป็นพวกได้

“จากฐานะของเลี่ยนเยี่ยนมากสุดก็เป็นได้เพียงอนุภรรยา ไหนเลยจะหวังอะไรเกินตัว!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเผยยิ้มเล็กน้อย “ตำแหน่งภรรยาเป็นตำแหน่งที่เลี่ยนเยี่ยนวาดฝันที่จะได้รับ แต่ก็เป็นเรื่องที่เลี่ยนเยี่ยนไม่อาจทำได้เช่นกัน อนุก็คืออนุ ไม่อาจจะเปลี่ยนเป็นภรรยาได้ จุดนี้เลี่ยนเยี่ยนกระจ่างใจดี!”

“เลี่ยนเยี่ยนมีวิธีอันใดที่ทำให้ข้าไม่ต้องเรียนเรื่องกฎระเบียบพวกนั้น ไม่ต้องคอยรองรับอารมณ์ของผู้หญิงสองคนนั้นอีกหรือไม่?” คุณหนูสุราพอใจอยู่ไม่น้อย นางก็รู้หลักการที่ว่าอนุไม่อาจจะเป็นภรรยาได้เช่นกัน แต่ยังคงกังวลว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนจะเพ้อฝันเกินตัว และยามนี้รู้ความต้องการของนางแล้ว จึงวางใจเล็กน้อย

“ย่อมมีวิธี!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกลับไม่ได้มีวิธีอะไรจริงๆ แต่ยามที่นางพูดประโยคนี้กลับไม่เผยความร้อนตัวแม้แต่น้อย

“ลองพูดมาสิ!” คุณหนูสุราเผยใบหน้าดีใจ ขอเพียงแค่ผ่านด่าน นางก็สามารถแต่งเข้าตระกูลซั่งกวนอย่างเห็นชอบด้วยเหตุผลแล้ว ถึงเวลานั้นค่อยๆ ห้ำหั่นกับพวกนางก็ไม่สาย

อู๋เลี่ยนเยี่ยนเพียงยิ้ม ไม่กล่าวอันใดอีก นางแนะนำไปมากแล้ว ยามนี้ต้องดูการตอบแทนจากคุณหนูสุราเสียบ้าง

“เลี่ยนเยี่ยนมีเรื่องอะไรอยากให้ช่วยอย่างนั้นหรือ?” คุณหนูสุราก็ไม่ใช่คนโง่ เข้าใจทันทีว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนต้องการเห็นความจริงใจของนาง แม้ในใจจะรู้สึกอึดอัด แต่นางยังคงรักษารอยยิ้ม เป็นฝ่ายถามออกไป

“คุณชายใหญ่จะกลับมาในอีกสองวัน ข้าหวังว่ายามเย็นวันนั้นที่คุณชายใหญ่มาถึง จะให้ข้าสามารถเข้าไปปรนนิบัติได้ อย่างไรขอคุณหนูช่วยพูดแทนข้าด้วย!” คำขอของอู๋เลี่ยนเยี่ยนนั้นเรียบง่าย นางรู้ว่าเดิมทีซั่งกวนเจวี๋ยก็ไม่ได้นอนที่เรือนไร้เดี่ยว หากเขาสามารถฟังคำขอของคุณหนูสุรา ให้ตัวเองสามารถปรนนิบัติเขาได้ เช่นนั้นคุณหนูสุราก็คุ้มค่าให้ตนได้ลงทุนลงแรงช่วยเหลือจริงๆ หากไม่ได้ละก็ นางฉวยโอกาสถอนตัวตั้งแต่ยังเนิ่นๆ จะดีกว่า!

“ข้าเข้าใจแล้ว!” คุณหนูสุราอยากจะฉีกหน้าอู๋เลี่ยนเยี่ยน แต่นางไม่อาจทำได้ หญิงสาวตรงหน้าอาจจะเป็นพันธมิตรเพียงคนเดียวที่นางหาได้ หากล่วงเกินนางอีกคน ภายหลังตัวเองก็ต้องลำบากทุกย่างก้าวจริงๆ แล้ว! นางทำได้เพียงฝืนยิ้ม “รอเจวี๋ยกลับมา ข้าจะพูดกับเขา ย่อมทำให้เลี่ยนเยี่ยนสมปรารถนาแน่นอน หวังว่าหลังจากเลี่ยนเยี่ยนลิ้มรสความหวานชื่นแล้วก็อย่าได้ลืมทำให้ข้าสลัดพ้นจากสถานการณ์น่าหงุดหงิดเช่นนี้ด้วย!”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเห็นว่าจุดมุ่งหมายของตัวเองสำเร็จผลก็พอใจ หลายวันมานี้เป็นวันที่นางง่ายที่จะตั้งท้องมากที่สุด ขอเพียงแค่หลังจากจบเรื่องไม่ถูกบังคับให้ดื่มยา นางมั่นใจสิบส่วนว่าย่อมต้องตั้งท้องได้ นางรู้สึกว่าพอหอมปากหอมคอแล้ว จึงเผยยิ้มกล่าวลาทันที “คุณหนูโม่พักฟื้นให้ดีๆ แล้วกัน ส่วนเลี่ยนเยี่ยนก็จะรอข่าวดี!”

————————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 270 เรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 270 เรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“คุณหนูโม่ ยารักษาบาดแผลนี้เป็นน้ำใจเล็กน้อยของข้า หากคุณหนูเชื่อใจข้า ก็ลองดูเสียหน่อยเถิด!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนนำยาดีเข้ามาเยี่ยนเยียนคุณหนูสุราที่เพิ่งถูกตีมา เห็นคุณหนูสุราเอนตัวอยู่บนเตียง แววตาก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างเป็นสุขที่เห็นผู้อื่นเดือดร้อน แต่ไม่นานก็ปกปิดไว้อย่างรวดเร็ว

“เจ้ามาเยาะเย้ยข้าใช่หรือไม่?” ในสายตาของคุณหนูสุรา ผู้หญิงทั้งหมดของตระกูลซั่งกวนล้วนแต่หน้าเนื้อใจเสือ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ หญิงสาวที่มักจะยิ้มอย่างอ่อนโยนผู้นั้นคนหนึ่ง หวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่มักจะเผยใบหน้ามีเมตตาก็เป็นอีกคนหนึ่ง คนตรงหน้านี้ก็อาจจะเป็นอีกคนหนึ่งเช่นกัน แล้วจะให้นางเชื่อใจผู้หญิงของตระกูลซั่งกวนได้อย่างไร?

“ข้าไหนเลยจะกล้ามาเยาะเย้ยคุณหนู” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเข้ามาเยาะเย้ยจริงๆ แต่จุดประสงค์หลักกลับไม่ใช่มาเยาะเย้ย แต่มาชักชวนเป็นพันธมิตร บางทีคุณหนูสุราอาจจะได้รับความโปรดปรานจากซั่งกวนเจวี๋ยแล้ว แต่อยากจะยืนหยัดในตระกูลซั่งกวน แค่ได้รับความโปรดปรานจากซั่งกวนเจวี๋ยย่อมไม่มีประโยชน์ สิ่งที่จำเป็นกว่านั้นคือวิธีการ และสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้านี้ขาดมากที่สุดก็คือวิธีที่จะอยู่รอดในตระกูลใหญ่ นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเพียงได้ยินมาว่าคุณหนูประสบเรื่องร้าย รู้สึกเห็นอกเห็นใจ ดังนั้นจึงเข้ามาเยี่ยมเยียนเท่านั้น!”

เยี่ยมเยียนอย่างนั้นหรือ? คุณหนูสุราหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าที่เผยยิ้มคล้ายเยี่ยนมี่เอ๋อร์อยู่บ้าง จะให้ตัวเองเชื่อนางลงได้อย่างไร?

“ข้ารู้ว่าคุณหนูย่อมมีข้อสงสัยกับข้าเป็นอย่างมาก!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนรู้ถึงความแคลงใจของคุณหนูสุรา หากนางเชื่อใจตัวเอง นางก็อาจจะติดต่อตัวเองตั้งนานแล้ว…แน่นอนว่าเป็นไปได้ที่คุณหนูสุราจะคิดว่าเพียงอาศัยกำลังของตนเองก็สามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงในตระกูลซั่งกวน มีอำนาจบารมีได้ ดังนั้นจึงดูแคลน ทั้งไม่เคยคิดที่จะเป็นพันธมิตรกับตัวเอง แน่นอนว่าย่อมไม่คิดจะติดต่อกับตัวเองเช่นกัน แต่ว่า ไม่เป็นไร ไม่นานตัวเองก็จะทำให้นางรู้ว่าเมื่อขาดตัวเองไปชีวิตที่ลำบากของนางก็จะไม่สิ้นสุดอยู่เช่นนี้!

คุณหนูสุรามองอู๋เลี่ยนเยี่ยนอย่างเรียบนิ่ง คนที่ต้องขอความช่วยเหลือไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นเมียบ่าวที่ถูกเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไล่ต้อนจนแทบไม่มีที่ให้ยืนผู้นี้ต่างหาก ไม่มีความจำเป็นที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายรุกก่อน

“ช่วงนี้คุณหนูเรียนกฎระเบียบเป็นอย่างไรบ้าง?” เรื่องอะไรไม่พูดดันมาพูดเรื่องนี้ คุณหนูสุราดวงตาแดงก่ำขึ้นมาทันที ตัวเองบาดเจ็บไปทั้งตัวก็ไม่ใช่เรื่องกฎระเบียบหรอกหรือ?

“คุณหนูอย่าได้มีโทสะ ข้าไม่มีความจำเป็นต้องเอาเรื่องนี้มาเย้าแหย่คุณหนู สิ่งที่ข้าอยากบอกคุณหนูก็คือตระกูลซั่งกวนมีกฎระเบียบมากมายจริงๆ แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องที่ให้หญิงสาวที่ยังไม่แต่งเข้าตระกูลเรียนรู้กฎระเบียบมาก่อน คุณหนูไม่เคยแต่งงาน จึงต้องเรียนรู้กฎระเบียบเพื่อแต่งเข้าตระกูลซั่งกวน นับเป็นครั้งแรกของตระกูลซั่งกวนเชียว” อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เรียกว่าเรียนรู้กฎระเบียบนั้นเป็นความคิดของสองสามีภรรยาซั่งกวนเจวี๋ย ที่หาข้ออ้างให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อหาเรื่องคุณหนูสุรา และระบายอารมณ์ แต่นางคิดไปว่านี่คือเงื่อนไขการรับคุณหนูสุราเข้าตระกูลของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อและเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ซั่งกวนเจวี๋ยจึงจำต้องรับปากอย่างจนใจ

ไม่มีธรรมเนียมให้เรียนรู้กฎระเบียบมาก่อน? คุณหนูสุรามองเห็นเบื้องหน้าดำมืดไปหมด แทบจะเป็นลมลงไป เรียนกฎระเบียบกลับไม่ใช่เรื่องยาก เพื่อแต่งเข้าตระกูลร่ำรวยแล้ว นางก็พยายามในเรื่องนี้อย่างหนักเช่นกัน แต่สถานการณ์ลำบากที่ได้รับและการเหยียดหยามในวันนี้กลับทำให้นางไม่อาจรับได้

“ในเมื่อไม่เคยมีเรื่องเรียนกฎระเบียบเช่นนี้มาก่อน ก็ย่อมไม่มีเกณฑ์ที่จะผ่านเช่นกัน!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนรู้ว่าคุณหนูสุราในยามนี้ย่อมต้องอยากจะล้มพับลงไปเป็นแน่ ยามที่ตัวเองได้ยินว่าคุณหนูสุราต้องเรียนกฎระเบียบก็รู้แล้วว่ามีความผิดปกติอยู่เบื้องหลัง แต่นางไม่มีความจำเป็นต้องกระโดดออกมาชี้แนะคุณหนูสุราในเวลานั้น ผู้อื่นจะรับน้ำใจหรือไม่อย่าเพิ่งพูดถึง บางทีอาจจะเห็นตัวเองเป็นคนชั่วที่ยุยงให้ผิดใจกันหรือคนเลวที่ขัดขวางความสุขนางเสียด้วยซ้ำ และยามนี้ คุณหนูสุราได้ลิ้มรสความลำบากแล้วก็ควรจะเชื่อใจตัวเองจึงจะถูก นางเผยยิ้มบาง “แม่นมที่อบรมสั่งสอนในตระกูลซั่งกวน แต่ไหนแต่ไรก็ดูแลเรื่องกฎระเบียบของพวกคุณหนูในตระกูลซั่งกวน ไม่อาจจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแต่งสะใภ้ใหญ่หรืออนุภรรยาเข้าตระกูล แน่นอนว่า หากแต่งเข้าตระกูล แต่กฎระเบียบยังไม่เอาไหน เช่นนั้นฮูหยินหรือสะใภ้ใหญ่ของตระกูลก็จะให้แม่นมข้างกายตัวเองไปสั่งสอนอีกครั้ง ทั้งถือโอกาสสร้างอำนาจบารมีของตัวเองด้วย หลังจากข้าถูกคุณชายใหญ่รับเป็นเมียบ่าวก็เป็นแม่นมข้างกายสะใภ้ใหญ่ที่เป็นคนสอนกฎระเบียบเช่นกัน”

ก็หมายความว่าตัวเองยังไม่ทันได้เข้าตระกูลก็กลายเป็นเป้าให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์เบ่งอำนาจแล้ว? พอได้ยินเช่นนี้คุณหนูสุราก็โมโหจนอยากจะกระอักเลือดออกมา แต่นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดซั่งกวนเจวี๋ยจึงเห็นด้วยกับคนพวกนั้น ไม่เข้าข้างตัวเองแม้แต่น้อย? หรือสิ่งที่เรียกว่าแต่งเข้าไปในฐานะเช่อชีเป็นเพียงสิ่งที่เขาทำแบบขอไปทีกับตัวเอง? ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย!

“คุณหนูยังมีตรงไหนที่แคลงใจอีกหรือไม่?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนมองเห็นความรู้สึกจากสีหน้าของคุณหนูสุราอย่างชัดเจน รู้ว่านางยังมีส่วนที่คาใจอยู่ จึงเอ่ยถามออกไป เผยสีหน้าจริงใจเป็นอย่างมาก

“เรื่องที่ให้ข้าเรียนกฎระเบียบ เจวี๋ยก็ไม่ได้กล่าวคัดค้านอันใด!” คุณหนูสุรานับว่ากล่าวออกไปตามตรง ในเมื่อเป็นหลานสาวของอนุภรรยาอู๋ เติบโตในตระกูลซั่งกวน สามารถรู้เรื่องกฎของตระกูลซั่งกวนและเรื่องที่ตัวเองพบเจออย่างละเอียด เช่นนั้นก็ควรจะรู้ว่า เรื่องที่ตัวเองเรียนกฎระเบียบ แม้เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะเป็นคนเอ่ยขึ้นมา แต่กลับเป็นซั่งกวนเจวี๋ยที่พยักหน้า หรือเขาไม่รู้ว่าตระกูลซั่งกวนไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้มาก่อนอย่างนั้นหรือ?

“ข้าได้ยินมาแล้ว!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังรู้อีกว่าคนที่สอนกฎระเบียบคุณหนู เป็นคุณชายใหญ่ที่เชิญมาจากเรือนพำนักอวี้ฉิง แม่นมเหลียงที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง!”

“เช่นนั้น เจ้าคิดว่าอย่างไร?” ยามที่คุณหนูสุรากล่าวประโยคนี้ก็เผลอกล่าวน้ำเสียงราวกับเป็นเจ้านาย และนางนั้นก็ไม่ทันได้สังเกตสักนิด

อู๋เลี่ยนเยี่ยนกลับฟังออก นางลอบขมวดคิ้วในใจ ทว่าใบหน้ากลับไม่ปรากฏอาการใด กล่าวด้วยยิ้มบาง “ข้าว่านั่นย่อมเป็นผลที่คุณชายใหญ่พ่ายแพ้ต่อฮูหยินและสะใภ้ใหญ่ ฮูหยินเป็นมารดาของคุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่เป็นคนที่รู้คุณมาโดยตลอด เพราะความกตัญญู จำต้องทรยศกับหัวใจตัวเองแต่งกับสะใภ้ใหญ่ และก็ให้เกียรติสะใภ้ใหญ่อยู่เรื่อยมา นี่แสดงให้เห็นว่าเป็นความกตัญญูของเขา นอกจากนี้ แม้ว่าเดิมทีคุณชายใหญ่จะไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งให้สะใภ้ใหญ่เท่าใด แต่ยามนี้ไม่เหมือนกันแล้ว คุณหนูคงจะเจอสะใภ้ใหญ่มาแล้ว เรื่องหน้าตาไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้าไม่ต้องพูด แต่เรื่องกวี พิณ ภาพวาด พู่กันจีนล้วนยอดเยี่ยม นางแสดงละครเก่งเป็นอย่างมาก เสแสร้งเป็นภรรยาผู้มีคุณธรรม ทำให้แม้คุณชายใหญ่จะไม่ชอบ แต่ก็ไม่อาจเกลียดนางได้เช่นกัน สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือนางได้ให้กำเนิดคุณชายตัวน้อย ผู้สืบทอดแก่ตระกูลซั่งกวนแล้ว เช่นนั้นตำแหน่งของนางในตระกูลซั่งกวนย่อมต้องมั่นคงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะพูดอย่างไร คุณชายใหญ่ก็ต้องไว้หน้านาง คุณชายใหญ่รับคุณหนูในฐานะเช่อชีก็เป็นเพราะเหตุนี้เช่นกัน”

“ดังนั้นเขาก็จะเอาแต่เบิกตาดูข้าถูกหญิงสาวที่อำมหิตสองคนนั้นเหยียดหยามอย่างนั้นหรือ?” คุณหนูสุราโมโหจนแทบหายใจไม่ทัน นี่นับเป็นความรักใคร่ลึกซึ้งอะไร มิน่าเล่าพี่สาวจึงกล่าวว่าความรักใคร่ลึกซึ้งของชายหนุ่มล้วนมีเงื่อนไขมาเป็นอันดับแรก เมื่อไม่ได้ขัดต่อหลักการอันใดแล้วจึงค่อยจะให้ความสนใจ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

“ฮูหยินและสะใภ้ใหญ่จะจัดการคุณหนูอย่างไร และคุณหนูควรจะรับมืออย่างไรล้วนเป็นเรื่องภายในบ้าน แต่ไหนแต่ไรเรื่องภายในบ้านก็เป็นของคุณหนู เป็นที่ที่ผู้หญิงมีอำนาจตัดสินใจ หากผู้ชายคอยสอดมือยุ่งทุกเรื่อง เรื่องในบ้านก็จะไม่ใช่เรื่องในบ้านอีกแล้ว” อู๋เลี่ยนเยี่ยนมีวิธีเข้าใจต่อเรื่องเช่นนี้อย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาง นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เริ่มแรกยามที่สะใภ้ใหญ่เข้าตระกูล ฮูหยินใหญ่ก็สร้างความลำบากให้มากมาย นอกจากฮูหยินที่ให้ความช่วยเหลือ คุณชายใหญ่เองก็ไม่ได้แทรกแซงมากมายก็เพราะเหตุนี้เช่นกัน ครั้งนี้ คุณชายใหญ่ตั้งใจเปลี่ยนแม่นมที่สั่งสอนคุณหนูเป็นคนของเรือนพำนักอวี้ฉิง ไม่ใช่แม่นมข้างกายของฮูหยินหรือสะใภ้ใหญ่ นี่ก็นับเป็นการดูแลกลายๆ แล้ว”

เป็นเช่นนี้หรือ? คุณหนูสุรารู้สึกว่าเหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้น แต่นึกถึงแม่นมเหลียงที่ยังนับว่าแสดงท่าทีให้ความเคารพแก่ตัวเอง ก็เข้าใจ บางทีนี่อาจจะเป็นการปกป้องทางอ้อมของซั่งกวนเจวี๋ยกระมัง!

“ปีนั้น ยามที่ฮูหยินถูกขัดแข้งขัดขาในตระกูลซั่งกวน นายท่านก็ไม่ได้มากความ แต่พำนักในห้องของฮูหยินเป็นเวลานาน ทำให้ทุกคนรู้ว่าตำแหน่งของฮูหยินไม่มีใครจะสามารถสั่นคลอนได้ แต่การห้ำหั่นระหว่างอนุภรรยาและฮูหยิน เขากลับไม่เคยก้าวก่าย ดังนั้นอนุภรรยาอู๋ ท่านป้าของข้าจึงสามารถควบคุมดูแลเรื่องในบ้านมานานหลายปีขนาดนี้ ทั้งได้พัฒนาเส้นสายกับผู้คนมากมาย” ยามที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวประโยคนี้ก็เห็นแววตาของคุณหนูสุราเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าหลังจากหญิงสาวคนนี้พบกับความลำบากก็ว่านอนสอนง่ายขึ้นมาบ้างแล้ว

“เช่นนั้นยามนี้อนุภรรยาอู๋ยังดูแลเรื่องในบ้านอยู่หรือไม่?” คุณหนูสุราเคยได้ยินมาก่อนว่าตระกูลซั่งกวนมีอนุภรรยาที่เก่งกาจอยู่คนหนึ่ง แม้จะอยู่มาหลายปี ทั้งไม่ได้รับความโปรดปรานจากนายท่านซั่งกวนมากมาย แต่ก็สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ทัดเทียมกับอนุภรรยาคนอื่นๆ กระทั่งยังค่อนข้างได้เปรียบอยู่บ้าง หรือคนที่ว่าก็คืออนุภรรยาอู๋ ป้าของอู๋เลี่ยนเยี่ยน?

“ยามนี้ท่านป้าไม่ได้ดูแลมากมายถึงเพียงนั้นแล้ว” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกลับพูดตามตรง แต่เมื่อล่วงเข้าไปในหูของคุณหนูสุราก็เป็นผลลัพธ์อีกอย่างหนึ่ง นางมองอู๋เลี่ยนเยี่ยนอย่างให้ค่าทันที…มิน่าเล่าเมียบ่าวคนหนึ่งจึงกล้าพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าตัวเอง ที่แท้ในมือก็มีเส้นสายกับผู้คนมากมาย!

“เลี่ยนเยี่ยนดูเหมือนจะไม่พอใจในตำแหน่งตอนนี้ของตัวเองกระมัง” ในใจของคุณหนูสุรานั้นได้วางแผนร่วมมือกับอู๋เลี่ยนเยี่ยนแล้ว ยามนี้นางต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว นางล้วนไม่รู้ว่าพวกบ่าวใช้ที่ปรนนิบัติข้างกายตัวเองเป็นคนที่ไว้ใจของซั่งกวนเจวี๋ยหรือเป็นคนสนิทของเยี่ยนมี่เอ๋อร์กันแน่ แม้จะไม่อาจเชื่อใจผู้หญิงตรงหน้าได้ทั้งหมด แต่ศัตรูของศัตรูก็คือสหาย หลักการนี้นางยังคงเข้าใจดี อู๋เลี่ยนเยี่ยนได้ยื่นโอกาสให้นางหลายครั้งแ หากยังไม่คว้าโอกาสไว้ ทำให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนรู้สึกหมดหวังในการดึงตัวเองมาเป็นพวก ละทิ้งตัวเองไป ก็ย่อมจะเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงของนาง!

“จะพอใจได้หรือ?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนคลี่ยิ้มบาง “แต่เลี่ยนเยี่ยนก็จำต้องยอมรับสภาพเช่นนี้ สะใภ้ใหญ่หึงหวงจนติดเป็นนิสัย ขอเพียงแค่คืนหนึ่งคุณชายใหญ่ไม่อยู่ในห้องนาง นางก็จะทำให้คุณชายน้อยร้องไห้กลางคืนหาพ่อทันที เมียบ่าวที่ไม่ตั้งท้องและไม่มีลูกของตระกูลซั่งกวนไม่อาจจะเชิดหน้าชูตา และเป็นอนุภรรยาได้ แต่เลี่ยนเยี่ยนแค่โอกาสปรนนิบัติคุณชายใหญ่ก็ยังไม่มี แล้วจะมีโอกาสใช้ข่าวดีการตั้งท้องมาเลื่อนขั้นเป็นอนุภรรยาได้อย่างไร?”

“อนุภรรยาก็พอแล้วหรือ?” คุณหนูสุราคาดไม่ถึงว่าคำขอของอู๋เลี่ยนเยี่ยนจะน้อยถึงขนาดนี้ หากเป็นเช่นนั้น กลับยังคุ้มค่าที่จะดึงมาเป็นพวกได้

“จากฐานะของเลี่ยนเยี่ยนมากสุดก็เป็นได้เพียงอนุภรรยา ไหนเลยจะหวังอะไรเกินตัว!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเผยยิ้มเล็กน้อย “ตำแหน่งภรรยาเป็นตำแหน่งที่เลี่ยนเยี่ยนวาดฝันที่จะได้รับ แต่ก็เป็นเรื่องที่เลี่ยนเยี่ยนไม่อาจทำได้เช่นกัน อนุก็คืออนุ ไม่อาจจะเปลี่ยนเป็นภรรยาได้ จุดนี้เลี่ยนเยี่ยนกระจ่างใจดี!”

“เลี่ยนเยี่ยนมีวิธีอันใดที่ทำให้ข้าไม่ต้องเรียนเรื่องกฎระเบียบพวกนั้น ไม่ต้องคอยรองรับอารมณ์ของผู้หญิงสองคนนั้นอีกหรือไม่?” คุณหนูสุราพอใจอยู่ไม่น้อย นางก็รู้หลักการที่ว่าอนุไม่อาจจะเป็นภรรยาได้เช่นกัน แต่ยังคงกังวลว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนจะเพ้อฝันเกินตัว และยามนี้รู้ความต้องการของนางแล้ว จึงวางใจเล็กน้อย

“ย่อมมีวิธี!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกลับไม่ได้มีวิธีอะไรจริงๆ แต่ยามที่นางพูดประโยคนี้กลับไม่เผยความร้อนตัวแม้แต่น้อย

“ลองพูดมาสิ!” คุณหนูสุราเผยใบหน้าดีใจ ขอเพียงแค่ผ่านด่าน นางก็สามารถแต่งเข้าตระกูลซั่งกวนอย่างเห็นชอบด้วยเหตุผลแล้ว ถึงเวลานั้นค่อยๆ ห้ำหั่นกับพวกนางก็ไม่สาย

อู๋เลี่ยนเยี่ยนเพียงยิ้ม ไม่กล่าวอันใดอีก นางแนะนำไปมากแล้ว ยามนี้ต้องดูการตอบแทนจากคุณหนูสุราเสียบ้าง

“เลี่ยนเยี่ยนมีเรื่องอะไรอยากให้ช่วยอย่างนั้นหรือ?” คุณหนูสุราก็ไม่ใช่คนโง่ เข้าใจทันทีว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนต้องการเห็นความจริงใจของนาง แม้ในใจจะรู้สึกอึดอัด แต่นางยังคงรักษารอยยิ้ม เป็นฝ่ายถามออกไป

“คุณชายใหญ่จะกลับมาในอีกสองวัน ข้าหวังว่ายามเย็นวันนั้นที่คุณชายใหญ่มาถึง จะให้ข้าสามารถเข้าไปปรนนิบัติได้ อย่างไรขอคุณหนูช่วยพูดแทนข้าด้วย!” คำขอของอู๋เลี่ยนเยี่ยนนั้นเรียบง่าย นางรู้ว่าเดิมทีซั่งกวนเจวี๋ยก็ไม่ได้นอนที่เรือนไร้เดี่ยว หากเขาสามารถฟังคำขอของคุณหนูสุรา ให้ตัวเองสามารถปรนนิบัติเขาได้ เช่นนั้นคุณหนูสุราก็คุ้มค่าให้ตนได้ลงทุนลงแรงช่วยเหลือจริงๆ หากไม่ได้ละก็ นางฉวยโอกาสถอนตัวตั้งแต่ยังเนิ่นๆ จะดีกว่า!

“ข้าเข้าใจแล้ว!” คุณหนูสุราอยากจะฉีกหน้าอู๋เลี่ยนเยี่ยน แต่นางไม่อาจทำได้ หญิงสาวตรงหน้าอาจจะเป็นพันธมิตรเพียงคนเดียวที่นางหาได้ หากล่วงเกินนางอีกคน ภายหลังตัวเองก็ต้องลำบากทุกย่างก้าวจริงๆ แล้ว! นางทำได้เพียงฝืนยิ้ม “รอเจวี๋ยกลับมา ข้าจะพูดกับเขา ย่อมทำให้เลี่ยนเยี่ยนสมปรารถนาแน่นอน หวังว่าหลังจากเลี่ยนเยี่ยนลิ้มรสความหวานชื่นแล้วก็อย่าได้ลืมทำให้ข้าสลัดพ้นจากสถานการณ์น่าหงุดหงิดเช่นนี้ด้วย!”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนเห็นว่าจุดมุ่งหมายของตัวเองสำเร็จผลก็พอใจ หลายวันมานี้เป็นวันที่นางง่ายที่จะตั้งท้องมากที่สุด ขอเพียงแค่หลังจากจบเรื่องไม่ถูกบังคับให้ดื่มยา นางมั่นใจสิบส่วนว่าย่อมต้องตั้งท้องได้ นางรู้สึกว่าพอหอมปากหอมคอแล้ว จึงเผยยิ้มกล่าวลาทันที “คุณหนูโม่พักฟื้นให้ดีๆ แล้วกัน ส่วนเลี่ยนเยี่ยนก็จะรอข่าวดี!”

————————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+