เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 275 เฉินเยียนอวี่เป็นฝ่ายยอมรับผิด

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 275 เฉินเยียนอวี่เป็นฝ่ายยอมรับผิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“คุณหนูเฉิน ข้าอยากรู้ว่าคุณหนูทราบเรื่องหน้ากากและคุณหนูสุรา โม่จิ้งผู้นี้จากที่ใดมา?” มู่หรงปั๋วเย่มองเฉินอวี้ที่ถูกบีบให้ถอดหน้ากากผีเสื้อ ทั้งตัวสั่นงกงันอย่างโมโห ซั่งกวนเจวี๋ยเล่าความเป็นมาที่ตัวเองพบเจอกับ ‘คุณหนูสุรา’ ผู้นี้อย่างเรียบง่ายครั้งหนึ่ง แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดว่าตัวเองสังเกตเห็นความผิดปกติได้ตั้งแต่ทีแรก แต่กล่าวว่าตัวเองพบว่านิสัยของคุณหนูสุราเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากจึงเกิดความสงสัย ภายหลังเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเฉินอวี้ สิ้นเปลืองกำลังคนไปไม่น้อยจึงค่อยตรวจสอบถึงชื่อจริงและถิ่นฐานบ้านเกิดของนาง สิ่งที่ทำให้เขาไม่เข้าใจคือคุณหนูเฉินอวี้ผู้นี้ไม่เพียงแต่มีสกุลเดียวกับเฉินเยียนอวี่ หนำซ้ำยังมีบ้านเกิดที่เดียวกันด้วย

มู่หรงปั๋วเย่ไม่ใช่คนโง่ ย่อมรู้ว่าคำพูดของซั่งกวนเจวี๋ยมีความนัย ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ซั่งกวนเจวี๋ยยังไม่ได้พูดก็คือ เฉินอวี้ผู้นี้รู้จักกับเฉินเยียนอวี่อนุภรรยาคนโปรดของเขา อีกทั้งสงสัยว่าเฉินอวี้ก็คือคนที่เฉินเยียนอวี่สร้างออกมาเพื่อล่อลวงมู่หรงปั๋วอวี่

“ข้า…” ยามที่เฉินอวี่รอพวกมู่หรงปั๋วเย่เข้ามาก็คิดอย่างกระจ่างแล้ว รู้ว่าตัวเองจำเป็นต้องผลักเรื่องทั้งหมดไปที่เฉินเยียนอวี่เท่านั้น มิฉะนั้นก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเผชิญกับจุดจบแบบใด

“เรื่องนี้ล้วนเป็นความผิดของข้า!” เฉินเยียนอวี่คุกเข่าลงไปเสียงดัง ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาทั้งเศร้าเสียใจ “นางเป็นน้องสาวตระกูลสนิทที่คบกันมาหลายชั่วอายุคนของข้า อายุน้อยกว่าข้าสี่ปี ตั้งแต่เล็กข้าก็ปฏิบัติกับนางราวกับเป็นน้องสาวในไส้คนหนึ่ง…ปีที่แล้ว พ่อของข้าและพ่อของน้องอวี้เอ๋อร์เดินทางเข้ามาโยวโจวด้วยกัน เวลานั้นข้าขอให้ท่านพ่อพาพวกเขามาพบหน้ากันในจวน…น้องอวี้เอ๋อร์ได้ยินเรื่องราวที่แพร่สะพัดของคุณชายรองในยุทธภพ จึงถามอย่างแปลกใจว่าข้าเคยพบหน้าคุณหนูสุราที่ร่ำลือว่าเทียบได้กับหญิงงามอันดับหนึ่งของยุทธภพผู้นั้นหรือไม่ ข้าจึงเล่าเรื่องที่เคยพบเจอกับคุณหนูสุราให้น้องอวี้เอ๋อร์ฟัง ทั้งยังทำตามคำขอของน้องอวี้เอ๋อร์ วาดภาพหน้ากากผีเสื้อที่ทำให้คนยากจะลืมอันนั้นของคุณหนูสุราให้น้องอวี้เอ๋อร์…ข้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าน้องจะ…น้องอวี้เอ๋อร์ยังเด็กไม่รู้ความ จึงทำเรื่องผิดเช่นนี้ออกมา สร้างความกังวลและปัญหาให้กับทุกคน แม้ว่าข้าจะฐานะต่ำต้อย แต่ก็เต็มใจจะแบกรับความผิดที่น้องก่อขึ้นทั้งหมด โปรดอย่ากล่าวโทษนางเลย ผลการกระทำทั้งหมดให้ข้าเป็นคนรับผิดชอบแทนเถิด!”

ช่างเป็นพี่น้องที่ความสัมพันธ์ลึกซึ้งเสียจริง! ใบหน้าของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ประคองรอยยิ้มที่เกรงใจและเยือกเย็นเอาไว้ เฉินเยียนอวี่ช่างฉลาดจริงๆ สิ่งที่เห็นคือลากความผิดทั้งหมดมาให้ตัวเอง แต่สิ่งที่นางกล่าวพวกนั้นกลับไม่พบเป็นเรื่องผิดอะไร เพียงแต่พูดบางอย่างที่ไม่สำคัญด้วยความไม่ตั้งใจว่าถูกคนหลอกใช้เท่านั้น สำหรับนางแล้ว ก็เป็นเพียงผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่ง เพียงผู้เคราะห์ร้ายคนนี้ไม่ได้ผลักความความรับผิดชอบ แต่ยังยืดกายขึ้น ยินดีที่จะแบกความผิดเอาไว้

เห็นสีหน้าของมู่หรงปั๋วเย่ค่อยๆ ถอดสี ซั่งกวนเจวี๋ยก็เผยยิ้มเย็น “พี่ใหญ่มู่หรงช่างวาสนาดีจริงๆ มีอนุภรรยาที่จิตใจดีถึงขนาดนี้! ข้าว่าเรื่องราวทั้งหมดได้กระจ่างชัดแล้ว เป็นเพราะหญิงสาวผู้นี้…” เขาชี้ไปยังเฉินอวี้ที่เผยใบหน้าซีดขาว มองเฉินเยียนอวี่อย่างเหลือเชื่ออยู่บ้าง ในแววตายังแฝงความซาบซึ้งอยู่เล็กน้อย “หลังจากได้ฟังคำพูดของอนุภรรยาเฉินก็เกิดความคิดแปลกประหลาด คิดว่าสวมหน้ากากแล้วก็กลายเป็นคุณหนูสุราได้ สามารถปิดหูปิดตาทุกคน และแต่งเข้าตระกูลได้ หญิงสาวผู้นี้เป็นคนที่มีความคิดความสามารถเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงว่าอาศัยเพียงคำพูดของอนุภรรยาเฉิน ก็คาดเดานิสัย คำพูดและการกระทำของคุณหนูสุราออก ทั้งยังเลียนแบบน้ำเสียงและท่าทีของคุณหนูสุราได้เหมือนถึงเพียงนี้…หากไม่ใช่ว่าปกปิดนิสัยเดิมที่ละโมบโทสันและโง่เขลาเบาปัญญาไม่มิด พวกเราก็คงจะจับสังเกตอะไรไม่ได้จริงๆ แล้ว!”

มู่หรงปั๋วเย่ฟังออกถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของซั่งกวนเจวี๋ย ทั้งฟังออกถึงคำพูดที่วกไปวนมาอยู่ภายใน หากไม่ได้เตรียมการอย่างตั้งใจ ไม่มีคนที่รู้จักคุณหนูสุราคอยชี้แนะอย่างละเอียด เฉินอวี้ผู้นี้จะสามารถสวมรอยเป็นคนผู้หนึ่งที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนได้เหมือนขนาดนี้ได้อย่างไร และคนที่คอยชี้แนะนาง คงจะมีเพียงเฉินเยียนอวี่เท่านั้น

“คาดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีที่ต่ำช้าเช่นนี้หลอกลวงคุณชายตระกูลใหญ่…” แต่ไหนแต่ไรมู่หรงฉวีกุยก็ไม่ชอบอนุภรรยาผู้นี้ ของลูกชาย หญิงสาวคนนี้มักจะแสดงตัวเป็นผู้อ่อนแอ เข้าอกเข้าใจผู้อื่น ใจดีมีเมตตา แต่เรื่องที่ทำออกมากลับไม่อาจนำมาเชิดหน้าชูตาได้ นางไม่มีความองอาจกล้าแกร่งเหมือนหญิงสาวยุทธภพ ทั้งไม่มีสง่างามของคุณหนูตระกูลใหญ่ จะยามใดก็แสดงท่าทีราวกับเป็นคนที่ถูกรังแก ไม่ว่าจะมองอย่างไรล้วนขัดหูขัดตา เขารู้ว่าลูกชายมีความรู้สึกผิดต่อนาง ทั้งมีความรู้สึกกับนางเหนือกว่าลูกสะใภ้ที่รู้จักความเหมาะสมและใจกว้างสูงส่งผู้นั้น ครั้งนี้ก็เป็นโอกาสหนึ่ง โอกาสที่จะทำให้ตำแหน่งของนางในใจลูกชายได้เปลี่ยนไป ดังนั้นเขาฟังคำพูดของซั่งกวนเจวี๋ยก็กล่าวอย่างธรรมชาติ “การกระทำเช่นนี้ไม่อาจส่งเสริมได้ ข้าว่าสำเร็จโทษตายให้นางเลยดีกว่า จากนั้นซักไซ้ไล่เลียงเอาความรับผิดชอบของพ่อแม่นางก็เพียงพอแล้ว มีลูกสาวที่ต่ำช้าเช่นนี้ พ่อแม่ก็คงไม่ใช่ผู้คนที่ดีอันใดเช่นกัน!”

ตัดสินโทษตายให้ตัวเองง่ายๆ ถึงเพียงนี้? เฉินอวี้ไม่กล้าที่จะเชื่ออยู่บ้าง แต่เห็นสีหน้าดำทะมึนราวกับปีศาจของมู่หรงฉวีกุย นางก็รู้แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก ทั้งนึกถึงเรื่องราวที่เคยได้ยินมาอยู่รางๆ ตระกูลใหญ่นั้นมีหน้ามีตา มีความสูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ ความเกรงขามและอำนาจบารมีของตระกูลใหญ่นั้นกลับสร้างมาด้วยเลือดเนื้อ ใช้เลือดเนื้อของบรรพบุรุษของพวกเขาและเลือดเนื้อของคนที่เป็นศัตรูทั้งล่วงเกินพวกเขาก่อร่างหลอมรวมขึ้นมา นางเริ่มพบว่าความคิดตอนแรกของตัวเองช่างไร้เดียงสาจริงๆ ไม่ว่านางไปทำผิดต่อคุณชายตระกูลใด ขอเพียงแค่พวกเขาทราบถึงฐานะของตัวเองก็สามารถตัดสินความเป็นความตายของนางอย่างง่ายดาย นางปิดบังช่วงเวลาหนึ่งได้ แต่ไม่อาจปกปิดได้ทั้งชั่วชีวิต

“ยืนอึ้งอะไรอยู่? ยังไม่ลากคนโง่เขลาที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงผู้นี้ออกไปอีก!” ฮูหยินมู่หรงกระจ่างใจดีว่ามู่หรงฉวีกุยคิดจะทำอะไร นางนั้นชมชอบเฉินเยียนอวี่อยู่เล็กน้อย แต่ความชอบเล็กน้อยนั้นไม่สามารถทำให้นางก้าวออกมาปกป้องเฉินเยียนอวี่ได้ ยิ่งไม่อาจทำให้นางขัดแข้งขัดขากับสามีได้เช่นกัน

“อย่านะ! เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นการจัดการของพี่เยียนอวี่ ข้าเพียงแต่ทำตามเท่านั้น!” ยามที่หญิงแก่สองคนเข้ามาใกล้ เฉินอวี้ก็หวีดร้องขึ้นมา การปกป้องเล็กๆ น้อยๆ ก่อนหน้านี้ของเฉินเยียนอวี่ไม่อาจทำให้นางยอมรับโทษด้วยความเต็มใจได้ แม้จะกล่าวว่าการลากเฉินเยียนอวี่ลงมาในน้ำไม่แน่ว่าจะช่วยตัวเองได้ แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้ผู้ที่เป็นตัวต้นคิดเป็นอิสระไปได้เช่นนี้

เฉินเยียนอวี่ใบหน้าซีดเผือดเล็กน้อย แต่นางได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้ จึงโขกศีรษะอย่างสุดชีวิตไม่คิดจะแก้ต่างให้ตัวเองแม้แต่น้อย “เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า ไม่เกี่ยวข้องกับน้องอวี้เอ๋อร์ ได้โปรดลงโทษข้าเถิด!”

มู่หรงปั๋วเย่ทนเห็นใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ทั้งหน้าผากที่เริ่มแดงช้ำขึ้นมาของเฉินเยียนอวี่ไม่ได้อยู่บ้าง กล่าวเสียงดังกับสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่ข้างกายเฉินเยียนอวี่ “สาวใช้ที่ไม่มีตาพวกนี้ ยังไม่พยุงอนุภรรยาเฉินขึ้นมาอีก หากนางได้รับบาดเจ็บตรงไหน ดูสิว่าข้าจะจัดการกับพวกเจ้าอย่างไร!”

สาวใช้ผู้นั้นพยุงเฉินเยียนอวี่ที่ดิ้นรน ทั้งไม่ยอมลุกขึ้นมา เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มเล็กน้อย “อนุภรรยาเฉินไม่มีความจำเป็นต้องแบกรับความผิดแทนคุณหนูผู้นี้ คนใดเป็นคนก่อคนนั้นก็ควรต้องรับ ไม่ใช่หรือ?”

“สะใภ้ใหญ่ซั่งกวน!” เฉินเยียนอวี่คารวะแก่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ทั้งที่ร้องไห้ กล่าวอย่างเสียใจ “สำหรับข้าแล้ว น้องอวี้ก็เป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆ หากนางเป็นอะไร ข้า…”

“น้องสาวแท้ๆ ของอนุภรรยาเฉินนั้นมีมากมาย มากขึ้นหนึ่งคน น้อยลงหนึ่งคนจะเป็นไรไป?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยใบหน้าเรียบนิ่งอย่างไม่เข้าใจ ผินหน้ากล่าวเล็กน้อย “จำได้ว่าปีนั้นคุณหนูอวี้ อวี้เมิ่งเหยาเอาแต่พูดพร่ำให้ข้ายอมรับความรักที่นางมีต่อสามี ทั้งยินดีที่จะใช้สามีร่วมกันกับข้าก็ถูกคุณหนูเฉินเห็นเป็นน้องสาวแท้ๆ เช่นกัน ลั่วหลิงที่ตามตอแยชุยฮ่าวหรัน ทำให้หลิงหลงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟก็เป็นน้องสาวของอนุภรรยาเฉิน ได้ยินว่าคุณหนูหยางที่ไล่ตามคุณชายใหญ่ตระกูลอิ๋งอย่างไม่ลดละผู้นั้นก็เป็นน้องสาวผู้แสนดีคนหนึ่งที่อนุภรรยาเฉินมีโอกาสแนะนำให้คุณชายใหญ่ตระกูลอิ๋งรู้จักอย่างบังเอิญเช่นกัน…น้องสาวของอนุภรรยาเฉินมีมากถึงเพียงนี้ หายไปสักคนคงไม่นับว่าเสียหายอะไรหรอกกระมัง!”

เฉินเยียนอวี่ตกตะลึงไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะพูดอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นจึงไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไร ทำได้เพียงร้องไห้อย่างเสียใจทั้งปวดใจมากขึ้นเท่านั้น

“คุณหนูโม่ ดูความจำของข้านี่สิ ควรจะเป็นคุณหนูเฉินจึงจะถูก!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่สนใจเฉินเยียนอวี่ที่ร้องไห้ราวกับถูกใส่ร้ายจริงๆ แต่เบนสายตาไปกล่าวกับเฉินอวี้แทน “คุณหนูสวมรอยเป็นคุณหนูโม่กลับไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร สิ่งที่ทำให้คุณหนูตกอยู่ในความลำบากอย่างแท้จริงก็คือการกระทำของเจ้า อยู่ในตระกูลซั่งกวนที่ยิ่งใหญ่ เจ้าแสดงความไม่เคารพต่อท่านแม่หลายต่อหลายครั้ง วางท่าสูงส่งเหนือกว่าใคร เอาแต่มุ่งหวังที่จะแต่งเป็นเช่อชีของคุณชายใหญ่ตระกูลซั่งกวน…ข้าคิดว่าแม้อนุภรรยาเฉินจะใจกล้าเพียงไหนก็ไม่อาจทำเหิมเกริมอย่างคุณหนูได้หรอก!”

“นางไม่ได้ให้ข้าทำเช่นนี้!” เฉินอวี้รู้ว่าตัวเองได้ล่วงเกินเฉินเยียนอวี่แล้ว แต่นางในยามนี้ก็ทำได้เพียงเผยเรื่องทั้งหมดออกมาเท่านั้น ให้เฉินเยียนอวี่รับความผิดไปส่วนหนึ่ง ไม่คิดเผื่อตัวเองก็ต้องคิดเผื่อพ่อแม่และคนในครอบครัวให้มีทางถอยบ้าง นางกล่าวออกไปตรงๆ “เป้าหมายแรกของพี่เยียนอวี่ไม่ใช่ให้ข้าเกี่ยวดองกับซั่งกวนเจวี๋ยแต่อย่างใด แต่หวังให้ข้าสามารถพบเจอกับมู่หรงปั๋วอวี่ที่พลิกฟ้าตามหานางในดวงใจผู้นั้นอย่างบังเอิญได้ จากนั้นก็หาโอกาสแต่งเข้าตระกูลมู่หรง กลายเป็นผู้ช่วยของนาง แต่ฐานะของคุณหนูสุราที่ทำให้พวกเราคาดไม่ถึงนั้นกลับล่อหูล่อตาข้า นายท่านซั่งกวนปฏิบัติตัวดีกับข้า ทั้งซั่งกวนเจวี๋ยก็แสดงความลึกซึ้งต่อข้า…แทนที่จะแต่งเป็นอนุภรรยาให้ตระกูลมู่หรง ยังมิสู้พยายามอีกเสียหน่อย แต่งให้กับซั่งกวนเจวี๋ย อย่างน้อยที่สุด ข้าก็ไม่ต้องกลายเป็นหมากในมือของพี่เยียนอวี่ไปตลอดชีวิต!”

ทุกคนล้วนอดตะลึงออกมาไม่ได้ ที่แท้เป้าหมายแรกของนางก็เป็นเช่นนี้!

“นี่เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?” เดิมทีจากที่มู่หรงปั๋วเย่ไม่เชื่อก็เปลี่ยนเป็นสงสัยเล็กน้อย สำหรับมู่หรงปั๋วอวี่แล้ว หากเพื่อ ‘คุณหนูสุรา’ ย่อมสามารถทำเรื่องไร้เหตุผลที่คนทั่วไปไม่อาจทำออกมาได้ เขาขมวดคิ้วมองเฉินเยียนอวี่ที่สะอื้นไห้อย่างเศร้าใจ ก่อนจะมองหยางหานหยวนที่เผยท่าทีอย่างเช่นเคย กล่าวถาม “เรื่องพวกนี้เจ้ารู้หรือไม่?”

“เรื่องของอนุภรรยาเฉิน แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยก้าวก่าย!” หยางหานหยวนกล่าวด้วยสีหน้าปกติ “ก่อนหน้านี้สามีเคยพูดแล้ว ไม่อยากให้ข้าแทรกแซงและควบคุมอนุภรรยาเฉิน ข้าย่อมไม่กล้าที่จะทรยศต่อประสงค์ของสามี”

ก็หมายความว่าเรื่องพวกนี้นางรู้อยู่แก่ใจ แต่กลับไม่พูดออกมา? นี่นับว่าฝีมือไม่ธรรมดา! เยี่ยนมี่เอ๋อร์ลอบมองหยางหานหยวน และแววตาที่ขื่นขมของนางก็ทำให้มี่เอ๋อร์ถอนหายใจเล็กน้อย นี่ก็เพราะถูกไล่ต้อนออกมา!

“เยียนอวี่ เจ้าพูดเองเถิด!” มู่หรงปั๋วเย่รู้ว่าตัวเองผิด ไม่ให้หยางหานหยวนควบคุมดูแลเยียนอวี่ก็เพราะกังวลว่านางจะฉวยโอกาสสร้างความลำบากให้เยียนอวี่ คาดไม่ถึงว่านี่กลับทำให้นางใจกล้า คาดไม่ถึงว่าจะวางแผนกับปั๋วอวี่ได้

“ข้าเปล่า…” เฉินเยียนอวี่แก้ต่างให้ตัวเองด้วยใบหน้าซีดเซียวไร้กำลัง คำพูดที่เหนือความคาดหมายของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ทั้งเฉินอวี้ที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายล้วนทำให้นางยากจะรับมือ นางมองเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างขื่นขม “ข้ายินดีที่จะรับโทษทัณฑ์ทั้งหมด แต่ขอสะใภ้ใหญ่ซั่งกวนเมตตาน้องอวี้เอ๋อร์ด้วย อย่าให้น้องอวี้เอ๋อร์พูดคำที่ทำร้ายใจข้าพวกนั้นเลย…”

คิดจะสาดน้ำโคลนมาใส่ตัวเองสินะ? เยี่ยนมี่เอ๋อร์หลุบตาเล็กน้อย น้ำตาเม็ดหนึ่งเกาะอยู่บนขนตา นางเผยใบหน้าเรียบนิ่งอยู่บ้าง แย้มยิ้มเล็กน้อย กะพริบตาแรงๆ สองครั้งเก็บน้ำตาที่คลอเบ้า กล่าวอย่างยิ้มๆ “ที่แท้พูดมาค่อนวัน ทั้งหมดกลับเป็นเพราะข้าเสียแล้ว!”

———————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์ 275 เฉินเยียนอวี่เป็นฝ่ายยอมรับผิด

Now you are reading เจ้าสาวร้อยเล่ห์ Chapter 275 เฉินเยียนอวี่เป็นฝ่ายยอมรับผิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“คุณหนูเฉิน ข้าอยากรู้ว่าคุณหนูทราบเรื่องหน้ากากและคุณหนูสุรา โม่จิ้งผู้นี้จากที่ใดมา?” มู่หรงปั๋วเย่มองเฉินอวี้ที่ถูกบีบให้ถอดหน้ากากผีเสื้อ ทั้งตัวสั่นงกงันอย่างโมโห ซั่งกวนเจวี๋ยเล่าความเป็นมาที่ตัวเองพบเจอกับ ‘คุณหนูสุรา’ ผู้นี้อย่างเรียบง่ายครั้งหนึ่ง แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดว่าตัวเองสังเกตเห็นความผิดปกติได้ตั้งแต่ทีแรก แต่กล่าวว่าตัวเองพบว่านิสัยของคุณหนูสุราเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากจึงเกิดความสงสัย ภายหลังเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเฉินอวี้ สิ้นเปลืองกำลังคนไปไม่น้อยจึงค่อยตรวจสอบถึงชื่อจริงและถิ่นฐานบ้านเกิดของนาง สิ่งที่ทำให้เขาไม่เข้าใจคือคุณหนูเฉินอวี้ผู้นี้ไม่เพียงแต่มีสกุลเดียวกับเฉินเยียนอวี่ หนำซ้ำยังมีบ้านเกิดที่เดียวกันด้วย

มู่หรงปั๋วเย่ไม่ใช่คนโง่ ย่อมรู้ว่าคำพูดของซั่งกวนเจวี๋ยมีความนัย ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ซั่งกวนเจวี๋ยยังไม่ได้พูดก็คือ เฉินอวี้ผู้นี้รู้จักกับเฉินเยียนอวี่อนุภรรยาคนโปรดของเขา อีกทั้งสงสัยว่าเฉินอวี้ก็คือคนที่เฉินเยียนอวี่สร้างออกมาเพื่อล่อลวงมู่หรงปั๋วอวี่

“ข้า…” ยามที่เฉินอวี่รอพวกมู่หรงปั๋วเย่เข้ามาก็คิดอย่างกระจ่างแล้ว รู้ว่าตัวเองจำเป็นต้องผลักเรื่องทั้งหมดไปที่เฉินเยียนอวี่เท่านั้น มิฉะนั้นก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเผชิญกับจุดจบแบบใด

“เรื่องนี้ล้วนเป็นความผิดของข้า!” เฉินเยียนอวี่คุกเข่าลงไปเสียงดัง ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาทั้งเศร้าเสียใจ “นางเป็นน้องสาวตระกูลสนิทที่คบกันมาหลายชั่วอายุคนของข้า อายุน้อยกว่าข้าสี่ปี ตั้งแต่เล็กข้าก็ปฏิบัติกับนางราวกับเป็นน้องสาวในไส้คนหนึ่ง…ปีที่แล้ว พ่อของข้าและพ่อของน้องอวี้เอ๋อร์เดินทางเข้ามาโยวโจวด้วยกัน เวลานั้นข้าขอให้ท่านพ่อพาพวกเขามาพบหน้ากันในจวน…น้องอวี้เอ๋อร์ได้ยินเรื่องราวที่แพร่สะพัดของคุณชายรองในยุทธภพ จึงถามอย่างแปลกใจว่าข้าเคยพบหน้าคุณหนูสุราที่ร่ำลือว่าเทียบได้กับหญิงงามอันดับหนึ่งของยุทธภพผู้นั้นหรือไม่ ข้าจึงเล่าเรื่องที่เคยพบเจอกับคุณหนูสุราให้น้องอวี้เอ๋อร์ฟัง ทั้งยังทำตามคำขอของน้องอวี้เอ๋อร์ วาดภาพหน้ากากผีเสื้อที่ทำให้คนยากจะลืมอันนั้นของคุณหนูสุราให้น้องอวี้เอ๋อร์…ข้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าน้องจะ…น้องอวี้เอ๋อร์ยังเด็กไม่รู้ความ จึงทำเรื่องผิดเช่นนี้ออกมา สร้างความกังวลและปัญหาให้กับทุกคน แม้ว่าข้าจะฐานะต่ำต้อย แต่ก็เต็มใจจะแบกรับความผิดที่น้องก่อขึ้นทั้งหมด โปรดอย่ากล่าวโทษนางเลย ผลการกระทำทั้งหมดให้ข้าเป็นคนรับผิดชอบแทนเถิด!”

ช่างเป็นพี่น้องที่ความสัมพันธ์ลึกซึ้งเสียจริง! ใบหน้าของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ประคองรอยยิ้มที่เกรงใจและเยือกเย็นเอาไว้ เฉินเยียนอวี่ช่างฉลาดจริงๆ สิ่งที่เห็นคือลากความผิดทั้งหมดมาให้ตัวเอง แต่สิ่งที่นางกล่าวพวกนั้นกลับไม่พบเป็นเรื่องผิดอะไร เพียงแต่พูดบางอย่างที่ไม่สำคัญด้วยความไม่ตั้งใจว่าถูกคนหลอกใช้เท่านั้น สำหรับนางแล้ว ก็เป็นเพียงผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่ง เพียงผู้เคราะห์ร้ายคนนี้ไม่ได้ผลักความความรับผิดชอบ แต่ยังยืดกายขึ้น ยินดีที่จะแบกความผิดเอาไว้

เห็นสีหน้าของมู่หรงปั๋วเย่ค่อยๆ ถอดสี ซั่งกวนเจวี๋ยก็เผยยิ้มเย็น “พี่ใหญ่มู่หรงช่างวาสนาดีจริงๆ มีอนุภรรยาที่จิตใจดีถึงขนาดนี้! ข้าว่าเรื่องราวทั้งหมดได้กระจ่างชัดแล้ว เป็นเพราะหญิงสาวผู้นี้…” เขาชี้ไปยังเฉินอวี้ที่เผยใบหน้าซีดขาว มองเฉินเยียนอวี่อย่างเหลือเชื่ออยู่บ้าง ในแววตายังแฝงความซาบซึ้งอยู่เล็กน้อย “หลังจากได้ฟังคำพูดของอนุภรรยาเฉินก็เกิดความคิดแปลกประหลาด คิดว่าสวมหน้ากากแล้วก็กลายเป็นคุณหนูสุราได้ สามารถปิดหูปิดตาทุกคน และแต่งเข้าตระกูลได้ หญิงสาวผู้นี้เป็นคนที่มีความคิดความสามารถเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงว่าอาศัยเพียงคำพูดของอนุภรรยาเฉิน ก็คาดเดานิสัย คำพูดและการกระทำของคุณหนูสุราออก ทั้งยังเลียนแบบน้ำเสียงและท่าทีของคุณหนูสุราได้เหมือนถึงเพียงนี้…หากไม่ใช่ว่าปกปิดนิสัยเดิมที่ละโมบโทสันและโง่เขลาเบาปัญญาไม่มิด พวกเราก็คงจะจับสังเกตอะไรไม่ได้จริงๆ แล้ว!”

มู่หรงปั๋วเย่ฟังออกถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของซั่งกวนเจวี๋ย ทั้งฟังออกถึงคำพูดที่วกไปวนมาอยู่ภายใน หากไม่ได้เตรียมการอย่างตั้งใจ ไม่มีคนที่รู้จักคุณหนูสุราคอยชี้แนะอย่างละเอียด เฉินอวี้ผู้นี้จะสามารถสวมรอยเป็นคนผู้หนึ่งที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนได้เหมือนขนาดนี้ได้อย่างไร และคนที่คอยชี้แนะนาง คงจะมีเพียงเฉินเยียนอวี่เท่านั้น

“คาดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีที่ต่ำช้าเช่นนี้หลอกลวงคุณชายตระกูลใหญ่…” แต่ไหนแต่ไรมู่หรงฉวีกุยก็ไม่ชอบอนุภรรยาผู้นี้ ของลูกชาย หญิงสาวคนนี้มักจะแสดงตัวเป็นผู้อ่อนแอ เข้าอกเข้าใจผู้อื่น ใจดีมีเมตตา แต่เรื่องที่ทำออกมากลับไม่อาจนำมาเชิดหน้าชูตาได้ นางไม่มีความองอาจกล้าแกร่งเหมือนหญิงสาวยุทธภพ ทั้งไม่มีสง่างามของคุณหนูตระกูลใหญ่ จะยามใดก็แสดงท่าทีราวกับเป็นคนที่ถูกรังแก ไม่ว่าจะมองอย่างไรล้วนขัดหูขัดตา เขารู้ว่าลูกชายมีความรู้สึกผิดต่อนาง ทั้งมีความรู้สึกกับนางเหนือกว่าลูกสะใภ้ที่รู้จักความเหมาะสมและใจกว้างสูงส่งผู้นั้น ครั้งนี้ก็เป็นโอกาสหนึ่ง โอกาสที่จะทำให้ตำแหน่งของนางในใจลูกชายได้เปลี่ยนไป ดังนั้นเขาฟังคำพูดของซั่งกวนเจวี๋ยก็กล่าวอย่างธรรมชาติ “การกระทำเช่นนี้ไม่อาจส่งเสริมได้ ข้าว่าสำเร็จโทษตายให้นางเลยดีกว่า จากนั้นซักไซ้ไล่เลียงเอาความรับผิดชอบของพ่อแม่นางก็เพียงพอแล้ว มีลูกสาวที่ต่ำช้าเช่นนี้ พ่อแม่ก็คงไม่ใช่ผู้คนที่ดีอันใดเช่นกัน!”

ตัดสินโทษตายให้ตัวเองง่ายๆ ถึงเพียงนี้? เฉินอวี้ไม่กล้าที่จะเชื่ออยู่บ้าง แต่เห็นสีหน้าดำทะมึนราวกับปีศาจของมู่หรงฉวีกุย นางก็รู้แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก ทั้งนึกถึงเรื่องราวที่เคยได้ยินมาอยู่รางๆ ตระกูลใหญ่นั้นมีหน้ามีตา มีความสูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ ความเกรงขามและอำนาจบารมีของตระกูลใหญ่นั้นกลับสร้างมาด้วยเลือดเนื้อ ใช้เลือดเนื้อของบรรพบุรุษของพวกเขาและเลือดเนื้อของคนที่เป็นศัตรูทั้งล่วงเกินพวกเขาก่อร่างหลอมรวมขึ้นมา นางเริ่มพบว่าความคิดตอนแรกของตัวเองช่างไร้เดียงสาจริงๆ ไม่ว่านางไปทำผิดต่อคุณชายตระกูลใด ขอเพียงแค่พวกเขาทราบถึงฐานะของตัวเองก็สามารถตัดสินความเป็นความตายของนางอย่างง่ายดาย นางปิดบังช่วงเวลาหนึ่งได้ แต่ไม่อาจปกปิดได้ทั้งชั่วชีวิต

“ยืนอึ้งอะไรอยู่? ยังไม่ลากคนโง่เขลาที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงผู้นี้ออกไปอีก!” ฮูหยินมู่หรงกระจ่างใจดีว่ามู่หรงฉวีกุยคิดจะทำอะไร นางนั้นชมชอบเฉินเยียนอวี่อยู่เล็กน้อย แต่ความชอบเล็กน้อยนั้นไม่สามารถทำให้นางก้าวออกมาปกป้องเฉินเยียนอวี่ได้ ยิ่งไม่อาจทำให้นางขัดแข้งขัดขากับสามีได้เช่นกัน

“อย่านะ! เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นการจัดการของพี่เยียนอวี่ ข้าเพียงแต่ทำตามเท่านั้น!” ยามที่หญิงแก่สองคนเข้ามาใกล้ เฉินอวี้ก็หวีดร้องขึ้นมา การปกป้องเล็กๆ น้อยๆ ก่อนหน้านี้ของเฉินเยียนอวี่ไม่อาจทำให้นางยอมรับโทษด้วยความเต็มใจได้ แม้จะกล่าวว่าการลากเฉินเยียนอวี่ลงมาในน้ำไม่แน่ว่าจะช่วยตัวเองได้ แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้ผู้ที่เป็นตัวต้นคิดเป็นอิสระไปได้เช่นนี้

เฉินเยียนอวี่ใบหน้าซีดเผือดเล็กน้อย แต่นางได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้ จึงโขกศีรษะอย่างสุดชีวิตไม่คิดจะแก้ต่างให้ตัวเองแม้แต่น้อย “เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า ไม่เกี่ยวข้องกับน้องอวี้เอ๋อร์ ได้โปรดลงโทษข้าเถิด!”

มู่หรงปั๋วเย่ทนเห็นใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ทั้งหน้าผากที่เริ่มแดงช้ำขึ้นมาของเฉินเยียนอวี่ไม่ได้อยู่บ้าง กล่าวเสียงดังกับสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่ข้างกายเฉินเยียนอวี่ “สาวใช้ที่ไม่มีตาพวกนี้ ยังไม่พยุงอนุภรรยาเฉินขึ้นมาอีก หากนางได้รับบาดเจ็บตรงไหน ดูสิว่าข้าจะจัดการกับพวกเจ้าอย่างไร!”

สาวใช้ผู้นั้นพยุงเฉินเยียนอวี่ที่ดิ้นรน ทั้งไม่ยอมลุกขึ้นมา เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มเล็กน้อย “อนุภรรยาเฉินไม่มีความจำเป็นต้องแบกรับความผิดแทนคุณหนูผู้นี้ คนใดเป็นคนก่อคนนั้นก็ควรต้องรับ ไม่ใช่หรือ?”

“สะใภ้ใหญ่ซั่งกวน!” เฉินเยียนอวี่คารวะแก่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ทั้งที่ร้องไห้ กล่าวอย่างเสียใจ “สำหรับข้าแล้ว น้องอวี้ก็เป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆ หากนางเป็นอะไร ข้า…”

“น้องสาวแท้ๆ ของอนุภรรยาเฉินนั้นมีมากมาย มากขึ้นหนึ่งคน น้อยลงหนึ่งคนจะเป็นไรไป?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยใบหน้าเรียบนิ่งอย่างไม่เข้าใจ ผินหน้ากล่าวเล็กน้อย “จำได้ว่าปีนั้นคุณหนูอวี้ อวี้เมิ่งเหยาเอาแต่พูดพร่ำให้ข้ายอมรับความรักที่นางมีต่อสามี ทั้งยินดีที่จะใช้สามีร่วมกันกับข้าก็ถูกคุณหนูเฉินเห็นเป็นน้องสาวแท้ๆ เช่นกัน ลั่วหลิงที่ตามตอแยชุยฮ่าวหรัน ทำให้หลิงหลงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟก็เป็นน้องสาวของอนุภรรยาเฉิน ได้ยินว่าคุณหนูหยางที่ไล่ตามคุณชายใหญ่ตระกูลอิ๋งอย่างไม่ลดละผู้นั้นก็เป็นน้องสาวผู้แสนดีคนหนึ่งที่อนุภรรยาเฉินมีโอกาสแนะนำให้คุณชายใหญ่ตระกูลอิ๋งรู้จักอย่างบังเอิญเช่นกัน…น้องสาวของอนุภรรยาเฉินมีมากถึงเพียงนี้ หายไปสักคนคงไม่นับว่าเสียหายอะไรหรอกกระมัง!”

เฉินเยียนอวี่ตกตะลึงไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะพูดอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นจึงไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไร ทำได้เพียงร้องไห้อย่างเสียใจทั้งปวดใจมากขึ้นเท่านั้น

“คุณหนูโม่ ดูความจำของข้านี่สิ ควรจะเป็นคุณหนูเฉินจึงจะถูก!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่สนใจเฉินเยียนอวี่ที่ร้องไห้ราวกับถูกใส่ร้ายจริงๆ แต่เบนสายตาไปกล่าวกับเฉินอวี้แทน “คุณหนูสวมรอยเป็นคุณหนูโม่กลับไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร สิ่งที่ทำให้คุณหนูตกอยู่ในความลำบากอย่างแท้จริงก็คือการกระทำของเจ้า อยู่ในตระกูลซั่งกวนที่ยิ่งใหญ่ เจ้าแสดงความไม่เคารพต่อท่านแม่หลายต่อหลายครั้ง วางท่าสูงส่งเหนือกว่าใคร เอาแต่มุ่งหวังที่จะแต่งเป็นเช่อชีของคุณชายใหญ่ตระกูลซั่งกวน…ข้าคิดว่าแม้อนุภรรยาเฉินจะใจกล้าเพียงไหนก็ไม่อาจทำเหิมเกริมอย่างคุณหนูได้หรอก!”

“นางไม่ได้ให้ข้าทำเช่นนี้!” เฉินอวี้รู้ว่าตัวเองได้ล่วงเกินเฉินเยียนอวี่แล้ว แต่นางในยามนี้ก็ทำได้เพียงเผยเรื่องทั้งหมดออกมาเท่านั้น ให้เฉินเยียนอวี่รับความผิดไปส่วนหนึ่ง ไม่คิดเผื่อตัวเองก็ต้องคิดเผื่อพ่อแม่และคนในครอบครัวให้มีทางถอยบ้าง นางกล่าวออกไปตรงๆ “เป้าหมายแรกของพี่เยียนอวี่ไม่ใช่ให้ข้าเกี่ยวดองกับซั่งกวนเจวี๋ยแต่อย่างใด แต่หวังให้ข้าสามารถพบเจอกับมู่หรงปั๋วอวี่ที่พลิกฟ้าตามหานางในดวงใจผู้นั้นอย่างบังเอิญได้ จากนั้นก็หาโอกาสแต่งเข้าตระกูลมู่หรง กลายเป็นผู้ช่วยของนาง แต่ฐานะของคุณหนูสุราที่ทำให้พวกเราคาดไม่ถึงนั้นกลับล่อหูล่อตาข้า นายท่านซั่งกวนปฏิบัติตัวดีกับข้า ทั้งซั่งกวนเจวี๋ยก็แสดงความลึกซึ้งต่อข้า…แทนที่จะแต่งเป็นอนุภรรยาให้ตระกูลมู่หรง ยังมิสู้พยายามอีกเสียหน่อย แต่งให้กับซั่งกวนเจวี๋ย อย่างน้อยที่สุด ข้าก็ไม่ต้องกลายเป็นหมากในมือของพี่เยียนอวี่ไปตลอดชีวิต!”

ทุกคนล้วนอดตะลึงออกมาไม่ได้ ที่แท้เป้าหมายแรกของนางก็เป็นเช่นนี้!

“นี่เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?” เดิมทีจากที่มู่หรงปั๋วเย่ไม่เชื่อก็เปลี่ยนเป็นสงสัยเล็กน้อย สำหรับมู่หรงปั๋วอวี่แล้ว หากเพื่อ ‘คุณหนูสุรา’ ย่อมสามารถทำเรื่องไร้เหตุผลที่คนทั่วไปไม่อาจทำออกมาได้ เขาขมวดคิ้วมองเฉินเยียนอวี่ที่สะอื้นไห้อย่างเศร้าใจ ก่อนจะมองหยางหานหยวนที่เผยท่าทีอย่างเช่นเคย กล่าวถาม “เรื่องพวกนี้เจ้ารู้หรือไม่?”

“เรื่องของอนุภรรยาเฉิน แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยก้าวก่าย!” หยางหานหยวนกล่าวด้วยสีหน้าปกติ “ก่อนหน้านี้สามีเคยพูดแล้ว ไม่อยากให้ข้าแทรกแซงและควบคุมอนุภรรยาเฉิน ข้าย่อมไม่กล้าที่จะทรยศต่อประสงค์ของสามี”

ก็หมายความว่าเรื่องพวกนี้นางรู้อยู่แก่ใจ แต่กลับไม่พูดออกมา? นี่นับว่าฝีมือไม่ธรรมดา! เยี่ยนมี่เอ๋อร์ลอบมองหยางหานหยวน และแววตาที่ขื่นขมของนางก็ทำให้มี่เอ๋อร์ถอนหายใจเล็กน้อย นี่ก็เพราะถูกไล่ต้อนออกมา!

“เยียนอวี่ เจ้าพูดเองเถิด!” มู่หรงปั๋วเย่รู้ว่าตัวเองผิด ไม่ให้หยางหานหยวนควบคุมดูแลเยียนอวี่ก็เพราะกังวลว่านางจะฉวยโอกาสสร้างความลำบากให้เยียนอวี่ คาดไม่ถึงว่านี่กลับทำให้นางใจกล้า คาดไม่ถึงว่าจะวางแผนกับปั๋วอวี่ได้

“ข้าเปล่า…” เฉินเยียนอวี่แก้ต่างให้ตัวเองด้วยใบหน้าซีดเซียวไร้กำลัง คำพูดที่เหนือความคาดหมายของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ทั้งเฉินอวี้ที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายล้วนทำให้นางยากจะรับมือ นางมองเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างขื่นขม “ข้ายินดีที่จะรับโทษทัณฑ์ทั้งหมด แต่ขอสะใภ้ใหญ่ซั่งกวนเมตตาน้องอวี้เอ๋อร์ด้วย อย่าให้น้องอวี้เอ๋อร์พูดคำที่ทำร้ายใจข้าพวกนั้นเลย…”

คิดจะสาดน้ำโคลนมาใส่ตัวเองสินะ? เยี่ยนมี่เอ๋อร์หลุบตาเล็กน้อย น้ำตาเม็ดหนึ่งเกาะอยู่บนขนตา นางเผยใบหน้าเรียบนิ่งอยู่บ้าง แย้มยิ้มเล็กน้อย กะพริบตาแรงๆ สองครั้งเก็บน้ำตาที่คลอเบ้า กล่าวอย่างยิ้มๆ “ที่แท้พูดมาค่อนวัน ทั้งหมดกลับเป็นเพราะข้าเสียแล้ว!”

———————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+