เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 60 คืนก่อนแต่งงาน (1)

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 60 คืนก่อนแต่งงาน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่ใหญ่ ได้ยินมาจากพวกพี่สาวว่าพี่สะใภ้สวยมากจริงหรือ?” ซั่งกวนอิงเดินวนไปเวียนมาอยู่ข้างหลังซั่งกวนเจวี๋ย

ตลอดเวลา หมุนตัวไปมาจนซั่งกวนเจวี๋ยและคนอื่นๆ ก็เวียนหัวเช่นกัน

“ข้าไม่รู้” ซั่งกวนเจวี๋ยและหวงฝู่หลินยวนชนถ้วยกันทีหนึ่ง แล้วดื่มรวดเดียวหมด

“เหตุใดเจ้าจะไม่รู้ล่ะ?” ซั่งกวนอิงร้อนใจมาก เขากังวลว่าซั่งกวนเจวี๋ยจะหนีการแต่งงาน แล้วหวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะให้เขามาเป็นตัวแทน ในเช้าวันนี้เขากลับบ้านด้วยความอกสั่นขวัญแขวน ก็ไปพบจิงอิ๋งก่อน ครั้นรู้จากปากของนางว่าพี่สะใภ้ดีมากเพียงใด ในยามนั้นซั่งกวนอิงตื่นตระหนกตกใจเป็นการใหญ่ คิดว่าซั่งกวนเจวี๋ยจะเผ่นหนีเปิดแน่บไปแล้วหรือไม่ เพื่อให้เขาขันอาสาเป็นเจ้าบ่าวแทนเสียเองด้วยความสมัครใจ เลยทำให้จิงอิ๋งพูดเกินจริงไปมาก เด็กที่น่าสงสารก็หายวับไปกับตาอีกแล้ว จนกระทั่งอาหารเย็น จึงยืนยันได้ว่าซั่งกวนเจวี๋ยยังอยู่ที่บ้าน จากนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น ด้วยเหตุนี้พอได้ยินอีกก็หน้าบานเป็นจานเชิง หลิงหลงที่ไม่ค่อยพูดว่าอะไรดีนักก็ชมเปาะว่าที่พี่สะใภ้ไม่ขาดปาก ดังนั้น ซั่งกวนอิงผู้อยากรู้อยากเห็นจึงวิ่งไปที่เรือนทางเหนือเพื่อขอคำยืนยันจากซั่งกวนเจวี๋ยที่กำลังร่ำสุราพูดคุยกับเด็กๆ ในครอบครัว

“เจ้าเด็กนี่!” หวงฝู่หลินจี้ซึ่งอยู่ถัดจากซั่งกวนเจวี๋ยเอ็ดเขาอย่างไม่เกรงใจเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ว่าที่พี่สะใภ้ของเจ้าไม่ใช่หญิงในยุทธภพ นอกจากคนสนิทที่สุดแล้ว จะให้บุรุษเห็นได้อย่างไร? ถ้าพี่ชายคนโตของเจ้าเห็นนางเข้า อาจจะไม่ได้แค่แอบชอบอยู่ในใจ แต่จะอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีทีเดียวล่ะ!”

“ลูกผู้พี่ใหญ่เล่า ข้าว่าเจ้าก็ยังไม่เคยเห็นว่าที่พี่สะใภ้ใช่หรือไม่?” ซั่งกวนอิงพูดอย่างผิดหวัง

“หลังจากที่แต่งกับพี่ใหญ่ของเจ้า นางจะกลายเป็นฮูหยินและก็จะไม่มีข้อห้ามมากมายขนาดนั้นแล้ว อีกอย่างเมื่อแต่งกับไก่ต้องไปตามไก่ แต่งกับสุนับไปตามสุนัข[1] ต้องรู้จักปรับตัว หลังจากนางแต่งเข้าตระกูลซั่งกวนแล้ว ย่อมคุ้นเคยกับกฎของตระกูลซั่งกวน และไม่จำเป็นต้องถูกควบคุมเช่นนั้น! ทำไมเจ้าถึงอยากเห็นว่าที่พี่สะใภ้มากนัก?” หวงฝู่หลินจี้มองเขาอย่างขบขัน แต่เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้ถ่อมาถึงบ้านของเขาเพื่ออะไร คงตั้งใจจะไปบอกฮูหยินใหญ่หวงฝู่ที่รักเขามาตลอดว่าท่านป้าพูดไว้ไม่ผิดเลย

“ข้าไม่ได้บอกหรือว่าพี่สาวทั้งสองชื่นชอบนางไม่น้อย” ซั่งกวนอิงเกาหัวอย่างเขินอายแล้วพูดว่า “โดยเฉพาะพี่หญิงใหญ่ที่ปากหนักประหนึ่งเหล็กก็ยังชอบนางมาก ทั้งยังบอกว่านางงดงามที่สุดอีกด้วย”

“ข้าก็ได้ยินหลิงหลงพูดเช่นกัน” ชุยฮ่าวหรันยิ้มอย่าง ‘ดูแคลน’ แล้วพูดว่า “นิสัยอย่างหลิงหลงเคยยอมใครที่ไหนกัน?เมื่อพูดถึงคุณหนูเยี่ยนคนนั้น ดวงตาพลันสดใส พูดว่าดีสุดฤทธิ์ สวยปานเทพธิดาทำนองนั้นเอย สุภาพเรียบร้อยเอย เชี่ยวชาญบทกวีเอย…ข้าไม่รู้ว่านางพูดถึงคนหรือนางฟ้าที่จุติลงมาเกิดในโลกมนุษย์กันแน่ ดีจริงขนาดนั้นเลยหรือ?”

“จิงอิ๋งและหลิงหลงเข้ากันได้ดีกับนางมาก” ซั่งกวนเจวี๋ยพูดอย่างสงวนท่าที

“เกรงว่าจะไม่ได้ดีธรรมดากระมัง” จู่ๆ ชุยฮ่าวหรันก็พูดอย่างมีน้ำโหเล็กน้อยว่า “ข้าไม่ได้เจอหลิงหลงมาครึ่งปีแล้ว ที่ผ่านมานางต้องมีเรื่องราวจะพูดกับข้าอย่างมากมายไม่จบไม่สิ้น แต่ดูตอนนี้สิ ไม่นึกเลยว่านางจะขับไล่ข้า! พูดทำนองว่านางต้องเตรียมของขวัญให้พี่สะใภ้ที่ยังไม่ออกเรือน ทั้งยังยุ่งมาก ไม่มีเวลาคุยกะหนุงกะหนิงกับข้า…”

“ที่แท้ก็โดนลอยแพนี่เอง มิน่าเล่าสองสามวันนี้ถึงไม่ได้อยู่กับหลิงหลง แต่กลับลากข้ามาดื่ม!” หวงฝู่หลินยวนหัวเราะลั่น เขายังคงสงสัยว่าทำไมชุยฮ่าวหรันไม่ตัวติดกับหลิงหลง ยังคิดว่าตุนาหงันคู่นี้ขัดแย้งกันหรือไม่ ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง!

“เจ้าไม่ชอบที่หลิงหลงไม่มารบกวนเจ้างั้นหรือ?” หวงฝู่หลินจี้จ้องเขม็งมองน้องชายแวบหนึ่ง แต่เขาค่อนข้างรักเอ็นดูลูกผู้น้องอย่างหลิงหลง ที่ดีกว่าน้องสาวแท้ๆ ของเขาเป็นไหนๆ

“แต่อย่าคิดว่าข้าขัดขวางนางไม่ให้ทำอะไรก็แล้วกัน!” ชุยฮ่าวหรันยังคงโมโห นับตั้งแต่เขาได้รู้จักกับหลิงหลงนี่เป็นครั้งแรกที่พบกับความเย็นชา และไม่สามารถปรับตัวได้เลย

“อืม…มันแปลกจริงๆ! ก่อนหน้านี้เจ้าเบื่อที่นางทำตัวติดหนึบไม่ใช่หรือ? นางจะไม่เกาะติดเจ้าได้อย่างไร หรือจริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นแต่แรก?” คำพูดของหวงฝู่หลินจี้ทำให้เกิดเสียงหัวเราะครึกครื้น ใช่แล้ว เขาผิดที่พูดถึงอยู่ตลอดเวลาแล้วบอกว่าหลิงหลงเกาะติดตามแจไม่ให้เขาว่างเลยสักครู่เดียว

“เหอะๆ…ข้าแค่ปรับตัวไม่ได้นิดหน่อย ไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่น” แม้ชุยฮ่าวหรันจะเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็กล้ำกลืนฝืนทนอยู่ภายใต้การเยาะเย้ยอย่างไม่ไว้หน้าของทุกคนและการจ้องมองของพี่ใหญ่ชุยฮ่าวเหว่ย แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจมากอยู่ดี

“ที่แท้ทุกคนก็อยากรู้มากนี่เอง” ทั่วป๋าฉินหลิ่งขึ้นเสียงสูงหัวเราะร่า ทำให้ทุกคนสงบลง หลังจากมองไปที่เขาแล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่าคุณหนูเยี่ยนผู้นั้นงามหยาดเยิ้ม ทัดเทียมกับน้องชิงหวั่นของตระกลูมู่หรง แม้น้องเจวี๋ยจะหมกมุ่นอยู่กับธรรมเนียม จึงไม่ได้พบหน้ากับคุณหนูเยี่ยน แต่น้องสาวทั้งสองคนและสาวใช้ที่อยู่รอบตัวต่างเคยเจอกันแล้ว อย่างนั้นจะอธิบายไม่ได้อย่างคล่องแคล่ว สู้ให้ยอดจิตรกรหลี่ลั่วเผยของเราจรดปลายพู่กันวาดภาพสะใภ้ใหญ่ที่กำลังจะแต่งเข้าเรือนตระกูลซั่งกวนเป็นรูปหญิงงามมิได้หรือ?”

ความคิดบ้าบออะไร? ทุกคนในฝูงชนที่รู้จักกับซั่งกวนเจวี๋ยเป็นอย่างดีต่างลอบก่นด่าในใจ สิ่งนี้ชัดเจนว่าจะทำให้คุณหนูเยี่ยนอู่เสื่อมเสียชื่อเสียงมิใช่หรือ? คุณหนูที่ยังไม่ได้ออกเรือนคนหนึ่ง จะกลายเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลซั่งกวน วาดภาพให้นางเช่นนี้หมายความว่ากระไร?

“ข้าไม่คิดอย่างนั้น! นี่ไม่ใช่การประกวดหญิงงาม ไฉนถึงต้องวาดภาพคน?” ซั่งกวนอิงอายุน้อยที่สุด แต่มีความคิดความอ่านไม่น้อย เขาตะโกนดังๆ จากนั้นก็พึมพำด้วยเสียงที่คนข้างๆ เขาจะได้ยินเท่านั้น “ไม่ใช่ว่าแต่งงานไม่ได้ แล้วต้องเอารูปภาพไปหาถึงบ้านสามี”

แม้ซั่งกวนอิงจะกระซิบ แต่ทุกคนในที่นี้ฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่ยังเด็กมิใช่หรือ และเป็นบุตรแห่งความภาคภูมิใจจากสรรค์ที่ได้รับการปลูกฝังจากครอบครัว นอกจากนี้ทั่วป๋าฉินหลิ่งจงใจขึ้นเสียงมาก่อนหน้านี้ เพื่อไม่ให้ทุกคนกระซิบกระซาบคุยกัน และบวกกับคำพูดของเขาก็ทำให้บรรยากาศเย็นลงในทันใด เสียงพูดพึมพำแบบเด็กๆ ของซั่งกวนอิงทำให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน!

เงียบกริบ! เงียบงัน! ยังคงเงียบสนิท! ใครจะไม่รู้ว่าภรรยาเอกของทั่วป๋าฉินหลิ่งจะมีชาติกำเนิดสูงส่ง เป็นบุตรีสายตรงของตระกูลหวัง หรือเป็นลูกสาวคนโตจากภรรยาเอก น่าเสียดายที่แม่ของนางเสียชีวิตจากการคลอดยาก แม้พ่อของนางจะแต่งงานกับป้าของนาง แต่เสียตรงที่ทั้งสองคนไม่ถูกกัน การแต่งงานของนางไม่เคยได้รับการเหลียวแล คุณหนูจากตระกูลหวังผู้นั้น เป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลทั่วป๋าที่ฉลาดเก่งกาจมากเช่นกัน แม้นางจะแทบไม่มีโอกาสได้ปรากฏตัวเพราะแม่เลี้ยงทารุณโหดร้าย แต่นางก็ใช้ความคิด การวางแผนอย่างรอบคอบ อาศัยรูปเหมือนของตนกับบทกวีที่มีชื่อเสียงโด่งดังขับขานให้ดูน่าสงสารเป็นสะพานเชื่อม จนทั่วป๋าฉินหลิ่งถูกใจ เชิญมาเป็นภรรยาเอก

“เป็นเด็กเป็นเล็กมาผสมโรงเฮฮาอะไรอยู่ที่นี่ ยังไม่กลับไปอีก” ซั่งกวนเจวี๋ยจิตใจมืดมน แต่ใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึม ในขณะนี้ก็ขับไล่ซั่งกวนอิงออกไป รอจนเขาออกไปก็พูดกลั้วหัวเราะเหอะๆ ว่า “เราดื่มต่อกันเถอะ!”

แม้ทั่วป๋าฉินหลิ่งจะแค้นเคืองอยู่ในใจ แต่ก็ทำได้เพียงแย้มยิ้ม เขาจะพูดอะไรได้ จะจู้จี้กับ ‘เด็กเล็ก’ คนหนึ่งได้หรือ? อีกอย่าง ข้อเสนอแนะของเขานั้นเลยเถิดเกินไปอยู่บ้าง

“เจวี๋ย ได้ยินมาว่าจอมยุทธ์หญิงทั้งสามนั้นยังอยู่ในลี่โจว เจ้าไม่อยากรับพวกนางมาเป็นภรรยาจริงๆ ใช่หรือไม่?” ฉีอวี่ฮ่าวเปลี่ยนประเด็นทันที “เจ้าไม่กลัวว่าจะแตกคอกับภรรยาใหม่ของเจ้าหรือ?”

“ข้ายังไม่คิดเรื่องนั้นชั่วคราว” ซั่งกวนเจวี๋ยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยังไม่รู้ว่าภรรยาที่ไม่ได้ผ่านประตูวิวาห์ของข้าจะหักหน้าข้าหรือไม่ แต่ถ้าข้ากล้าแต่งเจ้าสาวเข้าบ้านก็จะรับอนุเลย ข้าเดาว่าแม่ของข้าที่เข้าข้างลูกสะใภ้จะเป็นคนแรกที่กระโดดออกมา และน้องสาวสองคนที่ถือหางพี่สะใภ้อยู่แล้วจะต้องเต้นแร้งเต้นกาแน่ๆ”

“เจ้าก็คงไม่รู้เรื่องนี้สินะ เขาว่าว่าที่น้องสะใภ้เป็นคนใจกว้างที่หายาก” มู่หรงปั๋วเย่หัวเราะครืนพลางว่า “พวกเจ้าน่าจะรู้จักคุณหนูอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่ชื่นชมน้องเจวี๋ยมาตลอด แต่น้องเจวี๋ยไม่สงสารเลยกระมัง? ความฝันของนางได้เป็นจริงแล้วคราวนี้”

“ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” ชุยฮ่าวหรันโน้มตัวเข้าไปใกล้แล้วกล่าวว่า “มิน่าล่ะที่ข้าไม่เห็นผู้หญิงที่มีรอยยิ้มแปลกๆ คนนั้นในที่ของหลิงหลง ที่แท้สมความปรารถนาไปแล้วหรือ? แต่…คุณหนูตระกูลเยี่ยนรู้เรื่องนี้หรือไม่?”

“ยิ่งกว่ารู้ด้วยซ้ำ” มู่หรงปั๋วเย่แสร้งทำเป็นมีลับลมคมในแล้วถามว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณหนูเยี่ยนอู่ได้เอ่ยเสนอเรื่องนี้เอง สงเคราะห์ให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนตามต้องการ แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมคุณหนูเยี่ยนอู่ถึงสงเคราะห์ให้อู๋เลี่ยนเยี่ยน จัดการเรื่องพรรค์นั้นให้น้องเจวี๋ย?”

หา! ไม่นึกเลยว่าจะเป็นความคิดของคุณหนูเยี่ยน? ทว่าดูเหมือนจะมีเหตุการณ์ภายในบางอย่าง และเป็นเหตุการณ์ภายในที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นทุกคนที่อาศัยอยู่ในตระกูลซั่งกวนเป็นเวลาเจ็ดแปดวัน และพักในช่วงสั้นๆ สองสามวันกลับไม่ทราบเรื่องนี้ น่าจะถูกคำสั่งปิดปากสินะ!

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนติดสินบนคุณหนูเยี่ยนอู่?” ทั่วป๋าฉินเฟิงพูดเยาะเย้ยด้วยความดูเบาว่า “ครอบครัว เยี่ยนไม่ใช่ตระกูลพ่อค้าหรอกหรือ? น่าจะเห็นเงินทองสำคัญมากกว่า ได้ยินมาว่านายท่านตระกูลเยี่ยนมาอยู่ที่ลี่โจวในช่วงนี้ได้ชักชวนทำกิจการไม่น้อย ร้ายกาจยิ่งนัก! คุณหนูเยี่ยนอู่อาจจะเหมือนพ่อลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นสินะ!

หลายคนในตระกูลหวังสบสายตากัน รู้ว่าพี่น้องสองคนของตระกูลทั่วป๋าจงใจจะใส่ร้ายป้ายสีคุณหนูเยี่ยนอู่ พวกเขาต้องการให้คุณหนูเยี่ยนอู่ถูกลดระดับจนดูไร้ค่าก่อนจะออกเรือนอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อกรุยทางให้น้องสาวของตนแต่งเข้ามา เพราะต่างรู้ว่าทั่วป๋าฉินซินมีใจต่อซั่งกวนเจวี๋ยอย่างชัดเจนเสียยิ่งกว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยน แตกต่างกันเพียงแค่ชาติกำเนิดที่ดีกว่า ทุกคนจึงทำได้เพียงบ่นงึมงำในใจ ไม่ได้พูดตรงๆ ว่าจะเอานางมาประเคนให้ตระกูลซั่งกวนก็เท่านั้นเอง!

“โอ้โห เจ้าร้ายกาจเสียจริง ร้ายกาจกว่าคุณหนูตระกูลเยี่ยนเสียอีก!” มู่หรงปั๋วเย่อุทานด้วยสีหน้าประหลาดใจ เขาค่อนข้างรำคาญที่ทั่วป๋าฉินหลิ่งจงใจพูดถึงชิงหวั่น จึงพูดอย่างไม่เกรงใจในตอนนี้ว่า “ถ้าเจ้ามาเร็วกว่านี้หน่อย คุณหนูตระกูลเยี่ยนต้องมีรายได้พิเศษแน่ ถ้านางรู้การคาดเดาของเจ้า จะต้องเสียใจที่ไม่รู้จักเจ้าให้เร็วกว่านี้แน่นอน”

“พี่ใหญ่มู่หรงหมายความว่าอย่างไร?” ทั่วป๋าฉินเฟิงไม่ใช่ทั่วป๋าฉินหลิ่ง ไม่ได้เป็นคนน้ำนิ่งไหลลึกขนาดนั้น และไม่ได้รับการฝึกอบรมที่ดีด้วย เมื่อได้ยินคำพูดของมู่หรงปั๋วเย่เข้าทิ่มแทง ก็โกรธทันที

“ข้าไม่ได้ชมเชยเจ้าหรือ” สีหน้าของมู่หรงปั๋วเย่ยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงยิ้มแย้มอยู่เช่นนั้นแล้วกล่าวว่า “ถ้าฉินเฟิง จัดการกิจการของตระกูลทั่วป๋าก็เหมาะสมเลย มีมันสมองเช่นนี้ จะทำอย่างไรให้กิจการของตระกูลทั่วป๋าเติบโตขึ้นหลายเท่าก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป”

ทุกคนยิ้มเยาะ!

“เอาล่ะ พี่ใหญ่มู่หรง ทำไมคุณหนูเยี่ยนถึงทำให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนสมความปรารถนาเล่า?” ชุยฮ่าวหรันพูดอย่างอดใจไม่ไหวว่า “เจ้าเลิกอุบได้แล้ว ไม่ต้องมาแกล้งเด็กเลย”

ดวงตาของทั่วป๋าฉินเฟิงลุกเป็นไฟ หมายความว่าอย่างไรที่แกล้งเด็ก? เขาหมายถึงตัวเองหรือ? ในขณะที่อยากจะกระโดดขึ้น ทันใดนั้นก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว มองไปตามทิศทางของความหนาวเย็น ก็เห็นความโหดร้ายในสายตาของพี่ชายคนโต จึงหยุดทันที…

ความลับลมคมในระหว่างสองพี่น้องนั้นชัดเจนอยู่ในใจของทุกคน แต่ไม่มีใครพูดออกมา ทั่วป๋าฉินเฟิงเป็นแค่ลูกนอกสมรส ถ้าไม่ได้ทั่วป๋าฉินหลิ่งชื่นชมก็คงไม่อาจเข้าร่วมวงกับทุกคนได้

“ก็ได้” มู่หรงปั๋วเย่ไม่ได้ยั่วน้ำลายอีกต่อไป แต่กล่าวอย่างอดหัวเราะไม่ได้ว่า “คุณหนูเยี่ยนให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนเขียนสัญญาขายตัวแล้วเก็บไว้ จากนั้นให้เป็นสาวใช้ทดลองอยู่ก่อนแต่ง ส่งไปที่เรือนไร้เดี่ยวของน้องเจวี๋ย!”

เสียงหัวเราะดังลั่น…รวมทั้งพี่น้องสองคนของตระกูลทั่วป๋าที่มีเจตนาอื่นด้วย ทุกคนต่างหัวเราะออกมาอย่างครื้นเครง คนเหล่านี้ล้วนเก่งกาจที่สุดในบรรดาลูกหลานตระกูลชนชั้นสูง เป็นลูกคนโตของภรรยาเอกที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นลูกจากอนุภรรยาที่โดดเด่น ทุกคนต่างเป็นผู้ยอดเยี่ยมทั้งนั้น พอได้ยินคำว่า ‘สาวใช้ก่อนแต่ง’ สี่คำนี้ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทันที แล้วหัวเราะให้กับการเตรียมการของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ แม้แต่ซั่งกวนเจวี๋ยที่ถูกสงสัยว่าเป็นโรค ‘มักมากในกาม’ ก็ยังหัวเราะออกมาพลางคิดว่าที่แท้การไม่มีคนรู้ใจคอยดูแลอยู่ในห้องก็มีความผิดด้วย…

“นี่! ข้าว่าคุณหนูเยี่ยนยังไม่รู้ใช่หรือไม่ว่าเจ้าเที่ยวหญิงคณิกาตั้งแต่อายุสิบหกแล้ว และยังต่อกรกับข้าเพื่อแย่งชิงหญิงงามอีกด้วย” หวงฝู่หลินยวนมองไปที่ใบหน้าของซั่งกวนเจวี๋ยที่ดูไม่เป็นธรรมชาติด้วยรอยยิ้มยั่วล้อ

ซั่งกวนเจวี๋ยจะพูดอะไรได้ ทำได้เพียงแค่ดื่มสุราคำโตด้วยท่าทางหดหู่ เขาต้องคิดบัญชีแค้นกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ให้ได้…

—————————————

[1] แต่งกับไก่ไปตามไก่ แต่งกับสุนับไปตามสุนัข อุปมา แต่งงานกับชายประเภทใดก็ต้องยินยอมกับเขาไปทุกอย่าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 60 คืนก่อนแต่งงาน (1)

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 60 คืนก่อนแต่งงาน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่ใหญ่ ได้ยินมาจากพวกพี่สาวว่าพี่สะใภ้สวยมากจริงหรือ?” ซั่งกวนอิงเดินวนไปเวียนมาอยู่ข้างหลังซั่งกวนเจวี๋ย

ตลอดเวลา หมุนตัวไปมาจนซั่งกวนเจวี๋ยและคนอื่นๆ ก็เวียนหัวเช่นกัน

“ข้าไม่รู้” ซั่งกวนเจวี๋ยและหวงฝู่หลินยวนชนถ้วยกันทีหนึ่ง แล้วดื่มรวดเดียวหมด

“เหตุใดเจ้าจะไม่รู้ล่ะ?” ซั่งกวนอิงร้อนใจมาก เขากังวลว่าซั่งกวนเจวี๋ยจะหนีการแต่งงาน แล้วหวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะให้เขามาเป็นตัวแทน ในเช้าวันนี้เขากลับบ้านด้วยความอกสั่นขวัญแขวน ก็ไปพบจิงอิ๋งก่อน ครั้นรู้จากปากของนางว่าพี่สะใภ้ดีมากเพียงใด ในยามนั้นซั่งกวนอิงตื่นตระหนกตกใจเป็นการใหญ่ คิดว่าซั่งกวนเจวี๋ยจะเผ่นหนีเปิดแน่บไปแล้วหรือไม่ เพื่อให้เขาขันอาสาเป็นเจ้าบ่าวแทนเสียเองด้วยความสมัครใจ เลยทำให้จิงอิ๋งพูดเกินจริงไปมาก เด็กที่น่าสงสารก็หายวับไปกับตาอีกแล้ว จนกระทั่งอาหารเย็น จึงยืนยันได้ว่าซั่งกวนเจวี๋ยยังอยู่ที่บ้าน จากนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น ด้วยเหตุนี้พอได้ยินอีกก็หน้าบานเป็นจานเชิง หลิงหลงที่ไม่ค่อยพูดว่าอะไรดีนักก็ชมเปาะว่าที่พี่สะใภ้ไม่ขาดปาก ดังนั้น ซั่งกวนอิงผู้อยากรู้อยากเห็นจึงวิ่งไปที่เรือนทางเหนือเพื่อขอคำยืนยันจากซั่งกวนเจวี๋ยที่กำลังร่ำสุราพูดคุยกับเด็กๆ ในครอบครัว

“เจ้าเด็กนี่!” หวงฝู่หลินจี้ซึ่งอยู่ถัดจากซั่งกวนเจวี๋ยเอ็ดเขาอย่างไม่เกรงใจเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ว่าที่พี่สะใภ้ของเจ้าไม่ใช่หญิงในยุทธภพ นอกจากคนสนิทที่สุดแล้ว จะให้บุรุษเห็นได้อย่างไร? ถ้าพี่ชายคนโตของเจ้าเห็นนางเข้า อาจจะไม่ได้แค่แอบชอบอยู่ในใจ แต่จะอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีทีเดียวล่ะ!”

“ลูกผู้พี่ใหญ่เล่า ข้าว่าเจ้าก็ยังไม่เคยเห็นว่าที่พี่สะใภ้ใช่หรือไม่?” ซั่งกวนอิงพูดอย่างผิดหวัง

“หลังจากที่แต่งกับพี่ใหญ่ของเจ้า นางจะกลายเป็นฮูหยินและก็จะไม่มีข้อห้ามมากมายขนาดนั้นแล้ว อีกอย่างเมื่อแต่งกับไก่ต้องไปตามไก่ แต่งกับสุนับไปตามสุนัข[1] ต้องรู้จักปรับตัว หลังจากนางแต่งเข้าตระกูลซั่งกวนแล้ว ย่อมคุ้นเคยกับกฎของตระกูลซั่งกวน และไม่จำเป็นต้องถูกควบคุมเช่นนั้น! ทำไมเจ้าถึงอยากเห็นว่าที่พี่สะใภ้มากนัก?” หวงฝู่หลินจี้มองเขาอย่างขบขัน แต่เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้ถ่อมาถึงบ้านของเขาเพื่ออะไร คงตั้งใจจะไปบอกฮูหยินใหญ่หวงฝู่ที่รักเขามาตลอดว่าท่านป้าพูดไว้ไม่ผิดเลย

“ข้าไม่ได้บอกหรือว่าพี่สาวทั้งสองชื่นชอบนางไม่น้อย” ซั่งกวนอิงเกาหัวอย่างเขินอายแล้วพูดว่า “โดยเฉพาะพี่หญิงใหญ่ที่ปากหนักประหนึ่งเหล็กก็ยังชอบนางมาก ทั้งยังบอกว่านางงดงามที่สุดอีกด้วย”

“ข้าก็ได้ยินหลิงหลงพูดเช่นกัน” ชุยฮ่าวหรันยิ้มอย่าง ‘ดูแคลน’ แล้วพูดว่า “นิสัยอย่างหลิงหลงเคยยอมใครที่ไหนกัน?เมื่อพูดถึงคุณหนูเยี่ยนคนนั้น ดวงตาพลันสดใส พูดว่าดีสุดฤทธิ์ สวยปานเทพธิดาทำนองนั้นเอย สุภาพเรียบร้อยเอย เชี่ยวชาญบทกวีเอย…ข้าไม่รู้ว่านางพูดถึงคนหรือนางฟ้าที่จุติลงมาเกิดในโลกมนุษย์กันแน่ ดีจริงขนาดนั้นเลยหรือ?”

“จิงอิ๋งและหลิงหลงเข้ากันได้ดีกับนางมาก” ซั่งกวนเจวี๋ยพูดอย่างสงวนท่าที

“เกรงว่าจะไม่ได้ดีธรรมดากระมัง” จู่ๆ ชุยฮ่าวหรันก็พูดอย่างมีน้ำโหเล็กน้อยว่า “ข้าไม่ได้เจอหลิงหลงมาครึ่งปีแล้ว ที่ผ่านมานางต้องมีเรื่องราวจะพูดกับข้าอย่างมากมายไม่จบไม่สิ้น แต่ดูตอนนี้สิ ไม่นึกเลยว่านางจะขับไล่ข้า! พูดทำนองว่านางต้องเตรียมของขวัญให้พี่สะใภ้ที่ยังไม่ออกเรือน ทั้งยังยุ่งมาก ไม่มีเวลาคุยกะหนุงกะหนิงกับข้า…”

“ที่แท้ก็โดนลอยแพนี่เอง มิน่าเล่าสองสามวันนี้ถึงไม่ได้อยู่กับหลิงหลง แต่กลับลากข้ามาดื่ม!” หวงฝู่หลินยวนหัวเราะลั่น เขายังคงสงสัยว่าทำไมชุยฮ่าวหรันไม่ตัวติดกับหลิงหลง ยังคิดว่าตุนาหงันคู่นี้ขัดแย้งกันหรือไม่ ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง!

“เจ้าไม่ชอบที่หลิงหลงไม่มารบกวนเจ้างั้นหรือ?” หวงฝู่หลินจี้จ้องเขม็งมองน้องชายแวบหนึ่ง แต่เขาค่อนข้างรักเอ็นดูลูกผู้น้องอย่างหลิงหลง ที่ดีกว่าน้องสาวแท้ๆ ของเขาเป็นไหนๆ

“แต่อย่าคิดว่าข้าขัดขวางนางไม่ให้ทำอะไรก็แล้วกัน!” ชุยฮ่าวหรันยังคงโมโห นับตั้งแต่เขาได้รู้จักกับหลิงหลงนี่เป็นครั้งแรกที่พบกับความเย็นชา และไม่สามารถปรับตัวได้เลย

“อืม…มันแปลกจริงๆ! ก่อนหน้านี้เจ้าเบื่อที่นางทำตัวติดหนึบไม่ใช่หรือ? นางจะไม่เกาะติดเจ้าได้อย่างไร หรือจริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นแต่แรก?” คำพูดของหวงฝู่หลินจี้ทำให้เกิดเสียงหัวเราะครึกครื้น ใช่แล้ว เขาผิดที่พูดถึงอยู่ตลอดเวลาแล้วบอกว่าหลิงหลงเกาะติดตามแจไม่ให้เขาว่างเลยสักครู่เดียว

“เหอะๆ…ข้าแค่ปรับตัวไม่ได้นิดหน่อย ไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่น” แม้ชุยฮ่าวหรันจะเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็กล้ำกลืนฝืนทนอยู่ภายใต้การเยาะเย้ยอย่างไม่ไว้หน้าของทุกคนและการจ้องมองของพี่ใหญ่ชุยฮ่าวเหว่ย แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจมากอยู่ดี

“ที่แท้ทุกคนก็อยากรู้มากนี่เอง” ทั่วป๋าฉินหลิ่งขึ้นเสียงสูงหัวเราะร่า ทำให้ทุกคนสงบลง หลังจากมองไปที่เขาแล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่าคุณหนูเยี่ยนผู้นั้นงามหยาดเยิ้ม ทัดเทียมกับน้องชิงหวั่นของตระกลูมู่หรง แม้น้องเจวี๋ยจะหมกมุ่นอยู่กับธรรมเนียม จึงไม่ได้พบหน้ากับคุณหนูเยี่ยน แต่น้องสาวทั้งสองคนและสาวใช้ที่อยู่รอบตัวต่างเคยเจอกันแล้ว อย่างนั้นจะอธิบายไม่ได้อย่างคล่องแคล่ว สู้ให้ยอดจิตรกรหลี่ลั่วเผยของเราจรดปลายพู่กันวาดภาพสะใภ้ใหญ่ที่กำลังจะแต่งเข้าเรือนตระกูลซั่งกวนเป็นรูปหญิงงามมิได้หรือ?”

ความคิดบ้าบออะไร? ทุกคนในฝูงชนที่รู้จักกับซั่งกวนเจวี๋ยเป็นอย่างดีต่างลอบก่นด่าในใจ สิ่งนี้ชัดเจนว่าจะทำให้คุณหนูเยี่ยนอู่เสื่อมเสียชื่อเสียงมิใช่หรือ? คุณหนูที่ยังไม่ได้ออกเรือนคนหนึ่ง จะกลายเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลซั่งกวน วาดภาพให้นางเช่นนี้หมายความว่ากระไร?

“ข้าไม่คิดอย่างนั้น! นี่ไม่ใช่การประกวดหญิงงาม ไฉนถึงต้องวาดภาพคน?” ซั่งกวนอิงอายุน้อยที่สุด แต่มีความคิดความอ่านไม่น้อย เขาตะโกนดังๆ จากนั้นก็พึมพำด้วยเสียงที่คนข้างๆ เขาจะได้ยินเท่านั้น “ไม่ใช่ว่าแต่งงานไม่ได้ แล้วต้องเอารูปภาพไปหาถึงบ้านสามี”

แม้ซั่งกวนอิงจะกระซิบ แต่ทุกคนในที่นี้ฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่ยังเด็กมิใช่หรือ และเป็นบุตรแห่งความภาคภูมิใจจากสรรค์ที่ได้รับการปลูกฝังจากครอบครัว นอกจากนี้ทั่วป๋าฉินหลิ่งจงใจขึ้นเสียงมาก่อนหน้านี้ เพื่อไม่ให้ทุกคนกระซิบกระซาบคุยกัน และบวกกับคำพูดของเขาก็ทำให้บรรยากาศเย็นลงในทันใด เสียงพูดพึมพำแบบเด็กๆ ของซั่งกวนอิงทำให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน!

เงียบกริบ! เงียบงัน! ยังคงเงียบสนิท! ใครจะไม่รู้ว่าภรรยาเอกของทั่วป๋าฉินหลิ่งจะมีชาติกำเนิดสูงส่ง เป็นบุตรีสายตรงของตระกูลหวัง หรือเป็นลูกสาวคนโตจากภรรยาเอก น่าเสียดายที่แม่ของนางเสียชีวิตจากการคลอดยาก แม้พ่อของนางจะแต่งงานกับป้าของนาง แต่เสียตรงที่ทั้งสองคนไม่ถูกกัน การแต่งงานของนางไม่เคยได้รับการเหลียวแล คุณหนูจากตระกูลหวังผู้นั้น เป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลทั่วป๋าที่ฉลาดเก่งกาจมากเช่นกัน แม้นางจะแทบไม่มีโอกาสได้ปรากฏตัวเพราะแม่เลี้ยงทารุณโหดร้าย แต่นางก็ใช้ความคิด การวางแผนอย่างรอบคอบ อาศัยรูปเหมือนของตนกับบทกวีที่มีชื่อเสียงโด่งดังขับขานให้ดูน่าสงสารเป็นสะพานเชื่อม จนทั่วป๋าฉินหลิ่งถูกใจ เชิญมาเป็นภรรยาเอก

“เป็นเด็กเป็นเล็กมาผสมโรงเฮฮาอะไรอยู่ที่นี่ ยังไม่กลับไปอีก” ซั่งกวนเจวี๋ยจิตใจมืดมน แต่ใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึม ในขณะนี้ก็ขับไล่ซั่งกวนอิงออกไป รอจนเขาออกไปก็พูดกลั้วหัวเราะเหอะๆ ว่า “เราดื่มต่อกันเถอะ!”

แม้ทั่วป๋าฉินหลิ่งจะแค้นเคืองอยู่ในใจ แต่ก็ทำได้เพียงแย้มยิ้ม เขาจะพูดอะไรได้ จะจู้จี้กับ ‘เด็กเล็ก’ คนหนึ่งได้หรือ? อีกอย่าง ข้อเสนอแนะของเขานั้นเลยเถิดเกินไปอยู่บ้าง

“เจวี๋ย ได้ยินมาว่าจอมยุทธ์หญิงทั้งสามนั้นยังอยู่ในลี่โจว เจ้าไม่อยากรับพวกนางมาเป็นภรรยาจริงๆ ใช่หรือไม่?” ฉีอวี่ฮ่าวเปลี่ยนประเด็นทันที “เจ้าไม่กลัวว่าจะแตกคอกับภรรยาใหม่ของเจ้าหรือ?”

“ข้ายังไม่คิดเรื่องนั้นชั่วคราว” ซั่งกวนเจวี๋ยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยังไม่รู้ว่าภรรยาที่ไม่ได้ผ่านประตูวิวาห์ของข้าจะหักหน้าข้าหรือไม่ แต่ถ้าข้ากล้าแต่งเจ้าสาวเข้าบ้านก็จะรับอนุเลย ข้าเดาว่าแม่ของข้าที่เข้าข้างลูกสะใภ้จะเป็นคนแรกที่กระโดดออกมา และน้องสาวสองคนที่ถือหางพี่สะใภ้อยู่แล้วจะต้องเต้นแร้งเต้นกาแน่ๆ”

“เจ้าก็คงไม่รู้เรื่องนี้สินะ เขาว่าว่าที่น้องสะใภ้เป็นคนใจกว้างที่หายาก” มู่หรงปั๋วเย่หัวเราะครืนพลางว่า “พวกเจ้าน่าจะรู้จักคุณหนูอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่ชื่นชมน้องเจวี๋ยมาตลอด แต่น้องเจวี๋ยไม่สงสารเลยกระมัง? ความฝันของนางได้เป็นจริงแล้วคราวนี้”

“ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” ชุยฮ่าวหรันโน้มตัวเข้าไปใกล้แล้วกล่าวว่า “มิน่าล่ะที่ข้าไม่เห็นผู้หญิงที่มีรอยยิ้มแปลกๆ คนนั้นในที่ของหลิงหลง ที่แท้สมความปรารถนาไปแล้วหรือ? แต่…คุณหนูตระกูลเยี่ยนรู้เรื่องนี้หรือไม่?”

“ยิ่งกว่ารู้ด้วยซ้ำ” มู่หรงปั๋วเย่แสร้งทำเป็นมีลับลมคมในแล้วถามว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณหนูเยี่ยนอู่ได้เอ่ยเสนอเรื่องนี้เอง สงเคราะห์ให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนตามต้องการ แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมคุณหนูเยี่ยนอู่ถึงสงเคราะห์ให้อู๋เลี่ยนเยี่ยน จัดการเรื่องพรรค์นั้นให้น้องเจวี๋ย?”

หา! ไม่นึกเลยว่าจะเป็นความคิดของคุณหนูเยี่ยน? ทว่าดูเหมือนจะมีเหตุการณ์ภายในบางอย่าง และเป็นเหตุการณ์ภายในที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นทุกคนที่อาศัยอยู่ในตระกูลซั่งกวนเป็นเวลาเจ็ดแปดวัน และพักในช่วงสั้นๆ สองสามวันกลับไม่ทราบเรื่องนี้ น่าจะถูกคำสั่งปิดปากสินะ!

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนติดสินบนคุณหนูเยี่ยนอู่?” ทั่วป๋าฉินเฟิงพูดเยาะเย้ยด้วยความดูเบาว่า “ครอบครัว เยี่ยนไม่ใช่ตระกูลพ่อค้าหรอกหรือ? น่าจะเห็นเงินทองสำคัญมากกว่า ได้ยินมาว่านายท่านตระกูลเยี่ยนมาอยู่ที่ลี่โจวในช่วงนี้ได้ชักชวนทำกิจการไม่น้อย ร้ายกาจยิ่งนัก! คุณหนูเยี่ยนอู่อาจจะเหมือนพ่อลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นสินะ!

หลายคนในตระกูลหวังสบสายตากัน รู้ว่าพี่น้องสองคนของตระกูลทั่วป๋าจงใจจะใส่ร้ายป้ายสีคุณหนูเยี่ยนอู่ พวกเขาต้องการให้คุณหนูเยี่ยนอู่ถูกลดระดับจนดูไร้ค่าก่อนจะออกเรือนอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อกรุยทางให้น้องสาวของตนแต่งเข้ามา เพราะต่างรู้ว่าทั่วป๋าฉินซินมีใจต่อซั่งกวนเจวี๋ยอย่างชัดเจนเสียยิ่งกว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยน แตกต่างกันเพียงแค่ชาติกำเนิดที่ดีกว่า ทุกคนจึงทำได้เพียงบ่นงึมงำในใจ ไม่ได้พูดตรงๆ ว่าจะเอานางมาประเคนให้ตระกูลซั่งกวนก็เท่านั้นเอง!

“โอ้โห เจ้าร้ายกาจเสียจริง ร้ายกาจกว่าคุณหนูตระกูลเยี่ยนเสียอีก!” มู่หรงปั๋วเย่อุทานด้วยสีหน้าประหลาดใจ เขาค่อนข้างรำคาญที่ทั่วป๋าฉินหลิ่งจงใจพูดถึงชิงหวั่น จึงพูดอย่างไม่เกรงใจในตอนนี้ว่า “ถ้าเจ้ามาเร็วกว่านี้หน่อย คุณหนูตระกูลเยี่ยนต้องมีรายได้พิเศษแน่ ถ้านางรู้การคาดเดาของเจ้า จะต้องเสียใจที่ไม่รู้จักเจ้าให้เร็วกว่านี้แน่นอน”

“พี่ใหญ่มู่หรงหมายความว่าอย่างไร?” ทั่วป๋าฉินเฟิงไม่ใช่ทั่วป๋าฉินหลิ่ง ไม่ได้เป็นคนน้ำนิ่งไหลลึกขนาดนั้น และไม่ได้รับการฝึกอบรมที่ดีด้วย เมื่อได้ยินคำพูดของมู่หรงปั๋วเย่เข้าทิ่มแทง ก็โกรธทันที

“ข้าไม่ได้ชมเชยเจ้าหรือ” สีหน้าของมู่หรงปั๋วเย่ยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงยิ้มแย้มอยู่เช่นนั้นแล้วกล่าวว่า “ถ้าฉินเฟิง จัดการกิจการของตระกูลทั่วป๋าก็เหมาะสมเลย มีมันสมองเช่นนี้ จะทำอย่างไรให้กิจการของตระกูลทั่วป๋าเติบโตขึ้นหลายเท่าก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป”

ทุกคนยิ้มเยาะ!

“เอาล่ะ พี่ใหญ่มู่หรง ทำไมคุณหนูเยี่ยนถึงทำให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนสมความปรารถนาเล่า?” ชุยฮ่าวหรันพูดอย่างอดใจไม่ไหวว่า “เจ้าเลิกอุบได้แล้ว ไม่ต้องมาแกล้งเด็กเลย”

ดวงตาของทั่วป๋าฉินเฟิงลุกเป็นไฟ หมายความว่าอย่างไรที่แกล้งเด็ก? เขาหมายถึงตัวเองหรือ? ในขณะที่อยากจะกระโดดขึ้น ทันใดนั้นก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว มองไปตามทิศทางของความหนาวเย็น ก็เห็นความโหดร้ายในสายตาของพี่ชายคนโต จึงหยุดทันที…

ความลับลมคมในระหว่างสองพี่น้องนั้นชัดเจนอยู่ในใจของทุกคน แต่ไม่มีใครพูดออกมา ทั่วป๋าฉินเฟิงเป็นแค่ลูกนอกสมรส ถ้าไม่ได้ทั่วป๋าฉินหลิ่งชื่นชมก็คงไม่อาจเข้าร่วมวงกับทุกคนได้

“ก็ได้” มู่หรงปั๋วเย่ไม่ได้ยั่วน้ำลายอีกต่อไป แต่กล่าวอย่างอดหัวเราะไม่ได้ว่า “คุณหนูเยี่ยนให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนเขียนสัญญาขายตัวแล้วเก็บไว้ จากนั้นให้เป็นสาวใช้ทดลองอยู่ก่อนแต่ง ส่งไปที่เรือนไร้เดี่ยวของน้องเจวี๋ย!”

เสียงหัวเราะดังลั่น…รวมทั้งพี่น้องสองคนของตระกูลทั่วป๋าที่มีเจตนาอื่นด้วย ทุกคนต่างหัวเราะออกมาอย่างครื้นเครง คนเหล่านี้ล้วนเก่งกาจที่สุดในบรรดาลูกหลานตระกูลชนชั้นสูง เป็นลูกคนโตของภรรยาเอกที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นลูกจากอนุภรรยาที่โดดเด่น ทุกคนต่างเป็นผู้ยอดเยี่ยมทั้งนั้น พอได้ยินคำว่า ‘สาวใช้ก่อนแต่ง’ สี่คำนี้ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทันที แล้วหัวเราะให้กับการเตรียมการของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ แม้แต่ซั่งกวนเจวี๋ยที่ถูกสงสัยว่าเป็นโรค ‘มักมากในกาม’ ก็ยังหัวเราะออกมาพลางคิดว่าที่แท้การไม่มีคนรู้ใจคอยดูแลอยู่ในห้องก็มีความผิดด้วย…

“นี่! ข้าว่าคุณหนูเยี่ยนยังไม่รู้ใช่หรือไม่ว่าเจ้าเที่ยวหญิงคณิกาตั้งแต่อายุสิบหกแล้ว และยังต่อกรกับข้าเพื่อแย่งชิงหญิงงามอีกด้วย” หวงฝู่หลินยวนมองไปที่ใบหน้าของซั่งกวนเจวี๋ยที่ดูไม่เป็นธรรมชาติด้วยรอยยิ้มยั่วล้อ

ซั่งกวนเจวี๋ยจะพูดอะไรได้ ทำได้เพียงแค่ดื่มสุราคำโตด้วยท่าทางหดหู่ เขาต้องคิดบัญชีแค้นกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ให้ได้…

—————————————

[1] แต่งกับไก่ไปตามไก่ แต่งกับสุนับไปตามสุนัข อุปมา แต่งงานกับชายประเภทใดก็ต้องยินยอมกับเขาไปทุกอย่าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+